ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 1
ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ ด้วย หนึ่งสมอง และ สองมึอ ของเขาจริงๆ
เพิ่งรู้ว่า วิศวจุฬารุ่น ปี 2520
ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แวดวงตลาดหุ้นแล้ว น้อยคนไม่มีใครไม่รู้จัก ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ หรือที่รับรู้กันทั่วประเทศ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้แบรนด์ บ้านพฤกษา และเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ที่ยังคงรวยหุ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แม้ครั้งนี้ความรวยจากหุ้นจะหายไป 1,554.79 ล้านบาท แต่ก็ยังครองหุ้นมีมูลค่ารวมถึง 9,599.16 ล้านบาทนี้แค่ส่วนตัว หากนับรวมตระกูล "วิจิตรพงศ์พันธุ์" ก็ไม่น้อยเลย มูลค่า 11,409.66 ล้านบาท
....แต่ความมั่งคั่งนี้ มีที่มาที่ไป
....แม้ไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทอง
....แล้วอะไร คือ แรงบันดาลใจ ที่ผลักดันให้ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการธุรกิจอสังหาฯ จนลูกค้าให้การยอมรับ
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า คุณพ่อเป็นต้นแบบในชีวิตและธุรกิจของผม
โดยพื้นเพแล้ว ผมเป็นคนจังหวัดชลบุรี ครอบครัวมีฐานะระดับล่างของสังคม คุณพ่อมีอาชีพขายกระเพาะปลา ส่วนคุณแม่ทำสวนผัก ตั้งแต่เด็กผมก็เห็นคุณพ่อหาบถังรูปทรงกลม (สูง 60 เซนติเมตร) ที่ใส่กระเพาะปลาไปขาย ขายตั้งแต่เที่ยงวันไปจนถึงเที่ยงคืน คุณพ่ออดทนและซื่อสัตย์ในอาชีพ กำไรก็ไม่มากประมาณ 20 บาท แต่เป็นความภาคภูมิใจที่มีอาชีพสุจริต หาเลี้ยงครอบครัวและลูกๆ ทั้ง 7 คน
ซึ่งในบางครั้ง ตน (ในช่วงที่ยังเป็นเด็กอยู่) ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพ่อทำ ทั้งๆ ที่น่าจะดีในเรื่องของรายได้ อย่างภาพที่เห็น ตามงานวัดในช่วงที่มีงาน ก็จะมีการขายกระเพาะปลาที่ธรรมดาทั่วไป แต่คุณพ่อต้องไปซื้อกระเพาะปลาที่ย่านเยาวราชมาทำ ทั้งที่จริงแล้วเอาหนังหมูมาแทนก็ได้ แต่ไม่ทำ เวลาขาย ก็ขายในราคาชาม 50 สตางค์ แต่คุณอาของผมขายชามละ 1 บาท
สิ่งที่เราเห็นตั้งแต่เด็ก คุณพ่อกำลังสอนเรา สอนด้วยการกระทำ อย่าเอาเปรียบผู้ซื้อ ราคาขายก็ควรให้เหมาะกับคนซื้อ เพราะลูกค้าที่กินของเรา ก็อยู่ในซอย คนเหล่านี้มีรายได้ไม่มาก หรือแม้แต่เรื่องทำบุญ คุณพ่อมีเงินก็เข้าไปทำบุญที่โรงเจ ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดของเรา (ที่คิดแย้งอยู่ในใจเหมือนกัน) เพราะครอบครัวเราก็มีเงินน้อย แต่รู้หรือไม่ บุญเหล่านี้ เป็นการทำให้เรากลายเป็นเศรษฐีทางอ้อม ทองมากล่าวถึงวิธีคิดที่ถูกสั่งสมมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่
ในด้านการศึกษาแล้ว แม้จะเรียนจบแค่ป.4 อันเนื่องมาจากฐานะทางครอบครัว แต่นั้น กลับไม่ใช่อุปสรรค ตรงกันข้าม เป็นประสบการณ์ ชีวิต นอกตำราเรียน
หลังจากจบ ป.4 ก็เริ่มมองหางานทำ ซึ่งก็ทำอยู่หลายที่ เป็นลูกจ้างร้านขายยาแถวบางรัก ขายน้ำเก๊กฮวย น้ำจับเลี้ยง ต่อมาเปลี่ยนก็เริ่มมาทำร้านทองแถวประตูน้ำ ก็ทำอยู่ประมาณ 6 ปี ในช่วงนี้ ก็คิดว่าควรมองหาโอกาสที่ดีๆ ประกอบกับพี่สาวคนโต ก็อยากให้เรียนต่อ ก็ไปเรียนกวดวิชา จนสามารถสอบได้ ป.5-7 และในช่วงนี้ ก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ก่อน 6 โมงเย็นก็ทำงาน หลังจากนั้นก็ไปเรียนถึง 3 ทุ่ม เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ก่อนที่จะสอบเทียบชั้นเรื่อยๆ จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 และเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ศึกษาอยู่ 2 ปี แล้วสอบเอ็นทรานซ์ติดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการโยธา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อปี 2524
แต่เบื้องลึกจริงๆแล้ว ที่เลือกเรียนวิศวกรรม ก็ด้วย ค่าใช้จ่าย ทั้งนั้น สมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ เพื่อนๆ ก็เลือกเรียนแพทย์ แต่เรามาคำนวณแล้ว ค่าใช้จ่ายแพงมากๆ เรียนแพทย์ 2 แสนบาท เรียนวิศวะ ช่วง 4 ปี ค่าใช้จ่าย 30,000 บาท ซึ่งระหว่างเรียนเราก็ได้ทุนการศึกษา บวกกับเงินเก็บบางส่วนและเงินจากทางบ้านมาช่วย สุดท้ายก็เรียนจบ 4 ปี สมกับความตั้งใจ
พอจบมาก็เริ่มต้นชีวิตอาชีพวิศวกรที่เรียนมาแห่งแรกคือ บริษัท พี.ซี.เอ็ม ทำธุรกิจผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูป ซึ่งเราก็ทำงานให้เต็ม หลังจากอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ก็ไปเริ่มงานบริษัทในเครือญาติของบริษัท นพวงศ์ ก่อสร้าง และ หจก.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง อยู่ประมาณ 2 ปี ซึ่งหน้าที่หลัก คือ เวลามีงาน เราก็ไปประมูลงานเข้ามา เรื่องนี้ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูง เราต้องทำให้หัวหน้างานไว้วางใจ เพื่อจะได้ไม่เกิดความกังวลไม่พะวง
ช่วงชีวิตทำงาน ก็สนุกดี เงินเดือนก็พอใช้ ตอนนั้น 6,000-10,000 บาท แต่ก็มีบางเดือนไม่พอใช้ หมดไปกับการดูแลเพื่อนฝูง บางวันถึงขั้นต้องไปหยิบยืมเพื่อนฝูง ทั้งๆ ที่เงินเดือนน้อยกว่าเราอีก ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้พบเจอกันอีก เสี้ยวหนึ่งของเศรษฐีหุ้น
หลังจากที่วนเวียนอยู่ในอาชีพมนุษย์เงินเดือนแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัว โดยออกมาทำงานรับเหมาเอง ก็เริ่มประมาณปี 2527 งานแรกก็ก่อสร้างสะพาน โดยเป็นรับเหมาช่วง ทำอยู่ 1 ปีกว่าจะเสร็จ ก็เป็นอะไรที่ยากและลำบาก ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะเครดิตที่เราทำงานมาตั้งแต่อดีต แม้เราจะไม่มีทุนเราก็ได้งาน ซึ่งก็ต้องลงทุนเอง แต่สุดท้ายก็ทำจนเสร็จ ถึงจะไม่มีกำไรก็ตาม ต่อจากนั้น ก็ได้รับงานทำครัวการบินไทย ซึ่งทาง ช.การช่างโตคิว เห็นเรามีความตั้งใจและทำงานได้ดีจากผลงานที่ผ่านมา ก็ทำอยู่ 1 ปีจึงแล้วเสร็จ
เรามองแล้วว่าการเป็นผู้รับเหมาช่วง โอกาสที่จะได้กำไรมากๆ คงต่ำ สู้ไปทำเองโดยตรงจะดีกว่า โดยงานที่เข้าไปจะมีหลากหลาย ทั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทำไซโลโรงปูนของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง รวมถึงดิโอสยามพลาซ่า ของบริษัทสยามสินธร มูลค่า 250 ล้านบาท และเป็นงานสุดท้ายที่เข้าไปรับเหมาก่อสร้าง
ในส่วนของการเข้าสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรนั้น เริ่มจากเพื่อนจากประเทศญี่ปุ่นชักชวนไปดูบ้าน ทำให้มีโอกาสได้เห็นโครงการจัดสรรต่างๆ และคิดว่า หากเราสามารถทำได้ราคาถูกลง 10-20% ก็จะเป็นเรื่องที่ดี จึงตัดสินใจทำโครงการบ้านจัดสรรขายในปี 2535 ภายใต้บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง โครงการแรกบ้านเดี่ยวในซอยอาภาภิรม ถนนรัชดาภิเษก ราคา 5 ล้านบาท และทำโครงการทาวน์เฮาส์ ในซอยสุขุมวิท 101 อีกจำนวน 13 หลัง ราคาขายตอนนั้น 1.3-1.5 ล้านบาท ซึ่งแรกๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน ขายไม่ค่อยได้ แต่สุดท้ายก็หมด
หลังจากนั้นในปี 2536 ก็เริ่มมาทำโครงการบ้านราคาถูก ซึ่งที่มาที่ไปเกิดได้แนวคิดมาจากการไปฟังปาฐกถาของอดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ที่มองว่า บ้านราคาต่ำกว่า 6 แสนบาทขายได้ จึงเริ่มมาศึกษาและหาข้อมูล ไปดูว่าโครงการของคู่แข่งทาวน์เฮาส์ไหนขายดีไม่ดี ทำเลเป็นอย่างไร เราก็มานำมาเลียนแบบ โดยปรับปรุงเรื่องทำเล ราคา ให้สอดคล้องกับสินค้าที่จะทำ เราอาจจะโชคดีตรงที่มีพื้นทางด้านการก่อสร้าง ก็น่าจะพัฒนาบ้านให้มีต้นทุนต่ำได้ และในที่สุดจึงก่อตั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ขึ้นมา โดยเริ่มพัฒนาโครงการแรกภายใต้แบรนด์ บ้านพฤกษา 1 ย่านรังสิต คลอง 8 ภายในเดือนเศษสามารถขายหมดเกลี้ยง
ชื่อของบริษัทพฤกษาฯ เป็นชื่อที่หมายถึงต้นไม้ ร่มรื่น ฟังแล้วดูดี ไม่ต้องไปหาหลวงพ่อเพื่อตั้งชื่อ ทองมากล่าวติดตลก
จากจุดเริ่มต้นของบ้านพฤกษา 1 จนถึงปัจจุบันแล้ว บริษัทพฤกษาฯ มีวิวัฒนาการและเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วอยู่ในวงการอสังหาฯ มากว่า 15 ปี (2536-2551) มีโครงการออกสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 124 โครงการ จำนวน 57,000 หน่วย (หรืออีกความหมาย คือ ทำให้คนมีความมั่นคงในชีวิตเพิ่มมากขึ้น) ต่างจากความคิดแรกๆ ที่ทำโครงการ เราก็ไม่เคยคิดว่า พฤกษา จะเติบโตมาถึงปัจจุบันได้
ความสำเร็จที่ทำให้องค์กรนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ก็เนื่องมาจากเวลาทำงาน เรา (ทองมา) ต้องมุ่งมั่นและคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยต้องทำทุกอย่างให้สอดคล้อง อย่างเช่น บริหารเงินเดือนให้พนักงานทุกคน บริหารเงินให้คนงาน การจ่ายเงินให้ผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์) ตรงเวลา ถ้าเรามุ่งมั่น ซื่อตรง และทำงานอย่างเชื่อมั่น เครดิต ติดตัวเราไปตลอด
วิถีความคิดและความตั้งใจทำงานให้เต็มที่ และดีที่สุด คือ ตัวเราจะไปโกงเค้าคงไม่มี เพราะเราได้แนวคิดมาจากคุณพ่อ ทำไมต้องเอากระเพาะปลาจากเยาวราชมาทำขายให้ลูกค้า แทนที่จะเป็นหนังหมูก็ได้ ตอนนี้ ผมมาคิดได้ว่า สิ่งที่คุณพ่อทำมีเหตุผล ทั้งเรื่องขายของ หรือแม้แต่ทำบุญที่โรงเจ คุณพ่อคิดว่าบุญจะช่วยปกป้องลูกหลาน แต่ผมมองว่า บุญกุศลที่ผ่านมาได้ถูกถ่ายทอดมาถึงลูกหลาน เรื่องปรัชญาความคิดที่สอนให้เราไม่เอาเปรียบคนอื่น นี้คือพื้นฐานของการมีศีล ศีลที่คุณพ่อได้กระทำให้เห็น ตรงนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานโดยอัตโนมัติ
ในเรื่องของการใฝ่หาความสงบ (จิตใจ) นั้น แรกเริ่มเดิมที หลังจากเรียนจบ เพื่อนๆ มีหนังสือธรรมะ เราก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่พอมาทำธุรกิจอย่างจริงจัง เรื่องเครียดก็มี ไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร การเอาเรื่องธรรมะมาช่วย ทำให้ใจสงบ มีเหตุและต้องมีผล ศีล ทำให้เราคิดดี ทำดี มุ่งประโยชน์ส่วนรวม สมาธิ การมีสติชอบ เหมือนเวลาเราตีลูกเทนนิส สายตาดูบอลก็คือสมาธิ และการมีสติคือ การตีลูกเทนนิสให้ถูกทิศ
หากคนเรามีศีล มีสติ มีปัญหา ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ ปัญหาที่ว่า คือ การดำริออกจากกาม กามที่หมายถึง เอาประโยชน์เข้าตัวเอง ตรงนี้ต้องถอดออกมา แต่ถ้าในหลักศาสนาแล้ว ดำริออกจากกามคือ การปล่อยวาง แต่ถ้าหากคนเราไม่มีศีลแล้ว ก็เปรียบกับเหมือนสัตว์ป่า ฉกฉวยเอาของคนอื่น ดังนั้น เราต้องสลัดความเป็นสัตว์ป่าออกจากกาย ใครที่คิดจะโกงก็โกงได้ แต่โกงได้ครั้งเดียว ต่างจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คนเรารวยได้ เป็นสุขได้ อยู่ที่เราคิด บางแง่มุมที่สะท้อนถึงปัญหาทางสังคม!
สำหรับกิจกรรมในชีวิตที่ทำอยู่ ก็สบายๆ กับครอบครัว ช่วงเช้าก็ออกกำลังกายโดยตีเทนนิสกับภรรยา วิ่งออกกำลังกายรอบบ้านที่อยู่แถวซอยนวลฉวี เนื้อที่ 40 ไร่ หรือไม่ก็จะเดินดูสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด, หงส์ ซึ่งก็มีทั้งหงส์ดำอยู่ 7 ตัว หงส์ขาว 23 ตัว รวมถึงไก่แจ้ ปลูกต้นไม้บ้าง ทั้งต้นกล้วย จัดสวน เพลินดี
ที่มา : ASTV ผู้จัดการรายวัน (16 มกราคม 2552)
เพิ่งรู้ว่า วิศวจุฬารุ่น ปี 2520
ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แวดวงตลาดหุ้นแล้ว น้อยคนไม่มีใครไม่รู้จัก ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ หรือที่รับรู้กันทั่วประเทศ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้แบรนด์ บ้านพฤกษา และเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ที่ยังคงรวยหุ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แม้ครั้งนี้ความรวยจากหุ้นจะหายไป 1,554.79 ล้านบาท แต่ก็ยังครองหุ้นมีมูลค่ารวมถึง 9,599.16 ล้านบาทนี้แค่ส่วนตัว หากนับรวมตระกูล "วิจิตรพงศ์พันธุ์" ก็ไม่น้อยเลย มูลค่า 11,409.66 ล้านบาท
....แต่ความมั่งคั่งนี้ มีที่มาที่ไป
....แม้ไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทอง
....แล้วอะไร คือ แรงบันดาลใจ ที่ผลักดันให้ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการธุรกิจอสังหาฯ จนลูกค้าให้การยอมรับ
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า คุณพ่อเป็นต้นแบบในชีวิตและธุรกิจของผม
โดยพื้นเพแล้ว ผมเป็นคนจังหวัดชลบุรี ครอบครัวมีฐานะระดับล่างของสังคม คุณพ่อมีอาชีพขายกระเพาะปลา ส่วนคุณแม่ทำสวนผัก ตั้งแต่เด็กผมก็เห็นคุณพ่อหาบถังรูปทรงกลม (สูง 60 เซนติเมตร) ที่ใส่กระเพาะปลาไปขาย ขายตั้งแต่เที่ยงวันไปจนถึงเที่ยงคืน คุณพ่ออดทนและซื่อสัตย์ในอาชีพ กำไรก็ไม่มากประมาณ 20 บาท แต่เป็นความภาคภูมิใจที่มีอาชีพสุจริต หาเลี้ยงครอบครัวและลูกๆ ทั้ง 7 คน
ซึ่งในบางครั้ง ตน (ในช่วงที่ยังเป็นเด็กอยู่) ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพ่อทำ ทั้งๆ ที่น่าจะดีในเรื่องของรายได้ อย่างภาพที่เห็น ตามงานวัดในช่วงที่มีงาน ก็จะมีการขายกระเพาะปลาที่ธรรมดาทั่วไป แต่คุณพ่อต้องไปซื้อกระเพาะปลาที่ย่านเยาวราชมาทำ ทั้งที่จริงแล้วเอาหนังหมูมาแทนก็ได้ แต่ไม่ทำ เวลาขาย ก็ขายในราคาชาม 50 สตางค์ แต่คุณอาของผมขายชามละ 1 บาท
สิ่งที่เราเห็นตั้งแต่เด็ก คุณพ่อกำลังสอนเรา สอนด้วยการกระทำ อย่าเอาเปรียบผู้ซื้อ ราคาขายก็ควรให้เหมาะกับคนซื้อ เพราะลูกค้าที่กินของเรา ก็อยู่ในซอย คนเหล่านี้มีรายได้ไม่มาก หรือแม้แต่เรื่องทำบุญ คุณพ่อมีเงินก็เข้าไปทำบุญที่โรงเจ ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดของเรา (ที่คิดแย้งอยู่ในใจเหมือนกัน) เพราะครอบครัวเราก็มีเงินน้อย แต่รู้หรือไม่ บุญเหล่านี้ เป็นการทำให้เรากลายเป็นเศรษฐีทางอ้อม ทองมากล่าวถึงวิธีคิดที่ถูกสั่งสมมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่
ในด้านการศึกษาแล้ว แม้จะเรียนจบแค่ป.4 อันเนื่องมาจากฐานะทางครอบครัว แต่นั้น กลับไม่ใช่อุปสรรค ตรงกันข้าม เป็นประสบการณ์ ชีวิต นอกตำราเรียน
หลังจากจบ ป.4 ก็เริ่มมองหางานทำ ซึ่งก็ทำอยู่หลายที่ เป็นลูกจ้างร้านขายยาแถวบางรัก ขายน้ำเก๊กฮวย น้ำจับเลี้ยง ต่อมาเปลี่ยนก็เริ่มมาทำร้านทองแถวประตูน้ำ ก็ทำอยู่ประมาณ 6 ปี ในช่วงนี้ ก็คิดว่าควรมองหาโอกาสที่ดีๆ ประกอบกับพี่สาวคนโต ก็อยากให้เรียนต่อ ก็ไปเรียนกวดวิชา จนสามารถสอบได้ ป.5-7 และในช่วงนี้ ก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ก่อน 6 โมงเย็นก็ทำงาน หลังจากนั้นก็ไปเรียนถึง 3 ทุ่ม เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ก่อนที่จะสอบเทียบชั้นเรื่อยๆ จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 และเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ศึกษาอยู่ 2 ปี แล้วสอบเอ็นทรานซ์ติดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการโยธา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อปี 2524
แต่เบื้องลึกจริงๆแล้ว ที่เลือกเรียนวิศวกรรม ก็ด้วย ค่าใช้จ่าย ทั้งนั้น สมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ เพื่อนๆ ก็เลือกเรียนแพทย์ แต่เรามาคำนวณแล้ว ค่าใช้จ่ายแพงมากๆ เรียนแพทย์ 2 แสนบาท เรียนวิศวะ ช่วง 4 ปี ค่าใช้จ่าย 30,000 บาท ซึ่งระหว่างเรียนเราก็ได้ทุนการศึกษา บวกกับเงินเก็บบางส่วนและเงินจากทางบ้านมาช่วย สุดท้ายก็เรียนจบ 4 ปี สมกับความตั้งใจ
พอจบมาก็เริ่มต้นชีวิตอาชีพวิศวกรที่เรียนมาแห่งแรกคือ บริษัท พี.ซี.เอ็ม ทำธุรกิจผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูป ซึ่งเราก็ทำงานให้เต็ม หลังจากอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ก็ไปเริ่มงานบริษัทในเครือญาติของบริษัท นพวงศ์ ก่อสร้าง และ หจก.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง อยู่ประมาณ 2 ปี ซึ่งหน้าที่หลัก คือ เวลามีงาน เราก็ไปประมูลงานเข้ามา เรื่องนี้ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูง เราต้องทำให้หัวหน้างานไว้วางใจ เพื่อจะได้ไม่เกิดความกังวลไม่พะวง
