คนปลูกต้นไม้ กับ ชาวVI
- ม้าเฉียว
- Verified User
- โพสต์: 350
- ผู้ติดตาม: 0
คนปลูกต้นไม้ กับ ชาวVI
โพสต์ที่ 1
ผมชื่นชมชาวชุมชน VI ที่ช่วยกันแบ่งปันความรู้ด้านการลงทุน โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนปลูกต้นไม้ในเรื่องนี้
(คิดว่าหลายคนคงเคยอ่านมาบ้าง สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านจะได้มีเรื่องดีๆให้อ่านในวันหยุดนี้)
คนปลูกต้นไม้
ฌอง จีโอโน เขียน
หนูนาน ศิริพันธ์ แปล
การที่อุปนิสัยของมนุษย์ผู้หนึ่งจะเผยคุณลักษณะอันแท้จริงออกมานั้น ต้องอาศัยโอกาสดีให้สามารถสังเกตเห็นพฤติกรรมของอุปนิสัยนั้นหลาย ๆ ปี หากพฤติกรรมนั้นไร้ซึ่งคราบความเห็นแก่ตัวทั้งปวง หากความคิดที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมนั้นเกิดจากความกรุณาหาใดเทียมเท่า หากจริงแท้แน่ชัดแล้วว่าพฤติกรรมนั้นมิได้มุ่งแสวงสิ่งตอบแทนจากที่ไหน และยิ่งกว่านั้นยังหลงเหลือร่องรอยไว้ให้ยลอยู่บนโลก นั้นแล จึงจะไม่มีข้อผิดพลาดว่ากำลังอยู่ตรงหน้าอุปนิสัยที่มิอาจลืมเลือนได้ลง
เมื่อราว ๆ สี่สิบปีก่อน ผมเดินเท้าเป็นทางไกลไปตามที่สูงซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวแม้สักคนรู้จัก ในภูมิภาคเก่าแก่แห่งเทือกเขาแอลป์ซึ่งทอดตัวเข้ามาในแคว้นโพรวองซ์
เขตแดนทางตะวันออกเฉียงใต้และทางใต้ของภูมิภาคนี้กั้นไว้ด้วยลำน้ำตอนกลางของแม่น้ำดูรองซ์ระหว่างเมืองซิสเตอร์รงและเมืองมิราโบ สุดเขตทางเหนือเป็นลำแม่น้ำโดรมตอนต้นตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงเมืองดี ทางตะวันออกกั้นด้วยที่ราบในแถบคงตาต์ เวอเนแซงกับจมูกเขามงต์-วองตูส์ ภูมิภาคนี้กินอาณาบริเวณทั่วทั้งตอนเหนือของจังหวัดบาสส์-อาลป์ ตอนใต้ของแม่น้ำโดรม และพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งถูกล้อมรอบทุกด้านของจังหวัดโวคลุส
สมัยที่ผมออกเดินทางไกลไปตามพื้นที่แห้งแล้งว่างเปล่าทุรกันดารเหมือนกันไปหมดบนพิกัดความสูง 1200 ถึง 1300 เมตรเหล่านี้ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ที่นั่นมีแต่ต้นลาเวนเดอร์ป่าเท่านั้น
ผมข้ามช่วงกว้างที่สุดของภูมิภาคนั้น และหลังจากเดินมาสามวันผมก็ได้มาอยู่ในที่ที่กันดารชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน ผมกางเต็นท์ข้าง ๆ ซากหมู่บ้านร้าง น้ำของผมหมดตั้งแต่วันก่อนหน้านั้นและผมจำเป็นต้องหาน้ำให้ได้ บ้านเหล่านี้แม้จะเหลือแต่ซากทว่ายังตั้งติดชิดกันคล้ายรังต่อเก่า ๆ ทำให้ผมคิดว่าก่อนหน้านั้นน่าจะมีน้ำพุหรือบ่อน้ำอยู่ มีน้ำพุอยู่จริง ๆ ด้วย แต่แห้งเหือดไปแล้ว บ้านห้าหกหลังไร้หลังคาถูกลมและฝนซัดสาด โบสถ์เล็ก ๆ พร้อมหอระฆังทลายลงมากองกับพื้น บ้านและโบสถ์พวกนี้ตั้งเรียงกันอยู่เหมือนในหมู่บ้านที่มีผู้อาศัยอยู่ หากที่นี่ทุกชีวิตได้สาบสูญไปจนสิ้น
วันนั้นเป็นวันที่เจิดจ้าด้วยแดดจัดในเดือนมิถุนายน แต่ในดินแดนโล่งไร้ร่มกำบังและอยู่สูงขึ้นมาใกล้ท้องฟ้าแห่งนี้ลมกลับพัดกรรโชกเกินจะทนไหว เสียงอื้ออึงของลมในซากหมู่บ้านดังประหนึ่งเสียงร้องของแมวป่าซึ่งถูกรบกวนขณะกินอาหารอยู่
ผมต้องไปจากที่นี่ หลังจากเดินออกมาได้ห้าชั่วโมง ผมก็ยังหาน้ำไม่ได้และไม่มีวี่แววให้มีความหวังได้เลยว่าจะหาเจอ มองทางไหนก็มีแต่ความแห้งแล้งและต้นหญ้าระเกะระกะเหมือนกันไปหมด ผมรู้สึกคลับคล้ายว่าเห็นร่างสีดำร่างหนึ่งอยู่ลิบ ๆ ผมเดาเอาว่าเป็นต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่โดดเดี่ยว ผมเดินมุ่งไปทางร่างนั้นอย่างไม่ได้คิดอะไร ปรากฏว่าเป็นร่างของคนเลี้ยงแกะ มีแกะประมาณสามสิบตัวนอนหมอบพักกับพื้นดินร้อนระอุอยู่ใกล้ ๆ เขา
เขาให้ผมดื่มน้ำจากกระติกของเขา และครู่ต่อมาก็พาผมไปยังคอกแกะซึ่งอยู่ในรอยโค้งของที่ราบสูง เขาสูบน้ำ แสนล้ำเลิศ ขึ้นมาจากหลุมธรรมชาติซึ่งลึกมาก และเหนือหลุมนั้นเขาติดตั้งคว้านแบบง่าย ๆ ไว้
ชายผู้นี้ไม่ใคร่พูดจา พวกที่อยู่ลำพังตัวคนเดียวมักจะเป็นอย่างนี้ กระนั้นก็ยังรู้สึกได้ว่าเขามั่นใจในตัวเองและวางใจในความเชื่อมั่นนั้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลกในดินแดนที่ไร้ซึ่งทุกสิ่งทั้งปวงแห่งนี้ เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกระท่อมแต่ในบ้านแท้ ๆ ทำด้วยหิน บ้านที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาลงมือซ่อมแซมซากปรักที่ได้เจอคราวมาถึงที่นี่อย่างไร หลังคาบ้านแข็งแรงแน่นหนา สายลมพัดกระทบหลังคาทำให้เกิดเสียงทะเลตามชายหาดดังอยู่บนแผ่นกระเบื้อง
บ้านของเขาเป็นระเบียบ จานชามล้างเรียบร้อย พื้นปาร์เกต์กวาดเตียน ปืนยาวหยอดน้ำมันพร้อม ซุปเดือดปุดอยู่บนเตาไฟ ผมสังเกตเห็นด้วยว่าเขาเพิ่งโกนหนวดมาหมาด ๆ กระดุมเย็บติดแน่น เสื้อผ้าปะชุนอย่างประณีตจนไม่เห็นรอยเย็บ
เขาแบ่งซุปให้ผมกิน และหลังจากนั้นเมื่อผมยื่นถุงใส่ยาเส้นให้ เขาก็บอกผมว่าเขาไม่สูบยา หมาของเขาซึ่งเงียบเหมือนเจ้าของนั้นเป็นมิตรแต่ก็ไม่ถึงกับหมอบราบคาบ
เป็นที่ตกลงกันในทันทีว่าคืนนั้นผมจะค้างที่นั่น หมู่บ้านใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทางเดินเท้ากว่าหนึ่งวันครึ่ง และยิ่งกว่านั้นผมก็รู้จักลักษณะของหมู่บ้านไม่กี่แห่งในแถบนี้ดี มีหมู่บ้านสี่หรือห้าแห่งตั้งกระจายจากกันอยู่ตามเชิงเขาสูงในป่าต้นโอ๊กขาวลึกเข้าไปสุดทางเดินรถ พวกคนตัดฟืนซึ่งทำอาชีพเผาถ่านอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเหล่านั้น ที่นั่นเป็นสถานที่ซึ่งผู้คนอยู่กันอย่างอัตคัดขัดสน หลายครอบครัวเบียดเสียดกันในสภาพอากาศเลวร้ายเกินทนไม่ว่าจะฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ผู้คนเหล่านี้สะสมความเห็นแก่ตัวของตนอยู่ในดินแดนปิดตายจากโลกภายนอก ความทะเยอทะยานไร้ทางออกท่วมท้นอยู่ที่นั่น ด้วยความปรารถนาที่จะหลบลี้ไปจากสถานที่นี้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
พวกผู้ชายจะบรรทุกถ่านขึ้นรถบรรทุกเข้าไปในเมืองแล้วก็กลับมา บรรดาคุณลักษณะที่แข็งแกร่งที่สุดยังทนสภาพเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวติดต่อกันแบบนี้ไม่ไหว พวกผู้หญิงเคี่ยวกรำความคับแค้น มีการแก่งแย่งแข่งขันกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการขายถ่านหรือม้านั่งในโบสถ์ ความดีต่อกรกันเอง ความชั่วชิงชัยกันไปมา และมีความขัดแย้งโดยทั่วไประหว่างความดีกับความชั่วอย่างไม่หยุดหย่อน จะว่าไปแล้วลมที่พัดตลอดเวลาก็รบกวนประสาทเช่นกัน มีการระบาดของการฆ่าตัวตายและหลายรายมีอาการคลุ้มคลั่งซึ่งมักจะคร่าชีวิตเสมอ
ชายเลี้ยงแกะผู้ไม่สูบยาไปหยิบถุงเล็กๆ ใบหนึ่งและเทลูกโอ๊กในถุงลงบนโต๊ะ เขาเริ่มตรวจตราลูกโอ๊กทีละเม็ด แยกลูกดีกับลูกเสียออกจากกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมสูบกล้อง เสนอตัวช่วย แต่เขาบอกว่ามันเป็นงานของเขา เมื่อเห็นเขาตั้งใจทำงานมากขนาดนั้นผมก็เลยไม่เซ้าซี้ เราพูดคุยกันเพียงเท่านั้น พอได้ลูกโอ๊กดี ๆ กองใหญ่พอสมควรแล้วเขาก็นับลูกโอ๊กพวกนั้นทีละสิบเม็ด ระหว่างที่นับไปเขาก็คัดลูกโอ๊กลูกเล็ก ๆ และลูกร้าวเล็กน้อยซึ่งเขาเห็นเพราะตรวจสอบละเอียดมาก เขาหยุดทำเมื่อได้ลูกโอ๊กสมบูรณ์แบบร้อยเม็ด และเราสองคนก็เข้านอน
การได้อยู่กับชายผู้นี้ทำให้รู้สึกสุขสงบ วันรุ่งขึ้นผมขอพักผ่อนอยู่บ้านเขาทั้งวัน เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ หรือว่ากันตามจริงก็คือเขาทำให้ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะมารบกวนเขาได้ ผมไม่จำเป็นต้องพักผ่อนก็ได้ แต่ผมรู้สึกอัศจรรย์ใจและอยากจะรู้เกี่ยวกับเขาให้มากกว่านี้ เขาต้อนฝูงสัตว์ออกไปทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ก่อนจะไปเขาหย่อนถุงใบเล็กใส่ลูกโอ๊กที่เขาพิถีพิถันเลือกและนับไว้ลงแช่ในถังน้ำ
ผมสังเกตเห็นว่าเขาเอาท่อนเหล็กใหญ่ขนาดนิ้วโป้งยาวประมาณเมตรครึ่งมาถือเป็นไม้เท้า ผมทำเป็นเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปตามทางที่ทอดขนานกับทางของเขา ทุ่งหญ้าที่ใช้เลี้ยงแกะพวกนั้นอยู่ในหุบเขาเอียงลาด เขาปล่อยให้หมาเฝ้าฝูงแกะแล้วก็เดินมาทางผม ผมเกรงว่าเขาจะมาต่อว่าที่ผมทะเล่อทะล่ามาอยู่แถวนั้น แต่เปล่าเลย เขาจะใช้เส้นทางนั้นอยู่แล้วและชวนผมไปด้วยกันถ้าผมไม่มีอะไรอื่นที่ดีกว่านั้นทำ เขาจะขึ้นไปบนภูเขาห่างจากที่นั่นไปอีกสองร้อยเมตร
เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เขาเริ่มปักแท่งเหล็กลงในพื้นดินทำหลุมแล้วหย่อนลูกโอ๊กเม็ดหนึ่งลงไปในนั้นก่อนจะกลบดิน เขากำลังปลูกต้นโอ๊ก ผมถามว่าเขาเป็นเจ้าของที่ผืนนั้นหรือ เขาตอบว่าไม่ใช่ แล้วเขาทราบหรือเปล่าว่าเป็นที่ของใคร เขาก็ไม่ทราบ เขาคาดว่าคงจะเป็นที่สาธารณะ หรือไม่ก็เป็นสมบัติของเจ้าของซึ่งไม่ไยดีกับที่ดินของตนนัก เขาไม่ใส่ใจจะรู้ว่าเจ้าของที่เป็นใคร ได้แต่ปลูกลูกโอ๊กร้อยเม็ดอย่างประณีตบรรจงไปเช่นนั้นเอง
หลังอาหารเที่ยง เขาเริ่มคัดลูกโอ๊กอีกรอบ ผมเชื่อว่าผมคงตั้งคำถามออกไปอย่างเอาจริงเอาจังพอสมควรเขาถึงได้ให้คำตอบกลับมา เขาปลูกต้นไม้อยู่คนเดียวอย่างนี้มาสามปีแล้ว เขาหย่อนเมล็ดพันธุ์ไปแล้วแสนเมล็ด ในแสนเมล็ดนั้นมีต้นงอกออกมาสองหมื่นต้น ในสองหมื่นต้นนั้นเขากะไว้ว่าจะเสียไปครึ่งหนึ่งด้วยฝีมือสัตว์จำพวกหนูและกระรอกและกับสิ่งที่มิอาจจะคาดเดาได้สุดแต่พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เหลือต้นโอ๊กหมื่นต้นเติบโตขึ้นในบริเวณที่ไม่เคยปรากฏสิ่งใดมาก่อนเลยแห่งนี้
ในตอนนั้นเองผมรู้สึกอยากรู้อายุของชายผู้นี้ เขาน่าจะอายุเกินห้าสิบแล้ว เขาบอกผมว่าเขาอายุห้าสิบห้า เขาชื่อเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ เขาเคยมีฟาร์มในที่ราบ เคยก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ เขาเสียลูกชายคนเดียวไปต่อจากนั้นก็เสียภรรยา เขาปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว โดยพอใจใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ กับฝูงแกะและหมาของเขา เขาเห็นว่าพื้นที่แถบนี้กำลังจะตายเพราะขาดต้นไม้ เขากล่าวต่อว่า ในเมื่อเขาไม่มีอะไรให้ทำมากนักก็เลยตัดสินใจฟื้นฟูสภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอยู่
ขณะนั้นแม้จะอายุยังน้อยแต่ผมก็ใช้ชีวิตเพียงลำพัง ผมจึงรู้จักที่จะสัมผัสจิตวิญญาณของผู้อยู่โดดเดี่ยวด้วยความละเอียดอ่อน กระนั้น ผมก็ทำผิดไปอย่างหนึ่ง อายุอันเยาว์ของผมผลักดันให้ผมคิดฝันถึงอนาคตตามที่ตนเองตั้งไว้และด้วยการแสวงหาความสุขใส่ตัว ผมบอกเขาว่า ในอีกสามสิบปีข้างหน้า ต้นโอ๊กเหล่านี้คงจะน่าดูชมมาก เขาตอบเรียบ ๆ ว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าประทานชีวิตให้เขาอยู่ต่อ ภายในสามสิบปีเขาคงจะปลูกต้นไม้ต้นอื่น ๆ อีกมากมายเสียจนต้นไม้หมื่นต้นพวกนี้เป็นแค่หยดน้ำในทะเล
เขายังศึกษาการขยายพันธุ์ของต้นบีชอยู่ด้วยและเขามีบริเวณสำหรับเพาะกล้าต้นบีชใกล้ ๆ บ้าน ต้นกล้าเหล่านั้นขึ้นงามสะพรั่งในรั้วตาข่ายที่กั้นกันไว้ไม่ให้แกะของเขาเข้าไปทำลาย เขาคิดจะปลูกต้นเบิร์ชตามแอ่งเขา เขาบอกผมว่า บริเวณเหล่านั้นมีความชื้นหลับใหลอยู่ใต้ดินลึกลงไปไม่กี่เมตร
วันรุ่งขึ้น เราสองคนลาจากกัน
ปีต่อมา เกิดสงครามปี 1914 ซึ่งผมได้เข้าร่วมรบด้วยเป็นเวลา 5 ปี พลทหารราบไม่อาจจะนึกถึงต้นไม้ได้บ่อยนัก ว่ากันจริง ๆ แล้วผมไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย เนื่องจากผมมองว่าเป็นเพียงงานอดิเรกแบบเดียวกับการสะสมแสตมป์ แล้วผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย
เมื่อออกมาจากสมรภูมิรบ ผมได้รับเบิกจ่ายเบี้ยสงครามอันน้อยนิดในลำดับต้นๆ แต่มีความต้องการอย่างมากมายที่จะได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ผมออกเดินทางโดยใช้เส้นทางในภูมิภาคแห้งแล้งแห่งนั้นอีกครั้งโดยไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์
พื้นที่แถบนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ว่าเหนือหมู่บ้านร้างขึ้นไปไกลสุดสายตาผมเห็นหมอกสีเทาปกคลุมยอดเขาราวกับผืนพรม ผมเริ่มนึกถึงชายเลี้ยงแกะผู้ปลูกต้นไม้มาตั้งแต่วันก่อนหน้านั้นแล้ว ต้นโอ๊กหมื่นต้น ผมบอกตัวเอง ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางดีแท้
ผมได้เห็นคนล้มตายในช่วงห้าปีมากมายเสียจนนึกเอาง่าย ๆ ว่าเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ตายไปแล้ว อีกอย่างคนอายุยี่สิบจะมองว่าคนอายุห้าสิบนั้นเป็นคนแก่ที่ได้แต่รอความตายเท่านั้น เขายังไม่ตาย ออกจะแข็งแรงดีเสียด้วยซ้ำ เขาเปลี่ยนอาชีพแล้ว เขาเหลือลูกแกะแค่สี่ตัวแต่มีรังผึ้งเป็นร้อยรัง เขาเอาแกะที่เป็นอันตรายกับการปลูกต้นไม้ของเขาออกไป เขาบอกผม (และผมก็มองเห็นเอง) ว่า เขาไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกกับสงครามเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงใจเย็นปลูกต้นไม้ต่อไป
ต้นโอ๊กที่ปลูกในปี ค.ศ. 1910 มีอายุได้สิบปีและโตสูงกว่าผมกับเขาแล้ว เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมาก ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป และด้วยเหตุที่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เราสองคนจึงใช้เวลาทั้งวันเดินกันเงียบ ๆ อยู่ในป่าของเขา ป่าผืนนั้นมีสามแถบ ด้านยาวมีขนาดสิบเอ็ดกิโลเมตรและส่วนที่กว้างที่สุดมีขนาดสามกิโลเมตร เมื่อนึกถึงว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากสองมือและจิตวิญญาณของชายผู้นี้โดยไม่ได้พึ่งเครื่องไม้เครื่องมืออะไร ก็ให้เข้าใจได้ว่ามนุษย์อาจมีประสิทธิภาพเทียมเท่าพระเจ้าได้ในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องการทำลายล้าง
เขาดำเนินการตามที่คิดไว้ ดูได้จากต้นเบิร์ชสูงระดับบ่าของผมที่ขึ้นกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา บรรดาโอ๊กต้นสูงล่ำได้พ้นช่วงอายุที่ต้องขึ้นอยู่กับความเมตตาของพวกหนูและกระรอกมาแล้ว ส่วนพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้านั้น ต่อแต่นี้ไปถ้าจะทำลายผลงานสร้างชิ้นนี้ก็คงจะต้องใช้แรงขนาดพายุไซโคลนถึงจะทำได้ เขาให้ผมดูหมู่ต้นเบิร์ชงดงามซึ่งปลูกมาแล้วห้าปี ก็ตรงกับปี ค.ศ.1915 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังรบที่เมืองแวร์เดิง เขาปลูกต้นเบิร์ชพวกนั้นตามแอ่งเขาทุกแห่งที่เขาได้คาดการณ์ไว้อย่างถูกต้องว่ามีความชื้นอยู่เกือบจะปริ่มผิวดิน พวกมันเอนไหวราวละอ่อนวัยรุ่นและมั่นคงมาก
ดูเหมือนว่ามีสิ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องจากป่าไม้ของเขาเป็นทอด ๆ ด้วย เขาไม่ใส่ใจในเรื่องนั้น ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ง่าย ๆ ของตนต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเดินกลับลงไปทางหมู่บ้าน ผมได้เห็นน้ำไหลในทางน้ำซึ่งเคยแห้งผากในความทรงจำของผู้คน เป็นผลงานจากปฏิกิริยาตอบสนองอันเยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่ผมเห็น ในสมัยโบราณร่องน้ำแห้งผากพวกนี้เคยมีน้ำ หมู่บ้านสุดรันทดทั้งหลายที่ผมกล่าวถึงเมื่อตอนต้น ปลูกทับที่ตั้งหมู่บ้านกาลโล-โรมันสมัยต้นคริสตกาลซึ่งยังคงหลงเหลือร่องรอยอยู่ นักโบราณคดีได้มาขุดหมู่บ้านเหล่านี้และพบตะขอเบ็ดหลายชิ้นในบริเวณซึ่งในสมัยศตวรรษที่ยี่สิบจำเป็นต้องมีที่เก็บกักน้ำฝนเพื่อจะได้มีน้ำเพียงเล็กน้อยใช้
สายลมเองก็พัดเมล็ดพันธุ์พืชให้กระจายออกไป ในขณะเดียวกัน น้ำที่ผุดขึ้นมาใหม่ทำให้บรรดาต้นหลิว ต้นกก ต้นหญ้า ไม้ดอก สวน และเหตุผลมากมายในการมีชีวิตงอกเงยขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ช้าเสียจนแทรกอยู่ในความเคยชินโดยไม่ได้สะกิดใจให้พิศวง พวกนายพรานที่ขึ้นไปล่ากระต่ายหรือหมูป่าในป่าเปลี่ยวสังเกตเห็นต้นไม้เล็ก ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น แต่พวกเขาคิดว่าเป็นฝีมือของความตลกร้ายของโลกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังนี้เองจึงไม่มีใครแตะต้องผลงานของชายผู้นี้ ถ้ามีใครเกิดกังขาเรื่องนี้ขึ้นมา คงมีการจะห้ามปรามมิให้เขาปลูกต้นไม้ต่อไป งานของเขาแนบเนียนไม่มีใครสงสัย จะมีใครในบรรดาชาวบ้านตามหมู่บ้านและพวกข้าราชการที่สามารถจินตนาการถึงความพากเพียรจากความกรุณาอันประเสริฐเช่นนี้ออก
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 เป็นต้นมา ผมไปเยี่ยมเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ชนิดไม่เคยเว้นไปให้เกินปี ผมไม่เคยเห็นเขาย่อท้อหรือละล้าละลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถึงอย่างไรพระผู้เป็นเจ้าก็ทรงทราบ หากพระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้งกี่หน กระนั้นก็ยังพอจะนึกออกว่าความสำเร็จแบบนี้จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนาม พอจะมองเห็นว่ากว่าจะได้อุ่นใจในชัยชนะอันเกิดจากความมุ่งมั่นเช่นนี้จำต้องต่อสู้กับความผิดหวัง มีอยู่คราวหนึ่ง เขาปลูกต้นเมเปิลหมื่นกว่าต้นตลอดทั้งปีและต้นเมเปิลเหล่านั้นตายเรียบ ปีถัดมาเขากลับมาปลูกต้นบีชซึ่งได้ผลดียิ่งกว่าต้นโอ๊กเสียอีก
เพื่อให้นึกภาพอุปนิสัยซึ่งไม่มีใครเหมือนนี้ออก ต้องไม่ลืมว่าเขาลงมือทำโดยลำพังตัวคนเดียว โดดเดี่ยวเสียจนในช่วงท้ายของชีวิตเขาไม่ชินที่จะพูดจา หรือไม่เขาก็อาจเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพูดกระมัง
ในปี ค.ศ 1933 มีเจ้าพนักงานป่าไม้หน้าตาตื่นมาหาเขา เจ้าหน้าที่รัฐผู้นี้สั่งไม่ให้เขาจุดไฟนอกบ้าน ด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อการงอกงามของป่าธรรมชาติ ผืนนี้ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเขาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นป่าขึ้นมาเองอย่างนี้ ช่วงนั้นเขาไปปลูกต้นบีชห่างจากบ้านราวสิบสองกิโลเมตร เขาถึงกับคิดจะปลูกกระท่อมหินหลังเล็ก ๆ ในบริเวณที่เขาปลูกต้นไม้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินกลับไปกลับมาเนื่องจากเขาอายุล่วงเข้าเจ็ดสิบห้าปีแล้ว เขาปลูกกระท่อมนั้นในปีต่อมา
ในปี ค.ศ. 1935 ตัวแทนที่แท้จริงของรัฐบาลก็มาตรวจสอบป่าธรรมชาติแห่งนี้ ประกอบไปด้วยพวกคนใหญ่คนโตจากหน่วยงานที่ดูแลเรื่องน้ำและป่าไม้ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคนและบรรดาช่างเทคนิค มีการเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ไม่มีประโยชน์ออกมามากมาย พวกเขาตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่างและโชคดีที่ไม่มีใครทำอะไร เว้นแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สิ่งหนึ่ง นั่นคือการจัดให้ป่าแห่งนี้อยู่ในความคุ้มครองของรัฐและห้ามมิให้เข้ามาตัดต้นไม้ไปเผาเป็นถ่าน เป็นเพราะไม่มีใครจะไม่ใจอ่อนไปกับความงามของต้นไม้แรกรุ่นแข็งแรงพวกนี้ และป่าแห่งนี้ก็ใช้พลังชักจูงของมันสยบท่านผู้แทนฯด้วย
ผมมีเพื่อนเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาป่าคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มตัวแทนรัฐบาลกลุ่มนี้ ผมไขความลึกลับในเรื่องนี้ให้เขาฟัง สัปดาห์ต่อมาเราทั้งสองไปหาเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ด้วยกัน และพบเขากำลังทำงานอยู่ห่างจากบริเวณที่มีการมาตรวจสอบยี่สิบกิโลเมตร
หัวหน้าหน่วยรักษาป่าคนนี้ไม่เสียแรงเป็นเพื่อนกับผม เขารู้จักคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ รู้จักปิดปากเงียบ ผมเอาไข่ที่ผมนำมาด้วยให้บูฟฟิเอร์เป็นของฝาก เราสามคนแบ่งกันกินแซนด์วิชและใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการพินิจดูทิวทัศน์กันเงียบ ๆ
ด้านที่เราผ่านเข้ามานั้นปกคลุมด้วยต้นไม้สูงหกถึงเจ็ดเมตร ผมจำภาพพื้นที่แถบนี้ในปี ค.ศ. 1913 ได้ดี ตอนนั้นมีแต่ความแห้งแล้ง ... การทำงานอย่างราบรื่นและสม่ำเสมอ อากาศสดชื่นบนที่สูง อาหารการกินที่เรียบง่ายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบสุขในจิตใจทำให้ชายชราผู้นี้มีความเข้มแข็งบึกบึน เป็นดั่งนักกรีฑาของพระผู้เป็นเจ้า ผมสงสัยว่าเขาจะปลูกต้นไม้ต่อไปอีกกี่ไร่
ก่อนจะจากมา เพื่อนของผมให้คำแนะนำเกี่ยวกับพันธุ์พืชบางชนิดที่น่าจะเหมาะกับพื้นที่นี้ เขาไม่ได้พูดย้ำยืดยาว เรื่องของเรื่องก็คือชายคนนี้รู้เรื่องพวกนั้นดีกว่าฉัน เขาบอกผมในภายหลัง หลังจากที่เดินกันไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็มีความคิดวาบเข้ามาและพูดเสริมขึ้นว่า เขารู้เรื่องพวกนั้นมากกว่าทุกคน เขาได้พบวิธีมีความสุขได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็นพระคุณของหัวหน้าหน่วยผู้นี้ที่ไม่เพียงแต่ป่าไม้เท่านั้นที่ได้รับการปกป้อง แต่ยังรวมไปถึงความสุขของชายผู้นี้ด้วย เขาแต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้สามคนดูแลป่าผืนนี้ และขู่กำชับเจ้าหน้าที่เหล่านี้ชนิดที่ทำให้พวกเขาไม่กล้านำพากับเงินใต้โต๊ะทุกก้อนซึ่งพวกคนตัดฟืนอาจจะนำมาติดสินบนได้
ไม่มีเภทภัยร้ายแรงมาแผ้วพานผืนป่านี้จนกระทั่งช่วงระหว่างสงครามในปีค.ศ.1939 บรรดารถยนต์ใช้เครื่องยนต์แก๊สที่ได้จากการเผาไม้เป็นเชื้อเพลิง ไม้จึงไม่เคยพอกับความต้องการ เริ่มมีการตัดไม้ในป่าต้นโอ๊กที่ปลูกตั้งแต่ปี ค.ศ.1910 แต่พื้นที่ป่าเหล่านี้ก็อยู่ห่างจากเส้นทางขนส่งจนบริษัทต้องถอนตัวออกไปด้วยเห็นว่าไม่คุ้มการลงทุน พวกเขาพากันละทิ้งป่าไม้พวกนี้ไป ส่วนชายเลี้ยงแกะไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นเขาอยู่ห่างออกไปจากที่นั่นสามสิบกิโลเมตร ยังคงทำงานของตนไปอย่างสงบสุข ไม่รู้เรื่องสงครามปี 1939 เหมือนกับที่เขาไม่รู้เรื่องสงครามปี 1914
ผมไปหาเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์เป็นครั้งสุดท้ายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1945 ตอนนั้นเขาอายุแปดสิบเจ็ดปี ผมใช้เส้นทางแห้งแล้งเส้นเดิม แม้พื้นที่แถบนี้จะถูกสงครามทำลายเสียหาย แต่ก็ยังมีรถประจำทางวิ่งระหว่างหุบเขาของแม่น้ำดูรองซ์กับภูเขา ผมโทษการขนส่งที่ค่อนข้างรวดเร็วนี้ว่าทำให้ผมจำบริเวณที่ผมเดินเล่นครั้งล่าสุดไม่ได้ ผมยังรู้สึกด้วยว่าเส้นทางที่ผมผ่านไปนั้นดูแปลกตา ต้องให้เห็นชื่อของหมู่บ้านเสียก่อนผมถึงจะสรุปได้ว่าได้มาอยู่ในพื้นที่ซึ่งในสมัยก่อนเหลือแต่ซากและสลดหดหู่ ผมนั่งรถประจำทางมาลงที่หมู่บ้านแวร์กงส์
ในปี ค.ศ. 1913 บ้านสิบถึงสิบสองหลังที่ตั้งเป็นกลุ่มมีคนอยู่สามคน เป็นพวกชาวบ้านป่าผู้เกลียดชังซึ่งกันและกัน เลี้ยงชีพด้วยการวางกับดักสัตว์ เรียกได้ว่ามีสภาพร่างกายและจิตใจใกล้เคียงกับคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ต้นตำแยขึ้นลามบ้านร้างรอบกายพวกเขา สภาพในตอนนั้นไร้ซึ่งความหวัง สำหรับพวกเขาไม่มีอะไรในชีวิตนอกจากรอความตาย เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กับคุณงามความดีสักเท่าใดนัก
ทุกอย่างเปลี่ยนไป อากาศก็ไม่เหมือนเดิม แทนที่จะเป็นลมแล้งกระชากรุนแรงซึ่งพัดมาปะทะผมเมื่อครั้งก่อนเก่า กลับกลายเป็นลมพัดโชยกรุ่นกลิ่นหอม ได้ยินเสียงลมในป่าที่ฟังละม้ายคล้ายเสียงน้ำไหลลงภูเขา และสุดท้ายสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ ผมได้ยินเสียงน้ำไหลรินในแอ่งน้ำ ผมได้เห็นว่ามีการสร้างน้ำพุที่มีน้ำล้นหลาก และสิ่งที่ประทับใจผมที่สุดคือ ใกล้ ๆ น้ำพุนั้นมีการปลูกต้นติเยิลต้นหนึ่งซึ่งน่าจะอายุราวสี่ปีเพราะแตกใบสะพรั่งแล้ว นี่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
นอกจากนั้นหมู่บ้านแวร์กงส์มียังร่องรอยของการทำงาน ซึ่งการลงมือทำจำเป็นต้องอาศัยความหวัง แสดงว่าความหวังได้กลับมาอีกครั้ง มีการกวาดซากปรักหักพัง ทุบซากกำแพงทรุดโทรม และสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาห้าหลัง ตอนนี้หมู่บ้านนี้มีคนอยู่ยี่สิบแปดคน ในจำนวนนั้นมีสามีภรรยาใหม่สี่คู่ มีบ้านใหม่ก่ออิฐมาหมาด ๆ รายรอบด้วยสวนครัวที่พืชผุดงอกขึ้นแซมกันไป แต่ยังรักษาระดับเป็นแถวแนว มีทั้งผักและไม้ดอก กะหล่ำปลีและต้นกุหลาบ ต้นกระเทียมและต้นลิ้นมังกร ต้นขึ้นฉ่ายและต้นดอกไม้ทะเล ต่อไปแถบนี้จะเป็นบริเวณที่น่าอยู่
ผมเดินเท้าต่อไปจากที่นั่น สงครามซึ่งเพิ่งสิ้นสุดลงไม่เปิดโอกาสให้เราได้สำราญเต็มที่กับชีวิต แต่ประหนึ่งลาซารัส ชายโรคเรื้อนผู้ได้รับการชุบชีวิตจากพระเยซูเจ้า บนไหล่เขาเอียงลาดผมเห็นทุ่งหญ้าบาร์เลย์และหญ้าไรย์อยู่ด้านในตรอกหุบเขา ทุ่งหญ้าบางแห่งกำลังเขียวขจี
พื้นที่เหล่านี้ได้กลับมาสวยงามมีชีวิตชีวาและอุดมไปด้วยธรรมชาติอีกครั้งภายในเวลาเพียงแปดปี บริเวณที่เคยเป็นซากปรักหักพังซึ่งผมเคยเห็นในปี ค.ศ. 1913 ตอนนี้มีฟาร์มสะอาดเอี่ยม ผนังที่ตั้งอยู่ฉาบปูนเรียบร้อยแสดงถึงชีวิตที่มีความสุขและสะดวกสบาย บรรดาตาน้ำเก่าแก่อิ่มเอิบด้วยน้ำฝนและน้ำจากหิมะซึ่งป่าเหล่านั้นดูดซับไว้เริ่มกลับมาไหลรินอีกหน มีการขุดทางน้ำ ในพุ่มต้นเมเปิลตามข้าง ๆ ฟาร์มแต่ละแห่งมีอ่างน้ำพุไหลล้นลงบนผืนพรมต้นสะระแหน่ หมู่บ้านค่อย ๆ ตั้งขึ้นมาทีละแห่งสองแห่ง ประชากรจากที่ราบซึ่งที่ดินมีราคาแพงมาลงหลักปักฐานในแถบนั้น นำความสดใส การเคลื่อนไหว จิตวิญญาณผจญภัยเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างทางเราจะได้พบหญิงและชายผู้กินอยู่ดี ได้เห็นเด็กชายหญิงที่รู้จักหัวเราะร่าและกลับมาสนุกสนานกับงานเทศกาลตามประเพณีพื้นถิ่นอีกครั้ง ถ้าเรานับจำนวนคนทั้งหมดโดยรวมชาวบ้านดั้งเดิมซึ่งเปลี่ยนไปผิดหูผิดตากับคนที่มาอยู่ใหม่เข้าด้วยกัน ก็จะมีคนมากกว่าหมื่นคนเป็นหนี้บุญคุณความสุขต่อเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์
เมื่อมาหวนคิดว่า คนเพียงคนเดียวลงแรงกายและแรงใจก็เพียงพอจะพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งให้กลายเป็นเคนัน แผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะประทานแด่ชาวอิสราเอลได้แล้ว ผมก็รู้สึกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ความเป็นมนุษย์ยังน่าชื่นชมอยู่ แต่ครั้นผมนึกไปถึงผลงานที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งและความยิ่งใหญ่ของจิตใจ กับความการุณย์อย่างเสมอต้นเสมอปลายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังนี้มา ผมก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความนับถือต่อผู้เฒ่าบ้านนอกผู้รู้จักสร้างผลงานเทียบเท่ากับผลงานของพระเจ้าชิ้นนี้
เอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์เสียชีวิตอย่างสงบในปี ค.ศ. 1947 ณ บ้านพักคนชราแห่งเมืองบานง
(คิดว่าหลายคนคงเคยอ่านมาบ้าง สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านจะได้มีเรื่องดีๆให้อ่านในวันหยุดนี้)
คนปลูกต้นไม้
ฌอง จีโอโน เขียน
หนูนาน ศิริพันธ์ แปล
การที่อุปนิสัยของมนุษย์ผู้หนึ่งจะเผยคุณลักษณะอันแท้จริงออกมานั้น ต้องอาศัยโอกาสดีให้สามารถสังเกตเห็นพฤติกรรมของอุปนิสัยนั้นหลาย ๆ ปี หากพฤติกรรมนั้นไร้ซึ่งคราบความเห็นแก่ตัวทั้งปวง หากความคิดที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมนั้นเกิดจากความกรุณาหาใดเทียมเท่า หากจริงแท้แน่ชัดแล้วว่าพฤติกรรมนั้นมิได้มุ่งแสวงสิ่งตอบแทนจากที่ไหน และยิ่งกว่านั้นยังหลงเหลือร่องรอยไว้ให้ยลอยู่บนโลก นั้นแล จึงจะไม่มีข้อผิดพลาดว่ากำลังอยู่ตรงหน้าอุปนิสัยที่มิอาจลืมเลือนได้ลง
เมื่อราว ๆ สี่สิบปีก่อน ผมเดินเท้าเป็นทางไกลไปตามที่สูงซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวแม้สักคนรู้จัก ในภูมิภาคเก่าแก่แห่งเทือกเขาแอลป์ซึ่งทอดตัวเข้ามาในแคว้นโพรวองซ์
เขตแดนทางตะวันออกเฉียงใต้และทางใต้ของภูมิภาคนี้กั้นไว้ด้วยลำน้ำตอนกลางของแม่น้ำดูรองซ์ระหว่างเมืองซิสเตอร์รงและเมืองมิราโบ สุดเขตทางเหนือเป็นลำแม่น้ำโดรมตอนต้นตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงเมืองดี ทางตะวันออกกั้นด้วยที่ราบในแถบคงตาต์ เวอเนแซงกับจมูกเขามงต์-วองตูส์ ภูมิภาคนี้กินอาณาบริเวณทั่วทั้งตอนเหนือของจังหวัดบาสส์-อาลป์ ตอนใต้ของแม่น้ำโดรม และพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งถูกล้อมรอบทุกด้านของจังหวัดโวคลุส
สมัยที่ผมออกเดินทางไกลไปตามพื้นที่แห้งแล้งว่างเปล่าทุรกันดารเหมือนกันไปหมดบนพิกัดความสูง 1200 ถึง 1300 เมตรเหล่านี้ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ที่นั่นมีแต่ต้นลาเวนเดอร์ป่าเท่านั้น
ผมข้ามช่วงกว้างที่สุดของภูมิภาคนั้น และหลังจากเดินมาสามวันผมก็ได้มาอยู่ในที่ที่กันดารชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน ผมกางเต็นท์ข้าง ๆ ซากหมู่บ้านร้าง น้ำของผมหมดตั้งแต่วันก่อนหน้านั้นและผมจำเป็นต้องหาน้ำให้ได้ บ้านเหล่านี้แม้จะเหลือแต่ซากทว่ายังตั้งติดชิดกันคล้ายรังต่อเก่า ๆ ทำให้ผมคิดว่าก่อนหน้านั้นน่าจะมีน้ำพุหรือบ่อน้ำอยู่ มีน้ำพุอยู่จริง ๆ ด้วย แต่แห้งเหือดไปแล้ว บ้านห้าหกหลังไร้หลังคาถูกลมและฝนซัดสาด โบสถ์เล็ก ๆ พร้อมหอระฆังทลายลงมากองกับพื้น บ้านและโบสถ์พวกนี้ตั้งเรียงกันอยู่เหมือนในหมู่บ้านที่มีผู้อาศัยอยู่ หากที่นี่ทุกชีวิตได้สาบสูญไปจนสิ้น
วันนั้นเป็นวันที่เจิดจ้าด้วยแดดจัดในเดือนมิถุนายน แต่ในดินแดนโล่งไร้ร่มกำบังและอยู่สูงขึ้นมาใกล้ท้องฟ้าแห่งนี้ลมกลับพัดกรรโชกเกินจะทนไหว เสียงอื้ออึงของลมในซากหมู่บ้านดังประหนึ่งเสียงร้องของแมวป่าซึ่งถูกรบกวนขณะกินอาหารอยู่
ผมต้องไปจากที่นี่ หลังจากเดินออกมาได้ห้าชั่วโมง ผมก็ยังหาน้ำไม่ได้และไม่มีวี่แววให้มีความหวังได้เลยว่าจะหาเจอ มองทางไหนก็มีแต่ความแห้งแล้งและต้นหญ้าระเกะระกะเหมือนกันไปหมด ผมรู้สึกคลับคล้ายว่าเห็นร่างสีดำร่างหนึ่งอยู่ลิบ ๆ ผมเดาเอาว่าเป็นต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่โดดเดี่ยว ผมเดินมุ่งไปทางร่างนั้นอย่างไม่ได้คิดอะไร ปรากฏว่าเป็นร่างของคนเลี้ยงแกะ มีแกะประมาณสามสิบตัวนอนหมอบพักกับพื้นดินร้อนระอุอยู่ใกล้ ๆ เขา
เขาให้ผมดื่มน้ำจากกระติกของเขา และครู่ต่อมาก็พาผมไปยังคอกแกะซึ่งอยู่ในรอยโค้งของที่ราบสูง เขาสูบน้ำ แสนล้ำเลิศ ขึ้นมาจากหลุมธรรมชาติซึ่งลึกมาก และเหนือหลุมนั้นเขาติดตั้งคว้านแบบง่าย ๆ ไว้
ชายผู้นี้ไม่ใคร่พูดจา พวกที่อยู่ลำพังตัวคนเดียวมักจะเป็นอย่างนี้ กระนั้นก็ยังรู้สึกได้ว่าเขามั่นใจในตัวเองและวางใจในความเชื่อมั่นนั้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลกในดินแดนที่ไร้ซึ่งทุกสิ่งทั้งปวงแห่งนี้ เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกระท่อมแต่ในบ้านแท้ ๆ ทำด้วยหิน บ้านที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาลงมือซ่อมแซมซากปรักที่ได้เจอคราวมาถึงที่นี่อย่างไร หลังคาบ้านแข็งแรงแน่นหนา สายลมพัดกระทบหลังคาทำให้เกิดเสียงทะเลตามชายหาดดังอยู่บนแผ่นกระเบื้อง
บ้านของเขาเป็นระเบียบ จานชามล้างเรียบร้อย พื้นปาร์เกต์กวาดเตียน ปืนยาวหยอดน้ำมันพร้อม ซุปเดือดปุดอยู่บนเตาไฟ ผมสังเกตเห็นด้วยว่าเขาเพิ่งโกนหนวดมาหมาด ๆ กระดุมเย็บติดแน่น เสื้อผ้าปะชุนอย่างประณีตจนไม่เห็นรอยเย็บ
เขาแบ่งซุปให้ผมกิน และหลังจากนั้นเมื่อผมยื่นถุงใส่ยาเส้นให้ เขาก็บอกผมว่าเขาไม่สูบยา หมาของเขาซึ่งเงียบเหมือนเจ้าของนั้นเป็นมิตรแต่ก็ไม่ถึงกับหมอบราบคาบ
เป็นที่ตกลงกันในทันทีว่าคืนนั้นผมจะค้างที่นั่น หมู่บ้านใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทางเดินเท้ากว่าหนึ่งวันครึ่ง และยิ่งกว่านั้นผมก็รู้จักลักษณะของหมู่บ้านไม่กี่แห่งในแถบนี้ดี มีหมู่บ้านสี่หรือห้าแห่งตั้งกระจายจากกันอยู่ตามเชิงเขาสูงในป่าต้นโอ๊กขาวลึกเข้าไปสุดทางเดินรถ พวกคนตัดฟืนซึ่งทำอาชีพเผาถ่านอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเหล่านั้น ที่นั่นเป็นสถานที่ซึ่งผู้คนอยู่กันอย่างอัตคัดขัดสน หลายครอบครัวเบียดเสียดกันในสภาพอากาศเลวร้ายเกินทนไม่ว่าจะฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ผู้คนเหล่านี้สะสมความเห็นแก่ตัวของตนอยู่ในดินแดนปิดตายจากโลกภายนอก ความทะเยอทะยานไร้ทางออกท่วมท้นอยู่ที่นั่น ด้วยความปรารถนาที่จะหลบลี้ไปจากสถานที่นี้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
พวกผู้ชายจะบรรทุกถ่านขึ้นรถบรรทุกเข้าไปในเมืองแล้วก็กลับมา บรรดาคุณลักษณะที่แข็งแกร่งที่สุดยังทนสภาพเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวติดต่อกันแบบนี้ไม่ไหว พวกผู้หญิงเคี่ยวกรำความคับแค้น มีการแก่งแย่งแข่งขันกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการขายถ่านหรือม้านั่งในโบสถ์ ความดีต่อกรกันเอง ความชั่วชิงชัยกันไปมา และมีความขัดแย้งโดยทั่วไประหว่างความดีกับความชั่วอย่างไม่หยุดหย่อน จะว่าไปแล้วลมที่พัดตลอดเวลาก็รบกวนประสาทเช่นกัน มีการระบาดของการฆ่าตัวตายและหลายรายมีอาการคลุ้มคลั่งซึ่งมักจะคร่าชีวิตเสมอ
ชายเลี้ยงแกะผู้ไม่สูบยาไปหยิบถุงเล็กๆ ใบหนึ่งและเทลูกโอ๊กในถุงลงบนโต๊ะ เขาเริ่มตรวจตราลูกโอ๊กทีละเม็ด แยกลูกดีกับลูกเสียออกจากกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมสูบกล้อง เสนอตัวช่วย แต่เขาบอกว่ามันเป็นงานของเขา เมื่อเห็นเขาตั้งใจทำงานมากขนาดนั้นผมก็เลยไม่เซ้าซี้ เราพูดคุยกันเพียงเท่านั้น พอได้ลูกโอ๊กดี ๆ กองใหญ่พอสมควรแล้วเขาก็นับลูกโอ๊กพวกนั้นทีละสิบเม็ด ระหว่างที่นับไปเขาก็คัดลูกโอ๊กลูกเล็ก ๆ และลูกร้าวเล็กน้อยซึ่งเขาเห็นเพราะตรวจสอบละเอียดมาก เขาหยุดทำเมื่อได้ลูกโอ๊กสมบูรณ์แบบร้อยเม็ด และเราสองคนก็เข้านอน
การได้อยู่กับชายผู้นี้ทำให้รู้สึกสุขสงบ วันรุ่งขึ้นผมขอพักผ่อนอยู่บ้านเขาทั้งวัน เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ หรือว่ากันตามจริงก็คือเขาทำให้ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะมารบกวนเขาได้ ผมไม่จำเป็นต้องพักผ่อนก็ได้ แต่ผมรู้สึกอัศจรรย์ใจและอยากจะรู้เกี่ยวกับเขาให้มากกว่านี้ เขาต้อนฝูงสัตว์ออกไปทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ก่อนจะไปเขาหย่อนถุงใบเล็กใส่ลูกโอ๊กที่เขาพิถีพิถันเลือกและนับไว้ลงแช่ในถังน้ำ
ผมสังเกตเห็นว่าเขาเอาท่อนเหล็กใหญ่ขนาดนิ้วโป้งยาวประมาณเมตรครึ่งมาถือเป็นไม้เท้า ผมทำเป็นเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปตามทางที่ทอดขนานกับทางของเขา ทุ่งหญ้าที่ใช้เลี้ยงแกะพวกนั้นอยู่ในหุบเขาเอียงลาด เขาปล่อยให้หมาเฝ้าฝูงแกะแล้วก็เดินมาทางผม ผมเกรงว่าเขาจะมาต่อว่าที่ผมทะเล่อทะล่ามาอยู่แถวนั้น แต่เปล่าเลย เขาจะใช้เส้นทางนั้นอยู่แล้วและชวนผมไปด้วยกันถ้าผมไม่มีอะไรอื่นที่ดีกว่านั้นทำ เขาจะขึ้นไปบนภูเขาห่างจากที่นั่นไปอีกสองร้อยเมตร
เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เขาเริ่มปักแท่งเหล็กลงในพื้นดินทำหลุมแล้วหย่อนลูกโอ๊กเม็ดหนึ่งลงไปในนั้นก่อนจะกลบดิน เขากำลังปลูกต้นโอ๊ก ผมถามว่าเขาเป็นเจ้าของที่ผืนนั้นหรือ เขาตอบว่าไม่ใช่ แล้วเขาทราบหรือเปล่าว่าเป็นที่ของใคร เขาก็ไม่ทราบ เขาคาดว่าคงจะเป็นที่สาธารณะ หรือไม่ก็เป็นสมบัติของเจ้าของซึ่งไม่ไยดีกับที่ดินของตนนัก เขาไม่ใส่ใจจะรู้ว่าเจ้าของที่เป็นใคร ได้แต่ปลูกลูกโอ๊กร้อยเม็ดอย่างประณีตบรรจงไปเช่นนั้นเอง
หลังอาหารเที่ยง เขาเริ่มคัดลูกโอ๊กอีกรอบ ผมเชื่อว่าผมคงตั้งคำถามออกไปอย่างเอาจริงเอาจังพอสมควรเขาถึงได้ให้คำตอบกลับมา เขาปลูกต้นไม้อยู่คนเดียวอย่างนี้มาสามปีแล้ว เขาหย่อนเมล็ดพันธุ์ไปแล้วแสนเมล็ด ในแสนเมล็ดนั้นมีต้นงอกออกมาสองหมื่นต้น ในสองหมื่นต้นนั้นเขากะไว้ว่าจะเสียไปครึ่งหนึ่งด้วยฝีมือสัตว์จำพวกหนูและกระรอกและกับสิ่งที่มิอาจจะคาดเดาได้สุดแต่พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เหลือต้นโอ๊กหมื่นต้นเติบโตขึ้นในบริเวณที่ไม่เคยปรากฏสิ่งใดมาก่อนเลยแห่งนี้
ในตอนนั้นเองผมรู้สึกอยากรู้อายุของชายผู้นี้ เขาน่าจะอายุเกินห้าสิบแล้ว เขาบอกผมว่าเขาอายุห้าสิบห้า เขาชื่อเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ เขาเคยมีฟาร์มในที่ราบ เคยก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ เขาเสียลูกชายคนเดียวไปต่อจากนั้นก็เสียภรรยา เขาปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว โดยพอใจใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ กับฝูงแกะและหมาของเขา เขาเห็นว่าพื้นที่แถบนี้กำลังจะตายเพราะขาดต้นไม้ เขากล่าวต่อว่า ในเมื่อเขาไม่มีอะไรให้ทำมากนักก็เลยตัดสินใจฟื้นฟูสภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอยู่
ขณะนั้นแม้จะอายุยังน้อยแต่ผมก็ใช้ชีวิตเพียงลำพัง ผมจึงรู้จักที่จะสัมผัสจิตวิญญาณของผู้อยู่โดดเดี่ยวด้วยความละเอียดอ่อน กระนั้น ผมก็ทำผิดไปอย่างหนึ่ง อายุอันเยาว์ของผมผลักดันให้ผมคิดฝันถึงอนาคตตามที่ตนเองตั้งไว้และด้วยการแสวงหาความสุขใส่ตัว ผมบอกเขาว่า ในอีกสามสิบปีข้างหน้า ต้นโอ๊กเหล่านี้คงจะน่าดูชมมาก เขาตอบเรียบ ๆ ว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าประทานชีวิตให้เขาอยู่ต่อ ภายในสามสิบปีเขาคงจะปลูกต้นไม้ต้นอื่น ๆ อีกมากมายเสียจนต้นไม้หมื่นต้นพวกนี้เป็นแค่หยดน้ำในทะเล
เขายังศึกษาการขยายพันธุ์ของต้นบีชอยู่ด้วยและเขามีบริเวณสำหรับเพาะกล้าต้นบีชใกล้ ๆ บ้าน ต้นกล้าเหล่านั้นขึ้นงามสะพรั่งในรั้วตาข่ายที่กั้นกันไว้ไม่ให้แกะของเขาเข้าไปทำลาย เขาคิดจะปลูกต้นเบิร์ชตามแอ่งเขา เขาบอกผมว่า บริเวณเหล่านั้นมีความชื้นหลับใหลอยู่ใต้ดินลึกลงไปไม่กี่เมตร
วันรุ่งขึ้น เราสองคนลาจากกัน
ปีต่อมา เกิดสงครามปี 1914 ซึ่งผมได้เข้าร่วมรบด้วยเป็นเวลา 5 ปี พลทหารราบไม่อาจจะนึกถึงต้นไม้ได้บ่อยนัก ว่ากันจริง ๆ แล้วผมไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย เนื่องจากผมมองว่าเป็นเพียงงานอดิเรกแบบเดียวกับการสะสมแสตมป์ แล้วผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย
เมื่อออกมาจากสมรภูมิรบ ผมได้รับเบิกจ่ายเบี้ยสงครามอันน้อยนิดในลำดับต้นๆ แต่มีความต้องการอย่างมากมายที่จะได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ผมออกเดินทางโดยใช้เส้นทางในภูมิภาคแห้งแล้งแห่งนั้นอีกครั้งโดยไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์
พื้นที่แถบนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ว่าเหนือหมู่บ้านร้างขึ้นไปไกลสุดสายตาผมเห็นหมอกสีเทาปกคลุมยอดเขาราวกับผืนพรม ผมเริ่มนึกถึงชายเลี้ยงแกะผู้ปลูกต้นไม้มาตั้งแต่วันก่อนหน้านั้นแล้ว ต้นโอ๊กหมื่นต้น ผมบอกตัวเอง ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางดีแท้
ผมได้เห็นคนล้มตายในช่วงห้าปีมากมายเสียจนนึกเอาง่าย ๆ ว่าเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ตายไปแล้ว อีกอย่างคนอายุยี่สิบจะมองว่าคนอายุห้าสิบนั้นเป็นคนแก่ที่ได้แต่รอความตายเท่านั้น เขายังไม่ตาย ออกจะแข็งแรงดีเสียด้วยซ้ำ เขาเปลี่ยนอาชีพแล้ว เขาเหลือลูกแกะแค่สี่ตัวแต่มีรังผึ้งเป็นร้อยรัง เขาเอาแกะที่เป็นอันตรายกับการปลูกต้นไม้ของเขาออกไป เขาบอกผม (และผมก็มองเห็นเอง) ว่า เขาไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกกับสงครามเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงใจเย็นปลูกต้นไม้ต่อไป
ต้นโอ๊กที่ปลูกในปี ค.ศ. 1910 มีอายุได้สิบปีและโตสูงกว่าผมกับเขาแล้ว เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมาก ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป และด้วยเหตุที่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เราสองคนจึงใช้เวลาทั้งวันเดินกันเงียบ ๆ อยู่ในป่าของเขา ป่าผืนนั้นมีสามแถบ ด้านยาวมีขนาดสิบเอ็ดกิโลเมตรและส่วนที่กว้างที่สุดมีขนาดสามกิโลเมตร เมื่อนึกถึงว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากสองมือและจิตวิญญาณของชายผู้นี้โดยไม่ได้พึ่งเครื่องไม้เครื่องมืออะไร ก็ให้เข้าใจได้ว่ามนุษย์อาจมีประสิทธิภาพเทียมเท่าพระเจ้าได้ในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องการทำลายล้าง
เขาดำเนินการตามที่คิดไว้ ดูได้จากต้นเบิร์ชสูงระดับบ่าของผมที่ขึ้นกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา บรรดาโอ๊กต้นสูงล่ำได้พ้นช่วงอายุที่ต้องขึ้นอยู่กับความเมตตาของพวกหนูและกระรอกมาแล้ว ส่วนพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้านั้น ต่อแต่นี้ไปถ้าจะทำลายผลงานสร้างชิ้นนี้ก็คงจะต้องใช้แรงขนาดพายุไซโคลนถึงจะทำได้ เขาให้ผมดูหมู่ต้นเบิร์ชงดงามซึ่งปลูกมาแล้วห้าปี ก็ตรงกับปี ค.ศ.1915 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังรบที่เมืองแวร์เดิง เขาปลูกต้นเบิร์ชพวกนั้นตามแอ่งเขาทุกแห่งที่เขาได้คาดการณ์ไว้อย่างถูกต้องว่ามีความชื้นอยู่เกือบจะปริ่มผิวดิน พวกมันเอนไหวราวละอ่อนวัยรุ่นและมั่นคงมาก
ดูเหมือนว่ามีสิ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องจากป่าไม้ของเขาเป็นทอด ๆ ด้วย เขาไม่ใส่ใจในเรื่องนั้น ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ง่าย ๆ ของตนต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเดินกลับลงไปทางหมู่บ้าน ผมได้เห็นน้ำไหลในทางน้ำซึ่งเคยแห้งผากในความทรงจำของผู้คน เป็นผลงานจากปฏิกิริยาตอบสนองอันเยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่ผมเห็น ในสมัยโบราณร่องน้ำแห้งผากพวกนี้เคยมีน้ำ หมู่บ้านสุดรันทดทั้งหลายที่ผมกล่าวถึงเมื่อตอนต้น ปลูกทับที่ตั้งหมู่บ้านกาลโล-โรมันสมัยต้นคริสตกาลซึ่งยังคงหลงเหลือร่องรอยอยู่ นักโบราณคดีได้มาขุดหมู่บ้านเหล่านี้และพบตะขอเบ็ดหลายชิ้นในบริเวณซึ่งในสมัยศตวรรษที่ยี่สิบจำเป็นต้องมีที่เก็บกักน้ำฝนเพื่อจะได้มีน้ำเพียงเล็กน้อยใช้
สายลมเองก็พัดเมล็ดพันธุ์พืชให้กระจายออกไป ในขณะเดียวกัน น้ำที่ผุดขึ้นมาใหม่ทำให้บรรดาต้นหลิว ต้นกก ต้นหญ้า ไม้ดอก สวน และเหตุผลมากมายในการมีชีวิตงอกเงยขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ช้าเสียจนแทรกอยู่ในความเคยชินโดยไม่ได้สะกิดใจให้พิศวง พวกนายพรานที่ขึ้นไปล่ากระต่ายหรือหมูป่าในป่าเปลี่ยวสังเกตเห็นต้นไม้เล็ก ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น แต่พวกเขาคิดว่าเป็นฝีมือของความตลกร้ายของโลกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังนี้เองจึงไม่มีใครแตะต้องผลงานของชายผู้นี้ ถ้ามีใครเกิดกังขาเรื่องนี้ขึ้นมา คงมีการจะห้ามปรามมิให้เขาปลูกต้นไม้ต่อไป งานของเขาแนบเนียนไม่มีใครสงสัย จะมีใครในบรรดาชาวบ้านตามหมู่บ้านและพวกข้าราชการที่สามารถจินตนาการถึงความพากเพียรจากความกรุณาอันประเสริฐเช่นนี้ออก
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 เป็นต้นมา ผมไปเยี่ยมเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ชนิดไม่เคยเว้นไปให้เกินปี ผมไม่เคยเห็นเขาย่อท้อหรือละล้าละลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถึงอย่างไรพระผู้เป็นเจ้าก็ทรงทราบ หากพระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้งกี่หน กระนั้นก็ยังพอจะนึกออกว่าความสำเร็จแบบนี้จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนาม พอจะมองเห็นว่ากว่าจะได้อุ่นใจในชัยชนะอันเกิดจากความมุ่งมั่นเช่นนี้จำต้องต่อสู้กับความผิดหวัง มีอยู่คราวหนึ่ง เขาปลูกต้นเมเปิลหมื่นกว่าต้นตลอดทั้งปีและต้นเมเปิลเหล่านั้นตายเรียบ ปีถัดมาเขากลับมาปลูกต้นบีชซึ่งได้ผลดียิ่งกว่าต้นโอ๊กเสียอีก
เพื่อให้นึกภาพอุปนิสัยซึ่งไม่มีใครเหมือนนี้ออก ต้องไม่ลืมว่าเขาลงมือทำโดยลำพังตัวคนเดียว โดดเดี่ยวเสียจนในช่วงท้ายของชีวิตเขาไม่ชินที่จะพูดจา หรือไม่เขาก็อาจเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพูดกระมัง
ในปี ค.ศ 1933 มีเจ้าพนักงานป่าไม้หน้าตาตื่นมาหาเขา เจ้าหน้าที่รัฐผู้นี้สั่งไม่ให้เขาจุดไฟนอกบ้าน ด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อการงอกงามของป่าธรรมชาติ ผืนนี้ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเขาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นป่าขึ้นมาเองอย่างนี้ ช่วงนั้นเขาไปปลูกต้นบีชห่างจากบ้านราวสิบสองกิโลเมตร เขาถึงกับคิดจะปลูกกระท่อมหินหลังเล็ก ๆ ในบริเวณที่เขาปลูกต้นไม้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินกลับไปกลับมาเนื่องจากเขาอายุล่วงเข้าเจ็ดสิบห้าปีแล้ว เขาปลูกกระท่อมนั้นในปีต่อมา
ในปี ค.ศ. 1935 ตัวแทนที่แท้จริงของรัฐบาลก็มาตรวจสอบป่าธรรมชาติแห่งนี้ ประกอบไปด้วยพวกคนใหญ่คนโตจากหน่วยงานที่ดูแลเรื่องน้ำและป่าไม้ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคนและบรรดาช่างเทคนิค มีการเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ไม่มีประโยชน์ออกมามากมาย พวกเขาตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่างและโชคดีที่ไม่มีใครทำอะไร เว้นแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สิ่งหนึ่ง นั่นคือการจัดให้ป่าแห่งนี้อยู่ในความคุ้มครองของรัฐและห้ามมิให้เข้ามาตัดต้นไม้ไปเผาเป็นถ่าน เป็นเพราะไม่มีใครจะไม่ใจอ่อนไปกับความงามของต้นไม้แรกรุ่นแข็งแรงพวกนี้ และป่าแห่งนี้ก็ใช้พลังชักจูงของมันสยบท่านผู้แทนฯด้วย
ผมมีเพื่อนเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาป่าคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มตัวแทนรัฐบาลกลุ่มนี้ ผมไขความลึกลับในเรื่องนี้ให้เขาฟัง สัปดาห์ต่อมาเราทั้งสองไปหาเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์ด้วยกัน และพบเขากำลังทำงานอยู่ห่างจากบริเวณที่มีการมาตรวจสอบยี่สิบกิโลเมตร
หัวหน้าหน่วยรักษาป่าคนนี้ไม่เสียแรงเป็นเพื่อนกับผม เขารู้จักคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ รู้จักปิดปากเงียบ ผมเอาไข่ที่ผมนำมาด้วยให้บูฟฟิเอร์เป็นของฝาก เราสามคนแบ่งกันกินแซนด์วิชและใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการพินิจดูทิวทัศน์กันเงียบ ๆ
ด้านที่เราผ่านเข้ามานั้นปกคลุมด้วยต้นไม้สูงหกถึงเจ็ดเมตร ผมจำภาพพื้นที่แถบนี้ในปี ค.ศ. 1913 ได้ดี ตอนนั้นมีแต่ความแห้งแล้ง ... การทำงานอย่างราบรื่นและสม่ำเสมอ อากาศสดชื่นบนที่สูง อาหารการกินที่เรียบง่ายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบสุขในจิตใจทำให้ชายชราผู้นี้มีความเข้มแข็งบึกบึน เป็นดั่งนักกรีฑาของพระผู้เป็นเจ้า ผมสงสัยว่าเขาจะปลูกต้นไม้ต่อไปอีกกี่ไร่
ก่อนจะจากมา เพื่อนของผมให้คำแนะนำเกี่ยวกับพันธุ์พืชบางชนิดที่น่าจะเหมาะกับพื้นที่นี้ เขาไม่ได้พูดย้ำยืดยาว เรื่องของเรื่องก็คือชายคนนี้รู้เรื่องพวกนั้นดีกว่าฉัน เขาบอกผมในภายหลัง หลังจากที่เดินกันไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็มีความคิดวาบเข้ามาและพูดเสริมขึ้นว่า เขารู้เรื่องพวกนั้นมากกว่าทุกคน เขาได้พบวิธีมีความสุขได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็นพระคุณของหัวหน้าหน่วยผู้นี้ที่ไม่เพียงแต่ป่าไม้เท่านั้นที่ได้รับการปกป้อง แต่ยังรวมไปถึงความสุขของชายผู้นี้ด้วย เขาแต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้สามคนดูแลป่าผืนนี้ และขู่กำชับเจ้าหน้าที่เหล่านี้ชนิดที่ทำให้พวกเขาไม่กล้านำพากับเงินใต้โต๊ะทุกก้อนซึ่งพวกคนตัดฟืนอาจจะนำมาติดสินบนได้
ไม่มีเภทภัยร้ายแรงมาแผ้วพานผืนป่านี้จนกระทั่งช่วงระหว่างสงครามในปีค.ศ.1939 บรรดารถยนต์ใช้เครื่องยนต์แก๊สที่ได้จากการเผาไม้เป็นเชื้อเพลิง ไม้จึงไม่เคยพอกับความต้องการ เริ่มมีการตัดไม้ในป่าต้นโอ๊กที่ปลูกตั้งแต่ปี ค.ศ.1910 แต่พื้นที่ป่าเหล่านี้ก็อยู่ห่างจากเส้นทางขนส่งจนบริษัทต้องถอนตัวออกไปด้วยเห็นว่าไม่คุ้มการลงทุน พวกเขาพากันละทิ้งป่าไม้พวกนี้ไป ส่วนชายเลี้ยงแกะไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นเขาอยู่ห่างออกไปจากที่นั่นสามสิบกิโลเมตร ยังคงทำงานของตนไปอย่างสงบสุข ไม่รู้เรื่องสงครามปี 1939 เหมือนกับที่เขาไม่รู้เรื่องสงครามปี 1914
ผมไปหาเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์เป็นครั้งสุดท้ายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1945 ตอนนั้นเขาอายุแปดสิบเจ็ดปี ผมใช้เส้นทางแห้งแล้งเส้นเดิม แม้พื้นที่แถบนี้จะถูกสงครามทำลายเสียหาย แต่ก็ยังมีรถประจำทางวิ่งระหว่างหุบเขาของแม่น้ำดูรองซ์กับภูเขา ผมโทษการขนส่งที่ค่อนข้างรวดเร็วนี้ว่าทำให้ผมจำบริเวณที่ผมเดินเล่นครั้งล่าสุดไม่ได้ ผมยังรู้สึกด้วยว่าเส้นทางที่ผมผ่านไปนั้นดูแปลกตา ต้องให้เห็นชื่อของหมู่บ้านเสียก่อนผมถึงจะสรุปได้ว่าได้มาอยู่ในพื้นที่ซึ่งในสมัยก่อนเหลือแต่ซากและสลดหดหู่ ผมนั่งรถประจำทางมาลงที่หมู่บ้านแวร์กงส์
ในปี ค.ศ. 1913 บ้านสิบถึงสิบสองหลังที่ตั้งเป็นกลุ่มมีคนอยู่สามคน เป็นพวกชาวบ้านป่าผู้เกลียดชังซึ่งกันและกัน เลี้ยงชีพด้วยการวางกับดักสัตว์ เรียกได้ว่ามีสภาพร่างกายและจิตใจใกล้เคียงกับคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ต้นตำแยขึ้นลามบ้านร้างรอบกายพวกเขา สภาพในตอนนั้นไร้ซึ่งความหวัง สำหรับพวกเขาไม่มีอะไรในชีวิตนอกจากรอความตาย เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กับคุณงามความดีสักเท่าใดนัก
ทุกอย่างเปลี่ยนไป อากาศก็ไม่เหมือนเดิม แทนที่จะเป็นลมแล้งกระชากรุนแรงซึ่งพัดมาปะทะผมเมื่อครั้งก่อนเก่า กลับกลายเป็นลมพัดโชยกรุ่นกลิ่นหอม ได้ยินเสียงลมในป่าที่ฟังละม้ายคล้ายเสียงน้ำไหลลงภูเขา และสุดท้ายสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ ผมได้ยินเสียงน้ำไหลรินในแอ่งน้ำ ผมได้เห็นว่ามีการสร้างน้ำพุที่มีน้ำล้นหลาก และสิ่งที่ประทับใจผมที่สุดคือ ใกล้ ๆ น้ำพุนั้นมีการปลูกต้นติเยิลต้นหนึ่งซึ่งน่าจะอายุราวสี่ปีเพราะแตกใบสะพรั่งแล้ว นี่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
นอกจากนั้นหมู่บ้านแวร์กงส์มียังร่องรอยของการทำงาน ซึ่งการลงมือทำจำเป็นต้องอาศัยความหวัง แสดงว่าความหวังได้กลับมาอีกครั้ง มีการกวาดซากปรักหักพัง ทุบซากกำแพงทรุดโทรม และสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาห้าหลัง ตอนนี้หมู่บ้านนี้มีคนอยู่ยี่สิบแปดคน ในจำนวนนั้นมีสามีภรรยาใหม่สี่คู่ มีบ้านใหม่ก่ออิฐมาหมาด ๆ รายรอบด้วยสวนครัวที่พืชผุดงอกขึ้นแซมกันไป แต่ยังรักษาระดับเป็นแถวแนว มีทั้งผักและไม้ดอก กะหล่ำปลีและต้นกุหลาบ ต้นกระเทียมและต้นลิ้นมังกร ต้นขึ้นฉ่ายและต้นดอกไม้ทะเล ต่อไปแถบนี้จะเป็นบริเวณที่น่าอยู่
ผมเดินเท้าต่อไปจากที่นั่น สงครามซึ่งเพิ่งสิ้นสุดลงไม่เปิดโอกาสให้เราได้สำราญเต็มที่กับชีวิต แต่ประหนึ่งลาซารัส ชายโรคเรื้อนผู้ได้รับการชุบชีวิตจากพระเยซูเจ้า บนไหล่เขาเอียงลาดผมเห็นทุ่งหญ้าบาร์เลย์และหญ้าไรย์อยู่ด้านในตรอกหุบเขา ทุ่งหญ้าบางแห่งกำลังเขียวขจี
พื้นที่เหล่านี้ได้กลับมาสวยงามมีชีวิตชีวาและอุดมไปด้วยธรรมชาติอีกครั้งภายในเวลาเพียงแปดปี บริเวณที่เคยเป็นซากปรักหักพังซึ่งผมเคยเห็นในปี ค.ศ. 1913 ตอนนี้มีฟาร์มสะอาดเอี่ยม ผนังที่ตั้งอยู่ฉาบปูนเรียบร้อยแสดงถึงชีวิตที่มีความสุขและสะดวกสบาย บรรดาตาน้ำเก่าแก่อิ่มเอิบด้วยน้ำฝนและน้ำจากหิมะซึ่งป่าเหล่านั้นดูดซับไว้เริ่มกลับมาไหลรินอีกหน มีการขุดทางน้ำ ในพุ่มต้นเมเปิลตามข้าง ๆ ฟาร์มแต่ละแห่งมีอ่างน้ำพุไหลล้นลงบนผืนพรมต้นสะระแหน่ หมู่บ้านค่อย ๆ ตั้งขึ้นมาทีละแห่งสองแห่ง ประชากรจากที่ราบซึ่งที่ดินมีราคาแพงมาลงหลักปักฐานในแถบนั้น นำความสดใส การเคลื่อนไหว จิตวิญญาณผจญภัยเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างทางเราจะได้พบหญิงและชายผู้กินอยู่ดี ได้เห็นเด็กชายหญิงที่รู้จักหัวเราะร่าและกลับมาสนุกสนานกับงานเทศกาลตามประเพณีพื้นถิ่นอีกครั้ง ถ้าเรานับจำนวนคนทั้งหมดโดยรวมชาวบ้านดั้งเดิมซึ่งเปลี่ยนไปผิดหูผิดตากับคนที่มาอยู่ใหม่เข้าด้วยกัน ก็จะมีคนมากกว่าหมื่นคนเป็นหนี้บุญคุณความสุขต่อเอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์
เมื่อมาหวนคิดว่า คนเพียงคนเดียวลงแรงกายและแรงใจก็เพียงพอจะพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งให้กลายเป็นเคนัน แผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะประทานแด่ชาวอิสราเอลได้แล้ว ผมก็รู้สึกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ความเป็นมนุษย์ยังน่าชื่นชมอยู่ แต่ครั้นผมนึกไปถึงผลงานที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งและความยิ่งใหญ่ของจิตใจ กับความการุณย์อย่างเสมอต้นเสมอปลายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังนี้มา ผมก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความนับถือต่อผู้เฒ่าบ้านนอกผู้รู้จักสร้างผลงานเทียบเท่ากับผลงานของพระเจ้าชิ้นนี้
เอลเซอารด์ บูฟฟิเอร์เสียชีวิตอย่างสงบในปี ค.ศ. 1947 ณ บ้านพักคนชราแห่งเมืองบานง
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
คนปลูกต้นไม้ กับ ชาวVI
โพสต์ที่ 3
ความเพียร ความเพียร และความเพียร
อ่านแล้วคิดถึงเรื่อง มหาชนก บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ
พระองค์ท่านทรงฝากเรื่องความเพียรเอาไว้ให้ลูกหลานไทยนำไปปฏิบัติตาม
อ่านแล้วคิดถึงเรื่อง มหาชนก บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ
พระองค์ท่านทรงฝากเรื่องความเพียรเอาไว้ให้ลูกหลานไทยนำไปปฏิบัติตาม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คนปลูกต้นไม้ กับ ชาวVI
โพสต์ที่ 4
อืม อ่านแล้ว ก็รู้สึกเลยว่า เขาทำได้เพราะเขามีความตั้งใจทำ และอยู่ในสภาพที่ทำได้
ไม่แน่นะ ถ้าเมียไม่ตาย ลูกยังอยู่ จะทำได้แบบนี้หรือเปล่า
ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะ
คือมักจะเห็นพวกมีความเพียรเป็นเลิศ มักจะขาดอะไรบางอย่างอยู่ เช่น หูหนวก ตาบอด หรือไม่ก็โดนกดขี่ข่มเหงอย่างมาก เคยจนสุดๆ เป็นต้น
ขอบคุณครับที่ได้อ่าน
ไม่แน่นะ ถ้าเมียไม่ตาย ลูกยังอยู่ จะทำได้แบบนี้หรือเปล่า
ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะ
คือมักจะเห็นพวกมีความเพียรเป็นเลิศ มักจะขาดอะไรบางอย่างอยู่ เช่น หูหนวก ตาบอด หรือไม่ก็โดนกดขี่ข่มเหงอย่างมาก เคยจนสุดๆ เป็นต้น
ขอบคุณครับที่ได้อ่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
คนปลูกต้นไม้ กับ ชาวVI
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับคุณม้าเฉียว