ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 2
ผมว่าอนาคตไม่มีใครรู้ได้ครับ แต่ตอนนี้น่ากลัวมาก คงกะเอาให้ตายกันไปข้าง ... ราคาหุ้นนะครับ อย่าคิดมาก ... แต่ส่วนตัวผมว่าไม่เหมือนนะครับเพราะว่า ITV ธุรกิจเป็นการสื่อสารเฉพาะในประเทศ การที่รัฐเอาคืนไป ก็ไม่กระทบกับใคร แต่ THCOM กระทบหลายประเทศ การเปลี่ยนแปลงอะไร ศาลท่านน่าจะให้ความยุติธรรมได้มากพอนะครับ ไม่งั้นรายยุ่ย เป็นเนื้อเปื่อยแน่ครับ :(
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 5
ขนาดศาลตัดสินว่ามีการเอื้อประโยชน์ บางปียังขาดทุนหนักเลยอ่ะครับ
ถ้าไม่เอื้อประโยชน์ใครจะกล้าทำธุรกิจนี้อ่ะเนี่ย
ถ้าไม่เอื้อประโยชน์ใครจะกล้าทำธุรกิจนี้อ่ะเนี่ย
-
- Verified User
- โพสต์: 1558
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 6
ตัวนี้ขายแบบหนีตายกันเลย สองวันลง 20%
ตอนนี้ ITV จากเกือบ 10 บาท ลงเหลือบาทกว่าแล้วก็ถูกแขวน SP แล้วคดีก็ยังไม่สิ้นสุดแต่ไม่มีธุรกิจให้ทำแล้วเพราะโดนยึดเคลื่อน
IPSTAR จะโดนอะไรได้บ้าง มีเรื่องค่าประกันดาวเทียมไทยคม 3 ที่ไม่คืนรัฐแต่เอาเงินไปสร้างไทยคม 5 ซึ่งไม่รู้ใครถูกใครผิด ต้องเอาเงินคืนรัฐแล้วหาเงินมาสร้างไทยคม 5 เอง หรือว่าสามารถเอาเงินประกันไทยคม 3 มาสร้างดวงใหม่ได้เลย
ยังมีเรื่องสัมปทานดาวเที่ยม IPSTAR อีก อาจจะโดนค่าปรับถ้าสัญญาไม่ถูกต้อง ไม่น่าจะถึงยึดดาวเทียม(แต่ก็ไม่แน่ ยึดทีวีก็มีมาแล้ว) น่ากลัวสุดคือ สัญญาได้ผ่าน ครม. รึเปล่า เห็นโดนมาเยอะแล้วเรื่องนี้
ตอนนี้ ITV จากเกือบ 10 บาท ลงเหลือบาทกว่าแล้วก็ถูกแขวน SP แล้วคดีก็ยังไม่สิ้นสุดแต่ไม่มีธุรกิจให้ทำแล้วเพราะโดนยึดเคลื่อน
IPSTAR จะโดนอะไรได้บ้าง มีเรื่องค่าประกันดาวเทียมไทยคม 3 ที่ไม่คืนรัฐแต่เอาเงินไปสร้างไทยคม 5 ซึ่งไม่รู้ใครถูกใครผิด ต้องเอาเงินคืนรัฐแล้วหาเงินมาสร้างไทยคม 5 เอง หรือว่าสามารถเอาเงินประกันไทยคม 3 มาสร้างดวงใหม่ได้เลย
ยังมีเรื่องสัมปทานดาวเที่ยม IPSTAR อีก อาจจะโดนค่าปรับถ้าสัญญาไม่ถูกต้อง ไม่น่าจะถึงยึดดาวเทียม(แต่ก็ไม่แน่ ยึดทีวีก็มีมาแล้ว) น่ากลัวสุดคือ สัญญาได้ผ่าน ครม. รึเปล่า เห็นโดนมาเยอะแล้วเรื่องนี้
- toro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 7
ทางไทยคมก็ออกมาบอกว่าไม่เกี่ยวกันอีก ช่วงนี้ทุกโบรคก็นิ่ง ไม่กล้าฟันธง ผมว่าถ้าใครมองถูก อาจจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้นะครับ แต่...ไม่รู้จะเหมือน ITV รึป่าวนะคับ :?: รออ่านความเห็นจากท่านอื่นๆ เหมือนกันครับที่ TC-CP 016/2553
2 มีนาคม 2553
เรื่อง ชี้แจงเรื่องคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ไม่ได้มีผลผูกพันต่อบริษัทฯ
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) ขอแจ้งให้ทราบว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ ของ พ.ต.ท .ทักษิณ ชินวัตร ไปเมื่อวันที่ 26
กุมภาพันธ์ 2553 และมีข้อความบางประการที่ปรากฏในสำนวนหรือคำตัดสินของศาลนั้นกล่าวถึงการดำเนินการ
ในอดีต ระหว่างหน่วยงานของรัฐ กับบริษัทฯ และ ชื่อของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ ใคร่ขอเรียนให้ท่านทราบว่า บริษัทฯ
ไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวต่อศาลฎีกาฯ ดังนั้นคำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ได้มีผลต่อบริษัทฯ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญา
ร่วมการงานฯ และยึดถือหลักสุจริตและธรรมภิบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าเมื่อบริษัทฯ ได้ปฏิบัติถูกต้อง
ตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาร่วมการงานฯ บริษัทฯ ก็ย่อมสามารถชี้แจงถึงที่มา หลักการ และเหตุผล ใน
เรื่องต่างๆ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
ขอแสดงความนับถือ
(นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์)
กรรมการ
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 9
มันแล้วแต่การตีความ
ยุคนี้กฏหมายเขียนอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญที่คนตีความ อยากให้เป็นไปในทิศทางใด
ถ้ามีอยู่ ผมว่าลดพอร์ทดีกว่า ถ้าไม่มี แล้วไม่มีอินไซด์ลึกจริงๆ ระดับกินข้าโต๊ะเดียวกับท่านนายกรัฐมนตรี ก็ไม่น่าเล่น ไปเล่นตัวอื่นสบายใจกว่า
ตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้
เป้าหมายของประเทศเรา ไม่ใช่พัฒนาให้ประเทศเจริญไปข้างหน้า
แต่เป็นการต้องการกวาดล้างสิ่งที่คนมีอำนาจคิดว่าไม่ดี และอาจสั่นคลอนอำนาจตนเอง
เห็นแล้วปลง
ยุคนี้กฏหมายเขียนอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญที่คนตีความ อยากให้เป็นไปในทิศทางใด
ถ้ามีอยู่ ผมว่าลดพอร์ทดีกว่า ถ้าไม่มี แล้วไม่มีอินไซด์ลึกจริงๆ ระดับกินข้าโต๊ะเดียวกับท่านนายกรัฐมนตรี ก็ไม่น่าเล่น ไปเล่นตัวอื่นสบายใจกว่า
ตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้
เป้าหมายของประเทศเรา ไม่ใช่พัฒนาให้ประเทศเจริญไปข้างหน้า
แต่เป็นการต้องการกวาดล้างสิ่งที่คนมีอำนาจคิดว่าไม่ดี และอาจสั่นคลอนอำนาจตนเอง
เห็นแล้วปลง
จงทนอด และอดทน
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 10
ถูกใจ อย่างนี้ต้องpoppo เขียน:มันแล้วแต่การตีความ
ยุคนี้กฏหมายเขียนอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญที่คนตีความ อยากให้เป็นไปในทิศทางใด
ถ้ามีอยู่ ผมว่าลดพอร์ทดีกว่า ถ้าไม่มี แล้วไม่มีอินไซด์ลึกจริงๆ ระดับกินข้าโต๊ะเดียวกับท่านนายกรัฐมนตรี ก็ไม่น่าเล่น ไปเล่นตัวอื่นสบายใจกว่า
ตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้
เป้าหมายของประเทศเรา ไม่ใช่พัฒนาให้ประเทศเจริญไปข้างหน้า
แต่เป็นการต้องการกวาดล้างสิ่งที่คนมีอำนาจคิดว่าไม่ดี และอาจสั่นคลอนอำนาจตนเอง
เห็นแล้วปลง
+1000
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- toro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 12
ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ' สะเทือน 'เทมาเส็ก'เชียร์ DTAC-TRUE จับมือฮุบ ADVANC
หลังยึดทรัพย์ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท กรรมการในกลุ่มชินคอร์ปโบกมือลา 3 บริษัทรวด ขณะที่เทมาเส็กเดินหน้าปันผลถอนทุนออก คนในวงการคาดสิงคโปร์ถอดใจมีความเป็นไปได้สูงขายหุ้นออกแต่คาดเลือกขาย ADVANC ก่อนหากเป็นไปตามแผนกวาด2 แสนล้านกลับ พร้อมยุ DTAC และ TRUE จับมือแบ่งสมบัติ ได้ทั้งลูกค้าและเครือข่ายคุณภาพ
ผลพวงหลังจากคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจำนวน 46,373.69 ล้านบาทเมื่อ 26 กุมภาพันธ์2553ส่งผลให้หลายหน่วยงานเริ่มที่จะทบทวนสิ่งที่ผิดปรกติหลังจากคำพิพากษาทั้งเรื่องการทบทวนสัญญาสัมปทานหรือการเตรียมดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนในตระกูลชินคอร์ปในวันแรกที่เปิดทำการของเดือนมีนาคม 2553
ขณะเดียวกันบริษัทในเครือชินคอร์ป ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่านางสาวนิจจนันท์ แสนทวีสุข ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SHIN ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ยังลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รวมถึงลาออกจากการดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และกรรมการบริหารของบริษัท บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM
ทั้ง 3 บริษัทในกลุ่มชินคอร์ป ยืนยันความโปร่งใสของบริษัท โดยระบุว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 และมีข้อความบางประการที่ปรากฏในสำนวนหรือคำตัดสินของศาลนั้นกล่าวถึงการดำเนินการในอดีตระหว่างหน่วยงานของรัฐกับบริษัทและชื่อของบริษัทและบริษัทในเครือนั้นบริษัทใคร่ขอเรียนให้ท่านทราบว่าทางบริษัทและบริษัทในเครือไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวต่อศาลฎีกาฯ ดังนั้น คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ได้มีผลต่อบริษัทและบริษัทในเครือ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทในเครือได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาร่วมการงานฯ และยึดถือหลักสุจริตและธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าเมื่อบริษัทและบริษัทในเครือได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาร่วมการงานฯ บริษัทและบริษัทในเครือก็ย่อมสามารถชี้แจงถึงที่มา หลักการ และเหตุผล ในเรื่องต่างๆ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
โดยตลอดทั้งวันของการซื้อขายหุ้นวันแรกในเดือนมีนาคมหุ้นกลุ่มชินคอร์ป ทั้ง SHIN ADVANC และTHCOM ราคาปรับลดลงแต่ไม่มากนัก ซึ่งสวนทางกับภาพรวมของตลาดที่หุ้นส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยเฉพาะหุ้นของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ที่แม้จะถูกวางระเบิดเมื่อคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 4 แห่งแต่ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นได้
ผลจากการที่หลายหน่วยงานเริ่มหันมาแสดงท่าทีที่จะแก้ไขเรื่องสัญญาสัมปทานทั้งในของ ADVNAC และของ THCOM ย่อมกระทบไปสู่บริษัทแม่ที่ถือหุ้นใหญ่อย่าง SHIIN หากเมื่อมีการปรับเปลี่ยนสัญญากันใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมหลังคำพิพากษาชี้ว่าทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์กับในบริษัทของตนเองที่ยังถือหุ้นอยู่ในนามของบุตรชายและบุตรสาว
เนื่องจากหากมีการกลับไปสู่เงื่อนไขเดิมย่อมกระทบต่อโครงสร้างรายได้ของ ADVANC และTHCOM ให้ลดลง แม้ว่าทางบริษัททั้ง 3 แห่งจะออกมาชี้แจงต่อสาธารณะว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและสัญญากับรัฐ ยึดถือหลักสุจริต ธรรมาภิบาล เมื่อคำพิพากษาของศาลฎีกาออกมาแม้ว่าตัวบริษัทจะไม่ได้เป็นผู้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ความเชื่อมโยงระหว่างทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแก้ไขกฎระเบียบจนกลายเป็นประโยชน์และสร้างรายได้ให้กับทางบริษัทชินคอร์ปที่ผู้นำประเทศถือหุ้นผ่านคนในครอบครัว ก่อนที่จะมีการขายให้กับกองทุนเทมาเส็ก จากสิงคโปร์
หากมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์กลับไปสู่เงื่อนไขเดิมประโยชน์ที่บริษัทในเครือของอดีตนายกฯทักษิณที่เคยได้รับย่อมต้องลดลง ซึ่งหมายถึงมูลค่าของหุ้นย่อมต้องลดลงตามไปด้วยการปรับเงื่อนไขที่เคยแก้ไว้ให้กลับสู่สภาพเดิมแน่นอนว่าย่อมกระทบต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออีก 2 รายคือ DTAC และ TRUE โกยแล้ว 5.7 หมื่นล้าน
ความเปลี่ยนแปลงหลังคำพิพากษาดังกล่าว ย่อมไม่เป็นผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มชินคอร์ป เมื่อช่องทางในการสร้างรายได้ของบริษัทลดลง กำไรในอนาคตของบริษัทย่อมต้องลดลงตาม เห็นได้จากการคาดการณ์ล่วงหน้าของกลุ่มเทมาเส็กที่เมื่อเข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ปในวันที่ 23 มกราคม 2549 หลังจากนั้นทางเทมาเส็กได้สั่งจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะบริษัทที่ทำเงินให้กับ SHIN อย่างเป็นกอบเป็นกำจาก ADVANC ทุกปีADVANC จะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 6.30 บาทเป็นเงินปีละ 18,682 ล้านบาท โดยเทมาเส็กรับปันผลในนามSHIN จำนวน 7,961 ล้านบาท และภายใต้ผู้ถือหุ้นADVANC ยังมีบริษัท Singtel ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเทมาเส็กถือหุ้นราว 19.17% รับเงินไป 3,578 ล้านบาท รวมแล้วเทมาเส็กรับไป 11,540 ล้านบาทต่อปี
สิ่งที่ปรากฏชัดเจนที่สุดคือเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ทางADVANC มีมติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังจากผลประกอบการปี 2552 จำนวน 3.30 บาทต่อหุ้นและปันผลพิเศษอีก 5 บาทต่อหุ้น รวมเป็น 8.30 บาทต่อหุ้น ทำให้SHIN รับเงินปันผลไปเฉพาะงวดนี้ 10,489 ล้านบาทและ Singtel รับ 4,714 ล้านบาท
หากนับรวมตั้งแต่การเข้ามาของเทมาเส็กทางADVANC จ่ายเงินปันผลให้ SHIN ไปแล้ว42,334ล้านบาทและจ่ายให้ Singtel จำนวน 19,028 ล้านบาท รวมแล้วจ่ายเงินปันผลให้กับเทมาเส็ก 61,362 ล้านบาท
จากการจ่ายเงินปันผลพิเศษของ ADVANC ให้กับผู้ถือหุ้น ส่งผลให้ SHIN ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและปันผลพิเศษเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ก่อนศาลนัดฟังคำพิพากษาเพียง4วันอีก3.25 บาทต่อหุ้นรวมเป็นเงิน 10,403 ล้านบาท เมื่อนับเฉพาะส่วนที่เทมาเส็กสามารถนำเงินออกไปจากการการที่ SHIN จ่ายปันผลรวมกับส่วนของ Singtel รวมแล้ว 57,440 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนเทียบกับเงินที่ใช้เข้ามาซื้อชินคอร์ปรวมถึงเรื่องของการทำคำเสนอซื้อมากกว่า 50%เทมาเส็กคุ้มพร้อมทิ้ง
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า ตีความอีกด้านหนึ่งถือเทมาเส็กค่อยๆ ถ่ายเงินออกไปแล้วมากกว่าครึ่งของเงินที่ใช้ลงทุนหากเทมาเส็กจะตัดสินใจขายหุ้นออกไปในเวลานี้ก็เท่ากับเทมาเส็กแทบจะไม่เสียหายจะการลงทุนในชินคอร์ป
ตรงนี้ขึ้นกับว่าทางเทมาเส็กจะตัดสินใจอย่างไรเพราะหากประเมินสถานการณ์ในขณะนี้เชื่อว่าไม่เป็นผลดีต่อเทมาเส็กในระยะยาวเนื่องจากหากมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานให้กลับไปสู่สูตรเดิมกำไรของ ADVANC คงได้น้อยกว่าที่เป็นอยู่รวมถึงทิศทางทางการเมืองด้วยว่าจะเป็นไปในทางใดเช่น หากรัฐบาลประชาธิปัตย์เดินหน้ารื้อเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่องนอกจากรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์จะลดลงแล้ว จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกหรือไม่เช่นเรื่องค่าปรับต่างๆ
เงินปันผลที่จ่ายออกไปแล้ว 5.74 หมื่นล้านบาท คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทบทวนใหม่ได้ เพราะเงินได้
ออกไปสู่ต้นทางที่สิงคโปร์แล้ว แต่ส่วนที่เหลือคงต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลประชาธิปัตย์หรือทางเทมาเส็กอาจมีความมั่นใจรอให้คุณทักษิณหาทางกลับเข้ามาสู่อำนาจอีกครั้งโดยผ่านพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มีนาคมนี้
อย่างไรก็ตามการจะปรับเปลี่ยนเรื่องสัญญาต่างๆคงต้องใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าที่จะดำเนินการได้เนื่องจากจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนและการแก้ไขในบางเรื่องจะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ดังนั้นเทมาเส็กอาจมีช่วงจังหวะอีกระยะหนึ่งเพื่อจะจ่ายเงินปันผลต่อไปโดยใน ADVANC ยังมีกำไรสะสมตามงบการเงินปี2552 อีก 46,146 ล้านบาท ส่วนของ SHIN เหลืออีก17,947 ล้านบาท รวมแล้วยังเหลือเงินในรูปของกำไรสะสมราว 64,093 ล้านบาท
ลำพังแค่เงินปันผลที่จ่ายออกไปรวมกับกำไรสะสมที่เหลือก็หากเทมาเส็กถ่ายออกไปทั้งหมดก็ไม่ขาดทุนแล้ว และยังเหลือหุ้นที่ถืออีกหากขายออกไปที่ราคาใดก็ถือว่ากำไรยุ "DTAC-TRUE" ฮุบ
เราประเมินว่าทางเทมาเส็กก็คงไม่อยากถือหุ้นSHIN อยู่อีกต่อไปเพราะนอกจากปัญหาของ ADVANC แล้วยังมีเรื่องของ THCOM ที่ดาวเทียมไอพีสตาร์นั้นไม่เป็นไปตามเงื่อนไขว่าเป็นดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3 ตรงนี้จะเป็นปัญหาให้กับ SHIN อีกเรื่องหนึ่งที่จะตามมา
ถ้าหากเทมาเส็กตัดสินใจที่จะขายหุ้นที่ถือไว้ออกมาเชื่อว่าคงยังจะไม่ขายในตัว SHIN ออกมา เพราะจะได้ราคาไม่มากนัก แต่น่าเลือกขายเฉพาะตัว ADVANC ออกมาก่อน เพราะได้ราคาสูงกว่า หากขายทั้งในส่วนของ SHIN ที่ถืออยู่และของ Singtel น่าจะได้ราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาท เมื่อรวมกับปันผลที่จ่ายออกไปก่อนหน้านี้ถือว่าเทมาเส็กมีกำไรไม่น้อยจากการเข้ามาลงทุนในชินคอร์ปเพียง 4 ปีเศษ
ส่วนหุ้น SHIN ก็ยังคงถือหุ้นอยู่ใน THCOM,ITV และ CSL ที่แม้จะไม่สร้างกำไร แต่ก็ยังสามารถ
ขายหุ้น SHIN ออกมาได้ในภายหลังแม้ว่าราคาจะปรับลดลงต่ำกว่าระดับ29 บาทก็ตาม
ปัญหาก็คือใครจะเข้ามาซื้อ ADV ANC เพราะเรื่องของรายได้ก็อาจจะลดลง หรืออาจมีปัญหาอื่นๆ ตามมาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆคงมีผู้ที่สนใจเข้ามาซื้ออย่าง DTAC หรือ TRUE ที่ดูแล้วกำลังซื้ออาจจะมีไม่มากนัก แต่หากทั้ง2 รายรวมตัวกันแล้วซื้อกิจการของ ADVANC ออกมา น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการเข้าซื้อได้เนื่องจากฐานลูกค้าของ ADV ANC หรือAIS ที่มีอยู่กว่า 28.5 ล้านรายถือว่าเป็นผู้ใช้บริการที่มีศักยภาพสูงลูกค้าในส่วนนี้ก็จะไหลมาอยู่กับผู้ประกอบการทั้ง 2รายรวมไปถึงเรื่องของตัวระบบที่ AIS สามารถให้บริการต่อผู้ใช้ได้ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นสถานการณ์เปลี่ยน
ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองไม่เป็นไปอย่างที่เทมาเส็กคาดหวังหมายถึงโอกาสที่คุณทักษิณจะกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งเป็นไปได้ยากแล้วถือว่าเทมาเส็กมีทางเลือกน้อยลงทุกขณะเพราะเมื่อประเมินจากคำพิพากษาของศาลที่อธิบายถึงมูลเหตุและพฤติกรรมในการใช้อำนาจของคุณทักษิณอย่างละเอียดแล้วเชื่อว่าจะมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบคุณทักษิณจำนวนไม่น้อยที่เพิ่งรู้ความจริงว่าในช่วง6 ปีของการบริหารประเทศนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความรู้สึกของคนที่เคยชื่นชมอาจลดลงไปจำนวนหนึ่ง
ประการต่อมากลุ่มคนเสื้อแดงขณะนี้ได้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มแดงสยาม กลุ่ม 3 เกลอและกลุ่มฮาร์ดคอร์อย่างพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี และพลตรีขัตติยะสวัสดิผล ไม่ได้รวมตัวกันเหนียวแน่นเหมือนครั้งก่อน ดังนั้นพลังในการเรียกร้องเพื่อเอาคุณทักษิณกลับมาย่อมอ่อนลง
ที่สำคัญคำพิพากษาเมื่อ26กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีการยึดทรัพย์ทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาจากส่วนที่เพิ่มขึ้นของทรัพย์ภายหลังจากคุณทักษิณเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยยึดเพียง4.6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้เงินส่วนที่เหลืออีก 3หมื่นล้านบาทนั้นจะมีกระบวนการอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งในเรื่องของการต้องชำระภาษีอีกราว1.2 หมื่นล้านบาทจากการขายหุ้นของบุตรชายและบุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังมีค่าเสียหายที่ประเทศไทยสูญเสียไปจากการบริหารงานในช่วงดังกล่าวอีกไม่น้อยกว่า1.2แสนล้านบาทรวมไปถึงคดีความทางอาญาที่ใช้อำนาจหน้าที่ผู้นำประเทศเอื้อประโยชน์กับกิจการของครอบครัวอีกหลายคดีตรงนี้จึงเป็นสิ่งที่เทมาเส็กต้องประเมินสถานการณ์ให้ดีว่าจะตัดสินใจอย่างไร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มี.ค. 2553--
หลังยึดทรัพย์ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท กรรมการในกลุ่มชินคอร์ปโบกมือลา 3 บริษัทรวด ขณะที่เทมาเส็กเดินหน้าปันผลถอนทุนออก คนในวงการคาดสิงคโปร์ถอดใจมีความเป็นไปได้สูงขายหุ้นออกแต่คาดเลือกขาย ADVANC ก่อนหากเป็นไปตามแผนกวาด2 แสนล้านกลับ พร้อมยุ DTAC และ TRUE จับมือแบ่งสมบัติ ได้ทั้งลูกค้าและเครือข่ายคุณภาพ
ผลพวงหลังจากคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจำนวน 46,373.69 ล้านบาทเมื่อ 26 กุมภาพันธ์2553ส่งผลให้หลายหน่วยงานเริ่มที่จะทบทวนสิ่งที่ผิดปรกติหลังจากคำพิพากษาทั้งเรื่องการทบทวนสัญญาสัมปทานหรือการเตรียมดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนในตระกูลชินคอร์ปในวันแรกที่เปิดทำการของเดือนมีนาคม 2553
ขณะเดียวกันบริษัทในเครือชินคอร์ป ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่านางสาวนิจจนันท์ แสนทวีสุข ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SHIN ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ยังลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รวมถึงลาออกจากการดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และกรรมการบริหารของบริษัท บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM
ทั้ง 3 บริษัทในกลุ่มชินคอร์ป ยืนยันความโปร่งใสของบริษัท โดยระบุว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 และมีข้อความบางประการที่ปรากฏในสำนวนหรือคำตัดสินของศาลนั้นกล่าวถึงการดำเนินการในอดีตระหว่างหน่วยงานของรัฐกับบริษัทและชื่อของบริษัทและบริษัทในเครือนั้นบริษัทใคร่ขอเรียนให้ท่านทราบว่าทางบริษัทและบริษัทในเครือไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวต่อศาลฎีกาฯ ดังนั้น คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ได้มีผลต่อบริษัทและบริษัทในเครือ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทในเครือได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาร่วมการงานฯ และยึดถือหลักสุจริตและธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าเมื่อบริษัทและบริษัทในเครือได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาร่วมการงานฯ บริษัทและบริษัทในเครือก็ย่อมสามารถชี้แจงถึงที่มา หลักการ และเหตุผล ในเรื่องต่างๆ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
โดยตลอดทั้งวันของการซื้อขายหุ้นวันแรกในเดือนมีนาคมหุ้นกลุ่มชินคอร์ป ทั้ง SHIN ADVANC และTHCOM ราคาปรับลดลงแต่ไม่มากนัก ซึ่งสวนทางกับภาพรวมของตลาดที่หุ้นส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยเฉพาะหุ้นของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ที่แม้จะถูกวางระเบิดเมื่อคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 4 แห่งแต่ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นได้
ผลจากการที่หลายหน่วยงานเริ่มหันมาแสดงท่าทีที่จะแก้ไขเรื่องสัญญาสัมปทานทั้งในของ ADVNAC และของ THCOM ย่อมกระทบไปสู่บริษัทแม่ที่ถือหุ้นใหญ่อย่าง SHIIN หากเมื่อมีการปรับเปลี่ยนสัญญากันใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมหลังคำพิพากษาชี้ว่าทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์กับในบริษัทของตนเองที่ยังถือหุ้นอยู่ในนามของบุตรชายและบุตรสาว
เนื่องจากหากมีการกลับไปสู่เงื่อนไขเดิมย่อมกระทบต่อโครงสร้างรายได้ของ ADVANC และTHCOM ให้ลดลง แม้ว่าทางบริษัททั้ง 3 แห่งจะออกมาชี้แจงต่อสาธารณะว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและสัญญากับรัฐ ยึดถือหลักสุจริต ธรรมาภิบาล เมื่อคำพิพากษาของศาลฎีกาออกมาแม้ว่าตัวบริษัทจะไม่ได้เป็นผู้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ความเชื่อมโยงระหว่างทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแก้ไขกฎระเบียบจนกลายเป็นประโยชน์และสร้างรายได้ให้กับทางบริษัทชินคอร์ปที่ผู้นำประเทศถือหุ้นผ่านคนในครอบครัว ก่อนที่จะมีการขายให้กับกองทุนเทมาเส็ก จากสิงคโปร์
หากมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์กลับไปสู่เงื่อนไขเดิมประโยชน์ที่บริษัทในเครือของอดีตนายกฯทักษิณที่เคยได้รับย่อมต้องลดลง ซึ่งหมายถึงมูลค่าของหุ้นย่อมต้องลดลงตามไปด้วยการปรับเงื่อนไขที่เคยแก้ไว้ให้กลับสู่สภาพเดิมแน่นอนว่าย่อมกระทบต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออีก 2 รายคือ DTAC และ TRUE โกยแล้ว 5.7 หมื่นล้าน
ความเปลี่ยนแปลงหลังคำพิพากษาดังกล่าว ย่อมไม่เป็นผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มชินคอร์ป เมื่อช่องทางในการสร้างรายได้ของบริษัทลดลง กำไรในอนาคตของบริษัทย่อมต้องลดลงตาม เห็นได้จากการคาดการณ์ล่วงหน้าของกลุ่มเทมาเส็กที่เมื่อเข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ปในวันที่ 23 มกราคม 2549 หลังจากนั้นทางเทมาเส็กได้สั่งจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะบริษัทที่ทำเงินให้กับ SHIN อย่างเป็นกอบเป็นกำจาก ADVANC ทุกปีADVANC จะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 6.30 บาทเป็นเงินปีละ 18,682 ล้านบาท โดยเทมาเส็กรับปันผลในนามSHIN จำนวน 7,961 ล้านบาท และภายใต้ผู้ถือหุ้นADVANC ยังมีบริษัท Singtel ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเทมาเส็กถือหุ้นราว 19.17% รับเงินไป 3,578 ล้านบาท รวมแล้วเทมาเส็กรับไป 11,540 ล้านบาทต่อปี
สิ่งที่ปรากฏชัดเจนที่สุดคือเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ทางADVANC มีมติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังจากผลประกอบการปี 2552 จำนวน 3.30 บาทต่อหุ้นและปันผลพิเศษอีก 5 บาทต่อหุ้น รวมเป็น 8.30 บาทต่อหุ้น ทำให้SHIN รับเงินปันผลไปเฉพาะงวดนี้ 10,489 ล้านบาทและ Singtel รับ 4,714 ล้านบาท
หากนับรวมตั้งแต่การเข้ามาของเทมาเส็กทางADVANC จ่ายเงินปันผลให้ SHIN ไปแล้ว42,334ล้านบาทและจ่ายให้ Singtel จำนวน 19,028 ล้านบาท รวมแล้วจ่ายเงินปันผลให้กับเทมาเส็ก 61,362 ล้านบาท
จากการจ่ายเงินปันผลพิเศษของ ADVANC ให้กับผู้ถือหุ้น ส่งผลให้ SHIN ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและปันผลพิเศษเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ก่อนศาลนัดฟังคำพิพากษาเพียง4วันอีก3.25 บาทต่อหุ้นรวมเป็นเงิน 10,403 ล้านบาท เมื่อนับเฉพาะส่วนที่เทมาเส็กสามารถนำเงินออกไปจากการการที่ SHIN จ่ายปันผลรวมกับส่วนของ Singtel รวมแล้ว 57,440 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนเทียบกับเงินที่ใช้เข้ามาซื้อชินคอร์ปรวมถึงเรื่องของการทำคำเสนอซื้อมากกว่า 50%เทมาเส็กคุ้มพร้อมทิ้ง
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า ตีความอีกด้านหนึ่งถือเทมาเส็กค่อยๆ ถ่ายเงินออกไปแล้วมากกว่าครึ่งของเงินที่ใช้ลงทุนหากเทมาเส็กจะตัดสินใจขายหุ้นออกไปในเวลานี้ก็เท่ากับเทมาเส็กแทบจะไม่เสียหายจะการลงทุนในชินคอร์ป
ตรงนี้ขึ้นกับว่าทางเทมาเส็กจะตัดสินใจอย่างไรเพราะหากประเมินสถานการณ์ในขณะนี้เชื่อว่าไม่เป็นผลดีต่อเทมาเส็กในระยะยาวเนื่องจากหากมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานให้กลับไปสู่สูตรเดิมกำไรของ ADVANC คงได้น้อยกว่าที่เป็นอยู่รวมถึงทิศทางทางการเมืองด้วยว่าจะเป็นไปในทางใดเช่น หากรัฐบาลประชาธิปัตย์เดินหน้ารื้อเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่องนอกจากรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์จะลดลงแล้ว จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกหรือไม่เช่นเรื่องค่าปรับต่างๆ
เงินปันผลที่จ่ายออกไปแล้ว 5.74 หมื่นล้านบาท คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทบทวนใหม่ได้ เพราะเงินได้
ออกไปสู่ต้นทางที่สิงคโปร์แล้ว แต่ส่วนที่เหลือคงต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลประชาธิปัตย์หรือทางเทมาเส็กอาจมีความมั่นใจรอให้คุณทักษิณหาทางกลับเข้ามาสู่อำนาจอีกครั้งโดยผ่านพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มีนาคมนี้
อย่างไรก็ตามการจะปรับเปลี่ยนเรื่องสัญญาต่างๆคงต้องใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าที่จะดำเนินการได้เนื่องจากจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนและการแก้ไขในบางเรื่องจะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ดังนั้นเทมาเส็กอาจมีช่วงจังหวะอีกระยะหนึ่งเพื่อจะจ่ายเงินปันผลต่อไปโดยใน ADVANC ยังมีกำไรสะสมตามงบการเงินปี2552 อีก 46,146 ล้านบาท ส่วนของ SHIN เหลืออีก17,947 ล้านบาท รวมแล้วยังเหลือเงินในรูปของกำไรสะสมราว 64,093 ล้านบาท
ลำพังแค่เงินปันผลที่จ่ายออกไปรวมกับกำไรสะสมที่เหลือก็หากเทมาเส็กถ่ายออกไปทั้งหมดก็ไม่ขาดทุนแล้ว และยังเหลือหุ้นที่ถืออีกหากขายออกไปที่ราคาใดก็ถือว่ากำไรยุ "DTAC-TRUE" ฮุบ
เราประเมินว่าทางเทมาเส็กก็คงไม่อยากถือหุ้นSHIN อยู่อีกต่อไปเพราะนอกจากปัญหาของ ADVANC แล้วยังมีเรื่องของ THCOM ที่ดาวเทียมไอพีสตาร์นั้นไม่เป็นไปตามเงื่อนไขว่าเป็นดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3 ตรงนี้จะเป็นปัญหาให้กับ SHIN อีกเรื่องหนึ่งที่จะตามมา
ถ้าหากเทมาเส็กตัดสินใจที่จะขายหุ้นที่ถือไว้ออกมาเชื่อว่าคงยังจะไม่ขายในตัว SHIN ออกมา เพราะจะได้ราคาไม่มากนัก แต่น่าเลือกขายเฉพาะตัว ADVANC ออกมาก่อน เพราะได้ราคาสูงกว่า หากขายทั้งในส่วนของ SHIN ที่ถืออยู่และของ Singtel น่าจะได้ราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาท เมื่อรวมกับปันผลที่จ่ายออกไปก่อนหน้านี้ถือว่าเทมาเส็กมีกำไรไม่น้อยจากการเข้ามาลงทุนในชินคอร์ปเพียง 4 ปีเศษ
ส่วนหุ้น SHIN ก็ยังคงถือหุ้นอยู่ใน THCOM,ITV และ CSL ที่แม้จะไม่สร้างกำไร แต่ก็ยังสามารถ
ขายหุ้น SHIN ออกมาได้ในภายหลังแม้ว่าราคาจะปรับลดลงต่ำกว่าระดับ29 บาทก็ตาม
ปัญหาก็คือใครจะเข้ามาซื้อ ADV ANC เพราะเรื่องของรายได้ก็อาจจะลดลง หรืออาจมีปัญหาอื่นๆ ตามมาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆคงมีผู้ที่สนใจเข้ามาซื้ออย่าง DTAC หรือ TRUE ที่ดูแล้วกำลังซื้ออาจจะมีไม่มากนัก แต่หากทั้ง2 รายรวมตัวกันแล้วซื้อกิจการของ ADVANC ออกมา น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการเข้าซื้อได้เนื่องจากฐานลูกค้าของ ADV ANC หรือAIS ที่มีอยู่กว่า 28.5 ล้านรายถือว่าเป็นผู้ใช้บริการที่มีศักยภาพสูงลูกค้าในส่วนนี้ก็จะไหลมาอยู่กับผู้ประกอบการทั้ง 2รายรวมไปถึงเรื่องของตัวระบบที่ AIS สามารถให้บริการต่อผู้ใช้ได้ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นสถานการณ์เปลี่ยน
ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองไม่เป็นไปอย่างที่เทมาเส็กคาดหวังหมายถึงโอกาสที่คุณทักษิณจะกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งเป็นไปได้ยากแล้วถือว่าเทมาเส็กมีทางเลือกน้อยลงทุกขณะเพราะเมื่อประเมินจากคำพิพากษาของศาลที่อธิบายถึงมูลเหตุและพฤติกรรมในการใช้อำนาจของคุณทักษิณอย่างละเอียดแล้วเชื่อว่าจะมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบคุณทักษิณจำนวนไม่น้อยที่เพิ่งรู้ความจริงว่าในช่วง6 ปีของการบริหารประเทศนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความรู้สึกของคนที่เคยชื่นชมอาจลดลงไปจำนวนหนึ่ง
ประการต่อมากลุ่มคนเสื้อแดงขณะนี้ได้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มแดงสยาม กลุ่ม 3 เกลอและกลุ่มฮาร์ดคอร์อย่างพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี และพลตรีขัตติยะสวัสดิผล ไม่ได้รวมตัวกันเหนียวแน่นเหมือนครั้งก่อน ดังนั้นพลังในการเรียกร้องเพื่อเอาคุณทักษิณกลับมาย่อมอ่อนลง
ที่สำคัญคำพิพากษาเมื่อ26กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีการยึดทรัพย์ทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาจากส่วนที่เพิ่มขึ้นของทรัพย์ภายหลังจากคุณทักษิณเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยยึดเพียง4.6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้เงินส่วนที่เหลืออีก 3หมื่นล้านบาทนั้นจะมีกระบวนการอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งในเรื่องของการต้องชำระภาษีอีกราว1.2 หมื่นล้านบาทจากการขายหุ้นของบุตรชายและบุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังมีค่าเสียหายที่ประเทศไทยสูญเสียไปจากการบริหารงานในช่วงดังกล่าวอีกไม่น้อยกว่า1.2แสนล้านบาทรวมไปถึงคดีความทางอาญาที่ใช้อำนาจหน้าที่ผู้นำประเทศเอื้อประโยชน์กับกิจการของครอบครัวอีกหลายคดีตรงนี้จึงเป็นสิ่งที่เทมาเส็กต้องประเมินสถานการณ์ให้ดีว่าจะตัดสินใจอย่างไร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มี.ค. 2553--
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 13
สำหรับผมนะครับ กรณี sattel ไม่ต่างกับ itv นะครับ เพราะ
1.กรณีปล่อยกู้พม่าให้มาซื้ออุปกรณ์กับsattel ไม่ได้ไปกระทบค่าสัมปทาน การเอื้อประโยชน์จากการปล่อยกู้พม่ามาซื้ออุปกรณ์กับsattel เป็นเรื่องของคุณทักษิณฯที่ทำไม่ถูกต้อง ต้องการเอื้อผลประโยชน์ตกกับsattel ผลเสียเกิดจากส่วนต่างของดอกเบี้ยต้นทุนexim bank กับดอกเบี้ยที่คิดกับพม่า แต่sattel ไม่ได้ทำผิดสัญญาสัมปทาน
2. ส่วนที่น่ากลัวน่าจะเป็นระบบดาวเทียมipstar ครับเพราะการที่ศาลตัดสินว่ามันไม่ใช่ดาวเทียมสำรองแต่เป็นดาวเทียมหลัก ผมว่ามันต้องมีการทำสัญญาใหม่ ตรงนี้แหละครับที่ sattel ทำผิดสัญญากับรัฐบาลอย่างแน่นอน และกรณี ไทยคม3 ซึ่งเป็นดาวเทียมหลักก็ยังไม่มีการยิงดาวเทียมสำรอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของsattel ที่จะต้องยิงดาวเทียมสำรองแทน ipstar และนำกรณีipstar ไปเจรจาเรื่อผลประโยขน์กับรัฐบาลพร้อมเสียค่าปรับให้รัฐบาลเนื่องจากทำผิดสัญญา ซึ่งขึ้นกับรัฐบาลว่าการทำผิดสัญญาโดยการแอบยิงดาวเทียมหลักดวงใหม่โดยไม่ได้ขอสัมปทานนั่นจะต้องถูกยึดฌฉพาะดาวเทียมดวงนั้น หรือต้องถูกยึดทั้งสัมปทาน ผมว่ายังไงก็คงลำบากสำหรับบริษัทฯแน่ๆครับ
1.กรณีปล่อยกู้พม่าให้มาซื้ออุปกรณ์กับsattel ไม่ได้ไปกระทบค่าสัมปทาน การเอื้อประโยชน์จากการปล่อยกู้พม่ามาซื้ออุปกรณ์กับsattel เป็นเรื่องของคุณทักษิณฯที่ทำไม่ถูกต้อง ต้องการเอื้อผลประโยชน์ตกกับsattel ผลเสียเกิดจากส่วนต่างของดอกเบี้ยต้นทุนexim bank กับดอกเบี้ยที่คิดกับพม่า แต่sattel ไม่ได้ทำผิดสัญญาสัมปทาน
2. ส่วนที่น่ากลัวน่าจะเป็นระบบดาวเทียมipstar ครับเพราะการที่ศาลตัดสินว่ามันไม่ใช่ดาวเทียมสำรองแต่เป็นดาวเทียมหลัก ผมว่ามันต้องมีการทำสัญญาใหม่ ตรงนี้แหละครับที่ sattel ทำผิดสัญญากับรัฐบาลอย่างแน่นอน และกรณี ไทยคม3 ซึ่งเป็นดาวเทียมหลักก็ยังไม่มีการยิงดาวเทียมสำรอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของsattel ที่จะต้องยิงดาวเทียมสำรองแทน ipstar และนำกรณีipstar ไปเจรจาเรื่อผลประโยขน์กับรัฐบาลพร้อมเสียค่าปรับให้รัฐบาลเนื่องจากทำผิดสัญญา ซึ่งขึ้นกับรัฐบาลว่าการทำผิดสัญญาโดยการแอบยิงดาวเทียมหลักดวงใหม่โดยไม่ได้ขอสัมปทานนั่นจะต้องถูกยึดฌฉพาะดาวเทียมดวงนั้น หรือต้องถูกยึดทั้งสัมปทาน ผมว่ายังไงก็คงลำบากสำหรับบริษัทฯแน่ๆครับ
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 14
อ่านแล้วรมณ์เสียblueplanet เขียน:ผมฟังคำตัดสินค่อนข้างละเอียด
สิ่งที่ศาลตัดสินนั้นถุกต้อง
คนไทยต้องมีสติ และ ขยันหาความรู้
และเลือกทางที่ถูกต้อง
ต้องช่วยกันทำลายคนชั่ว คนโกง ฆาตกร
คน 2-3พันคนที่ตายในคดียาเสพติด เป็นความชั่วอย่างร้ายแรง
ของผู้มีอำนาจ
ตำรวจ และอัยการชั่วมีมากว่าครึ่ง
ขนาดไม่เข้า manager มานาน ไม่นึกว่าจะเจอในนี้
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- [v]
- Verified User
- โพสต์: 1402
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 15
ผมว่าตรงนึ้มันเวอร์ไปนะครับ ใส่อารมณ์มากไป เพราะตำรวจยุคนั้นก็โดนถอดย้ายไปเยอะ หลังปฏิวัติ และหลังเปลี่ยนรัฐบาลก็โยกย้ายตำรวจอีกหลายรัฐบาล ปัจจุบันก็ย้ายอีกรอบ โผตำรวจโยกย้ายทั่วประเทศก็ลงในหนังสือพิมพ์ทุกครั้ง มันชัดเจนblueplanet เขียน:ผมฟังคำตัดสินค่อนข้างละเอียด
สิ่งที่ศาลตัดสินนั้นถุกต้อง
คนไทยต้องมีสติ และ ขยันหาความรู้
และเลือกทางที่ถูกต้อง
ต้องช่วยกันทำลายคนชั่ว คนโกง ฆาตกร
คน 2-3พันคนที่ตายในคดียาเสพติด เป็นความชั่วอย่างร้ายแรง
ของผู้มีอำนาจ
ตำรวจ และอัยการชั่วมีมากว่าครึ่ง
ส่วนอัยการ ยุคนั้นกับยุคนี้ที่ตัดสินคดี มันก็คนละชุดกัน
การที่จะไปสรุปว่า อัยการทั่วประเทศหรือตำรวจทั่วประเทศชั่วมากกว่าครึ่ง
แปลว่าคุณจะต้องมีการทำกิจกรรมอะไรบางอย่างมากพอ ที่เกี่ยวข้องกับตำรวจหรือศาล ในจำนวนที่มากกว่าครึ่งของประเทศนี้ ที่พอสรุปได้ว่า มันชั่วจริงๆ
แต่ถ้าคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์กับตำรวจและศาลมากกว่าครึ่งประเทศ ก็ไม่ควรไปสรุปแบบนี้นะครับ คนดีๆเขาจะเสียกำลังใจ การที่เราอ่านข่าวหรือดูทีวี คือเราไปรับข้อมูลมาอีกทอดนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 16
จุ๊ๆๆ เด๋วจะโดน drama กันนะเธอว์
หรือไม่ก็โดน admin ลบ
หรือไม่ก็โดน admin ลบ
- คนดอย
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 747
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 17
เท่าที่มีข้อมูล
พม่าเค้าซื้อใช้บริการไทยคม มาก่อนรัฐบาลทักกี้ ซะอีก
แล้วหลักการ ของ Exim แบงค์ เค้าก็ปล่อยกู้ให้ประเทศที่ยากจนกว่าดั่งเช่น ลาว และกัมพูชา ก็ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยเช่นกัน
พม่ามิได้ซื้อบริการไทยคมจากการได้วงเงินเพิ่ม แต่พม่าเลือกใช้วงเงินจาก exim bank ดังกล่าว(จากที่มีหลายวงเงิน) ในการชำระเงินหนี้ค่าไทยคม(ประมาณ 300 ล้าน) ซึ่งเป็นสิทธิของพม่าในการเลือกจะใช้วงเงินไหน
มีข้อสังเกตุว่า พม่าซื้อใช้ไทยคมก่อนทักกี้เป็นนายก และหลังทักกี้จึดอำนาจไปแล้ว พม่าก็ยังซื้อใช้อยู่ และในยุคสุรยุทธ์ ก็ยังมีการเพิ่มวงเงินให้พม่าอยู่เช่นกัน
และคดีฆ่าตัดตอนมันเกี่ยวอะไรกะดาวเทียมไทยคมด้วยเนี่ย
ฆ่าตัดตอนมันเป็นเรื่องของผู้ค้ารายใหญ่ฆ่าตัดตอนรายเล็กก่อนสาวถึงตัวเค้า มันเกี่ยวกับรัฐบาลเหรอครับ ที่คุณเข้าใจมาคุณเข้าใจว่ารัฐบาลสั่งให้ตำรวจไปฆ่าผู้ค้าเหรอครับ :shock:
พม่าเค้าซื้อใช้บริการไทยคม มาก่อนรัฐบาลทักกี้ ซะอีก
แล้วหลักการ ของ Exim แบงค์ เค้าก็ปล่อยกู้ให้ประเทศที่ยากจนกว่าดั่งเช่น ลาว และกัมพูชา ก็ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยเช่นกัน
พม่ามิได้ซื้อบริการไทยคมจากการได้วงเงินเพิ่ม แต่พม่าเลือกใช้วงเงินจาก exim bank ดังกล่าว(จากที่มีหลายวงเงิน) ในการชำระเงินหนี้ค่าไทยคม(ประมาณ 300 ล้าน) ซึ่งเป็นสิทธิของพม่าในการเลือกจะใช้วงเงินไหน
มีข้อสังเกตุว่า พม่าซื้อใช้ไทยคมก่อนทักกี้เป็นนายก และหลังทักกี้จึดอำนาจไปแล้ว พม่าก็ยังซื้อใช้อยู่ และในยุคสุรยุทธ์ ก็ยังมีการเพิ่มวงเงินให้พม่าอยู่เช่นกัน
และคดีฆ่าตัดตอนมันเกี่ยวอะไรกะดาวเทียมไทยคมด้วยเนี่ย
ฆ่าตัดตอนมันเป็นเรื่องของผู้ค้ารายใหญ่ฆ่าตัดตอนรายเล็กก่อนสาวถึงตัวเค้า มันเกี่ยวกับรัฐบาลเหรอครับ ที่คุณเข้าใจมาคุณเข้าใจว่ารัฐบาลสั่งให้ตำรวจไปฆ่าผู้ค้าเหรอครับ :shock:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 18
drama :lovl:
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- toro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 19
บทวิเคราะห์จาก กิมเอง ออกมาแล้วคับ
http://kelive.kimeng.co.th/kelive/Uploa ... hcom_t.pdf
เค้าบอกว่าประเมินมูลค่าหุ้นไม่ได้เหมือนกัน :lol:
http://kelive.kimeng.co.th/kelive/Uploa ... hcom_t.pdf
เค้าบอกว่าประเมินมูลค่าหุ้นไม่ได้เหมือนกัน :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 20
ถามจริงๆ ว่ามีใครอ่านคำตัดสินของศาลหรือยัง ครับ
ถ้ายัง ผมว่าลองไปอ่าน คำตัดสินของศาลก็น่าจะรู้นะว่า ผลที่จะกระทบกับ THCOM จะมีหรือไม่
ความเห็นประเภทนึกเอาเอง คิดเอง คิดว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรมากมั้งครับ
ถ้ายัง ผมว่าลองไปอ่าน คำตัดสินของศาลก็น่าจะรู้นะว่า ผลที่จะกระทบกับ THCOM จะมีหรือไม่
ความเห็นประเภทนึกเอาเอง คิดเอง คิดว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรมากมั้งครับ
นิยามของเกรแฮม
Marign Of Safety คือ "การทำให้การคาดการณ์อนาคตอย่างแม่นยำ เป็นเรื่องไม่จำเป็น"
Marign Of Safety คือ "การทำให้การคาดการณ์อนาคตอย่างแม่นยำ เป็นเรื่องไม่จำเป็น"
- NT
- Verified User
- โพสต์: 327
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 21
ในบทวิเคราะห์ก็ยังคิดว่าปีนี้จะยังขาดทุนอยู่..
แต่ในความเห็นผม กรณี ipstart คิดว่าฝ่ายรัฐผู้ที่เซ็นอนุมัติน่าจะเป็นจำเลย หลัก เพราะเอกชนยังไงก็ต้องทำตามรัฐอยู่แล้ว ความเสียหายในทางปฏิบัติน่าจะคำนวนยาก เพราะ ในเวลานั้น Capacity ของ ไทยคม 3 ยังเหลืออยู่ การมีหรือไม่มี ipstart ก็ไม่ได้ทำให้รัฐขาดรายได้ แต่น่าจะมีค่าปรับกรณียิง ipstart ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามสัญญา (แต่ก็ต้องชดเชยส่วนแบ่งรายได้ในส่วน ipstart ที่รัฐเคยได้)
ประเด็นดาวเทียมสำรอง ไม่แน่ใจว่าไทยคม 5 จะถือเป็นดาวเทียมสำรองได้หรือไม่ แต่คิดว่าไม่เพราะเป็นตัวทดแทนไทยคม 3 สุดท้ายผมคิดว่าอาจต้องยิงไทยคม 6 (อันที่จริงบริษัทก็ทำเรื่องขอยิงไทยคม 6 มาเป็นปีแล้วแต่มีเงื่อนไขขอขยายเวลาสัมปทานด้วย แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้..)
ปล. ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น.. ตัวเองมีอยู่และยังไม่ได้ขาย แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มต้องการรอราคาที่ stable กว่านี้
เอาใจช่วยบริษัทดาวเทียมของคนไทยหนึ่งเดียวที่มีอยู่ครับ (เพราะถือเกิน 51% โดยผู้ถือหุ้นรายย่อย)
แต่ในความเห็นผม กรณี ipstart คิดว่าฝ่ายรัฐผู้ที่เซ็นอนุมัติน่าจะเป็นจำเลย หลัก เพราะเอกชนยังไงก็ต้องทำตามรัฐอยู่แล้ว ความเสียหายในทางปฏิบัติน่าจะคำนวนยาก เพราะ ในเวลานั้น Capacity ของ ไทยคม 3 ยังเหลืออยู่ การมีหรือไม่มี ipstart ก็ไม่ได้ทำให้รัฐขาดรายได้ แต่น่าจะมีค่าปรับกรณียิง ipstart ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามสัญญา (แต่ก็ต้องชดเชยส่วนแบ่งรายได้ในส่วน ipstart ที่รัฐเคยได้)
ประเด็นดาวเทียมสำรอง ไม่แน่ใจว่าไทยคม 5 จะถือเป็นดาวเทียมสำรองได้หรือไม่ แต่คิดว่าไม่เพราะเป็นตัวทดแทนไทยคม 3 สุดท้ายผมคิดว่าอาจต้องยิงไทยคม 6 (อันที่จริงบริษัทก็ทำเรื่องขอยิงไทยคม 6 มาเป็นปีแล้วแต่มีเงื่อนไขขอขยายเวลาสัมปทานด้วย แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้..)
ปล. ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น.. ตัวเองมีอยู่และยังไม่ได้ขาย แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มต้องการรอราคาที่ stable กว่านี้
เอาใจช่วยบริษัทดาวเทียมของคนไทยหนึ่งเดียวที่มีอยู่ครับ (เพราะถือเกิน 51% โดยผู้ถือหุ้นรายย่อย)
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 22
คำตัดสินของศาล เป็๋นหน้าที่่ของเราที่ต้องยอมรับครับ เพราะระบบของไทยเป็นแบบนี้blueplanet เขียน:ผมฟังคำตัดสินค่อนข้างละเอียด
สิ่งที่ศาลตัดสินนั้นถุกต้อง
คนไทยต้องมีสติ และ ขยันหาความรู้
และเลือกทางที่ถูกต้อง
ต้องช่วยกันทำลายคนชั่ว คนโกง ฆาตกร
คน 2-3พันคนที่ตายในคดียาเสพติด เป็นความชั่วอย่างร้ายแรง
ของผู้มีอำนาจ
ตำรวจ และอัยการชั่วมีมากว่าครึ่ง
แต่ีการที่เราจะเชื่ออย่างไรเป็นสิทธิ์ของเราครับ
ข้อมูลอย่างเดียวกัน คนอาจมีมุมมองที่ต่างกันมากก็ได้ ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกันเสมอไป ไม่งั้นโลกก็คงไม่ก้าวหน้า
บัฟเฟต์เคยพูดว่า ถ้าทุกคนมีความเห็นและทำเหมือนกันหมด บางทีอาจจะมีบางคนไม่ได้ใช้่สมอง ไม่ได้ใช้่สติก็เป็นได้
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 23
ถูกต้องด้วยประการทั้งปวงnewbie_12 เขียน: ถูกใจ อย่างนี้ต้อง
+1000
นั่งฟัง 8 ชม. แถมอ่านอีก 2 รอบ
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ กม. อยู่ที่คนตีความ
กลุ้มจริง ๆ ประเทศไทย
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
ดาวเทียม จะเหมือนไอทีวีมั๊ย
โพสต์ที่ 24
ขอพยายามตอบแบบไม่การเมือง แต่ต้องอ้างการเมืองแบบไม่ใช่หลักกฎหมาย ผมใช้ motto ง่ายๆก็คือ "ทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง"
แต่การยึด THCOM ผมยังมองไม่เห็นว่าจะพยายามเสี่ยงทำไปเพื่ออะไร
- ถ้าเข้าใจไม่ผิดช่องสัญญาณของทีวีเสื้อสีใดๆก็ไม่ได้เช่าจากไทยคม ถึงยึดไปก็ไม่ได้ทำให้ปิดทีวีสีอะไรได้ (ดาวเทียมดวงอื่นๆที่ไม่ได้สัมปทานจากไทย ก็ยังมองเห็นในประเทศ)
- ผู้ถือหุ้นปัจจุับันก็ไม่ใช่กลุ่มชิน ไม่ได้ทำให้ใครเงินเพิ่มขึ้นหรือเงินลดลง
- สัญญาไทยคม มันถูกแก้โดยรัฐบาล ครม ไม่ได้เป็นในกรณีคณะอนุญาโตตุลาการ อย่างสมัย ITV คราวนี้อ้างยกเลิกมติย้อนหลัง แล้วสั่งปรับย้อนหลังแบบคราวก่อนยุ่งยากทางกฏหมายกว่ามากครับ
- การยึดอีกครั้ง อาจจะทำให้รัฐบาลเราผิดใจกับเทมาเส็กด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าเทมาเส็กมันเป็นเงินของรัฐบาลสิงค์โปร์โดยตรง ไม่ใช่เอกชนจากสิงค์โปร์ การสุ่มเสี่ยงทำอะไรถ้าน่าเกลียดมากๆ อาจจะมีปัญหากับสิงค์โปร์ได้เหมือนกับกับกัมพูชา
ในมุมกลับกัน มันก็มีโอกาสที่ THCOM จะโดนปรับหนักๆแล้วถึงกับยึด (ผมว่าโอกาสน้อยกว่า) ถ้าพยายามจะ fulfill เหตุผลที่ว่า "รัฐบาลที่แล้วขายสมบัติชาติ" ทั้งๆที่บริษัทไทยคมเป็นแค่คนบริหารช่องสัญญาณ ดาวเทียมเป็นของรัฐมาตั้งแต่เข้าสู่วงโคจรแล้ว
ปล 1. ไม่มีหุ้น 2.อย่ามาเหมาว่าผมเสื้อสีอะไร คนที่คิดไม่เหมือนสื่อกระแสอยากให้ทุกคนคิดไม่ได้แปลว่าเสื้อของเขามีสี
เห็นด้วยครับ แต่ในกรณีไทยคม ผมกลับมองว่าการยึดไม่ได้ให้ประโยชน์หรือโทษกับข้างไหนเหมือนสมัย ITV สมัย ITV ช่องสัญญาณโทรทัศน์ทั่วประเทศแบบนั้น มันยังถูกใช้เป็นกระบอกเสียงของอีกฝ่ายได้ การยึดแล้วเปลี่ยนมาให้ เนชั่นบริหาร กลายเป็นกระบอกเสียงของฝั่งรัฐบาลปชปได้ (สังเกตว่าแทบจะเป็นอย่างแรกที่รัฐบาลสุรยุทธทำ คือยึด ITV)poppo เขียน:เป้าหมายของประเทศเรา ไม่ใช่พัฒนาให้ประเทศเจริญไปข้างหน้า แต่เป็นการต้องการกวาดล้างสิ่งที่คนมีอำนาจคิดว่าไม่ดี และอาจสั่นคลอนอำนาจตนเอง
แต่การยึด THCOM ผมยังมองไม่เห็นว่าจะพยายามเสี่ยงทำไปเพื่ออะไร
- ถ้าเข้าใจไม่ผิดช่องสัญญาณของทีวีเสื้อสีใดๆก็ไม่ได้เช่าจากไทยคม ถึงยึดไปก็ไม่ได้ทำให้ปิดทีวีสีอะไรได้ (ดาวเทียมดวงอื่นๆที่ไม่ได้สัมปทานจากไทย ก็ยังมองเห็นในประเทศ)
- ผู้ถือหุ้นปัจจุับันก็ไม่ใช่กลุ่มชิน ไม่ได้ทำให้ใครเงินเพิ่มขึ้นหรือเงินลดลง
- สัญญาไทยคม มันถูกแก้โดยรัฐบาล ครม ไม่ได้เป็นในกรณีคณะอนุญาโตตุลาการ อย่างสมัย ITV คราวนี้อ้างยกเลิกมติย้อนหลัง แล้วสั่งปรับย้อนหลังแบบคราวก่อนยุ่งยากทางกฏหมายกว่ามากครับ
- การยึดอีกครั้ง อาจจะทำให้รัฐบาลเราผิดใจกับเทมาเส็กด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าเทมาเส็กมันเป็นเงินของรัฐบาลสิงค์โปร์โดยตรง ไม่ใช่เอกชนจากสิงค์โปร์ การสุ่มเสี่ยงทำอะไรถ้าน่าเกลียดมากๆ อาจจะมีปัญหากับสิงค์โปร์ได้เหมือนกับกับกัมพูชา
ในมุมกลับกัน มันก็มีโอกาสที่ THCOM จะโดนปรับหนักๆแล้วถึงกับยึด (ผมว่าโอกาสน้อยกว่า) ถ้าพยายามจะ fulfill เหตุผลที่ว่า "รัฐบาลที่แล้วขายสมบัติชาติ" ทั้งๆที่บริษัทไทยคมเป็นแค่คนบริหารช่องสัญญาณ ดาวเทียมเป็นของรัฐมาตั้งแต่เข้าสู่วงโคจรแล้ว
ปล 1. ไม่มีหุ้น 2.อย่ามาเหมาว่าผมเสื้อสีอะไร คนที่คิดไม่เหมือนสื่อกระแสอยากให้ทุกคนคิดไม่ได้แปลว่าเสื้อของเขามีสี