การดำเนินชีวิตโดยเน้นคุณค่า " Value Living "
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
การดำเนินชีวิตโดยเน้นคุณค่า " Value Living "
โพสต์ที่ 1
วันนี้ นั่งๆ กินข้าวอยู่ก็คิดอะไรเพลินๆ ขึ้นมาได้ครับ
คือคิดว่า ถ้าเราเอาหลัก VI มาประยุกต์ กับการดำเนินชีวิตประจำวันก็น่าจะดีไม่น้อย และเหมาะสำหรับคนที่ยังทำงานกินเงินเดือนอย่างผม ยกตัวอย่างเช่น
เราเลือกบริษัทที่ความมั่นคง ไม่ก่อหนี้ ---> ทำตัวเองให้มีหนี้สินต่ำกว่าทุนเยอะๆ ไม่ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น มี Cash flow ดีๆ มี ROA สูงขึ้นเรื่อยๆ จะได้ไม่ซื้อของสินเปลือง
เราเลือกบริษัทที่มี กำไรสม่ำเสมอ Growth สูงๆ ---> ขยันทำงาน พัฒนาตัวเอง และ หาโอกาสอย่างสม่ำเสมอ รายได้จะได้ โตขึ้นเรื่อยๆ ( ขอเงินเดือนเพิ่มขึ้น 20 % ทบต้นต่อปี เป็นระยะเวลา 40 ปี นี้ก็น่าจะรวยแล้ว )
เราเลือกบริษัทที่มี Competitive Advangtage --> อยู่ที่ไหนก็ ให้เพื่อนร่วมงานเลือกเรา หัวหน้าเลือกเรา ลูกน้องเลือกเรา ลูกค้าเลือกเรา อย่างไรก็ได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ
เราเลือกบริษัทที่มีความทนทานต่อภาวะภายนอกได้สูง เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ--> ทำตัวเราให้มี Product Mix ที่ดี รายได้หลายๆ ทาง ( เล่นหุ้นอย่างเดียว ก็เสี่ยงตามภาวะตลาดหุ้นเหมือนกันนะ ผมว่า ถึงแนว VI ก็เถอะ )
ฯลฯ
พอสิ้นไตรมาสนึง ก็ Review ตัวเองทีนึง
ดูงบดุล / กำไรขาดทุน / กระแสเงินสด / ดูขีดความสามารถ ของตัวเองเปรียบเทียบกับ คนใน range ของเรา
เราอาจจะพบว่า ตัวเรานั้น Value มากน้อยแค่ไหน แล้วเราอยากลงทุนในตัวเองหรือป่าว ( ฮ่าๆๆ )
อืมม ท่าจะเป็นเอามากนะเรา ...
อย่างไรก็ตามผมคิดว่า คนที่ประสบผลสำเร็จในการลงทุน แนว VI มากๆ ไม่ว่าจะเป็น Buffet หรือ ดร. เองก็ตามน่าจะทำตัวเองให้มี Value อยู่อย่างสม่ำเสมอ และจึงประสบความสำเร็จในการลงทุนต่อมา อย่าง Buffet เอง ใครๆ ก็อยากลงทุนในตัวเค้า ( บริษัท ) .... มันน่าจะเป็นอย่างนี้นะ
เท่านี้แหละครับ
ไม่รู้ว่าบริษัทของใครน่าลงทุนบ้างครับ
คือคิดว่า ถ้าเราเอาหลัก VI มาประยุกต์ กับการดำเนินชีวิตประจำวันก็น่าจะดีไม่น้อย และเหมาะสำหรับคนที่ยังทำงานกินเงินเดือนอย่างผม ยกตัวอย่างเช่น
เราเลือกบริษัทที่ความมั่นคง ไม่ก่อหนี้ ---> ทำตัวเองให้มีหนี้สินต่ำกว่าทุนเยอะๆ ไม่ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น มี Cash flow ดีๆ มี ROA สูงขึ้นเรื่อยๆ จะได้ไม่ซื้อของสินเปลือง
เราเลือกบริษัทที่มี กำไรสม่ำเสมอ Growth สูงๆ ---> ขยันทำงาน พัฒนาตัวเอง และ หาโอกาสอย่างสม่ำเสมอ รายได้จะได้ โตขึ้นเรื่อยๆ ( ขอเงินเดือนเพิ่มขึ้น 20 % ทบต้นต่อปี เป็นระยะเวลา 40 ปี นี้ก็น่าจะรวยแล้ว )
เราเลือกบริษัทที่มี Competitive Advangtage --> อยู่ที่ไหนก็ ให้เพื่อนร่วมงานเลือกเรา หัวหน้าเลือกเรา ลูกน้องเลือกเรา ลูกค้าเลือกเรา อย่างไรก็ได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ
เราเลือกบริษัทที่มีความทนทานต่อภาวะภายนอกได้สูง เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ--> ทำตัวเราให้มี Product Mix ที่ดี รายได้หลายๆ ทาง ( เล่นหุ้นอย่างเดียว ก็เสี่ยงตามภาวะตลาดหุ้นเหมือนกันนะ ผมว่า ถึงแนว VI ก็เถอะ )
ฯลฯ
พอสิ้นไตรมาสนึง ก็ Review ตัวเองทีนึง
ดูงบดุล / กำไรขาดทุน / กระแสเงินสด / ดูขีดความสามารถ ของตัวเองเปรียบเทียบกับ คนใน range ของเรา
เราอาจจะพบว่า ตัวเรานั้น Value มากน้อยแค่ไหน แล้วเราอยากลงทุนในตัวเองหรือป่าว ( ฮ่าๆๆ )
อืมม ท่าจะเป็นเอามากนะเรา ...