ช่วงชีวิตทำงาน ก็สนุกดี เงินเดือนก็พอใช้ ตอนนั้น 6,000-10,000 บาท แต่ก็มีบางเดือนไม่พอใช้ หมดไปกับการดูแลเพื่อนฝูง บางวันถึงขั้นต้องไปหยิบยืมเพื่อนฝูง ทั้งๆ ที่เงินเดือนน้อยกว่าเราอีก ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้พบเจอกันอีก เสี้ยวหนึ่งของเศรษฐีหุ้น
หลังจากที่วนเวียนอยู่ในอาชีพมนุษย์เงินเดือนแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัว โดยออกมาทำงานรับเหมาเอง ก็เริ่มประมาณปี 2527 งานแรกก็ก่อสร้างสะพาน โดยเป็นรับเหมาช่วง ทำอยู่ 1 ปีกว่าจะเสร็จ ก็เป็นอะไรที่ยากและลำบาก ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะเครดิตที่เราทำงานมาตั้งแต่อดีต แม้เราจะไม่มีทุนเราก็ได้งาน ซึ่งก็ต้องลงทุนเอง แต่สุดท้ายก็ทำจนเสร็จ ถึงจะไม่มีกำไรก็ตาม ต่อจากนั้น ก็ได้รับงานทำครัวการบินไทย ซึ่งทาง ช.การช่างโตคิว เห็นเรามีความตั้งใจและทำงานได้ดีจากผลงานที่ผ่านมา ก็ทำอยู่ 1 ปีจึงแล้วเสร็จ
เรามองแล้วว่าการเป็นผู้รับเหมาช่วง โอกาสที่จะได้กำไรมากๆ คงต่ำ สู้ไปทำเองโดยตรงจะดีกว่า โดยงานที่เข้าไปจะมีหลากหลาย ทั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทำไซโลโรงปูนของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง รวมถึงดิโอสยามพลาซ่า ของบริษัทสยามสินธร มูลค่า 250 ล้านบาท และเป็นงานสุดท้ายที่เข้าไปรับเหมาก่อสร้าง
ในส่วนของการเข้าสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรนั้น เริ่มจากเพื่อนจากประเทศญี่ปุ่นชักชวนไปดูบ้าน ทำให้มีโอกาสได้เห็นโครงการจัดสรรต่างๆ และคิดว่า หากเราสามารถทำได้ราคาถูกลง 10-20% ก็จะเป็นเรื่องที่ดี จึงตัดสินใจทำโครงการบ้านจัดสรรขายในปี 2535 ภายใต้บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง โครงการแรกบ้านเดี่ยวในซอยอาภาภิรม ถนนรัชดาภิเษก ราคา 5 ล้านบาท และทำโครงการทาวน์เฮาส์ ในซอยสุขุมวิท 101 อีกจำนวน 13 หลัง ราคาขายตอนนั้น 1.3-1.5 ล้านบาท ซึ่งแรกๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน ขายไม่ค่อยได้ แต่สุดท้ายก็หมด
หลังจากนั้นในปี 2536 ก็เริ่มมาทำโครงการบ้านราคาถูก ซึ่งที่มาที่ไปเกิดได้แนวคิดมาจากการไปฟังปาฐกถาของอดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ที่มองว่า บ้านราคาต่ำกว่า 6 แสนบาทขายได้ จึงเริ่มมาศึกษาและหาข้อมูล ไปดูว่าโครงการของคู่แข่งทาวน์เฮาส์ไหนขายดีไม่ดี ทำเลเป็นอย่างไร เราก็มานำมาเลียนแบบ โดยปรับปรุงเรื่องทำเล ราคา ให้สอดคล้องกับสินค้าที่จะทำ เราอาจจะโชคดีตรงที่มีพื้นทางด้านการก่อสร้าง ก็น่าจะพัฒนาบ้านให้มีต้นทุนต่ำได้ และในที่สุดจึงก่อตั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ขึ้นมา โดยเริ่มพัฒนาโครงการแรกภายใต้แบรนด์ บ้านพฤกษา 1 ย่านรังสิต คลอง 8 ภายในเดือนเศษสามารถขายหมดเกลี้ยง
ชื่อของบริษัทพฤกษาฯ เป็นชื่อที่หมายถึงต้นไม้ ร่มรื่น ฟังแล้วดูดี ไม่ต้องไปหาหลวงพ่อเพื่อตั้งชื่อ ทองมากล่าวติดตลก
จากจุดเริ่มต้นของบ้านพฤกษา 1 จนถึงปัจจุบันแล้ว บริษัทพฤกษาฯ มีวิวัฒนาการและเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วอยู่ในวงการอสังหาฯ มากว่า 15 ปี (2536-2551) มีโครงการออกสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 124 โครงการ จำนวน 57,000 หน่วย (หรืออีกความหมาย คือ ทำให้คนมีความมั่นคงในชีวิตเพิ่มมากขึ้น) ต่างจากความคิดแรกๆ ที่ทำโครงการ เราก็ไม่เคยคิดว่า พฤกษา จะเติบโตมาถึงปัจจุบันได้
ความสำเร็จที่ทำให้องค์กรนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ก็เนื่องมาจากเวลาทำงาน เรา (ทองมา) ต้องมุ่งมั่นและคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยต้องทำทุกอย่างให้สอดคล้อง อย่างเช่น บริหารเงินเดือนให้พนักงานทุกคน บริหารเงินให้คนงาน การจ่ายเงินให้ผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์) ตรงเวลา ถ้าเรามุ่งมั่น ซื่อตรง และทำงานอย่างเชื่อมั่น เครดิต ติดตัวเราไปตลอด
วิถีความคิดและความตั้งใจทำงานให้เต็มที่ และดีที่สุด คือ ตัวเราจะไปโกงเค้าคงไม่มี เพราะเราได้แนวคิดมาจากคุณพ่อ ทำไมต้องเอากระเพาะปลาจากเยาวราชมาทำขายให้ลูกค้า แทนที่จะเป็นหนังหมูก็ได้ ตอนนี้ ผมมาคิดได้ว่า สิ่งที่คุณพ่อทำมีเหตุผล ทั้งเรื่องขายของ หรือแม้แต่ทำบุญที่โรงเจ คุณพ่อคิดว่าบุญจะช่วยปกป้องลูกหลาน แต่ผมมองว่า บุญกุศลที่ผ่านมาได้ถูกถ่ายทอดมาถึงลูกหลาน เรื่องปรัชญาความคิดที่สอนให้เราไม่เอาเปรียบคนอื่น นี้คือพื้นฐานของการมีศีล ศีลที่คุณพ่อได้กระทำให้เห็น ตรงนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานโดยอัตโนมัติ
ในเรื่องของการใฝ่หาความสงบ (จิตใจ) นั้น แรกเริ่มเดิมที หลังจากเรียนจบ เพื่อนๆ มีหนังสือธรรมะ เราก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่พอมาทำธุรกิจอย่างจริงจัง เรื่องเครียดก็มี ไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร การเอาเรื่องธรรมะมาช่วย ทำให้ใจสงบ มีเหตุและต้องมีผล ศีล ทำให้เราคิดดี ทำดี มุ่งประโยชน์ส่วนรวม สมาธิ การมีสติชอบ เหมือนเวลาเราตีลูกเทนนิส สายตาดูบอลก็คือสมาธิ และการมีสติคือ การตีลูกเทนนิสให้ถูกทิศ
หากคนเรามีศีล มีสติ มีปัญหา ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ ปัญหาที่ว่า คือ การดำริออกจากกาม กามที่หมายถึง เอาประโยชน์เข้าตัวเอง ตรงนี้ต้องถอดออกมา แต่ถ้าในหลักศาสนาแล้ว ดำริออกจากกามคือ การปล่อยวาง แต่ถ้าหากคนเราไม่มีศีลแล้ว ก็เปรียบกับเหมือนสัตว์ป่า ฉกฉวยเอาของคนอื่น ดังนั้น เราต้องสลัดความเป็นสัตว์ป่าออกจากกาย ใครที่คิดจะโกงก็โกงได้ แต่โกงได้ครั้งเดียว ต่างจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คนเรารวยได้ เป็นสุขได้ อยู่ที่เราคิด บางแง่มุมที่สะท้อนถึงปัญหาทางสังคม!
สำหรับกิจกรรมในชีวิตที่ทำอยู่ ก็สบายๆ กับครอบครัว ช่วงเช้าก็ออกกำลังกายโดยตีเทนนิสกับภรรยา วิ่งออกกำลังกายรอบบ้านที่อยู่แถวซอยนวลฉวี เนื้อที่ 40 ไร่ หรือไม่ก็จะเดินดูสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด, หงส์ ซึ่งก็มีทั้งหงส์ดำอยู่ 7 ตัว หงส์ขาว 23 ตัว รวมถึงไก่แจ้ ปลูกต้นไม้บ้าง ทั้งต้นกล้วย จัดสวน เพลินดี
ที่มา : ASTV ผู้จัดการรายวัน (16 มกราคม 2552)
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 4
เคยอ่านบทความนี้เหมือนกันครับ น่าชื่นชมจริงๆ
เคยเห็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตและเส้นทางธุรกิจของคุณทองมานะครับ แต่ไม่ได้ซื้อ
จนมาตอนนี้สนใจอยากจะอ่านแต่ดันจำชื่อเล่มไม่ได้ มีท่านไหนรู้มั่งครับ...
เคยเห็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตและเส้นทางธุรกิจของคุณทองมานะครับ แต่ไม่ได้ซื้อ
จนมาตอนนี้สนใจอยากจะอ่านแต่ดันจำชื่อเล่มไม่ได้ มีท่านไหนรู้มั่งครับ...
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 5
เทียบเศรษฐีหุ้น
แก้ไขล่าสุดโดย ครรชิต ไพศาล เมื่อ อังคาร พ.ย. 10, 2009 4:50 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 9
ถ้าว่างๆ แล้วช่วยมาเป็นนายกฯ ให้ประเทศไทยหน่อย
สัก 4 ปี...น่าจะดีมากๆ เลยสำหรับประเทศไทยของเรา
สัก 4 ปี...น่าจะดีมากๆ เลยสำหรับประเทศไทยของเรา
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 10
น่าชมเชยจริงๆสำหรับคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรเลย
ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ
ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจร
โพสต์ที่ 11
สิ่งที่เราเห็นตั้งแต่เด็ก คุณพ่อกำลังสอนเรา สอนด้วยการกระทำ อย่าเอาเปรียบผู้ซื้อ ราคาขายก็ควรให้เหมาะกับคนซื้อ เพราะลูกค้าที่กินของเรา ก็อยู่ในซอย คนเหล่านี้มีรายได้ไม่มาก หรือแม้แต่เรื่องทำบุญ คุณพ่อมีเงินก็เข้าไปทำบุญที่โรงเจ ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดของเรา (ที่คิดแย้งอยู่ในใจเหมือนกัน) เพราะครอบครัวเราก็มีเงินน้อย แต่รู้หรือไม่ บุญเหล่านี้ เป็นการทำให้เรากลายเป็นเศรษฐีทางอ้อม ทองมากล่าวถึงวิธีคิดที่ถูกสั่งสมมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่
ชอบมากเลยครับวิถีความคิดและความตั้งใจทำงานให้เต็มที่ และดีที่สุด คือ ตัวเราจะไปโกงเค้าคงไม่มี เพราะเราได้แนวคิดมาจากคุณพ่อ ทำไมต้องเอากระเพาะปลาจากเยาวราชมาทำขายให้ลูกค้า แทนที่จะเป็นหนังหมูก็ได้ ตอนนี้ ผมมาคิดได้ว่า สิ่งที่คุณพ่อทำมีเหตุผล ทั้งเรื่องขายของ หรือแม้แต่ทำบุญที่โรงเจ คุณพ่อคิดว่าบุญจะช่วยปกป้องลูกหลาน แต่ผมมองว่า บุญกุศลที่ผ่านมาได้ถูกถ่ายทอดมาถึงลูกหลาน เรื่องปรัชญาความคิดที่สอนให้เราไม่เอาเปรียบคนอื่น นี้คือพื้นฐานของการมีศีล ศีลที่คุณพ่อได้กระทำให้เห็น ตรงนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานโดยอัตโนมัติ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 13
มูลค่าหุ้นนี้ มันแปลกดีนะ
เวลาเขาขาย กันเมื่อต้นปี PS ขายลงไปอยู่ที่ 4 บาท
ทำให้มูลค่าหุ้นของคุณ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ลงไปอยู่แถว 5000 ล้านบาท
เวลาเขาไล่ราคาซื้อกัน ไล่กันพักไม่ผ่อน ดันราคากันจนขึ้นไปถึง 16 บาท
จากเดือน 4 ที่ 4 บาท มาเดือน 10 ที่ 16 บาท ใช้เวลา 7 เดือน 400%
ถ้าพูดว่า มีอยู่ 4 บาท กลายเป็น 16 บาท มันไม่ค่อยตกใจเท่าไร
แต่พอคูณจำนวนเข้าไปแล้ว ตกกะใจ :shock:
จาก 5 พันล้าน เป็น 2 หมื่นล้าน
กลายเป็นเศรษฐีหุ้นอับดับ 1 แซงคุณ อนันต์ LH ขึ้นมาเลย
เวลาเขาขาย กันเมื่อต้นปี PS ขายลงไปอยู่ที่ 4 บาท
ทำให้มูลค่าหุ้นของคุณ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ลงไปอยู่แถว 5000 ล้านบาท
เวลาเขาไล่ราคาซื้อกัน ไล่กันพักไม่ผ่อน ดันราคากันจนขึ้นไปถึง 16 บาท
จากเดือน 4 ที่ 4 บาท มาเดือน 10 ที่ 16 บาท ใช้เวลา 7 เดือน 400%
ถ้าพูดว่า มีอยู่ 4 บาท กลายเป็น 16 บาท มันไม่ค่อยตกใจเท่าไร
แต่พอคูณจำนวนเข้าไปแล้ว ตกกะใจ :shock:
จาก 5 พันล้าน เป็น 2 หมื่นล้าน
กลายเป็นเศรษฐีหุ้นอับดับ 1 แซงคุณ อนันต์ LH ขึ้นมาเลย
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
- kidtykat
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 1
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 14
พอดีผมเพิ่งซื้อบ้านกลับพฤกษาครับ
โครงการพฤกษาวิลล์17 ซอยพุทธบูชา36 เจอปัญหาน้ำท่วมครับ ยังไม่ได้รับการแก้ไขครับ ทางโครงการบอกปกติครับ (ผมได้แต่เซ็งครับบ้านหลังแรก)
รบกวนพี่ๆ ช่วยแนะนำหน่อยครับผมจะติดต่อกับผู้บริหารอย่างไรได้บ้างครับ
โครงการพฤกษาวิลล์17 ซอยพุทธบูชา36 เจอปัญหาน้ำท่วมครับ ยังไม่ได้รับการแก้ไขครับ ทางโครงการบอกปกติครับ (ผมได้แต่เซ็งครับบ้านหลังแรก)
รบกวนพี่ๆ ช่วยแนะนำหน่อยครับผมจะติดต่อกับผู้บริหารอย่างไรได้บ้างครับ
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 15
ชอบมากครับ ศึกษาประวัติแบบนี้ :oops:
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
- โอบาน่า
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 17
โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ในสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลับ โรงพยาบาล เซ็นทรัล บิ๊กซี ฯลฯ มูลค่าโครงการหลายพันล้าน แต่ถ้าเทียบต่อยูนิตแล้วราคาบ้านถูกมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ต้นทุนในการสร้างบ้านถูกมาก เช่น ระบบการก่อสร้างซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เลยจุดคุ้มทุนแล้ว อีกทั้งยังได้แรงงานรวมถึงช่างฝีมือราคาถูก จริงๆแล้ว pattren ของบ้านเป็น mass product ช่างจึงไม่จำเป็นต้องใช้งานฝีมือมาก level ของช่างจึงค่อนข้างจะต่ำ เน้นวิศวกรคุมงานให้ได้ตามสเปกสูงสุด(อันนี้วิศวกรก็เหนื่อยหน่อยต้องคอย control ผรม.) ซึ่งตรงตาม cost กับทางบริษัทที่ไม่ต้องการช่างฝีมือคุณภาพสูง มาต่อเรื่องระบบงานสาธารณูปโภค มีข้อผิดพลาดในการก่อสร้างมากเลยทีเดียว เช่น ดินถมเป็นดินเหนียวอีกทั้งระยะเวลาcompactตัวของดินน้อยมาก ถมเสร็จก็สร้างกันเลย ถึงจะตอกเข็มปูพรมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ดินลูกรังสำหรับเทถนนคอนกรีตก็เป็นหินใหญ่ปนซะเยอะ บางจุดก็บางเกินไป สังเกตุได้จากถนนแตกง่าย ซ่อมบ่อย ท่อระบายน้ำตามถนนหลัก ไม่มีการปรับทรายหรือเทคอนกรีตรองพื้น วางบนพื้นดินโดยตรง ถ้าตรงจุดไหนดินแข็งก็ดีไป ถ้าเจอดินอ่อนแล้วมีรถวิ่งผ่านก็จะทรุดได้ง่าย ยังดีที่โครงการสร้างทีหลังหมู่บ้านอื่นทำให้ระดับในโครงการสูงกว่าที่อืนอยู่พอสมควร ไม่งั้นคงเป็นพื้นที่รับน้ำจากโครงการอื่นแน่ๆครับ แต่งานที่ออกมาถือว่าดีใช้ได้สำหรับราคาบ้านในทำเลนี้ครับ ร่ายซะยาวเลย อ่านเอาเล่นๆนะครับkidtykat เขียน:พอดีผมเพิ่งซื้อบ้านกลับพฤกษาครับ
โครงการพฤกษาวิลล์17 ซอยพุทธบูชา36 เจอปัญหาน้ำท่วมครับ ยังไม่ได้รับการแก้ไขครับ ทางโครงการบอกปกติครับ (ผมได้แต่เซ็งครับบ้านหลังแรก)
รบกวนพี่ๆ ช่วยแนะนำหน่อยครับผมจะติดต่อกับผู้บริหารอย่างไรได้บ้างครับ
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านประวัติไม่้ซื้งหรอกครับพี่
โพสต์ที่ 19
อยากรู้จักคุณทองมาให้มากๆ ลองไปสมัครเป็นวิศวกร ช่างเทคนิค
หรือกระทั่งคนงาน
หรือไม่ก็ลองไปเป็นผู้รับเหมา หรือขายของให้สิ จะได้รู้ รับรองซึ้งกว่านี้อีก
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพอได้ทำงานกับ บมจ ps แล้วยังคิดแบบเดิมอีกหรือเปล่าไม่รับประกันน่ะ
หรือกระทั่งคนงาน
หรือไม่ก็ลองไปเป็นผู้รับเหมา หรือขายของให้สิ จะได้รู้ รับรองซึ้งกว่านี้อีก
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพอได้ทำงานกับ บมจ ps แล้วยังคิดแบบเดิมอีกหรือเปล่าไม่รับประกันน่ะ
- โอบาน่า
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อ่านประวัติไม่้ซื้งหรอกครับพี่
โพสต์ที่ 20
ช่วงที่เรียนโทอยู่ ผมมีเวลาเยอะเลยไปรับงาน ps ในฐานะ ผรม. อยู่ประมาณ 3 โครงการ ยอมรับว่าที่นี่เงินออกตรงเวลามากๆ แต่ราคางานต่ำติดดิน ทำไม่จบซักโครงการ เพราะว่า ผจก.โครงการ หรือ วิศวกรควบคุมงาน หรือ โฟร์แมน กินนอกกินในกับ ผรม. กันหรือไม่ก็กินดิน หิน ทราย กันจนพุงปลิ้น ออกจากงานมาแบบขาดทุน สองโครงการ เสมอตัวหนึ่งโครงการ นี่ขนาดผมวางระบบการทำงานตัวเองแบบเซฟๆ แล้วนะ แต่มันส์ดีครับงานmemphone เขียน:อยากรู้จักคุณทองมาให้มากๆ ลองไปสมัครเป็นวิศวกร ช่างเทคนิค
หรือกระทั่งคนงาน
หรือไม่ก็ลองไปเป็นผู้รับเหมา หรือขายของให้สิ จะได้รู้ รับรองซึ้งกว่านี้อีก
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพอได้ทำงานกับ บมจ ps แล้วยังคิดแบบเดิมอีกหรือเปล่าไม่รับประกันน่ะ
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
โพสต์ที่ 21
3 ปีที่แล้วตอนที่กำไรพันกว่าล้าน เห็นบอกว่าจะเป็น เบอร์ หนึ่งในไทยภายใน 2553 --->ตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้ว
ตอนนี้เห็นประกาศว่า อีก แปดปีข้างหน้า จะทำยอดขายเป็น แสนล้าน
ถ้าทำได้จริง ผมหล่ะตื่นเต้นแทนเลยจริงๆ
ตอนนี้ผมไม่ได้ลุ้นผลประกอบการในประเทศแล้ว
ลุ้นแค่ว่า โครงการนำร่องที่อินเดีย กับ เวียดนามจะประสบผลสำเร็จกลับมาหรือไม่ หากสำเร็จงดงาม เป้าหมายที่วางเอาไว้ คงไม่ไกลเกินเอื้อม
ชอบมากครับ ชอบ Vision ของแก ชอบการปรับ Organization ใหม่ ให้เหมาะกับทิศทางบริษัท และทีมงานที่มีคนเก่งๆ เข้ามาช่วยบริหาร ที่สำคัญชอบกลยุทธ์ธุรกิจ ทั้งเรื่องตัวสินค้าและวิธีบริหาร เงินสด
สุดยอดครับ
ตอนนี้เห็นประกาศว่า อีก แปดปีข้างหน้า จะทำยอดขายเป็น แสนล้าน
ถ้าทำได้จริง ผมหล่ะตื่นเต้นแทนเลยจริงๆ
ตอนนี้ผมไม่ได้ลุ้นผลประกอบการในประเทศแล้ว
ลุ้นแค่ว่า โครงการนำร่องที่อินเดีย กับ เวียดนามจะประสบผลสำเร็จกลับมาหรือไม่ หากสำเร็จงดงาม เป้าหมายที่วางเอาไว้ คงไม่ไกลเกินเอื้อม
ชอบมากครับ ชอบ Vision ของแก ชอบการปรับ Organization ใหม่ ให้เหมาะกับทิศทางบริษัท และทีมงานที่มีคนเก่งๆ เข้ามาช่วยบริหาร ที่สำคัญชอบกลยุทธ์ธุรกิจ ทั้งเรื่องตัวสินค้าและวิธีบริหาร เงินสด
สุดยอดครับ