คุยเฟื่องเรื่อง PE

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Outliers
Verified User
โพสต์: 527
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อยากถามคำถามเพื่อนๆเกี่ยวกับการให้ค่า PE สำหรับหุ้นแบบต่างๆครับ
สมมุติมีหุ้นให้เลือกอยู่ 2 ตัว

ตัวแรก : เป็นตัวที่มีกำไรค่อนข้างคงที่ ตลาดเติบโตไปตาม GDP หรือ demand แทบไม่เพิ่มขึ้นเลยแต่สามารถปรับราคาได้ตามเงินเฟ้อ

อย่างนี้เราควรจะให้ PE ซักเท่าไหร่ดีครับ เพราะบางคนก็บอกว่าถ้ากำไรค่อนข้างเสถียร PE ควรสูง อาจจะ 10-12 เท่า แต่พอบอกว่าธุรกิจไม่โตก็กลายเป็นควรให้ PE ต่ำตามการเติบโต อาจให้ PE 5-7 เท่า

โดยเราจะเห็นตัวอย่างในตลาดที่ให้ PE ต่างกันค่อนข้างมาก เช่นกลุ่ม PE สูง SAUCE, TF และกลุ่มต่ำเช่น EASTW, MOONG


ตัวที่สอง : เป็นตัวที่มีกำไรค่อนข้างผันผวน กำไรเป็นไปตามการเติบโตของ Demand ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้มาก แต่ถ้าไม่เป็นไปตามที่คิดกำไรก็จะลดลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย

อย่างนี้เราควรจะให้ PE ซักเท่าไหร่ดีครับ เพราะบางคนก็บอกว่าถ้าเป็นหุ้น Growth PE ควรสูง อาจจะ 10-15 เท่า แต่พอบอกว่ากำไรมีความไม่แน่นอนสูงก็กลายเป็นควรให้ PE ต่ำ ซึ่งอาจให้ค่า PE ที่ 5-7 เท่า



คำถามที่สองที่ผมงงคือ PE จะนำเฉพาะ Price และ กำไรมาคิด แต่ถ้าหุ้นตัวนี้เกิดจ่ายปันผลออกมามากๆ

ราคาหลังวัน XD ย่อมลงมาเยอะตามไปด้วย เช่นถ้าจ่ายปันผล 10% ราคาจาก 100 บาทก็จะลดลงเหลือเพียง 90 บาทในวัน XD แต่กำไรก็ยังคงเท่าเดิม
เช่นกำไร 10 บาท/หุ้น ก่อนวัน XD, PE จะเท่ากับ 10 ส่วนหลังวัน XD, PE ก็จะลดลงมาเหลือ 9 เท่าเลย

อย่างนี้เราก็ควรจะซื้อหลังวัน XD ใช่ไหมครับ หรือเราต้องปรับ PE Target ลดลงมา


สงสัยจัง พี่ๆ ช่วยตอบให้น้องใหม่เอาบุญหน่อยนะครับ ถือว่าฝึกสนองลองปัญญา  :roll:
The Miracle of 10,000 hrs
Radio
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1339
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ไม่ต้องคิดมาก เป็นผมมองเป็นตัวๆไป โดยเอาค่า P/E
ย้อนหลัง 5-10 ปีมาเฉลี่ย ผมว่าจะปลอดภัยมากกว่า
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ตัวแรกให้ PE เฉลี่ยควรอยู่เท่ากับตลาด เพราะโตไปตามเศรษฐกิจ
ตัวที่สอง อยู่ที่ใจ ถ้าเป็นขาขึ้น PE สูงก็ยังต่ำ แต่ถ้าเป็นขาลง PE ต่ำก็สูงเกินไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Joga Bonito
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 278
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ตัวแรก ถ้าจะเป็นหุ้นที่โตตาม GDP แล้วอยากเทรดที่ PE สูงๆ อาจจะต้อง
พิสูจน์ ตัวเอง สักหลายๆปีหน่อยมั้งครับ อย่าง TF SAUCE มันอยู่มาเป็นสิบปีแล้ว
คนเชื่อว่ากำไรไม่เคยลด

ส่วน EASTW กับ MOONG อาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองกว่าจะไปอยู่จุดเีดี
ยวกับสองตัวแรกได้


จริงๆ แล้วผมว่า EASTW กับ MOONG ก็ยังมีความผันผวนอยู่นะครับเช่น
EASTW รายได้ขึ้นกับกำลังการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมภาคตะวันออก
ส่วน MOONG นักลงทุนบางส่วนไม่ค่อยชอบรูปแบบการถือหุ้นของไทยพีเจ้น

ส่วนหุ้นที่กำไรผันผวนนั้น PE ก็คงผันผวนตามกำไรมั้งครับ
ช่วงที่กำไรดี อะไรก็ดูดีไปหมด นักลงทุนก็ตั้งความหวังไว้สูง
ต่อมากำไรลด อะไรก็ดูแย่ไปหมด ตลาดเลยให้ PE ต่ำ

ทีนี้พอ ดีๆ แย่ๆ สลับกันไปนานเข้า ตลาดก็จะรู้ไต๋ กลายเป็นหุ้น PE ต่ำ
ถาวร

คำถามที่สอง ที่ว่า ปันผลมาก นั้น มากขนาดไหน ขนาดที่เอาเงินทุนที่ควร
จะเป็นเงินทุนในการดำเนินงานมาปันหรือว่า ปันให้มาก แต่ยังขยายงานหรือ
ดำเนินงานได้ตามปกติ

ถ้าปันมาก แล้วไม่กระทบกับแผนงาน ไม่น่าจะต้องปรับ PE แต่ถ้ามาแนว
CSL รีดนมจนแม่วัวผอมหมดแล้ว แบบนี้ คงต้องปรับ PE ใหม่

ส่วนใหญ่ ถ้าหุ้นดีจริง บางที ปันผลเยอะๆ แล้ว หลังปัน มันยังวิ่งต่อเลย
ตย STPI เป็นต้น ปันปุ๊บ ร่วงแป๊บเดียว อาทิตย์ัถัดมามันลิ่งให้ดูเลย
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 5

โพสต์

PE จะสูงจะต่ำ ก็ไปดูที่คุณภาพของกำไรซิครับ ว่าดีหรือไม่
ดู BIZ เขาว่าทำอะไร แข็งหรือไม่แข็ง   :D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
ภาพประจำตัวสมาชิก
Outliers
Verified User
โพสต์: 527
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมก็เคยใช้ PE ย้อนหลังเหมือนกันนะ

แต่บางทีก็ทำให้เราพลาดหุ้นหลายๆ ตัวไป คือรีบขายเกินไปน่ะ

อย่างบางตัวตลาดให้ค่า PE ถูกมาหลายปี อยู่ดีๆก็เกิด HOT และคนเริ่มรู้ว่าดีก็ปรับ PE ขึ้นจน PE ไม่เคยกลับไปต่ำอีกเลย

เช่น SE-ED, SAUCE, PB, TF ก็ยังมีช่วงที่เคย PE ต่ำมาก่อน จนตอนนี้ PE สูงแล้ว

ผมว่าเราน่าจะมีค่า PE ในใจนะว่ามันควรจะเป็นเท่าไหร่ จะได้ valuation ได้จากความผิดพลาดในการให้ค่า PE ของตลาด

เช่น EASTW กับ TTW ค่า PE ยังต่างกันตั้งเยอะ จนผมไม่รู้ว่า EASTW ควรขึ้นไปใช้ PE เท่า TTW หรือ TTW ควรจะลงมาเท่า EASTW หรือ จะเป็นแบบกลางๆ คือเอา PE มาหารกัน
The Miracle of 10,000 hrs
ภาพประจำตัวสมาชิก
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ในเคสของมุ่ง ผมมองการเข้าไปถือไทยพีเจียนซะมาก เหมือนกรณีของกันยง ที่ผมมองการเข้าไปถือ MCP

ถ้าใช้กรอบการมองแบบนี้ คิดว่า PE คงให้สูงมากไม่ได้ เพราะสัดส่วนของการได้ถือครองจริงๆ จะเจือจางลงไปอีก
Our favorite holding period is forever.

Blog การลงทุนของผม

http://reitertvi.wordpress.com
ภาพประจำตัวสมาชิก
loki
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมขอถามหน่อยครับว่าค่าPe นี่เราควรให้เท่าไหร่นี่ดูจากอะไรบ้างในการให้ค่าPe สูงหรือต่ำ ผมรู้มาว่าค่าPeนี่ขึ้นอยู่กับอุสาหกรรมด้วยแล้วอุตสาหกรรมอะไรควรมีPe เท่าไหร่ครับแล้วการใช้ค่านี้หามูลค่าใช้ได้กับหุ้นแบบไหนบ้างครับหรือแบบไหนไม่ควรใช้ตัวเลขนี้
neo_potato_Th
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1588
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 9

โพสต์

-ผมว่าน่าจะมองเทียบกับ growthครับ
-ในหนังสือของ Peter Lynch (เล่มไหนไม่รู้จำไม่ได้) เค้ามียกตัวอย่างเอาปันผลเข้ามาบวกใน E แล้วค่อยคิดเป็นค่า PE ออกมาครับ
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
jinyong
Verified User
โพสต์: 455
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมก็สงสัยเหมือนกัน  หลายๆ กรณี เงื่อนไข คล้ายๆ กัน แต่กลับให้ p/e ต่างกันมาก
เด็กฝึกงาน...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Outliers
Verified User
โพสต์: 527
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ค่า PE ผมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ความแน่นอนของกำไร
- ความเสี่ยงของธุรกิจ
- อัตราดอกเบี้ยในตลาด
- ความสามารถของบริษัท DCA
- อัตราการเติบโต
- Market Cap
- สภาพตล่อง
- วงจรธุรกิจ
- ความสามารถในการบริหาร
- Market Share ของบริษัทในตลาด
- ,...ect

แต่จะเห็นว่ามีบางตัวที่ขัดแย้งกัน เช่นการเติบโตของกำไร และความแน่นอนของกำไร
เช่นพันธบัตร มีความแน่นอนของกำไรเกือบ 100% แต่ไม่มีการเติบโต PE กลับสูงมากกว่า 20 เท่า
ในขณะที่หุ้นที่เราคาดว่าจะเติบโต 20% เหมือนกัน แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ PE ก็เท่ากับ 20 เท่าเหมือนกัน

เราคงไม่เลือกซื้อหุ้นที่ไม่เติบโต และยังมีความไม่แน่นอนของกำไรแน่ ตัดทิ้งไป
ที่เราควรหาคือหุ้นที่มีการเติบโตในอัตราที่สูงและ แน่นอนด้วย แต่ก็หาได้ยากในตลาด

ที่ผมยังเห็นอยู่ในตลาดส่วนใหญ่ตอนนี้คือหุ้นที่มีความแน่นอนของกำไรที่สูง แต่แทบไม่เติบโตแล้ว เช่นมาจากการที่ตลาดอิ่มตัว, เต็ม Capacity
แต่ตลาดยังให้ค่า PE ในกลุ่นนี้ต่ำอยู่ คือประมาณ 5-8 เท่า ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับพันธบัตร

จึงอยากจะถามเพื่อนๆว่า อย่างนี้เราควรจะซื้อหุ้นพวกนี้ดีไหมครับ
The Miracle of 10,000 hrs
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมักเตา
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 12

โพสต์

[quote="jinyong"]ผมก็สงสัยเหมือนกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผมมองว่าเรื่องการให้ pe เป็นศิลป์นะครับ มองไม่เหมือนกันหรอกครับ 10 คนก็ให้ 10 อย่าง ถ้าเราอยู่ในตลาดนานนาน ลองประมาณการณ์ pe หุ้นต่างต่างในใจไว้คร่าวคร่าว แล้ว เทียบกับที่ตลาดให้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งก็น่าจะประมาณการณ์ได้แม่นยำขึ้นเรื่อยเรื่อยครับ อันนี้เป็นประสบการณ์ของท่านอื่นนะครับ เพราะผมเองก็ยังไม่มีประสบการณ์ถึงขั้นนั้น แม้แต่การมองธรุกิจของแต่ละคนยังมีความคิดเห็นไม่เหมือนกันเลยครับ อย่าง SAUCE, TF , EASTW, MOONG  นั้นในความคิดเห็นผม sauce กับ tf อาจจะเป็นในกรณีแรกที่ เป็นตัวที่มีกำไรค่อนข้างคงที่ ตลาดเติบโตไปตาม GDP หรือ demand แทบไม่เพิ่มขึ้นเลยแต่สามารถปรับราคาได้ตามเงินเฟ้อ แต่อย่าง eastw และ moong ผมกลับมองว่า eastw นั้นสามารถเติบโตได้มากกว่า gdp จาก ดีมานด์ที่น่าจะมีการเพิ่มต่อเนื่อง และ moong นั้นก็น่าจะเติบโตได้มากกว่า gdp เนื่องจากมีการแย่งแชร์จากคู่แข่งและขยายตลาดไปต่างประเทศในอนาคต ประกอบกับมองว่าตลาดสินค้าแม่และเด็กจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างสูงในอนาคตอย่างต่อเนื่อง  (ไม่ได้หมายถึงจำนวนเด็กที่เกิดนะครับ แต่มองจากตัวเงินที่จะใช้จ่ายในเรื่องนี้ครับ ) เห็นไหมครับ แค่หุ้น สี่ตัวนี้ ถ้าจะเจาะจริงจริง คงไม่เหมือนกันซักตัว แต่ละคนมองก็คงมีหลากหลายความเห็นไม่เหมือนกันครับ ส่วน pe ที่ตลาดให้ก็เป็นความเห็นของตลาดในช่วงนี้ครับ ไม่ได้แปลว่าถูกต้องตลอดไป หรือการที่ตลาดให้ pe หุ้นตัวใดสูงสูงก็อาจไม่ได้แปลว่ามันจะสูงอยู่ตลอดไปครับ เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทุกวันนี้ผมถึงพยายามหาหุ้น ที่ไม่มีใครต้องการในวันนี้ แต่ขาดมันไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ลงทุนอยู่เสมอครับ อิอิ
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

Re: คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 14

โพสต์

[quote="Outliers"]คำถามที่สองที่ผมงงคือ PE จะนำเฉพาะ Price และ กำไรมาคิด แต่ถ้าหุ้นตัวนี้เกิดจ่ายปันผลออกมามากๆ

ราคาหลังวัน XD ย่อมลงมาเยอะตามไปด้วย เช่นถ้าจ่ายปันผล 10% ราคาจาก 100 บาทก็จะลดลงเหลือเพียง 90 บาทในวัน XD แต่กำไรก็ยังคงเท่าเดิม
เช่นกำไร 10 บาท/หุ้น ก่อนวัน XD, PE จะเท่ากับ 10 ส่วนหลังวัน XD, PE ก็จะลดลงมาเหลือ 9 เท่าเลย

อย่างนี้เราก็ควรจะซื้อหลังวัน XD ใช่ไหมครับ หรือเราต้องปรับ PE Target ลดลงมา


สงสัยจัง พี่ๆ ช่วยตอบให้น้องใหม่เอาบุญหน่อยนะครับ ถือว่าฝึกสนองลองปัญญา
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
Outliers
Verified User
โพสต์: 527
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 15

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อย่าง SAUCE, TF , EASTW, MOONG  นั้นในความคิดเห็นผม sauce กับ tf อาจจะเป็นในกรณีแรกที่ เป็นตัวที่มีกำไรค่อนข้างคงที่ ตลาดเติบโตไปตาม GDP หรือ demand แทบไม่เพิ่มขึ้นเลยแต่สามารถปรับราคาได้ตามเงินเฟ้อ แต่อย่าง eastw และ moong ผมกลับมองว่า eastw นั้นสามารถเติบโตได้มากกว่า gdp จาก ดีมานด์ที่น่าจะมีการเพิ่มต่อเนื่อง และ moong นั้นก็น่าจะเติบโตได้มากกว่า gdp เนื่องจากมีการแย่งแชร์จากคู่แข่งและขยายตลาดไปต่างประเทศในอนาคต ประกอบกับมองว่าตลาดสินค้าแม่และเด็กจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างสูงในอนาคตอย่างต่อเนื่อง  
คุณ sai ก็คิดเหมือนผมสำหรับ EASTW ว่ากำไรน่าจะคงที่เป็นอย่างน้อง และก็ควรจะมี Growth ด้วย ซึ่งทำให้ PE ที่แท้จริงน่าจะมีค่ามากกว่า SAUCE และ TF เพราะโตมากกว่า

แต่ลองดูความเป็นจริงที่ตลาดให้สิครับ

หรืออย่างเอาง่ายๆ ผมว่า NTV น่าจะมีกำไรที่เสถียรมากกว่า TF ด้วยซำไป เพราะไม่ถูกควบคุมราคาขาย และราคา Raw Material ที่เปลี่ยนไปตามตลาด

แต่ลองดูค่า PE ที่ตลาดให้สิครับ
The Miracle of 10,000 hrs
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 16

โพสต์

[quote="sai"]ผมมองว่าเรื่องการให้ pe เป็นศิลป์นะครับ มองไม่เหมือนกันหรอกครับ 10 คนก็ให้ 10 อย่าง ถ้าเราอยู่ในตลาดนานนาน ลองประมาณการณ์ pe หุ้นต่างต่างในใจไว้คร่าวคร่าว แล้ว เทียบกับที่ตลาดให้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งก็น่าจะประมาณการณ์ได้แม่นยำขึ้นเรื่อยเรื่อยครับ อันนี้เป็นประสบการณ์ของท่านอื่นนะครับ เพราะผมเองก็ยังไม่มีประสบการณ์ถึงขั้นนั้น แม้แต่การมองธรุกิจของแต่ละคนยังมีความคิดเห็นไม่เหมือนกันเลยครับ อย่าง SAUCE, TF , EASTW, MOONG
ภาพประจำตัวสมาชิก
แสนยานุภาพ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 649
ผู้ติดตาม: 1

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 17

โพสต์

[quote="Outliers"]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อย่าง SAUCE, TF , EASTW, MOONG
Remember, investing in the stock market is a marathon and not a slot machine.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Outliers
Verified User
โพสต์: 527
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 18

โพสต์

งั้นต้องถามต่อว่าจะยอมจ่ายได้แพงแค่ไหนครับ
จริงๆแล้วค่า PE ควรเป็นเท่าไหร่กันแน่

อย่าง SSC ก็น่าจะมี PE สูงเท่ามาม่าใช่หรือไม่
เพราะมี brand ที่แข็งพอๆกัน
ต้นทุนขึ้นกับปัจจัยภานนอกที่ควบคุมไม่ได้เหมือนกัน
แต่ราคาขายก็ถูกรัฐควบคุมเหมือนกันอีก

แล้วอีกอย่างทำไมเราถึงไม่ยอมจ่ายแพงกับธุรกิจอื่นล่ะครับ
The Miracle of 10,000 hrs
jinyong
Verified User
โพสต์: 455
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 19

โพสต์

[quote="แสนยานุภาพ"][quote="Outliers"]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อย่าง SAUCE, TF , EASTW, MOONG
เด็กฝึกงาน...
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 20

โพสต์

[quote="Outliers"]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อย่าง SAUCE, TF , EASTW, MOONG
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
แสนยานุภาพ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 649
ผู้ติดตาม: 1

คุยเฟื่องเรื่อง PE

โพสต์ที่ 21

โพสต์

Outliers เขียน:งั้นต้องถามต่อว่าจะยอมจ่ายได้แพงแค่ไหนครับ
จริงๆแล้วค่า PE ควรเป็นเท่าไหร่กันแน่

อย่าง SSC ก็น่าจะมี PE สูงเท่ามาม่าใช่หรือไม่
เพราะมี brand ที่แข็งพอๆกัน
ต้นทุนขึ้นกับปัจจัยภานนอกที่ควบคุมไม่ได้เหมือนกัน
แต่ราคาขายก็ถูกรัฐควบคุมเหมือนกันอีก

แล้วอีกอย่างทำไมเราถึงไม่ยอมจ่ายแพงกับธุรกิจอื่นล่ะครับ
:!:  :!:
sai เขียน:มันก็แบบนี้แหละมั้งครับ ถ้าตลาดให้ถูกต้องหมดทุกตัวตลอดเวลา เราจะหาเงินได้ไงล่ะครับ อิอิ
:bow:
Remember, investing in the stock market is a marathon and not a slot machine.
โพสต์โพสต์