ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
หยำฉ่า
Verified User
โพสต์: 12
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงยืนเหนือ700จุดได้อย่างสบายครับ ทำให้ผมเริ่มได้ยินคนหลายคนบ่นบ่อยมากขึ้นครับว่าหุ้นราคาแพงเกินไปซื้อไม่ลง และหลายคนที่ขายไปก่อนหน้านี้ก็ไม่กล้าซื้อกลับมาเนื่องจากราคาสูงกว่าตอนที่เขาขายเสียอีก  ไม่มีใครหรอกครับที่เล่นหุ้นในช่วงนี้แล้วขาดทุนป่นปี้เหมือนช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่กำไรทั้งนั้นมากน้อยต่างกันตามความสามารถ จนหลายคนติดใจและอยากเห็นหุ้นตกลงมาแรงๆและกลับไปซื้ออีกครั้ง ทำให้เราเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจากปกติที่เรามักชอบที่เห็นดัชนีพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆกลายเป็นว่าหลายคนตอนนี้กลายเป็นกองแช่งให้หุ้นตกไวๆ และตกแรงๆไปเลยด้วยซ้ำไป
ความจริงแล้วโอกาสที่เราจะเห็นรายการกระหน่ำมิดไนท์เซลล์ หรือแกรนด์เซลล์ หรือเห็นป้ายโชว์ว่า "ขายขาดทุน เลิกกิจการ" เหมือนปีที่ผ่านมานั้นยากมากครับ ในชีวิตผมเพิ่งเห็น 2 ครั้ง คือ วิกฤติต้มยำกุ้ง(2540) และแฮมเบอร์เกอร์ (2551) เท่านั้นครับ นั้นหมายความว่าคุณมีโอกาสซื้อของถูกอย่างที่ผ่านมาอย่างมากแค่10ปีครั้ง ดังนั้นในความเป็นจริงหุ้นส่วนใหญ่ที่เราจะซื้อขายกันจึงไม่ใช่รายการเซลล์อย่างที่ผ่านมา แต่เป็นการซื้อหุ้นในสภาวะปกติที่มีการลดราคาไม่มากต่างหาก และนั้นหมายถึงโอกาสที่เราจะกำไรแบบเฮทุกวันหน้าบานทุกเช้าเหมือนช่วง4-5เดือนที่ผ่านมาจึงไม่มีอีกแน่ในระยะสั้น ดังนั้นเราควรจะออกจากตลาดไปเลยหรือรอโอกาสในอีก10ปีข้างหน้าใช่หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ครับ
ผมขอเล่าเรื่องหนึ่งประกอบให้ฟัง เมื่อประมาณ 25-30 ปีที่แล้วราคาบ้านจัดสรรสมัยนั้นหายากครับที่จะเกินหลังละ1ล้านบาท บ้านที่จะมีราคา1ล้านบาทขึ้นไปได้จึงมักเป็นบ้านที่หลังค่อนข้างใหญ่หรืออยู่ในทำเลที่ดีมากๆ ดังนั้นราคา1ล้านบาทจึงเหมือนราคาจิตวิทยาที่เรารู้สึกว่าบ้านหลังนั้นราคาแพงมาก ช่วงนั้นผมเคยเชียร์ให้ซื้อบ้านหลังหนึ่งในราคา1ล้านบาท เนื่องจากคิดว่าน่าจะคุ้มในระยะยาว เนื่องจากถ้าเรากัดฟันผ่อนบ้านหลังนั้นไป20ปีตามสัญญา ราคาบ้านหลังนั้นเมื่อบวกดอกเบี้ยเข้าไปแล้วก็จะไม่เกิน2-3เท่าของราคาเริ่มต้น แต่ไม่มีใครเชื่อผมหรอกครับเพราะเห็นว่าแพงเกินไป ปัจจุบันหรือครับ คอนโดราคาหลังละ6ล้านบาทคุณจะได้คอนโดใจกลางเมืองที่มีขนาดเท่าห้อง1ห้องเท่านั้น หรือถ้าเป็นบ้านก็อยู่ชานเมืองมากๆและหลังเล็กๆเท่านั้น ส่วนบ้านที่ผมเคยเชียร์ให้ซื้อหรือครับ ฟังแล้วอย่าตกใจนะครับตอนนี้ขนาดเป็นหลังเก่าๆแถวๆนั้นยังขายอยู่ประมาณ30ล้านบาท หรือ30เท่าของราคาขายเมื่อ30ปีที่แล้ว เราคงไม่คิดว่าจะมีโอกาสซื้อบ้านหลังนี้ได้ในราคา1 ล้านบาทอีกเหมือนเคยใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่านักลงทุนหุ้นส่วนใหญ่คงเคยมีประสบการณ์ซื้อบ้านกันมาบ้าง เราแค่เห็นราคาลดมาสัก5-10 เปอร์เซ็นต์จากราคาที่เราตั้งใจจะซื้อ เราก็แทบจะซื้อในทันทีอยู่แล้ว และถ้าเป็นบ้านสร้างใหม่เรากลับสนใจในทำเลที่ตั้ง ความน่าเชื่อถือของบริษัทที่สร้างมากกว่าราคาเสียด้วยซ้ำจริงไหมครับ ถ้าตัดเหตุผลที่เราซื้อบ้านเพราะว่าเราทุกคนจำเป็นต้องมี เหตุผลที่เรามักไม่ค่อยใส่ใจในราคาบ้านที่ซื้อมากนักก็เพราะเราทุกคนทราบอยู่แล้วว่าในระยะยาวบ้านมีแต่ราคาจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆตามค่าเงินเฟ้อและยิ่งสูงมากขึ้นถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ในทำเลที่ดี ดังนั้นเราจึงซื้อบ้านแถวสุขุมวิทหรือสีลมในราคา30ล้านบาทได้ ถ้าเราคิดว่าราคานั้นยังถูกแต่ตรงกันข้ามเรากลับไม่ซื้อบ้านหลังนั้นต่อให้เหลือราคาล้านเดียวถ้าเกิดเราทราบว่าบ้านหลังนั้นกำลังถูกเวรคืนในวันพรุ่งนี้หรือน้ำท่วมมิดหลังคาทุกปีเมื่อเข้าหน้าฝน
