ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 1
ตอนนี่ 1
ขออนุญาติสรุปส่วนที่สำคัญที่สุดไม่เรียงตามลำดับการหลังที่ท่านอาจารย์นิเวศ ช่วยให้ความรู้นะครับ อาจต้องขอใช้เป็นภาษาคำพูด ผิดถูกประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ เริ่มจาก
คำถาม อาจารย์มีแนวทางการเลือกหุ้นในการลงทุนอย่างไร
อาจารย์นิเวศตอบ 1.ผมพยายามมองไปรอบๆตัวว่ามีอะไรสัมพันธ์กับหุ้นบ้าง พยายามคิดว่าในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เราต้องเจอกับอะไร แล้วอะไรที่เป็นโอกาสในการลงทุน
2.บริษัทนั้นมันดียังไง ธุรกิจมันดีขึ้นไหม เช่นเราลงทุนในโรงพยาบาล คนไข้เยอะไหม เปิดสาขาไหม บริการดีไหม หรืออย่าง 7-11สาขาเพิ่มขึ้นไหม สินค้าในร้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คนเข้าเยอะไหม เป้นต้น
3.แล้วก็วิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทำให้บริษัทหรือธุรกิจนั้นๆเติบโต มันเติบโตจริงๆหรือโตหลอกๆชั่วคราว เติบโตแข็งแรงไหม อย่างกรณี 7-11 ผมชอบกรณีพนักงานของร้านนี้ที่มีบริการที่ดีมาก อบรมมาอย่างดี ต่างจากที่อื่นๆ (อาจารย์ก็แอบเฉลยมาว่าต้นทุนอาจารย์มีอยู่ราวๆ 7 บาท)
4.มองศักยภาพในอนาคตว่าอีก 5-10 ปีจะยังดีอยู่หรือเปล่า ยังมีช่องทางให้เติบโตหรือมีโครงสร้างธุรกิจที่รองรับชีวิตประจำวันในอนาคตขนาดไหน
5.พอสนใจแล้วก็ค่อยมาดูตัวเลขคราวๆว่ากำไรแต่ละปีเป็นอย่างไร พอตรงๆกับที่เราคิดไว้หรือไม่ แต่ผมไม่ค่อยติดในกรณี พีอี สูงๆเท่าไหรดูศักยภาพรวมๆมากกว่า
6.สุดท้ายก่อนซือ้หุ้นนี่แระ เราถึงจะมาเจาะลงไปลึกๆเลยผมดูงบย้อนหลังตาม Q เลยย้อนไปซัก 10 ปี ว่ามันกำไรไหม มีขาดทุนไหม ถ้าขาดทุนขาดทุนจากอะไร ฉะนั้นการเลือกหุ้นที่เข้าตลาดใหม่ๆอย่าพึ่งไว้ใจเพราะ ตามแนวคิดทฤษฏีต่างๆมันยังไม่ตกผลึกพอที่จะวิเคราะห์ได้ อย่างกรณีพวกพัฒนาอสังหาฯดูย้อนหลังไปได้ 5 ปีก็ไม่พอเมือ่ก่อน LH มันเป็นเบอร์ 1 5ถ้าดูย้อยหลังแค่นี้ก็มองว่าคงเป็น 1 ตลอด แล้วอยู่ดีดี PS ก็โผล่มาล้มแชมป์แสดงว่างบแค่ 5 ปี อาจยังดูได้ไม่พอ แล้วมันก็ยังไม่ชัดว่าจุดแข็งแต่ละรายมันคืออะไร บอกว่า เน้นราคาถูก ก็เห็นว่าทุกรายมันก็ถูกหมดไม่มีใครทำบ้านที่ต้นทุนต่ำๆได้แท้จริง
คำถาม ช่วงนี้หลักสั้นๆจะเลือกหุ้นแนวไหนดีอาจารย์นิเวศตอบ ผมก็มองแค่ว่ามันได้ปันผล 6-7%แล้วจ่ายสม่ำเสมอ ไม่ลดลงก็โอเคแล้ว ตอนนี้จะไปหาหุ้นที่จ่ายปันผลดี กิจการเติบโต ธุรกิจสอดคล้องกับอนาคต มันหาไม่ค่อยได้แล้ว เจอก็ราคาไปไกลแล้ว
ขออนุญาติสรุปส่วนที่สำคัญที่สุดไม่เรียงตามลำดับการหลังที่ท่านอาจารย์นิเวศ ช่วยให้ความรู้นะครับ อาจต้องขอใช้เป็นภาษาคำพูด ผิดถูกประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ เริ่มจาก
คำถาม อาจารย์มีแนวทางการเลือกหุ้นในการลงทุนอย่างไร
อาจารย์นิเวศตอบ 1.ผมพยายามมองไปรอบๆตัวว่ามีอะไรสัมพันธ์กับหุ้นบ้าง พยายามคิดว่าในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เราต้องเจอกับอะไร แล้วอะไรที่เป็นโอกาสในการลงทุน
2.บริษัทนั้นมันดียังไง ธุรกิจมันดีขึ้นไหม เช่นเราลงทุนในโรงพยาบาล คนไข้เยอะไหม เปิดสาขาไหม บริการดีไหม หรืออย่าง 7-11สาขาเพิ่มขึ้นไหม สินค้าในร้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คนเข้าเยอะไหม เป้นต้น
3.แล้วก็วิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทำให้บริษัทหรือธุรกิจนั้นๆเติบโต มันเติบโตจริงๆหรือโตหลอกๆชั่วคราว เติบโตแข็งแรงไหม อย่างกรณี 7-11 ผมชอบกรณีพนักงานของร้านนี้ที่มีบริการที่ดีมาก อบรมมาอย่างดี ต่างจากที่อื่นๆ (อาจารย์ก็แอบเฉลยมาว่าต้นทุนอาจารย์มีอยู่ราวๆ 7 บาท)
4.มองศักยภาพในอนาคตว่าอีก 5-10 ปีจะยังดีอยู่หรือเปล่า ยังมีช่องทางให้เติบโตหรือมีโครงสร้างธุรกิจที่รองรับชีวิตประจำวันในอนาคตขนาดไหน
5.พอสนใจแล้วก็ค่อยมาดูตัวเลขคราวๆว่ากำไรแต่ละปีเป็นอย่างไร พอตรงๆกับที่เราคิดไว้หรือไม่ แต่ผมไม่ค่อยติดในกรณี พีอี สูงๆเท่าไหรดูศักยภาพรวมๆมากกว่า
6.สุดท้ายก่อนซือ้หุ้นนี่แระ เราถึงจะมาเจาะลงไปลึกๆเลยผมดูงบย้อนหลังตาม Q เลยย้อนไปซัก 10 ปี ว่ามันกำไรไหม มีขาดทุนไหม ถ้าขาดทุนขาดทุนจากอะไร ฉะนั้นการเลือกหุ้นที่เข้าตลาดใหม่ๆอย่าพึ่งไว้ใจเพราะ ตามแนวคิดทฤษฏีต่างๆมันยังไม่ตกผลึกพอที่จะวิเคราะห์ได้ อย่างกรณีพวกพัฒนาอสังหาฯดูย้อนหลังไปได้ 5 ปีก็ไม่พอเมือ่ก่อน LH มันเป็นเบอร์ 1 5ถ้าดูย้อยหลังแค่นี้ก็มองว่าคงเป็น 1 ตลอด แล้วอยู่ดีดี PS ก็โผล่มาล้มแชมป์แสดงว่างบแค่ 5 ปี อาจยังดูได้ไม่พอ แล้วมันก็ยังไม่ชัดว่าจุดแข็งแต่ละรายมันคืออะไร บอกว่า เน้นราคาถูก ก็เห็นว่าทุกรายมันก็ถูกหมดไม่มีใครทำบ้านที่ต้นทุนต่ำๆได้แท้จริง
คำถาม ช่วงนี้หลักสั้นๆจะเลือกหุ้นแนวไหนดีอาจารย์นิเวศตอบ ผมก็มองแค่ว่ามันได้ปันผล 6-7%แล้วจ่ายสม่ำเสมอ ไม่ลดลงก็โอเคแล้ว ตอนนี้จะไปหาหุ้นที่จ่ายปันผลดี กิจการเติบโต ธุรกิจสอดคล้องกับอนาคต มันหาไม่ค่อยได้แล้ว เจอก็ราคาไปไกลแล้ว
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ตอนที่ 2
โพสต์ที่ 2
จากนั้นก็ขอสรุปหุ้นแต่ละตัวที่อาจารย์แสดงความคิดเห็นตามที่ผู้เข้าร่วมงานได้ถามมาตามนี้ครับ
MAKCO อาจารย์มองว่ามาจิ้นบาง กิจการก็เติบโตช้า แต่ข้อดีของมันก็คือ ผู้บริการค่อนข้างดูแลผู้ถือหุ้นดี เรื่องธรรมาภิบาลใช้ได้ จ่ายปันผลสูงสม่ำเสมอ
MBK ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้บริหารเองโดยตรงเลยปันผลได้เยอะได้ใจเมือ่เทียบกับกลุ่ม และหุ้นตัวนี้มันมีมูลค่าแฝงเยอะ อย่างไปถือหุ้นสยามพารากอน 15% หุ้นสยามเซ็นเตอร์ 30% แล้วก็ถือุห้นในเสรีเซ็นเตอร์อีก รวมทั้งยังมีหุ้นใน SCIB อีก ซึ่งสอบถามผู้บริหารก็แจ้งว่าในส่วนหุ้น scib คงขายออกแน่นอน น่าจะได้เงินกลับคืนมาประมาณ 1500ล้านบาท ส่วนที่คนกังวลว่ามันไม่ได้เป้นเช้าของที่ตรง MBK โดยตรงเพียงแต่เซ้งมา อาจารย์มองว่าก้ไม่มีปัญหาเพราะเป็นการเช่าระยะยาว แล้วที่เช่ามันก็ใช้หารายได้ได้
CPN เป็นอีกตัวที่มันมีมูลค่าแฝงเยอะเหมือนกันเพราะที่ดินที่กลุ่มนี้มี อยู่ในทำเลดีมาก แต่ราคาปัจจุบันของตัวนี้ก็ราคาไม่ถูก และปันผลน้อยมาก
IT อันนี้เป็นอีกตัวที่อาจารย์ก็มองว่าโตได้เรื่อย ตามจังหวัดใหญ่ๆก็ยังมีสาขาน้อยอยู่ อาจารย์มองว่าจริงๆแล้วทุกบริษัทมันก็น่าจะมีสาขาของ it city ได้ การใช้อุปกรณ์ it ในไทยยังน้อยอยู่ และสินค้า it ราคาก็ลดลงมามากใครๆก็ซื้อใช้ได้ แต่ปัญหาของธุรกิจนี้ก็คือ IT ยังมีคู่แข่งเยอะ รายใหม่ๆเข้ามาในธุรกิจได้ง่าย ต่างจาก CPALL ที่โตแบบคนอื่นแข่งไมได้หรือเข้ามาแข่งกับ CPALL ได้ยากมาก
AOT อาจารย์มองว่าถ้าไม่ใช่รัฐวิสหกิจจะถูกมากๆ หนี้สิ้นของบริษัทอาจารย์มองว่าก็ปกติถือว่าปกติไม่สูงอะไรมากมายเป็นไปตามธุรกิจปกติ มาร์เกตแคปใหญ่มากๆ แคชโฟลมีไม่ต้องใช้เงินในการดูแลรักษาทรัพย์สินมากๆ แต่ข้อเสียก็คือมันเป็นธุรกิจที่นักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่อนข้างมาก ผู้บริหารอาจารย์ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ
THAI อันนี้หนี้มันเยอะเกินไป กำไรแต่ละปีซื้อเครื่องใหม่ก็กินเรียบไม่ตกถึงผู้ถือหุ้น ถึงมันจะถูกจริงก็ลงทุนยาวๆลำบาก
CENTEL อันนี้ก็ถูกแต่ยังไม่มีสตอรี่เรื่องกำไรก็รอไปก่อน เอาไปซื้อตัวอื่นที่มีกำไรก่อนดีกว่า
BAFS อันนี้อาจารย์ก็สนใจเพราะมันโตได้พอพอกับ AOT โตปีละ 7-8% ปันผลก็ใช้ได้ การลงทุนไม่เยอะเท่าไหร
NBC อาจารย์มองกว่า แข่งขันรุนแรงแตกต่างจากในอดีตที่มีแค่ไม่กี่ช่อง ตอนนี้เคเบิลเยอะมาก ธุรกิจลำบากทำแล้วเหนื่อย ตอนนี้ที่ฟรีทีวีตังอยู่ได้ขึ้นค่าโฆษณาได้เพราะคนรุ่นเราๆกับรุ่นเก่าๆยังเคยชินกดอยู่ไม่กี่ช่องแต่อนาคตก็ลำบากเด็กรุ่นใหม่ๆ ดูเคเบิลมากขึ้น รายการเยอะ แถมยังมีพวกทีวีสีเหลือ สีแดง ก็แบงคนดูไปคนละนึดคนละหน่อยมันกระจัดกระจายไปหมดคนละหน่อย
ROBIN อันนี้คล้ายๆแม็คโครคือโคเรื่อยๆ ช้าๆ ไปได้เรือ่ยๆ แบรด์ห้างก็ 2-3 ในกทม ในต่างจังหวัดก็แบรด์นก็ค่อยข้างแข็งแรงดี หนี้ไม่ค่อยมี แต่ราคาก็แพง
MAKCO อาจารย์มองว่ามาจิ้นบาง กิจการก็เติบโตช้า แต่ข้อดีของมันก็คือ ผู้บริการค่อนข้างดูแลผู้ถือหุ้นดี เรื่องธรรมาภิบาลใช้ได้ จ่ายปันผลสูงสม่ำเสมอ
MBK ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้บริหารเองโดยตรงเลยปันผลได้เยอะได้ใจเมือ่เทียบกับกลุ่ม และหุ้นตัวนี้มันมีมูลค่าแฝงเยอะ อย่างไปถือหุ้นสยามพารากอน 15% หุ้นสยามเซ็นเตอร์ 30% แล้วก็ถือุห้นในเสรีเซ็นเตอร์อีก รวมทั้งยังมีหุ้นใน SCIB อีก ซึ่งสอบถามผู้บริหารก็แจ้งว่าในส่วนหุ้น scib คงขายออกแน่นอน น่าจะได้เงินกลับคืนมาประมาณ 1500ล้านบาท ส่วนที่คนกังวลว่ามันไม่ได้เป้นเช้าของที่ตรง MBK โดยตรงเพียงแต่เซ้งมา อาจารย์มองว่าก้ไม่มีปัญหาเพราะเป็นการเช่าระยะยาว แล้วที่เช่ามันก็ใช้หารายได้ได้
CPN เป็นอีกตัวที่มันมีมูลค่าแฝงเยอะเหมือนกันเพราะที่ดินที่กลุ่มนี้มี อยู่ในทำเลดีมาก แต่ราคาปัจจุบันของตัวนี้ก็ราคาไม่ถูก และปันผลน้อยมาก
IT อันนี้เป็นอีกตัวที่อาจารย์ก็มองว่าโตได้เรื่อย ตามจังหวัดใหญ่ๆก็ยังมีสาขาน้อยอยู่ อาจารย์มองว่าจริงๆแล้วทุกบริษัทมันก็น่าจะมีสาขาของ it city ได้ การใช้อุปกรณ์ it ในไทยยังน้อยอยู่ และสินค้า it ราคาก็ลดลงมามากใครๆก็ซื้อใช้ได้ แต่ปัญหาของธุรกิจนี้ก็คือ IT ยังมีคู่แข่งเยอะ รายใหม่ๆเข้ามาในธุรกิจได้ง่าย ต่างจาก CPALL ที่โตแบบคนอื่นแข่งไมได้หรือเข้ามาแข่งกับ CPALL ได้ยากมาก
AOT อาจารย์มองว่าถ้าไม่ใช่รัฐวิสหกิจจะถูกมากๆ หนี้สิ้นของบริษัทอาจารย์มองว่าก็ปกติถือว่าปกติไม่สูงอะไรมากมายเป็นไปตามธุรกิจปกติ มาร์เกตแคปใหญ่มากๆ แคชโฟลมีไม่ต้องใช้เงินในการดูแลรักษาทรัพย์สินมากๆ แต่ข้อเสียก็คือมันเป็นธุรกิจที่นักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่อนข้างมาก ผู้บริหารอาจารย์ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ
THAI อันนี้หนี้มันเยอะเกินไป กำไรแต่ละปีซื้อเครื่องใหม่ก็กินเรียบไม่ตกถึงผู้ถือหุ้น ถึงมันจะถูกจริงก็ลงทุนยาวๆลำบาก
CENTEL อันนี้ก็ถูกแต่ยังไม่มีสตอรี่เรื่องกำไรก็รอไปก่อน เอาไปซื้อตัวอื่นที่มีกำไรก่อนดีกว่า
BAFS อันนี้อาจารย์ก็สนใจเพราะมันโตได้พอพอกับ AOT โตปีละ 7-8% ปันผลก็ใช้ได้ การลงทุนไม่เยอะเท่าไหร
NBC อาจารย์มองกว่า แข่งขันรุนแรงแตกต่างจากในอดีตที่มีแค่ไม่กี่ช่อง ตอนนี้เคเบิลเยอะมาก ธุรกิจลำบากทำแล้วเหนื่อย ตอนนี้ที่ฟรีทีวีตังอยู่ได้ขึ้นค่าโฆษณาได้เพราะคนรุ่นเราๆกับรุ่นเก่าๆยังเคยชินกดอยู่ไม่กี่ช่องแต่อนาคตก็ลำบากเด็กรุ่นใหม่ๆ ดูเคเบิลมากขึ้น รายการเยอะ แถมยังมีพวกทีวีสีเหลือ สีแดง ก็แบงคนดูไปคนละนึดคนละหน่อยมันกระจัดกระจายไปหมดคนละหน่อย
ROBIN อันนี้คล้ายๆแม็คโครคือโคเรื่อยๆ ช้าๆ ไปได้เรือ่ยๆ แบรด์ห้างก็ 2-3 ในกทม ในต่างจังหวัดก็แบรด์นก็ค่อยข้างแข็งแรงดี หนี้ไม่ค่อยมี แต่ราคาก็แพง
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณ คุณ champ_st
หลักคิดที่ดีและได้รับการพิสูจน์แล้วสำคัญที่สุด
แม้บางคนอาจจะรู้แล้ว แต่ก็ควรทบทวนหลักคิดที่ถูกต้องไว้
ถ้าหลักคิดผิด ทุกอย่างจะผิดหมด
หลักคิดที่ดีและได้รับการพิสูจน์แล้วสำคัญที่สุด
แม้บางคนอาจจะรู้แล้ว แต่ก็ควรทบทวนหลักคิดที่ถูกต้องไว้
ถ้าหลักคิดผิด ทุกอย่างจะผิดหมด
Blueplanet
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ตอนที่3
โพสต์ที่ 4
HMPRO เทียบกับ โรบินสันเมือ่ก่อน โรบินสันมันเหนือกว่าตลอดแต่หลังๆโฮมโปรก็มาแซงได้เพราะการบริการ การจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพ ดูกำไรย้อยหลังโตขึ้นตลอดถึงจะช้าๆแต่พอหลังๆเพราะการจัดการที่ดีเลยโตด้วยอัตราเร่ง
BIGC น่าสนใจตรงที่มีรายได้จากค่าเช่า ซึ่งมันจะเพิ่มได้ประมาณปีละ 4-5% ดดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยขึ้นค่าเช่าอย่างเดี่ยว ที่เป็นหุ้นแนวค่าเช่าที่น่าสนใจก็ CPN ROBIN ซึ่งโตโดยไม่ต้องลงทุนเท่าไหร แต่ bigc มันยังมีแวลู เพิ่มมาจากการพัฒนาที่ดินถูกๆที่ตัวเองไปสร้างแล้วสร้างกำไรขึ้นมา จากจากรายอื่นๆที่พยายามพัฒนาในย่านที่เจริญแล้วเป้นส่วนใหญ่
MAJOR SF CAWOW ธุรกิจมันไม่ค่อยแน่นอน อารมณ์คน พฤติกรรมคนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไปดูย้อนหลัง 5 ปีกำไรก็ไม่ได้โตอะไรเท่าไหร่เลยไม่ค่อยชอบ
BLA อาจารย์มองว่ามันแพง ถึงคนอื่นจะว่ามันถูกมีโอกาสโตแบบมหาศาล เพราะอาจารย์มองว่าคู่แข่งก็เห็นเข้ามาทำตรงนี้การมากขึ้นแทบจะทุกธนาคาร กำไรส่วนหนึ่งก็คืออาเงินไปลงทุน มันก้จะทำอะไรหวือหวามากไม่ได้เพราะมันก็มีกฏหมายคุมลงไปอีก จำนวนคนทำประกันเพิ่มก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะถ้าเป็นลูกค้าแบงค์ไหนก็มันเสร็จแบงค์นั้น โตก็ราวๆ 15% ถึงจะมองว่าในต่างประเทศแต่ละคนมีมีประกันคนละหลายๆฉบับ แต่ในไทยมันยังไม่ถึงขั้นนั้นไม่รู้จะได้เห็นไหมเพราะไม่รุ้จะเอาเงินมาจากไหนคนก็ไม่ค่อยสนใจ แบบประเทศที่พัฒนาแล้วที่ทำเพื่อคุมความเสี่ยง
SAT ตัวนี้มันขายยาง เป็นคอมโมมากๆ ถ้าจะเล่นก็เล่นตามรอบไป อาจารย์มองว่า ระบบมนดีจริงไหมตรวจสอบได้ขนาดไหน เช่นไปซื้อยางตามสวน ชาวสวนก็คงไม่ได้สนใจบิลอะไรเท่าไหร มันอาจหมกเม็ดได้ ก็เลยต้องมองยาวๆที่ว่ากำไรโตพรวดๆที่เค้าว่ากัน นี่มันจ่ายปันผลพรวดๆด้วยหรือเปล่า
STANLY อันนี้ก็คือว่าดีเมือ่เทียบกันในอุตสหกรรม เพราะไทยมีศักยภาพในการเติบโตด้านรถยนต์ รัฐบาลก็สนับสนุน พวกอีโคคาร์ FTA ก็น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะมีการย้ายฐานมาผลิตที่ไทย แต่ถ้ามองมันก็อยู่ในธุรกิจโรงงานเหนื่อยเหมือนกันเวลาลงทุนด้วย กำไรก็เอาไปสร้างโรงงาน ขยายการผลิต เงินสดเลยไม่ค่อยมี ปันผลก็เลยไม่ค่อยมาก
IRC ก็มองว่าราคายางก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆตามวัฏจัก ผู้บริการมองกำไร ก็ไม่ค่อยพลาด ถือว่า IRC เก่งมากๆอยู่ในธุรกิจที่เหนื่อยแต่ก็ยังทำได้ดี กำไรที่ได้ราคาก้ยังไม่ตอบรับเท่าไหรส่วนหนึงก็เพราะอย่างที่บอกปันผลไม่สูง จุดที่น่าสนใจอีกคือ FTA น่าจะทำให้มีการส่งออกมากขึ้นเพราะเมื่อก่อนส่งไปโดนภาษีแล้วมันไม่คุ้ม ตอนนี้มัน 0% ก็น่าจะส่งออกแล้วคุ้ม น่าจะเพิ่มได้ซัก 5%
QLT ,TNDT ก็ถือว่าพอใช้แต่ศักยภาพมันก็จำกัดจะโตมากๆหวือหวาคงลงลดไปเรือ่ยๆ แต่ก็ดูว่ามันอยู่ในกลุ่มรับจ้างทำงานจะไปต่อรองเอากำไรสูงๆมากๆก็ไม่ได้เพราะ เจ้าของโครงการใหญ่ๆก็คงกดราคาได้ไม่ให้มันสูงเกินไป อำนาจต่อรองมีเยอะ
ESWT ดีใจแง่ของการเติบโต ขึ้นค่าน้ำแต่ก็ระวังเรื่องอนาคตน้ำมันลดลงเปลี่ยนแปลงไปจะกระทบอะไรไหม
BIGC น่าสนใจตรงที่มีรายได้จากค่าเช่า ซึ่งมันจะเพิ่มได้ประมาณปีละ 4-5% ดดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยขึ้นค่าเช่าอย่างเดี่ยว ที่เป็นหุ้นแนวค่าเช่าที่น่าสนใจก็ CPN ROBIN ซึ่งโตโดยไม่ต้องลงทุนเท่าไหร แต่ bigc มันยังมีแวลู เพิ่มมาจากการพัฒนาที่ดินถูกๆที่ตัวเองไปสร้างแล้วสร้างกำไรขึ้นมา จากจากรายอื่นๆที่พยายามพัฒนาในย่านที่เจริญแล้วเป้นส่วนใหญ่
MAJOR SF CAWOW ธุรกิจมันไม่ค่อยแน่นอน อารมณ์คน พฤติกรรมคนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไปดูย้อนหลัง 5 ปีกำไรก็ไม่ได้โตอะไรเท่าไหร่เลยไม่ค่อยชอบ
BLA อาจารย์มองว่ามันแพง ถึงคนอื่นจะว่ามันถูกมีโอกาสโตแบบมหาศาล เพราะอาจารย์มองว่าคู่แข่งก็เห็นเข้ามาทำตรงนี้การมากขึ้นแทบจะทุกธนาคาร กำไรส่วนหนึ่งก็คืออาเงินไปลงทุน มันก้จะทำอะไรหวือหวามากไม่ได้เพราะมันก็มีกฏหมายคุมลงไปอีก จำนวนคนทำประกันเพิ่มก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะถ้าเป็นลูกค้าแบงค์ไหนก็มันเสร็จแบงค์นั้น โตก็ราวๆ 15% ถึงจะมองว่าในต่างประเทศแต่ละคนมีมีประกันคนละหลายๆฉบับ แต่ในไทยมันยังไม่ถึงขั้นนั้นไม่รู้จะได้เห็นไหมเพราะไม่รุ้จะเอาเงินมาจากไหนคนก็ไม่ค่อยสนใจ แบบประเทศที่พัฒนาแล้วที่ทำเพื่อคุมความเสี่ยง
SAT ตัวนี้มันขายยาง เป็นคอมโมมากๆ ถ้าจะเล่นก็เล่นตามรอบไป อาจารย์มองว่า ระบบมนดีจริงไหมตรวจสอบได้ขนาดไหน เช่นไปซื้อยางตามสวน ชาวสวนก็คงไม่ได้สนใจบิลอะไรเท่าไหร มันอาจหมกเม็ดได้ ก็เลยต้องมองยาวๆที่ว่ากำไรโตพรวดๆที่เค้าว่ากัน นี่มันจ่ายปันผลพรวดๆด้วยหรือเปล่า
STANLY อันนี้ก็คือว่าดีเมือ่เทียบกันในอุตสหกรรม เพราะไทยมีศักยภาพในการเติบโตด้านรถยนต์ รัฐบาลก็สนับสนุน พวกอีโคคาร์ FTA ก็น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะมีการย้ายฐานมาผลิตที่ไทย แต่ถ้ามองมันก็อยู่ในธุรกิจโรงงานเหนื่อยเหมือนกันเวลาลงทุนด้วย กำไรก็เอาไปสร้างโรงงาน ขยายการผลิต เงินสดเลยไม่ค่อยมี ปันผลก็เลยไม่ค่อยมาก
IRC ก็มองว่าราคายางก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆตามวัฏจัก ผู้บริการมองกำไร ก็ไม่ค่อยพลาด ถือว่า IRC เก่งมากๆอยู่ในธุรกิจที่เหนื่อยแต่ก็ยังทำได้ดี กำไรที่ได้ราคาก้ยังไม่ตอบรับเท่าไหรส่วนหนึงก็เพราะอย่างที่บอกปันผลไม่สูง จุดที่น่าสนใจอีกคือ FTA น่าจะทำให้มีการส่งออกมากขึ้นเพราะเมื่อก่อนส่งไปโดนภาษีแล้วมันไม่คุ้ม ตอนนี้มัน 0% ก็น่าจะส่งออกแล้วคุ้ม น่าจะเพิ่มได้ซัก 5%
QLT ,TNDT ก็ถือว่าพอใช้แต่ศักยภาพมันก็จำกัดจะโตมากๆหวือหวาคงลงลดไปเรือ่ยๆ แต่ก็ดูว่ามันอยู่ในกลุ่มรับจ้างทำงานจะไปต่อรองเอากำไรสูงๆมากๆก็ไม่ได้เพราะ เจ้าของโครงการใหญ่ๆก็คงกดราคาได้ไม่ให้มันสูงเกินไป อำนาจต่อรองมีเยอะ
ESWT ดีใจแง่ของการเติบโต ขึ้นค่าน้ำแต่ก็ระวังเรื่องอนาคตน้ำมันลดลงเปลี่ยนแปลงไปจะกระทบอะไรไหม
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ตอน 3
โพสต์ที่ 5
SVI ทำสินค้าโดดเด่นจับกลุ่มสูง พึ่งจะเริ่มมาประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแต่ต้องระวังคู่แข่งในอนาคตโดยเฉพาะจีน ตรงนี้อาจารย์ออกตัวว่าไม่ค่อยติดตาม
HTECH เป้นธุรกิจที่เฉพาะ ค่แข่งไม่มี แต่เพราะว่าตลดามันยังไม่ใหญ่มาก ถ้ามันเรื่มขยายไปมากๆ อาจเริ่มมีคนสนใจเข้ามาทำแข้งก็น่าจะเป้นได้
TNH เป้นพวกโรงบาลท้องถิ่น ไปได้เรื่อยๆ กำไรโตช้าๆ เน้นเติบโตตามชุมชนนั้นๆจะหวังโตกระโดนเยอะๆคงลำบากต่างจากพวก BH BGH ที่มันเล่นพวกต่างชาติ ฝรั่งเข้าได้มีมาร์เกตแคปพอควร อีกตัวก็ KH ที่เน้นจับประกันสังคมเป้นนีชของเขา แต่กลุ่มโรงบาลมันมีหมอเปเนตัวลิมิตกำไร จะเพิ่มมากๆก็ลำบากถ้าหมอจำกัด พฤติกรรมการรักษาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากหวังโตมากๆไม่ได้ แต่หลังๆกำไรกำไรมันเริ่มมาจากไอ้พวกไปรักษาแล้วส่งตัวไปตรวจนู่นตรวจนี่ใช้เครื่องมากมายกินเงินไปเพียบ ซึ่งก็ต้องดูต่อไปยาวๆว่าลูกค้าจะหนีไหม
MOONG,DSGT พวกนี้ก็ไปเรื่อยๆแต่มันมีลิมิตกำไรไม่ได้มากเพราะแรงกดดันจากคู่แข่งซึ่งเยอะพอควร แถมการลงทุนก็ต้องสร้างโรงงาน มีเรื่องลิขสิทธ์แบรด์นอีก ลำบากพอพอกับกลุ่มยานยนต์
KK พวกสถาบันการเงินกลุ่มนี้เวลาไปก็ไปด้วยกันหมดรวมธนาคารด้วย ปีที่แล้วมันโชคดีเป็นช่วงดอกเบียนต่ำหมด ต้นทุนถูกเอาไปปล่อยกู้ฟิคกำไรสบายๆ แต่อนาคตขึ้นดอกเบี้ยสเปดมันจะแคบลงกำไรตัวนี้น่าจะลดลงเพราะรายได้มันฟิกไปแล้ว แต่พวกธนาคารน่าจะดีขึ้นเพราะปล่อยกู้ แต่ระวังเรื่องหนี้เสียไว้หน่อยกลุ่มสถาบันการเงิน
KTC น่าจะโอ ราคาก็ถูกมาก แต่อาจารย์ก็ติดตรงนี้เมือ่ก่อนบอกไม่มีหนี้เสียประวัติก็ดี แล้วอยู่ดีดี มาตั้งสำรองเลยขาดทุนเลบเป็น ? คาใจอยู่ ยิ่งลาสุดเพิ่มทุนไม่ได้ก็คงไม่โตเท่าไหร ถ้าราคาลงมาอีกก็คงดี
KIAT กลุ่มนี้รับจ้างทำงานไปเรื่อยๆ โดยธรรมชาติต้องไปทำงานบิดงานจากรายใหญ่ๆซึ่งมีอำนาจต่อรองเหนื่อยกว่ามาก ก็กดราคาคุณได้ (ต่างจากพวกค้าปลีกที่มีอำนาจเหนือลูกค้า) จะเข้าไปฟันกำไรก็ลำบาก ต่อรองอะไรมากไม่ได้ แต่ถ้าพีอีถูกๆ ปันผลดีๆ รับได้ก็เอาแต่ลงทุนระยะยาวต้องดูดีดี
BECL มองไม่เห้นกำไร ถือยาวจนกว่าจะได้ปันผลก็ไม่รู้นานขนาดไหน แนะนำตัวอื่นดีกว่า เล่นข่าวจะขยายเส้นทางไปนู่นไปนี่ก็ยังไม่เห้นทางชัดเจน
WG ติดประเด็นเรื่องกำไรดี เงินก็เยอะ แต่ปันผลยังน้อยกว่าที่ควร
ฟาร์มเฮ้า จำตัวย่อไม่ได้ครับ อาขจารย์มองว่าวอลลุ่มมันน้อยมาก ไม่ไดติดตามแต่มองว่ามันถึงเวลาอิ่มตัวแล้วโตไม่ค่อยได้มีแต่คู่แข่งเข้ามา
มาม่า TF มั้ง อันนี้เป้นสุดยอดอีกตัว กำไรเพิ่มตลอด โตได้สุดยอด แต่วอลลุ่มน้อย
HTECH เป้นธุรกิจที่เฉพาะ ค่แข่งไม่มี แต่เพราะว่าตลดามันยังไม่ใหญ่มาก ถ้ามันเรื่มขยายไปมากๆ อาจเริ่มมีคนสนใจเข้ามาทำแข้งก็น่าจะเป้นได้
TNH เป้นพวกโรงบาลท้องถิ่น ไปได้เรื่อยๆ กำไรโตช้าๆ เน้นเติบโตตามชุมชนนั้นๆจะหวังโตกระโดนเยอะๆคงลำบากต่างจากพวก BH BGH ที่มันเล่นพวกต่างชาติ ฝรั่งเข้าได้มีมาร์เกตแคปพอควร อีกตัวก็ KH ที่เน้นจับประกันสังคมเป้นนีชของเขา แต่กลุ่มโรงบาลมันมีหมอเปเนตัวลิมิตกำไร จะเพิ่มมากๆก็ลำบากถ้าหมอจำกัด พฤติกรรมการรักษาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากหวังโตมากๆไม่ได้ แต่หลังๆกำไรกำไรมันเริ่มมาจากไอ้พวกไปรักษาแล้วส่งตัวไปตรวจนู่นตรวจนี่ใช้เครื่องมากมายกินเงินไปเพียบ ซึ่งก็ต้องดูต่อไปยาวๆว่าลูกค้าจะหนีไหม
MOONG,DSGT พวกนี้ก็ไปเรื่อยๆแต่มันมีลิมิตกำไรไม่ได้มากเพราะแรงกดดันจากคู่แข่งซึ่งเยอะพอควร แถมการลงทุนก็ต้องสร้างโรงงาน มีเรื่องลิขสิทธ์แบรด์นอีก ลำบากพอพอกับกลุ่มยานยนต์
KK พวกสถาบันการเงินกลุ่มนี้เวลาไปก็ไปด้วยกันหมดรวมธนาคารด้วย ปีที่แล้วมันโชคดีเป็นช่วงดอกเบียนต่ำหมด ต้นทุนถูกเอาไปปล่อยกู้ฟิคกำไรสบายๆ แต่อนาคตขึ้นดอกเบี้ยสเปดมันจะแคบลงกำไรตัวนี้น่าจะลดลงเพราะรายได้มันฟิกไปแล้ว แต่พวกธนาคารน่าจะดีขึ้นเพราะปล่อยกู้ แต่ระวังเรื่องหนี้เสียไว้หน่อยกลุ่มสถาบันการเงิน
KTC น่าจะโอ ราคาก็ถูกมาก แต่อาจารย์ก็ติดตรงนี้เมือ่ก่อนบอกไม่มีหนี้เสียประวัติก็ดี แล้วอยู่ดีดี มาตั้งสำรองเลยขาดทุนเลบเป็น ? คาใจอยู่ ยิ่งลาสุดเพิ่มทุนไม่ได้ก็คงไม่โตเท่าไหร ถ้าราคาลงมาอีกก็คงดี
KIAT กลุ่มนี้รับจ้างทำงานไปเรื่อยๆ โดยธรรมชาติต้องไปทำงานบิดงานจากรายใหญ่ๆซึ่งมีอำนาจต่อรองเหนื่อยกว่ามาก ก็กดราคาคุณได้ (ต่างจากพวกค้าปลีกที่มีอำนาจเหนือลูกค้า) จะเข้าไปฟันกำไรก็ลำบาก ต่อรองอะไรมากไม่ได้ แต่ถ้าพีอีถูกๆ ปันผลดีๆ รับได้ก็เอาแต่ลงทุนระยะยาวต้องดูดีดี
BECL มองไม่เห้นกำไร ถือยาวจนกว่าจะได้ปันผลก็ไม่รู้นานขนาดไหน แนะนำตัวอื่นดีกว่า เล่นข่าวจะขยายเส้นทางไปนู่นไปนี่ก็ยังไม่เห้นทางชัดเจน
WG ติดประเด็นเรื่องกำไรดี เงินก็เยอะ แต่ปันผลยังน้อยกว่าที่ควร
ฟาร์มเฮ้า จำตัวย่อไม่ได้ครับ อาขจารย์มองว่าวอลลุ่มมันน้อยมาก ไม่ไดติดตามแต่มองว่ามันถึงเวลาอิ่มตัวแล้วโตไม่ค่อยได้มีแต่คู่แข่งเข้ามา
มาม่า TF มั้ง อันนี้เป้นสุดยอดอีกตัว กำไรเพิ่มตลอด โตได้สุดยอด แต่วอลลุ่มน้อย
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ตอนที่ 5
โพสต์ที่ 6
CPF อาจารย์กลัวกำไรอาจตกได้ เพราะธุรกิจมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ อยู่ดีดี กำไรจากหลักพันล้านมาเป้นหมื่นล้าน มันจะโตแบบนี้อีกนานไหมเลยต้องรอพิสูจน์ว่ามันจะโตแบบนี้ได้นานไหม แล้วผู้บริหารก็ขายเหลือเกิน
RCL กลุ่มนี้ มันก็เป็นสุดยอดคอมโม อีกตัว คอสมันฟิกอยู่ไอ้ค่าระวางต่างๆที่เพิ่มมันกำไรทั้งนั้น แต่ถ้าค่าระวางลงก็ขาดทุนรุนแรง นานๆจะดีระเบิดทีนึง ปกติ ดี 1 ปีแย่ไป 10 ปี แล้วมันก็เป็นกลุ่มที่แข่งขันสมบูรณ์คือความต้องการไม่จำจัด แต่คู่แข่งก็ไม่จำกัดเหมือนกัน พอมันดีดี ก็มีคนแห่มาทำ กำไรเลยมากๆอยุ่ได้ไม่นานก็ลง
BCP ถ้าจะเอาก็เอาที่เป็น DR ดีกว่าเพราะมันลอกราคาขั้นต่ำไว้ให้แต่มันอยู่ในกลุ่มโรงกลั่นซึ่งอนาคตมันจะล้นตลาดแข่งรุนแรง อาจารย์มองว่าถูกดี แต่ก็เหมือนกันของที่ดีในธุรกิจที่ไม่ดี กำไรไม่แน่นอน ตัวนี้หลังๆเล่นพลังานทดแทนก็ต้องดูกันต่อไปว่ามันสำเร็จขนาดไหน
BOL กำไรเริ่มนิ่งๆ รายได้คือขายให้รายใหญ่ ต่อรองอะไรได้นอย ข้อมูลก็โตไม่ไว แล้วเมืองไทยยังติดเรื่องไอ้พวกการขายข้อมูล ขายความรู้ไม่ค่อยดี ต่างจากเมืองนอกที่ขายกันจริงจัง คนไทยเรื่องข้อมูลชอบของฟรีมากกว่า
TPAC กำไรบางเป็นงานรับจ้างทำ ได้แต่ค่าแรงต่อรองราคากับลุกค้ารายใหญ่ๆลำบาก คู่แข่งก็เยอะ ต่างจาก IRC ที่ตัวนี้มันมีโนฮาวมากกว่า เปลี่ยนเจ้าลำบากเพราะมันซับซ้อนกว่า tpac
TIPCO น้ำผลไม้กำไรมันขึ้นๆลงๆ อาจเพราะสัปปะรถเยอะมันราคาไม่แน่นอน สินค้าก็พอใช้แต่คู่แข่งเยอะมาก ขึ้นราคาก็ไมได้คู่แข่งมาก สินค้าทดแทนก็เยอะ เหนื่อย
AMATA มันมีควาไม่แนนอนสูง ถ้าโชคดีมีโรงงานใหญ่ๆเข้ามาก็กำไรกระฉูดแต่ถ้าไม่มีก็ไม่มีเลย ธุรกิจเป็นแบบโปรเจคมากกว่า ไม่แน่นอน
SE-ED ตอนนี้ยังขยายสาขาได้ แต่อนาคตถ้าหมดที่ทางขยายสินค้ามันก็โตลำบาก มาจินไม่ค่อยดีเท่าไหร นี่น่ากลัวคือร้านคู่แข่งเยอะ แล้สจุดขายของแต่ละรายก็ไม่ต่างกัน
SPALI มองว่าทั้งกลุ่มมันดีหมด กำไรมาก น่าจะมาจากดอกเบี้ยมันถูก ที่ดินเก่าๆถูกๆพอพัฒนาก็เข้าช่วงราคาที่ดินกำพุ่งปรับราคาได้สบาย คู่แข่งเล็กๆก็ตามหมด มองว่าซื้อตอนนี้ก็คือซื้อตอนที่ทุกอย่างมันกำลังดีหมด แต่ไซเคิลกลุ่มนี้มันขึ้น 2 ปี ลง7 ปี ดูดีดี
บริษัทหลักทรัพย์ ตอนนี้ทุกคนมองว่าไม่มีแวลู ต่อให้มีเงินสดถามหลักไล่ซื้อหุ้นแล้วปิดบริษัทน่าจะกำไรแต่ทำอย่างั้นก็ไม่ได้ ต่อให้เงินท่วมก็ไร้ประโยชน์ แล้วมันจะค่อยๆหายไป
แป๊บซี่ อันนี้ควรนำปันผลพิเศษออกมาจ่ายบ่อยๆเพราะเก็บไว้มันก็ไร้ประโยชน์ เอาไปลงทุนอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จ อาจารย์มองว่าประเด็นที่น่าสนใจคือ วันหนึ่งฝรั่งอาจทำเทนเดอร์เอ่บริษัทลูกในต่างประเทศกลับไปก้ได้ ก็น่าจะทำให้ราคาวิ่งได้ แต่ความเสี่ยงก็คือไทยตลาดเล็กเค้าอาจไม่สนใจจะซื้อคืน
RCL กลุ่มนี้ มันก็เป็นสุดยอดคอมโม อีกตัว คอสมันฟิกอยู่ไอ้ค่าระวางต่างๆที่เพิ่มมันกำไรทั้งนั้น แต่ถ้าค่าระวางลงก็ขาดทุนรุนแรง นานๆจะดีระเบิดทีนึง ปกติ ดี 1 ปีแย่ไป 10 ปี แล้วมันก็เป็นกลุ่มที่แข่งขันสมบูรณ์คือความต้องการไม่จำจัด แต่คู่แข่งก็ไม่จำกัดเหมือนกัน พอมันดีดี ก็มีคนแห่มาทำ กำไรเลยมากๆอยุ่ได้ไม่นานก็ลง
BCP ถ้าจะเอาก็เอาที่เป็น DR ดีกว่าเพราะมันลอกราคาขั้นต่ำไว้ให้แต่มันอยู่ในกลุ่มโรงกลั่นซึ่งอนาคตมันจะล้นตลาดแข่งรุนแรง อาจารย์มองว่าถูกดี แต่ก็เหมือนกันของที่ดีในธุรกิจที่ไม่ดี กำไรไม่แน่นอน ตัวนี้หลังๆเล่นพลังานทดแทนก็ต้องดูกันต่อไปว่ามันสำเร็จขนาดไหน
BOL กำไรเริ่มนิ่งๆ รายได้คือขายให้รายใหญ่ ต่อรองอะไรได้นอย ข้อมูลก็โตไม่ไว แล้วเมืองไทยยังติดเรื่องไอ้พวกการขายข้อมูล ขายความรู้ไม่ค่อยดี ต่างจากเมืองนอกที่ขายกันจริงจัง คนไทยเรื่องข้อมูลชอบของฟรีมากกว่า
TPAC กำไรบางเป็นงานรับจ้างทำ ได้แต่ค่าแรงต่อรองราคากับลุกค้ารายใหญ่ๆลำบาก คู่แข่งก็เยอะ ต่างจาก IRC ที่ตัวนี้มันมีโนฮาวมากกว่า เปลี่ยนเจ้าลำบากเพราะมันซับซ้อนกว่า tpac
TIPCO น้ำผลไม้กำไรมันขึ้นๆลงๆ อาจเพราะสัปปะรถเยอะมันราคาไม่แน่นอน สินค้าก็พอใช้แต่คู่แข่งเยอะมาก ขึ้นราคาก็ไมได้คู่แข่งมาก สินค้าทดแทนก็เยอะ เหนื่อย
AMATA มันมีควาไม่แนนอนสูง ถ้าโชคดีมีโรงงานใหญ่ๆเข้ามาก็กำไรกระฉูดแต่ถ้าไม่มีก็ไม่มีเลย ธุรกิจเป็นแบบโปรเจคมากกว่า ไม่แน่นอน
SE-ED ตอนนี้ยังขยายสาขาได้ แต่อนาคตถ้าหมดที่ทางขยายสินค้ามันก็โตลำบาก มาจินไม่ค่อยดีเท่าไหร นี่น่ากลัวคือร้านคู่แข่งเยอะ แล้สจุดขายของแต่ละรายก็ไม่ต่างกัน
SPALI มองว่าทั้งกลุ่มมันดีหมด กำไรมาก น่าจะมาจากดอกเบี้ยมันถูก ที่ดินเก่าๆถูกๆพอพัฒนาก็เข้าช่วงราคาที่ดินกำพุ่งปรับราคาได้สบาย คู่แข่งเล็กๆก็ตามหมด มองว่าซื้อตอนนี้ก็คือซื้อตอนที่ทุกอย่างมันกำลังดีหมด แต่ไซเคิลกลุ่มนี้มันขึ้น 2 ปี ลง7 ปี ดูดีดี
บริษัทหลักทรัพย์ ตอนนี้ทุกคนมองว่าไม่มีแวลู ต่อให้มีเงินสดถามหลักไล่ซื้อหุ้นแล้วปิดบริษัทน่าจะกำไรแต่ทำอย่างั้นก็ไม่ได้ ต่อให้เงินท่วมก็ไร้ประโยชน์ แล้วมันจะค่อยๆหายไป
แป๊บซี่ อันนี้ควรนำปันผลพิเศษออกมาจ่ายบ่อยๆเพราะเก็บไว้มันก็ไร้ประโยชน์ เอาไปลงทุนอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จ อาจารย์มองว่าประเด็นที่น่าสนใจคือ วันหนึ่งฝรั่งอาจทำเทนเดอร์เอ่บริษัทลูกในต่างประเทศกลับไปก้ได้ ก็น่าจะทำให้ราคาวิ่งได้ แต่ความเสี่ยงก็คือไทยตลาดเล็กเค้าอาจไม่สนใจจะซื้อคืน
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ตอนที่ 6
โพสต์ที่ 7
RS อันนี้อาจารยืก็มองๆอยุ่เพราะเริ่มพลิกจากขาดทุนมามีกำไร แต่ก็ต้องดูว่ามันกำไรจากอะไร มันจะยั่งยื่นไหม เมือ่เทียบกับแกรมมี่ที่แซงไปไกลแล้ว แต่ก็แค่มองๆไปก่อน
IVL อาจารย์มองว่ามันพุ่งมากไกล ถึงวันที่มันหยุดโตหรือมีปัญหาอะไรซักอย่างคนคนกลับมามองที่ความเป้นจริงแล้วมันก็จะลงมา
คำถาม ถ้าตลาดหุ้นตก อาจารย์จะเก็บตัวไหน
อาจารย์นิเวศตอบ ก็มองๆ CPN ถ้าลงมาซัก 15-16 บาทก็น่าสนใจ , AOT 30 บาทก็น่าสนใจ, BH, BGH CENTELถ้าลงมาก็สนใจแต่ต้องเยอะๆหน่อย ถ้ากลุ่มค้าปลีกลงมาเยอะๆก็ ROBIN BIGC
คำถาม ถ้าอาจารย์ไม่มี CPALL HMPRO ราคานี้ อาจารย์ยังไม่มี อาจารย์จะซื้อไหม แล้วจะขายไหม
อาจารย์นิเวศ ถ้าไม่มี ราคานี้ก็ไม่ซือ้เพราะมองว่ามันเต็มมูลค่าแล้ว อุตส่าหาหุ้นทั้งทีมาเจอตัวที่เต็มมูลค่าแล้วก็รอๆไป
ส่วนมีแล้วจะขายไหมก็คงไม่ขายเพราะ เทียบกับจีบกันก็ง่ายแต่พอตกลงคบกันแล้วหย่ากันมันเรื่องใหญ่ คนคบกันมานาน มีกำไรบ้าง กำไรลดลงบ้างก็ถือๆกันต่อไป ถ้ามันยังโตได้ต่อไปเรื่อยๆ
จบแล้วครับ อาจพิมพ์ผิดพิมผูกบ้างนะครับ ข้อมูลอาจขาดตกบกพร่องก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
IVL อาจารย์มองว่ามันพุ่งมากไกล ถึงวันที่มันหยุดโตหรือมีปัญหาอะไรซักอย่างคนคนกลับมามองที่ความเป้นจริงแล้วมันก็จะลงมา
คำถาม ถ้าตลาดหุ้นตก อาจารย์จะเก็บตัวไหน
อาจารย์นิเวศตอบ ก็มองๆ CPN ถ้าลงมาซัก 15-16 บาทก็น่าสนใจ , AOT 30 บาทก็น่าสนใจ, BH, BGH CENTELถ้าลงมาก็สนใจแต่ต้องเยอะๆหน่อย ถ้ากลุ่มค้าปลีกลงมาเยอะๆก็ ROBIN BIGC
คำถาม ถ้าอาจารย์ไม่มี CPALL HMPRO ราคานี้ อาจารย์ยังไม่มี อาจารย์จะซื้อไหม แล้วจะขายไหม
อาจารย์นิเวศ ถ้าไม่มี ราคานี้ก็ไม่ซือ้เพราะมองว่ามันเต็มมูลค่าแล้ว อุตส่าหาหุ้นทั้งทีมาเจอตัวที่เต็มมูลค่าแล้วก็รอๆไป
ส่วนมีแล้วจะขายไหมก็คงไม่ขายเพราะ เทียบกับจีบกันก็ง่ายแต่พอตกลงคบกันแล้วหย่ากันมันเรื่องใหญ่ คนคบกันมานาน มีกำไรบ้าง กำไรลดลงบ้างก็ถือๆกันต่อไป ถ้ามันยังโตได้ต่อไปเรื่อยๆ
จบแล้วครับ อาจพิมพ์ผิดพิมผูกบ้างนะครับ ข้อมูลอาจขาดตกบกพร่องก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนที่3
โพสต์ที่ 8
??champ_st เขียน:SAT ตัวนี้มันขายยาง เป็นคอมโมมากๆ ถ้าจะเล่นก็เล่นตามรอบไป อาจารย์มองว่า ระบบมนดีจริงไหมตรวจสอบได้ขนาดไหน เช่นไปซื้อยางตามสวน ชาวสวนก็คงไม่ได้สนใจบิลอะไรเท่าไหร มันอาจหมกเม็ดได้ ก็เลยต้องมองยาวๆที่ว่ากำไรโตพรวดๆที่เค้าว่ากัน นี่มันจ่ายปันผลพรวดๆด้วยหรือเปล่า
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณพี่พี่ ทุกคนที่ทำให้มีโอกาสไปงานดีดี แบบนี้นะครับ เป้นคนชอบขีดเขียนชอบจดนะครับ แต่อาจพิมผิดพิมถูกหรือสรุปไม่ครบถวนนะครับ ขออภัยจริงๆเน่นความไว 555
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณมากครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณมากเลยครับ ได้ทัศนะ มีมุมมองใหม่เพียบเลยครับ ขอบคุณจริงๆครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณมากๆเลยครับ มีประโยชน์มากเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 40
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณพี่ champ_stมากๆครับ
มีอะไรเพิ่มเติมจากพี่ๆท่านอื่นบ้างไหมครับ บรรยากาศเป็นไงบ้างครับ
มีอะไรเพิ่มเติมจากพี่ๆท่านอื่นบ้างไหมครับ บรรยากาศเป็นไงบ้างครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 22
ขอบคุณครับบบ
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 25
thank ครับ
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณมากครับ
เสมือนได้ไปนั่งฟังเองเลย
เสมือนได้ไปนั่งฟังเองเลย
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาติสรุปความรู้ที่ได้จากงาน จิบเบียร์เมื่อวันที่ 12 คับ
โพสต์ที่ 29
ยอดเยี่ยมมากครับกับการสรุปใจความ เหมือนทอดเทปมาไม่มีผิด
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง