ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1488
- ผู้ติดตาม: 0
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
ก้าวแรกของการลงทุนแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน บางคนช้าและบางคนเร็ว แต่สุดท้าย คือ มีเป้าหมายเดียวกันที่ต้องการประสบความสำเร็จในแวดวงตลาดทุน และวันนี้ Management's Lifestyle จะพาไปร่วมพูดคุยกับนักลงทุนเลือดใหม่ไฟแรง อายุเพียง 24 ปี กับ สถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ ฮง กับแนวทางวิเคราะห์ Fund Flow หนทางสู่ชัยชนะ
ฮง เด็กหนุ่มวัย 24 ปี ผู้ที่เคยมีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทำบ้านเดี่ยว-คอนโด แต่ด้วยเสน่ห์ของวงการตลาดหุ้นที่เย้ายวนด้วยผลตอบแทน ทำให้เขาเบนเข็มเข้าสู่ถนนแห่งการลงทุน ฮง เริ่มลงทุนเมื่อปี 2547 ตอนเรียนปี 1 ที่ม.กรุงเทพ ด้วยอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น หลังจากเพื่อนได้เล่าประสบการณ์ในตลาดทุนที่ประสบความสำเร็จได้กำไรมาค่อนข้างมาก โดยเพื่อนของเขา ได้ลงทุนในปี 2546 ในกลุ่มสื่อสารอย่าง SHIN-ADVANC ซึ่งตอนนั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะกระทิงดุ แต่ก้าวแรกของการลงทุนของ ฮง กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่วาดฝันไว้ กลายเป็นแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ เพราะยังศึกษาตลาดไม่ดีพอและขาดประสบการณ์ ทำให้ปีนั้นเขาขาดทุน 10%
สำหรับเงินลงทุนก้อนแรกของ ฮง เริ่มที่ 100,000 บาท จากเงินสะสมของตัวเอง ความล้มเหลวในปีแรกของการลงทุนที่ขาดทุน 10% เพราะการลงทุนที่อิงหนังสือพิมพ์ โดยจะดูเฉพาะที่นักวิเคราะห์เชียร์ และจากการผิดพลาดในการลงทุนครั้งนี้ ทำให้เขากลับมาคิดทบทวนใหม่ และได้รู้ว่าหุ้นที่นักวิเคราะห์เชียร์เป็นหุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากแล้ว
"เพื่อนบอกว่าเล่นหุ้นแล้วง่าย แต่จริงๆ มันไม่ง่าย คือ เวลาเราเข้ามาในตลาดหุ้นใหม่ๆ แล้วได้กำไร มักจะคิดไปเองว่าเก่ง แต่ความเป็นจริงแล้วภายใต้ตลาดฯ ขาขึ้น หุ้นส่วนใหญ่มันขึ้นหมด แต่เราไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่มีการบริหารความเสี่ยงว่า เวลาราคาหุ้นขึ้นเราจะต้องตั้งจุดรักษากำไรไว้เท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าราคาหุ้นตัวนี้ประกาศงบออกมา แล้วไม่เป็นอย่างที่คิด ควรขายหุ้นออกไปเท่าไหร่ ตอนเข้ามาใหม่ๆ เราอาจไม่คิดเรื่องนี้เลย อาจจะลุยอย่างเดียว แบบบู้ล้างผลาญ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ"
เขาเล่าว่า หลังจากที่เริ่มเข้ามาคลุกคลีในตลาดหุ้นมากขึ้น มีความรู้สึกว่า เป็นวงการที่มีเสน่ห์ คือ มีความเป็นเป็นอิสระในตัวเอง ถ้าเราคิดว่าภาพเศรษฐกิจไม่ดี เราสามารถขายหุ้นทิ้งได้หมด ไม่เหมือนการทำธุรกิจที่เราไม่สามารถขายธุรกิจของเราได้ง่ายๆ แม้ว่าเราจะรู้ว่า เศรษฐกิจมันจะเป็นขาลง สมัยเรียนเวลาว่างหลังจากการเรียน ก็จะพยายามไขว่คว้าหาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งอ่าน Research ไปงานสัมมนาต่างๆ รวมถึง SET IN THE CITY-Money Expo
"ลงทุนมาเกือบ 5 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เงินลงทุนหลักล้านบาท และคิดว่าอีกสี่ห้าปีจะระดับสิบล้านบาท โดยคิดอย่าง Conservative เพราะว่าปีนี้หุ้นดี ทำให้ได้กำไร 105% ปีก่อนขาดทุน 15% ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้ระดับถึง 100% ซึ่งจุดที่ประสบความสำเร็จในแง่ของนักลงทุน อยากได้เงินปันผลปีละประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้เราถือว่าเรา Success แล้ว"
หลังจากที่เรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์มาสักระยะหนึ่ง ทำให้มุมมองการลงทุนของเขา มีมุมมองที่เปลี่ยนไป โดยเน้นลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐาน โดยดู Fund Flow ของต่างประเทศเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาลงทุน เพราะเชื่อว่าสิ่งที่กำหนดราคาหุ้นไม่ได้มีแค่ปัจจัยพื้นฐาน แต่ขึ้นอยู่กับกระแสเงินที่มีการโยกเข้ามาด้วยที่จะมีผลต่อราคาหุ้น
