หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 301

โพสต์

เตือนประกันเลิกซิกแซ็ก ทำบัญชีจริง  
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โพสต์ทูเดย์ คปภ. เตือนผู้บริหารบริษัทประกันภัยจัดทำบัญชีโปร่งใส สะท้อนความเสี่ยง

น.ส.วสุมดี วสีนนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทประกันวินาศภัยมีบัญชี 2 ชุด คือ ชุดที่ส่งคปภ. และชุดของบริษัท แต่ในปี 2556 กฎหมายบัญชีบังคับให้ต้องเปิดเผยฐานะการเงิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ 100% บัญชีจะมีชุดเดียวกัน
ทั้งนี้ ผู้บริหารของบริษัทประกันวินาศภัยจะต้องเริ่มให้ความสำคัญในการจัดทำบัญชี ที่สะท้อนความเป็นจริงตามมูลค่ายุติธรรม โดยจัดให้มีนักบัญชีเฉพาะด้าน มีนักคณิตศาสตร์เข้ามาคำนวณความเพียงพอของเงินกองทุน มีการตั้งสำรองเบี้ยประกันภัยให้สัมพันธ์กับค่าสินไหมทดแทนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ที่ผ่านมาค่าสินไหมและการตั้งสำรองยังไม่ค่อยสัมพันธ์กัน และยังไม่เพียงพอ น.ส.วสุมดี กล่าว

น.ส.วสุมดี กล่าวว่า ทางคปภ.ได้หารือกับสมาคมวิชาชีพบัญชี ขอ ให้แยกผู้สอบบัญชีประกันภัยออกมาเป็นการเฉพาะ โดยต้องการ ผู้สอบบัญชีที่มีความรู้เฉพาะด้านประกันภัย ที่ต้องให้ทักษะที่แตกต่างจากผู้สอบบัญชีธุรกิจทั่วไป

นายพิพัฒน์ เทพย์ปฏิพัธน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทโอสถสภาประกันภัย กล่าวว่า การหานักคณิตศาสตร์ประกันภัยและนักบัญชีประกันภัยในตลาดทำได้ยาก เพราะไทยขาดแคลนบุคลากรด้านนี้อย่างมากและมีต้นทุนสูง ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนับล้านบาท ซึ่งเป็นภาระค่อนข้างมากสำหรับบริษัทขนาดเล็ก

http://www.posttoday.com/finance.php?id=79159
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 302

โพสต์

นิวยอร์คไลฟ์ขยับโต10%  
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โพสต์ทูเดย์ นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต ตีกันรักษาเจ้าตลาดแบงก์แอสชัวรันส์ พร้อมเดินหน้าปั้นตัวแทนใหม่เดือนละพันคน


นายโดนอลด์ คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต เปิดเผยว่า กลยุทธ์หลักในการทำตลาดปี 2553 บริษัทจะยึดนโยบายการเติบโตในทุกช่องทางขายให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการรักษาความเป็นผู้นำในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ที่ขายผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ไว้ให้ได้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าบริษัทจะมีอัตราเติบโตโดยรวมประมาณ 10%
นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าสร้างตัวแทนใหม่ให้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อสรรหาตัวแทนใหม่โดยเฉพาะ ตั้งเป้าให้ได้ตัวแทนใหม่เดือนละ 500-1,000 คน หรือปีละ 6,000-12,000 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 6,000 คน และจะทำให้ในปีหน้าเบี้ยจากช่องทางตัวแทนเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 30% เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าเติบโตเพียง 10% ขณะที่อุตสาหกรรมช่องทางตัวแทนเติบโตติดลบ

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อถึงปี 2555 ตามแผน 3 ปี จะทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์อย่างละ 50% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่ช่องทางตัวแทนอยู่ที่ 25% และแบงก์แอสชัวรันส์อยู่ที่ 75%

แม้ตอนนี้แบงก์กสิกรไทยกับเมืองไทยประกันชีวิตจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว แต่การที่เราเป็นผู้นำแบงก์แอสชัวรันส์มา 7 ปีแล้ว ก็ต้องรักษาตำแหน่งต่อไป นายคาร์ดีน กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทยังคาดว่าภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าเศรษฐกิจดีขึ้นและมีกำลังซื้อมีมากขึ้น ส่งผลให้การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านก็จะดีขึ้น และก็จะทำให้ประกันชีวิตสินเชื่อหรือเครดิตไลฟ์ที่ได้จากธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าจะทำให้ในปีหน้าบริษัทคงได้เบี้ยจากเครดิตไลฟ์ของธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 30% และเบี้ยประกันส่วนบุคคล 70% จากปีนี้ที่เบี้ยเครดิตไลฟ์อยู่ที่ 20% และเบี้ยประกันส่วนบุคคล 80%

นายคาร์ดีน กล่าวว่า ในเดือนม.ค.ปีหน้า บริษัทจึงเตรียมออกแบบประกันชีวิตผ่านแบงก์แอสชัวรันส์ 3 แบบจากทั้งปีที่คาดว่าจะออกมา 5 แบบ โดยเป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองระยะยาว สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะกลับมาบุกตลาดอีกครั้ง เพื่อ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีเบี้ยประกันรับปีแรกที่ 8,000 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน



http://www.posttoday.com/finance.php?id=79158
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 303

โพสต์

สามัคคีฯไม่กินรวบลูกค้าใบโพธิ์


วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สามัคคีประกันภัย ยันไม่ได้เปรียบแม้ธนาคารไทยพาณิชย์หวนคืน บุกตลาดเช่าซื้อปีหน้า
นายจิรวุฒิ บุญศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย เปิดเผยว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งบริษัทแม่จะกลับทำตลาดเช่าซื้อรถอย่างเต็มตัวอีกครั้งในปีหน้า คงไม่ทำให้บริษัทได้เปรียบว่าจะได้เบี้ยประกันรถยนต์จากธนาคารไทยพาณิชย์มากขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทยึดนโยบายทำเบี้ยประกันที่ไม่ขาดทุนเป็นหลัก และคงไม่กลับไปแข่งขันเรื่องราคาเพื่อให้ได้ปริมาณเพียงอย่างเดียวอีก หากคู่แข่งรายใดเสนอค่าเบี้ยที่ดีกว่าให้ลูกค้าได้ก็ต้องปล่อยงานให้บริษัทอื่นไป

นายจิรวุฒิ คาดว่า ในปีหน้าบริษัทจะได้เบี้ยรถยนต์จากธนาคารไทยพาณิชย์ในส่วนของประกัน ชั้น 1 ที่ 30% ส่วนที่เหลืออีก 70% จะได้มาจากชั้น 2 และชั้น 3 พิเศษ

นอกจากนั้น บริษัทยังสนใจตลาดรถมือสองถึง 10 ล้านคัน แต่ทำประกันภาคสมัครใจเพียง 3-4 ล้านคันเท่านั้น จึงเป็นโอกาส โดยเฉพาะแบบประกันรถประเภทชั้น 2 และชั้น 3 พิเศษ ที่มีราคาไม่สูงมากนัก สามารถใช้สาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั้ง 1,300 แห่งเป็นหัวหอก

อย่างไรก็ตาม แม้เบี้ยรถชั้น 2 และชั้น 3 พิเศษ จะต่ำกว่าชั้น 1 แต่อัตราความเสียหายต่อเบี้ยประกันก็ต่ำกว่าโดยอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น ขณะที่ชั้น 1 อยู่ที่ 66% และเฉลี่ยภาพรวมรถยนต์อยู่ที่ 61%

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารจะมีบริษัท ธนชาตประกันภัยเป็นบริษัทในเครือ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เปรียบบริษัทประกันอื่น เพราะปัจจุบันไม่สามารถส่งงานประกันภัยรถให้กับบริษัทในเครือในสัดส่วนที่มากเหมือนเมื่อก่อนได้ เนื่องจากไม่สามารถบังคับลูกค้า ขึ้นกับความพอใจและราคา

ดังนั้น ต้องมีการหาแบบประกันใหม่มาเสนอขายเพิ่มเติม เช่น แบบประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถหรือเครดิตไลฟ์ ที่ขณะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีสัดส่วนถึง 70% ของลูกค้าใหม่ เพราะชี้ให้ลูกค้าได้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับ เมื่อลูกค้าไม่สามารถผ่อนค่างวดได้ บริษัทประกันก็จะจ่ายหนี้ส่วนที่เหลือแทน

นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อรถยนต์ในปีหน้าคาดว่ามีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามยอดขายรถยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตกว่าในปีนี้ และคาดว่าในปีหน้าจะเป็นการแข่งขันในตลาดรถยนต์ขนาดเล็กหรืออีโคคาร์มากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นตลาดรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
http://www.posttoday.com/finance.php?id=79552
-----------------------------------------------------------------------

ใครที่มีหุ้น SCSMG อ่านดีๆล่ะครับ สำหรับข่าวนี้
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 304

โพสต์

ลูกค้าโวย ประกันชิ่ง  
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บริษัทประกันเมินขายรายเดือน บังคับคนซื้อประกันพ.ร.บ.รถยนต์ปีนี้ หวังลดต้นทุน หลังคปภ. เปลี่ยนเกณฑ์ชดเชยใหม่ตายได้ 2 แสน

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่าไม่สามารถหาซื้อประกันภัยตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ในแบบรายเดือนได้ หลังจากที่คปภ. ได้ปรับเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายตามกรมธรรม์ให้มากขึ้น และเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2553 พร้อมเปิดให้ผู้บริโภคที่กรมธรรม์ฉบับปัจจุบันครบกำหนดก่อนเวลา สามารถซื้อกรมธรรม์เป็นรายเดือนจากบริษัทประกันภัยได้
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุที่ทางบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะขายประกันพ.ร.บ.แบบรายเดือนให้กับลูกค้า เนื่องจากมองว่าไม่คุ้มกับต้นทุนในการออกกรมธรรม์แต่ละครั้ง เพราะได้รับค่าเบี้ยประกันไม่มากนัก เช่น รถเก๋งอยู่ที่คันละ 600 บาทต่อปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวคงเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างเงื่อนไขความคุ้มครองเดิมกับของใหม่เท่านั้น และคงหมดลงในปีนี้ หลังจากที่ความคุ้มครองพ.ร.บ.ใหม่มีผลบังคับใช้ในปีหน้า

ถ้าผู้บริโภคซื้อประกันพ.ร.บ.ที่คิดระยะเวลาคุ้มครองแบบรายปีภายในปีนี้แต่มีระยะเวลาคุ้มครองข้ามไปถึงปี 2553 หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็จะเป็นการเสียสิทธิที่ควรจะได้ เพราะยังคงได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์เดิมของปี 2552 ที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าของกรมธรรม์ใหม่ที่เริ่มใช้ในปี 2553 ขณะที่จ่ายค่าเบี้ยเท่ากัน แหล่งข่าวเผย

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 ประกันพ.ร.บ.ได้ให้ความคุ้มครองเพิ่ม โดยในกรณีที่เสียชีวิตและทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะจากเดิม 1 แสนบาท เพิ่มเป็น 2 แสนบาท และมีการจ่ายค่าชดเชยรายวันให้วันละ 200 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 20 วัน อีกด้วย

นายภิญโญ บุญนำ ผู้ช่วยเลขาธิการสายส่งเสริมและคุ้มครองคปภ. กล่าวว่า เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิทธิคุ้มครองตามพ.ร.บ.ใหม่อย่างเต็มที่ อยากแนะนำว่าให้ผู้ที่ซื้อประกันพ.ร.บ.ในปีนี้และมีความคุ้มครองข้ามไปถึงปีหน้า ขอให้แจ้งขอยกเลิกความคุ้มครองตามกรมธรรม์พ.ร.บ.เดิม เป็นลายลักษณ์อักษรไปยังบริษัทประกัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 และขอทำประกันพ.ร.บ.ใหม่ โดยให้เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 แทน เช่นกัน

เนื่องจากรายละเอียดของกฎหมายในการขายประกันพ.ร.บ.นั้น ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าให้ขายอย่างไร เพียงแต่ระบุความคุ้มครองเป็นรายปีเท่านั้น

สำหรับวิธีการดังกล่าวจะทำให้ประชาชนได้รับสิทธิความคุ้มครองเต็มที่ตามกรมธรรม์ใหม่และบริษัทประกันไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งการขอยกเลิกพ.ร.บ.ก่อนกำหนดนั้น ทางผู้เอาประกันก็จะได้รับเงินค่าเบี้ยคืนตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์อยู่แล้ว และบริษัทประกันจะต้องจ่ายค่าเบี้ยส่วนที่เหลือคืนให้ผู้เอาประกันภายใน 30 วันด้วย จึงไม่ได้เสียประโยชน์มากนัก เมื่อเทียบกับสิทธิความคุ้มครองใหม่ที่จะได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องค่าเบี้ยพ.ร.บ. แต่เป็นเรื่องสิทธิความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมากกว่า เช่น หากเสียชีวิตของเดิมได้ 1 แสนบาท แต่กรมธรรม์ตามเกณฑ์ใหม่ลูกค้าจะได้ถึง 2 แสนบาท นายภิญโญ กล่าว

http://www.posttoday.com/finance.php?id=79672
:)
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 305

โพสต์

http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413341608

ภาษีควบรวมฉลุย

 

