แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 1
ว่างๆระหว่างรอหุ้นขึ้นผมก็นั่งคิดไปเรี่อย ดูงบทุกบริษัทก็มีหนี้ ถ้าหนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจัดการได้ก็ทำกิจการอย่างไม่ทุกข์ ผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นก็สูงขึ้นด้วย เกิดความคิดว่ากู้เงินมาเล่นหุ้นอย่างไรไม่ให้ทุกข์
สมมติฐาน
1.ในพอร์ดมีทั้งเงินกู้และเงินตัวเอง
2.กู้เงินมาด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยและ L
3.ผลตอบที่ที่นักลงทุนต้องการเท่ากับ k
4.ใช้เงินปันผลที่ได้มาจ่ายดอกเบี้ย (เงินต้นถือไว้เอาcapital gain และเอาปันผลมาจ่ายดอกไปเรื่อยๆ)
ทฤษฎีที่ใช้
1.Dividend discount model
2.การตัดสินใจลงทุน
3.ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย (wacc)
แบบจำลอง
จากแบบจำลอง Dividend discount model จะได้
P0=D1/(K-g)................(1)
P0 ราคาปัจจุบัน
D1 เงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับ
K ผลตอบแทนที่คาดหวัง
g อัตราการเจริญเติบโตของเงินปันผล
ย้ายข้างสมการจะได้
K-g = D1/p0
K=D1/p0+g............(2)
ให้ Df=D1/p0 = อัตราเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับ.....(3)
ให้ K=WACC=(1-i).k+i.L โดยที่ i+(1-i)=1.....(4)
แทนค่า (3)และ(4)ใน(2) จะได้
WACC=Df+g
(1-i).k+i.L = Df+g ......(5)
จาก ทฤษฎีการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนจะตัดสินใจลงทุนเมื่อ ผบตอบแทนที่ได้มากกวส่าต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย ดังนั้นจากสมการที่(5)จะตัดสินใจลงทุนเมื่อ
(1-i).k+i.L < Df+g.........(6)
สรุปเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจคือ เราจะกู้เงินมาเล่นหุ้นเมื่อคำนวณแล้วว่าผลตอบแทนจากการลงทุน(เล่นหุ้น)ที่คาดการณ์ยำอีกทีว่าคาดการณ์(ในแบบจำลองคือเงินปันผลและอัตราการเจริญเติบโตของเงินปันผล)มากกว่าต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของพอร์ดเรา(WACC)
สิ่งที่คิดได้เพิ่มเติม
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เท่ากับ i/(1-i)
leverage ratio เท่ากับ 1/(1-i)
เพื่อนๆลองแทนค่าตัวเลขกันดูครับสนุกดี หรือจะปรับสมมติฐานให้เข้ากับพอร์ดตัวเองก็ได้
สมมติฐาน
1.ในพอร์ดมีทั้งเงินกู้และเงินตัวเอง
2.กู้เงินมาด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยและ L
3.ผลตอบที่ที่นักลงทุนต้องการเท่ากับ k
4.ใช้เงินปันผลที่ได้มาจ่ายดอกเบี้ย (เงินต้นถือไว้เอาcapital gain และเอาปันผลมาจ่ายดอกไปเรื่อยๆ)
ทฤษฎีที่ใช้
1.Dividend discount model
2.การตัดสินใจลงทุน
3.ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย (wacc)
แบบจำลอง
จากแบบจำลอง Dividend discount model จะได้
P0=D1/(K-g)................(1)
P0 ราคาปัจจุบัน
D1 เงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับ
K ผลตอบแทนที่คาดหวัง
g อัตราการเจริญเติบโตของเงินปันผล
ย้ายข้างสมการจะได้
K-g = D1/p0
K=D1/p0+g............(2)
ให้ Df=D1/p0 = อัตราเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับ.....(3)
ให้ K=WACC=(1-i).k+i.L โดยที่ i+(1-i)=1.....(4)
แทนค่า (3)และ(4)ใน(2) จะได้
WACC=Df+g
(1-i).k+i.L = Df+g ......(5)
จาก ทฤษฎีการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนจะตัดสินใจลงทุนเมื่อ ผบตอบแทนที่ได้มากกวส่าต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย ดังนั้นจากสมการที่(5)จะตัดสินใจลงทุนเมื่อ
(1-i).k+i.L < Df+g.........(6)
สรุปเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจคือ เราจะกู้เงินมาเล่นหุ้นเมื่อคำนวณแล้วว่าผลตอบแทนจากการลงทุน(เล่นหุ้น)ที่คาดการณ์ยำอีกทีว่าคาดการณ์(ในแบบจำลองคือเงินปันผลและอัตราการเจริญเติบโตของเงินปันผล)มากกว่าต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของพอร์ดเรา(WACC)
สิ่งที่คิดได้เพิ่มเติม
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เท่ากับ i/(1-i)
leverage ratio เท่ากับ 1/(1-i)
เพื่อนๆลองแทนค่าตัวเลขกันดูครับสนุกดี หรือจะปรับสมมติฐานให้เข้ากับพอร์ดตัวเองก็ได้
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 3
ตัวอย่างการใช้งาน
พอร์ทหุ้นผมมีเงินอยู่ 200,000 ได้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 8% ต่อปี
ได้มรดกจากแม่เป็นแหวนเพชรมูลค่า 1 กะรัต มูลค่า 100,000
วันดีคืนดีไม่รู้คึกอะไรมีความคิดว่าจะคุ้มไหมที่จะเอาแหวนเพชรไปจำนำ ดอกเบี้ยร้อยละ 15 เอามาเสริมพอร์ทตัวเองให้ใหญ่ขึ้น เอาเงินปันผลรวมของทั้งพอร์ทมาจ่ายดอกเบี้ย(กะจ่ายดอกไปเรื่อยๆไม่ไถ่ เพราะต้องการมหัศจรรดอกเบี้ยทบต้น)
1.เอาแหวนไปจำนำได้เงินมา 50,000 ดอกเบี้ยร้อยละ 15
2.หาผลตอบแทนที่คาดหวัง
หนี้ 50000 ทุน 200000
สัดส่วนหนี้เท่ากับ 50000/200000=0.25
สมมติให้ผลตอบแทนที่คาดหวังสำหรับนักลงทุนเท่ากับ 0 เพราะคิดว่าอย่างนั้นผลตอบแทนจากเงินปันผลต้องพอเอามาจ่ายหนี้ก่อน เผื่อไว้แม้ว่าเราจะขาดทุนก็ยังมีเงินปันผลมาจ่ายดอก ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวแหวนหลุดจำนำไปจะยุ่ง
ดังนั้นผลตอบแทนที่คาดหวังของทั้งพอร์ทเท่ากับ
(1-0.25)*0+0.25*0.15=0.0375 หรือ 3.75%
ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยเท่ากับ 8%
3.75% < 8%