แนวคิดเรื่อง Fund Flow จะเป็นการวิเคราะห์แนวทางการไหลของเงิน ตั้งสมมติว่า ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น แสดงว่ามีเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตร ก็จะเป็นแนวโน้มที่ดีของหุ้น ซึ่งในปีที่แล้วเขาขายหุ้นที่ดัชนีฯ 590 จุด เพราะตัว LIBOR อัตราการกู้ยืมระหว่างธนาคารพุ่งขึ้น แสดงว่าคนไม่กล้าปล่อยกู้ ก็เลยคิดว่าจะมีปัญหาเงินตรึงตัว แล้วจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทำให้ปรับตัวลดลง
"ผมคิดว่า ราคาหุ้นมันเป็นการเล่นกับพื้นฐานธุรกิจ กระแสเงินและความคาดหวังของผู้คน ผมเลยคิดว่าวิชา Fund Flow, Finance, จิตวิทยา เป็นส่วนหลักที่ผมใช้ลงทุน ซึ่งการตลาดจะเป็นเรื่องการลงทุนระยะยาว ผมคิดว่า คนที่ใช้การตลาดในการเล่นหุ้นจะเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า"
เขาบอกว่า กลุ่มที่ชอบพิเศษ คือ กลุ่มอสังหาฯ เพราะต้นปีนี้หุ้นอสังหาฯ ให้เงินปันผลมากกว่า 10% หลายตัว และราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าซาก ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ยังชอบกลุ่มพลังงาน ปลายปีก่อนหุ้นโรงกลั่นมีเรื่อง Stock Loss จากราคาน้ำมันดิบมาก แต่ต้นปีราคาน้ำมันเริ่มขึ้นมา ก็เลยเข้าไปซื้อหุ้นโรงกลั่น เพราะคิดว่ากำไรจะพลิกกลับได้
"ผมได้เงินจากครอบครัวที่ให้มาเพิ่มอีก 500,000 บาท เพื่อมาลงทุน หุ้นที่ซื้อตั้งแต่ต้นปี คือ TOP-CPF และก็ให้ Capital Gain มหาศาล ถือเป็นหุ้นที่ภูมิใจที่สุด และสาเหตุที่เลือกซื้อ เพราะปีที่แล้ว TOP มีกำไรต่ำมาก จากราคาน้ำมัน Q4/52 ปรับลดลงเยอะ และราคาน้ำมันก็ผกผันกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเราดูว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัว ราคาน้ำมันเลยน่าจะขึ้น จึงคาดว่ากำไรของบริษัทน่าจะพลิกกลับมาดีขึ้นอย่างมาก
เขาเล่าว่า ช่วงแรกของการลงทุนก็ลงทุนตามสไตล์ของตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสรู้จักคุณนรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ (สุมาอี้) ซึ่งนับถือเขาเป็นอาจารย์ โดยกลยุทธ์ของสุมาอี้ คือ จะเน้นลงทุนหุ้นเติบโต ประมาณ 4 - 5 ตัว ตัวละ 20 - 25% ของพอร์ต และไม่สนใจการแกว่งตัวของราคาหุ้นระยะสั้น เพราะหุ้นที่เติบโตระยะสั้นราคาหุ้นจะผันผวน แต่ระยะยาวถ้ามีการกระจายความเสี่ยงหุ้นทั้งพอร์ตจะเติบโต หลักการลงทุนที่ได้รับมาจากเขา ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ 1. มุมมองใดๆ จะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองในตลาดไม่เห็นด้วยกับคุณ และ 2. ถ้าคิดว่ามีสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนีไว้ก่อน
อีกคนที่นับถือ คือ คุณวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล บล.ทิสโก้ เพราะเขาเคยทำงานกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แล้วเขาจะมีมุมมองเรื่อง Fund Flow ค่อนข้างดี ซึ่งหนังสือที่เขาเขียนเป็นหนังสือในดวงใจของผม คือ มันนี่เกม นอกจากนี้ผมติดตามเวลาที่เขียน Research หรือเวลาที่เขามีอบรมหรือสัมมนาผมก็จะตามไปฟัง
"การเล่นหุ้นของลูกศิษย์กับอาจารย์จะไม่ค่อยเหมือนกัน โดยอาจารย์จะเน้นเติบโตต่อเนื่อง แต่ผมจะเล่นหุ้นที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรไว้ต่ำกว่าที่ผมคิด แต่พองบการเงินออกแล้วมีการปรับประมาณการกำไรขึ้น ช่วงที่ปรับประมาณการราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งผมจะไม่ได้สนใจคุณภาพธุรกิจมาก แต่ผมจะสนใจว่าต้นทุนหุ้นที่ผมถืออยู่ คือ คนควรจะคาดหวังมันต่ำ ผมถึงจะมี Downside น้อย และ Upside เยอะ"
ฮง ให้มุมมองจากนี้ถึงสิ้นปีว่า Fund Flow น่าจะเริ่มชะลอ เพราะผลตอบแทนของตลาดหุ้นเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตร ตอนนี้อยู่ในระดับที่ไม่จูงใจให้โยกย้ายเม็ดเงินเข้ามา เพราะมันเริ่มน้อย คิดว่าจะมีการขายหุ้นปรับพอร์ตแล้วไปซื้อพันธบัตร ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในปีหน้า น่าจะเล่นยาก เพราะว่าไตรมาส 1 2 Book Value ของ SET อยู่ที่ 1 เท่า ซึ่งถูกเท่ากับสมัยต้มยำกุ้ง
แต่ตอนนี้ Book Value เกือบ 2 เท่า และปีหน้าอัตราดอกเบี้ยน่าจะขาขึ้น เพราะเงินเฟ้อเริ่มกลับมา ซึ่งดอกเบี้ยแต่ละที่ต่ำมาก ถ้าดอกเบี้ยขาขึ้น ปกติ P/E ของตลาดหุ้นจะลดลง เพราะมีเงินส่วนหนึ่งออกจากตลาดหุ้น และการอัดฉีดเงินของอเมริกาปีหน้าก็น่าจะหมด ทำให้สภาพคล่องน้อยลง และปีหน้ามีความเสี่ยงว่าจีดีพีจะกลับไปถดถอยอีก คือ ปกติเวลาเกิดวิกฤตรอบก่อนจะติดลบ 3 4 ไตรมาส แล้วกลับมาเป็นบวก และจะกลับไปติดลบใหม่อีกครั้ง เรียกว่า Double Dip ซึ่งช่วงที่บวกเพราะกระตุ้นด้วยการอัดฉีดเงิน แต่พอกระตุ้นเยอะแล้วกระสุนหมด กำลังซื้อของคนยังไม่กลับมา จีดีพีก็จะติดลบใหม่ ซึ่งมองว่าเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำหรับปีหน้า
สำหรับปรัชญาในการลงทุนของผมนั้นมองว่า 1. หุ้นทุกตัวจะมีวันของมัน 2. ธุรกิจที่ไม่ดีอาจเป็นการลงทุนที่ดี 3. มุมมองใดๆ จะไม่มีค่าถ้าตลาดไม่เห็นด้วย 4. ถ้าเห็นสัญญาณอันตรายให้หนีทันที 5. ก่อนเข้าซื้อหุ้นต้องตอบให้ได้ว่าคนในตลาดฯ คาดหวังสูงหรือต่ำ ถ้าคนในตลาดคาดหวังสูงจะลงทุนไม่เต็มที่ และอยากแนะนำนักลงทุนมือใหม่ว่าถ้าพอร์ต 1 ล้านบาท ในช่วง 1- 2 ปีให้ลงทุน แค่ 1 แสนบาทก่อน และอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และอบรมเรื่องหุ้น การประเมินมูลค่าหุ้น จากนั้น จึงค่อยลงทุนเต็มวงเงิน เพราะหากขาดทุนเงินที่ได้คืนมาอาจใช้เวลานาน
สำหรับ ฮง นอกเหนือจากบทบาทนักลงทุนแล้ว เขายังทำหน้าที่ดูแลบริหารงานที่บ้าน ซึ่งทำโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยทำมากว่า 10 ปี ภายใต้แบรนด์ของตัวเองชื่อ BASINI และ NASA จับกลุ่มลูกค้าเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อยืดโปโล โดยจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น นอกจากนี้ธุรกิจครอบครัวของฮงยังมีธุรกิจขายต้นไม้ลีลาวดี ชื่อสวน ลีลาภิรมย์ อยู่ ซอยเทียนทะเล บางขุนเทียน อีกด้วย ใครสนใจหรืออยากเจอเจ้าตัวก็แวะเวียนไปได้ และเมื่อถามถึงเจ้าของหัวใจ ฮง ตอบว่า ตอนนี้หัวใจยังว่าง ซึ่งสเปกของเขา ชอบผู้หญิงหวานและเรียบร้อย
แม้ว่า ฮง จะอายุน้อย แต่ด้วยความขยันหมั่นเพียร และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ที่สำคัญเขามักเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนในการปรับปรุงแก้ไข เพื่อเป็นแนวทางชี้นำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งคงต้องจับตาดูว่า หนุ่มผู้นี้ จะเดินทางไปสู่ฝันที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่ และหากใครต้องการคุยกับเขาสามารถไปคุยได้ที่ Blog http://hongvalue.wordpress.com/
By : พัทธนันท์ เปี่ยมสมบรูณ์
eFinanceThai.com
http://www.efinancethai.com/lifestyle/f ... sathaporn1
ก้าวแรกของการลงทุนแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน บางคนช้าและบางคนเร็ว แต่สุดท้าย คือ มีเป้าหมายเดียวกันที่ต้องการประสบความสำเร็จในแวดวงตลาดทุน และวันนี้ Management's Lifestyle จะพาไปร่วมพูดคุยกับนักลงทุนเลือดใหม่ไฟแรง อายุเพียง 24 ปี กับ สถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ ฮง กับแนวทางวิเคราะห์ Fund Flow หนทางสู่ชัยชนะ
ฮง เด็กหนุ่มวัย 24 ปี ผู้ที่เคยมีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทำบ้านเดี่ยว-คอนโด แต่ด้วยเสน่ห์ของวงการตลาดหุ้นที่เย้ายวนด้วยผลตอบแทน ทำให้เขาเบนเข็มเข้าสู่ถนนแห่งการลงทุน ฮง เริ่มลงทุนเมื่อปี 2547 ตอนเรียนปี 1 ที่ม.กรุงเทพ ด้วยอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น หลังจากเพื่อนได้เล่าประสบการณ์ในตลาดทุนที่ประสบความสำเร็จได้กำไรมาค่อนข้างมาก โดยเพื่อนของเขา ได้ลงทุนในปี 2546 ในกลุ่มสื่อสารอย่าง SHIN-ADVANC ซึ่งตอนนั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะกระทิงดุ แต่ก้าวแรกของการลงทุนของ ฮง กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่วาดฝันไว้ กลายเป็นแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ เพราะยังศึกษาตลาดไม่ดีพอและขาดประสบการณ์ ทำให้ปีนั้นเขาขาดทุน 10%
สำหรับเงินลงทุนก้อนแรกของ ฮง เริ่มที่ 100,000 บาท จากเงินสะสมของตัวเอง ความล้มเหลวในปีแรกของการลงทุนที่ขาดทุน 10% เพราะการลงทุนที่อิงหนังสือพิมพ์ โดยจะดูเฉพาะที่นักวิเคราะห์เชียร์ และจากการผิดพลาดในการลงทุนครั้งนี้ ทำให้เขากลับมาคิดทบทวนใหม่ และได้รู้ว่าหุ้นที่นักวิเคราะห์เชียร์เป็นหุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากแล้ว
"เพื่อนบอกว่าเล่นหุ้นแล้วง่าย แต่จริงๆ มันไม่ง่าย คือ เวลาเราเข้ามาในตลาดหุ้นใหม่ๆ แล้วได้กำไร มักจะคิดไปเองว่าเก่ง แต่ความเป็นจริงแล้วภายใต้ตลาดฯ ขาขึ้น หุ้นส่วนใหญ่มันขึ้นหมด แต่เราไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่มีการบริหารความเสี่ยงว่า เวลาราคาหุ้นขึ้นเราจะต้องตั้งจุดรักษากำไรไว้เท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าราคาหุ้นตัวนี้ประกาศงบออกมา แล้วไม่เป็นอย่างที่คิด ควรขายหุ้นออกไปเท่าไหร่ ตอนเข้ามาใหม่ๆ เราอาจไม่คิดเรื่องนี้เลย อาจจะลุยอย่างเดียว แบบบู้ล้างผลาญ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ"
เขาเล่าว่า หลังจากที่เริ่มเข้ามาคลุกคลีในตลาดหุ้นมากขึ้น มีความรู้สึกว่า เป็นวงการที่มีเสน่ห์ คือ มีความเป็นเป็นอิสระในตัวเอง ถ้าเราคิดว่าภาพเศรษฐกิจไม่ดี เราสามารถขายหุ้นทิ้งได้หมด ไม่เหมือนการทำธุรกิจที่เราไม่สามารถขายธุรกิจของเราได้ง่ายๆ แม้ว่าเราจะรู้ว่า เศรษฐกิจมันจะเป็นขาลง สมัยเรียนเวลาว่างหลังจากการเรียน ก็จะพยายามไขว่คว้าหาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งอ่าน Research ไปงานสัมมนาต่างๆ รวมถึง SET IN THE CITY-Money Expo
"ลงทุนมาเกือบ 5 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เงินลงทุนหลักล้านบาท และคิดว่าอีกสี่ห้าปีจะระดับสิบล้านบาท โดยคิดอย่าง Conservative เพราะว่าปีนี้หุ้นดี ทำให้ได้กำไร 105% ปีก่อนขาดทุน 15% ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้ระดับถึง 100% ซึ่งจุดที่ประสบความสำเร็จในแง่ของนักลงทุน อยากได้เงินปันผลปีละประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้เราถือว่าเรา Success แล้ว"
หลังจากที่เรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์มาสักระยะหนึ่ง ทำให้มุมมองการลงทุนของเขา มีมุมมองที่เปลี่ยนไป โดยเน้นลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐาน โดยดู Fund Flow ของต่างประเทศเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาลงทุน เพราะเชื่อว่าสิ่งที่กำหนดราคาหุ้นไม่ได้มีแค่ปัจจัยพื้นฐาน แต่ขึ้นอยู่กับกระแสเงินที่มีการโยกเข้ามาด้วยที่จะมีผลต่อราคาหุ้น
แนวคิดเรื่อง Fund Flow จะเป็นการวิเคราะห์แนวทางการไหลของเงิน ตั้งสมมติว่า ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น แสดงว่ามีเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตร ก็จะเป็นแนวโน้มที่ดีของหุ้น ซึ่งในปีที่แล้วเขาขายหุ้นที่ดัชนีฯ 590 จุด เพราะตัว LIBOR อัตราการกู้ยืมระหว่างธนาคารพุ่งขึ้น แสดงว่าคนไม่กล้าปล่อยกู้ ก็เลยคิดว่าจะมีปัญหาเงินตรึงตัว แล้วจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทำให้ปรับตัวลดลง
"ผมคิดว่า ราคาหุ้นมันเป็นการเล่นกับพื้นฐานธุรกิจ กระแสเงินและความคาดหวังของผู้คน ผมเลยคิดว่าวิชา Fund Flow, Finance, จิตวิทยา เป็นส่วนหลักที่ผมใช้ลงทุน ซึ่งการตลาดจะเป็นเรื่องการลงทุนระยะยาว ผมคิดว่า คนที่ใช้การตลาดในการเล่นหุ้นจะเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า"
เขาบอกว่า กลุ่มที่ชอบพิเศษ คือ กลุ่มอสังหาฯ เพราะต้นปีนี้หุ้นอสังหาฯ ให้เงินปันผลมากกว่า 10% หลายตัว และราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าซาก ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ยังชอบกลุ่มพลังงาน ปลายปีก่อนหุ้นโรงกลั่นมีเรื่อง Stock Loss จากราคาน้ำมันดิบมาก แต่ต้นปีราคาน้ำมันเริ่มขึ้นมา ก็เลยเข้าไปซื้อหุ้นโรงกลั่น เพราะคิดว่ากำไรจะพลิกกลับได้
"ผมได้เงินจากครอบครัวที่ให้มาเพิ่มอีก 500,000 บาท เพื่อมาลงทุน หุ้นที่ซื้อตั้งแต่ต้นปี คือ TOP-CPF และก็ให้ Capital Gain มหาศาล ถือเป็นหุ้นที่ภูมิใจที่สุด และสาเหตุที่เลือกซื้อ เพราะปีที่แล้ว TOP มีกำไรต่ำมาก จากราคาน้ำมัน Q4/52 ปรับลดลงเยอะ และราคาน้ำมันก็ผกผันกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเราดูว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัว ราคาน้ำมันเลยน่าจะขึ้น จึงคาดว่ากำไรของบริษัทน่าจะพลิกกลับมาดีขึ้นอย่างมาก
เขาเล่าว่า ช่วงแรกของการลงทุนก็ลงทุนตามสไตล์ของตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสรู้จักคุณนรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ (สุมาอี้) ซึ่งนับถือเขาเป็นอาจารย์ โดยกลยุทธ์ของสุมาอี้ คือ จะเน้นลงทุนหุ้นเติบโต ประมาณ 4 - 5 ตัว ตัวละ 20 - 25% ของพอร์ต และไม่สนใจการแกว่งตัวของราคาหุ้นระยะสั้น เพราะหุ้นที่เติบโตระยะสั้นราคาหุ้นจะผันผวน แต่ระยะยาวถ้ามีการกระจายความเสี่ยงหุ้นทั้งพอร์ตจะเติบโต หลักการลงทุนที่ได้รับมาจากเขา ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ 1. มุมมองใดๆ จะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองในตลาดไม่เห็นด้วยกับคุณ และ 2. ถ้าคิดว่ามีสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนีไว้ก่อน
อีกคนที่นับถือ คือ คุณวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล บล.ทิสโก้ เพราะเขาเคยทำงานกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แล้วเขาจะมีมุมมองเรื่อง Fund Flow ค่อนข้างดี ซึ่งหนังสือที่เขาเขียนเป็นหนังสือในดวงใจของผม คือ มันนี่เกม นอกจากนี้ผมติดตามเวลาที่เขียน Research หรือเวลาที่เขามีอบรมหรือสัมมนาผมก็จะตามไปฟัง
"การเล่นหุ้นของลูกศิษย์กับอาจารย์จะไม่ค่อยเหมือนกัน โดยอาจารย์จะเน้นเติบโตต่อเนื่อง แต่ผมจะเล่นหุ้นที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรไว้ต่ำกว่าที่ผมคิด แต่พองบการเงินออกแล้วมีการปรับประมาณการกำไรขึ้น ช่วงที่ปรับประมาณการราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งผมจะไม่ได้สนใจคุณภาพธุรกิจมาก แต่ผมจะสนใจว่าต้นทุนหุ้นที่ผมถืออยู่ คือ คนควรจะคาดหวังมันต่ำ ผมถึงจะมี Downside น้อย และ Upside เยอะ"
ฮง ให้มุมมองจากนี้ถึงสิ้นปีว่า Fund Flow น่าจะเริ่มชะลอ เพราะผลตอบแทนของตลาดหุ้นเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตร ตอนนี้อยู่ในระดับที่ไม่จูงใจให้โยกย้ายเม็ดเงินเข้ามา เพราะมันเริ่มน้อย คิดว่าจะมีการขายหุ้นปรับพอร์ตแล้วไปซื้อพันธบัตร ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในปีหน้า น่าจะเล่นยาก เพราะว่าไตรมาส 1 2 Book Value ของ SET อยู่ที่ 1 เท่า ซึ่งถูกเท่ากับสมัยต้มยำกุ้ง
แต่ตอนนี้ Book Value เกือบ 2 เท่า และปีหน้าอัตราดอกเบี้ยน่าจะขาขึ้น เพราะเงินเฟ้อเริ่มกลับมา ซึ่งดอกเบี้ยแต่ละที่ต่ำมาก ถ้าดอกเบี้ยขาขึ้น ปกติ P/E ของตลาดหุ้นจะลดลง เพราะมีเงินส่วนหนึ่งออกจากตลาดหุ้น และการอัดฉีดเงินของอเมริกาปีหน้าก็น่าจะหมด ทำให้สภาพคล่องน้อยลง และปีหน้ามีความเสี่ยงว่าจีดีพีจะกลับไปถดถอยอีก คือ ปกติเวลาเกิดวิกฤตรอบก่อนจะติดลบ 3 4 ไตรมาส แล้วกลับมาเป็นบวก และจะกลับไปติดลบใหม่อีกครั้ง เรียกว่า Double Dip ซึ่งช่วงที่บวกเพราะกระตุ้นด้วยการอัดฉีดเงิน แต่พอกระตุ้นเยอะแล้วกระสุนหมด กำลังซื้อของคนยังไม่กลับมา จีดีพีก็จะติดลบใหม่ ซึ่งมองว่าเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำหรับปีหน้า
สำหรับปรัชญาในการลงทุนของผมนั้นมองว่า 1. หุ้นทุกตัวจะมีวันของมัน 2. ธุรกิจที่ไม่ดีอาจเป็นการลงทุนที่ดี 3. มุมมองใดๆ จะไม่มีค่าถ้าตลาดไม่เห็นด้วย 4. ถ้าเห็นสัญญาณอันตรายให้หนีทันที 5. ก่อนเข้าซื้อหุ้นต้องตอบให้ได้ว่าคนในตลาดฯ คาดหวังสูงหรือต่ำ ถ้าคนในตลาดคาดหวังสูงจะลงทุนไม่เต็มที่ และอยากแนะนำนักลงทุนมือใหม่ว่าถ้าพอร์ต 1 ล้านบาท ในช่วง 1- 2 ปีให้ลงทุน แค่ 1 แสนบาทก่อน และอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และอบรมเรื่องหุ้น การประเมินมูลค่าหุ้น จากนั้น จึงค่อยลงทุนเต็มวงเงิน เพราะหากขาดทุนเงินที่ได้คืนมาอาจใช้เวลานาน