>อานิสงส์แผนพัฒนาตลาดทุน

อานิสงส์แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ดันภาษีควบรวมประกันภัยคืบ! คปภ.เผยสรรพากรรับลูกแก้ไขเปิดช่อง ให้ควบคู่ภาษีควบรวมฝั่งแบงก์-บลจ. หลังที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณบวก ผ่าข้อเสนอภาษีควบรวมที่ชงรอท่าไว้ทั้งขอยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นได้รับภายหลังควบรวมนำผลขาด ทุนสุทธิของบริษัทเดิมมาเป็นรายจ่ายหักภาษี รวมถึงยกเว้นภาษีเงินสำรอง ย้ำภาษีเป็นอุปสรรคสำคัญเพราะบริษัท ใหม่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มทั้งที่รัฐหนุนรวมกัน


ข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการภาษีที่ธุรกิจประกันภัยทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยพยายามชงให้กับภาครัฐตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้ไฟเขียวเพื่อกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม แม้จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นผลสำเร็จแต่ก็มีสัญญาณบวกจาก รัฐออกมาเป็นระยะๆ จนคาดกันว่าไม่เกินปีหน้าน่าจะมีข่าวดีไม่ว่าจะเป็นภาษี ของประกันชีวิตทั้งการขอลดหย่อนภาษี ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับผู้ซื้อประกันแบบบำนาญ, ขอลดหย่อนภาษี

สำหรับผู้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตพ่วงลงทุน เช่น ยูนิต ลิงค์, ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทในปีแรก การขอลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และสัญญาเพิ่มเติมอื่นๆ วงเงินรวม กันไม่เกิน 50,000 บาท รวมถึงการคำนวณ เงินสำรองประกันชีวิตกรมธรรม์ประกันบำนาญให้ใช้เกณฑ์เดียวกับสำนักงานคณะ กรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

ขณะที่ประกันวินาศภัย หัวข้อหลักนอกจากขอลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพ ประกันพีเอและกรมธรรม์ส่วนบุคคลอื่นๆวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทเท่ากับประกันชีวิตแล้วยังมีการคำนวณเงินสำรองทั้งค่าสินไหมทดแทนและเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ที่ต้องการให้สำนักงานคปภ.เป็นผู้กำหนดและให้กรมสรรพากรใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน

อย่างไรก็ดี ยังมีมาตรการภาษีอีกหนึ่งตัวที่ยังไม่ถูกหยิบยกมาพูดถึงมากนักทั้งที่น่าจะอยู่ในแพ็กเกจภาษีชุดเดียวกันเพราะเป็นข้อเสนอร่วมกันระหว่างธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยและสำนักงานคปภ.ให้ความสำคัญและผลักดันให้กับธุรกิจประกันภัยมาตลอดนั่นก็คือ ภาษีควบรวม เพื่อส่งเสริมการควบรวม กิจการของบริษัทประกันภัย ซึ่งเป็นนโย บายหลักของคปภ.เพื่อให้บริษัทประกัน ภัยมีฐานะการเงินแข็งแกร่งมากขึ้นเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว รับมือการเปิดเสรีธุรกิจประกันภัยในอนาคต

ล่าสุด ภาษีควบรวมกิจการของบริษัทประกันภัยมีความคืบหน้าแล้ว โดยแหล่งข่าวจากคปภ.เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายสานิต ร่างน้อย อดีต อธิบดีกรมสรรพากรในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยซึ่งดูแลด้านภาษีได้เชิญหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงสมาคมนายธนาคารไทย และคปภ.หารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยปี 2553-2557 ซึ่งจะมีหัวข้อส่งเสริม ให้ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ควบรวมกิจการกันเพื่อเสริมสร้างฐานะการเงินแข็งแกร่งมากขึ้น บรรจุอยู่ในแผนด้วย โดยหนึ่งในมาตรการ ส่งเสริมการควบรวมก็คือภาษีซึ่งยังคงเป็น อุปสรรคต่อการควบรวมอยู่

ในการส่งเสริมสถาบันการเงินอย่างแบงก์ควบรวมกิจการกัน ปัญหาหลัก คือในเรื่องของภาษี ซึ่งธุรกิจประกันภัยก็เจอปัญหาเดียวกัน ทางอธิบดีกรมสรรพากร รับปากจะไปดูให้ทั้งหมดพร้อมกับจะแก้ไข ให้ เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับธุรกิจประกัน ภัยหลังจากที่ผ่านมาในประเด็นนี้ทางกรมสรรพากรเพียงแค่รับฟังเฉยๆ แต่ยังไม่รับหลักการ

สำหรับภาษีควบรวมกิจการบริษัทประกันภัยที่คปภ.เคยนำเสนอกับกรมสรรพากรไว้ก่อนหน้านี้คือขอยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นได้รับภายหลังจากการควบรวมกิจการหรือโอนกิจการและขอยกเว้นให้สามารถนำผลขาดทุนสุทธิของบริษัทเดิมมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษีเงินได้สำหรับกรณีการควบรวมกิจการ เข้าด้วยกันของบริษัทประกันภัยจากเดิมกรมสรรพากรไม่อนุญาตให้นำผลขาดทุนสุทธิของบริษัทเดิมมาคำนวณภาษีเงินได้

ยิ่งกว่านั้น ยังขอยกเว้นภาษีในส่วน ของการนำเงินสำรองมาคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายล่วงหน้าทันทีที่เลิกกิจการเนื่อง จากการควบบริษัทแล้วเกิดบริษัทใหม่ บริษัทใหม่ต้องรับมอบทรัพย์สินและหนี้สินภายในเจ็ดวันนับแต่วันประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้บริษัทเดิมที่ควบรวมกันต้องนำเงินสำรองประกันภัยมาคำนวณเพื่อเสียภาษีการควบรวมกิจการ

ทำให้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมต้องสูญเสียสภาพคล่อง ส่งผลต่อเงินทุนหมุนเวียน ทรัพย์สินลงทุน การจ่าย สินไหมทดแทนและการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เอาประกันภัยเพราะต้องเสียภาษีกรณีบริษัทหนึ่งปิดกิจการในสัดส่วนที่สูงมาก

การควบรวมกิจการกันทำให้บริษัทต้องมีภาระด้านภาษีเพิ่มขึ้นทั้งที่เป็นการควบรวมกิจการตามนโยบายของรัฐบาล

ด้านนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประกันภัยขนาดเล็กและกลางจะควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด โดยคาดว่าในระยะ 4-5 ปีข้างหน้านี้หลังจากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เริ่มใช้เกณฑ์ดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Capital : RBC) ตลอด จนความต้องการขยายตลาดทำให้บริษัทประกันภัยกลุ่มนี้ต้องควบรวมกิจการกันเพื่อให้มีเจ้าหน้าที่ดูช่องทางการขาย เจาะ ตลาดหรือเปิดตลาดใหม่ไม่เช่นนั้นจะตามบริษัทอื่นไม่ทัน


คนเมิร์ชกันเพราะต้องการสร้างบริษัทมีขนาดใหญ่พอสมควรแข่งกับบริษัทที่แข็งแกร่งกว่าได้ จำนวนบริษัทในอุตสาหกรรมมีมากเกินไป ถ้าบริษัทน้อยการแข่งขันในตลาดจะมีมากกว่านี้ที่แข่งขันกันอยู่อาศัยการลดเบี้ยประกัน แต่ตอน นี้ผู้บริโภคเข้าใจประกันมากขึ้นรู้ว่าการตัดสินใจซื้อประกันไม่ได้ดูจากเบี้ยเท่านั้น แต่ดูฐานะการเงิน ความสามารถด้านการ บริการ ต่อไปถ้าจำนวนบริษัทลดลง บริษัท จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ถ้าจำนวนลดลงครึ่งหนึ่ง เฉลี่ยบริษัทที่เหลือเบี้ยเพิ่มเท่าตัว ความสามารถในการสร้างสินค้าใหม่มีมากขึ้น การแข่งขันลดเบี้ยน้อยลง ยกระดับภาพ พจน์บริษัทประกันภัยดีขึ้น

สำหรับกรุงเทพประกันภัย นายชัยกล่าวว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องซื้อบริษัทอื่น เพื่อความอยู่รอดเนื่องจากแข็งแกร่งอยู่แล้ว ตรงกันข้ามพร้อมซื้อบริษัทประกันภัยอื่นเพิ่มเช่นกันแต่การซื้อต้องคำนึงถึงความคุ้มไม่คุ้ม ต้องศึกษาบริษัทนั้นๆ มีงาน ที่บริษัทไม่สามารถเจาะได้ เช่น ในกลุ่มผู้ถือหุ้นของเขาหรือรับงานวิสาหกิจมากๆ ซึ่งเป็นงานที่บริษัทยังมีน้อยอยู่ โดยบริษัท พร้อมที่จะซื้อหรือควบรวม แต่ถ้าเป็นงาน ที่มาจากตัวแทน นายหน้ามากบริษัทไม่สนใจเพราะสามารถติดต่อได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี จากผลศึกษาของต่างประเทศเกี่ยวกับการควบรวมกิจการหรือซื้อบริษัทอื่นประสบความสำเร็จไม่ถึง 20% ประมาณครึ่งหนึ่งที่ควบรวมหรือซื้อบริษัท อื่นเพิ่มสู้งานที่มีอยู่เดิมไม่ได้ โดยปัญหาอย่างหนึ่งที่พบคือพนักงานลาออกเนื่องจาก วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน ขณะที่ลูกค้าหนีไป อยู่บริษัทอื่นเพราะลูกค้าจะมีความภักดีกับ บริษัทที่ทำประกันเมื่อผู้ถือหุ้นเปลี่ยนความ ภักดีจะเปลี่ยน ทำให้เบี้ยหายไปไม่คุ้ม

ตอนนี้เรามีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 7% ของทั้งระบบใหญ่พอสมควรอยู่ แล้ว ถ้าใหญ่กว่านี้ดูแลลำบาก เวลาควบรวมหรือซื้อกิจการเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน จะทำให้พนักงานประมาณ 20-30% ว่างงานเราไม่อยากมีปัญหาพนักงานออก

อนึ่ง ในช่วงนี้บริษัทประกันวินาศภัยเริ่มเปิดเจรจาซื้อขายกิจการรวมถึงควบรวมกิจการกันอย่างลับๆ โดยมีความเคลื่อนไหวมากกว่าอดีตเป็นผลกระทบจาก กฎกติกาใหม่ๆ ของ คปภ. ทั้งเงินกองทุนขั้นต่ำ 150% รวมถึง RBC ที่จ่อใช้ในปี 2554 โดยคาดกันว่าภาพการซื้อและควบรวมจะขยับมากขึ้นในปีหน้าซึ่งจะมีดีลที่เจรจากันจบหรือปิดการซื้อได้

หนึ่งในดีลที่คาดว่าจะเห็นในปีหน้าคือ บริษัท ไอเอจีประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน)
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 306

โพสต์

กรุงเทพฯกวาดเบี้ยการบินไทย


วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552
กรุงเทพประกันภัย ลุยรับงานใหญ่ มูลค่าคุ้มครองเครื่องการบินไทย 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
น.ส.ผกามาศ จารุเสถียร ผู้อำนวยการธุรกิจภัยพิเศษ บริษัท กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้รับประกันให้บริษัท การบินไทย คิดเป็นมูลค่าเบี้ยประมาณ 700 ล้านบาท เป็นความคุ้มครองในส่วนของประกันภัยทรัพย์สินตัวเครื่องบินทั้งหมด โดยมีทุนประกันประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และในส่วนของประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Liability) ทุนประกันภัยประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าในปีนี้จะได้เบี้ยลูกค้ารายใหญ่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้ทุนประกันของการบินไทยจะสูง แต่ก็ไม่มีความเสี่ยงมาก เนื่องจากกรุงเทพประกันภัยรับเสี่ยงภัยไว้เองเพียง 0.003% เท่านั้น ส่วนที่เหลือได้ส่งไปยังบริษัทประกันภัยต่อชั้นนำที่มีความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท สวิส รี และบริษัท มิวนิค รี ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าบริษัทประกันภัยต่อกลุ่มนี้จะไม่สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทเคยร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ทิพยประกันภัย และบริษัท เทเวศประกันภัย ในการเสนอตัวรับประกันให้กับการบินไทย แต่นโยบายของการบินไทยในช่วงมา 2 ปีที่ผ่านมา ต้องการคัดเลือกบริษัทประกันภัยเพียงรายเดียวให้เข้ารับประกันภัย จากเดิมที่เลือกใช้หลายบริษัทประกันทำร่วมกัน บริษัทจึงแยกออกมาเสนอตัวเพียงรายเดียว ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็มีระเบียบกำหนดสัดส่วนที่บริษัทประกันภัยของไทยจะสามารถรับความเสี่ยงภัยไว้เองอยู่แล้วว่าห้ามเกินกี่เปอร์เซ็นต์ โดยพิจารณาจากเงินกองทุนเป็นหลัก

นอกจากนี้ เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับงานประกันภัยทรัพย์สินสนามบินให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทุนประกันประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก มีทุนประกันประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกด้วย ได้เบี้ยประกันภัยมากกว่า 10 ล้านบาท แต่งานนี้ได้ร่วมรับประกันกับบริษัทอีก 2 บริษัท

http://www.posttoday.com/finance.php?id=79784
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 307