ต่อให้หุ้นไม่ขึ้น แต่ถ้ายังปันผลเท่าเดิมคือ 8% ก็รอดละ หลังจากจ่ายดอกยังมีเงินเหลือไปลงทุนเพิ่มได้อีก
ส่วนกรณีเลวร้ายที่สุดถ้าไม่ปันผลก็ตัวใครตัวมันล่ะคร้าบไปหาเงินสดมาจ่ายดอกแล้วกัน ตัวใครตัวมันเด้อ
พอร์ทหุ้นผมมีเงินอยู่ 200,000 ได้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 8% ต่อปี
ได้มรดกจากแม่เป็นแหวนเพชรมูลค่า 1 กะรัต มูลค่า 100,000
วันดีคืนดีไม่รู้คึกอะไรมีความคิดว่าจะคุ้มไหมที่จะเอาแหวนเพชรไปจำนำ ดอกเบี้ยร้อยละ 15 เอามาเสริมพอร์ทตัวเองให้ใหญ่ขึ้น เอาเงินปันผลรวมของทั้งพอร์ทมาจ่ายดอกเบี้ย(กะจ่ายดอกไปเรื่อยๆไม่ไถ่ เพราะต้องการมหัศจรรดอกเบี้ยทบต้น)
1.เอาแหวนไปจำนำได้เงินมา 50,000 ดอกเบี้ยร้อยละ 15
2.หาผลตอบแทนที่คาดหวัง
หนี้ 50000 ทุน 200000
สัดส่วนหนี้เท่ากับ 50000/200000=0.25
สมมติให้ผลตอบแทนที่คาดหวังสำหรับนักลงทุนเท่ากับ 0 เพราะคิดว่าอย่างนั้นผลตอบแทนจากเงินปันผลต้องพอเอามาจ่ายหนี้ก่อน เผื่อไว้แม้ว่าเราจะขาดทุนก็ยังมีเงินปันผลมาจ่ายดอก ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวแหวนหลุดจำนำไปจะยุ่ง
ดังนั้นผลตอบแทนที่คาดหวังของทั้งพอร์ทเท่ากับ
(1-0.25)*0+0.25*0.15=0.0375 หรือ 3.75%
ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยเท่ากับ 8%
3.75% < 8%
ต่อให้หุ้นไม่ขึ้น แต่ถ้ายังปันผลเท่าเดิมคือ 8% ก็รอดละ หลังจากจ่ายดอกยังมีเงินเหลือไปลงทุนเพิ่มได้อีก
ส่วนกรณีเลวร้ายที่สุดถ้าไม่ปันผลก็ตัวใครตัวมันล่ะคร้าบไปหาเงินสดมาจ่ายดอกแล้วกัน ตัวใครตัวมันเด้อ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 5
ผมว่าสูตรน่าจะเป็น
ผลตอบแทน = (เงินทุน + เงินกู้)*อัตราผลตอบแทน - เงินกู้*อัตราดอกเบี้ย
สมมุติ อัตราดอกเบี้ย 15% อัตราผลตอบแทน 8% เงินทุน 1 เงินกู้ 0.25
ผลตอบแทน = (1+0.25)*8% - 0.25*15%
= 10%-3.75%
= 6.25%
สรุปว่าถ้าต้นทุนการเงินของเงินกู้ สูงกว่าผลอัตราตอบแทนจากการลงทุน ควรใช้เงินทุนอย่างเดียวจะได้ผลตอบแทนดีกว่าครับ
ผลตอบแทน = (เงินทุน + เงินกู้)*อัตราผลตอบแทน - เงินกู้*อัตราดอกเบี้ย
สมมุติ อัตราดอกเบี้ย 15% อัตราผลตอบแทน 8% เงินทุน 1 เงินกู้ 0.25
ผลตอบแทน = (1+0.25)*8% - 0.25*15%
= 10%-3.75%
= 6.25%
สรุปว่าถ้าต้นทุนการเงินของเงินกู้ สูงกว่าผลอัตราตอบแทนจากการลงทุน ควรใช้เงินทุนอย่างเดียวจะได้ผลตอบแทนดีกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 6
หวังว่าคุณคงไม่ได้จำนำแหวนจริงๆนะครับ เพราะถ้าได้เงิน 50,000 บาท สินทรัพย์ค้ำประกัน 100,000 บาท ดอกเบี้ย 15% นี่ถือว่าโหดมากสำหรับการลงทุนในหุ้น ใช้บัญชีมาร์จิ้นธรรมดายังปลอดภัยกว่า เพราะดอกเบี้ยน่าจะประมาณ 6% เพราะมีหุ้นค้ำประกันอยู่แล้ว และได้อัตรามาร์จิ้นสูงกว่าด้วย ควรรีบปรับโครงสร้างหนี้โดยด่วน
- hagrid
- Verified User
- โพสต์: 566
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 7
ผมว่าตามทฤษฎีคงทำได้ครับ
แต่ทางการปฎิบัตินะสิครับ เพราะตลาดหุ้นล้วนมีอารมณ์
เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้มีความผันผวนสูง
ผู้ลงทุนต้องรับความเครียดจากความผันผวนนั้น
ยิ่งถ้าไปกู้มายังต้องเพิ่มต้นทุนจากดอกเบี้ย และภาระ
ที่ต้องชำระคืนเงินต้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะเพิ่มความกดดัน
เข้าไปอีก เพราะฉะนั้นการกู้มาลงทุนคงเหมาะกับ
คนที่มีภาวะทางอารมณ์ค่อนข้างสูงสักหน่อยหละครับ
ตอนผมทำงานอยู่ และหุ้นลงหนักๆ บางทีผมก็เคย
คิดจะกู้สหกรณ์มาซื้อหุ้น เพราะมองเห็นแต่โอกาส
ที่จะทำกำไร (แค่ปันผลก็คุ้มดอกเบี้ยที่จ่ายให้สหกรณ์แล้ว)
แต่เมื่อวิเคราะห์ตัวเอง ก็พบว่าไม่เหมาะที่จะรับความกดดัน
ที่เกิดขึ้น เลยคิดว่า รวยช้าหน่อยด้วยเงินตัวเองเนี่ยแหละ
สบายใจดี
แต่ทางการปฎิบัตินะสิครับ เพราะตลาดหุ้นล้วนมีอารมณ์
เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้มีความผันผวนสูง
ผู้ลงทุนต้องรับความเครียดจากความผันผวนนั้น
ยิ่งถ้าไปกู้มายังต้องเพิ่มต้นทุนจากดอกเบี้ย และภาระ
ที่ต้องชำระคืนเงินต้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะเพิ่มความกดดัน
เข้าไปอีก เพราะฉะนั้นการกู้มาลงทุนคงเหมาะกับ
คนที่มีภาวะทางอารมณ์ค่อนข้างสูงสักหน่อยหละครับ
ตอนผมทำงานอยู่ และหุ้นลงหนักๆ บางทีผมก็เคย
คิดจะกู้สหกรณ์มาซื้อหุ้น เพราะมองเห็นแต่โอกาส
ที่จะทำกำไร (แค่ปันผลก็คุ้มดอกเบี้ยที่จ่ายให้สหกรณ์แล้ว)
แต่เมื่อวิเคราะห์ตัวเอง ก็พบว่าไม่เหมาะที่จะรับความกดดัน
ที่เกิดขึ้น เลยคิดว่า รวยช้าหน่อยด้วยเงินตัวเองเนี่ยแหละ
สบายใจดี
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 8
ผมว่าการกู้มาลงทุนเป็นเรื่องปกตินะครับ ตราบใดที่มีต้นทุนการเงินต่ำ เป็นเรื่องที่ทำกันโดยทั่วไปครับ แม้แต่บัฟเฟตก็ใช้หลักการนี้ในการลงทุน
ยกตัวอย่างบริษัทประกันภัยประกันชีวิตหรือธนาคาร พวกนี้ได้เงินต้นทุนต่ำมากจากลูกค้า ซึ่งยังไม่ได้รับรู้รายได้เป็นของบริษัท ยังเป็นของเจ้าหนี้อยู่(คือเงินในบัญชีลูกค้า..เงินฝาก ..เงินเบี้ยประกัน) แต่ก็นำมาลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทน เป็นรายได้ พวกนี้สัดส่วนทุนของบริษัทในพอร์ตต่ำมากครับ
พอทราบมาว่าเซียนหลายๆท่านในที่นี้ก็ใช้เงินกู้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนครับ
แต่การกู้เงินมา "เก็งกำไร" ด้วยความเสี่ยงสูงๆ ผลตอบแทนไม่แน่นอน อย่างการเล่นเดย์เทรด อันนี้ผมว่าไม่คุ้มเลย
ยกตัวอย่างบริษัทประกันภัยประกันชีวิตหรือธนาคาร พวกนี้ได้เงินต้นทุนต่ำมากจากลูกค้า ซึ่งยังไม่ได้รับรู้รายได้เป็นของบริษัท ยังเป็นของเจ้าหนี้อยู่(คือเงินในบัญชีลูกค้า..เงินฝาก ..เงินเบี้ยประกัน) แต่ก็นำมาลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทน เป็นรายได้ พวกนี้สัดส่วนทุนของบริษัทในพอร์ตต่ำมากครับ
พอทราบมาว่าเซียนหลายๆท่านในที่นี้ก็ใช้เงินกู้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนครับ
แต่การกู้เงินมา "เก็งกำไร" ด้วยความเสี่ยงสูงๆ ผลตอบแทนไม่แน่นอน อย่างการเล่นเดย์เทรด อันนี้ผมว่าไม่คุ้มเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 9
ถ้าคิดตามสูตรนี้มันคือผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินนะครับหน่วยไม่ได้ออกมาเป็น %นักดูดาว เขียน:ผมว่าสูตรน่าจะเป็น
ผลตอบแทน = (เงินทุน + เงินกู้)*อัตราผลตอบแทน - เงินกู้*อัตราดอกเบี้ย
สมมุติ อัตราดอกเบี้ย 15% อัตราผลตอบแทน 8% เงินทุน 1 เงินกู้ 0.25
ผลตอบแทน = (1+0.25)*8% - 0.25*15%
= 10%-3.75%
= 6.25%
สรุปว่าถ้าต้นทุนการเงินของเงินกู้ สูงกว่าผลอัตราตอบแทนจากการลงทุน ควรใช้เงินทุนอย่างเดียวจะได้ผลตอบแทนดีกว่าครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 10
ถ้ากู้เต็มจำนวนDE ratio50%คงนอนไม่หลับกันกันพอดี กู้มาเท่านี้ DE ratio 25% ไม่หนักเกินไป อีกอย่างถ้าเราเอาเงินกำไรมาลงทุนมาทบเรื่อยๆ DE ratio ก็ลดลงเรื่อยๆนะครับ ปันผลก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามส่วนของทุนที่เพิ่มขึ้น ปีไหนที่ปันผลมากกว่าเงินต้นค่อยเอาเงินไปไถ่มรดกแม่คืนมา เหอเหอนักดูดาว เขียน:หวังว่าคุณคงไม่ได้จำนำแหวนจริงๆนะครับ เพราะถ้าได้เงิน 50,000 บาท สินทรัพย์ค้ำประกัน 100,000 บาท ดอกเบี้ย 15% นี่ถือว่าโหดมากสำหรับการลงทุนในหุ้น ใช้บัญชีมาร์จิ้นธรรมดายังปลอดภัยกว่า เพราะดอกเบี้ยน่าจะประมาณ 6% เพราะมีหุ้นค้ำประกันอยู่แล้ว และได้อัตรามาร์จิ้นสูงกว่าด้วย ควรรีบปรับโครงสร้างหนี้โดยด่วน
ขอบคุณทุกท่านที่มาเข้าร่วมถกเถียง และชี้แนะครับ ผมชอบบรรยากาศของการถกเถียงโดยใช้หลักวิชาการเป็นตัวอ้างอิงแบบนี้ จะทำให้ตำราไม่เป็นเพียงตำราอีกต่อไป สามารถนำมาใช้ได้จริง ได้มุมมองที่หลากหลายขึ้นด้วย
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 11
ผมคิดว่าเงินกู้ที่มีดอกเบี้ย 15% นี่เอาชนะไม่ง่ายนะครับ คิดง่ายๆว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดอยู่เกือบๆ 10% แสดงว่าคนส่วนใหญ่ที่ทำได้ไม่ดีกว่าตลาดอาจจะเหนื่อยหน่อยนะครับ แต่สำหรับคนที่มีผลงานดีมากๆ เช่นปู่บัฟที่ทำได้เกิน 20% นิดหน่อย สมมุติว่า 23%นะครับ หลังจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ผลตอบแทนก็เหลือแค่ 8%ครับ
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 12
ผมไม่แน่ใจเรื่องการบันทึกบัญชีการจำนำทรัพย์สินนะครับ เพราะเราเสียการถือครองทรัพย์ ไม่เหมือนการจำนองที่เรายังถือครองทรัพย์นั้นอยู่ เรื่อง D/E ในกรณีนี้ ก็ลงไม่ถูกเหมือนกัน ผมลองคิดดูนะครับ
งบดุลเริ่มต้น
สินทรัพย์ แหวน 100,000 บาท = ส่วนของเจ้าของ 100,000 บาท
ทำการจำนำ
สินทรัพย์ เงินสดจากการจำนอง 50,000 บาท +แหวนติดค้ำประกัน 100,000 บาท
= หนี้สิน 50,000 บาท +ส่วนของเจ้าของ 100,000 บาท
D/E = 50%
ถ้าได้เงินมา 100% จะทำให้ D/E = 100% ครับ
ถ้าไม่ถูกต้อง ช่วยแก้ไขด้วยนะครับ ... ประเด็นก็คือเราขาดการถือครองสินทรัพย์ค้ำประกันแล้ว จะลงบัญชีแบบนี้ได้หรือไม่
งบดุลเริ่มต้น
สินทรัพย์ แหวน 100,000 บาท = ส่วนของเจ้าของ 100,000 บาท
ทำการจำนำ
สินทรัพย์ เงินสดจากการจำนอง 50,000 บาท +แหวนติดค้ำประกัน 100,000 บาท
= หนี้สิน 50,000 บาท +ส่วนของเจ้าของ 100,000 บาท
D/E = 50%
ถ้าได้เงินมา 100% จะทำให้ D/E = 100% ครับ
ถ้าไม่ถูกต้อง ช่วยแก้ไขด้วยนะครับ ... ประเด็นก็คือเราขาดการถือครองสินทรัพย์ค้ำประกันแล้ว จะลงบัญชีแบบนี้ได้หรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 13
ลองคิดเป็นตัวเงินก็ได้ครับpat4310 เขียน:ผมว่าสูตรน่าจะเป็น
ถ้าคิดตามสูตรนี้มันคือผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินนะครับหน่วยไม่ได้ออกมาเป็น %
กรณีที่ 1 ใช้เงินทุนอย่างเดียว 200,000 บาท ลงทุนได้ผลตอบแทนในอัตรา 8% ต่อปี
ผลตอบแทน =200,000*8% = 16,000 บาท
กรณีที่ 2 ใช้เงินทุน 200,000 บาท และ เงินได้จากการจำนำ 50,000 บาท ดอกเบี้ย 15% ลงทุนได้ผลตอบแทน 15%
ผลตอบแทน = (200,000+50,000)*8% = 20,000 บาท
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย = 50,000 *15% = 7500 บาท
ผลตอบแทนรวม = 20,000 - 7,500 = 12,500 บาท
ดังนั้น กรณีที่สองจะได้ผลตอบแทนรวมต่ำกว่ากรณีแรก 16,000-12,500 = 3,500 บาท
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
แบบจำลองกู้เงินมาเล่นหุ้น
โพสต์ที่ 14
ตามหลักแล้ว เนื่องจากการลงทุนในหุ้นไม่ใช่เป็นแบบโปรเจค (คือลงทุนได้ตามกำลังที่มี)จึงไม่จำเป็นต้องนำต้นทุนมา weight everage
ดังนั้นหากนำเงินที่มีต้นทุน 15% มาลงทุนแล้วต้องการชัวร์ๆก็ควรได้ปันผลที่สม่ำเสมอ 15% ในหลักทรัพย์นั้นๆเป็นอย่างน้อย (จะมีป่าวหว่า)
ส่วน Capital gainที่อาจจะได้ (หรือไม่ได้) ก็จะเป็นกำไรครับ
ดังนั้นหากนำเงินที่มีต้นทุน 15% มาลงทุนแล้วต้องการชัวร์ๆก็ควรได้ปันผลที่สม่ำเสมอ 15% ในหลักทรัพย์นั้นๆเป็นอย่างน้อย (จะมีป่าวหว่า)
ส่วน Capital gainที่อาจจะได้ (หรือไม่ได้) ก็จะเป็นกำไรครับ