สำหรับ ฮง นอกเหนือจากบทบาทนักลงทุนแล้ว เขายังทำหน้าที่ดูแลบริหารงานที่บ้าน ซึ่งทำโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยทำมากว่า 10 ปี ภายใต้แบรนด์ของตัวเองชื่อ BASINI และ NASA จับกลุ่มลูกค้าเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อยืดโปโล โดยจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น นอกจากนี้ธุรกิจครอบครัวของฮงยังมีธุรกิจขายต้นไม้ลีลาวดี ชื่อสวน ลีลาภิรมย์ อยู่ ซอยเทียนทะเล บางขุนเทียน อีกด้วย ใครสนใจหรืออยากเจอเจ้าตัวก็แวะเวียนไปได้ และเมื่อถามถึงเจ้าของหัวใจ ฮง ตอบว่า ตอนนี้หัวใจยังว่าง ซึ่งสเปกของเขา ชอบผู้หญิงหวานและเรียบร้อย
แม้ว่า ฮง จะอายุน้อย แต่ด้วยความขยันหมั่นเพียร และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ที่สำคัญเขามักเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนในการปรับปรุงแก้ไข เพื่อเป็นแนวทางชี้นำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งคงต้องจับตาดูว่า หนุ่มผู้นี้ จะเดินทางไปสู่ฝันที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่ และหากใครต้องการคุยกับเขาสามารถไปคุยได้ที่ Blog http://hongvalue.wordpress.com/
By : พัทธนันท์ เปี่ยมสมบรูณ์
eFinanceThai.com
http://www.efinancethai.com/lifestyle/f ... sathaporn1
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 2
ตอนนี้หัวใจยังว่าง ซึ่งสเปกของเขา ชอบผู้หญิงหวานและเรียบร้อย
วี๊ดวิ้วววววววววววววววววววววว
วี๊ดวิ้วววววววววววววววววววววว
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 6
เฮ้ย.....เหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อนเนียะ :lol:
555.......น้องฮงหน้าเด็กอย่างเขา เล่าจริงๆ
แสดงความยินดีด้วยกับความสำเร็จ และ ชื่นชม ความขยันครับ
555.......น้องฮงหน้าเด็กอย่างเขา เล่าจริงๆ
แสดงความยินดีด้วยกับความสำเร็จ และ ชื่นชม ความขยันครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชน
โพสต์ที่ 8
ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือchoosak เขียน:ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ 1. มุมมองใดๆ จะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองในตลาดไม่เห็นด้วยกับคุณ และ 2. ถ้าคิดว่ามีสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนีไว้ก่อน
1. มุมมองใดๆ จะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองของผบ ทบ. ไม่เห็นด้วยกับคุณ และ
2. ถ้าคิดว่า ผบ ทบ.มีสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนีไว้ก่อน
ผมว่าปรัชญาของลองมาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตประจำวันได้ด้วยน่ะครับ
เห็นรูปแล้วสมเป็น ฮง babyface จริง ขอซูฮกในความขยันและรอบรู้
แถมมีสเน่ห์กับเพศเดียวกันด้วย กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 10
แหมเค้าสัมภาษณ์เรื่องการลงทุนตั้งเยอะ... เพื่อนๆเล่นมาวิ๊ดวิ๊วเอาตรงย่อหน้าสุดท้ายกันหมดเลย... :lol:
เอ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว... วี๊ดวิ้วด้วยคน :twisted:
เอ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว... วี๊ดวิ้วด้วยคน :twisted:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 12
ไอ้ท่าเอาแขนยกขึ้นมาแถวๆปากนั้น...มันเป็นท่าบังคับของตากล้อง กับนายแบบใ่ช่ป่ะครับ
เวลาผมไปถ่ายรูปให้เพื่อน คิดไรไม่ออก ก็ต้องให้มันทำท่านั้นเหมือนกัน :lol:
ไงก็ ยินดีกับแนวคิดที่ตกผลึกได้ด้วยตัวเองครับ...
เวลาผมไปถ่ายรูปให้เพื่อน คิดไรไม่ออก ก็ต้องให้มันทำท่านั้นเหมือนกัน :lol:
ไงก็ ยินดีกับแนวคิดที่ตกผลึกได้ด้วยตัวเองครับ...
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 13
เยี่ยมไปเลย โดยเฉพาะย่อหน้าสุดท้าย :lol:
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 18
ว้ายยย หล่อน...
เอะ ไม่ใช่สิ :D
เอะ ไม่ใช่สิ :D
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 20
เข้ามาเชียร์พี่ฮง
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- Highway_Star
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 452
- ผู้ติดตาม: 1
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 21
อ่านย่อหน้าสุดท้ายแล้วทุกคนลืมเรื่องที่พูดๆไว้ข้างบนหมด :lol: :lol: :lol:
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 23
ก่อนอื่นขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆที่ให้กำลังใจผมครับ
ผมเองเคยโพสไม่ดีในเว็บนี้หลายครั้งแต่หลายคน
ก็ใจดีไม่ถือสาผม ผมต้องขอบคุณมาก
ผมว่าท่อนที่เขียนว่า top cpf กำไรมหาศาลเนี้ยไม่ถึงขนาดนั้นนะ
กำไรแบบพอเพียงเฉยๆครับ
หลายคนในเว็บกำไรมากกว่าผมเยอะครับ ปีนี้ผมได้ตอนนี้ก็ประมาณ
130% เท่านั้นเองครับ หลายคน 200-300%ผมยังต้องศึกษากันอีกเยอะครับ
จริงๆแล้วในบทความพูดว่า fundflow ถนนแห่งชัยชนะแต่ว่ามีอีกหลายแนวที่น่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าครับ จริงๆผมใช้ฟันโฟทุกวันนี้เป็นศาสตร์เพิ่มเติมมากกว่าครับ คอยสแกนว่าภาพตลาดน่ากลัวไหมแล้วก็อาศัยหลักทางสถิติและความน่าจะเป็นของพฤติกรรมตลาดพยายามหากำไรเพิ่มเติม
ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยได้อ่านข่าวเศรษฐกิจมาก ถ้าเทียบกับสายเล่นกราฟจะมีคนที่ดูกราฟเพียวๆ กับคนที่ดูข่าวสารประกอบ คนที่ดูกราฟเพียวๆจะเชื่อว่าทุกอย่างสะท้อนไว้ที่กราฟไม่ต้องตามข่าว ผมเองตอนนี้ผมแนวประมาณว่าดูฟันโฟลดูแต่อินดีเคเตอร์ซะมากกว่า เพราะผมเชื่อว่าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ยระหว่างแบงค์ ดัชนีความกลัว ส่วนต่างพันธบัตร ความชันพันธบัตร
ก็สะท้อนมุมมองในตลาดได้มากแล้ว ตอนนี้ผมกำลังศึกษาหุ้นคอมโมอยู่ผมคิดว่าที่ผ่านมาผลตอบแทนผมช้าเป็นเต่าคลาน ผมอยากได้อะไรที่เร็วกว่านั้น
และผมก็สนใจทฤษฏีการดู volume ประกอบกับพื้นฐานหุ้นด้วย ผมนั่งดูย้อนหลังก็ได้ case study น่าสนใจเยอะดีเหมือนกัน แต่ยังพึ่งศึกษาเลยขอไม่เขียนในสิ่งที่ไม่ชำนาญ
ผมคิดว่าจริงๆผมไม่เก่งเลยเพราะคนที่เก่งเริ่มเล่นหุ้นไม่กี่ปีก็ได้กันหลายเท่าตัว มากกว่า 10 เท่าเป็นต้น ผมลงทุนมาได้ไม่กี่เท่าเองผมว่าผมรอดมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะผมใจรักและขยันมากกว่า ผลตอบแทนปีนี้ก็คงเก่ง+เฮง ครับ
เพราะตลาดขึ้นมาเยอะช่วยเป็นใจ
ผมคิดว่าคงมีน้องๆมีมือใหม่ในนี้ ผมอยากฝากคำแนะนำดังนี้ครับ
1.ถ้าคิดว่าจะไม่เอาจริงกับตลาดหุ้นอย่าเข้ามาเล่นหุ้นแต่แรกเพราะอาจหมดตัวได้
2.อย่าเสียดายค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาตัวเอง มีหนังสืออะไรอ่านให้หมดมี course อบรมอะไรไปให้หมด คนเก่งอยู่ที่ไหนไปหาให้ถึงที่
3.หาอาจารย์ที่มีแนวงทางที่ตรงกับจริตของตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเหมือนผม
4.อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง คนประเภท low profile high profit ในตลาดหุ้นมีเยอะ
เราคิดว่าเรากำไรเยอะ มีคนที่กำไรเยอะกว่าเรามหาศาล เราคิดว่าปีที่หุ้น crash เราโดนน้อยมีคนได้กำไรด้วยซ้ำ โลกนี้กว้างใหญ่นักแค่เราลำพองว่าเก่งแป๊ปเดียวเราก็โดนแซงไม่เห็นฝุ่นแล้ว ผมเคยเป็นคนอีโก้สูงแต่ตอนนี้ผมรู้ว่าผมถ้าเทียบกับคนรู้จริง ผมคือคนที่แทบไม่รู้อะไรเลย
ส่วนท่อนสุดท้ายเนี้ยพูดกันขำๆนะครับ
เอาฮาครับอย่าคิดไรมาก :lol:
เน้นฮาครับ :lol:
ผมเองเคยโพสไม่ดีในเว็บนี้หลายครั้งแต่หลายคน
ก็ใจดีไม่ถือสาผม ผมต้องขอบคุณมาก
ผมว่าท่อนที่เขียนว่า top cpf กำไรมหาศาลเนี้ยไม่ถึงขนาดนั้นนะ
กำไรแบบพอเพียงเฉยๆครับ
หลายคนในเว็บกำไรมากกว่าผมเยอะครับ ปีนี้ผมได้ตอนนี้ก็ประมาณ
130% เท่านั้นเองครับ หลายคน 200-300%ผมยังต้องศึกษากันอีกเยอะครับ
จริงๆแล้วในบทความพูดว่า fundflow ถนนแห่งชัยชนะแต่ว่ามีอีกหลายแนวที่น่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าครับ จริงๆผมใช้ฟันโฟทุกวันนี้เป็นศาสตร์เพิ่มเติมมากกว่าครับ คอยสแกนว่าภาพตลาดน่ากลัวไหมแล้วก็อาศัยหลักทางสถิติและความน่าจะเป็นของพฤติกรรมตลาดพยายามหากำไรเพิ่มเติม
ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยได้อ่านข่าวเศรษฐกิจมาก ถ้าเทียบกับสายเล่นกราฟจะมีคนที่ดูกราฟเพียวๆ กับคนที่ดูข่าวสารประกอบ คนที่ดูกราฟเพียวๆจะเชื่อว่าทุกอย่างสะท้อนไว้ที่กราฟไม่ต้องตามข่าว ผมเองตอนนี้ผมแนวประมาณว่าดูฟันโฟลดูแต่อินดีเคเตอร์ซะมากกว่า เพราะผมเชื่อว่าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ยระหว่างแบงค์ ดัชนีความกลัว ส่วนต่างพันธบัตร ความชันพันธบัตร
ก็สะท้อนมุมมองในตลาดได้มากแล้ว ตอนนี้ผมกำลังศึกษาหุ้นคอมโมอยู่ผมคิดว่าที่ผ่านมาผลตอบแทนผมช้าเป็นเต่าคลาน ผมอยากได้อะไรที่เร็วกว่านั้น
และผมก็สนใจทฤษฏีการดู volume ประกอบกับพื้นฐานหุ้นด้วย ผมนั่งดูย้อนหลังก็ได้ case study น่าสนใจเยอะดีเหมือนกัน แต่ยังพึ่งศึกษาเลยขอไม่เขียนในสิ่งที่ไม่ชำนาญ
ผมคิดว่าจริงๆผมไม่เก่งเลยเพราะคนที่เก่งเริ่มเล่นหุ้นไม่กี่ปีก็ได้กันหลายเท่าตัว มากกว่า 10 เท่าเป็นต้น ผมลงทุนมาได้ไม่กี่เท่าเองผมว่าผมรอดมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะผมใจรักและขยันมากกว่า ผลตอบแทนปีนี้ก็คงเก่ง+เฮง ครับ
เพราะตลาดขึ้นมาเยอะช่วยเป็นใจ
ผมคิดว่าคงมีน้องๆมีมือใหม่ในนี้ ผมอยากฝากคำแนะนำดังนี้ครับ
1.ถ้าคิดว่าจะไม่เอาจริงกับตลาดหุ้นอย่าเข้ามาเล่นหุ้นแต่แรกเพราะอาจหมดตัวได้
2.อย่าเสียดายค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาตัวเอง มีหนังสืออะไรอ่านให้หมดมี course อบรมอะไรไปให้หมด คนเก่งอยู่ที่ไหนไปหาให้ถึงที่
3.หาอาจารย์ที่มีแนวงทางที่ตรงกับจริตของตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเหมือนผม
4.อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง คนประเภท low profile high profit ในตลาดหุ้นมีเยอะ
เราคิดว่าเรากำไรเยอะ มีคนที่กำไรเยอะกว่าเรามหาศาล เราคิดว่าปีที่หุ้น crash เราโดนน้อยมีคนได้กำไรด้วยซ้ำ โลกนี้กว้างใหญ่นักแค่เราลำพองว่าเก่งแป๊ปเดียวเราก็โดนแซงไม่เห็นฝุ่นแล้ว ผมเคยเป็นคนอีโก้สูงแต่ตอนนี้ผมรู้ว่าผมถ้าเทียบกับคนรู้จริง ผมคือคนที่แทบไม่รู้อะไรเลย
ส่วนท่อนสุดท้ายเนี้ยพูดกันขำๆนะครับ
เอาฮาครับอย่าคิดไรมาก :lol:
เน้นฮาครับ :lol:
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชน
โพสต์ที่ 24
[quote="killyz"][quote="choosak"]ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ 1. มุมมองใดๆ จะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองในตลาดไม่เห็นด้วยกับคุณ และ 2. ถ้าคิดว่ามีสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนีไว้ก่อน
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- babypex
- Verified User
- โพสต์: 182
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชน
โพสต์ที่ 26
[quote="hongvalue"][quote="killyz"][quote="choosak"]ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ 1. มุมมองใดๆ จะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองในตลาดไม่เห็นด้วยกับคุณ และ 2. ถ้าคิดว่ามีสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนีไว้ก่อน
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชน
โพสต์ที่ 27
[quote="choosak"]
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
ฮง นลท.เลือดใหม่ไฟแรง กับแนวทาง Fund Flow ถนนแห่งชัยชนะ
โพสต์ที่ 28
ยินดีกะน้องฮงด้วยครับ...เซียนตัวจริงได้ก่อกำเนิดอีกคนนึงแล้ว
อายุยังน้อยขนาดนี้...รับรองได้ระดับพันล้านแน่ๆ
(แต่รู้นะว่าหวังเป็นหมื่นหรือแสน ใช่ปะ...พี่ว่าีมีโอกาสนะ...ถ้าไม่หยุดเรียนรู้ซะก่อน)
ว่าแต่เพิ่งรู้ว่าน้องฮงชอบผู้หญิงนะครับ
เห็นชักชวน เพื่อนๆ พี่ๆ เข้าแก๊ง ถั่ว(ดำ) หลายคน พี่เลยเข้าใจผิดไป
ปล.BLA เนี่ย...ฮงเอาเงินมาขว้างใส่หน้าพี่...ดันหลบได้เฉยเลย...