โพสต์

เอไอจีปรับทิศ ประกันวินาศ ใช้ชื่อชาร์ทิส


วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เอไอจี แยกธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากกลุ่ม ใช้ชื่อใหม่ ชาร์ทิส
นายเลสลีย์ เจ.โมเอ็ท ประธานคณะผู้บริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาร์ทิส เปิดเผยว่า บริษัท เอไอจี โฮลดิ้ง ตัดสินใจแยกธุรกิจประกันวินาศภัยที่ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 160 ประเทศทั่วโลกออกมาเป็นเอกเทศ และใช้ชื่อใหม่ว่า ชาร์ทิส เพื่อปรับภาพลักษณ์องค์กร และคงความเป็นบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของโลก
นับจากนี้ไปบริษัทประกันวินาศภัยในเครือของเอไอจีที่ทำธุรกิจภายใต้ชื่อหรือแบรนด์ที่แตกต่างกัน จะใช้ชื่อเดียวกันหมดคือ ชาร์ทิส นายเลสลีย์ กล่าว

นายสตีเว่น บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร ชาร์ทิส ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัท เอไอจี ประเทศไทย ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ชาร์ทิส ประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว ส่วนบริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ชาร์ทิส ในอนาคต

ล่าสุด ในเดือนม.ค.ปีหน้าจะเปิดตัวกับตัวแทน 7,500 คนที่กรุงเทพฯ เพื่อทำความเข้าใจกับลูกค้ากว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศ นอกเหนือจากนี้บริษัทจะทำการประชาสัมพันธ์ชื่อใหม่ผ่านสื่อต่างๆ

สำหรับ 9 เดือนของปี 2552 ที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทในไทยมีเบี้ยประกันลูกค้ารายย่อย 1,260 ล้านบาท

http://www.posttoday.com/finance.php?id=79788
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 308

โพสต์

นิวแฮมพ์เชอร์ฯดึงรายย่อยซื้อประกันเพิ่ม15%


วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552
นิวแฮมพ์เชอร์ฯ รุกหนักปี 2553 เพิ่มฐานลูกค้ารายย่อย 15%
นายพงษ์ภาณุ ดำรงศิริ รองประธานและผู้จัดการแผนกประกันภัยรถยนต์และทรัพย์สินส่วนบุคคล บริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ เปิดเผยว่า บริษัทมีลูกค้ารายย่อยทำประกันมากกว่า 3 แสนราย โดยปี 2553 ตั้งเป้าหมายที่เติบโตเพิ่มขึ้น 15% โดยจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าเก่าซื้อประกันใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยคนละ 3 กรมธรรม์ต่อราย จากปัจจุบันที่มีอัตราการถือกรมธรรม์ 1.9 ฉบับต่อราย ด้วยการเน้นกลยุทธ์เสนอกรมธรรม์ใหม่ๆ สอดคล้องกับวัยต่างๆ เน้นกลุ่มลูกค้าเก่าซึ่งมีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงชีวิต โดยแยกเป็นกลุ่มลูกค้าเริ่มทำงาน กลุ่มซื้อรถคันแรก กลุ่มซื้อบ้านหลังใหม่ และกลุ่มคนที่เริ่มมีลูกคนแรก
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า การรุกตลาดลูกค้ารายย่อยจะขายผ่านตัวแทนที่มีอยู่ 7,500 คน และพัฒนาเครือข่ายเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้นด้วยการเร่งสร้างพันธมิตรใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 250 ราย เช่น ธุรกิจสายการบิน ธุรกิจท่องเที่ยว สถาบันการเงิน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจออนไลน์ นอกจากนี้ยังคงเน้นการขายประกันทางโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง โดยมีพนักงานขาย 230 คน

นายปัญญ์ รอดลอยทุกข์ รองประธานกลุ่มธุรกิจประกันภัยพาณิชยกรรม บริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ฯ กล่าวว่า ปี 2553 ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือครองกรมธรรม์ลูกค้าเก่า ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่เพิ่มเป็น 3.5-4 กรมธรรม์ต่อราย จากปัจจุบัน 2.7 ฉบับต่อราย และเพิ่มสัดส่วนการถือกรมธรรม์ของลูกค้าองค์กรขนาดกลางเป็น 2 กรมธรรม์ต่อราย จากปัจจุบัน 1.4 กรมธรรม์ต่อราย โดยจะออกกรมธรรม์คุ้มครองความเสี่ยงใหม่ๆ เช่น การประกันการรับผิดอันเนื่องมาจากมลพิษหรือปนเปื้อน การประกันความรับผิดทางกฎหมาย

จุดแข็งของเราอยู่ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าแต่ละรายเพื่อดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง จะได้หาความ คุ้มครองที่สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะ และยังให้คำแนะนำประกันภัยได้ทั่วโลก เพราะลูกค้ารายใหญ่มีการทำธุรกิจในหลายประเทศ และเรามีเวลาที่แน่นอนในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน นายปัญญ์ กล่าว

http://www.posttoday.com/finance.php?id=79977
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 309

โพสต์

คปภ.หนุนประกันไทยบุกลาว


วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552
คปภ.นัดนักธุรกิจประกันภัยไทย 17 บริษัท เปิดตลาดในลาว ชี้โอกาสเติบโตสูง
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ประสานนัดนักธุรกิจประกันภัยไทยพบปะกับนักธุรกิจประกันภัยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีนักธุรกิจไทย 22 คน จากบริษัทประกันภัยไทย 17 บริษัท เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลการลงทุนด้านประกันภัยในลาว เนื่องจากเห็นว่ามีโอกาสในการเติบโตสูง โดยมีประชาชนที่มีรถทำประกันภัย ภาคบังคับตามกฎหมายเพียง 50% เท่านั้น ขณะที่ประเทศไทยมีประชาชนที่มีรถทำประกันภาคบังคับถึง 99%
นอกจากนี้ ทางลาวยังมีบริษัทประกันภัยเพียง 5 บริษัทเท่านั้น ถือว่ายังน้อย ทำให้เบี้ยประกันภัยรถมีราคาแพง เช่น รถโตโยต้า คัมรี่ ราคาเบี้ยเท่ากับรถเบนซ์ ทางภาครัฐบาลมีแผนที่จะดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาแข่งขันให้มากขึ้น ขณะที่ทางนักธุรกิจประกันภัยลาวสนใจในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยสนใจรูปแบบการทำงานภายใต้สมาคมประกันวินาศภัย และการจัดตั้งสภาธุรกิจประกันภัยไทย

นายสาระ ล่ำซำ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย กล่าวว่า นอกจากนักธุรกิจประกันภัยลาวแล้ว ยังมีกลุ่มนักธุรกิจเหมืองแร่ การท่องเที่ยว เช่าซื้อ ธุรกิจด้านรถยนต์ ธนาคาร เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งทางนักธุรกิจลาวให้ความสนใจแนวทางการทำธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยมาก เนื่องจากมีความเป็นสากลและแนวทางการกระตุ้นให้ประชาชนหันมาออมเงินผ่านประกันชีวิตผ่านมาตรการด้านภาษี การทำประกันสุขภาพ และการทำประกันประเภทบำนาญ

ประชาชนชาวลาวมีการทำประกันชีวิตแค่ 5% ทางภาคธุรกิจเขาเลยอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะกระตุ้นให้คนหันมาทำประกันชีวิตมากขึ้น นายสาระ กล่าว

นายหอรดี วรราช หัวหน้าห้องการประกันภัย บริษัท ประกันภัยแห่งประเทศลาว (เอจีแอล) กล่าวว่า ขณะนี้มีบริษัทประกันภัยไทย 3 บริษัท ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในลักษณะของการร่วมทุนกับทางรัฐบาล โดยลาวมีประชาชนทำประกันภัยเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้เบี้ยประกันภัยเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% โดยมีเอจีแอลครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 90% จากบริษัททั้งหมด 5 บริษัท

นายเสียง ไชยะสาน หัวหน้าแผนกไอที เอจีแอล กล่าวว่า ปี 2552 เบี้ยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้น 35-40% เนื่องจากจำนวนรถยนต์เพิ่มขึ้น

http://www.posttoday.com/finance.php?id=79971
------------------------------------------------------------------------
ใครรู้ว่าบริษัทไหนไปทำูประกันวินาศภัยหรือประกันชีวิตที่ลาวบ้าง
บอกหน่อย เพราะในข่าวนี้ไม่ได้ระบุถึงบริษัท
แต่อย่างน้อยมี 5 บริษัทเดินทางไปทำแล้ว แต่ คปภ ต้องการมากกว่านั้นคือ 17 บริษัท
ให้คาดการณ์คือพวกบริษัทใหญ่ๆๆ
:)
:)
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 310

โพสต์

คราวนี้ กรรมการบริษัทประกันภัย ต้องเป็นมืออาชีพมากขึ้น รักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และผู้รับประกันภัย ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

คปภ. เอาจริง เราเตือนคุณแล้ว  :lol:

http://www.mittare.com/news_view.php?nid=1437

คปภ.ยุคใหม่ ไล่ตรวจอำนาจผู้บริหารสกัดกรรมการร่างทรง

น.ส.วสุมดี วสีนนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบคุณสมบัติและอำนาจของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพบว่ามีผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มีชื่อในตำแหน่งกรรมการบริหารหรือคณะผู้บริหาร แต่เป็นผู้ที่มีอำนาจควบคุมหรือครอบงำกรรมการผู้จัดการ หรือมีอำนาจจัดการบริษัทให้ปฏิบัติตามคำสั่งในการกำหนดนโยบาย หรือการดำเนินงานของบริษัท ทั้งนี้ จากเดิมคปภ.ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงและเอาผิดได้ตามพ.ร.บ.ประกันวินาศภัยฉบับใหม่ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 2551 ซึ่งทางคปภ.จะจับตามองบริษัทดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน น.ส.วสุมดี กล่าว น.ส.วสุมดี กล่าวว่า นอกเหนือจากที่มีอำนาจในการตรวจสอบผู้บริหารทุกระดับสูง และคณะกรรมการชุดย่อยที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางธุรกิจของบริษัท ตามนโยบายสนับสนุนการบริหารกิจการที่ดีตามหลักสากล นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังได้กำหนดคุณสมบัติของผู้บริหารที่ชัดเจนกว่าเดิม เพื่อคัดกรองบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงาน มีความเข้าใจในธุรกิจประกันภัยระดับสากล และระดับประเทศเข้ามาร่วมงาน ไม่มีผลประโยชน์ซับซ้อน นับจากนี้ไปบริษัทประกันวินาศภัยต้องทำใจ และพร้อมในการถูกตรวจสอบตลอดเวลา เพราะเราจะเข้าไปบ่อยกว่าเดิม น.ส.วสุมดี กล่าว
ที่มา:โพสต์ทูเดย์
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 311

โพสต์

ประกันวินาศภัยยังรุ่งในปี 53

http://www.mittare.com/news_view.php?nid=1438


สมาคมประกันวินาศภัยตั้งเป้าปี 2553 เบี้ยรับรวมโต 15% รับเศรษฐกิจขยาย รายได้ขยับ
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ปี 2553 ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบเพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2552 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยและภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น และบริหารอย่างระมัดระวังเพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน หลังจากได้รับ บทเรียนในช่วงที่ผ่านมา เรียกความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ โดยโรงงานอุตสาหกรรมถึงเวลาในการเพิ่มกำลังการผลิต หลังจากทำการระบายวัตถุดิบในการผลิตและสินค้าคงคลังออกไปเกือบหมดในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ประกันภัยโต
นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยโลกที่ยังไม่ขึ้น เห็นจากธนาคารกลางของแต่ละประเทศคงระดับดอกเบี้ยไว้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยยังคงไม่สูง ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าประชาชนจะหันมาใช้จ่ายกันมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ กอปรกับปีที่ผ่านมามีการอั้นการบริโภค เชื่อว่าปี 2553 จะนำออกมาใช้เต็มที่ โดยประกันภัยที่จะเติบโตอย่างมาก คือ ประกันส่วนบุคคล เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันรถยนต์ เนื่องจากประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญของความคุ้มครองตัวเองมากขึ้น

นายจีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทประกันภัยมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้น และพัฒนาช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยเฉพาะการขายผ่านโทรศัพท์และการขายผ่านธนาคาร ที่จะยังได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากมีแบบประกันที่ตรงกับความเสี่ยงของแต่ละคน

เรายังจะได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้มีการออกกรมธรรม์ราคาถูกออกมา ซึ่งนอกจากจะออกประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ สามารถที่จะพัฒนาประกันรถยนต์ราคาถูกออกมาอีก ซึ่งสามารถทำได้ทั้งประกันพีเอ ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ นอกเหนือจากที่มีประกันชั้น 3 พิเศษ ประกันชั้น 4 ซึ่งมีขายอยู่แล้ว นายจีรพันธ์ กล่าว

สำหรับปี 2552 ฝ่ายวิจัยไทยรับประกันภัยต่อ คาดว่าเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบจะมีทั้งสิ้น 1.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.51% จากปี 2551

ที่มา:โพสต์ทูเดย์
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 312

โพสต์

http://www.mittare.com/news_view.php?nid=1441
ดันไทย ฮับ ประกันรถข้ามแดน

ในอาเซียนชิงดำสิงคโปร์-มาเลเซีย

ประกันรถภาคบังคับข้ามแดนอาเซียนเริ่มแล้วนำร่องไทย-สปป.ลาวพร้อม ซีเกมส์ เชื่อมข้อมูลผ่านระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์คุ้มครองทันทีที่รถข้ามประเทศ ขยายต่อเวียดนามต้นปีหน้า คิวต่อไปลุ้นเขมร-พม่า มั่นใจหนุนประกัน พ.ร.บ. บวกการค้าและท่องเที่ยวระหว่างอาเซียนโต กางเป้าหมายดันไทยเป็น ฮับ ประกันรถข้ามแดนอาเซียน ชิงดำสิงคโปร์-มาเลเซียมั่นใจมีความพร้อมมากกว่า
นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการประกันภัยไทยเมื่อมีการเปิดใช้ ระบบประกันภัยรถภาคบังคับข้ามแดน ระหว่างไทยกับสปป.ลาวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีนายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ คลังของไทยและนางเวียงทอง สีพันดอน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเงินของสปป.ลาว เป็นประธาน ถือเป็น การนำร่องโครงการนี้ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศหลังจากผลักดันมากว่า 10 ปี
นายแพทย์พฤฒิชัย กล่าวว่า การเปิดใช้ระบบประกันภัยรถภาคบังคับระหว่าง 2 ประเทศทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับก่อนนำรถยนต์ข้ามผ่านแดนโดยไม่ต้องเสียเวลาลงจากรถเพื่อไปทำประกันภัยรถของประเทศปลายทางเหมือนที่ผ่านมา โดยประชาชนมั่นใจได้ว่าได้รับความคุ้มครองแน่เมื่อเกิดอุบัติเหตุในขณะเดินทางไปอีกประเทศหนึ่งเนื่องจากจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ระหว่าง 2 ประเทศทำให้ ได้รับความช่วยเหลือด้านค่าสินไหมทดแทนทันทีโดยความคุ้มครองจะเป็นไปตามกฎหมายประกันภัยรถภาคบังคับของแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ เจ้าของรถหรือผู้เอาประกันภัยไทยที่ต้องการเดินทางเข้าสปป.ลาวสามารถนำหลักฐานไปแจ้งขอทำประกันภัยของสปป.ลาวได้ ณ ที่ทำการบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการซึ่งจะแสดงป้ายสัญลักษณ์ศูนย์รับแจ้งการทำประกันภัย (Insurance Compulsory Center) โดยจะได้รับหลักฐานการจัดทำประกันภัยที่เรียกว่าบลูการ์ด สติกเกอร์ (Blue Card Sticker) และใบรับรองการทำประกันภัย โดยให้ติดบลูการ์ดไว้ที่หน้ากระจกรถยนต์เพื่อแสดงถึงการมีประกันภัย

นายแพทย์พฤฒิชัยกล่าวว่า ในช่วง การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 25 ที่สปป. ลาวคาดว่าจะมีประชาชนชาวไทยและชาวลาวเดินทางผ่านแดน ณ ชายแดนไทย-สปป.ลาวเพิ่มสูงกว่าช่วงปกติถึง 30% หรือ กว่า 300,000 คนและคาดว่าจะมีปริมาณ รถเข้าผ่านเข้าออกระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึง 20% หรือกว่า 200,000 คัน เพื่อเข้าชมการแข่งขันและจับจ่ายซื้อสินค้าจะยิ่งทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นจากการทำประกันภัยรถภาคบังคับก่อนการเดินทาง

โครงการนี้เริ่มต้นระหว่างไทยกับลาวก่อนหลังจากนั้นจะขยายไปยังเวียดนามและกัมพูชาซึ่งได้มีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของกิจกรรมด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่าง 4 ประเทศ

ภายใต้ระบบนี้ แต่ละประเทศจะแต่งตั้งสำนักงานประกันภัยรถผ่านแดนแห่งชาติ (National Bureau) ขึ้นมาซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการประกันภัยรถภาคบังคับข้ามแดนทั้งออกบลูการ์ด ประทับตราบลูการ์ดและประสานการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในส่วนประเทศไทย คือ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจาก รถ จำกัด ส่วนสปป.ลาวคือ บริษัท ประกันภัย แห่งประเทศลาว (เอจีแอล)

นายหรดี วรราช ประธานสำนักงาน ประกันภัยรถผ่านแดนแห่งชาติสปป.ลาวกล่าวว่า โครงการนี้จะทำให้คนลาวทำประกันภัยรถภาคบังคับมากขึ้นจากปัจจุบัน รถยนต์ทำประกันไม่ถึง 50% ขณะที่รถจักรยานยนต์ทำประกันประมาณ 3%

นายประยูร ภู่แส ผู้อำนวยการฝ่าย ไอที บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจาก รถ จำกัด เปิดเผยว่า การประกันภัยรถข้ามแดนไทยและสปป.ลาวกำหนดคิดอัตราเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 15 วันปรับลดลงจากเดิม 30 วัน สมมติรถตู้คุ้มครอง 15 วันจะจ่ายเบี้ยประมาณ 124 บาท โดย เอกสารที่ใช้ซื้อประกันรถข้ามแดนเหมือน กับซื้อประกันปกติ ได้แก่ สำเนาทะเบียนรถและใบอนุญาตขับขี่

นายประยูร กล่าวว่า พยายามผลักดัน ให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ประกันภัยรถภาคบังคับผ่านแดนอาเซียนซึ่งจะแบ่งออก เป็น 2 โซนคือโซนบนซึ่งจะเป็นเฟสแรกที่เริ่มดำเนินการประกอบด้วยไทย พม่า เวียดนาม กัมพูชาและลาว โดยเวียดนาม กำหนดเริ่มต้นปี 2553 เพราะยังติดขัดระบบ ออนไลน์และเอกสาร ขณะที่พม่ากำหนดเริ่มในปี 2553 ส่วนกัมพูชายังไม่พร้อม โดย โซนนี้ไทยเป็นลีดในโครงการเพราะมีความ พร้อมมากกว่าทุกประเทศ

สำหรับโซนล่างอยู่ในเฟสสองประกอบด้วยมาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยทางสิงคโปร์ และมาเลเซียแย่งกันเป็นลีดในโซนนี้อยู่ แต่หากเทียบศักยภาพระหว่างไทยและมาเลเซียแล้วไทยมีความพร้อมมากกว่า

แผนในอนาคตอยากพัฒนาโครงการ นี้ไปถึงขั้นที่ยุโรปทำอยู่คือรถข้ามแดนซื้อประกันที่เดียวใช้บลูการ์ดใบเดียวสามารถ วิ่งข้ามไปประเทศไหนก็ได้ แต่ไทยยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้ต้องเปลี่ยนระบบการจดทะเบียนที่ขนส่งให้เป็นนานาชาติคือ เป็นภาษาอังกฤษก่อน

ด้านนายณัฐพงค์ บุญเย็น ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 2 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด หนึ่งในบริษัทที่เข้า ร่วมโครงการ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ส่ง เจ้าหน้าที่ไปประจำที่ลาว เพื่อรับแจ้งเหตุให้กับลูกค้าชาวไทยที่นำรถไปวิ่งในลาวจะได้ให้บริการที่รวดเร็ว โดยบริษัทประกันภัย แห่งประเทศลาวจะให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตสูงสุด 50,000 บาท/คน/ครั้ง ค่ารักษาพยาบาล 7,500 บาท/คน/ครั้ง และคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก 20,000 บาท/ครั้งเหมือนกับเวียดนาม

ที่มา:สยามธุรกิจ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 313

โพสต์

http://www.mittare.com/news_view.php?nid=1442

ประกันฯจ้องเขมือบเบี้ยสุขภาพคนลาว

กระทรวงการคลัง สบช่องประเดิมประกันภัยรถข้างแดนครั้งแรกในลาว หวังกรุยทางนักธุรกิจประกันภัยไทย เดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่ม เปิด2 โมเดล สมาคมประกันชีวิตไทยสนใจตลาดสุขภาพมีโอกาสสูง ด้านสมาคมประกันวินาศภัย เร่งศึกษาปัจจัยบวกต่อยอด สปป.ลาว เผยมีบริษัทประกัน 2-3 แห่งจากไทยจีบเป็นพันธมิตรทางธุรกิจน.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างสภาธุรกิจประกันภัยไทย กับสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติของ สปป.ลาว ว่า นอกเหนือจากการเชื่อมข้อมูลระบบการประกันภัยรถภาคบังคับ สำหรับรถยนต์ข้ามแดนระหว่างไทย-สปป.ลาว และความร่วมมือด้านวิชาการครั้งนี้แล้ว ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ได้นำคณะนักธุรกิจประกันภัยไทยทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เดินทางมาเจรจาการค้า การลงทุนเพิ่มเปิดตลาดใน สปป.ลาว เนื่องจากในขณะนี้บริษัทประกันภัยสามารถลงทุนใน สปป.ลาว ได้ 2 ลักษณะ คือการร่วมลงทุน (Joint Venture) และการลงทุนโดยตรงถือหุ้น 100% (Foreign Direct Investment)
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทย-สปป.ลาว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 45,315 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัว 33% ต่อปี (ข้อมูลอ้างอิงจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 2549-2551) ประกอบกับเล็งเห็นว่า สปป.ลาวยังมีความใหม่ทางด้านการประกันภัย และถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ โดยคาดหวังให้มีความร่วมมือจับการจับคู่ค้าทางธุรกิจ
โดยเฉพาะการรับประกันทางด้านธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจการเงิน และการขนส่ง จะเห็นการจับคู่กับธุรกิจลาวจำนวนหลายคู่เร็วๆ นี้ จะมีการเปิดตัวคู่ค้าและมีมูลค่าการลงทุนที่ขยายตัวต่อไป จากปัจจุบันในลาว มีบริษัทประกันภัย จำนวน 5 ราย ได้แก่ AGL ,มิตซุยสุมิโตโม ,PCT Asia Insurance รวมถึงบริษัทร่วมทุนจากมาเลเซียและสิงคโปร์
นายสาระ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทยและสภาประกันภัยไทย กล่าวถึงความพร้อมสนับสนุนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างภาคธุรกิจประกันภัยกับสปป.ลาวว่า ทางด้านประกันสุขภาพ เป็นตลาดที่น่าสนใจมาก เนื่องจากตลาดใน สปป.ลาวยังเติบโตไม่มาก จึงถือเป็นโอกาสขยายตลาดประกันสุขภาพ ดังนั้น การเจรจาจับคู่ทางธุรกิจครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี จะพัฒนาตลาดประกันภัยร่วมกัน
จากข้อได้เปรียบที่ธุรกิจประกันภัยไทย มีความเป็นสากล และเตรียมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎหมายต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนประกันภัยใน สปป.ลาวต่อไป
ด้านนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า ความร่วมมือในการเปิดโครงการประกันภัยรถข้ามแดนในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะด้านการขนส่งและท่องเที่ยว ระบบการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจดีขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแนวคิดของ คปภ. ที่ต้องการให้บริษัทประกันภัยของไทยมาลงทุนในสปป.ลาว เนื่องจากเห็นว่าสัดส่วนการทำประกันภัยภาคบังคับมีเพียง 50 % ของประเทศ แต่ทั้งนี้ต้องศึกษากฎหมายให้เข้าใจก่อนการลงทุน เนื่องจากกฎหมายประกันของสปป.ลาวต่างจากไทย
ขณะที่นายหอระดี วรราช หัวหน้าห้องประกันภัย บริษัทประกันภัยแห่งสปป.ลาว กล่าวว่าขณะนี้ มีบริษัทประกันภัยไทย 2-3 บริษัท อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อลงทุนในสปป.ลาว ในลักษณะพันธมิตรทางธุรกิจกับ สปป.ลาว เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันสปป.ลาว มีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 90% และในช่วง 2 ปีผ่านมามีอัตราการเติบโตของเบี้ยรับรวม 25% ต่อปี ขณะที่อัตราการเติบโตเศรษฐกิจของลาวต่อจำนวนประชากร (GDP) ปีนี้จะขยายตัว 7.5-8%
ดังนั้นหากบริษัทประกันภัยต่างชาติต้องการลงทุนในลาว จะต้องยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของลาว (บีโอไอ) และต้องมีประสบการณ์ มีสถานะทางการเงินและเงินทุนของบริษัทที่มั่นคงรองรับการทำธุรกิจในระยะยาว โดยช่วงไตรมาส 2 ปี 2553 จะมีการปรับแก้กฎหมายประกันภัยในส่วนของทุนจดทะเบียนและเงินค้ำประกันเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจประกันภัย จากปัจจุบันเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 66 ล้านบาท
นอกจากนี้ทางสปป.ลาว กำลังร่างระเบียบการจัดตั้งสมาคมประกันชีวิตและสมาคมประกันวินาศภัย และได้นำเสนอต่อกระทรวงการเงินแล้ว กำลังรอการอนุมัติประมาณต้นปีหน้า โดยทางสปป.ลาว ยึดรูปแบบมาจากการจัดตั้งมาจากคปภ. และรูปแบบการกำกับของอลิอันซ์ ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ สปป.ลาว มีกฎเกณฑ์การกำกับธุรกิจประกันภัยที่ความเข้มงวด เพื่อสร้างความธุรกิจประกันภัยที่เป็นมหภาพ ระดับสากลและให้ความคุ้มครองประชาชนลาวเป็นไปตามกติกาด้วยบรรทัดฐานเดียวกันทั้งหมด

ที่มา:ฐานเศรษฐกิจ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 314

โพสต์

http://www.mittare.com/news_view.php?nid=1443

ประกันภัยผ่าน Bank ยังเป็นช่องทางการเติบโตที่สดใสในปีหน้า

กสิกรบุกขายประกัน
ปี 53 หวังโตหมื่นล้าน

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2553 มองว่าแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจการขายประกันผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันส์) น่าจะเติบโตได้อีกมาก ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้ถือครองกรมธรรม์ในปัจจุบันมีเพียง 25% ของประชากรทั้งประเทศ โดยขึ้นอยู่กับว่า 80% กว่าที่เหลือจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเบี้ยรับรวมจากธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ของธนาคารสามารถเติบโตได้เกินกว่า 60% มาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าปีหน้าน่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีนี้ สำหรับเบี้ยรับรวมจากธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่ทำได้มากกว่า 9 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตได้กว่า 100% จากปีที่แล้ว ซึ่งเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันจากธุรกิจประกันชีวิต 80-90% ที่เหลือเป็นเบี้ยประกันวินาศภัย ขณะที่ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันของธนาคารปัจจุบันมีอยู่ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งภายในสิ้นปีนี้คาดว่าน่าจะเติบโตได้มากกว่าปี 51 ถึง 60% หรือมากกว่า 1,000 ล้านบาท และในปี 2553 คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่า 60% เช่นกัน สำหรับกลยุทธ์ในปี 53 เบื้องต้นจะเน้นการบริการที่ดีและความหลากหลายของสินค้าที่ครบวงจร ทั้งนี้ การที่กสิกรไทยเข้าไปถือหุ้นเมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง เพิ่มขึ้นนั้น มองว่าจะทำให้การทำงานมีความใกล้ชิดมากขึ้น ดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถไล่ตามอันดับ 1 ได้เร็วขึ้นด้วย ส่วนความร่วมมือกับ บมจ.เมืองไทยประกันภัยในการออกบัตรเค-แมกซ์ เดบิตได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่เปิดตัวในเดือน พ.ค.ถึงปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าเข้ามาสมัครกว่า 7.4 แสนบัตร จากจำนวนบัตรเดบิตทั้งหมดที่อยู่ที่ 2.4 ล้านบัตร ซึ่งถือว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

ที่มา:หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 315

โพสต์

ประกันวินาศยิ้ม ปี53เบี้ยโต15%


วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สมาคมประกันวินาศภัยตั้งเป้าปี 2553 เบี้ยรับรวมโต 15% รับเศรษฐกิจขยาย รายได้ขยับ
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ปี 2553 ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบเพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2552 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยและภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น และบริหารอย่างระมัดระวังเพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน หลังจากได้รับ บทเรียนในช่วงที่ผ่านมา เรียกความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ โดยโรงงานอุตสาหกรรมถึงเวลาในการเพิ่มกำลังการผลิต หลังจากทำการระบายวัตถุดิบในการผลิตและสินค้าคงคลังออกไปเกือบหมดในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ประกันภัยโต
นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยโลกที่ยังไม่ขึ้น เห็นจากธนาคารกลางของแต่ละประเทศคงระดับดอกเบี้ยไว้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยยังคงไม่สูง ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าประชาชนจะหันมาใช้จ่ายกันมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ กอปรกับปีที่ผ่านมามีการอั้นการบริโภค เชื่อว่าปี 2553 จะนำออกมาใช้เต็มที่ โดยประกันภัยที่จะเติบโตอย่างมาก คือ ประกันส่วนบุคคล เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันรถยนต์ เนื่องจากประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญของความคุ้มครองตัวเองมากขึ้น

นายจีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทประกันภัยมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้น และพัฒนาช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยเฉพาะการขายผ่านโทรศัพท์และการขายผ่านธนาคาร ที่จะยังได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากมีแบบประกันที่ตรงกับความเสี่ยงของแต่ละคน

เรายังจะได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้มีการออกกรมธรรม์ราคาถูกออกมา ซึ่งนอกจากจะออกประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ สามารถที่จะพัฒนาประกันรถยนต์ราคาถูกออกมาอีก ซึ่งสามารถทำได้ทั้งประกันพีเอ ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ นอกเหนือจากที่มีประกันชั้น 3 พิเศษ ประกันชั้น 4 ซึ่งมีขายอยู่แล้ว นายจีรพันธ์ กล่าว

สำหรับปี 2552 ฝ่ายวิจัยไทยรับประกันภัยต่อ คาดว่าเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบจะมีทั้งสิ้น 1.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.51% จากปี 2551

http://www.posttoday.com/finance.php?id=80676
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 316

โพสต์

คปภ.ล่าบิ๊กประกันอำพรางถือหุ้น


วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
คปภ.ยุคใหม่ ไล่ตรวจอำนาจผู้บริหารสกัดกรรมการร่างทรง
น.ส.วสุมดี วสีนนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบคุณสมบัติและอำนาจของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพบว่ามีผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มีชื่อในตำแหน่งกรรมการบริหารหรือคณะผู้บริหาร แต่เป็นผู้ที่มีอำนาจควบคุมหรือครอบงำกรรมการผู้จัดการ หรือมีอำนาจจัดการบริษัทให้ปฏิบัติตามคำสั่งในการกำหนดนโยบาย หรือการดำเนินงานของบริษัท
ทั้งนี้ จากเดิมคปภ.ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงและเอาผิดได้ตามพ.ร.บ.ประกันวินาศภัยฉบับใหม่ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 2551 ซึ่งทางคปภ.จะจับตามองบริษัทดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน น.ส.วสุมดี กล่าว

น.ส.วสุมดี กล่าวว่า นอกเหนือจากที่มีอำนาจในการตรวจสอบผู้บริหารทุกระดับสูง และคณะกรรมการชุดย่อยที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางธุรกิจของบริษัท ตามนโยบายสนับสนุนการบริหารกิจการที่ดีตามหลักสากล

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังได้กำหนดคุณสมบัติของผู้บริหารที่ชัดเจนกว่าเดิม เพื่อคัดกรองบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงาน มีความเข้าใจในธุรกิจประกันภัยระดับสากล และระดับประเทศเข้ามาร่วมงาน ไม่มีผลประโยชน์ซับซ้อน

นับจากนี้ไปบริษัทประกันวินาศภัยต้องทำใจ และพร้อมในการถูกตรวจสอบตลอดเวลา เพราะเราจะเข้าไปบ่อยกว่าเดิม น.ส.วสุมดี กล่าว

http://www.posttoday.com/finance.php?id=80678
:)
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 317

โพสต์

วินาศภัยพุ่งไม่หยุด

 
http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413341871


> 9เดือนเบี้ยเกิน8หมื่นล้าน อานิสงส์ศก.ฟื้น/พีเอ-สุขภาพยังโตแรง 20%

วินาศภัยแรงดีไม่มีตก เบี้ยพุ่งไม่หยุด 9 เดือนโต 2.45% เกิน 8 หมื่น ล้านบาทแล้ว อานิสงส์ศก.เริ่มฟื้นส่งผลดีรถยนต์-มารีนติดลบน้อยลง เผยรถ ยนต์ติดลบแค่ 0.07% ส่วนมารีนติดลบ 15.54% ด้านเบ็ดเตล็ดยังครองแชมป์โตสูงสุด 10.27% เหตุประกันเกือบทุกตัวโตบวกโดยเฉพาะ 2 สินค้าเด่นพีเอ-สุขภาพยังขยายตัวได้ดีโต 20%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยผลประกอบการของ ธุรกิจประกันวินาศภัยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2552 (มกราคม-กันยายน) ว่า เบี้ยประกันภัยยังเติบโตเป็นบวกต่อเนื่องทั้งระบบมีเบี้ยรับโดยตรงทั้งสิ้น 80,192.659 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2.45% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่มีเบี้ยรับตรง 78,276.741 ล้าน บาทเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวทำให้ประกันภัยหลายประเภทมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องติดลบน้อยลง

โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ซึ่งมีเบี้ยประกันคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% มากที่สุดในอุตสาหกรรมติดลบเพียง 0.07 ด้วยจำนวนเบี้ยรับตรง ทั้งสิ้น 47,649.576 ล้านบาทเทียบกับช่วง เดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 47,680.823 ล้านบาท โดยประกันรถภาคสมัครใจ ติดลบ 0.53% มีเบี้ยรับตรง 39,410.063 ล้านบาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่าน มาที่มีเบี้ยรับตรง 39,619.126 ล้านบาท

ส่วนประกัน พ.ร.บ.หรือประกันภาค บังคับเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 2.21% ด้วยเบี้ยรับตรง 8,239.513 ล้านบาท เทียบกับช่วง เดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 8,061.697 ล้านบาท

สำหรับประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่มีเบี้ยมากเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมยังคงครองแชมป์ประกันภัยที่มีการขยายตัวสูงสุดโดยมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 10.27% เบี้ยรับตรงทั้งสิ้น 23,910.885 ล้านบาท เทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 21,683.764 ล้านบาท โดยประกันเกือบทุกตัวยังเติบโตเพิ่มเป็นบวกต่อเนื่อง ยกเว้นประกันภัยอากาศยานที่ยังติดลบสูง อยู่ถึง 57.13% แม้จะลดลงจากช่วง 8 เดือน ที่ติดลบ 61.08% ก็ตาม

ทั้งนี้ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และประกันสุขภาพ 2 สินค้าที่มาแรงมากในช่วงปีหลังๆ ยังคงขยายตัวสูงอยู่ โดยประกันพีเอเติบโตเพิ่มขึ้น 19.75% เพิ่มขึ้นจาก 8 เดือนแรกที่เติบโต 18.94% โดยมีเบี้ยรับตรงถึง 7,640.600 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 6,380.501 ล้านบาท ประกันสุขภาพเติบโตเพิ่มขึ้น 20.63% ด้วยเบี้ยรับตรง 2,642.010 ล้านบาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 2,190.188 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในกลุ่มเบ็ดเตล็ด ประกัน ภัยพืชผลที่มีอัตราเติบโตสูงสุด ปรากฏว่าในรอบ 9 เดือนตัวเลขไม่เปลี่ยนแปลงจาก 8 เดือนคืออัตราเติบโตยังอยู่ที่ 74.91% มีเบี้ยรับตรง 244 ล้านบาท รองลงมาคือ ประกันภัยวิศวกรรมเติบโตเพิ่มขึ้น 40.51% ด้วยเบี้ยรับตรง 2,222.988 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ย 1,582.043 ล้านบาท

ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risks : IAR) เติบโตเพิ่ม ขึ้น 19.87% ลดลงจาก 8 เดือนแรกที่เติบ โตถึง 22.26% โดยมีเบี้ยรับตรง 5,285.359 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 4,409.260 ล้านบาท ประกัน ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Public Liability) เติบโตเพิ่มขึ้น 28% ด้วยเบี้ยรับตรง 660..811 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 516.274 ล้านบาท

สำหรับประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) ที่ติดลบสูงมาตั้งแต่ต้นปีนี้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับลบน้อยลงอยู่ที่ 15.54% โดยมีเบี้ยรับตรง 2,655.675 ล้าน บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีเบี้ย 3,144.241 ล้านบาทเป็นผลมาจาก การส่งออกและนำเข้าฟื้นตัว โดยประกัน ภัยขนส่งสินค้าติดลบ 17.36% ด้วยเบี้ยรับตรง 2,365.657 ล้านบาทเทียบกับช่วง เดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 2,862.633 ล้านบาท ขณะที่ประกันอัคคีภัยยังเติบโตบวก 3.62% เบี้ยรับตรง 5,976.523 ล้าน บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ย 5,767.914 ล้านบาท

ส่วนค่าสินไหมทดแทนทั้งระบบมียอดรวมทั้งสิ้น 40,336.021 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 5.82% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 38,117.434 ล้านบาท โดยอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) อยู่ที่ 51.75% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่าน มาที่ 51.67% โดยประกันรถยนต์ Loss Ratio ลดลงเหลือ 56.84% จาก 56.92% ประกันอัคคีภัย Loss Ratio เพิ่มเป็น 19.06% จาก 15.12% ประกันมารีน Loss Ratio เพิ่มเป็น 27.18% จาก 25.18% ขณะที่ประกันเบ็ดเตล็ด Loss Ratio ลดลงเหลือ 46.09% จาก 47.09%

สำหรับปริมาณลูกค้าวัดจากจำนวน กรมธรรม์เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยทั้งอุตสาหกรรมมีจำนวนกรมธรรม์ทั้งสิ้น 25,833,515 ฉบับ เพิ่มขึ้น 1,141,368 ฉบับหรือ 4.62% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 24,692,147 ฉบับ

