คุณว่า 2 ตัวนี้ ตัวไหนเเน่กว่ากันครับ
ผมวิเคราะเเล้ว ฟันธงไม่ลงสักที อาจจะเป็นเพราะ อ่อนหัดมาก รบกวน ช่วย ออกความเห็นหน่อยครับ
TTA VS PSL
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
TTA VS PSL
โพสต์ที่ 2
ก็ซื้อทั้งคู่เลยซิครับ 555+
แต่โดยส่วนตัวราคาณ.วันนี้ผมชอบTTAกว่าครับ อิอิ
สาเหตุแบบเด็กๆนะครับ
1.บริษัทใหญ่กว่า เชื่อว่าบริษัทใหญ่กว่าย่อมกลืนกินบริษัทที่เล็กกว่าง่ายกว่า
2.PBVน้อยกว่า ผมเชื่อว่าปีหน้า2บริษัทนี้ROEจะใกล้เคียงกัน
3.อันนี้ผมไม่รู้ครับว่าทำไมรายได้ของPSLถึงไม่ร่วงตามศก. เดาว่าแต่งตัวเลขหรือไม่ก็ มีรายได้พิเศษ ดังนั้นถ้าปีหน้า ผลประกอบการน้อยกว่าปีนี้ราคาน่าจะร่วงนะครับ ซึ่งตรงกันข้ามกับTTAเพราะปีนี้แย่อยู่แล้วปีหน้าน่าจะดีขึ้นราคาจึงน่าจะวิ่ง
ปล.จากคนไม่มีความรู้ครับ เห็นยังไม่มีใครโพสจึงโพสมาเพื่อนกระตุ้นพวกพี่ๆนะครับ...อิอิ
แต่โดยส่วนตัวราคาณ.วันนี้ผมชอบTTAกว่าครับ อิอิ
สาเหตุแบบเด็กๆนะครับ
1.บริษัทใหญ่กว่า เชื่อว่าบริษัทใหญ่กว่าย่อมกลืนกินบริษัทที่เล็กกว่าง่ายกว่า
2.PBVน้อยกว่า ผมเชื่อว่าปีหน้า2บริษัทนี้ROEจะใกล้เคียงกัน
3.อันนี้ผมไม่รู้ครับว่าทำไมรายได้ของPSLถึงไม่ร่วงตามศก. เดาว่าแต่งตัวเลขหรือไม่ก็ มีรายได้พิเศษ ดังนั้นถ้าปีหน้า ผลประกอบการน้อยกว่าปีนี้ราคาน่าจะร่วงนะครับ ซึ่งตรงกันข้ามกับTTAเพราะปีนี้แย่อยู่แล้วปีหน้าน่าจะดีขึ้นราคาจึงน่าจะวิ่ง
ปล.จากคนไม่มีความรู้ครับ เห็นยังไม่มีใครโพสจึงโพสมาเพื่อนกระตุ้นพวกพี่ๆนะครับ...อิอิ
- apothecary
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
TTA VS PSL
โพสต์ที่ 3
รายได้ของ PSL ยังไม่ตกลงมากด้วยปัจจัยบางอย่างครับ
1. มีรายได้จากการขายเรือเก่า ไปหลายลำด้วยกันในปีนี้
2. มีแนวทางในการทำธุรกิจแบบ conservative โดยการใช้วิธีทำสัญญาเช่าเรือ โดยคิดค่าระวางที่คงที่เป็นสัญญาระยะยาว ทำให้รายได้ค่อนข้างคงที่
รายได้ของปีนี้จึงได้ผมจากสัญญาเช่าที่คงค้างจากปีก่อนหน้า ที่ค่าระวางค่อนข้างสูง แต่อนาคต เรือที่ขายไป กับ เรือที่ต่อใหม่ จะสัมพันธ์กันและทำให้ผลประกอบการเป็นไง ต้องรอดูต่อไปครับ
TTA อันนี้ไม่ต้องสงสัย เพราะอาศัยค่าเช่าระยะสั้น รายได้แปรผันตามค่าระวาง จึงมีแรงเหวี่ยงของราคาสูง แต่มีแนวคิดในการกระจายธุรกิจไปในหลายๆรูปแบบ เช่น วิศวกรรมใต้น้ำ etc. (หรือแม้แต่ซื้อบริษัทขายถ่านหิน)
ชอบแบบไหนก็คงต้องไปเลือกเอาละครับ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ ตามที่พี่ๆทั้งหลาย ได้เคยบอกไว้ในกระทู้ก่อนๆ ค่าระวางเรือของสองเจ้า อาศัยดูจากค่าระวางที่แสดงกันตาม broker ต่างๆอย่างเดียวคงไม่ได้นะครับ เพราะกองเรือของสองเจ้านี้เป็นกองเรือขนาดเล็กถึงกลาง และเป็นแบบเทกอง ดังนั้นค่าระวางแค่มีความสัมพันธ์กบค่าระวางที่เราเห็นทั่วไปเท่านั้น แต่อาจจะไม่ได้วิ่งตามกันซะทีเดียวก็ได้ครับ เพราะความต้องการใช้เรือต่างหาก ที่เป็นตัวกำหนดค่าระวาง
ว่าแต่ร่ายยาวมาตั้งนาน ใช่มั้ยหน้อ??? ไม่ได้ถือทั้งสองตัวมาซักพักแล้วด้วยดิ
1. มีรายได้จากการขายเรือเก่า ไปหลายลำด้วยกันในปีนี้
2. มีแนวทางในการทำธุรกิจแบบ conservative โดยการใช้วิธีทำสัญญาเช่าเรือ โดยคิดค่าระวางที่คงที่เป็นสัญญาระยะยาว ทำให้รายได้ค่อนข้างคงที่
รายได้ของปีนี้จึงได้ผมจากสัญญาเช่าที่คงค้างจากปีก่อนหน้า ที่ค่าระวางค่อนข้างสูง แต่อนาคต เรือที่ขายไป กับ เรือที่ต่อใหม่ จะสัมพันธ์กันและทำให้ผลประกอบการเป็นไง ต้องรอดูต่อไปครับ
TTA อันนี้ไม่ต้องสงสัย เพราะอาศัยค่าเช่าระยะสั้น รายได้แปรผันตามค่าระวาง จึงมีแรงเหวี่ยงของราคาสูง แต่มีแนวคิดในการกระจายธุรกิจไปในหลายๆรูปแบบ เช่น วิศวกรรมใต้น้ำ etc. (หรือแม้แต่ซื้อบริษัทขายถ่านหิน)
ชอบแบบไหนก็คงต้องไปเลือกเอาละครับ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ ตามที่พี่ๆทั้งหลาย ได้เคยบอกไว้ในกระทู้ก่อนๆ ค่าระวางเรือของสองเจ้า อาศัยดูจากค่าระวางที่แสดงกันตาม broker ต่างๆอย่างเดียวคงไม่ได้นะครับ เพราะกองเรือของสองเจ้านี้เป็นกองเรือขนาดเล็กถึงกลาง และเป็นแบบเทกอง ดังนั้นค่าระวางแค่มีความสัมพันธ์กบค่าระวางที่เราเห็นทั่วไปเท่านั้น แต่อาจจะไม่ได้วิ่งตามกันซะทีเดียวก็ได้ครับ เพราะความต้องการใช้เรือต่างหาก ที่เป็นตัวกำหนดค่าระวาง
ว่าแต่ร่ายยาวมาตั้งนาน ใช่มั้ยหน้อ??? ไม่ได้ถือทั้งสองตัวมาซักพักแล้วด้วยดิ
นอนตื่นขึ้นมา เงินก็จะงอกเงย ZZzzzZZzz อิอิ