หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

:D มีคนถาม Growth งั้นขอลองถามValueStockบ้างครับ
มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมักเตา
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา

นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ  :8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

[quote="หมักเตา"]โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา

นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

:o avatarคุณหมักเตานี่รูปอะไรครับ?
Samathi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 259
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เห็นด้วยกับคุณหมักเตา ส่วนที่ยากมากๆคือเราจะทราบมูลค่าได้อย่่างไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมักเตา
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

picklife เขียน::o avatarคุณหมักเตานี่รูปอะไรครับ?
รูป :twisted: คร้าบ คุณ picklife

สมมติมีรถผีสิงสองคัน เจ้าของเดิมเพิ่งซื้อใหม่เอี่ยม แต่ถูกภรรยาเอาไม้กอล์ฟไล่ตีหัวแตกตายทั้งคู่ เฮี้ยนมาก
คันแรก เป็นโตโยต้า เอามาปล่อยในราคาแสนเดียว
คันที่สอง เป็นเฟอรารี่ตัวทอป เอามาปล่อยในราคาสิบล้าน
ถามว่าควรจะซื้อคันไหน ถึงจะเป็นรถวาลู?

สำหรับผมคงซื้อทั้งคู่ นิมนต์หลวงพ่อมาปัดรังควาญซะ
เก็บโตโยต้าไว้ใช้เอง ส่วนเฟอรารี่เอาไปขายต่อ คิดเหมือนกันมั๊ยครับ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

[quote="หมักเตา"]โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา

นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
Small Details Make a Big Difference
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="sai"][quote="หมักเตา"]โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา

นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

[quote="sai"]..เพราะ growth ก็คือ value ของกิจการ เลยยังแยกไม่ออกว่าหุ้นใดเป็นหุ้น growth หุ้นใดเป็นหุ้น value
neo_potato_Th
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1588
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เปรียบเทียบได้สุดยอดมากครับ :lol:

ผมว่ามันก็overlapกันแหละครับถ้าปีนึงเราหาที่มีคุณสมบัติทั้งgrowth+valueได้ซัก1ตัวเราก็สบายแล้ว :lol:  :lol:

Intrinsic value   -->  fair PE (เทียบกับgrowth+ประสบการณ์+เดา) คูณกับ EPS (forward)~~
หรือถ้าสามารถประมาณFCFได้เราก็ทำDCFกลับมาดีกว่าครับ  :D
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Diablo
Verified User
โพสต์: 822
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

[quote="หมักเตา"]โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา

นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

หมักเตา เขียน: รูป :twisted: คร้าบ คุณ picklife

สมมติมีรถผีสิงสองคัน เจ้าของเดิมเพิ่งซื้อใหม่เอี่ยม แต่ถูกภรรยาเอาไม้กอล์ฟไล่ตีหัวแตกตายทั้งคู่ เฮี้ยนมาก
คันแรก เป็นโตโยต้า เอามาปล่อยในราคาแสนเดียว
คันที่สอง เป็นเฟอรารี่ตัวทอป เอามาปล่อยในราคาสิบล้าน
ถามว่าควรจะซื้อคันไหน ถึงจะเป็นรถวาลู?

สำหรับผมคงซื้อทั้งคู่ นิมนต์หลวงพ่อมาปัดรังควาญซะ
เก็บโตโยต้าไว้ใช้เอง ส่วนเฟอรารี่เอาไปขายต่อ คิดเหมือนกันมั๊ยครับ?
อ้อเข้าใจคุณหมักเตาละ....จะสื่อว่า หุ้นมูลค่าไม่เกี่ยวกับราคาแต่เกี่ยวกับราคากับมูลค่าจึงยกมา2อย่าง

โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
-ประมาณของถูกมากแต่คุณภาพพอใช้ได้เลย

โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา
-ประมาณซื้อของราคากลางๆแต่คุณภาพระดบพรีเมี่ยมม

ใช่ไหมครับ อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

[quote="i_sarut"][quote="sai"][quote="หมักเตา"]โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา

นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

[quote="ส.สลึง"][quote="sai"]..เพราะ growth ก็คือ value ของกิจการ เลยยังแยกไม่ออกว่าหุ้นใดเป็นหุ้น growth หุ้นใดเป็นหุ้น value
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

:D ดังนั้นผมจะลองสรุปหมวดหมู่หุ้นนะครับ

1.TurnAround Stock
หุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่ราคาต่ำกว่าความไม่ดีนั้นมากๆซึ่งหุ้นตัวนี้อาจจะไม่เป็นValue Stock หรือเป้นก็ได้ เพราะหากหุ้นไร้ค่าเหมือนรถเก๋งเก่าผุๆแต่ถ้าราคาขายกัน2-3พันบาทก็คุ้มในการซื้อไปชั่งกิโลขายก้เป้นValue Stockได้

2.Circle Stock
คือหุ้นวัฐจักร ซึ่งเป็นเหมือนรถเก๋งเก่าๆ ถ้าในภาวะปกติคุณค่าไม่เยอะ ซื้อในราคา2-3หมื่นก็อาจจะแพงได้ แต่หากบางช่วงคนฮิตรถเก่ากันกลายเป้นของสะสมมูลค่าเป็นแสน การซื้อในราคาเดิมก็อาจเป็นValue Stockได้เช่นกัน

3.Divident Stock
คือหุ้นปันผล ถ้าเป็นรถก็น่าจะเป็นรถติดแก๊ส ยิ่งใช้ยิ่งได้เงิน รถดีไม่ดีไม่รู้ แต่จากที่วิ่ง1พันโลต้องจ่าย3พันบาท แต่กลับจ่ายแค่1พันบาท ก็ได้กำไร2พันบาทมาเป้นเงินสดๆ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตัง ซึ่งหากรถคันนี้เครื่องยนต์จะเจ้งสุดท้ายค่าน้ำมันที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าซ่อมก็เลือไม่มาก แต่หากเครื่องดีๆก็กำไรเหนาะๆและอาจจะเป็นValue Stockได้เช่นกัน

4.Growth Stock
คือหุ้นเติบโต อันนี้มะเทียบละกันครับเพราะกว่าข้อ3จะนึกได้แทบตายแถมไม่ตรงนัก อิอิ เอาเป้นว่ากำไรโต๊โต โตสูงมากๆ แต่หากราคามันแพงโครตๆก็ไม่เป็นValue Stock แต่หากราคากลางๆก้เป็นValue Stockได้

5.Value Stock
คือหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ฉันไม่สนว่าจะเป็นหุ้นลักษณะใด ราคาเท่าไหร่ แต่ขอให้ มูลค่า-ราคา แล้วเป้น+มากๆก้พอ ยิ่งมากยิ่งเป็น Value Stock ที่ดี

ดังนั้น หุ้นตัวหนึ่งที่เป็นหุ้น TurnAround  Circle  Divident  Growth  อาจจะเป็น Value Stock ด้วยก็ได้
แต่หุ้นValue Stock ไม่จำเป็นตัวใดตัวก็ได้ หรือจะเป็นตัวใดก็ได้ไม่สนใจทั้งนั้นขอแค่ ราคาต่ำกว่ามูลค่าก็พอใจแล้ว....

ซึ่งหัวใจของVIก็คือซื้อหุ้นValue Stock หรือหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามุลค่า ซึ่งอาจจะเป้น
TurnAround+Value Stock
Circle+Value Stock
Divident+Value Stock
Growth+Value Stock
ตัวใดก็ได้ไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น
เพียงแต่!!! คนที่เป็นVIที่โด่งดัง นิยม Divident+Value Stock  และ Growth+Value Stock หรือบางคนหาหุ้นดีๆที่เป็น
Divident+Growth+Value Stock  อันนั้นก็มีครับ

ซึ่งผมมองว่าVIคือศาสนาพุธ ซึ่งมีหลายๆนิกาย มีทั้งเน้น TurnAround Circle Divident Growth แต่ทุกๆนิกายก็มีหัวใจเดียวกันคือ...สอนให้คนเป็นคนดี.....ซึ่งนั้นก็คือซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามุลค่า.....


จากหางอึ่งที่มี....ประมวลผลมาได้เท่านี้ครับ.....เอามากระตุ้นเหล่าพี่ในTVIให้ช่วยเสนอแน๊ะ สอนสั่ง และขัดเกลาทัศนะคติความคิดด้วยคร๊าบบบบ

กรุณาวิจารณ์ด้วยขอรับ :bow:
DirB
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

[quote="picklife"]:D ดังนั้นผมจะลองสรุปหมวดหมู่หุ้นนะครับ

1.TurnAround Stock
หุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่ราคาต่ำกว่าความไม่ดีนั้นมากๆซึ่งหุ้นตัวนี้อาจจะไม่เป็นValue Stock หรือเป้นก็ได้ เพราะหากหุ้นไร้ค่าเหมือนรถเก๋งเก่าผุๆแต่ถ้าราคาขายกัน2-3พันบาทก็คุ้มในการซื้อไปชั่งกิโลขายก้เป้นValue Stockได้

2.Circle Stock
คือหุ้นวัฐจักร ซึ่งเป็นเหมือนรถเก๋งเก่าๆ ถ้าในภาวะปกติคุณค่าไม่เยอะ ซื้อในราคา2-3หมื่นก็อาจจะแพงได้ แต่หากบางช่วงคนฮิตรถเก่ากันกลายเป้นของสะสมมูลค่าเป็นแสน การซื้อในราคาเดิมก็อาจเป็นValue Stockได้เช่นกัน

3.Divident Stock
คือหุ้นปันผล ถ้าเป็นรถก็น่าจะเป็นรถติดแก๊ส ยิ่งใช้ยิ่งได้เงิน รถดีไม่ดีไม่รู้ แต่จากที่วิ่ง1พันโลต้องจ่าย3พันบาท แต่กลับจ่ายแค่1พันบาท ก็ได้กำไร2พันบาทมาเป้นเงินสดๆ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตัง ซึ่งหากรถคันนี้เครื่องยนต์จะเจ้งสุดท้ายค่าน้ำมันที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าซ่อมก็เลือไม่มาก แต่หากเครื่องดีๆก็กำไรเหนาะๆและอาจจะเป็นValue Stockได้เช่นกัน

4.Growth Stock
คือหุ้นเติบโต อันนี้มะเทียบละกันครับเพราะกว่าข้อ3จะนึกได้แทบตายแถมไม่ตรงนัก อิอิ เอาเป้นว่ากำไรโต๊โต โตสูงมากๆ แต่หากราคามันแพงโครตๆก็ไม่เป็นValue Stock แต่หากราคากลางๆก้เป็นValue Stockได้

5.Value Stock
คือหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ฉันไม่สนว่าจะเป็นหุ้นลักษณะใด ราคาเท่าไหร่ แต่ขอให้ มูลค่า-ราคา แล้วเป้น+มากๆก้พอ ยิ่งมากยิ่งเป็น Value Stock ที่ดี

ดังนั้น หุ้นตัวหนึ่งที่เป็นหุ้น TurnAround
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

แยกแยะยังไงหุ้นก็คือหุ้น

ซื้อเพราะคิดรอบแล้วว่าราคามันจะขึ้นไปอีกก็ซื้อ

ถ้าคิดรอบแล้วเป็นจริงก็รวยขึ้น ถ้าไม่จริงก็จนลง ถ้าจนลงก็ปล่อยวางลง ก็แค่นั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ดำ เขียน:แยกแยะยังไงหุ้นก็คือหุ้น

ซื้อเพราะคิดรอบแล้วว่าราคามันจะขึ้นไปอีกก็ซื้อ

ถ้าคิดรอบแล้วเป็นจริงก็รวยขึ้น ถ้าไม่จริงก็จนลง ถ้าจนลงก็ปล่อยวางลง ก็แค่นั้น
:o จริงครับหุ้นยังไงก็คือหุ้น....แต่การแยกแยะก็ทำให้เรารูว่าจุดไหนควรเน้นไม่ควรเน้น และหรือ สามารถเลือกแนวที่ชอบได้ ถ้าไม่แยกเลยก็เหมือนคนบอกว่าอาหารก็คืออาหาร แค่กินแล้วไม่ท้องเสียมีสารอาหารครบ ก็อยู่รอดได้แล้ว....อันนร้จริงครั้บมันคือสัจธรรมมันคือหัวใจครับ แต่เนื่องจากแต่ละคนมุมมองต่างกัน มีทรรศนคติต่างกัน อาหารการกินจึงต่างกัน ซึ่งหากเอาคนไทยไปกินเนยขนมปังเนื้อทุกๆวันก็รอดได้ครับ แต่คงมะอร่อย ถ้าไม่มีข้าวอิอิ

ดังนั้นผมมองว่าการเลือกแนวของหุ้นก็เช่นกันครับ บางคนเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมบางอย่างทำให้มีศัยภาพในการมองวงจรเศรฐกิจออกก็สามารถเล่นหุ้นวัฐจักรได้สำเร็จมาก แต่พอไปเล่นแนวอื่นกลับไม่ประสบความสำเร็จเพราะไปรบในสนามที่เราไม่รู้จัก หรือบางคนบอกว่าชอบหุ้นปันผลแต่กลับไปดูหุ้นกลุ่มที่เป็นเติบโตแทน ซึ่งถามว่าได้ไหมตอบว่าได้ครับ แต่มันไม่เต็มศัยภาพครับ

ซึ่งสำหรับนักเล่นหุ้นที่มีประสบการณ์มากๆ เขาก็จะรูว่าเขาชอบหุ้นแนวไหนและสามารถหาหุ้นได้ถูกกลุ่มได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับมือใหม่นั้น ถ้าปล่อยเข้ามาในโลกนักลงทุนโดยที่เราไม่พยายามทำเรื่องที่ไม่มีตัวตนให้มีตัวตนขึ้นมารองรับพวกเขาเหล่านั้นก็จะเคว้งครับ ดังนั้นผมว่าเพื่อให้เกิดการพัฒนาเราควรทำสิ่งไม่มีตัวตนให้มีตัวตนครับ ซึ่งสิ่งนี้ยากมากๆครับ แต่มันก็ดีกว่ามะไม่อะไรยึดนะครับ สร้างรูปแบบการลงทุนให้ชัดเจนขึ้นมาเพื่อนคนรุ่นหลังจะได้ไม่เสียเวลาไปตามหาสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่เอามาให้เขาเลือกเลยว่าชอบแนวไหน พอได้แนวที่ชอบก็โฟกัสไปในแนวที่ตัวชอบอย่างสุดวามสามารถ เช่นผมชอบหุ้นGrowthผมก็รู้ว่าควรจะดูที่กำไร ผมก็เริ่มศึกษาไล่จากหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรสูงสุดไล่ลงมาเรื่อยๆและหาหุ้นที่ชอบ ซึ่งในระหว่างนั้นผมก็จะค่อยๆรู้จักหุ้นในกลุ่มอื่นๆด้วยเช่นกัน ผมว่ามันจะเป็นการศึกษาอย่างมีเป้าหมายมากกว่าครับ.....และเมื่อถึงตอนที่ผมเลือกจริงๆหุ้นตัวนั้นอาจจะเป็นทั้ง turnaround circle divident growth และvalueในตัวเดียวกันได้นะครับ แต่!!!ประเด็นที่สำคัญคือจุโฟกัสที่สำคัญที่สุดที่เราเลือกหุ้นตัวนี้เพราะอะไรถ้าเพราะgrowth วันหนึ่งอัตรากำไรตกมาก เรากลับไม่ขายกลับไปมองว่ามันอาจจะturnaroundอีก หรืออาจจะเข้าช่วงcircleแล้ว หรืออะไรต่างๆนาๆ ซึ่งหากสมองรับไหวก็จะเป็นสุดยอดนักลงทุนครับ แต่ผมคงไม่ผมคงเน้นที่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น.....

ซึ่งหากลองสังเกตุสุดยอดนักลงทุนแต่ละคน เล่นหุ้นคนละแนวครับ มันคือความเหมือนที่แตกต่างครับ....ดังนั้นหากเราไม่รูว่าตัวตนเราจริงๆ ศัยะภาพของเราจริงๆ คือแนวไหนก็ลำบากนะครับ เป็นแบบแนวใดแนวหนึ่ง หรือสองแนว หรือผสมผสาน ผมว่าต่างกันนะครับ มากๆๆด้วยครับ เอาเทพๆdiv+growthมาเล่นหุ้นแนวTurnAroundอาจจะเจ้งก็ได้นะครับ อิอิ

:oops: อุ๊ย...ลืมตัวบ่นไปเรื่อย โทษทีครับ แฮ๊ๆ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมักเตา
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เห็นด้วยครับ ว่าการแยกประเภทจัดหมวดหมู่ ทำให้มือใหม่เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น จับจุดได้ง่ายขึ้น

ส่วนตัวผม ผมแยก 6 ประเภทตามปีเตอร์ ลินช์ ในหนังสือ One Up On Wall Street
1. โตช้า
2. โตปานกลางแต่มั่นคง
3. โตเร็ว
4. วัฏจักร (Cyclical  :wink: )
5. เทิร์นอะราวน์ด
6. ทรัพย์สินแฝง (Asset Play)

หุ้นทุกตัวเปลี่ยนประเภทไปๆ มาๆ ได้ แล้วแต่สภาวะบริษัทในขณะนั้น
บางตัวก็อยู่มากกว่าหนึ่งประเภทในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ 2-in-1 ไล่ไปจนถึง 4-in-1 พวกนี้เลยต้องมองแยกเป็นหลายๆ มุม

ตัวไหนจ่ายปันผล ก็มี dividend เป็นของแถม
ตัวไหนราคาถูกกว่ามูลค่า ก็เป็น value ทั้งนั้น  :D
DirB
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

:D
ใช่ครับสำหรับมือใหม่อย่างผม การจำแนกหุ้นแบบนี้ มันทำให้ผมจัดระเบียบทางความคิดได้ดีขึ้น ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น มองภาพรวมได้ชัดขึ้น ในการวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวครับ

ปล. ว่าแต่ลายเซ็นต์พี่ picklift ทำให้ผมคิดถึงลายเซ็นต์ของอีกท่านนึงจำไม่ได้ละว่าเห็นมาจากไหน แต่เค้าเขียนว่า " ตีลูกให้ถึงเวียง่จันทร์ แม้พลาดก็อยู่กลางเมืองลาว "    อ่านแล้วต้องแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว  :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ดำ เขียน:แยกแยะยังไงหุ้นก็คือหุ้น

ซื้อเพราะคิดรอบแล้วว่าราคามันจะขึ้นไปอีกก็ซื้อ

ถ้าคิดรอบแล้วเป็นจริงก็รวยขึ้น ถ้าไม่จริงก็จนลง ถ้าจนลงก็ปล่อยวางลง ก็แค่นั้น
น่าสนใจครับ แยกแยะยังไง หุ้นก็คือ หุ้น :)

เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง VI ก็คงมั่งคั่งได้ลำบาก
ประเด็นคือ VI มองหุ้นเหมือน...

บ้าน - บ้านของผม หรือว่าบ้านพี่ ก็คือบ้านเหมือนกัน แต่มูลค่าไม่เท่ากัน
เพราะทั้งพี่ และผม ให้คุณค่าของบ้านต่างกัน
แฟน - แฟนของผม หรือว่าแฟนของพี่ :la: แหะๆ แซวเล่นนะพี่ ....
(แต่ผมยังไม่มีแฟนนะครับ :8) )

ไม่แปลกใจครับถ้าพี่ดำจะสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากการเล่นรอบ
ผมก็มีพี่ที่รู้จักทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากรอบแต่ละรอบได้
ซึ่งพี่เขาอธิบายยังไงผมก็ไม่เข้าใจ แฮ :)

และก็ยินดีรับฟังความคิดเห็นของพี่ดำนะพี่ :)

ซึ่งความแตกต่างของแนวทางปฏิบัติ บางทีอาจจะอยู่ที่จุดเริ่มต้น ที่...
ทัศนะคติ ของตัวเราที่มองตลาดทุน :)

เพราะเรามองหุ้นต่างกัน แนวทาง และวิธีการก็เลยต่างกันครับ

แต่ถ้าคิดว่าจนลงแล้วค่อยปล่อยวาง
ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ คนเรา ปล่อยวางได้ทุกวัน
โดยไม่จำกัดว่า วันนี้เรารวย หรือว่าเราจน :wink:

เพราะการวางที่แท้
คือการวาง กิเลส ตัณหา อัตตา ในตัวตนของเราครับ
ดังนั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจน ถ้าวางแล้ว
จิตใจก็จะโปร่งเบา โล่งสบายได้ พอๆ กัน :wink:
chavanakorn
Verified User
โพสต์: 191
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ผมคิดว่าสำหรับทุกคนแล้วก็ควรมีหลักการกว้างๆในการเลือกลงทุนในบริษัทต่างๆคล้ายๆกัน ซึ่งแนวทาง vi ก็เป็นเหมือนกรอบในการลงทุนโดยมีปรมาจารย์ทางด้านการลงทุนได้สร้างมันขึ้นมา คือลงทุนในบริษัทที่คุณคิดว่ามูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง หลังจากนั้นก็มีผู้นำไปใช้และได้เพิ่มหลักการจากการพัฒนาในแต่ละแนวทางขึ้นมาเช่นการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโต การลงทุนในบริษัทที่มีผลกำไรมั่นคง เป็นอีกสองแนวทางที่พัฒนาขึ้นมา ซึ่ง ณ จุดนี้ผมก็คิดว่าการวิเคราะห์ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากโดยรวมแล้วเราก็วิเคราะห์ความมั่นคงและเป็นไปในกำไรของบริษัท ไม่ว่าเราจะแยกแยะออกมามากขนาดไหนก็ย่อมใช้วิธีการคล้ายๆกันในการวิเคราะห์ แต่กระบวนการเชิงความคิดในการวิเคราะห์เท่านั้นที่ต่างกัน ถ้าเราจะลองมองดูจากผู้รู้ในเวปแห่งนี้เราก็จะเห็นวิธีคิดที่แตกต่างของเหล่าบรรดาผู้รู้ในการวิเคราะห์บริษัท บางท่านสนใจในบริษัทที่กำไรมั่นคง มีการจ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ โดยมองการเติบโตของบริษัทและราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นของแถมสำหรับการลงทุน แต่บางท่านก็สนใจการเติบโตของผลกำไร เป็นหลัก โดยมองปันผลที่ได้ต่อปีเป็นของแถม ซึ่งสำหรับผมแล้วสำหรับการลงทุนก็มีบริษัทอยู่สามแบบเท่านั้นในมุมมองของผม คือบริษัทที่กำไรโต กำไรสม่ำเสมอ และกำไรกำลังตกต่ำ
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
โพสต์โพสต์