อนึ่ง คปภ.คาดการณ์ถึงสิ้นปี 2552 ธุรกิจประกันวินาศภัยจะมีอัตราเติบโตเพิ่ม ขึ้น 5-6% เบี้ยรับโดยตรง 111,566-112,629 ล้านบาทเทียบกับปี 2551 ที่มีเบี้ย 106,254 ล้านบาทเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวตลาดรถยนต์เริ่มฟื้น
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 318

โพสต์

สินมั่นคงเปิดกว้างร่วมทุนนอก  ขอเป็นนอน มอเตอร์/ย้ำไม่มีก็อยู่ได้

http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413341879

สินมั่นคงยันไม่ปิดกั้นทุนนอก รวมถึงบริษัทประกันไทยที่อยากควบรวม พร้อมคุยทุกเมื่อ ชี้มีทุนญี่ปุ่นจีบแต่ตกลงกันไม่ได้ แบไต๋อยากได้ลูกค้านอน มอเตอร์ มั่นใจอนาคตไม่จำเป็นต้องหาผู้ร่วมทุน ช่วยต่อสายป่านเหตุฐานะการเงินมั่นคง กองทุนเพียงพอรับ RBC แถมสไตล์บริหารไม่เน้นโตเร็ว ปิดหีบโตบวก 1-2% จากเป้าเดิม 0% หลัง 9 เดือนติดลบ น้อยลง งานเข้าเพราะตัวแทนใหม่เพิ่ม

นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า บริษัทไม่ได้ปิดกั้นการร่วมทุนทั้งจากบริษัทประกันภัยต่างประเทศที่สนใจจะเข้ามาลงทุนหรือบริษัทประกันภัยในประเทศที่ต้องการควบรวมกิจการกับบริษัท ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทประกันภัยต่าง ชาติ อาทิ จากญี่ปุ่นเข้ามาพูดคุยบ้างแต่ ปฏิเสธไปเพราะตกลงกันไม่ได้ กอปรกับ ทางบริษัทมีบริษัท โรยัลแอนด์ซันอัลลายแอนซ์ ซึ่งจัดเป็นบริษัทขนาดใหญ่แห่ง หนึ่งของโลกถือหุ้นจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว

เราเปิดกว้างอยู่แล้วที่ผ่านมามีต่างชาติเข้ามาพูดคุยกันแต่ไม่มีข้อสรุป เราอยากได้ฐานลูกค้าไม่ใช่รถยนต์ (นอน มอเตอร์) เพราะเรามีรถยนต์เยอะอยู่แล้ว ส่วนบริษัทไทยยังไม่มีเข้ามาคุย

อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่จำเป็นต้อง หาพันธมิตรทางธุรกิจ การจะหาพันธมิตรหรือไม่อยู่ที่แผนการดำเนินธุรกิจหาก เติบโตเร็วมากหรือมีความคาดหวังในการ ขยายตัวมากต้องการพันธมิตร แต่สำหรับบริษัทมั่นใจในสไตล์การบริหาร สไตล์การดำเนินธุรกิจ ซึ่งจากอดีตถึงปัจจุบันบริษัทไม่มุ่งขยายธุรกิจหรือเติบโตอย่างเดียว แต่เน้นอยู่อย่างมั่น คงไม่ขยายตามตลาด ยึดตัวเองเป็นหลัก

ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรถยนต์มากเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม ฐานะการเงินมั่นคง เงินกองทุนมีเพียงพอ ดังนั้นเชื่อว่าในอนาคตบริษัทอยู่ได้โดยไม่ต้องมีใครมาร่วมทุน แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะนำกฎระเบียบใหม่ๆ มาใช้ โดยเฉพาะ กฎดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง (Risk-Based CapitaI : RBC) ซึ่งอาจจะทำ ให้ต้องเพิ่มทุนรวมถึงภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีอยู่ก็ตาม

เรามองเผื่ออนาคต ไม่ใช่ต้องโตสูงอย่างเดียวหากเป็นอย่างนั้นเจ๊ง

นายเรืองเดชกล่าวว่า ผลประกอบ การในช่วง 9 เดือนปีนี้ติดลบน้อยลงเทียบ กับช่วง 3 เดือนแรก โดยมีเบี้ยรับรวม 3,787 ล้านบาท ลดลง 1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ยรับ 3,813 ล้านบาท เฉพาะไตรมาสสามเติบ โต บวก 3% ด้วยจำนวนเบี้ยรับรวม 1,302 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ยรับ 1,263 ล้านบาท

สาเหตุที่เติบโตเป็นบวกได้เนื่อง จากขยายจำนวนตัวแทนโดยมีตัวแทนใหม่เพิ่มอีก 500 คนรวมเป็น 2,500 คน รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่ม อาทิ เปิดบูธขายในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทำให้ช่องทางขายหลากหลายมากขึ้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น

อย่างไรก็ดี คาดว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทน่าจะมีอัตราเติบโตเป็นบวกได้ประมาณ 1-2% จากเดิมคาดไว้ที่ 0% หรือไม่เติบโตซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงมาจากต้นปีนี้ที่คาดการณ์เติบโตประมาณ 3% โดยปีที่ผ่านมามีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 4,547 ล้านบาท

สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมา สินมั่น คงประกันภัยมีกำไรสุทธิ 184.778 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไร 181.599 ล้านบาท

จากข้อมูลฐานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาสสาม ปี 2552 สินมั่นคงประกันภัยมีสินทรัพย์ 7,130 ล้านบาท เงินกอง ทุน 793 ล้านบาท เงินกองทุนที่ต้องดำรง ตามกฎหมาย 409 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย 193%

อนึ่ง สินมั่นคงประกันภัยตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้ไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาทจากปี 2551 ที่ทำได้ 131 ล้านบาทมั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายเนื่องจากยึด นโยบายเข้มงวดกับการพิจารณารับประกันภัยและไม่แข่งขันด้านราคารวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายซึ่งคาดว่าปีนี้จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 16%
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 319

โพสต์

ประกันดันตัวแทนสอบผ่านเน็ต


วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สมาคมประกันชีวิตไทยรุกหนัก จับตัวแทนไซเบอร์ ปีหน้ารับสมัครสอบผ่านอินเทอร์เน็ต
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ปี 2553 สมาคมจะเปิดรับ สมัครสอบใบอนุญาตตัวแทนทางอินเทอร์เน็ตขึ้น เพื่ออำนวย ความสะดวก สนองนโยบายการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบของประชาชน เช่น ค่าเดินทางไปสมัครสอบและค่าถ่ายเอกสาร ส่วนการชำระเงินให้จ่ายผ่านบริษัทต้นสังกัด โดยไม่ต้องยื่นเอกสารการสมัคร ซึ่งการสมัครสอบทางอินเทอร์เน็ตนี้ใช้สำหรับการสอบด้วยระบบกระดาษและคอมพิวเตอร์ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ซึ่งเป็นการจัดสอบนอกสถานที่สมาคมเท่านั้น นอกเหนือจากการสมัครสอบแบบเดิม
สำหรับผลการสอบในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สมัครสอบทั่วประเทศ 1.19 หมื่นคน ลดลงจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา 29% ในจำนวนนี้มีผู้เข้าสอบ 9,495 คน และสอบผ่าน 6,023 คน หรือ 63.4% ของผู้เข้าสอบ

ขณะที่ยอดรวมในระยะเวลา 11 เดือนของปี 2552 มีผู้สมัครสอบรวมทั้งสิ้น 1.33 แสนคน ลดลงระยะเดียวกันของปีก่อน 30.8% ในจำนวนนี้มีผู้เข้าสอบ 1.05 แสนคน สอบผ่าน 63.8%

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคม ตัวแทนประกันชีวิตไทย กล่าวว่า โอกาสในการเติบโตในอาชีพตัวแทนมีสูง เนื่องจากยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีประกันชีวิต โดยเฉพาะประชาชนระดับฐานรากของประเทศซึ่งมีสัดส่วนถึง 70% ที่ช่องทางการขายอื่นเข้าไม่ถึง เป็นโอกาสของตัวแทนในการเข้าไปให้บริการแก่ประชาชนถึงที่ เป็นความได้เปรียบที่ช่องทางการขายอื่นเข้าไม่ถึง

http://www.posttoday.com/finance.php?id=81066
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 320

โพสต์

คปภ.คลอดเกณฑ์ทวงหนี้เงินกองทุนทดแทน


วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552
โพสต์ทูเดย์ คปภ.ออกข้อกำหนดแทงหนี้สูญเงินกองทุนผู้ประสบภัย ไฟเขียวสืบทรัพย์ลูกหนี้เต็มที่
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ทางคปภ. ได้ออกข้อกำหนดว่าเรื่องการพิจารณาจำหน่ายลูกหนี้กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ พ.ศ. 2552 และให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เมื่อทางสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยและทราบตัวลูกหนี้แล้ว ก็ให้ดำเนินการติดตามหนี้คืน ดังนี้ ให้ออกคำสั่งทางปกครองเรียกให้จ่ายเงินคืนพร้อมเงินเพิ่มในอัตรา 20% ของเงินที่ได้จ่ายไปภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งหรือมีหนังสือทวงถามเรียกคืนให้ชำระหนี้ และเมื่อลูกหนี้ได้รับหนังสือทวงถามแล้วยังละเลยหรือเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ ให้ดำเนินการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้อีก 2 ครั้ง แต่ละครั้งให้มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน

อย่างไรก็ตาม หากลูกหนี้ยังเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ ก็ให้ใช้วิธีการสืบหาทรัพย์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรือเงินฝาก แต่หากทำการสืบหาทรัพย์แล้ว ปรากฏว่าลูกหนี้ไม่อยู่ในฐานะที่ชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ถึงแก่ความตาย ไม่มีทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาท ต้องคำพิพากษาล้มละลาย ทุพพลภาพถาวรหรือวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน และไม่มีทรัพย์สินอื่นที่สามารถยึดหรืออายัดตามกฎหมายได้ รวมถึงกรณีที่การติดตามหนี้คืนไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป และกรณีที่ไม่สามารถติดตามตัวบุคคลที่ต้องรับผิดได้ตามขั้นตอนที่ระบุแล้ว ก็ให้กองทุนจำหน่ายออกจากบัญชีการเป็นหนี้สูญได้

http://www.posttoday.com/finance.php?id=81242
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 321

โพสต์

ลิอันซ์ลั่นยึดตลาดเอเชีย


วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552
โพสต์ทูเดย์ อลิอันซ์ มั่นใจตลาดเอเชียปีหน้าเดินลุยต่อรับตลาดเกิดใหม่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น
นายบรูซ บาวเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอลิอันซ์ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันของกลุ่มอลิอันซ์ในตลาดเอเชียจะยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากการเติบโตของตลาดประกันชีวิตในภูมิภาคนี้ได้แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความยืดหยุ่นในช่วงที่เกิดวิกฤต และกลุ่มอลิอันซ์ได้ผลประกอบการที่ดีในปีนี้
ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นก้าวย่างที่สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับรูปแบบการดำเนินงานของเราในทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย และในปี 2553 เราจะยังคงยึดมั่นในการมุ่งให้ความสำคัญการควบคุมคุณภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า และจะเดินหน้ากลยุทธ์การบริหารงานของกลุ่มภายใต้โมเดล Target Operating Model (TOM) และหวังว่าเราจะสามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตของธุรกิจในด้านผลกำไร และสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในภูมิภาคเอเชีย นายบาวเออร์ กล่าว

นายไมเคิล ไฮส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของกลุ่ม อลิอันซ์ ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ทางกลุ่มอลิอันซ์ได้คาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ในกลุ่มประเทศเอเชียที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2553 เพราะได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินการคลังที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของภาวะการค้าโลก โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะเติบโต 8.7% ขณะที่จีดีพีของอินเดียจะเติบโต 6.5% และจีดีพีของตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคโดยรวมจะเติบโต 6.7%

สิ่งนี้แสดงว่าเอเชียจะมีบทบาทสำคัญถึง 39% ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2.8% ในปีหน้า นายไฮส์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะการค้าโลกควรจะขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าในช่วงก่อนวิกฤต เหตุผลหลักก็มาจากการที่สหรัฐไม่สามารถพลิกฟื้นสถานะกลับมาเป็นตลาดหลักที่ทรงอิทธิพลที่มีปริมาณความต้องการสินค้าที่สูงและอัตราการนำเข้าที่มีการเติบโตอย่างเดิมได้ และในฐานะที่สหรัฐเป็นตลาดนำเข้าสินค้าจากเอเชียที่สำคัญที่สุด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รูปแบบการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชียจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือ หากว่าเอเชียต้องการจะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง จะต้องหันมาเน้นเรื่องความต้องการสินค้าภายในประเทศและการบริโภคในภาคเอกชนให้มากขึ้น

http://www.posttoday.com/finance.php?id=81244
:)
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 322

โพสต์

โอกาสเติบโตของประกันวินาศภัย

คลังจับมือบิ๊ก สภาอุตฯ-สภาหอฯ เปิดทางบริษัทประกันขยายฐานลูกค้า

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้รับความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการประกันภัยเข้าไปให้ความรู้และสิทธิประโยชน์ของประกันภัยและประกันชีวิตให้กับผู้ประกอบการทุกระดับทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาชิก พบว่าส่วนใหญ่มีประกันอัคคีภัยและประกันอื่นๆ บางประเภทยังขาดความคุ้มครอง ต่างจากผู้ประกอบการต่างประเทศที่จะทำประกันปิดความเสี่ยงกันเกือบครบ เช่น ประกันความรับผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกไปที่อาจจะถูกผู้บริโภคฟ้องร้องได้ ประกันความรับผิดบุคคลภายนอก ซึ่งได้ขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทำงานเชิงรุกในการเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการเกี่ยวกับประโยชน์ของประกัน

นายสมเกียรติ อนุราช รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมองว่าการทำประกันภัยเป็นภาระ ทำให้ไม่นิยมทำประกันภัย หากทางภาคธุรกิจสามารถทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการได้ เชื่อว่าจะทำให้มีผู้ทำประกันภัยเพิ่ม ทั้งด้านประกันสินเชื่อ ประกันความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก และประกันการว่างงาน

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า สมาคมจะร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยในการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ พร้อมกับนำเสนอแพ็กเกจประกันชีวิตและประกันภัยแก่ผู้ประกอบการ เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ธุรกิจประกันชีวิตในปีหน้าขยายตัวได้ตามเป้าที่ 15-20%

นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า ทั้งสองสภาธุรกิจมีประชาชนที่ทำงานกว่า 10 ล้านคน ถือเป็นช่องทางสำคัญในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีต้นทุนถูก และมองว่าธุรกิจประกันภัยจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากความร่วมมือนี้

www.posttoday.com

ที่มาของข่าว :: นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 323

โพสต์

แบงก์ยูโอบีทิ้งประกัน พรูเดนเชียลรับเซ้ง


วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553
พรูเดนเชียลเล็งซื้อธุรกิจประกันชีวิตจากธนาคารยูโอบีกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยว่า พรูเดนเชียล พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จะใช้เงินกว่า 428 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 1.04 หมื่นล้านบาท ซื้อธุรกิจประกันชีวิตจากธนาคาร ยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ (ยูโอบี) ของสิงคโปร์ เพื่อขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
พรูเดนเชียลฯ ระบุว่า การเข้าซื้อหน่วยธุรกิจดังกล่าวจะเป็นการซื้อขายด้วยเงินสด คาดว่าข้อตกลงซื้อขายดังกล่าวจะสิ้นสุดภายในวันที่ 31 ม.ค.นี้

นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า พรูเด็นเชียลฯ ยังมีแผนจะขยายการทำข้อตกลงระยะเวลา 12 ปี ร่วมกับหน่วยงานด้านการขายประกันชีวิต การประกันอุบัติเหตุและสุขภาพของยูโอบีในสาขาของธนาคารกว่า 414 แห่งในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย

ปัจจุบันพรูเดนเชียลฯ มีหน่วยงานด้านประกันชีวิตและการจัดการสินทรัพย์ปฏิบัติการอยู่ใน 13 ประเทศทั่วเอเชีย ซึ่งทำรายได้กว่า 42% ให้กับพรูเด็นเชียลฯ และต้องการรุกขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

รายงานข่าวจากธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า ณ สิ้นปี 2551 ธนาคารถือหุ้นในบริษัท แอกซ่าประกันภัย 22.06% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 353 ล้านบาท

ด้านบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) มีเบี้ยปีแรกงวด 11 เดือน หรือเบี้ยลูกค้ารายใหม่ 666 ล้านบาท ลดลง 15% เบี้ยต่ออายุ 1,093 ล้านบาท เบี้ยชำระครั้งเดียว 693 ล้านบาท เบี้ยรับทั้งสิ้น 2,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%

http://www.posttoday.com/finance.php?id=84117
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 324

โพสต์

คปภ.ไฟเขียวประกันควบคุมโบรกเกอร์


วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553
โพสต์ทูเดย์ คปภ.ไฟเขียวให้อำนาจบริษัทวางหลักประกันโบรกเกอร์ด้วยตัวเอง หวังลดเบี้ยวหนี้
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ทางคปภ. ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยก่อนให้ความคุ้มครอง (Cash before Cover) เพิ่มเติม เพื่อให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากเริ่มใช้มาเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของการเรียกหลักประกันจากตัวแทน นายหน้า พนักงานบริษัท เป็นดุลยพินิจของบริษัทที่จะกำหนดเป็นนโยบายหรือแนวปฏิบัติของบริษัทเองได้ คือให้บริษัทสามารถกำหนดได้ว่าควรเรียกหลักประกันจากตัวแทน นายหน้าหรือไม่ ถ้าเรียกจะกำหนดเหมือนกันทุกรายหรือแบ่งเป็นกลุ่มๆ ก็ได้ ส่วนชนิดของหลักประกันก็เป็นไปตามที่บริษัทเห็นสมควร
ทั้งนี้ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทประกัน จึงสามารถมีแนวทางที่แตกต่างกันได้ และหากบริษัทมีการเรียกเก็บหลักประกันแล้วก็ให้บริษัทชี้แจงหลักเกณฑ์ในการเรียกเก็บหลักประกันดังกล่าวในแนวทางปฏิบัติในการเก็บเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัทตามประกาศของคปภ.

นอกจากนี้ เพื่อให้หลักการดังกล่าวมีประสิทธิภาพดำเนินงานในปีนี้มากขึ้น จึงเห็นควรให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ผู้เอาประกันปฏิบัติตามหลักการดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้เอาประกันภัย ที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการในการจ่ายเงินเพื่อให้มีการชำระค่าเบี้ยรถยนต์เป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงให้ มีการปรับปรุงกระบวนการรับชำระค่าเบี้ยรถยนต์ตามเกณฑ์ของ คปภ. ด้วย


http://www.posttoday.com/finance.php?id=84380
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 325

โพสต์

จับตาตัวแทนแห่ย้ายค่าย


วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553
โพสต์ทูเดย์ กูรูประกันชีวิตฟันธง ปีนี้ตัวแทนย้ายค่ายคึกคัก เหตุหัวหน้าทีมสลับที่อยู่
สร้างคนใหม่ยาก พร้อมดึงคนฝีมือร่วมบุกตลาด เตือนบริษัทจับตาใกล้ชิด ทำผิดระเบียบเชือดทันทีป้องกันชื่อเสีย

นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต เปิดเผยว่า ปี 2553 ผลจากการที่บริษัทประกันชีวิตหลายแห่งได้ผู้บริหารฝ่ายตัวแทนคนใหม่เข้าร่วมงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลายที่ยังคงให้ความสำคัญในการขยายตลาดผ่านช่องทางตัวแทน จะก่อให้เกิดการย้ายบริษัทของตัวแทนบางกลุ่ม เนื่องจากการสร้างตัวแทนใหม่ๆ ที่มีคุณภาพทำได้ยาก จึงเกิดการชักชวนตัวแทนเก่าที่สามารถทำงานได้ทันทีเข้าร่วมทีมอันดับแรก แล้วค่อยสร้างตัวแทนใหม่ในภายหลัง
แน่นอนว่าจะมีการชักชวนตัวแทนเก่าๆ ที่ทำงานได้ทันทีไปร่วมงานเพื่อเป็นหัวเชื้อ แล้วคนเหล่านั้นก็ไปช่วยสร้างตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งบริษัทประกันชีวิตต้องระวัง เพราะคนใหม่ที่เข้ามาในบริษัท ในอดีตที่ผ่านมาอันดับแรกที่เขาจะทำคือการสร้างยอดขาย ส่วนคุณภาพงานมาทีหลัง นายอภิรักษ์ กล่าว

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า บริษัทประกันชีวิตจะต้องดูแลควบคุมการทำงานของตัวแทนอย่างใกล้ชิด หากทำไม่ดีจะต้องรีบจัดการไม่ให้ขยายวง เพราะจะทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงซึ่งเรียกกลับคืนได้ยาก และต้องติดตามวิเคราะห์การได้มาซึ่งลูกค้ารายใหม่เพื่อให้เป็นไปตามคุณภาพที่บริษัทกำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม การจะประสบความสำเร็จในช่องทางการขายผ่านตัวแทน นอกจากจะได้ผู้บริหารฝ่ายขายที่มีฝีมือแล้ว บริษัทจะต้องมีระบบงานที่ดีในการสนับสนุนตัวแทน ทั้งด้านระบบคอมพิวเตอร์ ระบบการให้บริการ มีแบบประกันที่พร้อม และมีโครงสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม

บริษัทต้องมีทุนหนา มีสายป่านพร้อมที่จะลงทุนในระบบต่างๆ เพื่อเอื้อการทำงานของตัวแทน มิฉะนั้นได้คนที่เข้ามาทำงานอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลายบริษัทไม่สามารถดึงผู้บริหารฝ่ายขายไว้ได้ ต้องเปลี่ยนคนอยู่เรื่อย นายอภิรักษ์ กล่าว

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า แม้ว่าในปัจจุบันตัวแทนบางกลุ่มจะยกระดับไปสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้า ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีความรู้พื้นฐานเฉพาะด้านจึงจะสามารถทำได้ ส่วนตัวแทนที่ยังไม่สนใจขึ้นเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จำเป็นต้องมีความรู้ที่ดีในผลิตภัณฑ์ที่ขาย และมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ การลงทุน จะทำให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจในแบบประกันมากขึ้น

http://www.posttoday.com/finance.php?id=84377
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 326

โพสต์

ไอเอ็นจีประกันฯป่วนสมองไหล


วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553
ไอเอ็นจีประกันชีวิตเจอปัญหาพนักงานยื่นใบลาออก ตั้งแต่ต้นปี หลังบริษัทหาผู้ร่วมทุน พบแห่ซบอดีตผู้บริหาร
แหล่งข่าวจากบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทประสบปัญหาพนักงานฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขายผ่านตัวแทนยื่นใบลาออกแล้วอย่างน้อย 25 คน คาดว่าจะไปร่วมงานกับอดีตผู้บริหารฝ่ายขาย และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนผู้ลาออกเพิ่มขึ้นอีกโดยไม่สามารถคาดการณ์ตัวเลขที่แน่นอนได้ต้องรอให้ผ่านเดือนม.ค. ไปก่อน
เราคาดไว้อยู่แล้วว่าจะมีพนักงานบางส่วนลาออก แต่ไม่คิดว่าจะมาก และถึงวันนี้ตัวเลขก็ยังไม่นิ่ง ซึ่งทางบริษัทพยายามที่จะยับยั้งการลาออกของพนักงานกลุ่มดังกล่าว ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าใจหาย แหล่งข่าวเปิดเผย

นอกจากนี้ สาเหตุของการตัดสินใจลาออกส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากบริษัทแม่อยู่ในช่วงการขายธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งไม่ว่าจะขายให้กับนักลงทุนกลุ่มใด จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และนโยบายของบริษัทก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย

นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) อดีตผู้บริหารฝ่ายขายบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต ยอมรับว่ามีอดีตพนักงานของบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต สมัครเข้ามาร่วมงานด้วยในส่วนของฝ่ายสนับสนุนตัวแทนขาย ซึ่งเป็นช่องทางการขายใหม่ที่บริษัทเริ่มเปิดตลาดในปีนี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจำนวนเท่าไหร่

สำหรับนโยบายด้านช่องทางการจำหน่ายฝ่ายตัวแทนจะใช้เวลา 3 เดือนแรกของปีนี้ ในการจัดระบบงานสนับสนุนฝ่ายขายให้เรียบร้อยก่อนแล้วถึงจะเริ่มกิจกรรมขายอาชีพ เพื่อคัดสรรคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นตัวแทนฝ่ายขายของบริษัท ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างตัวแทนให้ได้ 1,500 คน และตั้งเป้าหมายยอดขายผ่านช่องทางดังกล่าว 250 ล้านบาท โดยจะเน้นงานขายที่มีคุณภาพ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมายอดการต่ออายุของลูกค้าเก่าสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปัจจุบันการสร้างตัวแทนใหม่ทำได้ยาก เพราะกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของทางการทำให้คนใหม่เข้ามาในอาชีพยาก และคนเก่าก็มีการออกจากอาชีพตัวแทนพอสมควร โดยดูจากสถิติผู้เข้าสอบรับใบอนุญาตตัวแทนของทางสมาคมประกันชีวิตไทย ที่ลดลงกว่า 30% ในปีก่อน

ตัวแทนถูกควบคุมหนักกว่าแบงก์ สถาบันการเงิน หรือช่องทางอื่นที่ขายประกัน ซึ่งอยากให้ทางคปภ. ใช้เกณฑ์หรือมาตรฐานในการกำกับการขายในทุกช่องทางเท่าๆ กัน นายสมโพชน์ กล่าว


http://www.posttoday.com/finance.php?id=84729
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 327

โพสต์

ดันคนไทยครึ่งประเทศถือประกัน  
วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

ประกันภัยจับมือคปภ. ดันไมโคร อินชัวรันส์ กระตุ้นกำลังซื้อ หวังเพิ่มสัดส่วนคนไทยถือกรมธรรม์เป็น 50%

นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ทางสมาคมและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะร่วมกันผลักดันแบบประกันราคาประหยัด ไมโคร อินชัวรันส์ ออกมาสู่ตลาดให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศได้เข้าถึงการทำประกันภัยมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนจำนวนผู้ถือครอง กรมธรรม์ของคนไทยให้เป็น 50% หรือประมาณ 30 ล้านคน ให้ได้ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 25% เท่านั้น
แบบประกันไมโคร อินชัวรันส์ นั้นเราไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องเป็นแบบประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) หรือประกันอัคคีภัย จะเป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองอะไรก็ได้ แต่ต้องมีเบี้ยไม่เกินปีละ 1,000 บาท และเป็นแบบประกันที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อส่งเสริมให้ตลาดไมโคร อินชัวรันส์ เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นายจีรพันธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมายอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของช่องทางการขายที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับการขายไมโคร อินชัวรันส์ ซึ่งต้องพิจารณากันต่อไป

สำหรับแนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยปีนี้ คาดว่าจะมีเบี้ยเติบโต 10-15% หรือประมาณ 1.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ได้เบี้ย 1.09 แสนล้านบาท หรือเติบโต 3% ซึ่งปัจจัยบวกในปีนี้ก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกและไทยยังอยู่ในระดับต่ำ รัฐบาลมีแผนการใช้เงินลงทุนในช่วงปี 2553-2555 ตามโครงการไทยเข้มแข็ง สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัวอยู่ในระดับไม่สูงเกินไป รวมถึงแนวโน้มยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ที่มีสัดส่วนถึง 60% ของประกันภัยดีขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าธุรกิจประกันจะมีการแข่งขันในการรับประกันภัยรายบุคคลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประกันพีเอ ประกันสุขภาพ คุ้มครองโรคร้ายแรงและชดเชยรายได้ ซึ่งการขยายตลาดกลุ่มนี้จะเป็นผลดีต่อธุรกิจประกันในไทย เพราะเป็นกลุ่มที่สามารถเก็บความเสี่ยงและเบี้ยไว้ในประเทศได้ ขณะที่การแข่งขันด้านราคายังมีอยู่บ้าง แต่ไม่รุนแรง

http://www.posttoday.com/finance.php?id=85032

-----------------------------------------------------------------------------
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 328

โพสต์

ศก.ฟื้นตัว-ดอกเบี้ยขาขึ้น


วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553
โพสต์ทูเดย์ ธปท.การันตีอุตสาหกรรมเกษตร-ส่งออก-อสังหาฯ-ท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้ว หมดยุคใช้ดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทยเริ่มมีการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้นในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการเกษตร ภาคการ ส่งออก ภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการท่องเที่ยว มีการปรับตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 4 สาขาหลักของไทยฟื้นแล้ว ขณะนี้ยังมีเงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐมาช่วยให้ฟื้นได้ต่อเนื่องด้วย ทำให้การใช้ดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นต่อเหมือนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคงจำเป็นน้อยลง

ฉะนั้น ในปีนี้ภาคเอกชนต้องเร่งปรับตัว วางแผนรับมือกับต้นทุนการเงินที่จะเริ่มสูงขึ้นในระยะต่อไป เพราะอัตราดอกเบี้ยคงจะต้องปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ภาครัฐก็ต้องลดระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจลง

แนวโน้มที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เช่นนี้ถึงจุดหนึ่งดอกเบี้ยต้องปรับเข้าสู่ระดับปกติ การลดระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำต้องเกิดในปีนี้ แต่จะเกิดเมื่อไร ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นช่วงไหน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาให้รอบคอบภายใต้ เงื่อนเวลาที่เหมาะสม ดูเงินเฟ้อประกอบ ดูความสมดุลในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ แต่จะไม่ให้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นายบัณฑิต กล่าว

รองผู้ว่าธปท. กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินคงจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเงินเฟ้อช่วงนี้แม้จะเร่งตัวขึ้น แต่ยังน่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 0.5-3% เพราะถ้าดูจากความต้องการบริโภคสินค้าก็ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

นายบัณฑิต ยังเตือนอีกว่า ในปีนี้เอกชนต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงิน จากภาวะเงินทุนไหลเข้าที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นในระยะต่อไปด้วย เนื่องจากปริมาณเงินทุนไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยจะมีเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าโอกาสในการหาผลตอบแทนจากเงินในภูมิภาคนี้น่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก

ถึงแม้แนวโน้มเงินทุนไหลเข้าปีนี้จะมีมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น แต่นโยบายการดูแลค่าเงินบาท ธปท.จะดูแลไม่ให้ผันผวน ให้เอกชนสามารถปรับตัวได้ แต่เอกชนก็ต้องระวัง เพราะอาจทำให้ต้นทุนการเงินเปลี่ยนแปลงเร็ว และส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ในประเทศ โดยเงินทุนที่ไหลเข้ามาอยู่ที่ตลาดหุ้นและพันธบัตรเป็นหลัก นายบัณฑิต กล่าว

http://www.posttoday.com/finance.php?id=85376
----------------------------------------------------------------------------
อันนี้เป็นสัญญาณไม่ค่อยดีสำหรับประกันชีวิต
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 329

โพสต์

สหประกันตั้งเบี้ยโต800ล.


วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553
โพสต์ทูเดย์ สหประกันชีวิตตั้งเป้าปี 2553 เบี้ยปีแรกโต 220% เน้นเบี้ยรายย่อย
นายสหพล สังข์เมฆ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหประกันชีวิต ได้ตั้งเป้าหมายเบี้ยปีแรกปี 2553 ไว้ที่ 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 220% แยกเป็นเบี้ยสามัญและอุตสาหกรรม 250 ล้านบาท เบี้ยประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย 400 ล้านบาท เบี้ยประกันกลุ่ม 150 ล้านบาท และเบี้ยต่ออายุอีกประมาณ 200 ล้านบาท จะทำให้มีเบี้ยรับรวมถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
เนื่องจากขณะนี้ผู้ถือหุ้นที่เป็นสหกรณ์กว่า 2,250 แห่ง เห็นว่าการทำธุรกิจประกันชีวิตสามารถมีกำไรได้หากทำด้วยความโปร่งใส จึงได้หันมาสนับสนุนบริษัทด้วยการนำประกันชีวิตไปจัดเป็นสวัสดิการให้กับสมาชิก ประกอบด้วย ประกันสินเชื่อประเภทต่างๆ โดยเฉพาะประกันสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ประกันกลุ่มให้กับสมาชิกสหกรณ์

นอกจากนี้ สหกรณ์แต่ละแห่งได้ให้ความสนใจที่จะสอบใบอนุญาตการเป็นนายหน้าประกันเพื่อเป็น ตัวแทนในการขายประกันให้กับสมาชิก ถือเป็นข้อดีสำหรับบริษัท ไม่ต้องขยายสาขา ลดต้นทุนได้จำนวนมาก โดยสหกรณ์จะเป็นสำนักงานบริการให้กับบริษัทไปโดยปริยาย

นายสหพล กล่าวว่า ปี 2553 ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสหกรณ์ทำประกันกับบริษัทให้ได้ 50% จากปัจจุบันที่ทำประกันไม่ถึง 30% และจะกระตุ้นให้สมาชิกของสหกรณ์ที่ถือหุ้นบริษัทเข้ามาใช้บริการเพิ่มเป็น 50%

บางพื้นที่ยอดขายมีเข้ามามาก อาทิ สหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนคร สวรรค์ นายสหพล กล่าว

นายประดิษฐ์ อภิวัฒน์ชาติ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยน อินเตอร์ประกันภัย กล่าวว่า มีการชำระหนี้ไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการชำระหนี้ให้กับลูกค้า กรมสรรพากรกรณีค้างภาษี ประกันสังคม ยังเหลือหนี้ที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล และหนี้อู่ หนี้บริษัทประกันภัย ซึ่งบางส่วนจ่ายไปแล้ว อีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาชำระหนี้ เพราะมีหนี้ที่ไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีของบริษัทปรากฏขึ้นมาภายหลังประมาณ 100 ล้านบาท

มีจดหมายจากกรมสรรพากรทวงภาษีตั้งแต่ปี 2548 ดูซิ ค้างภาษีมาตั้งแต่ปีนั้น แต่เราต้องมารับใช้ ทำให้ 5 เดือนที่ผ่านมาเราไม่สามารถทำธุรกิจได้ เพราะต้องการเคลียร์หนี้ที่ไม่ได้สร้างให้จบ อยากให้บริษัทที่จะเริ่มใหม่สะอาดที่สุด จะได้เดินหน้าได้อย่างเต็มที่ นายประดิษฐ์ กล่าว

นายประดิษฐ์ กล่าวว่า บริษัทมีทุนจดทะเบียน 550 ล้านบาท ถึงจะชำระหนี้กว่า 200 ล้านบาท ยังมีเงินเหลือในการขยายกิจการโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนใหม่ เพราะมีเงินกองทุนส่วนเกินกว่าเกณฑ์ที่คปภ. กำหนด

http://www.posttoday.com/finance.php?id=85412
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 330

โพสต์

อมเงิน กับประกันชีวิต


รายงานโดย :เมืองไทยประกันชีวิต:
วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553
การออมคืออะไร ??? อาจมีความหมายง่ายๆ ดังนี้ คือ รายได้ที่หักกับค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ คือ การออม ซึ่งบางคนก็เหลือเยอะ แต่บางคนก็ติดลบ ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลของแต่ละคน
เมื่อพูดถึงการออม เกือบทุกคนก็จะนึกถึงธนาคารซึ่งเป็นสถาบันการเงินรับฝาก เงินที่น่าเชื่อถือ และเชื่อแน่ว่าเกือบทุกคนต้องมีเงินออมในธนาคาร ในแง่ของฝากธนาคารไม่ว่าจะเป็นประเภทออมทรัพย์ ประเภทฝากประจำ และอื่นๆ ซึ่งผลตอบแทนก็แตกต่างกันไป ตามระยะเวลาที่ออม ปัจจุบันการออมเงินก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นออมระยะสั้น ออมระยะยาว ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน

นอกจากนี้มีการออมอีกประเภทหนึ่งที่คนส่วนมากนึกไม่ถึงว่าจะสามารถช่วยส่งเสริมการออมได้เป็นอย่างดี นั่นคือ การประกันชีวิต ซึ่งการประกันชีวิตไม่ได้รับประกันว่าผู้เอาประกันภัยจะไม่เสียชีวิต แต่เป็นการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ต้องการความคุ้มครองและสิ่งที่ต้องการคุ้มครอง แล้วทางบริษัทประกันชีวิตจะกำหนดเบี้ยประกันภัยมาให้ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ต้องการความคุ้มครอง ผลประโยชน์อื่นๆ

ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวมีแนวโน้มลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย พันธบัตร หรือราคาหุ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนที่ได้ลดลง แต่เมื่อนำเงินมาออมในธุรกิจประกันชีวิตโดยผ่านการทำประกันชีวิต ประเภทสะสมทรัพย์ (Endowment) หรือประเภทตลอดชีพ (Whole Life) นอกจากนี้ผู้เอาประกันยังมั่นใจได้ว่าเงินผลประโยชน์ต่างๆ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์จะไม่มีการลดลงตามอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ หรือภาวะเศรษฐกิจ เพราะบริษัทประกันชีวิตมีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบเพื่อหาผลตอบแทนจากการลงทุนมาจ่ายเป็นผลประโยชน์ต่างๆ ที่ต้องจ่ายตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยทำไว้กับบริษัทเพื่อให้เห็นภาพลองมาดูตัวอย่างการซื้อประกันชีวิตของนายมั่นคง ดังนี้

นายมั่นคง อายุ 30 ปี ซื้อแบบประกันประเภทสะสมทรัพย์ ชำระเบี้ยประกันภัย 14 ปี ระยะเวลาคุ้มครอง 20 ปี ทุนประกัน 1 แสนบาท และได้ซื้อสัญญาเพิ่มเติม ประกันภัยสุขภาพวงเงินแน่นอนคุ้มครอง 1,000 บาท และประกันอุบัติเหตุทุนประกัน 1 แสนบาท ไว้ด้วย โดยส่งเบี้ยประกันปีละ 8,432 บาท ถ้าเขานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะได้รับเงินชดเชยคืนละ 1,000 บาท 9 เดือน ต่อมาหลังจากทำประกันชีวิต นายมั่นคงเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากประสบอุบัติเหตุและนอนโรงพยาบาล 4 คืน ซึ่งเขามีค่าใช้จ่ายดังนี้

1.ค่าห้องคืนละ 1,000 บาท จำนวน 4 คืน เป็นเงิน 4,000 บาท

2.ค่ารักษาพยาบาล และค่ายา 14,250 บาท

รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 18,250 บาท เขาได้รับเงินชดเชยค่าห้องจากบริษัทประกันชีวิต 4,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง 14,250 บาท รวมทั้งสิ้น 18,250 บาท ถ้าหากนายมั่นคงไม่ได้ทำประกันชีวิตเขาก็จะต้องจ่ายเงิน 14,250 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าห้องและค่ารักษาพยาบาล นอกจากประกันชีวิตเป็นการออมรูปแบบหนึ่งแล้ว ก็ยังช่วยให้ลดความเสี่ยงด้านการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย

สุดท้ายอยากให้ประชาชนให้ความสนใจในเรื่องการออมให้มากขึ้น ไม่ว่าจะออมผ่านรูปแบบใดก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นกับคนที่เริ่มต้นออม การออมผ่านการประกันชีวิตก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงเช่นนี้

http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=85288
:)