set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
Re: set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 2
[quote="wisut"]ดังนั้นปีหน้าอาจเหมือนปี
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
Re: set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 3
[quote="SunShine@Night"][quote="wisut"]ดังนั้นปีหน้าอาจเหมือนปี
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 4
ผมก็เริ่มลงทุนปี 2547 ครับ แบบว่าไปท้ายๆรอบที่เค้ากำไรกันไปเละแล้ว ไม่ได้จดไว้ว่าปี 46 SET เพิ่มเท่าใด แต่จดไว้ว่าตั้งแต่ Feb 47 ถึง End Year 47 ผลตอบแทน SET Index เป็นเท่าใด และของปีต่อๆมาด้วยครับ
Year Return
2004 -10.00%
2005 6.83%
2006 -4.75%
2007 26.22%
2008 -47.56%
Cumulative Return ในช่วงเวลาข้างต้นของ SET ~40% ถ้าเป็น SET TRI ก็ ~26%
แล้วใครมันจะอยากมาลงทุน :lol:
Year Return
2004 -10.00%
2005 6.83%
2006 -4.75%
2007 26.22%
2008 -47.56%
Cumulative Return ในช่วงเวลาข้างต้นของ SET ~40% ถ้าเป็น SET TRI ก็ ~26%
แล้วใครมันจะอยากมาลงทุน :lol:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 7
จริงๆแล้ว set ปีหน้าจะเป็นเท่าไรนั้นสำหรับผมแล้วผมว่าเกือบ80% ผมให้น้ำหนักที่การเมือง เรื่องเสื้อแดงจริงๆครับ ถ้าปราศจากเรื่องนี้ ผมว่าset บ้านเราค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันพอสมควร เนื่องจาก
ปีหน้าถ้าไม่มีปัญหาการเมือง ที่ถึงกับเผาบ้าเผาเมืองทุกครั้งที่มีการนัดหมายกัน
1. การท่องเที่ยว น่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ซึ่งกลุ่มโรงแรม กลุ่มอาหาร กลุ่มท่าอากาศยาน กลุ่มเติมน้ำมันเครื่องบิน น่าจะดีกว่าปีนี้ค่อนข้างแน่นอน
2.กลุ่มธนาคาร มีการควบรวมกันมากขึ้นทั้งการควบรวมกิจการลิสซิ่ง กิจการ หลักทรัพย์ นอกจากปัญหามาตาบพุดจะรุนแรงมากขึ้น กลุ่มนี้ก็น่าจะโตตามอัตราการเติบโตของประเทศ ซึ่งก็อาจจะไม่ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นมากแต่ไม่น่าจะแย่ลง
3.กลุ่ม commodity ทั้งหลาย ทั้งsoft และ hard ในส่วน hardผมว่าดูจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาผมว่าก็คงไม่เพิ่มมากกว่าที่เป็นอยู่แต่ก็ไม่น่าจะลดมากกว่านี้ตราบเท่าที่ประเทศ BRIC ยังเติบโตได้ต่อเนื่องและ ประเทศอเมริกากับยุโรป คุมปัญหาการเงินในแต่ละประเทศได้ ในส่วน soft ก็ดูจะไม่น่ามีปัญหามากมายเพราะจากสภาพอากาศที่แปรปรวนเช่นนี้ ผลผลิตเข้าตลาดก็คงไม่มากมายจนก่อให้เกิดปัญหาด้านราคา
4.ปัญหาด้านการว่างงาน ปัญหาด้านการใช้จ่ายในประเทศ ผมว่าก็ค่อยๆดีมากขึ้นเนื่องจากสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น(ถึงแย่ก็ไม่น่าจะแย่มากจนน่าตระหนก) น่าจะสร้างกำลังซื้อได้มากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน
ด้วยความเชื่อเหล่านี้ผมเชื่อว่าset ปีหน้าอาจจะไม่ดีเหมือนหลายคนตั้งความหวังแต่ไม่น่าจะแย่เหมือนหลายคนคิด ติดปัญหาเรื่องเดียวจริงๆครับคือเรื่องการเมืองที่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่ปัญหาของการประท้วงเรื่อยๆไปที่ไม่สร้างความรุนแรงแบบครั้งก่อน แต่มีการประกาศสร้างความรุนแรงตลอดเวลามีทั้งขุ๋เผาบ้านขู่ก่อการจลาจล ตัวนี้ต่างหากที่จะทำให้ set บ้านเราปั่นปวนอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมให้น้ำหนักมาก แต่ถ้าปัญหานี้จบลงผมว่าความรู้สึกของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะดีขึ้นมาก เชื่อว่าน่าจะช่วยให้การซื้อขายในตลาดสามารถเล่นได้ในระดับp/eที่สูงกว่าที่เป็นอยู่
