จุดเด่นของ KIAT คือมี ROA ROE สูงมาก เหตุผลเพราะมีความสามารถในการทำกำไรสูง กำไรสุทธิ(หักภาษี30%แล้ว) ยังทำได้ถึง 25% ของยอดขาย บริษัทรับขนส่งสินค้าอันตรายประเภทสารเคมี เชื้อเพลิงแก็ส แร่โลหะ ซึ่งเป็นสินค้าเฉพาะนี่คงเป็นสาเหตุที่มีกำไรสูง บางท่านบอกว่าที่กำไรสูงเพราะแบกรับความเสี่ยงสูง(ขนส่งสินค้าอันตราย) บริษัทมีงบดุลที่ดีมีหนี้สิน/ทุนต่ำ ประมาณ 0.5 เท่า การขายหุ้น IPO จะทำให้บริษัทได้เงินที่ไม่มีต้นทุนมาอีกประมาณ 160 ล้าน เปรียบเทียบกับสินทรัพย์ 425 ล้านก็ประมาณ 35% บริษัทนำเงินนี้ไปซื้อสินทรัพย์(รถบรรทุก) ซึ่งสามารถนำไปหารายได้ สร้างกำไรได้อีก หากมีการกู้เงินอีก 80 ล้านเพื่อให้ D/E 0.5 เท่าเหมือนเดิม บริษัทจะซื้อสินทรัพย์ได้ถึง 240 ล้าน นั่นคือถ้าบริษัทมีลูกค้ารองรับ บริษัทก็มีกำไรเพิ่มค่อนข้างแน่ และตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นไป 5 รอบปีบัญชีบริษัทจะได้รับการลดภาษีจาก 30 % เหลือ 20% ถือว่ามีนัยยะสำคัญ ผู้บริหารให้ข่าวว่าอยู่ในระหว่างการประมูลงานเพิ่มอีกหลายโครงการ รวมถึงการขนส่งระหว่างประเทศ วัตถุประสงค์ที่เอาบริษัทเข้าตลาด ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อความน่าเชื่อถือซึ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่บริษัทกำลังทำ โดยรวมผมคิดว่าธุรกิจของบริษัทค่อนข้างมีอนาคตครับ เพราะโรงงานเคมีเกิดเพิ่มขึ้นทุกๆปี ธุรกิจการขนส่งก็โตตามไปด้วย รวมไปถึงโรงงานเหมืองแร่ในประเทศลาวก็เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงพลังงานทดแทนอย่างแก็ส NGV ที่บริษัทรับขนส่งเพียง 5% นั่นแสดงว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก บริษัทมีงบดุลที่ดี ไม่มีต้นทุนเงินกู้ ได้ลดภาษี เป็นบริษัทมหาชน ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่ร้ายแรง ผมคิดว่านี่เป็นจุดเด่นของ Kiattanapol เขียน:หลังจากกระทู้เบนเข็มไปในทางธรรม ซะเยอะผมขออนุญาตพี่โจกลับเข้ามาทางโลกหน่อยนะครับไม่ทราบว่าพี่โจมีความเห็นต่อ kiat อย่างไรครับ ขอบคุณครับ
มาดูข้อด้อยของ Kiat กันบ้าง หลายคนรุ่นผมคงจำเหตุการณ์รถแก็สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ได้ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บริษัทแก็สแห่งนั้นแทบล้มละลาย แม้อุบัตเหตุอย่างนี้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่ถ้าเกิดก็ส่งผลกระทบต่อกิจการมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่บริษัทต้องเรียกค่าบริการสูงเพื่อชดเชยกับความเสี่ยง บริษัทประกันภัยจะรับความเสี่ยงความเสียหายของสินทรัพย์ได้แต่จะไม่รับประกันความเสี่ยงต่อชีวิต สิ่งแวดล้อม ดังนั้นความเสี่ยงอย่างนี้จะตกอยู่กับบริษัท ในทางปฎิบัติการขนส่งทางถนนด้วยรถขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็นจ้าวถนน อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดจากยวดยานคันอื่นคงมีน้อย แต่จะเกิดจากตัวรถหรือตัวคนขับเองมากกว่า ดังนั้นการปลูกฝังจิตสำนึกในความปลอดภัยบ่อยๆ การจำกัดความเร็ว การติด GPS จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เท่าที่เคยฟังผู้บริหารให้สัมภาษณ์ก็ได้เน้นจุดนี้ ประเด็นต่อมาบริษัทมีลูกค้าน้อยราย ดังนั้นอำนาจต่อรองของลูกค้ามีสูง เมื่อมีการต่ออายุสัญญา อาจจะมีการต่อรองค่าจ้าง ทำให้อัตราการทำกำไรลดลงได้ แต่ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก จากผลประกอบการย้อนหลัง ราคาน้ำมันมีผลต่อกำไรค่อนข้างมาก แม้บริษัทมีมาตรการปรับค่าน้ำมันตามราคาน้ำมันในท้องตลาดโดยระบุในสัญญา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ 100% บริษัทต้องแบกภาระบางส่วน ดังนั้นหากราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ผลประกอบการอาจจะดรอปลงได้ครับ.. :)