หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1661
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 33
1. การทำความรู้จักกับหุ้นหลายๆตัวก็ช่วยให้เรามีโอกาสมากขึ้น และไม่ยึดติดกับหุ้นตัวเดียวมากเกินไป
2. เห็นว่าถูกก็ซัดเข้าไปเถอะไม่ต้องต่อให้มากนัก หลังจากนั้นก็อดทนรอให้มันสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
2. เห็นว่าถูกก็ซัดเข้าไปเถอะไม่ต้องต่อให้มากนัก หลังจากนั้นก็อดทนรอให้มันสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 34
ลืมบอกไป
CASE ของบริษัทที่แข็งแกร่ง เช่น เจ้า STANLY
เป็นกรณีศึกษา หากบริษัทดีอย่างไง เงินสดมากอย่างไง
เมื่อถึงวิกฤติ ราคาร่วงลง
เมื่อเกิดสัญญาณการฟื้นตัว แค่นั้นล่ะ
ใครฉุดก็เอาไม่อยู่ โดนลากถูกไปกับพื้น
อันนี้ผมโพสไว้ตั้งแต่ตอน กลางปี 2552
ที่ตั้งกระทู้ไว้ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนใจไหม ตอนนั้น
เนี่ยคือตัวอย่าง หุ้นดี ที่อยู่ในช่วงอุตสาหกรรมแย่
แต่เมื่ออุตสาหกรรมฟื้นตัว มันคือ Super Stock
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเหมือน พายุที่พัดมาแล้วผ่านไป
หลงเหลือแต่ซากบ้านเมืองที่โดนทำลาย
แต่อย่างไง ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามอยู่แล้ว
CASE ของบริษัทที่แข็งแกร่ง เช่น เจ้า STANLY
เป็นกรณีศึกษา หากบริษัทดีอย่างไง เงินสดมากอย่างไง
เมื่อถึงวิกฤติ ราคาร่วงลง
เมื่อเกิดสัญญาณการฟื้นตัว แค่นั้นล่ะ
ใครฉุดก็เอาไม่อยู่ โดนลากถูกไปกับพื้น
อันนี้ผมโพสไว้ตั้งแต่ตอน กลางปี 2552
ที่ตั้งกระทู้ไว้ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนใจไหม ตอนนั้น
เนี่ยคือตัวอย่าง หุ้นดี ที่อยู่ในช่วงอุตสาหกรรมแย่
แต่เมื่ออุตสาหกรรมฟื้นตัว มันคือ Super Stock
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเหมือน พายุที่พัดมาแล้วผ่านไป
หลงเหลือแต่ซากบ้านเมืองที่โดนทำลาย
แต่อย่างไง ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามอยู่แล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 35
รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 36
ปีนี้ได้งาน
ได้เงิน
และได้เพื่อนใหม่เยอะเลยครับ
ได้เงิน
และได้เพื่อนใหม่เยอะเลยครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 38
โอกาสดี ๆ บางทีอาจมาเพียงครั้งเดียวในชีวิต ต้องพร้อมที่่จะไปคว้าไว้ :D
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 39
อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและธุรกิจรวมแล้วสิบกว่าเล่ม
เริ่มตั้งแต่หนังสือตีแตกและอีกหลายเล่มของอาจารย์นิเวศน์
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหลายเล่มของ ปู่บัฟเฟต์
beating the street และ one up on wall street ของปีเตอร์ ลินซ์
