ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 1
ผมว่าหลักในการลงทุนแนว VI ก็คือซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาพื้นฐาน
แต่ถ้าเพื่อนๆไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐาน หรือ คำนวณไม่เป็น
แล้วจะหาราคาที่เหมาะสมในการลงทุนได้อย่างไร จะรุ้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรควรขาย
รถเบนซ์ก็ยังมีราคาควรซื้อ หรือควรขาย หุ้นก็เช่นกัน
หลายคนซื้อหุ้นก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ถ้าไม่คำนวณราคาพื้นฐานมาก่อน ก้อาจจะลงทุนแพงแล้วขาดทุนก็ได้
หลายคนก็อาศัยราคาในอดีต ซึ่งบ่อยครั้งที่ว่าถูกก็มีถูกว่า บ่อยครั้งที่มาแพงก็ยังมีแพงกว่า
ถ้าเราไม่มีราคาพื้นฐาน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถูกหรือแพง ควรซื้อหรือควรขาย
ผมว่าถ้าใครคำนวณไม่เป็นหรือยังไม่ได้คำนวณ อย่าเพิ่งลงทุนเลยครับ
แต่ถ้าเพื่อนๆไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐาน หรือ คำนวณไม่เป็น
แล้วจะหาราคาที่เหมาะสมในการลงทุนได้อย่างไร จะรุ้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรควรขาย
รถเบนซ์ก็ยังมีราคาควรซื้อ หรือควรขาย หุ้นก็เช่นกัน
หลายคนซื้อหุ้นก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ถ้าไม่คำนวณราคาพื้นฐานมาก่อน ก้อาจจะลงทุนแพงแล้วขาดทุนก็ได้
หลายคนก็อาศัยราคาในอดีต ซึ่งบ่อยครั้งที่ว่าถูกก็มีถูกว่า บ่อยครั้งที่มาแพงก็ยังมีแพงกว่า
ถ้าเราไม่มีราคาพื้นฐาน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถูกหรือแพง ควรซื้อหรือควรขาย
ผมว่าถ้าใครคำนวณไม่เป็นหรือยังไม่ได้คำนวณ อย่าเพิ่งลงทุนเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 2
ผมครับ คำนวณไม่เป็นครับ ไม่ทราบว่าพอจะสอนหรือแนะนำหนังสือที่สอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้บ้างได้ไหมครับ ผมก็สงสัยเรื่องนี้มานานแล้วครับ ว่าเอ...หุ้นที่ผมจ้อง ๆ อยู่เนี่ยะ จะซื้อตอนไหน ราคาไหนดี ก็จ้อง ๆ อยู่แต่ P/E กับ P/BV ถ้าต่ำ ๆ ก็น่าสนใจ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 3
ถ้าราคาพื้นฐานในความหมายของพี่ฉัตรชัย คือ มูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
แล้วละก้อ ผมก็มอบตัว ยอมรับเลยครับว่ายังไม่มีความรู้ในด้านนี้ซักเท่าไรเลย
พยายามอ่านหนังสือหลายๆเล่มแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ พี่พอจะช่วยแนะนำหรือสอนให้กับน้องๆได้บ้างมั้ยครับ
แล้วละก้อ ผมก็มอบตัว ยอมรับเลยครับว่ายังไม่มีความรู้ในด้านนี้ซักเท่าไรเลย
พยายามอ่านหนังสือหลายๆเล่มแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ พี่พอจะช่วยแนะนำหรือสอนให้กับน้องๆได้บ้างมั้ยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 5
คราวนี้คุณฉัตรชัย มาแนววัยรุ่นแบบ โจอี้บอยเลยนะครับ
" อยากกิ๊กกับโต๊ะข้างๆ รอกลับบ้านด้วยบ้างก็ขอให้ยกมือขึ้น
ใครคำนวณราคาพื้นฐานไม่รู้ อยากให้คุณฉัตรชัยเป็นครู.....
ก็ขอให้ยกมือขึ้น !!!!!" :lol: :lol: :lol:
ผมขอยกมือด้วยครับตรงนี้ ขึ้นดอยไปเอาแครอทเป็นประจำ ใครทราบ กรุณาช่วยสอน หรือ มี link ดีๆ ที่ไหนก็ช่วยบอกด้วยคร้าบบบบ
" อยากกิ๊กกับโต๊ะข้างๆ รอกลับบ้านด้วยบ้างก็ขอให้ยกมือขึ้น
ใครคำนวณราคาพื้นฐานไม่รู้ อยากให้คุณฉัตรชัยเป็นครู.....
ก็ขอให้ยกมือขึ้น !!!!!" :lol: :lol: :lol:
ผมขอยกมือด้วยครับตรงนี้ ขึ้นดอยไปเอาแครอทเป็นประจำ ใครทราบ กรุณาช่วยสอน หรือ มี link ดีๆ ที่ไหนก็ช่วยบอกด้วยคร้าบบบบ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 7
อย่างนี้พอใช้ได้ไหมครับ
1. ROA ROE สูงสมำเสมอ
2. PE รับได้(ของผมนี่ ราวๆ 12-13 นี่ OK)
3. ไม่มีการเพิ่มทุนในรอบ 5 ปี ถ้ามีวอแรนต์ค้างคิด full dilute เสมอ
4. ดูอุตสาหรรม แนวโน้มการเจริญเติบโต ต้องดี
5. หนี้น้อย มาก ไม่มีเลยจะดี
6. ดู research หลายๆโบรก(ประเภท ตัวนี้ควรมี PE 25 จึงควรมีราคาที่.. นี่ไม่นับครับ อ้อ นับในร้อยคนร้อยหุ้นด้วย)
7. หา DCF เนื่องจากผมขาดความมั่นใจในการหาค่า นี้ของตัวเองเอามากๆ เลยลดความสำคัญลงมาเยอะครับ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือถูก
8. ผมต้องเข้าใจอุตสาหกรรมนั้น อาจไม่เป๊ะ แต่ก็ต้องรู้ว่ากำไรมาจากไหน ขายใคร
9. โดยทั่วไปผมซื้อตอนตลาดปรับฐานครับ ถ้าตลาดขาขึ้นผมจะยิ้มกับสีเขียวในพอร์ต แล้วก็เก็บเงินเดือนเข้าแบงค์ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ทุกสำนักว่าแย่ ตกๆๆ ผมก็เข้าไปเก็บ(ไม่ค่อยถูกจังหวะครับ ดูกราฟไม่เป็น แล้วทำงานบริษัทไม่มีเวลาดู เวลาซื้อหรือ ขายก็ตั้งที่ราคาปิดวันก่อนเลย)
ผมเริ่มปีนี้ปีแรกครับ เรียนจบก็เอาเงินทำงานพิเศษช่วงเรียนปี 4 กับเงินเดือนเดือนแรกโดดเข้ามาตอนราวๆ 700 จุด แล้วก็ลงเงินไปทุกเดือน หลังเงินเดือนออก โดยส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับผลงานปีแรกครับ อาจเป็นเพราะผมหวังไม่สูงด้วย
ตอนเริ่มใหม่ๆ โดนเพื่อนค่อนขอด ซื้อไม่ขาย เก็บแต่ปันผลเมื่อไหร่จะรวย ตอนนี้เงียบไปแล้วครับ
ไหนๆก็เปิดกระทู้แล้ว คุณฉัตรชัยเปิดคอร์ส DCF หน่อยสิครับ ผมมีปัญหากับการหาค่า Cash OutFlow ที่จะใช้ลงทุนในปีต่อๆไปน่ะครับ หรือว่าเรา ประมาณเอาได้ ว่ารายได้ เพิ่ม X% รายจ่ายเพิ่ม Y % แต่ก็จะมีปัญหาอีกว่าค่าที่เพิ่มมาจากไหน
ปัจจุบันผม คิด DCF จากเงินปันผล ที่คาดว่าจะได้ โดย อัตราเพิ่มเงินปันผลได้จากอัตราเพิ่มเฉลี่ยในอดีตครับ แล้วก็คิดอีกทีในกรณีแย่สุด คือเงินปันผลไม่โตเลย
1. ROA ROE สูงสมำเสมอ
2. PE รับได้(ของผมนี่ ราวๆ 12-13 นี่ OK)
3. ไม่มีการเพิ่มทุนในรอบ 5 ปี ถ้ามีวอแรนต์ค้างคิด full dilute เสมอ
4. ดูอุตสาหรรม แนวโน้มการเจริญเติบโต ต้องดี
5. หนี้น้อย มาก ไม่มีเลยจะดี
6. ดู research หลายๆโบรก(ประเภท ตัวนี้ควรมี PE 25 จึงควรมีราคาที่.. นี่ไม่นับครับ อ้อ นับในร้อยคนร้อยหุ้นด้วย)
7. หา DCF เนื่องจากผมขาดความมั่นใจในการหาค่า นี้ของตัวเองเอามากๆ เลยลดความสำคัญลงมาเยอะครับ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือถูก
8. ผมต้องเข้าใจอุตสาหกรรมนั้น อาจไม่เป๊ะ แต่ก็ต้องรู้ว่ากำไรมาจากไหน ขายใคร
9. โดยทั่วไปผมซื้อตอนตลาดปรับฐานครับ ถ้าตลาดขาขึ้นผมจะยิ้มกับสีเขียวในพอร์ต แล้วก็เก็บเงินเดือนเข้าแบงค์ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ทุกสำนักว่าแย่ ตกๆๆ ผมก็เข้าไปเก็บ(ไม่ค่อยถูกจังหวะครับ ดูกราฟไม่เป็น แล้วทำงานบริษัทไม่มีเวลาดู เวลาซื้อหรือ ขายก็ตั้งที่ราคาปิดวันก่อนเลย)
ผมเริ่มปีนี้ปีแรกครับ เรียนจบก็เอาเงินทำงานพิเศษช่วงเรียนปี 4 กับเงินเดือนเดือนแรกโดดเข้ามาตอนราวๆ 700 จุด แล้วก็ลงเงินไปทุกเดือน หลังเงินเดือนออก โดยส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับผลงานปีแรกครับ อาจเป็นเพราะผมหวังไม่สูงด้วย
ตอนเริ่มใหม่ๆ โดนเพื่อนค่อนขอด ซื้อไม่ขาย เก็บแต่ปันผลเมื่อไหร่จะรวย ตอนนี้เงียบไปแล้วครับ
ไหนๆก็เปิดกระทู้แล้ว คุณฉัตรชัยเปิดคอร์ส DCF หน่อยสิครับ ผมมีปัญหากับการหาค่า Cash OutFlow ที่จะใช้ลงทุนในปีต่อๆไปน่ะครับ หรือว่าเรา ประมาณเอาได้ ว่ารายได้ เพิ่ม X% รายจ่ายเพิ่ม Y % แต่ก็จะมีปัญหาอีกว่าค่าที่เพิ่มมาจากไหน
ปัจจุบันผม คิด DCF จากเงินปันผล ที่คาดว่าจะได้ โดย อัตราเพิ่มเงินปันผลได้จากอัตราเพิ่มเฉลี่ยในอดีตครับ แล้วก็คิดอีกทีในกรณีแย่สุด คือเงินปันผลไม่โตเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 9
ตกลงนี่พี่ฉัตรชัยจะยอมถ่ายทอดวิชาแล้วเหรอครับ
เอ้า.. ใครสนใจเรียนช่วยกันมาเข้าแถวลงชื่อเร็ว
ในเบื้องต้น ลองไปหาอ่าน "อยากรวยต้องรู้" (คิดว่าชื่อหนังสือนี้นะครับ) เล่ม 3 เกี่ยวกับเครื่องมือการเงินดูครับ : หนังสือของตลาดหลักทรัพย์ครับ
เอ้า.. ใครสนใจเรียนช่วยกันมาเข้าแถวลงชื่อเร็ว
ในเบื้องต้น ลองไปหาอ่าน "อยากรวยต้องรู้" (คิดว่าชื่อหนังสือนี้นะครับ) เล่ม 3 เกี่ยวกับเครื่องมือการเงินดูครับ : หนังสือของตลาดหลักทรัพย์ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 10
มายกมือครับ
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
- วัวแดง
- Verified User
- โพสต์: 1429
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 11
ยกมือครับ คำนวณไม่เป็นเหมือนกันครับ
แต่ยังงี้พอได้มั้ยครับ แนะนำด้วยครับ
A.อาศัยว่าคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในอนาคต และหาp/eเฉลี่ยในอดีต(แต่ไม่เกิน12เท่า)ได้ราคาในอนาคต แล้วจึงหาค่า PV โดยใช้ I=15%
ได้pv แล้ว ลดอีก 30% จึงซื้อลงทุน
B.ส่วนหุ้นที่เข้าข่ายต้อง
1.P/E < 12
2.P/BV <2
3.หนี้/ทุน <1
4.ปันผล>5%
5.roe >15%
6.p/s<1
7.eps เติบโต>10%
8.รายได้ เติบโต>10%
9.roaหรือpm >15%
10.มีเงินสดมากกว่า 50%
ถ้าหุ้นตัวใดได้ >7/10 จึงเข้าลงทุน แต่ต้องราคาตามข้อ A ด้วย
C.สุดท้ายต้องดูตัวบริษัทว่าสินค้าติดตลาดมั้ย และได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบมั้ย ผู้บริหารเป็นไง มีคุณธรรมพอมั้ย และ.................
ถ้าเข้าข่าย 3 ข้อนี่ ก็จะเริ่มซื้อลงทุนครับ
แต่ถ้าพลาดก็ทำใจละครับ ถือว่า ทำดีที่สุดแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอคำแนะนำพี่ chatchai ด้วยนะครับผมว่า ยังมีช่องว่างให้เติมเต็มอีกเยอะ 8)
ผมกรองขนาดนี้ยังเข้าข่าย ถึง 10 บริษัทเลยครับ
แต่พี่ chatchai ถือแค่ตัวเดียว คงกรองละเอียดกว่านี้ อีกเยอะ
แต่ยังงี้พอได้มั้ยครับ แนะนำด้วยครับ
A.อาศัยว่าคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในอนาคต และหาp/eเฉลี่ยในอดีต(แต่ไม่เกิน12เท่า)ได้ราคาในอนาคต แล้วจึงหาค่า PV โดยใช้ I=15%
ได้pv แล้ว ลดอีก 30% จึงซื้อลงทุน
B.ส่วนหุ้นที่เข้าข่ายต้อง
1.P/E < 12
2.P/BV <2
3.หนี้/ทุน <1
4.ปันผล>5%
5.roe >15%
6.p/s<1
7.eps เติบโต>10%
8.รายได้ เติบโต>10%
9.roaหรือpm >15%
10.มีเงินสดมากกว่า 50%
ถ้าหุ้นตัวใดได้ >7/10 จึงเข้าลงทุน แต่ต้องราคาตามข้อ A ด้วย
C.สุดท้ายต้องดูตัวบริษัทว่าสินค้าติดตลาดมั้ย และได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบมั้ย ผู้บริหารเป็นไง มีคุณธรรมพอมั้ย และ.................
ถ้าเข้าข่าย 3 ข้อนี่ ก็จะเริ่มซื้อลงทุนครับ
แต่ถ้าพลาดก็ทำใจละครับ ถือว่า ทำดีที่สุดแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอคำแนะนำพี่ chatchai ด้วยนะครับผมว่า ยังมีช่องว่างให้เติมเต็มอีกเยอะ 8)
ผมกรองขนาดนี้ยังเข้าข่าย ถึง 10 บริษัทเลยครับ
แต่พี่ chatchai ถือแค่ตัวเดียว คงกรองละเอียดกว่านี้ อีกเยอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 12
ผมคิดว่าพี่ฉัตรชัยหมายถึงมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม
เช่นหุ้น xx ปัจจุบันราคาตลาด 20 บาท แต่มีมูลค่าพื้นฐาน 30 บาท
ด้วยวิธี ...(อะไรก็ว่าไป) ดังนั้นจึงบอกตัวเองได้ว่าน่าซื้อ และคุณให้เหตุผลได้ว่าทำไมถึงเลือกวิธีนั้นในการประเมินมูลค่าหุ้นนะครับ
ซือแป๋วิบูลย์เคยแนะนำหนังสือ "ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน" ของคุณอุทัย อัศวารักษ์ เล่มนี้ตรงประเด็นครับ ไม่มีอ้อมค้อม
เชิญอาจารย์ฉัตรชัยบรรยายต่อครับ ผมตีตั๋วนั่งฟังด้วยคน
เช่นหุ้น xx ปัจจุบันราคาตลาด 20 บาท แต่มีมูลค่าพื้นฐาน 30 บาท
ด้วยวิธี ...(อะไรก็ว่าไป) ดังนั้นจึงบอกตัวเองได้ว่าน่าซื้อ และคุณให้เหตุผลได้ว่าทำไมถึงเลือกวิธีนั้นในการประเมินมูลค่าหุ้นนะครับ
ซือแป๋วิบูลย์เคยแนะนำหนังสือ "ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน" ของคุณอุทัย อัศวารักษ์ เล่มนี้ตรงประเด็นครับ ไม่มีอ้อมค้อม
เชิญอาจารย์ฉัตรชัยบรรยายต่อครับ ผมตีตั๋วนั่งฟังด้วยคน
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 14
ลองอ่านหนังสือของพี่ WEB ชื่อ "กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า" นั่นก็สอนวิธีหามูลค่ากิจการอยู่นี่ครับ ลองอ่านแล้วมาฝึกหัดทำดูก็ได้นี่ครับ หรือไม่ก็คิดง่ายๆแบบพวกนักวิเคราะห์คือใช้ PE เอาก็ได้ หา PE ของธุรกิจเดียวกันที่เค้านิยมซื้อ-ขายกันมาแล้วเอากำไรของเรา คูรเข้าไปก็ได้ราคาเป้าหมายคราวๆแล้วนี่ครับ
แต่วิธี FCF เนี่ยดีที่สุดครับในความคิดผม(แบบที่พี่ chatchai ทำอยู่) เพราะหากเราหา FCF มาได้ก็พลิกแพลงมาใช้หาราคาเหมาะสมได้อีกหลายแบบ หลายสูตรครับ จะ DCF หรือจะคำนวนละเอียดแบบปีต่อปีก็ยังไหวครับ ซึ่งอันนี้ต้องเข้าใจหลักการ time value of money อีกที(เขียนถูกป่าวหว่า)
ยังไงพี่ chatchai สอนเรื่องความเหมาะสมของสูตรที่ใช้ในการประเมินมูลค่าจะเป็นประโยชน์มากกว่านะครับ เพราะแต่ละสูตรย่อมมี สมมุติฐานของมันอยู่แล้ว
แต่วิธี FCF เนี่ยดีที่สุดครับในความคิดผม(แบบที่พี่ chatchai ทำอยู่) เพราะหากเราหา FCF มาได้ก็พลิกแพลงมาใช้หาราคาเหมาะสมได้อีกหลายแบบ หลายสูตรครับ จะ DCF หรือจะคำนวนละเอียดแบบปีต่อปีก็ยังไหวครับ ซึ่งอันนี้ต้องเข้าใจหลักการ time value of money อีกที(เขียนถูกป่าวหว่า)
ยังไงพี่ chatchai สอนเรื่องความเหมาะสมของสูตรที่ใช้ในการประเมินมูลค่าจะเป็นประโยชน์มากกว่านะครับ เพราะแต่ละสูตรย่อมมี สมมุติฐานของมันอยู่แล้ว
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 18
สงัสยกระทู้นี้ของพี่ chatchai ฮิตแน่ๆ สงสัยพี่ได้ทำ CD แจกไม่ก็ทำ ไฟล์แจกแหงๆ หรืออยากสอนสดก็ดีนะครับ อยากเห็นหน้าตาคนเก่งบ้าง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 26
ไม่กระดิกเลยครับ
กะๆ ประมาณอนาคตของธุรกิจแล้วบริษัทนั้นๆ
แล้วดูประวัติ แค่ 3อย่างครับ
1. Roa/Roe มากกว่า 15
2. eps เพิ่มขึ้นทุกปี >10%
3. ไม่เป็นหนี้หัวโตครับ
p/e เกิน 12 บางตัวผมก็ซื้อครับ แฮะๆ
ถ้ามีสอน บอกผมด้วยนะครับ จำเอาขนมไปฝากเพื่อนที่ไปมีตติ้ง
กะๆ ประมาณอนาคตของธุรกิจแล้วบริษัทนั้นๆ
แล้วดูประวัติ แค่ 3อย่างครับ
1. Roa/Roe มากกว่า 15
2. eps เพิ่มขึ้นทุกปี >10%
3. ไม่เป็นหนี้หัวโตครับ
p/e เกิน 12 บางตัวผมก็ซื้อครับ แฮะๆ
ถ้ามีสอน บอกผมด้วยนะครับ จำเอาขนมไปฝากเพื่อนที่ไปมีตติ้ง
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- edd
- Verified User
- โพสต์: 325
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 27
การหา DCF เพื่อหามูลค่าพื้นฐานของบริษัท ถามว่าดีไหมคงต้องตอบว่า ดีครับ
แต่......การที่จะหาตัวเลขนี้ให้ถูกต้องนี่สิปัญหาล่ะครับ
แต่ละคนมองธุรกิจไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น assumption ในการทำต่างกันแน่นอน
เพราะการทำ DCF ส่วนใหญ่เป็น assumption ล้วนๆ เนื่องจากต้องประเมินตัวเลขในอนาคต
แต่......การที่จะหาตัวเลขนี้ให้ถูกต้องนี่สิปัญหาล่ะครับ
แต่ละคนมองธุรกิจไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น assumption ในการทำต่างกันแน่นอน
เพราะการทำ DCF ส่วนใหญ่เป็น assumption ล้วนๆ เนื่องจากต้องประเมินตัวเลขในอนาคต
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ใครไม่ได้คำนวณราคาพื้นฐานหรือคำนวณไม่เป็นบ้าง ยกมือขึ้น
โพสต์ที่ 28
ผมไปคุยกับนักวิเคราะห์มาครับ เรื่องราคาพื้นฐานและราคาเป้าหมาย
เขาบอกว่า นักเคราะห์ส่วนใหญ่จะเริ่มจากคาดการณ์กำไรก่อน โดย
จะต้องใช้หลายๆ วิธี รวมทั้ง FCF DCF EVA กับชื่ออะไรอีกไม่รู้เต็มเลย
ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกอันกลางๆ ครับ หรือไม่ก็เฉลี่ยของสองสามวิธี
ที่ออกมาใกล้เคียงกัน และของนักวิเคราะห์ต่างสำนักกัน ก็จะไม่
ค่อยต่างกันนัก
หลังจากได้ estimated E มาแล้ว ก็เทียบความเสี่ยงของหุ้นกับหุ้น
ตัวอื่นในอุตสาหกรรมเหมือนๆ กันที่จัดว่าเป็นคู่แข่งกัน เพราะหา
PER ที่เหมาะสม
ตอนนี้แหละครับ ที่ฉีกกันสุดโลกเลย บางคนเอา PER ที่ได้มาบวก
เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อสร้างพรีเมี่ยม (เชียร์ซื้อ) บางคนก็ลบออก เพื่อ
สร้าง discount (เชียร์ขาย)
ถ้าคาดการณ์กำไรผิด ก็เละเป็นวุ้นเลยครับ
เขาบอกว่า นักเคราะห์ส่วนใหญ่จะเริ่มจากคาดการณ์กำไรก่อน โดย
จะต้องใช้หลายๆ วิธี รวมทั้ง FCF DCF EVA กับชื่ออะไรอีกไม่รู้เต็มเลย
ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกอันกลางๆ ครับ หรือไม่ก็เฉลี่ยของสองสามวิธี
ที่ออกมาใกล้เคียงกัน และของนักวิเคราะห์ต่างสำนักกัน ก็จะไม่
ค่อยต่างกันนัก
หลังจากได้ estimated E มาแล้ว ก็เทียบความเสี่ยงของหุ้นกับหุ้น
ตัวอื่นในอุตสาหกรรมเหมือนๆ กันที่จัดว่าเป็นคู่แข่งกัน เพราะหา
PER ที่เหมาะสม
ตอนนี้แหละครับ ที่ฉีกกันสุดโลกเลย บางคนเอา PER ที่ได้มาบวก
เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อสร้างพรีเมี่ยม (เชียร์ซื้อ) บางคนก็ลบออก เพื่อ
สร้าง discount (เชียร์ขาย)
ถ้าคาดการณ์กำไรผิด ก็เละเป็นวุ้นเลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย CK เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 02, 2004 12:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.