การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 1
พี่น้องคิดเห็นอย่างไร แชร์กันได้ครับ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ๆ หลายคนยังกลัวกับคำว่า มาร์จิ้น ซึ่งก็คือการนำหุ้นใน port ของเราไปจำนำกับโบรกเกอร์ แล้วจะกู้เงินมาซื้อหุ้นได้ตามจำนวนที่แต่ละโบรกกำหนด แล้วก็จะถูกคิดดอกเบี้ยจำนวนหนึ่ง 4-8% ตามโบรกเกอร์แต่ละค่าย การใช้มาร์จิ้นนี้ มีข้อที่ควรระวัง คือถ้าหุ้นของเรา ราคาตลาดตกลงมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะถูกบังคับขาย ทำให้เกิดการขาดทุนอย่างยับเยินในช่วงที่ตลาดหุ้นตกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
แต่กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนที่ใช้ margin เป็น % ที่มากๆเมื่อเทียบกับ E ของเรา ถ้าเราใช้ margin แค่ 10-25% โอกาสที่จะโดน force sell นั้น ยากมาก
ทีนี้ port ของนักลงทุนแบบไหน ที่จะใช้ margin ได้โดยมีความเสี่ยงน้อยๆ
ถ้าท่านมีสไตล์การลงทุนในหุ้นที่ไม่ค่อยจะผันผวนมีความเป็นวัฏจักรน้อย เช่น หุ้นกลุ่ม โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์การค้า ค้าปลีก และมีการซื้อแบบ DCA คือซื้อเฉลี่ยๆ เท่าๆกันไปทุกเดือน โดยปกติแล้ว ผลตอบแทนก็ไม่น่าจะแพ้การลงทุนในดัชนี (ซื้อกองทุน Set) ซึ่งก็ประมาณ 10% โดยเฉลี่ยต่อปี ซึ่งก็ยังมากกว่าดอกเบี้ย ที่เราต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์อยู่ดี
แต่ถ้าหากเราเป็นนักลงทุนที่ Advance ขึ้นมาหน่อยนึง ลงทุนแบบมีหลักการหน่อย เช่น ใช้สูตรของ ดร นิเวศน์ สูตรที่ท่านเคยเขียนนี้ ลองตามไปอ่านดูครับ
http://www.thaivi.com/2010/03/458/
ก็จะพบว่า ผลตอบแทนนั้น ชนะดอกเบี้ยมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
ดังนั้นการใช้ margin แบบนี้ จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยจำกัดความเสี่ยงให้น้อยลงได้เยอะมากๆ
จะรอช้าอยู่ใย รีบเปิดมาใช้กันเลย :D :D :D
คำเตือน
- แนวคิดนี้ ไม่เหมาะสำหรับท่านที่เป็นนักเก็งกำไร
- แนวคิดนี้ ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูง เช่นพวกสินค้า commodities
- ในแนวคิดนี้ ใช้ margin เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ให้ใช้เยอะจนมีโอกาสถูกบังคับขายได้ง่ายๆ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ๆ หลายคนยังกลัวกับคำว่า มาร์จิ้น ซึ่งก็คือการนำหุ้นใน port ของเราไปจำนำกับโบรกเกอร์ แล้วจะกู้เงินมาซื้อหุ้นได้ตามจำนวนที่แต่ละโบรกกำหนด แล้วก็จะถูกคิดดอกเบี้ยจำนวนหนึ่ง 4-8% ตามโบรกเกอร์แต่ละค่าย การใช้มาร์จิ้นนี้ มีข้อที่ควรระวัง คือถ้าหุ้นของเรา ราคาตลาดตกลงมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะถูกบังคับขาย ทำให้เกิดการขาดทุนอย่างยับเยินในช่วงที่ตลาดหุ้นตกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
แต่กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนที่ใช้ margin เป็น % ที่มากๆเมื่อเทียบกับ E ของเรา ถ้าเราใช้ margin แค่ 10-25% โอกาสที่จะโดน force sell นั้น ยากมาก
ทีนี้ port ของนักลงทุนแบบไหน ที่จะใช้ margin ได้โดยมีความเสี่ยงน้อยๆ
ถ้าท่านมีสไตล์การลงทุนในหุ้นที่ไม่ค่อยจะผันผวนมีความเป็นวัฏจักรน้อย เช่น หุ้นกลุ่ม โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์การค้า ค้าปลีก และมีการซื้อแบบ DCA คือซื้อเฉลี่ยๆ เท่าๆกันไปทุกเดือน โดยปกติแล้ว ผลตอบแทนก็ไม่น่าจะแพ้การลงทุนในดัชนี (ซื้อกองทุน Set) ซึ่งก็ประมาณ 10% โดยเฉลี่ยต่อปี ซึ่งก็ยังมากกว่าดอกเบี้ย ที่เราต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์อยู่ดี
แต่ถ้าหากเราเป็นนักลงทุนที่ Advance ขึ้นมาหน่อยนึง ลงทุนแบบมีหลักการหน่อย เช่น ใช้สูตรของ ดร นิเวศน์ สูตรที่ท่านเคยเขียนนี้ ลองตามไปอ่านดูครับ
http://www.thaivi.com/2010/03/458/
ก็จะพบว่า ผลตอบแทนนั้น ชนะดอกเบี้ยมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
ดังนั้นการใช้ margin แบบนี้ จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยจำกัดความเสี่ยงให้น้อยลงได้เยอะมากๆ
จะรอช้าอยู่ใย รีบเปิดมาใช้กันเลย :D :D :D
คำเตือน
- แนวคิดนี้ ไม่เหมาะสำหรับท่านที่เป็นนักเก็งกำไร
- แนวคิดนี้ ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูง เช่นพวกสินค้า commodities
- ในแนวคิดนี้ ใช้ margin เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ให้ใช้เยอะจนมีโอกาสถูกบังคับขายได้ง่ายๆ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 2
เพื่อนผมที่ใช้ Margin แต่ละคน ส่วนใหญ่ก่อนเปิดตั้งใจว่าจะใช้ Margin ไม่เยอะทั้งนั้นแต่กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนที่ใช้ margin เป็น % ที่มากๆเมื่อเทียบกับ E ของเรา ถ้าเราใช้ margin แค่ 10-25% โอกาสที่จะโดน force sell นั้น ยากมาก
แต่พอเปิดใช้แล้ว กำไรแล้วทีไร... ก็ใช้เกินกันซะส่วนใหญ่
ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครครับ ผมทั้งผมด้วย
ตอนนี้ก็ว่าจะเลิกใช้ Margin แล้วครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 3
ผมก็เคยกลัวการใช้มาร์จิ้น เพราะเค้าว่า ว่า น่ากลัว (ไม่เห็นผีเลย กลัวผีซะก่อนแล้ว :lol: )
แต่จะกลัวไปก่อนแล้วไม่สนใจศึกษาเลยว่าจริงๆมันเป็นเช่นไรก็ใช่ที่
เลยลองอ่านๆว่า จะโดนฟอร์ซ โดนคอลล์ เมื่อไหร่ ดูๆแล้วไม่ได้เสี่ยงอย่างที่คิด(ถ้าเราใช้น้อยๆแต่พองามนะ ไม่โลภมาก :lol: )
สุดท้ายก็ได้เปิดและใช้ดู พบว่า ถ้าใช้ให้ถูกต้องด้วยปัญญาแล้ว ผลดีมากกว่าผลเสียเยอะครับ
ขอบคุณโรจน์มากที่มาเขียนบอกเพื่อนๆ ที่ยังกลัวเพราะเค้าว่า.. กันอยู่
แต่จะกลัวไปก่อนแล้วไม่สนใจศึกษาเลยว่าจริงๆมันเป็นเช่นไรก็ใช่ที่
เลยลองอ่านๆว่า จะโดนฟอร์ซ โดนคอลล์ เมื่อไหร่ ดูๆแล้วไม่ได้เสี่ยงอย่างที่คิด(ถ้าเราใช้น้อยๆแต่พองามนะ ไม่โลภมาก :lol: )
สุดท้ายก็ได้เปิดและใช้ดู พบว่า ถ้าใช้ให้ถูกต้องด้วยปัญญาแล้ว ผลดีมากกว่าผลเสียเยอะครับ
ขอบคุณโรจน์มากที่มาเขียนบอกเพื่อนๆ ที่ยังกลัวเพราะเค้าว่า.. กันอยู่
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 4
อ่อ อีกอย่างครับ
การใช้ Margin ไม่ใช่ดันโดแน่ๆ
ดันโดมันต้อง เวลาได้ ได้เยอะๆ เวลาเสียเสียนิดหน่อย
Margin นี่ผมว่ายังไงก็ เวลาได้ ได้เยอะๆ เวลาเสีย ก็เสียเยอะๆเหมือนกัน
การใช้ Margin ไม่ใช่ดันโดแน่ๆ
ดันโดมันต้อง เวลาได้ ได้เยอะๆ เวลาเสียเสียนิดหน่อย
Margin นี่ผมว่ายังไงก็ เวลาได้ ได้เยอะๆ เวลาเสีย ก็เสียเยอะๆเหมือนกัน
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 5
ที่ผมบอกว่าดันโด นั้นประมาณนี้ครับ
คือถ้าเราลงทุนแบบมีวินัย ยกตัวอย่างเช่นใช้สูตรของ ดร นิเวศน์ตามนี้
http://www.thaivi.com/2010/03/458/
โอกาสได้เงิน ก็คือได้ cap gain + ปันผล
โอกาสเสียเงิน ก็คือ ผลตอบแทนของ port เรา แพ้ดอกเบี้ยเงินกู้
ซึ่งผมว่าโอกาสน้อยมากครับ ที่จะเสียเงิน
ปล. ต้องเป็นการลงทุน โดยเคร่งครัดนะครับ ห้ามเอาไปใช้เก็งกำไร โดยเด็ดขาด
คือถ้าเราลงทุนแบบมีวินัย ยกตัวอย่างเช่นใช้สูตรของ ดร นิเวศน์ตามนี้
http://www.thaivi.com/2010/03/458/
โอกาสได้เงิน ก็คือได้ cap gain + ปันผล
โอกาสเสียเงิน ก็คือ ผลตอบแทนของ port เรา แพ้ดอกเบี้ยเงินกู้
ซึ่งผมว่าโอกาสน้อยมากครับ ที่จะเสียเงิน
ปล. ต้องเป็นการลงทุน โดยเคร่งครัดนะครับ ห้ามเอาไปใช้เก็งกำไร โดยเด็ดขาด
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 6
ในความเห็นผม
เล่นหุ้นยากขนาดไหน
เล่นหุ้นแบบอัดมาร์จิ้นนี่ ระดับความยาก ให้นี่ให้เอา 3 คูณเข้าไปได้เลย...
ระดับความโลภและความกลัวตอนมีมาร์จิ้นติดพอร์ตนี่รุนแรงมาก... ถ้าคนใช้ควบคุมความรู้ให้สมดุลกับความโลภไม่ได้นี่ เล่นได้ก็ดีไป แต่พอเสียนี่อาจถึงกับแหลกได้...
ปีที่แล้วมีบางจังหวะที่ผมควบคุมระดับความโลภและความกลัวเอาไว้ไม่ได้ ระดับความเสียหายกับพอร์ตถ้าจำไม่ผิดนี่โดนไปเป็นล้านภายในไม่กี่วัน
ส่วนปี 2008 นี่ไม่ต้องพูดถึง... หุ้น P/E 4-5 เท่า ลงไปเหลือ P/E เหลือ 1-2 เท่านี่... เกือบโดน force sell ไปเหมือนกัน
สรุปว่า... ถ้าจะใช้ มีความรู้และหลักการลงทุนที่มั่นคงอย่างเดียวไม่พอ จิตใจ และอารมณ์ต้องเข้มแข็งมีสติอยู่ตลอดเวลาครับ
ขอให้โชคดีกับผู้ที่คิดจะใช้... ส่วนผมก็พยายามลดๆ ความโลภของตัวเองลงอยู่เหมือนกัน...
เล่นหุ้นยากขนาดไหน
เล่นหุ้นแบบอัดมาร์จิ้นนี่ ระดับความยาก ให้นี่ให้เอา 3 คูณเข้าไปได้เลย...
ระดับความโลภและความกลัวตอนมีมาร์จิ้นติดพอร์ตนี่รุนแรงมาก... ถ้าคนใช้ควบคุมความรู้ให้สมดุลกับความโลภไม่ได้นี่ เล่นได้ก็ดีไป แต่พอเสียนี่อาจถึงกับแหลกได้...
ปีที่แล้วมีบางจังหวะที่ผมควบคุมระดับความโลภและความกลัวเอาไว้ไม่ได้ ระดับความเสียหายกับพอร์ตถ้าจำไม่ผิดนี่โดนไปเป็นล้านภายในไม่กี่วัน
ส่วนปี 2008 นี่ไม่ต้องพูดถึง... หุ้น P/E 4-5 เท่า ลงไปเหลือ P/E เหลือ 1-2 เท่านี่... เกือบโดน force sell ไปเหมือนกัน
สรุปว่า... ถ้าจะใช้ มีความรู้และหลักการลงทุนที่มั่นคงอย่างเดียวไม่พอ จิตใจ และอารมณ์ต้องเข้มแข็งมีสติอยู่ตลอดเวลาครับ
ขอให้โชคดีกับผู้ที่คิดจะใช้... ส่วนผมก็พยายามลดๆ ความโลภของตัวเองลงอยู่เหมือนกัน...
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 7
อย่างนี้ การเลือกหุ้นที่มี P/E ต่ำกระจายหลายตัว หากแต่มีปัจจัยเสี่ยงภายในกิจการที่เป็นเหมือนระเบิดเวลา ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และก็ไม่ได้ดีไปกว่าpicatos เขียน: ส่วนปี 2008 นี่ไม่ต้องพูดถึง... หุ้น P/E 4-5 เท่า ลงไปเหลือ P/E เหลือ 1-2 เท่านี่... เกือบโดน force sell ไปเหมือนกัน
สรุปว่า... ถ้าจะใช้ มีความรู้และหลักการลงทุนที่มั่นคงอย่างเดียวไม่พอ จิตใจ และอารมณ์ต้องเข้มแข็งมีสติอยู่ตลอดเวลาครับ
ขอให้โชคดีกับผู้ที่คิดจะใช้... ส่วนผมก็พยายามลดๆ ความโลภของตัวเองลงอยู่เหมือนกัน...
การเลือกหุ้นเติบโต ที่ราคาแพงเกินไป ถึงเวลานั้นก็ถูกจับขายกระจายเหมือนกัน ป่ะครับ
(ถ้าผมเข้าใจผิด โปรดสอนสั่งด้วยครับ)
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 9
ความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้แหละ.....yoyo เขียน: เพื่อนผมที่ใช้ Margin แต่ละคน ส่วนใหญ่ก่อนเปิดตั้งใจว่าจะใช้ Margin ไม่เยอะทั้งนั้น
แต่พอเปิดใช้แล้ว กำไรแล้วทีไร... ก็ใช้เกินกันซะส่วนใหญ่
ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครครับ ผมทั้งผมด้วย
ตอนนี้ก็ว่าจะเลิกใช้ Margin แล้วครับ
ผมว่าโอกาสชนะมันต้องชัดจริงๆ แต่แล้วเมื่อไหร่ล่ะ พอเอาเข้าจริงๆก็อีกอย่างอ่ะครับ..
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 13
ช่ายครับ ดันโด ชัดๆ แบบนี้Onokung เขียน:
หุ้นขึ้นได้เต็ม
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 14
อย่างนี้ การเลือกหุ้นที่มี P/E ต่ำกระจายหลายตัว หากแต่มีปัจจัยเสี่ยงภายในกิจการที่เป็นเหมือนระเบิดเวลา ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นpicatos เขียน:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 15
อานๆแล้วเริ่มกลัว
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 17
ที่ไหนมีมาร์จิ้น ที่นั้นต้องมีผม มาร์จิ้น100% 555+ เล่าสู่กันฟังละกันะครับ ว่าผมคิดอย่างไร....
ที่จริงผมละไม่อย๊ากไม่อยากแนะให้ใครใช้มาร์จิ้นเลยนะครับ ไม่เคยแนะนำใครเลย และไม่กล้าที่จะตั้งกระทู้อย่างนี้ด้วย เดี๋ยวใครใช้แล้วหมดตัวมาด่ากันตอนหลังจะซวย 555+
โดนส่วนตัวที่กล้าใช้มาร์จิ้น100%เพราะเงินก้อนที่ลงอยู่เป็นเงินที่ผมสามารถหาได้ในเวลา3ปี ซึ่งดูตามสัดส่วนแล้วจึงถือว่าไม่มากครับ วันนี้100%แต่อีก3ปีอาจจะเหลือ0%นะครับ ดังนั้นด้วยอัตราเร่งของเงินเก็บเทียบกับเงินลงทุนระดับนี้สำหรับผม....ผมรับได้ครับ......
แต่สำหรับคนอื่นที่เงินเก็บต่อเดือนเทียบกับเงินลงทุนไม่ถึง3%เหมือนผมผมก็ไม่แนะนำเลยนะครับ เก็บมาแทบตายเงินอาจ0ได้ หรือใครฝืนจะใช้อย่างน้อยก็ต้องมานั่งดูราคาและข่าวทุกวันนะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดpanicเมื่อไหร่ อิอิ
และคนใช้มาร์จิ้นต้องมั่นใจด้วยนะครับว่าสามารถทำกำไรได้มากกว่าดอกเงินกู้มากๆอันนี้สำคัญมากนะครับ
ที่จริงผมละไม่อย๊ากไม่อยากแนะให้ใครใช้มาร์จิ้นเลยนะครับ ไม่เคยแนะนำใครเลย และไม่กล้าที่จะตั้งกระทู้อย่างนี้ด้วย เดี๋ยวใครใช้แล้วหมดตัวมาด่ากันตอนหลังจะซวย 555+
โดนส่วนตัวที่กล้าใช้มาร์จิ้น100%เพราะเงินก้อนที่ลงอยู่เป็นเงินที่ผมสามารถหาได้ในเวลา3ปี ซึ่งดูตามสัดส่วนแล้วจึงถือว่าไม่มากครับ วันนี้100%แต่อีก3ปีอาจจะเหลือ0%นะครับ ดังนั้นด้วยอัตราเร่งของเงินเก็บเทียบกับเงินลงทุนระดับนี้สำหรับผม....ผมรับได้ครับ......
แต่สำหรับคนอื่นที่เงินเก็บต่อเดือนเทียบกับเงินลงทุนไม่ถึง3%เหมือนผมผมก็ไม่แนะนำเลยนะครับ เก็บมาแทบตายเงินอาจ0ได้ หรือใครฝืนจะใช้อย่างน้อยก็ต้องมานั่งดูราคาและข่าวทุกวันนะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดpanicเมื่อไหร่ อิอิ
และคนใช้มาร์จิ้นต้องมั่นใจด้วยนะครับว่าสามารถทำกำไรได้มากกว่าดอกเงินกู้มากๆอันนี้สำคัญมากนะครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 18
แต่!!! ถ้าถามว่าการใช้มาร์จิ้นเป็นดันโดหรือไม่?
ผมตอบแบบเป็นกลางและไม่เข้าข้างใครเลยนะครับ
ผมว่าใช่ครับ มันคือดันโด
ถามว่าเพราะอะไร...ทั้งๆที่เสียมากกว่าได้เพราะมีค่าดอกด้วย อันนี้จริงครับ
เหมือนกับการโยนหัวก้อย ทายถูกได้10บาท ทายผิดเสีย11บาท
ถ้ามองในมุมนี้มันไม่เป็นดันโดจริงๆครับ
แต่!!!อย่าลืมเรื่องโอกาสในการออกหัวก้อยเป็น50-50แต่โอกาสในการทำทำธุรกิจจะขาดทุนไม่ใช่50-50นะครับ แต่อาจจะเป็น70-30โอกาสกำไร70ขาดทุน30 อันนี้กรณีทั้งSETนะครับ แต่ถ้าเราสามารถกรองบริษัทได้ถูกต้องแม่นยำ โอกาสที่จะได้กำไรมีมากกว่าขาดทุนเยอะมากนะครับ ถ้าเราเอส่วนนี้มารวมจะได้เกมส์ใหม่ครับ
คือเหรียญ3เหรียญ เราแทงกลางตลอด ถ้าออกไม่เหมือนกันเราได้10บาท
แต่ถ้าออกหัว3อัน หรือก้อย3อัน เราถึงจะเสีย11บาท
เกมส์นี้คือดันโดครับ.....
ปล1.แต่สรุปแล้วไม่ใช่ผมเชียร์ให้เล่นมาร์จิ้นนะครับ555+ ถ้าใครคิดจะเล่นห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ต้องเจอกับตัวเองจึงจะเข้าใจ....
แต่ถ้าเล่น!!!ผมก็แนะนำนะครับว่า....
1.ให้เล่นเพียงไม่เกิน30%ตั้งเป็นกฏตายตัว
2.จงตระหนักว่ามาร์จิ้นไม่ได้เล่นได้ทุกช่วง!!!
ปล2.คนสูบบุหรี่มาบอกว่าบุหรี่ไม่ดี แปลกๆเหมือนกันแฮ๊ะ555+
แต่การใช้มาร์จิ้นผมก็มีกฏอีกอย่างนะครับ...ผมดูการไหลของเงิน และความถูกแพงณ.ปัจจุบันด้วยครับ ถ้าเงินไหลออกกันหรือถ้าMOSของพอร์ทผมน้อยผมคงลดมาร์จิ้นลงตามสัดส่วนครับ....
ผมตอบแบบเป็นกลางและไม่เข้าข้างใครเลยนะครับ
ผมว่าใช่ครับ มันคือดันโด
ถามว่าเพราะอะไร...ทั้งๆที่เสียมากกว่าได้เพราะมีค่าดอกด้วย อันนี้จริงครับ
เหมือนกับการโยนหัวก้อย ทายถูกได้10บาท ทายผิดเสีย11บาท
ถ้ามองในมุมนี้มันไม่เป็นดันโดจริงๆครับ
แต่!!!อย่าลืมเรื่องโอกาสในการออกหัวก้อยเป็น50-50แต่โอกาสในการทำทำธุรกิจจะขาดทุนไม่ใช่50-50นะครับ แต่อาจจะเป็น70-30โอกาสกำไร70ขาดทุน30 อันนี้กรณีทั้งSETนะครับ แต่ถ้าเราสามารถกรองบริษัทได้ถูกต้องแม่นยำ โอกาสที่จะได้กำไรมีมากกว่าขาดทุนเยอะมากนะครับ ถ้าเราเอส่วนนี้มารวมจะได้เกมส์ใหม่ครับ
คือเหรียญ3เหรียญ เราแทงกลางตลอด ถ้าออกไม่เหมือนกันเราได้10บาท
แต่ถ้าออกหัว3อัน หรือก้อย3อัน เราถึงจะเสีย11บาท
เกมส์นี้คือดันโดครับ.....
ปล1.แต่สรุปแล้วไม่ใช่ผมเชียร์ให้เล่นมาร์จิ้นนะครับ555+ ถ้าใครคิดจะเล่นห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ต้องเจอกับตัวเองจึงจะเข้าใจ....
แต่ถ้าเล่น!!!ผมก็แนะนำนะครับว่า....
1.ให้เล่นเพียงไม่เกิน30%ตั้งเป็นกฏตายตัว
2.จงตระหนักว่ามาร์จิ้นไม่ได้เล่นได้ทุกช่วง!!!
ปล2.คนสูบบุหรี่มาบอกว่าบุหรี่ไม่ดี แปลกๆเหมือนกันแฮ๊ะ555+
แต่การใช้มาร์จิ้นผมก็มีกฏอีกอย่างนะครับ...ผมดูการไหลของเงิน และความถูกแพงณ.ปัจจุบันด้วยครับ ถ้าเงินไหลออกกันหรือถ้าMOSของพอร์ทผมน้อยผมคงลดมาร์จิ้นลงตามสัดส่วนครับ....
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 19
ถ้าหุ้นไม่มี Call หรือ Force + กับฝีมือการลงทุนของเราต้องดีจริงๆ จนทำให้ Expected Return สูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าดันโด
แต่ในภาวะปกติ ผมกลับมองว่ามันตรงข้ามกับดันโดเลยนะ...
โดยเฉพาะถ้าสำหรับคนที่มี Financial Freedom แล้ว
เคยได้ยินหลักเศรษฐศาสตร์ข้อนึงมั๊ยครับ...
ที่เค้าบอกประมาณว่า กินอาหารคำแรกมันจะอร่อยมาก คำต่อๆไปมันอร่อยน้อยลง
(ผมจำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร คุ้นว่า Utility อะไรซักอย่าง ใครรู้ช่วยบอกด้วย)
ถ้าเราเอาหลักการนี้ (ซึ่งยังนึกชื่อเรียกไม่ออก) ว่าใช้กับการได้เงินเพิ่ม...
ถ้าเราไม่มีเงินมาก เงินล้านแรกที่ได้นั้นจะมีค่ามากสำหรับเรา
แต่ถ้าเรามีเงิน 10 ล้านแล้ว... ล้านถัดๆไปก็มีความหมายกับเราน้อยลง
ยิ่งสำหรับคนที่มีอิสระทางการเงินแล้ว ... เงินที่จะได้เพิ่มขึ้นนั้นยิ่งมีความหมายน้อยลงกับเราลงไปอีก
....
การเอา Margin มาใช้นั้น... เวลาได้ .. ความพึงพอใจของเรามันจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ถ้าเวลาเสียแบบถูก Force หรือหมดตัวนั้น มันกลับสร้างความเดือดร้อนมหาศาลให้กับเรา
...
สรุปว่าถ้าเอาเรื่องของเศรษฐศาสตร์ความพึงพอใจ (ผมตั้งชื่อให้มันใหม่ซะเลย ยังชื่อที่ถูกไม่ออก) มาจับกับดันโด การใช้ Margin นี่ก็เรียกว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับดันโดเลยเหมือนกัน เวลาได้ พึงพอใจเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่เวลาเสียความพึงพอใจลดฮวบๆๆ
post ไปก็ตลกตัวเองไป... เพราะอยากลด Margin มาตั้งนานแล้ว จำได้ว่าตั้งเป้าจะเลิกใช้ Margin ตั้งแต่สงกรานต์ 2 ปีที่แล้ว จนวันนี้ยังเลิกไม่ได้เลย ฮือๆๆ :'O
แต่ในภาวะปกติ ผมกลับมองว่ามันตรงข้ามกับดันโดเลยนะ...
โดยเฉพาะถ้าสำหรับคนที่มี Financial Freedom แล้ว
เคยได้ยินหลักเศรษฐศาสตร์ข้อนึงมั๊ยครับ...
ที่เค้าบอกประมาณว่า กินอาหารคำแรกมันจะอร่อยมาก คำต่อๆไปมันอร่อยน้อยลง
(ผมจำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร คุ้นว่า Utility อะไรซักอย่าง ใครรู้ช่วยบอกด้วย)
ถ้าเราเอาหลักการนี้ (ซึ่งยังนึกชื่อเรียกไม่ออก) ว่าใช้กับการได้เงินเพิ่ม...
ถ้าเราไม่มีเงินมาก เงินล้านแรกที่ได้นั้นจะมีค่ามากสำหรับเรา
แต่ถ้าเรามีเงิน 10 ล้านแล้ว... ล้านถัดๆไปก็มีความหมายกับเราน้อยลง
ยิ่งสำหรับคนที่มีอิสระทางการเงินแล้ว ... เงินที่จะได้เพิ่มขึ้นนั้นยิ่งมีความหมายน้อยลงกับเราลงไปอีก
....
การเอา Margin มาใช้นั้น... เวลาได้ .. ความพึงพอใจของเรามันจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ถ้าเวลาเสียแบบถูก Force หรือหมดตัวนั้น มันกลับสร้างความเดือดร้อนมหาศาลให้กับเรา
...
สรุปว่าถ้าเอาเรื่องของเศรษฐศาสตร์ความพึงพอใจ (ผมตั้งชื่อให้มันใหม่ซะเลย ยังชื่อที่ถูกไม่ออก) มาจับกับดันโด การใช้ Margin นี่ก็เรียกว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับดันโดเลยเหมือนกัน เวลาได้ พึงพอใจเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่เวลาเสียความพึงพอใจลดฮวบๆๆ
post ไปก็ตลกตัวเองไป... เพราะอยากลด Margin มาตั้งนานแล้ว จำได้ว่าตั้งเป้าจะเลิกใช้ Margin ตั้งแต่สงกรานต์ 2 ปีที่แล้ว จนวันนี้ยังเลิกไม่ได้เลย ฮือๆๆ :'O
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 20
มีตัวอย่างจากหนังสือ เศรษฐศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร หน้า 51-53 ครับyoyo เขียน: เคยได้ยินหลักเศรษฐศาสตร์ข้อนึงมั๊ยครับ...
ที่เค้าบอกประมาณว่า กินอาหารคำแรกมันจะอร่อยมาก คำต่อๆไปมันอร่อยน้อยลง
(ผมจำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร คุ้นว่า Utility อะไรซักอย่าง ใครรู้ช่วยบอกด้วย)
ถ้าเราเอาหลักการ คุณค่าส่วนเพิ่ม (Marginal Value) ว่าใช้กับการได้เงินเพิ่ม...
ถ้าเราไม่มีเงินมาก เงินล้านแรกที่ได้นั้นจะมีค่ามากสำหรับเรา
แต่ถ้าเรามีเงิน 10 ล้านแล้ว... ล้านถัดๆไปก็มีความหมายกับเราน้อยลง
ยิ่งสำหรับคนที่มีอิสระทางการเงินแล้ว ... เงินที่จะได้เพิ่มขึ้นนั้นยิ่งมีความหมายน้อยลงกับเราลงไปอีก
....
การเอา Margin มาใช้นั้น... เวลาได้ .. ความพึงพอใจของเรามันจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ถ้าเวลาเสียแบบถูก Force หรือหมดตัวนั้น มันกลับสร้างความเดือดร้อนมหาศาลให้กับเรา
...
สรุปว่าถ้าเอาเรื่องของคุณค่าส่วนเพิ่ม (Marginal Value) มาจับกับดันโด การใช้ Margin นี่ก็เรียกว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับดันโดเลยเหมือนกัน เวลาได้ พึงพอใจเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่เวลาเสีย ความพึงพอใจลดฮวบๆๆ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- tawitin9
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 21
[กดปุ่มสัญญาณเกมโชว์] ขอตอบครับ เรียกว่า อรรถประโยชน์ครับ ^^yoyo เขียน:ถ้าหุ้นไม่มี Call หรือ Force + กับฝีมือการลงทุนของเราต้องดีจริงๆ จนทำให้ Expected Return สูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าดันโด
แต่ในภาวะปกติ ผมกลับมองว่ามันตรงข้ามกับดันโดเลยนะ...
โดยเฉพาะถ้าสำหรับคนที่มี Financial Freedom แล้ว
เคยได้ยินหลักเศรษฐศาสตร์ข้อนึงมั๊ยครับ...
ที่เค้าบอกประมาณว่า กินอาหารคำแรกมันจะอร่อยมาก คำต่อๆไปมันอร่อยน้อยลง
(ผมจำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร คุ้นว่า Utility อะไรซักอย่าง ใครรู้ช่วยบอกด้วย)
-
- Verified User
- โพสต์: 413
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 22
.ใช้เฉพาะตอนที่ดร.ใช้สิครับ เฉพาะตอนที่ทุกอย่างเละเรียบร้อยละ เซฟสุดๆละ :D
Even Sir Isaac Newton loss in stock market
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
- m_act_z
- Verified User
- โพสต์: 357
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 23
มาตอบคำถาม ชิงรางวัลด้วยคนครับ เค้าเรียกว่า Marginal Utility ครับ หรือ อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มครับ ซึ่งมันจะมีทฤษฎีตามที่ว่าครับ อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มของเราจะลดลงเรื่อยๆ ครับ หรือที่เรียกว่า diminishing marginal utility และ เราจะซื้อสินค้านั้นๆ เมื่อ marginal utility เรามากกว่าราคาที่เราจ่ายไปครับ( marginal consumer surplus) เหมือนเรากินข้าวจานเเรก จนถึงจานที่10 เราก็ไม่อยากกินแล้ว แต่ถ้าอยากให้เรากินจานที่ 11 ต้องจ้างเรากินครับ เราจะเห็นได้ว่าจานที่ 11 marginal utility เราต่ำกว่า price ที่เราจ่ายไปแล้วเพราะฉะนั้น จะให้เรากินต้องจ่ายตังเราเท่ากับ ในส่วนนั้นครับ ^^
- m_act_z
- Verified User
- โพสต์: 357
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 24
โอ๊ะ ลืมไปยังไม่ได้ตอบเกี่ยวกะกระทู้ ครับ 555+ ผมไม่คิดว่าการใช้ margin ในกรณีใดๆ ก็ตามไม่ใช่การลงทุนดันโด ครับ แต่ผมมองว่ามันเหมือนเป็นการขับรถเร็วขึ้นมากกว่าครับ บางคนศึกษาธุรกิจมาดีก็เหมือนเราศึกษาสภาพถนน เส้นทางที่เราขับมาดีในระดับนั้นๆ แต่ในการเดินทางนั้นๆ มันมีปัจจัยที่เราคาดไม่ถึงอยู่ด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็น ฝนตก อะไรวิ่งตัดหน้ารถ ฯลฯ ดังนั้นการขับรถเร็วมันมีทั้งข้อดีข้อเสียแหล่ะครับ อยู่ที่แต่ละคนจะคิดล่ะครับว่าเป็นแบบไหน แต่ผมไม่อยากมองว่ามันเป็นการลงทุนความเสี่ยงต่ำครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 25
[quote="m_act_z"]โอ๊ะ ลืมไปยังไม่ได้ตอบเกี่ยวกะกระทู้ ครับ 555+ ผมไม่คิดว่าการใช้ margin ในกรณีใดๆ ก็ตามไม่ใช่การลงทุนดันโด ครับ แต่ผมมองว่ามันเหมือนเป็นการขับรถเร็วขึ้นมากกว่าครับ บางคนศึกษาธุรกิจมาดีก็เหมือนเราศึกษาสภาพถนน เส้นทางที่เราขับมาดีในระดับนั้นๆ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 27
[quote="m_act_z"]โอ๊ะ ลืมไปยังไม่ได้ตอบเกี่ยวกะกระทู้ ครับ 555+ ผมไม่คิดว่าการใช้ margin ในกรณีใดๆ ก็ตามไม่ใช่การลงทุนดันโด ครับ แต่ผมมองว่ามันเหมือนเป็นการขับรถเร็วขึ้นมากกว่าครับ บางคนศึกษาธุรกิจมาดีก็เหมือนเราศึกษาสภาพถนน เส้นทางที่เราขับมาดีในระดับนั้นๆ
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 28
สงสัยผมจะอธิบายไม่ละเอียด รู้สึกพี่ๆน้องๆ ไม่เข้าใจในประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อ เอาใหม่ครับผม ผมไม่ได้เชียร์ให้อยู่ๆ ก็ไปเปิด margin แล้วซื้อเพิ่มๆ ตามใจต้องการนะครับ มันเหมาะสำหรับนักลงทุน ที่มีสไตล์ที่ผมได้อธิบายไป
ประเด็นหลักๆนะครับ
1. ถ้าอยู่ๆ เราไปใช้ margin เนี่ยะ ยังไงก็ไม่ดันโดแน่นอนครับ เพราะมีโอกาสได้มาก ก็มีโอกาสเสียมากเช่นกัน
ทีนี้ การลงทุนแนวแบบไหนถึงเหมาะจะใช้ margin ในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลตอบแทน
ผมคิดว่าการจัด port โดยอิงดัชนีจะเหมาะสมครับ เพราะปกติ การจัด port โดยให้ผลตอบแทนอิงดัชนีนั้น จะให้ผลตอบแทนราว 10% ต่อปี แต่ดอกเบี้ยที่กู้นั้น ก็อยู่ราว 4-8% แล้วแต่โบรก
จะเห็นได้ว่า แค่จัด port ให้ผลตอบแทนอิงกับดัชนี ผลตอบแทนก็ชนะดอกเบี้ยอย่างน้อย 2% แล้ว
ทีนี้ หลักของดันโด คือ
"ออกหัวผมได้เงิน ออกก้อยผมเสียเงินนิดหน่อย"
ในกรณีนี้ผมคิดว่าในกรณีที่ออกหัวก็คือผลตอบแทนของ port เรา เป็นไปตามดัชนีดังในอดีต คือประมาณ 10% ต่อปี ในระยะยาว
ส่วนกรณีออกก้อย คือเสียเงินแค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเองครับ
ส่วนเรื่ือง force sell นั้น ถ้าเราใช้แค่เล็กน้อย โอกาสยากมากที่จะโดนครับ
ย้ำอีกทีครับ อยู่ๆเปิด margin มาซัดเฉยๆเนี่ยะ ไม่ใช่ดันโดแน่นอนครับ
ประเด็นหลักๆนะครับ
1. ถ้าอยู่ๆ เราไปใช้ margin เนี่ยะ ยังไงก็ไม่ดันโดแน่นอนครับ เพราะมีโอกาสได้มาก ก็มีโอกาสเสียมากเช่นกัน
ทีนี้ การลงทุนแนวแบบไหนถึงเหมาะจะใช้ margin ในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลตอบแทน
ผมคิดว่าการจัด port โดยอิงดัชนีจะเหมาะสมครับ เพราะปกติ การจัด port โดยให้ผลตอบแทนอิงดัชนีนั้น จะให้ผลตอบแทนราว 10% ต่อปี แต่ดอกเบี้ยที่กู้นั้น ก็อยู่ราว 4-8% แล้วแต่โบรก
จะเห็นได้ว่า แค่จัด port ให้ผลตอบแทนอิงกับดัชนี ผลตอบแทนก็ชนะดอกเบี้ยอย่างน้อย 2% แล้ว
ทีนี้ หลักของดันโด คือ
"ออกหัวผมได้เงิน ออกก้อยผมเสียเงินนิดหน่อย"
ในกรณีนี้ผมคิดว่าในกรณีที่ออกหัวก็คือผลตอบแทนของ port เรา เป็นไปตามดัชนีดังในอดีต คือประมาณ 10% ต่อปี ในระยะยาว
ส่วนกรณีออกก้อย คือเสียเงินแค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเองครับ
ส่วนเรื่ือง force sell นั้น ถ้าเราใช้แค่เล็กน้อย โอกาสยากมากที่จะโดนครับ
ย้ำอีกทีครับ อยู่ๆเปิด margin มาซัดเฉยๆเนี่ยะ ไม่ใช่ดันโดแน่นอนครับ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 29
ตอนที่ยังแสวงหาอิสระภาพทางการเงินอยู่ มาร์จิ้นช่วยผมได้มากแต่ต้องชัดเจนว่าระดับที่ใช้เสี่ยงแค่ไหน โดนราคาเท่าไหร่ เป็นไปได้แค่ไหนแล้วจะแก้อย่างไร ตอนนี้แม้จะไม่ต้องเสี่ยงแล้ว ผมก็ยังใช้ margin หัวใจสำคัญของการใช้margin คือต้องไม่เสี่ยง
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
โพสต์ที่ 30
ขอถามหน่อยครับว่าท่านอืนๆที่ใช้มาร์จิ้นอยู่แต่ละโบรกเค้าคิดดอกกี่ % กันครับ อยากรู้ไว้ครับ ศึกษาไว้ไม่เสียหลาย ผมใช้โบรก ฟินัสเซียไซรัส อยู่ครับ เค้าคิดดอก 6% อยากจะหาโบรกที่คิดมาร์จิ้นน้อยๆครับ