อย่างไรก็ตามผมคิดว่า คนที่ประสบผลสำเร็จในการลงทุน แนว VI มากๆ ไม่ว่าจะเป็น Buffet หรือ ดร. เองก็ตามน่าจะทำตัวเองให้มี Value อยู่อย่างสม่ำเสมอ และจึงประสบความสำเร็จในการลงทุนต่อมา อย่าง Buffet เอง ใครๆ ก็อยากลงทุนในตัวเค้า ( บริษัท ) .... มันน่าจะเป็นอย่างนี้นะ
เท่านี้แหละครับ
ไม่รู้ว่าบริษัทของใครน่าลงทุนบ้างครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 395
- ผู้ติดตาม: 0
การดำเนินชีวิตโดยเน้นคุณค่า " Value Living "
โพสต์ที่ 2
จะให้บริษัทขึ้นเงินเดือนให้เฉลี่ยปีละ 20% นี่ยากมากนะครับ เอาเป็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ได้ครับ ผมว่าลงทุนในหุ้นแหละดีแล้วมีโอกาศมากกว่าเยอะครับ อาจแบ่งบางส่วนไปทำธุรกิจส่วนตัวบ้างถ้าเห็นว่าคุ้มกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
การดำเนินชีวิตโดยเน้นคุณค่า " Value Living "
โพสต์ที่ 4
ผมเห็นด้วยนะครับ..
สิ่งที่นำมาใช้ได้เลยคือ การพิจารณาความมั่นคงของบริษัทที่เราทำงานอยู่...
ถ้าเลือกบริษัทที่ดี..มีความมั่นคง..ไม่มีความเสี่ยงทางด้านการเงิน..นั่นหมายถึงว่า ถึงแม้บริษัทประสบปัญหาอย่างไร ก็จะสามารถประคองตัวให้พ้นวิกฤติได้ เราก็พลอยไม่มีความเสื่ยงที่จะถูกจ้างออกจากงานด้วย.. เช่นที่ผ่านมาไม่นานนี้....(หลายบริษัทจ้างคนออก)
เรื่องรายได้ก็เช่นกัน...
หากทำงานในบริษัทที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการแข่งขันสูง เช่น TOYOTA ..จะเห็นได้ว่า
ผลตอบแทนที่ให้พนักงานก็จะสูงเพราะบริษัทมีเงินจ่าย..และโบนัสก็เยอะ (7-9 เดือน :ep: )
ดังนั้น..ผมเห็นด้วยครับ
สิ่งที่นำมาใช้ได้เลยคือ การพิจารณาความมั่นคงของบริษัทที่เราทำงานอยู่...
ถ้าเลือกบริษัทที่ดี..มีความมั่นคง..ไม่มีความเสี่ยงทางด้านการเงิน..นั่นหมายถึงว่า ถึงแม้บริษัทประสบปัญหาอย่างไร ก็จะสามารถประคองตัวให้พ้นวิกฤติได้ เราก็พลอยไม่มีความเสื่ยงที่จะถูกจ้างออกจากงานด้วย.. เช่นที่ผ่านมาไม่นานนี้....(หลายบริษัทจ้างคนออก)
เรื่องรายได้ก็เช่นกัน...
หากทำงานในบริษัทที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการแข่งขันสูง เช่น TOYOTA ..จะเห็นได้ว่า
ผลตอบแทนที่ให้พนักงานก็จะสูงเพราะบริษัทมีเงินจ่าย..และโบนัสก็เยอะ (7-9 เดือน :ep: )
ดังนั้น..ผมเห็นด้วยครับ