อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 33
ใช่ครับ..พรีเซล หามาจากโบรกเกอร์ และ ข่าวที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์
แต่ของจริง น่าจะมีลดลงกว่านั้นหน่อย...เพราะ ผู้บริหารหลายคนชอบตั้งตัวเลขไว้สูงกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย
แต่ของจริง น่าจะมีลดลงกว่านั้นหน่อย...เพราะ ผู้บริหารหลายคนชอบตั้งตัวเลขไว้สูงกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 34
ทันหุ้น-ผู้บริหาร AP
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 35
ผมชอบบริษัทนี้ แต่ประเมินยากจัง มีรายได้หลากหลายเกิน..
ขายและการก่อสร้างโครงการแรกเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ทางบริษัท. ROJNAรายงานว่ายอดขายทะลุ 70% ในเดือนกันยายน
จาก 60% ในเดือนมิถุนายน โดยตลาดคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 80-
90% ณ สิ้นปี 2009 สำหรับรายได้จากโครงการนี้ ทางบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้ราย
ได้จำนวน 1 พันล้านบาท ในปี 2009
รวมกับ...
ในปี 52 นี้ ROJNA มีแนวโน้มสูงแล้ว ที่จะพลิกมาเป็นผู้นำการขายพื้นที่นิคมฯ
ได้มากที่สุดในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ใน 3Q52 บริษัทสามารถขายพื้นที่นิคมให้กับ โรงงานยาสูบที่
อยุธยาได้ในจำนวน 242 ไร่ และล่าสุดใน 4Q52 ก็สามารถขายนิคมฯที่ระยองให้กับผู้ประกอบ
การชาวจีน ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายกรดมะนาวได้อีก 100 ไร่
mcap 9,150 ล้าน สงสัยจะไม่ผ่านอีก...เพราะขายคอนโดที่จีน 2 โครงการหมดยังได้แค่ 6,900 ขายที่โรงงานยาสูบ 500 ล้าน
สงสัยผมจะหลงทาง
ขายและการก่อสร้างโครงการแรกเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ทางบริษัท. ROJNAรายงานว่ายอดขายทะลุ 70% ในเดือนกันยายน
จาก 60% ในเดือนมิถุนายน โดยตลาดคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 80-
90% ณ สิ้นปี 2009 สำหรับรายได้จากโครงการนี้ ทางบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้ราย
ได้จำนวน 1 พันล้านบาท ในปี 2009
รวมกับ...
ในปี 52 นี้ ROJNA มีแนวโน้มสูงแล้ว ที่จะพลิกมาเป็นผู้นำการขายพื้นที่นิคมฯ
ได้มากที่สุดในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ใน 3Q52 บริษัทสามารถขายพื้นที่นิคมให้กับ โรงงานยาสูบที่
อยุธยาได้ในจำนวน 242 ไร่ และล่าสุดใน 4Q52 ก็สามารถขายนิคมฯที่ระยองให้กับผู้ประกอบ
การชาวจีน ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายกรดมะนาวได้อีก 100 ไร่
mcap 9,150 ล้าน สงสัยจะไม่ผ่านอีก...เพราะขายคอนโดที่จีน 2 โครงการหมดยังได้แค่ 6,900 ขายที่โรงงานยาสูบ 500 ล้าน
สงสัยผมจะหลงทาง
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 36
ผู้บริหาร ROJNA ระบุ ขอเวลาศึกษารายละเอียดทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสง
อาทิตย์ 6-7 เดือน ก่อนดำเนินการเชิงพาณิชย์ หลังบอร์ดไฟเขียว ขณะที่หวังกวาดรายได้ปีนี้แตะ
6.6 พันลบ. เพราะขายที่ดินได้แล้ว 400 ไร่ จากเป้าหมายที่ 500 ไร่-ศก.ฟื้นหนุน
ไม่ได้พูดถึงพรีเซลคอนโดอีก พันล้าน อืมมม..ไม่เท่า Mcap อยู่ดี
อาทิตย์ 6-7 เดือน ก่อนดำเนินการเชิงพาณิชย์ หลังบอร์ดไฟเขียว ขณะที่หวังกวาดรายได้ปีนี้แตะ
6.6 พันลบ. เพราะขายที่ดินได้แล้ว 400 ไร่ จากเป้าหมายที่ 500 ไร่-ศก.ฟื้นหนุน
ไม่ได้พูดถึงพรีเซลคอนโดอีก พันล้าน อืมมม..ไม่เท่า Mcap อยู่ดี
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 37
หายากมาๆ เลยใช่ไหม จะมียอดขาย 2 เท่าของ มาร์เก็ตแคป ...
ผมก็เชื่อว่ายากครับ
แต่ไปดูในหุ้นพีอีต่ำ 5 .... ก็จะเห็นผมนำเสนอไว้แล้วครับ แต่เชื่อว่ายังพอมีอีกหลายตัวอยู่ครับ
ผมก็เชื่อว่ายากครับ
แต่ไปดูในหุ้นพีอีต่ำ 5 .... ก็จะเห็นผมนำเสนอไว้แล้วครับ แต่เชื่อว่ายังพอมีอีกหลายตัวอยู่ครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 38
นายเศรษฐา กล่าวว่า กลยุทธ์โรดโชว์ในช่วงปลายปีนี้จะส่งผลให้แสนสิริมียอดขายไตรมาสสุดท้ายปีนี้อยู่ที่กว่า 4,800 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปี 2552 ที่ 20,000 ล้านบาท....
เป้าเวอร์กว่า มาร์เก็ตแค็ป 6,277 ล้านบาท มากมาย....
ให้แค่ 80% ของเป้า => 16,000/6,277= 2.55 :D :D
เป้าเวอร์กว่า มาร์เก็ตแค็ป 6,277 ล้านบาท มากมาย....
ให้แค่ 80% ของเป้า => 16,000/6,277= 2.55 :D :D
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 39
นั่นใช่เลย...ปัญหาก็คือ "แสนสิริ" จะเพิ่มทุนเท่าตัว
ทำให้ มาร์เก็ตแคป เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของปัจจุบัน
เมื่อรวมกับ วอแรนท์ ซึ่งต้องปรับเป็นจำนวนหุ้นเพิ่มด้วยในอนาคตแล้ว
ก็ทำให้หุ้นตัวนี้ มีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 1.5 หมื่นล้าน (รวมเพิมทุน PP และ วอแรนท์ในอนาคต)
ดังนั้น ยอดขาย ต่อ มาร์เก็ตแคป ก็เลยทำไม่ได้ 2 เท่าไงครับ
ทำให้ มาร์เก็ตแคป เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของปัจจุบัน
เมื่อรวมกับ วอแรนท์ ซึ่งต้องปรับเป็นจำนวนหุ้นเพิ่มด้วยในอนาคตแล้ว
ก็ทำให้หุ้นตัวนี้ มีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 1.5 หมื่นล้าน (รวมเพิมทุน PP และ วอแรนท์ในอนาคต)
ดังนั้น ยอดขาย ต่อ มาร์เก็ตแคป ก็เลยทำไม่ได้ 2 เท่าไงครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 41
มิกล้ารับคำชมจากท่านน้อง หรอกครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 42
เจอแล้วครับ...เจอพี่ "อะไรดีล่ะ" ด้วย
NOBLE คาดปีนี้รายได้พุ่ง 15% จากปีก่อน ผู้บริหาร "ธงชัย บุศราพันธ์" ชี้ครึ่งปีหลังโตก้าวกระโดด มั่นใจสัปดาห์หน้าขายโครงการโนเบิล รีไฟน์หมดเกลี้ยงทั้งโครงการ 1.4 พันล้านบาท ดันยอดขายไตรมาส 3/2552 พุ่ง 3.5 พันล้านบาท หนุดยอดรอรับรู้รายได้พุ่ง 4 พันล้านบาท
Mcap 1,825 >> 4,000/1,825= 2.19 :shock:
NOBLE คาดปีนี้รายได้พุ่ง 15% จากปีก่อน ผู้บริหาร "ธงชัย บุศราพันธ์" ชี้ครึ่งปีหลังโตก้าวกระโดด มั่นใจสัปดาห์หน้าขายโครงการโนเบิล รีไฟน์หมดเกลี้ยงทั้งโครงการ 1.4 พันล้านบาท ดันยอดขายไตรมาส 3/2552 พุ่ง 3.5 พันล้านบาท หนุดยอดรอรับรู้รายได้พุ่ง 4 พันล้านบาท
Mcap 1,825 >> 4,000/1,825= 2.19 :shock:
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 43
ใช่เลย...ถูก 1 ตัวแล้ว อย่างน้อยๆ ยังมีอีก 2 ตัวครับ...จะเจอไหมเอ่ย
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 44
อีกหนึ่งบริษัท..
CI ประมาณการว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดรับรู้รายได้เติบโตจากปีที่ผ่านมา5-10 % จากปีที่ผ่านมา จากการรับรู้รายได้ในโครงการที่ทยอยมอบอยู่ในปัจจุบันทั้ง4โครงการ
เอาขายเท่าปีก่อนก็พอ >> 1,100 ล้านบาท/Mcap 429 ล้าน =2.56 :shock:
CI ประมาณการว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดรับรู้รายได้เติบโตจากปีที่ผ่านมา5-10 % จากปีที่ผ่านมา จากการรับรู้รายได้ในโครงการที่ทยอยมอบอยู่ในปัจจุบันทั้ง4โครงการ
เอาขายเท่าปีก่อนก็พอ >> 1,100 ล้านบาท/Mcap 429 ล้าน =2.56 :shock:
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 45
ก็น่าจะใช่นะ...ปัญหาก็คือ ระวังสับสนระหว่าง "ยอดขาย" และ "ยอดรับรู้รายได้" 2 เรื่องนี้ต่างกัน
ยอดขาย คือ พรีเซล ขายไว้ก่อน แต่ยังไม่โอน ยังไม่รับรู้รายได้
ส่วนยอดรับรู้รายได้ คือ รายได้ที่เกิดจากการโอนอสังหาฯ แล้ว หรือ รายได้คอนโดฯ ที่รับเงินดาวน์มากกว่า 20 เปอร์เซนต์ จะคิดตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ของการก่อสร้างครับ
ของ CI นี่ไม่แน่ใจว่า เขาพูดถึงยอดรับรู้รายได้...ไม่ใช่ยอดขาย
แต่ก็ถือว่าสูงมาก น่าสนใจครับสำหรับบริษัทนี้
ถือว่า "ถูกต้อง" แล้วครับ
18 หุ้นเงา ที่ผมทำตกหล่นไป...คงนำไปใส่ไว้ในเดือนหน้าครับ
ยังมี 1 บริษัท...จะเจอไหมครับ ท็อปเทนเลยนะนั่น
ยอดขาย คือ พรีเซล ขายไว้ก่อน แต่ยังไม่โอน ยังไม่รับรู้รายได้
ส่วนยอดรับรู้รายได้ คือ รายได้ที่เกิดจากการโอนอสังหาฯ แล้ว หรือ รายได้คอนโดฯ ที่รับเงินดาวน์มากกว่า 20 เปอร์เซนต์ จะคิดตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ของการก่อสร้างครับ
ของ CI นี่ไม่แน่ใจว่า เขาพูดถึงยอดรับรู้รายได้...ไม่ใช่ยอดขาย
แต่ก็ถือว่าสูงมาก น่าสนใจครับสำหรับบริษัทนี้
ถือว่า "ถูกต้อง" แล้วครับ
18 หุ้นเงา ที่ผมทำตกหล่นไป...คงนำไปใส่ไว้ในเดือนหน้าครับ
ยังมี 1 บริษัท...จะเจอไหมครับ ท็อปเทนเลยนะนั่น
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 46
PF มียอด presales ถึงปัจจุบัน[21/09/09]ประมาณ 5 พันล้านบาทและเราคาดว่าจะทำได้ตามที่วางไว้ที่ 7 พันล้านบาทได้จากยอดขายที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องประมาณเดือนละ 600-700
ล้านบาทส่วนใหญ่จากโครงการ Perfect Place สุวรรณภูมิ ในขณะที่การรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/52 เรายังคงคาดที่
1.5 พันล้านบาทและเพิ่มเป็น 2 พันล้านบาทในไตรมาส 4/52
เอาแค่ 6,500ล้านบาท/Mcap 3,229 = 2.01 :D
เหมือนว่า "ราคา" เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว pe ไปอยู่แถวๆ 6 เท่าแล้วครับ
ล้านบาทส่วนใหญ่จากโครงการ Perfect Place สุวรรณภูมิ ในขณะที่การรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/52 เรายังคงคาดที่
1.5 พันล้านบาทและเพิ่มเป็น 2 พันล้านบาทในไตรมาส 4/52
เอาแค่ 6,500ล้านบาท/Mcap 3,229 = 2.01 :D
เหมือนว่า "ราคา" เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว pe ไปอยู่แถวๆ 6 เท่าแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 47
ถูกต้องแล้ว...เก่งเหมือนกันนะครับนี่
ยังมีอีกไหมครับ
ยังมีอีกไหมครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- nanoVI
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 48
พอร์ตงานของ SYNTEC เป็นงานอาคารสูงเป็นหลักเช่น โรงพยาบาล, โรงแรม และคอนโดฯมีเนียม ในครึ่งปีหลังผู้ประกอบการอสังหาฯเริ่มกลับมาออกโครงการอีกครั้ง ทำให้ทางฝ่ายคาดว่าปีนี้น่าจะจบที่ 4.7 พันล้านบาท..