หุ้นสามัญกับกำไรไม่สามัญของฟิลลิป ฟิชเชอร์
ชุด little book เล่มสีน้ำเงินและสีเขียว
วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเองของ พี่โจ๊ก
อ่านงบการเงินให้เป็นของ อ. ภาพร
ร้านไหนกำไรมากกว่า
รบอย่างไรให้ชนะ version 2 ของ อ. สรรชัย
เข็มทิศทางการเงิน
วิถีเซียนหุ้นมูลค่า ของ เฮียวิบูลย์และเฮียมน
พออ่านจบแล้วก็กระหายจะหาอ่านเล่มใหม่เรื่อยๆ เหมือนเสพย์ติดไปแล้ว
ก่อนหน้านั่นตอนว่างๆ ก็เอาแต่อ่านการ์ตูนกับเล่นเกมส์
สิ่งที่ได้รับคือ หลักการและปรัชญาการลงทุน
ผลตอบแทนมากน้อย ส่วนตัวไม่ได้สนใจและคอยจดบันทึกตลอด
คิดว่า ใช้เวลาและสมาธิไปอ่านหนังสือและถามผู้รู้ดีกว่า
การได้เรียนรู้มากขึ้นเทียบกับรู้ผลตอบแทนคนอื่นมากขึ้น
อันไหนน่าสนใจมากกว่าไปไตร่ตรองเองดีกว่าครับ
เริ่มตั้งแต่หนังสือตีแตกและอีกหลายเล่มของอาจารย์นิเวศน์
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหลายเล่มของ ปู่บัฟเฟต์
beating the street และ one up on wall street ของปีเตอร์ ลินซ์
หุ้นสามัญกับกำไรไม่สามัญของฟิลลิป ฟิชเชอร์
ชุด little book เล่มสีน้ำเงินและสีเขียว
วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเองของ พี่โจ๊ก
อ่านงบการเงินให้เป็นของ อ. ภาพร
ร้านไหนกำไรมากกว่า
รบอย่างไรให้ชนะ version 2 ของ อ. สรรชัย
เข็มทิศทางการเงิน
วิถีเซียนหุ้นมูลค่า ของ เฮียวิบูลย์และเฮียมน
พออ่านจบแล้วก็กระหายจะหาอ่านเล่มใหม่เรื่อยๆ เหมือนเสพย์ติดไปแล้ว
ก่อนหน้านั่นตอนว่างๆ ก็เอาแต่อ่านการ์ตูนกับเล่นเกมส์
สิ่งที่ได้รับคือ หลักการและปรัชญาการลงทุน
ผลตอบแทนมากน้อย ส่วนตัวไม่ได้สนใจและคอยจดบันทึกตลอด
คิดว่า ใช้เวลาและสมาธิไปอ่านหนังสือและถามผู้รู้ดีกว่า
การได้เรียนรู้มากขึ้นเทียบกับรู้ผลตอบแทนคนอื่นมากขึ้น
อันไหนน่าสนใจมากกว่าไปไตร่ตรองเองดีกว่าครับ
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 42
MOS สำคัญจริงๆ
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 43
[quote="KentaII"][quote]ได้เรียนรู้ อะไรหลายอย่างมากครับ จากวิกฤต ผมว่า ชาว VI ส่วนใหญ่น่าจะผ่านวิกฤตนี้มาได้ อย่างไรก็ตาม ผมขอฝากข้อคิดดังนี้
1. การกระจายความเสี่ยง=> หากคุณไม่มีอำนาจในการควบคุมบริษัท หรือ ล่วงรู้ข้อมูลภายในต่างๆ อย่ามั่นใจในหุ้นเพียงตัวใคตัวหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณศึกษามันมาเป็นอย่างดีแล้ว จงใช้หลักการ Overweight or Underweight
1. การกระจายความเสี่ยง=> หากคุณไม่มีอำนาจในการควบคุมบริษัท หรือ ล่วงรู้ข้อมูลภายในต่างๆ อย่ามั่นใจในหุ้นเพียงตัวใคตัวหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณศึกษามันมาเป็นอย่างดีแล้ว จงใช้หลักการ Overweight or Underweight
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 362
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 44
ส่วนของผม
ได้เรียนรู้จักที่จะอยู่เฉยๆ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างครับ
ได้เรียนรู้จักที่จะอยู่เฉยๆ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างครับ
- Joga Bonito
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 278
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 46
หวัดดีวีไอทุกท่านครับ
มาขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคน
ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกของผม เช่นเดียวกับหลายๆคนที่เริ่มลงทุนในตลาด
ช่วงแรกของการลงทุนนั้นผม รู้จักหุ้นอยู่สองตัวคือ เป็บซี่กับ ปตท ซึ่ง
ซื้อไปโดยที่ไม่มีความรู้ด้านการประเมินมูลค่าหุ้น ดีที่ว่าดูกราฟเป็นเลยซื้อ
เพราะเห็นว่า ราคาได้ลงมาเยอะมากเทียบกับหลายๆปีก่อน
ตอนที่ซื้อไม่ได้เข้าใจเรื่องของ funds flow และเศรษฐกิจโลกเลยด้วยซ้ำ
แต่ซื้อเพราะคิดว่า ราคาหุ้น ณ วันที่มีการปิดสนามบินปี 51 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของ
ตลาดในช่วงหลายๆปี เลยคิดว่า ถ้าซื้อแล้วถือยาวๆ ยังไงก็มีโอกาสกำไร เพราะราคาหุ้น
ไม่น่าตกต่ำกว่าช่วงปิดสนามบิน ดังนั้นช่วงแรกของการลงทุนของผมเลยใช้ราคาอ้างอิง
วันที่ปิดสนามบิน
ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องของวีไอเลยว่าคืออะไร ก่อนจะมาเข้าใจหลักการของ Margin of Safety ในภายหลัง
หลักการ vi หลักการแรก ที่ใช้คือ P/BV เพราะเข้าใจง่าย เห็นภาพ ว่า Book Value
คืออะไร แต่ตอนแรกนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องของ Earning /Profit Margin
ช่วงแรกที่ซื้อหุ้นเลย ไปซื้อหุ้นที่ P/BV ต่ำๆ เช่น PTT PSL MCOT
โดยที่ไม่ได้เข้าใจตัวธุรกิจอย่างถ่องแท้ ช่วงนั้นเริ่มอ่าน หนังสือ ตีแตกของอาจารย์นิเวศน์
แต่ก็ทำความเข้าใจในเนื้อหาได้ไม่ถึง 50% ช่วงหลังมาอ่านซ้ำก็เข้าใจแนวคิดมากขึ้น
ถือหุ้นได้ไม่ถึงสองเดือนราคาพุ่งปรี้ดๆ เป็นจรวด ดีใจเป็นอย่างมาก รู้งี้เล่นหุ้นไปนานแล้ว
แต่ก็มีเหตุให้ตกใจ ช่วง SET ปรับฐาน ตกใจขายทิ้งหมดเลย ได้กำไรตัวละ ประมาณ 20-40% ก่อนจะมานั่งเครียดหาหุ้นจะลงทุนตัวต่อไป
พอดี แวะเข้าไปใน Thai VI เห็นเขามีแจกไฟล์ EPS20YEAR เลยรับมาแล้วลอง
เล่นดู ไปเจอว่า ท่าน ดร นิเวศน์ ถือหุ้น CPALL แถม อ่านไฟล์ที่ธนชาติส่งมาให้
ดูเหมือนดี เลยซื้อด้วยความคิดว่า หุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นอืด ที่ยังไงเราก็จะไม่ขาย
แต่ที่ไหนได้ ตอนหลัง CPALL วิ่งพุ่งพรวดๆแล้วก็ยังถือจนถึงวันนี้
ช่วงที่ CPALL เริ่มบวกได้ 20% ตอนนั้นเริ่มเข้าใจเรื่องของ VI แล้วแต่
ไม่ค่อยจะมีความกล้าในการซื้อหุ้น ช่วงนี้ซื้อหุ้นโดยดู PE เป็นหลัก แต่ก็ยัง
อ่อนเรื่องของการควบคุมอารมณ์ทำให้ ขายหมู ไปหลายตัวเหมือนกัน เช่น HMPRO
MCS AP LPN MAJOR ตอนนี้มาดูราคาที่ซื้อกับ ราคาตลาด กำไรตัวละ 50% อัพทั้งนั้นมั้ง เสียดายจัง
หลังจากนั้นผมมาศึกษาดูแนวคิดวีไอ แบบเริ่มอ่านความเห็นของคนเก่งๆในไทยวีไอ แล้ว
ลองประเมินดู สไตล์ของแต่ละคน ก็ถูกใจแนวคิดของพี่ลูกอีสาน ที่พูดถึงเรื่องของ พอร์ต
ขนาดเล็ก สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เลยเริ่มเล่นหุ้นที่มี DE สูง หุ้น Warrant เพื่อเอา
Gearing สูงๆ
มาช่วงปลายปีที่ได้ไปงาน meeting กับ ชาวไทยวีไอ หลังจากได้คุยบนโต๊ะสนธนากับ
พี่ๆหลายคน ทำให้ผมได้แนวทางวีไอ เรื่องของ DCA เพิ่มขึ้นมาอีก ช่วงเดือนนนั้น นั่ง
หาหุ้นที่มี DCA อย่างเดียวเลย ตอนนี้เริ่มหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นวัฐจักรแล้ว
แต่ก็ยังหาแนวทางของตัวเองยังไม่ได้ แถมได้มาอ่านกระทู้ของพี่หมอสามัญชนเรื่องของวิธีการเล่น
หุ้นวัฐจักร และอ่านหนังสือ Money Game ของคุณวิศิษฐ์
ตอนนี้ใช้หลักคิด หลายอย่างผสมปนเปกันไปหมด ทำให้หุ้นในพอร์ต ค่อนข้าง
มั่วๆ ซั่วๆอยู่ แถมเหลือเงินสดอยู่ประมาณ 10% ก็ยังหาหุ้นลงไม่ได้ แต่ก็หวังว่าปีนี้จะดีขึ้น
มาขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคน
ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกของผม เช่นเดียวกับหลายๆคนที่เริ่มลงทุนในตลาด
ช่วงแรกของการลงทุนนั้นผม รู้จักหุ้นอยู่สองตัวคือ เป็บซี่กับ ปตท ซึ่ง
ซื้อไปโดยที่ไม่มีความรู้ด้านการประเมินมูลค่าหุ้น ดีที่ว่าดูกราฟเป็นเลยซื้อ
เพราะเห็นว่า ราคาได้ลงมาเยอะมากเทียบกับหลายๆปีก่อน
ตอนที่ซื้อไม่ได้เข้าใจเรื่องของ funds flow และเศรษฐกิจโลกเลยด้วยซ้ำ
แต่ซื้อเพราะคิดว่า ราคาหุ้น ณ วันที่มีการปิดสนามบินปี 51 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของ
ตลาดในช่วงหลายๆปี เลยคิดว่า ถ้าซื้อแล้วถือยาวๆ ยังไงก็มีโอกาสกำไร เพราะราคาหุ้น
ไม่น่าตกต่ำกว่าช่วงปิดสนามบิน ดังนั้นช่วงแรกของการลงทุนของผมเลยใช้ราคาอ้างอิง
วันที่ปิดสนามบิน
ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องของวีไอเลยว่าคืออะไร ก่อนจะมาเข้าใจหลักการของ Margin of Safety ในภายหลัง
หลักการ vi หลักการแรก ที่ใช้คือ P/BV เพราะเข้าใจง่าย เห็นภาพ ว่า Book Value
คืออะไร แต่ตอนแรกนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องของ Earning /Profit Margin
ช่วงแรกที่ซื้อหุ้นเลย ไปซื้อหุ้นที่ P/BV ต่ำๆ เช่น PTT PSL MCOT
โดยที่ไม่ได้เข้าใจตัวธุรกิจอย่างถ่องแท้ ช่วงนั้นเริ่มอ่าน หนังสือ ตีแตกของอาจารย์นิเวศน์
แต่ก็ทำความเข้าใจในเนื้อหาได้ไม่ถึง 50% ช่วงหลังมาอ่านซ้ำก็เข้าใจแนวคิดมากขึ้น
ถือหุ้นได้ไม่ถึงสองเดือนราคาพุ่งปรี้ดๆ เป็นจรวด ดีใจเป็นอย่างมาก รู้งี้เล่นหุ้นไปนานแล้ว
แต่ก็มีเหตุให้ตกใจ ช่วง SET ปรับฐาน ตกใจขายทิ้งหมดเลย ได้กำไรตัวละ ประมาณ 20-40% ก่อนจะมานั่งเครียดหาหุ้นจะลงทุนตัวต่อไป
พอดี แวะเข้าไปใน Thai VI เห็นเขามีแจกไฟล์ EPS20YEAR เลยรับมาแล้วลอง
เล่นดู ไปเจอว่า ท่าน ดร นิเวศน์ ถือหุ้น CPALL แถม อ่านไฟล์ที่ธนชาติส่งมาให้
ดูเหมือนดี เลยซื้อด้วยความคิดว่า หุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นอืด ที่ยังไงเราก็จะไม่ขาย
แต่ที่ไหนได้ ตอนหลัง CPALL วิ่งพุ่งพรวดๆแล้วก็ยังถือจนถึงวันนี้
ช่วงที่ CPALL เริ่มบวกได้ 20% ตอนนั้นเริ่มเข้าใจเรื่องของ VI แล้วแต่
ไม่ค่อยจะมีความกล้าในการซื้อหุ้น ช่วงนี้ซื้อหุ้นโดยดู PE เป็นหลัก แต่ก็ยัง
อ่อนเรื่องของการควบคุมอารมณ์ทำให้ ขายหมู ไปหลายตัวเหมือนกัน เช่น HMPRO
MCS AP LPN MAJOR ตอนนี้มาดูราคาที่ซื้อกับ ราคาตลาด กำไรตัวละ 50% อัพทั้งนั้นมั้ง เสียดายจัง
หลังจากนั้นผมมาศึกษาดูแนวคิดวีไอ แบบเริ่มอ่านความเห็นของคนเก่งๆในไทยวีไอ แล้ว
ลองประเมินดู สไตล์ของแต่ละคน ก็ถูกใจแนวคิดของพี่ลูกอีสาน ที่พูดถึงเรื่องของ พอร์ต
ขนาดเล็ก สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เลยเริ่มเล่นหุ้นที่มี DE สูง หุ้น Warrant เพื่อเอา
Gearing สูงๆ
มาช่วงปลายปีที่ได้ไปงาน meeting กับ ชาวไทยวีไอ หลังจากได้คุยบนโต๊ะสนธนากับ
พี่ๆหลายคน ทำให้ผมได้แนวทางวีไอ เรื่องของ DCA เพิ่มขึ้นมาอีก ช่วงเดือนนนั้น นั่ง
หาหุ้นที่มี DCA อย่างเดียวเลย ตอนนี้เริ่มหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นวัฐจักรแล้ว
แต่ก็ยังหาแนวทางของตัวเองยังไม่ได้ แถมได้มาอ่านกระทู้ของพี่หมอสามัญชนเรื่องของวิธีการเล่น
หุ้นวัฐจักร และอ่านหนังสือ Money Game ของคุณวิศิษฐ์
ตอนนี้ใช้หลักคิด หลายอย่างผสมปนเปกันไปหมด ทำให้หุ้นในพอร์ต ค่อนข้าง
มั่วๆ ซั่วๆอยู่ แถมเหลือเงินสดอยู่ประมาณ 10% ก็ยังหาหุ้นลงไม่ได้ แต่ก็หวังว่าปีนี้จะดีขึ้น
- theerasak24
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 621
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 47
ได้เรียนรู้จังหวะ และจุดเปลี่ยนที่สำคัญในบางสถานะการณ์ ว่าควรทำอย่างไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 72
- ผู้ติดตาม: 1
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 49
ถ้าเกิดวิกฤตอีกครั้ง จะพยายามเลือก ตัวที่ under value มากๆ ถือไว้แค่ตัวเดียว หรือ 2 ตัว พอเศรษฐกิจกลับมาปกติ คงจะได้หลายเด้งเชียว โดยไม่ต้อง ซื้อๆ ขายๆ หลาย ตัว ผลตอบแทนรวมๆ ก็เลยไม่ค่อยดี
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 50
การฝึกจิตใจให้มั่นคง สำคัญพอๆ กับความรู้ความเข้าใจในตัวกิจการที่ดีพอ :oops: :oops:
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 51
- อย่าให้หลักการกลายเป็นหลักเกิน
- ผลตอบแทนที่ได้ ไม่สำคัญเท่ากับ บทเรียนที่ได้รับ
- หุ้นทุกตัวย่อมมีวันของเค้า
อย่าขายหุ้น...เพียงเพราะมีคนบอกว่า มันไม่น่าลงทุน หรือราคาไม่ขึ้นหรอกตัวเนี้ย
- เอาเวลาไปทำอย่างอื่นซะบ้าง และอย่าลืมดูแลคนรอบๆกายครับ
- เอาเวลาไปอ่านหนังสือ ดีกว่าฟังบางคนทำให้เราใช้อารมณ์แทนการใช้สติ
มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม :D
- ผลตอบแทนที่ได้ ไม่สำคัญเท่ากับ บทเรียนที่ได้รับ
- หุ้นทุกตัวย่อมมีวันของเค้า
อย่าขายหุ้น...เพียงเพราะมีคนบอกว่า มันไม่น่าลงทุน หรือราคาไม่ขึ้นหรอกตัวเนี้ย
- เอาเวลาไปทำอย่างอื่นซะบ้าง และอย่าลืมดูแลคนรอบๆกายครับ
- เอาเวลาไปอ่านหนังสือ ดีกว่าฟังบางคนทำให้เราใช้อารมณ์แทนการใช้สติ
มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 53
ขอบคุณครับ ที่เข้ามาบอกว่าอ่านอะไรไปบ้างkillyz เขียน:อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและธุรกิจรวมแล้วสิบกว่าเล่ม
เริ่มตั้งแต่หนังสือตีแตกและอีกหลายเล่มของอาจารย์นิเวศน์
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหลายเล่มของ ปู่บัฟเฟต์
beating the street และ one up on wall street ของปีเตอร์ ลินซ์
หุ้นสามัญกับกำไรไม่สามัญของฟิลลิป ฟิชเชอร์
ชุด little book เล่มสีน้ำเงินและสีเขียว
วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเองของ พี่โจ๊ก
อ่านงบการเงินให้เป็นของ อ. ภาพร
ร้านไหนกำไรมากกว่า
รบอย่างไรให้ชนะ version 2 ของ อ. สรรชัย
เข็มทิศทางการเงิน
วิถีเซียนหุ้นมูลค่า ของ เฮียวิบูลย์และเฮียมน
พออ่านจบแล้วก็กระหายจะหาอ่านเล่มใหม่เรื่อยๆ เหมือนเสพย์ติดไปแล้ว
อยากได้ความรู้สึกแบบนี้กลับมา ก็ต้องสร้างแรงบันดาลใจ
แล้วขยันอ่านให้เป็นนิสัยแบบพี่ killyz
จุดไหนแข็งแล้วก็ไม่ต้องกังวลมาก
จุดไหนยังอ่อนแอก็ต้องเสริมให้แกร่ง
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
หนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมกันบ้าง??
โพสต์ที่ 58
การลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ไม่จำเป็นที่เราจะต้องวิเคราะห์หรือคาดการณ์ได้ถูกต้อง 100% โดยไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นเลย
ขายหมูบ้าง ซื้อควายบ้าง นั่งรถเพลินเลยป้าย ตกรถ ขึ้นรถผิดคัน รถยางแตกกลางทาง ฯลฯ โดยรวมๆ แล้ว ถ้าถูกมากกว่าผิด ก็ยังทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีครับ
ขายหมูบ้าง ซื้อควายบ้าง นั่งรถเพลินเลยป้าย ตกรถ ขึ้นรถผิดคัน รถยางแตกกลางทาง ฯลฯ โดยรวมๆ แล้ว ถ้าถูกมากกว่าผิด ก็ยังทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีครับ