ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คือ ผมมือใหม่อ่ะครับ ลงทุนมาก็ 3 เดือนนิด ๆ บังเอิญไปวิเคราะห์หุ้นบางตัวแล้ว ณ ตอนนี้ ขึ้นมาแล้วหลายสิบ % ตอนแรก ๆ ก็ขาดทุน ก็คิดว่า อืม ไม่เป็นไร อดทนได้ พื้นฐานดี เดี๋ยวก็ขึ้น (ตามหลัก VI) แล้วมันก็ขึ้นมาจนได้ ถือนานมากเกือบ 2 เดือน ณ ตอนนี้ขึ้นมาเกือบ 50% แล้วอ่ะ ชักรู้สึกเสียว ๆ สูง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่มีความรู้สึกดีใจเลย กลับรู้สึกกลัว ๆ แบบว่ากลัวราคามันจะต่ำกว่าตอนซื้อน่ะครับ เลยอยากถามพี่ ๆ ทั้งหลายว่า ควรคิดอย่างไรดี ควรทำใจดีกว่าหรือเปล่า หรือว่าขายไปก่อนครึ่งหนึ่งแล้วไปซื้ออีกตัวที่ต่ำกว่า หรือว่าควรบริหารพอร์ตยังไง ตอนนี้มีหลาย choice มาก แต่มึน คิดไม่ออกน่ะครับ (ถือนาน เพราะไม่มีเวลาดู พอร์ต ทำแต่งาน มาเปิดดูอีกที my god สูงขึ้นจนรู้สึกเสียวจริง ๆ )
Live to learn to live.
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อ้อ ลืมบอกไปครับว่า ถ้าถามว่าแล้วไม่มีราคาเป้าหมายไว้เหรอ คือเรื่อง target price น่ะ จริง ๆ ผมอยากจะคำนวณ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ว่าจะคำนวณแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมน่ะครับ แต่เผอิญ ขี้เกียจ เพราะงานก็หนักอยู่แล้วเลยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเลย (ไม่ไหวเลยเรา) ตอนนี้ ดูงบการเงินมา 2 quarter เห็นแล้วมันก็ดี ไม่ซีเรียส เลยไม่ได้คำนวณราคาไว้น่ะครับ แอบถามอีกข้อเลยล่ะกันว่าจริง ๆ เราควรกำหนด target price ไว้ก่อนทุกครั้งและควรมี MOS ไว้สูง ๆ จะปลอดภัยกว่า ซึ่งผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ จะได้ไม่รู้สึกกลัว เพราะยังไม่ถึงราคาเป้าหมาย...
Live to learn to live.
winkung
Verified User
โพสต์: 1036
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ซื้อหุ้นที่เราคิด(ศึกษาแล้ว)มาว่าเป็นหุ้นที่มีกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือไว้จนกว่า
1. บริษัทมีพื้นฐานกิจการเปลี่ยนไป (ในทางที่แย่ลง)
2. ราคาเกินมูลค่าพื้นฐาน (ที่เราคิดคำนวณเอาไว้แล้ว)
3. ราคาขึ้นมาถึงจุดที่ upgain side เริ่มเหลือน้อย และเราเห็นหุ้นตัวใหม่ที่มี upgain side เหลือมากกว่า (ก็ขายทิ้งแล้วไปซื้อตัวใหม่)


บางครั้งราคาหุ้นที่ปรับตัวเร็ว(และแรง)เกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ (จนเกิดความไม่สบายใจ)
เราอาจขายทำกำไรได้ ... นั่นถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับ  :8)

ขอให้โชคดีนะครับ  ต้องเคารพในการตัดสินใจของตัวเองนะ  :wink:
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
lionman
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 4

โพสต์

gold saint เขียน:อ้อ ลืมบอกไปครับว่า ถ้าถามว่าแล้วไม่มีราคาเป้าหมายไว้เหรอ คือเรื่อง target price น่ะ จริง ๆ ผมอยากจะคำนวณ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ว่าจะคำนวณแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมน่ะครับ แต่เผอิญ ขี้เกียจ เพราะงานก็หนักอยู่แล้วเลยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเลย (ไม่ไหวเลยเรา) ตอนนี้ ดูงบการเงินมา 2 quarter เห็นแล้วมันก็ดี ไม่ซีเรียส เลยไม่ได้คำนวณราคาไว้น่ะครับ แอบถามอีกข้อเลยล่ะกันว่าจริง ๆ เราควรกำหนด target price ไว้ก่อนทุกครั้งและควรมี MOS ไว้สูง ๆ จะปลอดภัยกว่า ซึ่งผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ จะได้ไม่รู้สึกกลัว เพราะยังไม่ถึงราคาเป้าหมาย...
คุณ Gold Saint ลองฝึกหามูลค่าที่แท้จริง จากหนังสือ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของคุณนรินทร์ดูซิครับ

http://www.se-ed.com/eShop/BookDetail.a ... 9749431559

คงช่วยให้คุณ Gold Saint ตัดสินใจได้ว่าจะเลือก choice ไหน
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับที่ให้คำตอบ ช่วงนี้ก็จะพยายามตั้งใจ ศึกษาวิธีการคำนวณราคาเป้าหมายหน่อย คือมันมีหลายวิธีมากเลยอ่ะ ไม่แน่ใจว่าจะใช้วิธีใดที่เหมาะสมกับตลาดหุ้นบ้านเฮา จริงมั๊ยครับ อันนี้ก็ต้องอาศัยการฝึกฝน ลองผิด ลองถูกกันไป

เนี่ย ศัพท์บางคำเกี่ยวกับการลงทุนยังไม่รู้เลยครับ อย่างเช่น ที่พี่ winkung บอกว่า  upside gain เนี่ย ผมว่าผมเคยได้ยินมาหลายครั้งนะ เข้าใจ meaning ของคำนี้ว่าเป็น ระดับการเพิ่มขึ้นของราคาหรือเปล่า ครับพี่ winkung แต่ผมจำพี่ได้ เพราะพี่เคยบอกว่าเพิ่งเล่นเหมือนกัน แสดงว่าพี่อ่านเยอะมากเลยนะเนี่ย ผมนี่ช้ามาก ไม่ได้แล้ว ต้องเร่ง speed
Live to learn to live.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ส่วนตัวผมเคยหามูลค่าหุ้นมาใช้ประโยชน์
เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุน
แต่ก็พบว่ามันก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
เพราะส่วนใหญ่จะวัดมูลค่าจากคุณภาพในเชิงปริมาณ

สิ่งที่ผมเคยมองข้ามไปจากวิธีการนี้ คือ
การหามูลค่าจากคุณภาพที่ไม่ใช่เชิงปริมาณ

เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นศิลปะหน่อย
แต่ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไป ผมว่ามีโอกาสที่ vi จะไปเจอกับดัก
เช่น เจอหุ้นถูกถาวร ฯลฯ
Boyadvance
Verified User
โพสต์: 495
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ถ้าไม่มี เวลามากนัก
ผมว่า ถ้า ผลประกอบการไม่ได้แย่ลง ก็ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 8

โพสต์

Reference ที่คุณ ส.สลึง กล่าวไว้ว่า ควรดูเชิงคุณภาพด้วย ไม่ใช่ปริมาณ
ผมขอความรู้หน่อยได้ไหมครับว่า มันเป็นยังไง แสดงว่าไม่ควรตีมาเป็น target price ใช่หรือไม่ (เชิงศิลปะ) น่ะเหรอครับ เอ... คิดว่าคงเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลข เช่นคุณภาพสินค้า ความต้องการของลูกค้า หรือข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในอนาคต และเรื่องการเมืองด้วย ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ช่วยแนะนำหน่อยครับ
Live to learn to live.
winkung
Verified User
โพสต์: 1036
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 9

โพสต์

[quote="gold saint"]ศัพท์บางคำเกี่ยวกับการลงทุนยังไม่รู้เลยครับ อย่างเช่น ที่พี่ winkung บอกว่า
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 10

โพสต์

gold saint เขียน:Reference ที่คุณ ส.สลึง กล่าวไว้ว่า ควรดูเชิงคุณภาพด้วย ไม่ใช่ปริมาณ
ผมขอความรู้หน่อยได้ไหมครับว่า มันเป็นยังไง แสดงว่าไม่ควรตีมาเป็น target price ใช่หรือไม่ (เชิงศิลปะ) น่ะเหรอครับ เอ... คิดว่าคงเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลข เช่นคุณภาพสินค้า ความต้องการของลูกค้า หรือข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในอนาคต และเรื่องการเมืองด้วย ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ช่วยแนะนำหน่อยครับ
จะประเมินสถานการณ์จาก Target Price ก็ไม่มีใครว่าครับ
เพราะนักลงทุนแต่ละคน หรือแม้แต่ VI ด้วยกัน ก็ปฏิบัติไม่เหมือนกัน

เรื่องแรกคือเรื่องคุณภาพที่ไม่ใช่ปริมาณนะครับ ก็เช่น
ผู้บริการเก่งแล้วก็ซื่อสัตย์, พฤติกรรมไม่เอาเปรียบลูกค้า และผู้ถือหุ้น,
ความสามารถในการแข่งขัน อันนี้คุณทราบดีอยู่แล้ว เสริมให้หน่อยก็เช่น
มีความพิเศษกว่าเจ้าอื่น หรือมีจุดแข็ง หรือข้อได้เปรียบที่เจ้าอื่นไม่มี ฯลฯ

ส่วนเรื่องการเมือง ถ้าผมรู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทาๆ อาศัยการเล่นพรรคเล่นพวกสูง
อันนี้ผมเลี่ยงเสมอ แม้ว่าในอดีตผมจะเคยได้กำไรจากหุ้นพวกนี้มาบ้าง
แต่ปัจจุบันผมว่าผมมีทางเลือกที่แน่นอน แล้วก็ปลอดภัยกว่า
กินอิ่ม แล้วก็นอนหลับ สบายครับ...

สำหรับเรื่องขายหุ้น ผมชอบถือหุ้นไว้ตราบใดที่ยังไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าครับ
อย่างที่คุณ gold saint เล่ามา ผมก็จะถือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอหุ้นตัวใหม่
ที่น่าสนใจกว่า ผมถึงจะขายตัวเก่าในมือออกไปครับ

แน่นอน การทำแบบนี้ ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่า
ผมจะขายได้กำไรหรือเปล่า เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง
ผมอาจจะถือหุ้นมาจนขาดทุนก็ได้

แต่สิ่งที่ผมให้ความสำคัญ คือ มูลค่าหุ้น ไม่ใช่ ราคาหุ้นในกระดาน
ที่ซึ่งผมไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า...

ราคาของมันกำลัง 'จะขึ้น' หรือว่ากำลัง 'จะลง'
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 11

โพสต์

อืม เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นแล้วครับ สำหรับคำว่า upside gain ขอบคุณครับพี่วินคุง

อ้อ อีกเรื่อง ที่พี่ ส.สลึงแนะนำเรื่องคุณภาพมา อืม เข้าใจมากยิ่งขึ้นครับ คือ เราต้องประเมินสถานการณ์ประกอบกับ target price ด้วยใช่หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญสูงสุดคือ "มูลค่าหุ้น" ถูกต้องหรือเปล่าครับ  ไม่ใช่ ติดกับราคาหุ้น

แหม ลองมาดูหุ้นแต่ละตัวใน set ก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า บางครั้ง เราก็จะพบว่า หุ้นบางตัวไม่ค่อยมีคุณภาพ (ไม่มีมูลค่า) แต่ราคากลับขึ้นเอา บางครั้งก็คิดว่าเกิดจากการปั่นหุ้นหรือเปล่าน้อ

แต่ยอมรับนะครับ ต้องดูคุณภาพด้วยจริง ๆ และคิดไปคิดมา มันอาจสำคัญกว่าตัวเลขในงบอีกน่ะ เพราะตัวเลขในงบมันเป็นตัวเลขในอดีต แต่เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องมันเป็นปัจจุบัน
Live to learn to live.
ภาพประจำตัวสมาชิก
MYBIZ
Verified User
โพสต์: 888
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 12

โพสต์

หุ้นขึ้นก็เครียด หุ้นลงยิ่งเครียด

ผมนี่เครียดยิ่งกว่าเพราะไม่มีเงินซื้อ อิอิๆๆๆ

ทำใจให้สบายดีกว่าครับ พอใจในผลตอบแทนที่ได้

ถึงที่หมายก็ปล่อยของไม่ว่ากัน ให้คนอื่นๆได้กำไรมั่ง

แบ่งๆกันรวย แต่ตอนหุ้นลงจะมีคนมาช่วยแบ่งขาดทุนหรือเปล่านะ
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 13

โพสต์

[quote="gold saint"]อ้อ อีกเรื่อง ที่พี่ ส.สลึงแนะนำเรื่องคุณภาพมา อืม เข้าใจมากยิ่งขึ้นครับ คือ เราต้องประเมินสถานการณ์ประกอบกับ target price ด้วยใช่หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญสูงสุดคือ "มูลค่าหุ้น" ถูกต้องหรือเปล่าครับ
chocobee
Verified User
โพสต์: 9
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ลงทุนในการศึกษาครับ จะได้ลดความกลัวลงไป
ขอให้โชคดี (แอบอิจฉา)
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณพี่ ๆ มากครับ ที่ให้ความคิดเห็น
อยากทราบว่า พี่ ส.สลึง ศึกษาแนวทางการลงทุนนี้จากหนังสือเล่มใดครับ พอจะ guide ให้น้องได้ทราบบ้างหรือไม่

แสดงว่าพี่ต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปีแน่ ๆ เลย ประสบการณ์เยอะจัง
Live to learn to live.
maiaowna
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ถ้าผมซื้อแล้วไม่สบายใจ ผมขายไปซื้อตัวที่ผมสบายใจครับ  :lol:
chowbe76
Verified User
โพสต์: 1980
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 17

โพสต์

น่าอิจฉาจังง่า
เครียดที่หุ้นขึ้น
ทำไมของผมไม่ขึ้นเลยง่า
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 18

โพสต์

คือหุ้นตัวนี้ ตอนแรกก็ขาดทุนน่ะครับ แต่ผมอดทน ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนน่ะครับ วัดใจกันไปเลยว่าเรามาถูกทางหรือเปล่า สำหรับการวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งต้องอาศํยความอดทนสูง ตอนแรกยอมรับว่า งง ทำไมหุ้นตก ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยดี แถมดูงบการเงินย้อนหลัง กับการวิเคราะห์ภาพปัจจุบันมันดีนิ แต่ช่วงนั้น งานเยอะมาก ยุ่งมาก เลยปล่อยเลย เรื่องหุ้น กลับมาดูอีกที gain  แล้ว ดังนั้น อยากให้พี่ ๆ หรือเพื่อน ๆ น้อง ๆ มือใหม่ อดทน เรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุดครับ ดูว่าแบบไหนเหมาะกับเรา
เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ ๆ
Live to learn to live.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 19

โพสต์

gold saint เขียน:ขอบคุณพี่ ๆ มากครับ ที่ให้ความคิดเห็น
อยากทราบว่า พี่ ส.สลึง ศึกษาแนวทางการลงทุนนี้จากหนังสือเล่มใดครับ พอจะ guide ให้น้องได้ทราบบ้างหรือไม่

แสดงว่าพี่ต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปีแน่ ๆ เลย ประสบการณ์เยอะจัง
ประสบการณ์ไม่เยอะหรอกคร๊าบ ยกยอกันเกินไป :bow:
ผมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มา 5 ปีเองครับ
(ก่อนหน้านั้นก็ซื้อๆขายๆ พวกกองทุนอยู่ ในขณะเดียวกันก็ศึกษาหุ้นไปด้วย)

แต่ถ้าเรียกว่าจริงจัง คือถือหุ้น 100% เต็มพอร์ต ก็เมื่อ 4 ปีที่แล้ว :)
ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องเหมาะสมนะครับ มันขึ้นกับแนวคิดที่ใช้ในการลงทุน
ของแต่ละคน

เวลาถือหุ้น ผมก็มองว่าผมถือหุ้นที่มี Value อยู่เท่าไหร่
มูลค่า EPS เท่านั้นเท่านี้ ในปีหน้ายอดขายจะเป็นอย่างไร
ดีขึ้นมั๊ย หรือแย่ลง กรณีที่แย่ลง การลงทุนของเราปลอดภัยหรือไม่

ไม่ใช่คิดว่าถือหุ้น ตอนนี้เขาเคาะกันที่ราคา 10 บาท 11 บาท
พอ 12 บาท เฮ้ย.. ขายดีฝ่า :roll: ...

เนื่องจากผมเคยหา Upside เพื่อมองหาการลงทุนที่คุ้มค่ามาก่อน
ก็ใช่ว่าจะเก่งนะครับ ก็แค่มั่วๆ ไป เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก็จากหนังสือที่อ่านๆ
ตามท้องตลาดนี่แหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าเพื่อนที่นี่เลยครับ :wink: ...
gold saint
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

ทำไงดี เมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ แอบเครียด

โพสต์ที่ 20

โพสต์

many thanks everybody krub  :cool:

ดีครับ จะได้เอาไป apply ใน port ของผมน่ะ

ณ ตอนนี้ก็คงหายเครียดไปบ้างแล้ว ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วผมก็อยากลองอีกแบบหนึ่งนั่นคือ ซื้อหุ้นที่ พื้นฐานดี value สูง แล้วขาดทุนเกิน 50% อยากรู้เหมือนกันว่า emotion ผมจะทนได้หรือไม่ กำลังเตรียมทำใจอยู่ คิดว่าปีหน้าคงต้องทำการบ้านให้ดี หาข้อมูลให้เยอะ ถึงแม้จะตกเกิน 50% แต่ถ้าเราคิดว่า value สูง อีก 2 ปีราคาต้องแสดงถึง value ของมันสินะ

ลองดูล่ะกัน...
Live to learn to live.
โพสต์โพสต์