ที่ผมเล่าเรื่องราคาบ้านให้ฟังก็เพราะต้องการเปรียบเทียบกับหุ้นครับ นักลงทุนส่วนใหญ่มองหุ้นเพียงในระยะสั้นๆเท่านั้น บางคนสั้นมากขนาดซื้อเช้าขายบ่าย แต่น้อยคนมากที่มองไปไกลเกิน3-5ปี ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ราคาของหุ้นครับ แต่เป็นความสามารถของหุ้นตัวนั้นต่างหากครับ ถ้าพวกคุณรู้ว่าหุ้นตัวไหนมีความสามารถเท่ากับบ้านหลังงามๆแถวถนนสุขุมวิทหรือออฟฟิศราคาสูงลิบในสีลม เราจะไม่รู้สึกเลยครับว่าหุ้นตัวนั้นราคาแพง และถ้าราคาหุ้นตัวนั้นไม่ได้สูงกว่ากว่าราคาที่หุ้นตัวนั้นจะสามารถทำได้ในอนาคต เราแทบจะซื้อทันทีอยู่แล้วครับ และเราคงรีบซื้อบ้านราคา1ล้านบาทหลังนั้นทันทีต่อให้ต้องผ่อนก็ตาม เพราะเรารู้ว่ามันจะมีราคามากกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปมากพอ (แต่ขอสารภาพตามตรงนะครับ ตอนประมาณ 25-30 ปีที่แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็น30ล้านในปัจจุบันหรอกครับแฮ่ะๆ)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ดัชนียืนเหนือ700จุดนั้นผมยังซื้ออยู่เลยครับและผมก็คงไม่ขายแน่ๆในช่วงสั้นๆนี้ ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่ายังมีหุ้นราคาถูกอีกหรือในตลาด ลองดูบัฟเฟตสิครับเขายังคงซื้ออยู่เลยแม้ว่าดัชนีหุ้นของสหรัฐขึ้นไปมากกว่า9000 จุดแล้วก็ตาม (บัฟเฟตให้สัมภาษณ์เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่าเขายังคงซื้อหุ้นอยู่) เพราะฉะนั้นตามหาบ้านหลังนั้นให้เจอครับถ้ายังไม่เจอก็ยังไม่ต้องซื้อครับ อย่าซื้อเพราะว่ามีเงินเหลือ อย่าซื้อเพราะว่าดัชนีหุ้นตก แต่ซื้อเพราะว่าหุ้นตัวนั้นคือบ้านหลังนั้น บ้านที่สามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้อย่างมหาศาลและเป็นบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันอีกนานแสนนานครับ สุดท้ายผมฝากคำเตือนใจของผมทุกครั้งที่ซื้อหุ้นครับ
จงชนะความผันผวนของตลาดหุ้น ด้วยหุ้นที่ไม่ผันผวน
จงชนะความไม่มั่นคงของกำไรของตลาดหุ้น ด้วยหุ้นที่มีความมั่นคงของกำไร
และจงมองข้ามราคาของหุ้นวันนี้ ด้วยราคาของหุ้นในวันข้างหน้า
ขอให้ทุกคนรวยมากขึ้นเรื่อยๆครับ
หยำฉ่า
27 กันยายน 2552
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำและติชมที่โพสต์เข้ามา
ภาพประจำตัวสมาชิก
SunShine@Night
Verified User
โพสต์: 2196
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ครับ :)
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์

หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
siwaman
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 1

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เข้ามาอ่านครับ และขอบคุณมาก
bnakorn
Verified User
โพสต์: 44
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
killyz
Verified User
โพสต์: 409
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เข้าใจเปรียบเทียบดีน่ะครับ

ซื้อธุรกิจในอนาคต แทนที่จะดูแต่ราคาหุ้นปัจจุบัน
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณมากๆนะครับ
ขออนุญาตินำไป post แนะนำใน VI Know How นะครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
PrasertsakK
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 292
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อบ้านหลังนั้นยังครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่ได้เรียนรู้ครับ

:D  :D  :D
โพสต์โพสต์