รับสร้างอาคารแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ...คงไม่ได้เพราะ มาร์จิ้น มันไม่เท่ากันแต่ยอดขายต่อมาร์เก็ตแคปสูงดี
รายได้ 4,500/Mcap 960 = 4.68 :shock:
รับสร้างอาคารแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ...คงไม่ได้เพราะ มาร์จิ้น มันไม่เท่ากันแต่ยอดขายต่อมาร์เก็ตแคปสูงดี
รายได้ 4,500/Mcap 960 = 4.68 :shock:
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 49
20 ปีอสังหาฯ กรุงเทพฯ พัฒนาการสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 20 ตุลาคม 2552
โจนส์ แลง ลาซาลล์เสนอรายงานฉบับพิเศษ Asia Pacific Then and Now ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ 20 ปี พัฒนาการสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
ย้อนไปในปี 2532 ทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ได้เปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน หลังจากผ่านทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงในช่วงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ มีพัฒนาการที่สมบูรณ์และการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น ตามรายงานฉบับพิเศษจากบริษัทผู้เชี่ยวชาญบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์
รายงานฉบับพิเศษดังกล่าว มีชื่อว่า Asia Pacific Then and Now ซึ่งโจนส์ แลง ลาซาลล์ จัดทำขึ้นในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปีของการให้บริการสมาชิกด้านข้อมูลวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิก โดยเป็นการนำเสนอข้อมูลความเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐศาสตร์ในภูมิภาคในช่วงสอง ทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมบทวิเคราะห์พัฒนาการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน 17 เมืองหลักของเอเชียแปซิฟิก
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการของโจนส์ แลง ลาซาลล์ ซึ่งเปิดสาขาในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2533 กล่าวว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทของเราได้เปิดดำเนินการในไทยมานานมากพอจนได้เห็นตลาดทั้งในช่วง ที่ทั้งดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทุกที่ทั่วโลกมีวงจรการขึ้นลง ตลาดของกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน โดยในขณะนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในช่วงขาลง แต่ถือว่ายังอยู่ในสภาพที่ดี เมื่อเทียบกับช่วงตลาดขาลงหลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินของเอเชียในปี 2540 นอกจากนี้ บรรยากาศโดยทั่วไปในขณะนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าตลาดจะค่อยๆ ฟื้นตัวและเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้งต่อไป
รายงานฉบับดังกล่าวจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ ระบุว่า ประเทศไทยในปี 2532 กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจเกษตรกรรมไปสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดในขณะนั้น มีการหลั่งไหลเข้ามาของการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมๆ กับการมีบริษัทและธนาคารข้ามชาติจำนวนมากเข้ามาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้ความต้องการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานและที่พักอาศัยสำหรับชาวต่าง ชาติมีการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี กรุงเทพฯ ในขณะนั้น อยู่ในสภาพการขาดแคลนอสังหาริมทรัพย์คุณภาพดี โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเออยู่เพียงประมาณ127,000 ตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้ มีพื้นที่ว่างอยู่เพียง 3% และมีคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเม้นท์ระดับหรูจำนวนเพียงเล็กน้อย
นายแดน ตันติสุนทร หัวหน้าฝ่ายวิจัย โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า เมื่อ 20 ปีก่อน กรุงเทพฯ กำลังอยู่ในช่วงการขยายตัวของเมืองและพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีความทันสมัยมาก ขึ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ ในขณะนั้นเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเม้นม์ที่มีมาตรฐานในระดับสากลมีอยู่อย่างจำกัด โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถปล่อยขายหรือเช่าได้หมดภายในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งนี่คือปัจจัยที่ทำให้มีขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็วใน ทศวรรษต่อมา
ในส่วนของตลาดศูนย์การค้า ในปี 2532 ย่านศูนย์การค้าทันสมัยเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นในแถบสยามสแควร์ และเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ (ภายหลังได้ถูกเข้าซื้อและเปลี่ยนเป็นเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซาในปัจจุบัน) สินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ มีให้เห็นเพียงไม่กี่แบรนด์ในศูนย์การค้าของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น
ยุคทอง ยุคแรกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ได้สิ้นสุดลงในปี 2540 เมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะปริมาณล้นตลาด ในขณะที่ความต้องการถดถอยอย่างหนัก หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินของเอเชีย จนกระทั่งถึงปี 2544 ตลาดเริ่มกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ราคาและค่าเช่าขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับจุดสูงสุดอีกครั้งในปี 2550 นายแดนกล่าว
หลังผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางการเงินของเอเชียมากว่า 10 ปี ประเทศไทยมีประสบการณ์มากขึ้นในการรับมือกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจโลก โดยมีระบบการธุรกิจการเงินที่ดีขึ้น และธุรกิจประเภทต่างๆ มีการดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ และมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
นับจากปี 2532 ตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอในกรุงเทพฯ มีปริมาณพื้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11 เท่า เป็น 1.4 ล้านตารางเมตรในปัจจุบัน ส่วนอพาร์ตเม้นท์และคอนโดมิเนียมระดับหรู ขยายจำนวนเพิ่มขึ้น 32 เท่ามาอยู่ที่ 22,300 หน่วย สำหรับตลาดศูนย์การค้า กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นสวรรค์ของการชอปปิ้งที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก มีศูนย์การค้าทันสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีสินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศแทบทุกแบรนด์วางจำหน่าย
แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง หลังได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจโลก การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการจากภาคธุรกิจและผู้คนใน โลกสมัยใหม่
การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ จะยังคงปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของกรุงเทพฯ ต่อไป การสร้างส่วนขยายของระบบขนส่งมวลชน ได้แก่ เส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงโครงการแอร์พอร์ตลิ้งค์ ที่กำลังคืบหน้า ช่วยเปิดทำเลใหม่สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่จำนวนมากที่เกิดขึ้นตามเส้นทาง ของโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนต่างๆ เหล่านี้ นายแดนสรุป
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 20 ตุลาคม 2552
โจนส์ แลง ลาซาลล์เสนอรายงานฉบับพิเศษ Asia Pacific Then and Now ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ 20 ปี พัฒนาการสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
ย้อนไปในปี 2532 ทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ได้เปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน หลังจากผ่านทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงในช่วงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ มีพัฒนาการที่สมบูรณ์และการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น ตามรายงานฉบับพิเศษจากบริษัทผู้เชี่ยวชาญบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์
รายงานฉบับพิเศษดังกล่าว มีชื่อว่า Asia Pacific Then and Now ซึ่งโจนส์ แลง ลาซาลล์ จัดทำขึ้นในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปีของการให้บริการสมาชิกด้านข้อมูลวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิก โดยเป็นการนำเสนอข้อมูลความเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐศาสตร์ในภูมิภาคในช่วงสอง ทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมบทวิเคราะห์พัฒนาการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน 17 เมืองหลักของเอเชียแปซิฟิก
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการของโจนส์ แลง ลาซาลล์ ซึ่งเปิดสาขาในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2533 กล่าวว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทของเราได้เปิดดำเนินการในไทยมานานมากพอจนได้เห็นตลาดทั้งในช่วง ที่ทั้งดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทุกที่ทั่วโลกมีวงจรการขึ้นลง ตลาดของกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน โดยในขณะนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในช่วงขาลง แต่ถือว่ายังอยู่ในสภาพที่ดี เมื่อเทียบกับช่วงตลาดขาลงหลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินของเอเชียในปี 2540 นอกจากนี้ บรรยากาศโดยทั่วไปในขณะนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าตลาดจะค่อยๆ ฟื้นตัวและเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้งต่อไป
รายงานฉบับดังกล่าวจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ ระบุว่า ประเทศไทยในปี 2532 กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจเกษตรกรรมไปสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดในขณะนั้น มีการหลั่งไหลเข้ามาของการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมๆ กับการมีบริษัทและธนาคารข้ามชาติจำนวนมากเข้ามาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้ความต้องการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานและที่พักอาศัยสำหรับชาวต่าง ชาติมีการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี กรุงเทพฯ ในขณะนั้น อยู่ในสภาพการขาดแคลนอสังหาริมทรัพย์คุณภาพดี โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเออยู่เพียงประมาณ127,000 ตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้ มีพื้นที่ว่างอยู่เพียง 3% และมีคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเม้นท์ระดับหรูจำนวนเพียงเล็กน้อย
นายแดน ตันติสุนทร หัวหน้าฝ่ายวิจัย โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า เมื่อ 20 ปีก่อน กรุงเทพฯ กำลังอยู่ในช่วงการขยายตัวของเมืองและพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีความทันสมัยมาก ขึ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ ในขณะนั้นเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเม้นม์ที่มีมาตรฐานในระดับสากลมีอยู่อย่างจำกัด โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถปล่อยขายหรือเช่าได้หมดภายในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งนี่คือปัจจัยที่ทำให้มีขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็วใน ทศวรรษต่อมา
ในส่วนของตลาดศูนย์การค้า ในปี 2532 ย่านศูนย์การค้าทันสมัยเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นในแถบสยามสแควร์ และเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ (ภายหลังได้ถูกเข้าซื้อและเปลี่ยนเป็นเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซาในปัจจุบัน) สินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ มีให้เห็นเพียงไม่กี่แบรนด์ในศูนย์การค้าของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น
ยุคทอง ยุคแรกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ได้สิ้นสุดลงในปี 2540 เมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะปริมาณล้นตลาด ในขณะที่ความต้องการถดถอยอย่างหนัก หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินของเอเชีย จนกระทั่งถึงปี 2544 ตลาดเริ่มกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ราคาและค่าเช่าขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับจุดสูงสุดอีกครั้งในปี 2550 นายแดนกล่าว
หลังผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางการเงินของเอเชียมากว่า 10 ปี ประเทศไทยมีประสบการณ์มากขึ้นในการรับมือกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจโลก โดยมีระบบการธุรกิจการเงินที่ดีขึ้น และธุรกิจประเภทต่างๆ มีการดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ และมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
นับจากปี 2532 ตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอในกรุงเทพฯ มีปริมาณพื้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11 เท่า เป็น 1.4 ล้านตารางเมตรในปัจจุบัน ส่วนอพาร์ตเม้นท์และคอนโดมิเนียมระดับหรู ขยายจำนวนเพิ่มขึ้น 32 เท่ามาอยู่ที่ 22,300 หน่วย สำหรับตลาดศูนย์การค้า กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นสวรรค์ของการชอปปิ้งที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก มีศูนย์การค้าทันสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีสินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศแทบทุกแบรนด์วางจำหน่าย
แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง หลังได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจโลก การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการจากภาคธุรกิจและผู้คนใน โลกสมัยใหม่
การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ จะยังคงปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของกรุงเทพฯ ต่อไป การสร้างส่วนขยายของระบบขนส่งมวลชน ได้แก่ เส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงโครงการแอร์พอร์ตลิ้งค์ ที่กำลังคืบหน้า ช่วยเปิดทำเลใหม่สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่จำนวนมากที่เกิดขึ้นตามเส้นทาง ของโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนต่างๆ เหล่านี้ นายแดนสรุป
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 50
SYNTEC เป็นงานผู้รับเหมาก่อสร้าง
ไม่ใช่ บ.พัฒนาอสังหาฯ นะครับ มาร์จิ้นต่ำ แตกต่างกันเยอะ
กรณี บ.แบบนี้ต้องไปเทียบกับพวก _ITD, CK, STEC, SEAFCO
ทุกบ.จะมี NPM ที่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซนต์
ขณะที่บ.พัฒนาอสังหาฯ จะมีค่านี้อยู่สูงเกือบ 20 เปอร์เซนต์ครับ
ไม่ใช่ บ.พัฒนาอสังหาฯ นะครับ มาร์จิ้นต่ำ แตกต่างกันเยอะ
กรณี บ.แบบนี้ต้องไปเทียบกับพวก _ITD, CK, STEC, SEAFCO
ทุกบ.จะมี NPM ที่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซนต์
ขณะที่บ.พัฒนาอสังหาฯ จะมีค่านี้อยู่สูงเกือบ 20 เปอร์เซนต์ครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 51
ผมแปลกใจที่คนจากโจน แลง ลาซาลล์
ไม่พูดถึง "การอพยพ" ของคนเกษียณอายุต่างชาติ
คือว่า คนทำงานต่างชาตินะ..พอจะรู้ว่ามีอยู่ระดับหนึ่ง แต่ไม่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้
แต่อีกกลุ่มนะสิ...เลยวัยทำงานแล้ว เกษียณแล้ว ต้องการหาที่อยู่ซึ่งต้นทุนต่ำ แต่การแพทย์ดี คมนาคมสะดวก อาหารอร่อย มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศยอดนิยมในการเกษียณต่างประเทศของคนชราในประเทศพัฒนาแล้ว.... นี่คือจุดเด่นมากๆ ของอสังหาฯ เมืองไทยที่พวกเราเคยมองข้ามกันไปครับ
ไม่พูดถึง "การอพยพ" ของคนเกษียณอายุต่างชาติ
คือว่า คนทำงานต่างชาตินะ..พอจะรู้ว่ามีอยู่ระดับหนึ่ง แต่ไม่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้
แต่อีกกลุ่มนะสิ...เลยวัยทำงานแล้ว เกษียณแล้ว ต้องการหาที่อยู่ซึ่งต้นทุนต่ำ แต่การแพทย์ดี คมนาคมสะดวก อาหารอร่อย มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศยอดนิยมในการเกษียณต่างประเทศของคนชราในประเทศพัฒนาแล้ว.... นี่คือจุดเด่นมากๆ ของอสังหาฯ เมืองไทยที่พวกเราเคยมองข้ามกันไปครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 53
พรีเซล คือ ยอดขายของบ.อสังหาฯ ดูจากการจอง การทำสัญญาครับ
backlog คือ ยอดขายที่หลงเหลืออยู่ซึงจะรับรู้รายได้ในอนาคต
การรับรู้รายได้ คือ การลงบันทึกเป็นรายได้ตามงบกำไรขาดทุน...ครับ
backlog คือ ยอดขายที่หลงเหลืออยู่ซึงจะรับรู้รายได้ในอนาคต
การรับรู้รายได้ คือ การลงบันทึกเป็นรายได้ตามงบกำไรขาดทุน...ครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 54
เวลาเราจะไปซื้อบ้านหรือคอนโด
1. ตั้งใจซื้อ ก็ทำสัญญาจอง (ไม่กี่หมื่นบาท) -> บันทึกเป็น Presale
2. ยิื่น Pre Approve ให้ Bank เช็คดูว่าจะยื่นกู้ได้เท่าไหร่ ถ้ากู้ไม่ผ่าน ก็อาจจะยึดเงินจอง -> ยอด Presale อาจจะต้องหักออก
3. Pre Approve ผ่าน ทำสัญญาจะซื้อจะขาย -> Backlog
4. บ้านเสร็จ ลูกค้าตรวจรับเรียบร้อยก็โอนกรรมสิทธิ -> รับรู้รายได้
1. ตั้งใจซื้อ ก็ทำสัญญาจอง (ไม่กี่หมื่นบาท) -> บันทึกเป็น Presale
2. ยิื่น Pre Approve ให้ Bank เช็คดูว่าจะยื่นกู้ได้เท่าไหร่ ถ้ากู้ไม่ผ่าน ก็อาจจะยึดเงินจอง -> ยอด Presale อาจจะต้องหักออก
3. Pre Approve ผ่าน ทำสัญญาจะซื้อจะขาย -> Backlog
4. บ้านเสร็จ ลูกค้าตรวจรับเรียบร้อยก็โอนกรรมสิทธิ -> รับรู้รายได้
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 55
ข้อมูลนี้คือวิเคราะห์เองหรือว่านำมาจากไหนครับ มี reference ไหมครับ :Dว่ากันตามเหตุผลทาง ศก.แล้ว ไทยติดอันดับท็อป 3 ในการเกษียณต่างประเทศ มีเหตุผลอย่างมากๆ ที่จะย้ายกันมาเป็นล้านคน
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 56
yahoo.finance ครับ เป็นข้อมูลจากคนอเมริกัน...