ปีหน้าถ้าไม่มีปัญหาการเมือง ที่ถึงกับเผาบ้าเผาเมืองทุกครั้งที่มีการนัดหมายกัน
1. การท่องเที่ยว น่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ซึ่งกลุ่มโรงแรม กลุ่มอาหาร กลุ่มท่าอากาศยาน กลุ่มเติมน้ำมันเครื่องบิน น่าจะดีกว่าปีนี้ค่อนข้างแน่นอน
2.กลุ่มธนาคาร มีการควบรวมกันมากขึ้นทั้งการควบรวมกิจการลิสซิ่ง กิจการ หลักทรัพย์ นอกจากปัญหามาตาบพุดจะรุนแรงมากขึ้น กลุ่มนี้ก็น่าจะโตตามอัตราการเติบโตของประเทศ ซึ่งก็อาจจะไม่ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นมากแต่ไม่น่าจะแย่ลง
3.กลุ่ม commodity ทั้งหลาย ทั้งsoft และ hard ในส่วน hardผมว่าดูจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาผมว่าก็คงไม่เพิ่มมากกว่าที่เป็นอยู่แต่ก็ไม่น่าจะลดมากกว่านี้ตราบเท่าที่ประเทศ BRIC ยังเติบโตได้ต่อเนื่องและ ประเทศอเมริกากับยุโรป คุมปัญหาการเงินในแต่ละประเทศได้ ในส่วน soft ก็ดูจะไม่น่ามีปัญหามากมายเพราะจากสภาพอากาศที่แปรปรวนเช่นนี้ ผลผลิตเข้าตลาดก็คงไม่มากมายจนก่อให้เกิดปัญหาด้านราคา
4.ปัญหาด้านการว่างงาน ปัญหาด้านการใช้จ่ายในประเทศ ผมว่าก็ค่อยๆดีมากขึ้นเนื่องจากสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น(ถึงแย่ก็ไม่น่าจะแย่มากจนน่าตระหนก) น่าจะสร้างกำลังซื้อได้มากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน
ด้วยความเชื่อเหล่านี้ผมเชื่อว่าset ปีหน้าอาจจะไม่ดีเหมือนหลายคนตั้งความหวังแต่ไม่น่าจะแย่เหมือนหลายคนคิด ติดปัญหาเรื่องเดียวจริงๆครับคือเรื่องการเมืองที่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่ปัญหาของการประท้วงเรื่อยๆไปที่ไม่สร้างความรุนแรงแบบครั้งก่อน แต่มีการประกาศสร้างความรุนแรงตลอดเวลามีทั้งขุ๋เผาบ้านขู่ก่อการจลาจล ตัวนี้ต่างหากที่จะทำให้ set บ้านเราปั่นปวนอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมให้น้ำหนักมาก แต่ถ้าปัญหานี้จบลงผมว่าความรู้สึกของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะดีขึ้นมาก เชื่อว่าน่าจะช่วยให้การซื้อขายในตลาดสามารถเล่นได้ในระดับp/eที่สูงกว่าที่เป็นอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 8
อย่าลืมปัญหาเรื่องของดูไบ
และ กรีซ
มาตาบพุดก็ไม่จบ
ข้างบนคือ สิ่งที่เสี่ยงในปีหน้าต่อจากปีนี้
แถมด้วย ธปท ออกมาประกาศเรื่อง เงินเฟ้อ
สิ่งที่ใช้ควบคุมเงินเฟ้อคือ ดอกเบี้ย
ถ้าเงินเฟ้อมากๆๆ ก็ก่อให้เกิด ฟองสบู่
และ กรีซ
มาตาบพุดก็ไม่จบ
ข้างบนคือ สิ่งที่เสี่ยงในปีหน้าต่อจากปีนี้
แถมด้วย ธปท ออกมาประกาศเรื่อง เงินเฟ้อ
สิ่งที่ใช้ควบคุมเงินเฟ้อคือ ดอกเบี้ย
ถ้าเงินเฟ้อมากๆๆ ก็ก่อให้เกิด ฟองสบู่
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 9
เรื่องมาบตาพุด ผมว่าน่าเป็นห่วงกว่าเรื่องการเมืองมากๆครับ เรื่อง"ชุลมุน"ทางการเมืองตอนนี้อย่างมากก็กระทบนักท่องเที่ยวบางส่วนเป็นระยะชั่วคราว แต่เรื่องมาบตาพุดนี้ยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อยกันยังไง แต่ถ้าในยังอยู่ในรูปนี้และปล่อยให้ยืดยาดไป ความน่าลงทุนของประเทศไทย ในรูปที่พยายามเสนอตัวเป็นฐานการผลิตทางอุตสาหกรรม จะลดลงมากๆครับtanatat เขียน:แต่ถ้าปัญหานี้จบลงผมว่าความรู้สึกของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะดีขึ้นมาก
คืออะไรๆก็กระทบสิ่งแวดล้อมทั้งนั้นแหละครับ จะว่าไปเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวยังกระทบเลยครับ แต่ที่สำคัญจริงๆคือบรรทัดฐานอยู่ตรงไหน อะไรเป็นตัววัดว่าโรงงานทำลายสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า โรงงานรวมทั้งผู้ลงทุนก็กลัวกันหมดครับ ไม่รู้ว่าสักวันนึงจะโดนปิดเพราะว่าปล่อยควันเหม็นๆ(แต่อาจจะไม่พิษ) แล้วต้องไปลงทุน/ขาดทุนอีกมหาศาลที่จะปิดปรับปรุงโรงงาน
ขอนอกเรื่องนิด จะว่าไปคนฟ้องกลุ่มนี้เขาก็ประหลาดดีนะครับ คืออ้างว่าโรงงานปัจจุบันทำให้มลพิษเยอะ เปิดเพิ่มขยายเพิ่มก็ทำให้ยิ่งแย่ ต้องระงับไว้ก่อน ห้ามขยาย กลายเป็นว่าคนเปิดใหม่เปิดไม่ได้ แต่ไอ้โรงงานที่เปิดอยู่แล้ว ไอ้โรงที่เขาเองอ้างว่าให้คนท้องที่เป็นมะเร็งมาแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ยักกะโดนฟ้องให้ปิดไปด้วย
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 11
ลองดูย้อนหลังไปแล้วกันครับ
ปี37 42 46 50 ล้วนเป็นปีที่ดีของset
แต่ปีถัดจากปีข้างต้น ผลลัพมันก็มีให้เห็นอยู่
ถ้าประวัติศาตร์มันซ้ำรอยเดิม
ปี52 ก็เป็นที่ดีของset มันก็น่าจะตามด้วยปีที่ร้ายเอาการ
ปีที่ดีของset ในความหมายของผมก็คือ ปีที่แม้แต่เด็กอนุบาล ลิง หรือ เซียน ก็เล่นหุ้นได้กำไรทั้งนั้น
ปี37 42 46 50 ล้วนเป็นปีที่ดีของset
แต่ปีถัดจากปีข้างต้น ผลลัพมันก็มีให้เห็นอยู่
ถ้าประวัติศาตร์มันซ้ำรอยเดิม
ปี52 ก็เป็นที่ดีของset มันก็น่าจะตามด้วยปีที่ร้ายเอาการ
ปีที่ดีของset ในความหมายของผมก็คือ ปีที่แม้แต่เด็กอนุบาล ลิง หรือ เซียน ก็เล่นหุ้นได้กำไรทั้งนั้น
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 13
ผมคงเป็นลิงในชั้นอนุบาลแหงๆkmphol เขียน:ปีที่ดีของset ในความหมายของผมก็คือ ปีที่แม้แต่เด็กอนุบาล ลิง หรือ เซียน ก็เล่นหุ้นได้กำไรทั้งนั้น
ตั้งตัวไม่ประมาท อย่าหลงกับความสำเร็จเดิมๆ ก็โอเคละครับ
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
- theerasak24
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 621
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 18
ผมว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม ถ้าตลาดหุ้นยังมีอยู่ก็อย่าไปกลัวนะครับ เพราะถ้าเลือกที่บริษัทดีอยู่แล้วเดี๋ยวก็กลับมามากกว่าเดิมนะหรืออย่างน้อยก็เท่าเดิม ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าทุกคนบอก แนวทางที่ดีคือ แนว VI ไม่ใช่หรือครับ ซึ่งต้องอาศัยเวลานานพอสมควรถึงจะออกดอกออกผลให้ได้เก็บเกี่ยว
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 22
เข้ามามุงดู
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 25
[quote="sai"][quote="[v]"]ผมว่านะ
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 26
ย้อนกลับไปดู ปี 2546 set ขึ้นมาจาก 356.45 ไปปิดปลายปีที่ 772.15 คล้ายคล้ายปี 2552 ถ้า ปี 2547 เป็นแบบปีนี้ ดัชนีจะลดลงจาก 774.19 ลดลงไปที่ 668.10 ลดลงจากต้นปี ประมาณ 13.7 % เลยย้อนไปดูตัวเลขของ gdp ปี 2546 เป็นบวก 7.1 % แต่ของปี 2547 เป็นบวก 6.3 % แต่เทียบกันกับปี2552 gdp คาดว่าจะเป็นลบประมาณ 2.5-3.5 % แต่ ปีนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็นบวกราวราว 3.5-4 % เลยยังไม่แน่ใจว่าเราจะดูจากอดีตเผื่อคาดการณ์อนาคตได้หรือไม่ สรุป post มาตั้งนานก็ไม่มีข้อสรุป 555 เดาตลาดนี่มันยากดีแท้
Small Details Make a Big Difference
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 27
[quote="sai"]ย้อนกลับไปดู ปี 2546 set ขึ้นมาจาก 356.45 ไปปิดปลายปีที่ 772.15 คล้ายคล้ายปี 2552 ถ้า ปี 2547 เป็นแบบปีนี้ ดัชนีจะลดลงจาก 774.19 ลดลงไปที่ 668.10 ลดลงจากต้นปี ประมาณ 13.7 %
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
set ปีนี้เหมือนปี 2546 เหลือเกิน
โพสต์ที่ 29
ข้อมูลดีครับแต่ผมเดาว่ามันยังไม่พอ