ไทย...ติดอันดับ 1 ใน 3
สำหรับ คนเกษียณญี่ปุ่น ก็มีสอบถามมาเหมือนกัน
ไทย... ติดอันดับ 2 โดยอันดับ 1 คือมาเลเซีย และ อันดับ 3 ที่เราแซงขึ้นมาได้คือ ออสเตรเลีย (คงเพราะค่าเงินแข็งเกิน)
จบข่าวครับ
ไทย...ติดอันดับ 1 ใน 3
สำหรับ คนเกษียณญี่ปุ่น ก็มีสอบถามมาเหมือนกัน
ไทย... ติดอันดับ 2 โดยอันดับ 1 คือมาเลเซีย และ อันดับ 3 ที่เราแซงขึ้นมาได้คือ ออสเตรเลีย (คงเพราะค่าเงินแข็งเกิน)
จบข่าวครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 58
ผมเห็นว่า รัฐบาลควรผ่อนปรนเงื่อนไขลง
วีซ่าแบบนี้ เงินบำนาญ 2 พันเหรียญ สรอ.ต่อเดือน...ยากอยู่นะ
หากมีผู้ติดตามด้วย ต้องมีเงินบำนาญถึง 4 พันเหรียญต่อเดือน ซึ่งมันสูงเกินกว่าระดับของชนชั้นกลาง แม้จะในปท.พัฒนาแล้วก็เถอะ
ผมคิดว่า ไทยเราควรลดเงินตรงนี้ลงมาเหลือแค่ 1 พันเหรียญต่อเดือน และ ผู้ติดตาม 500 เหรียญ สรอ.ต่อเดือนครับ
แบบนี้เราจะกวาดตลาดชนชั้นกลาง ในปท.พัฒนาแล้วมาได้จำนวนมากครับ
วีซ่าแบบนี้ เงินบำนาญ 2 พันเหรียญ สรอ.ต่อเดือน...ยากอยู่นะ
หากมีผู้ติดตามด้วย ต้องมีเงินบำนาญถึง 4 พันเหรียญต่อเดือน ซึ่งมันสูงเกินกว่าระดับของชนชั้นกลาง แม้จะในปท.พัฒนาแล้วก็เถอะ
ผมคิดว่า ไทยเราควรลดเงินตรงนี้ลงมาเหลือแค่ 1 พันเหรียญต่อเดือน และ ผู้ติดตาม 500 เหรียญ สรอ.ต่อเดือนครับ
แบบนี้เราจะกวาดตลาดชนชั้นกลาง ในปท.พัฒนาแล้วมาได้จำนวนมากครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 59
ขอโทษนะครับ..ผมจำผิด คนเกษียณญี่ปุ่นให้ไทยอยู่อันดับ 3 ครับ
ขึ้นจากอันดับ 5 รองจาก มาเลเซีย และ ออสเตรเลีย
ตามข่าวข้างล่าง....
ยักษ์อาเซียนชิง ทัวร์เกษียณ มาเลย์ชูอสังหาฯเด่นเข่นอีลิตไทย
โดย ประชาชาติธุรกิจ วัน จันทร์ ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551 04:01 น.
วิเคราะห์
ขณะนี้ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ วางกลยุทธ์เจาะกำลังซื้อ นักเดินทางวัยเกษียณชาวต่างชาติซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นทุกปี ลูกค้ากลุ่มใหญ่ในปัจจุบันและอนาคตคือญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลมาเลเซียนำร่องเป็นประเทศแรกตั้งแต่ปี 2545 ได้ผลิตโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยว Malaysia My Second Home (MM2H) เจาะกลุ่มชาวต่างประเทศเกษียณอายุเข้าไปพักผ่อนระยะยาว สร้างแรงจูงใจกำลังซื้อด้วยการแจก สิทธิประโยชน์หลากหลาย โดยมีไฮไลต์ให้ซื้อและเป็นเจ้าของบ้านพักมูลค่า 2.5 ล้านบาทขึ้นไป
ส่งผลให้แนวโน้มปี 2551 เศรษฐีจากประเทศแถบตะวันออกกลางนิยมเลือกลังกาวีเป็นเกาะ เป้าหมายการลงทุนซื้อบ้านพักหลังที่ 2 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไทยจัดตั้ง บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ใช้บัตรท่องเที่ยว อีลิตการ์ดเป็นช่องทางขยายตลาดและรายได้ ส่วนฟิลิปปินส์ทำโปรแกรมลดค่าวีซ่า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลสำรวจตลาด นักท่องเที่ยวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มเกษียณอายุไปเยือนมาเลเซียตามโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยว MM2H กว่า 11,000 คน จากการที่รัฐบาลมาเลเซียปรับเงื่อนไขอำนวยความสะดวกเต็มที่ ทั้งการอนุมัติวีซ่าแบบเข้าประเทศหลายครั้ง (multiple entry) และอนุมัติให้บางคนถือวีซ่าได้สูงสุด 10 ปี ด้วยเงื่อนไขสถานภาพทางการเงินและสุขภาพของลูกค้าแต่ละคน แถมให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินบำนาญ อนุญาตนำเข้าแรงงานได้
นักท่องเที่ยวเกษียณอายุต่างชาติให้ความสำคัญกับการได้รับสิทธิถือครองอสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับต้นๆ หลังจากรัฐบาลมาเลเซียอนุญาตซื้อบ้านพักได้ในราคาตามที่ตั้งของแต่ละโครงการมูลค่าขั้นต่ำ 2.5 ล้านบาท/หลัง (2.5 แสนริงกิต) เช่น รัฐสโลวักราคา 3.5 ล้านบาท/หลัง (3.5 แสนริงกิต) ขึ้นไป พื้นที่ ในรัฐอื่นราคาต่ำสุด 2.5 ล้านบาท/หลัง
ขณะที่ไทยในอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปี 2545 มีนโยบายริเริ่มเปิดธุรกิจรองรับลูกค้าเกษียณและทั่วไปผ่าน 2 บริษัท คือ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด ให้เงินลงทุน 100 ล้านบาท บุกขายตลาดนักท่องเที่ยวพักระยะยาว แต่ขณะนี้ขายหุ้นทอดตลาดให้เอกชนไปเรียบร้อย และ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) เจ้าของบัตร ท่องเที่ยวอีลิตการ์ดลงทุน 1,000 ล้านบาท ทำธุรกิจในลักษณะใกล้เคียงกับโครงการ MM2H มาเลเซีย เน้นขายสมาชิกหลายระดับอายุชูการแจกสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้ากลุ่มเศรษฐีนักธุรกิจ ทั่วโลกเข้ามาใช้จ่าย ระยะเริ่มต้น จะให้สิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ 90 ปี แลกกับเงื่อนไขการนำเงินเข้ามาลงทุนโครงการ ในไทยแต่ถูกแรงต้านรุนแรง
ทีพีซีจึงต้องเปลี่ยนแผนหารายได้หันไปเน้น ขายค่าธรรมเนียมสมาชิกบัตรแทน และเปลี่ยนสิทธิประโยชน์เหลือเพียงบริการต่างๆ เช่น อำนวยความสะดวกการเข้าเมือง ณ สนามบินนานาชาติ ที่พัก กอล์ฟ สปา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ได้ปรับค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 1.5 ล้านบาท/สมาชิก จากเดิม 1 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท ขยายฐานให้ครบ 800 สมาชิก จากปี 2550 ทำไว้ 400 สมาชิก
โดยมีบริษัทตัวแทนของประเทศ (country partner : CP) ทำหน้าที่ขายบัตรอีลิตการ์ด ขณะนี้เริ่มขยายบริการเป็นที่ปรึกษานักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศกับสมาชิกกลุ่มเป้าหมายสิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน
ล่าสุดฟิลิปปินส์สนใจเปิดตลาดนี้เช่นกันเมื่อ ปี 2550 เริ่มลดค่าธรรมเนียมวีซ่าผู้เกษียณตั้งเป้าปี 2558 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวสูงอายุจาก ต่างประเทศ 1 ล้านคน จุดขายเน้นข้อได้เปรียบด้านค่าครองชีพ การใช้จ่ายถูกกว่าโตเกียวถึง 1 ใน 3 เท่า เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกสะโพกหากรักษาที่ญี่ปุ่นต้องจ่ายถึง 5.6 แสนบาท/ครั้ง (17,000 เหรียญสหรัฐ)
ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการชิงลูกค้าเกษียณอายุตลาดญี่ปุ่นเปลี่ยนค่านิยมจากออสเตรเลียมายังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นตามที่มูลนิธิลองสเตย์ญี่ปุ่น (Long Stay Foundation of Japan) แสดงผลสำรวจประจำ ปี 2550 มาเลเซียครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ประมาณ 14.9% มากกว่าออสเตรเลียตกไปอยู่อันดับ 2 เหลือ 14% ส่วนไทยเลื่อนชั้นมาอยู่อันดับ 3 (เดิมอยู่อันดับ 5) ชิงส่วนแบ่งมาได้ 11.2%
ข้อมูลการสำรวจระบุชาวญี่ปุ่นวัยเกษียณระบุระยะเวลาการพักอาศัย 41.9% พร้อมจะพัก 1-3 เดือน/ครั้ง และอีก 41.8% ต้องการพักเกิน 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มหลังเกษียณ ชาวญี่ปุ่นจำนวนเพิ่มขึ้นนิยมไปอยู่ต่างประเทศ 1 ปี จากแรงจูงใจ 3 เรื่อง ได้แก่ 1) บางประเทศส่งเสริมการให้วีซ่าระยะยาว เช่น ไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ 2) ค่าครองชีพต่ำจึงสามารถยืดวันพักได้ 3) ได้สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ทั้งแบบ slow life หรือ country life
สถิติการใช้จ่ายเงินแบ่งเป็นระหว่าง 31,000-47,000 บาท (1-1.5 แสนเยน) มีมากที่สุด 44.1% ระหว่าง 47,000-62,000 บาท (1.5-2 แสนเยน) 31.4% และกลุ่มใช้เงินต่ำสุด 15,500-31,000 บาท 5 หมื่น-1 แสนเยน) มี 18.4% กลุ่มไฮเอนด์ใช้เงินเกิน 62,000 บาท ขึ้นไป มี 6.1%
จับตา ไทย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์ ประเทศใดจะครองตลาดวัยเกษียณได้มากกว่ากัน
ขึ้นจากอันดับ 5 รองจาก มาเลเซีย และ ออสเตรเลีย
ตามข่าวข้างล่าง....
ยักษ์อาเซียนชิง ทัวร์เกษียณ มาเลย์ชูอสังหาฯเด่นเข่นอีลิตไทย
โดย ประชาชาติธุรกิจ วัน จันทร์ ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551 04:01 น.
วิเคราะห์
ขณะนี้ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ วางกลยุทธ์เจาะกำลังซื้อ นักเดินทางวัยเกษียณชาวต่างชาติซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นทุกปี ลูกค้ากลุ่มใหญ่ในปัจจุบันและอนาคตคือญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลมาเลเซียนำร่องเป็นประเทศแรกตั้งแต่ปี 2545 ได้ผลิตโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยว Malaysia My Second Home (MM2H) เจาะกลุ่มชาวต่างประเทศเกษียณอายุเข้าไปพักผ่อนระยะยาว สร้างแรงจูงใจกำลังซื้อด้วยการแจก สิทธิประโยชน์หลากหลาย โดยมีไฮไลต์ให้ซื้อและเป็นเจ้าของบ้านพักมูลค่า 2.5 ล้านบาทขึ้นไป
ส่งผลให้แนวโน้มปี 2551 เศรษฐีจากประเทศแถบตะวันออกกลางนิยมเลือกลังกาวีเป็นเกาะ เป้าหมายการลงทุนซื้อบ้านพักหลังที่ 2 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไทยจัดตั้ง บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ใช้บัตรท่องเที่ยว อีลิตการ์ดเป็นช่องทางขยายตลาดและรายได้ ส่วนฟิลิปปินส์ทำโปรแกรมลดค่าวีซ่า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลสำรวจตลาด นักท่องเที่ยวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มเกษียณอายุไปเยือนมาเลเซียตามโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยว MM2H กว่า 11,000 คน จากการที่รัฐบาลมาเลเซียปรับเงื่อนไขอำนวยความสะดวกเต็มที่ ทั้งการอนุมัติวีซ่าแบบเข้าประเทศหลายครั้ง (multiple entry) และอนุมัติให้บางคนถือวีซ่าได้สูงสุด 10 ปี ด้วยเงื่อนไขสถานภาพทางการเงินและสุขภาพของลูกค้าแต่ละคน แถมให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินบำนาญ อนุญาตนำเข้าแรงงานได้
นักท่องเที่ยวเกษียณอายุต่างชาติให้ความสำคัญกับการได้รับสิทธิถือครองอสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับต้นๆ หลังจากรัฐบาลมาเลเซียอนุญาตซื้อบ้านพักได้ในราคาตามที่ตั้งของแต่ละโครงการมูลค่าขั้นต่ำ 2.5 ล้านบาท/หลัง (2.5 แสนริงกิต) เช่น รัฐสโลวักราคา 3.5 ล้านบาท/หลัง (3.5 แสนริงกิต) ขึ้นไป พื้นที่ ในรัฐอื่นราคาต่ำสุด 2.5 ล้านบาท/หลัง
ขณะที่ไทยในอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปี 2545 มีนโยบายริเริ่มเปิดธุรกิจรองรับลูกค้าเกษียณและทั่วไปผ่าน 2 บริษัท คือ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด ให้เงินลงทุน 100 ล้านบาท บุกขายตลาดนักท่องเที่ยวพักระยะยาว แต่ขณะนี้ขายหุ้นทอดตลาดให้เอกชนไปเรียบร้อย และ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) เจ้าของบัตร ท่องเที่ยวอีลิตการ์ดลงทุน 1,000 ล้านบาท ทำธุรกิจในลักษณะใกล้เคียงกับโครงการ MM2H มาเลเซีย เน้นขายสมาชิกหลายระดับอายุชูการแจกสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้ากลุ่มเศรษฐีนักธุรกิจ ทั่วโลกเข้ามาใช้จ่าย ระยะเริ่มต้น จะให้สิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ 90 ปี แลกกับเงื่อนไขการนำเงินเข้ามาลงทุนโครงการ ในไทยแต่ถูกแรงต้านรุนแรง
ทีพีซีจึงต้องเปลี่ยนแผนหารายได้หันไปเน้น ขายค่าธรรมเนียมสมาชิกบัตรแทน และเปลี่ยนสิทธิประโยชน์เหลือเพียงบริการต่างๆ เช่น อำนวยความสะดวกการเข้าเมือง ณ สนามบินนานาชาติ ที่พัก กอล์ฟ สปา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ได้ปรับค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 1.5 ล้านบาท/สมาชิก จากเดิม 1 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท ขยายฐานให้ครบ 800 สมาชิก จากปี 2550 ทำไว้ 400 สมาชิก
โดยมีบริษัทตัวแทนของประเทศ (country partner : CP) ทำหน้าที่ขายบัตรอีลิตการ์ด ขณะนี้เริ่มขยายบริการเป็นที่ปรึกษานักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศกับสมาชิกกลุ่มเป้าหมายสิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน
ล่าสุดฟิลิปปินส์สนใจเปิดตลาดนี้เช่นกันเมื่อ ปี 2550 เริ่มลดค่าธรรมเนียมวีซ่าผู้เกษียณตั้งเป้าปี 2558 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวสูงอายุจาก ต่างประเทศ 1 ล้านคน จุดขายเน้นข้อได้เปรียบด้านค่าครองชีพ การใช้จ่ายถูกกว่าโตเกียวถึง 1 ใน 3 เท่า เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกสะโพกหากรักษาที่ญี่ปุ่นต้องจ่ายถึง 5.6 แสนบาท/ครั้ง (17,000 เหรียญสหรัฐ)
ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการชิงลูกค้าเกษียณอายุตลาดญี่ปุ่นเปลี่ยนค่านิยมจากออสเตรเลียมายังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นตามที่มูลนิธิลองสเตย์ญี่ปุ่น (Long Stay Foundation of Japan) แสดงผลสำรวจประจำ ปี 2550 มาเลเซียครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ประมาณ 14.9% มากกว่าออสเตรเลียตกไปอยู่อันดับ 2 เหลือ 14% ส่วนไทยเลื่อนชั้นมาอยู่อันดับ 3 (เดิมอยู่อันดับ 5) ชิงส่วนแบ่งมาได้ 11.2%
ข้อมูลการสำรวจระบุชาวญี่ปุ่นวัยเกษียณระบุระยะเวลาการพักอาศัย 41.9% พร้อมจะพัก 1-3 เดือน/ครั้ง และอีก 41.8% ต้องการพักเกิน 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มหลังเกษียณ ชาวญี่ปุ่นจำนวนเพิ่มขึ้นนิยมไปอยู่ต่างประเทศ 1 ปี จากแรงจูงใจ 3 เรื่อง ได้แก่ 1) บางประเทศส่งเสริมการให้วีซ่าระยะยาว เช่น ไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ 2) ค่าครองชีพต่ำจึงสามารถยืดวันพักได้ 3) ได้สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ทั้งแบบ slow life หรือ country life
สถิติการใช้จ่ายเงินแบ่งเป็นระหว่าง 31,000-47,000 บาท (1-1.5 แสนเยน) มีมากที่สุด 44.1% ระหว่าง 47,000-62,000 บาท (1.5-2 แสนเยน) 31.4% และกลุ่มใช้เงินต่ำสุด 15,500-31,000 บาท 5 หมื่น-1 แสนเยน) มี 18.4% กลุ่มไฮเอนด์ใช้เงินเกิน 62,000 บาท ขึ้นไป มี 6.1%
จับตา ไทย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์ ประเทศใดจะครองตลาดวัยเกษียณได้มากกว่ากัน
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหาฯ ตัวไหนมียอดขาย ต่อ มูลค่าตลาด สูงกว่า 2 เท่าบ้าง
โพสต์ที่ 60
ปิ๊งดูดเงินฝรั่งเกษียณกู้ชาติ 14-16 มี.ค.52
ปิ๊งดูดเงินฝรั่งเกษียณกู้ชาติ อุตฯ วางแผนดึงเงินเข้าไทยกว่าปีละแสนล้านลงเอสเอ็มอี
Source - บ้านเมือง (Th)
Monday, March 16, 2009 09:45
32819 XTHAI XECON V%PAPERL P%BMND
กรุงเทพ--16 มี.ค.--บ้านเมือง
ปิ๊งดูดเงินฝรั่งเกษียณกู้ชาติ อุตฯ วางแผนดึงเงินเข้าไทยกว่าปีละแสนล้านลงเอสเอ็มอี
กระทรวงอุตฯ ปิ๊งไอเดีย หวังดึงเงินชาวต่างชาติที่เกษียณอายุเข้าไทยช่วยเอสเอ็มอีภาคบริการ ชงเรื่องกระทรวงการต่างประเทศขยายอายุวีซ่า ให้ครั้งละสูงสุด 1 ปี หวังดูดเม็ดเงินเข้าไทยปีละ1 แสนล้าน ด้าน ส.อ.ท. ห่วงวิกฤติแรงงานยังเกิดต่อเนื่อง หวังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโซนนิ่งการท่องเที่ยว พัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีภาคบริการ และปรับปรุงบรรยากาศที่พักเพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เกษียณอายุ เนื่องจากแต่ละปีมีผู้เกษียณอายุจากต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทย 1-1.2 แสนคนต่อปี ขณะที่บางประเทศได้รับเงินบำนาญแก่ผู้เกษียณสูงถึงเดือนละ 8 หมื่นบาท ส่งผลให้มีการนำเงินเข้าไทยเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายธุรกิจเอสเอ็มอีช่วงที่เศรษฐกิจโลกและการส่งออกไทยชะลอตัว
ขณะที่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาการต่อวีซ่านักท่องเที่ยวจากเดิมที่อนุญาตให้อยู่เมืองไทยครั้งละ 3 เดือน เป็น 6 เดือน 1 ปี เพราะหากมีโซนนิ่งที่มีบรรยากาศเหมือนกับประเทศในยุโรป อเมริกา และเอเชียแล้ว เชื่อว่าผู้เกษียณอายุจะพักในไทยระยะเวลานานขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและการสร้างงานตามมา ซึ่งผู้เกษียณอายุต่างชาติจำนวนมากสนใจอยากพักในเมืองไทย หากมีการจัดทำระบบการดึงดูดที่ดีเชื่อว่าจะมีการใช้จ่ายเงินในไทยมากขึ้น ที่สำคัญเอสเอ็มอีไทยก็จะมีรายได้และเกิดการจ้างงานต่อไปได้ ซึ่งการสร้างพื้นที่ให้มีบรรยากาศเหมือนกับต่างประเทศประกอบกับการมีบริการที่ดีก็จะสร้างความประทับใจแก่ต่างชาติให้อยู่ในไทยได้นาน
นายธเนตร นรภูมิพิภัชน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า หากภาคธุรกิจดึงดูดความประทับใจแก่ผู้เกษียณอายุต่างชาติที่ดีเชื่อว่าจะมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มปีละ 10% แต่ภาครัฐควรจะพิจารณาอายุวีซ่าได้ถึง 1 ปีต่อครั้งด้วย หากไม่ดำเนินการที่ดีเชื่อว่าประเทศเพื่อนบ้านจะให้สิทธิประโยชน์ที่ดีเพื่อจูงใจต่างชาติแข่งกับไทยแน่นอน ทั้งนี้เม็ดเงินที่ผู้เกษียณต่างชาตินำเข้าไทยปีละ 1 แสนล้านบาท หากเอสเอ็มอีภาคบริการมีกลยุทธ์จูงใจที่ดีเชื่อว่าจะเป็นรายได้ชดเชยการส่งออกที่ปรับตัวลดลงอย่างหนัก
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า เอสเอ็มอีไทยต้องให้ความสนใจตลาดอาเซียนมากขึ้นเนื่องจากยังสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายได้มากขึ้น โดยที่ผ่านมามีสัดส่วน 23% ของการส่งออกทั้งหมด ส่วนการส่งออกไปตลาดสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่ยอดส่งออกประสบปัญหา โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 33-34% เบื้องต้นหากลดลงเพียง 6-7% เชื่อว่าไม่กระทบต่อเอสเอ็มอีมากนัก โดยปัญหาของเอสเอ็มอีไทยส่วนใหญ่อยู่ที่ความสามารถวางแผนกลยุทธ์การขายมีไม่มาก ส่งผลให้สินค้าเกินความต้องการของตลาดเพราะมุ่งเน้นตลาดหลัก หรือเน้นสินค้าคล้ายกัน ก่อนหน้านี้ สสว. มีแผนในเงิน 287 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการเก่าที่เสี่ยงต่อการปิดกิจการให้อยู่รอด และสร้างรายใหม่รวมกัน 5,963 ราย สำหรับผู้ประกอบการรายเดิม สสว. จะส่งทีมนักวินิจฉัยกิจการเข้าไปดูแลกิจการในกรณีที่มีแนวโน้มเลิกกิจการ เพื่อหาแผนการช่วยเหลือแก้ปัญหาให้อยู่รอด เบื้องต้นคาดว่าปี 52 จะมีเอสเอ็มอี 2.42 ล้านรายเพิ่มจากปีก่อน 0.53% หรือ 1.23 หมื่นราย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากตัวเลขสถิติของกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานคาดว่าในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้จะมีแรงงานที่อาจถูกเลิกจ้าง 69,031 คน และมีลูกจ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการลดค่าจ้างและค่าล่วงเวลาอีกประมาณ 227,067 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของหลายๆ หน่วยงานที่เป็นห่วงว่าตัวเลขการว่างงานปีนี้จะสูงถึง 1.2-1.3 ล้านคน ขณะนี้ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงการว่างงานในช่วงปลายไตรมาส 2 หรือประมาณเดือน มิ.ย.นี้ยอดจะพุ่งสูงขึ้น เพราะยอดสต๊อกสินค้าเก่าหมดแล้ว และห่วงว่าหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อออกไปถึงไตรมาส 3 ภายใต้การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะติดลบ 2-3% ตัวเลขการว่างงานอาจจะสูงถึงระดับ 1.2-1.3 ล้านคน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะต้องใช้เวลา 3-4 ปี กว่าจะฟื้นตัวทางด้านแรงงาน โดยเห็นว่าภาครัฐน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แรงและเร็วกว่านี้มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ--จบ--
นี่ก็อีกข่าวครับ....เกี่ยวกับเทรนด์นี้
:lol:
ปิ๊งดูดเงินฝรั่งเกษียณกู้ชาติ อุตฯ วางแผนดึงเงินเข้าไทยกว่าปีละแสนล้านลงเอสเอ็มอี
Source - บ้านเมือง (Th)
Monday, March 16, 2009 09:45
32819 XTHAI XECON V%PAPERL P%BMND
กรุงเทพ--16 มี.ค.--บ้านเมือง
ปิ๊งดูดเงินฝรั่งเกษียณกู้ชาติ อุตฯ วางแผนดึงเงินเข้าไทยกว่าปีละแสนล้านลงเอสเอ็มอี
กระทรวงอุตฯ ปิ๊งไอเดีย หวังดึงเงินชาวต่างชาติที่เกษียณอายุเข้าไทยช่วยเอสเอ็มอีภาคบริการ ชงเรื่องกระทรวงการต่างประเทศขยายอายุวีซ่า ให้ครั้งละสูงสุด 1 ปี หวังดูดเม็ดเงินเข้าไทยปีละ1 แสนล้าน ด้าน ส.อ.ท. ห่วงวิกฤติแรงงานยังเกิดต่อเนื่อง หวังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโซนนิ่งการท่องเที่ยว พัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีภาคบริการ และปรับปรุงบรรยากาศที่พักเพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เกษียณอายุ เนื่องจากแต่ละปีมีผู้เกษียณอายุจากต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทย 1-1.2 แสนคนต่อปี ขณะที่บางประเทศได้รับเงินบำนาญแก่ผู้เกษียณสูงถึงเดือนละ 8 หมื่นบาท ส่งผลให้มีการนำเงินเข้าไทยเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายธุรกิจเอสเอ็มอีช่วงที่เศรษฐกิจโลกและการส่งออกไทยชะลอตัว
ขณะที่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาการต่อวีซ่านักท่องเที่ยวจากเดิมที่อนุญาตให้อยู่เมืองไทยครั้งละ 3 เดือน เป็น 6 เดือน 1 ปี เพราะหากมีโซนนิ่งที่มีบรรยากาศเหมือนกับประเทศในยุโรป อเมริกา และเอเชียแล้ว เชื่อว่าผู้เกษียณอายุจะพักในไทยระยะเวลานานขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและการสร้างงานตามมา ซึ่งผู้เกษียณอายุต่างชาติจำนวนมากสนใจอยากพักในเมืองไทย หากมีการจัดทำระบบการดึงดูดที่ดีเชื่อว่าจะมีการใช้จ่ายเงินในไทยมากขึ้น ที่สำคัญเอสเอ็มอีไทยก็จะมีรายได้และเกิดการจ้างงานต่อไปได้ ซึ่งการสร้างพื้นที่ให้มีบรรยากาศเหมือนกับต่างประเทศประกอบกับการมีบริการที่ดีก็จะสร้างความประทับใจแก่ต่างชาติให้อยู่ในไทยได้นาน
นายธเนตร นรภูมิพิภัชน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า หากภาคธุรกิจดึงดูดความประทับใจแก่ผู้เกษียณอายุต่างชาติที่ดีเชื่อว่าจะมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มปีละ 10% แต่ภาครัฐควรจะพิจารณาอายุวีซ่าได้ถึง 1 ปีต่อครั้งด้วย หากไม่ดำเนินการที่ดีเชื่อว่าประเทศเพื่อนบ้านจะให้สิทธิประโยชน์ที่ดีเพื่อจูงใจต่างชาติแข่งกับไทยแน่นอน ทั้งนี้เม็ดเงินที่ผู้เกษียณต่างชาตินำเข้าไทยปีละ 1 แสนล้านบาท หากเอสเอ็มอีภาคบริการมีกลยุทธ์จูงใจที่ดีเชื่อว่าจะเป็นรายได้ชดเชยการส่งออกที่ปรับตัวลดลงอย่างหนัก
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า เอสเอ็มอีไทยต้องให้ความสนใจตลาดอาเซียนมากขึ้นเนื่องจากยังสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายได้มากขึ้น โดยที่ผ่านมามีสัดส่วน 23% ของการส่งออกทั้งหมด ส่วนการส่งออกไปตลาดสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่ยอดส่งออกประสบปัญหา โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 33-34% เบื้องต้นหากลดลงเพียง 6-7% เชื่อว่าไม่กระทบต่อเอสเอ็มอีมากนัก โดยปัญหาของเอสเอ็มอีไทยส่วนใหญ่อยู่ที่ความสามารถวางแผนกลยุทธ์การขายมีไม่มาก ส่งผลให้สินค้าเกินความต้องการของตลาดเพราะมุ่งเน้นตลาดหลัก หรือเน้นสินค้าคล้ายกัน ก่อนหน้านี้ สสว. มีแผนในเงิน 287 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการเก่าที่เสี่ยงต่อการปิดกิจการให้อยู่รอด และสร้างรายใหม่รวมกัน 5,963 ราย สำหรับผู้ประกอบการรายเดิม สสว. จะส่งทีมนักวินิจฉัยกิจการเข้าไปดูแลกิจการในกรณีที่มีแนวโน้มเลิกกิจการ เพื่อหาแผนการช่วยเหลือแก้ปัญหาให้อยู่รอด เบื้องต้นคาดว่าปี 52 จะมีเอสเอ็มอี 2.42 ล้านรายเพิ่มจากปีก่อน 0.53% หรือ 1.23 หมื่นราย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากตัวเลขสถิติของกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานคาดว่าในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้จะมีแรงงานที่อาจถูกเลิกจ้าง 69,031 คน และมีลูกจ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการลดค่าจ้างและค่าล่วงเวลาอีกประมาณ 227,067 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของหลายๆ หน่วยงานที่เป็นห่วงว่าตัวเลขการว่างงานปีนี้จะสูงถึง 1.2-1.3 ล้านคน ขณะนี้ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงการว่างงานในช่วงปลายไตรมาส 2 หรือประมาณเดือน มิ.ย.นี้ยอดจะพุ่งสูงขึ้น เพราะยอดสต๊อกสินค้าเก่าหมดแล้ว และห่วงว่าหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อออกไปถึงไตรมาส 3 ภายใต้การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะติดลบ 2-3% ตัวเลขการว่างงานอาจจะสูงถึงระดับ 1.2-1.3 ล้านคน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะต้องใช้เวลา 3-4 ปี กว่าจะฟื้นตัวทางด้านแรงงาน โดยเห็นว่าภาครัฐน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แรงและเร็วกว่านี้มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ--จบ--
นี่ก็อีกข่าวครับ....เกี่ยวกับเทรนด์นี้
:lol:
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต