ซื้อคืน THCOM ในงบ 1,000 ลบ. เป็นแค่กระแสปั่น หรือเอาจริง

[hybrid]

"นายกฯมอบหมายคลัง-ไอซีทีเจรจาซื้อดาวเทียมไทยคมคืนจากเทมาเซค เผยอาจให้อสมท.-กสท.เข้าไปซื้อหรือตั้งกอทุนเข้าไปถือหุ้น คาดใช้เงินไม่เกิน 1,000ล้านบาท"
อ่านแล้วก็ยังงงๆ ว่าจะซื้อคืนได้สักเท่าไหร่กัน เทมาเส็ก ถือหุ้น SHIN อยู่อย่างน้อยก็ 50% แล้ว SHIN ก็ถือ THCOM อยู่ประมาณ 40% (450 ล้านหุ้น)

จำนวนเงินที่คาดว่าจะใช้ในการซื้อคืน 1000 ลบ. จำนวนหุ้น 450 ล้านหุ้น แล้วเขาจะซื้อคืนกันที่ราคาเท่าไหร่เนี่ย ??
หากผมเข้าใจอะไรผิดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ

[picklife]

มะรู้เหมือนกันครับ มานั่งรอฟังด้วยคนครับ อิอิ
ปล.แต่ผมถ้าขายอย่างน้อยเทมาเสกน่าจะโก่งกันที่ราคาบุ๊คนะครับ

[picklife]

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวยอมรับว่า ได้เดินทางร่วมกับ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้าพบกับผู้บริหารบริษัทเทมาเซค เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค. โดยนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายไปทำความเข้าใจกับเทมาเซ็คแต่คงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ว่าเป็นการหารือเรื่องใดบ้าง

อย่างไรก็ตาม ไม่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) จากเทมาเซ็ค เพราะอาจจะกระทบต่อราคาหุ้น THCOM และ บมจ.ชิน คอร์เปอเรชั่น (SHIN) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

"ยอมรับว่าได้บินไปคุยกับเทมาเซคจริง ไปกับคุณศิริโชค ช่วงที่มีการชุมนุมที่สถานีดาวเทียมไทยคม นายกฯจึงได้มอบหมายให้ไปทำความเข้าใจกับเขา เพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไทยคม" นายกรณ์ กล่าว

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2553 17:42:08 น.

[picklife]

สงสัยว่า งี๊รัฐบาลต้องมาตั้งโต๊ะ ขอซื้อหุ้นคืนด้วยไหมครับ?
ถ้าใช่ผมว่า อย่างน้อยต้องมี5พันถึงหมื่นล้านหรือปล่าวครับ?

[smith_sanguan]

ปล่อยให้ร่วงครับ เข้าไล่ซื้อในตลาด ง่ายกว่า555

[hybrid]

ส่วนตัวผมเห็นด้วยในแง่ของความมั่นคง (แฮะๆ ตอบดูมีหลักการ) แต่ว่าเงินคงต้องใช้เฉียดๆหมื่นล้านอย่างที่คุณ picklife ว่าแหละครับ
รอฟังความคืบหน้าต่อไป

[hybrid]

http://portal.settrade.com/brokerpage/I ... 5-6-10.pdf

[Chilli]

มารอฟังอีกคนคับ

[picklife]

ส่งรสก.ซื้อ THCOM คาดใช้เงิน 4 พันลบ.
    อภิสิทธิ์ สั่งคลังซื้อหุ้นไทยคมจากเทมาเส็กคืน  ยึดความโปร่งใสเรื่องของราคา และเงื่อนไข
คลังยอมรับคุยเทมาเส็กจริงแต่อุบไต๋เรื่องซื้อหุ้นคืน  ให้รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมและมีความสนใจเข้า
ไปซื้อ เช่น บริษัท อสมท และ กสท โทรคมนาคม (กสท) ส่วนไอซีทีรับลูก "มาร์ค" โบรกฯให้ราคา
ซื้อหุ้น 5 บาทกว่า หากซื้อจากจำนวนที่ SHIN ถือ น่าใช้เงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท

[picklife]

** THCOM อภิสิทธิ์สั่งคลังซื้อหุ้นไทยคมจากเทมาเส็กคืน ยึดความโปร่งใสเรื่องของราคา และเงื่อนไข คลังยอมรับคุยเทมาเส็กจริง แต่
อุบไต๋เรื่องซื้อหุ้นคืน ให้รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมและมีความสนใจเข้าไปซื้อ เช่น บริษัท อสมท และ กสทโทรคมนาคม (กสท) ส่วนไอซีที
รับลูก มาร์ค โบรกฯให้ราคาซื้อหุ้น 5 บาทกว่า หากซื้อจากจำนวนที่ SHIN ถือ น่าใช้เงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)
ความเห็น สำหรับกรณีที่รัฐบาลไทยจะซื้อ THCOM คืนจากเทมาเซคนั้น เรามองว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า
1. จะซื้อคืนเฉพาะธุรกิจดาวเทียม หรือซื้อคืนเฉพาะส่วนที่เทมาเซคถือหุ้นใน THCOM (SHIN ถือหุ้น THCOM 41%) ซึ่งจาก
ข้อมูลล่าสุดยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา นอกจากคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าต้องการซื้อคืนเฉพาะ
ธุรกิจดาวเทียมเท่านั้น
2. ราคาที่จะซื้อคืน ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากข้อตกลงจะจบลงได้ ราคาซื้อคืนควรที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้ง 2
ฝ่าย ในเบื้องต้นเราประเมินเฉพาะส่วนของธุรกิจดาวเทียม (Satellite) ซึ่งปัจจุบันคงเหลือดาวเทียมอยู่ 3 ดวง ได้แก่ THCOM
2, IPSTAR และ THCOM 5 มีมูลค่าตามบัญชีในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.1 หมื่นลบ. หรือคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น THCOM ที่ 10
บาท อย่างไรก็ตาม เราไม่คิดว่าจะตกลงซื้อกันที่ราคาเท่ากับ BV เนื่องจากปัจจุบัน IPSTAR มีการใช้งานเพียง 10% ของ
Capacity และยังไม่ถึงระดับที่จะคุ้มทุนที่ 15% ของ Capacity ดังนั้นหากมีการซื้อคืนที่ราคาต่ำกว่า BV ทางบริษัทฯ THCOM
จะต้องบันทึกการด้อยค่าในสินทรัพย์ด้วย และจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมของ THCOM สำหรับกรณีที่จะประเมิน
มูลค่าของทั้งบริษัทฯ จะต้องรวมธุรกิจโทรศัพท์มือถือในประเทศลาว และกัมพูชา (Telephone) ซึ่ง THCOM ถือหุ้นผ่านทาง
บริษัท Shenington 51% คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น THCOM ประมาณ 4 บาท และมูลค่าธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ (Internet and
Media) ซึ่ง THCOM ถือหุ้น CSL ผ่านทาง DTV ซึ่งเราประเมินมูลค่าเหมาะสมราว 0.75 บาท/หุ้นของ THCOM ดังนั้นมูลค่ารวม
ของทั้งบริษัทฯ THCOM น่าจะอยู่ที่ประมาณ 14.75 บาท/หุ้น หรือราว 16,166 ลบ. ซึ่งหากรัฐบาลต้องการซื้อคืนเฉพาะส่วนที่
เทมาเซคถือ ก็อาจจะต้องซื้อคืนในสัดส่วน 41% ของจำนวนหุ้น THCOM ที่เทมาเซคถือผ่านทาง SHIN หรือคิดเป็นมูลค่า
ประมาณ 6.6 พันลบ.
ในทางพื้นฐาน เรายังคงแนะนำ ซื้อ สำหรับ THCOM ที่มูลค่าเหมาะสม 9 บาท แต่เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 29%
เมื่อวานนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากข่าวที่รัฐบาลต้องการซื้อคืน THCOM ดังนั้นเราอยากให้นักลงทุนระยะสั้นที่เข้าไปเก็งกำไร
ระมัดระวัง ในประเด็นราคาที่จะซื้อคืน ซึ่งถ้าเป็นราคาที่ต่ำมาก ทางเทมาเซคอาจจะไม่ตกลงขาย หรือถ้าตกลงขายจริงทาง
THCOM ก็อาจจะต้องบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมของ THCOM อย่างมี
นัยสำคัญ ในเบื้องต้นเราประเมินมูลค่าเฉพาะธุรกิจดาวเทียมอยู่ที่ 10 บาท/หุ้น และประเมินมูลค่าทั้งบริษัทฯ อยู่ที่ 14.75
บาท/หุ้น (ขณะที่ BV ณ.สิ้นไตรมาส 1/53 อยู่ที่ 14 บาท) แต่ถ้าประเมินกระแสเงินสดด้วยวิธี EV/EBITDA ณ.ระดับ 7.5 เท่า
มูลค่าหุ้น THCOM จะอยู่ที่ประมาณ 8.35 บาท

[picklife]

** THCOM อภิสิทธิ์สั่งคลังซื้อหุ้นไทยคมจากเทมาเส็กคืน ยึดความโปร่งใสเรื่องของราคา และเงื่อนไข คลังยอมรับคุยเทมาเส็กจริง แต่
อุบไต๋เรื่องซื้อหุ้นคืน ให้รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมและมีความสนใจเข้าไปซื้อ เช่น บริษัท อสมท และ กสทโทรคมนาคม (กสท) ส่วนไอซีที
รับลูก มาร์ค โบรกฯให้ราคาซื้อหุ้น 5 บาทกว่า หากซื้อจากจำนวนที่ SHIN ถือ น่าใช้เงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)
ความเห็น สำหรับกรณีที่รัฐบาลไทยจะซื้อ THCOM คืนจากเทมาเซคนั้น เรามองว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า
1. จะซื้อคืนเฉพาะธุรกิจดาวเทียม หรือซื้อคืนเฉพาะส่วนที่เทมาเซคถือหุ้นใน THCOM (SHIN ถือหุ้น THCOM 41%) ซึ่งจาก
ข้อมูลล่าสุดยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา นอกจากคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าต้องการซื้อคืนเฉพาะ
ธุรกิจดาวเทียมเท่านั้น
2. ราคาที่จะซื้อคืน ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากข้อตกลงจะจบลงได้ ราคาซื้อคืนควรที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้ง 2
ฝ่าย ในเบื้องต้นเราประเมินเฉพาะส่วนของธุรกิจดาวเทียม (Satellite) ซึ่งปัจจุบันคงเหลือดาวเทียมอยู่ 3 ดวง ได้แก่ THCOM
2, IPSTAR และ THCOM 5 มีมูลค่าตามบัญชีในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.1 หมื่นลบ. หรือคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น THCOM ที่ 10
บาท อย่างไรก็ตาม เราไม่คิดว่าจะตกลงซื้อกันที่ราคาเท่ากับ BV เนื่องจากปัจจุบัน IPSTAR มีการใช้งานเพียง 10% ของ
Capacity และยังไม่ถึงระดับที่จะคุ้มทุนที่ 15% ของ Capacity ดังนั้นหากมีการซื้อคืนที่ราคาต่ำกว่า BV ทางบริษัทฯ THCOM
จะต้องบันทึกการด้อยค่าในสินทรัพย์ด้วย และจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมของ THCOM สำหรับกรณีที่จะประเมิน
มูลค่าของทั้งบริษัทฯ จะต้องรวมธุรกิจโทรศัพท์มือถือในประเทศลาว และกัมพูชา (Telephone) ซึ่ง THCOM ถือหุ้นผ่านทาง
บริษัท Shenington 51% คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น THCOM ประมาณ 4 บาท และมูลค่าธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ (Internet and
Media) ซึ่ง THCOM ถือหุ้น CSL ผ่านทาง DTV ซึ่งเราประเมินมูลค่าเหมาะสมราว 0.75 บาท/หุ้นของ THCOM ดังนั้นมูลค่ารวม
ของทั้งบริษัทฯ THCOM น่าจะอยู่ที่ประมาณ 14.75 บาท/หุ้น หรือราว 16,166 ลบ. ซึ่งหากรัฐบาลต้องการซื้อคืนเฉพาะส่วนที่
เทมาเซคถือ ก็อาจจะต้องซื้อคืนในสัดส่วน 41% ของจำนวนหุ้น THCOM ที่เทมาเซคถือผ่านทาง SHIN หรือคิดเป็นมูลค่า
ประมาณ 6.6 พันลบ.
ในทางพื้นฐาน เรายังคงแนะนำ ซื้อ สำหรับ THCOM ที่มูลค่าเหมาะสม 9 บาท แต่เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 29%
เมื่อวานนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากข่าวที่รัฐบาลต้องการซื้อคืน THCOM ดังนั้นเราอยากให้นักลงทุนระยะสั้นที่เข้าไปเก็งกำไร
ระมัดระวัง ในประเด็นราคาที่จะซื้อคืน ซึ่งถ้าเป็นราคาที่ต่ำมาก ทางเทมาเซคอาจจะไม่ตกลงขาย หรือถ้าตกลงขายจริงทาง
THCOM ก็อาจจะต้องบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมของ THCOM อย่างมี
นัยสำคัญ ในเบื้องต้นเราประเมินมูลค่าเฉพาะธุรกิจดาวเทียมอยู่ที่ 10 บาท/หุ้น และประเมินมูลค่าทั้งบริษัทฯ อยู่ที่ 14.75
บาท/หุ้น (ขณะที่ BV ณ.สิ้นไตรมาส 1/53 อยู่ที่ 14 บาท) แต่ถ้าประเมินกระแสเงินสดด้วยวิธี EV/EBITDA ณ.ระดับ 7.5 เท่า
มูลค่าหุ้น THCOM จะอยู่ที่ประมาณ 8.35 บาท

[newbie_12]

ได้แต่ถอนหายใจ  :(  :(  :(

[leaderinshadow]

ให้เดานะครับ
ผมว่ารัฐน่าจะซื้อเฉพาะดาวเทียมคืนเพราะใช้เงินไม่มาก


แต่ผมมองว่ารัฐมีแต่เสียกับเสีย
เพราะดาวเทียมไทยคมก็เก่ามากแล้ว
ผมว่า มีแต่รอวันพัง เพราะหลายปีก่อนเพิ่งโดนเศษอุกาบาต
ทำให้อายุการใช้งานลดลงไปหลายปีเลย

ส่วนดาวเทียมที่ดีจริงคือ IP Star แต่ก็ถูกฮึมๆ ว่าไม่ตรงสเป็ก บลาๆๆ
จะให้ยิงใหม่ ไม่ก็จะยึดสัมปทาน บลาๆๆ

ผมมองว่าในธุรกิจดาวเทียม ตัวที่มีค่าที่สุด (มีค่าจริงๆ) คือ IP Star ดวงเดียว
ที่เหลือ ผมมองว่ามีแต่ราคาซากครับ และที่สำหรับ THCOM
กำลังจะโอนย้ายลูกค้า จากดาวเทียมไทยคม มายัง IP Star อีก

สรุปคือ ....

ผมว่า ชักจะการเมืองไปแระ   :lol:
ไม่ต่อประเด็นนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้การเมือง

[KB]

รายได้จากการให้บริการดาวเทียม                       ไตรมาส             ไตรมาส           ไตรมาส          %QoQ           %YoY

                  และเกี่ยวเนื่อง                             1/53               4/52             1/52

                  ดาวเทียมไทยคม 1A, 2, 5 และ         637                611               588             4.3%           8.3%

                  เกี่ยวเนื่อง

                  ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์)           561                565             493            -0.7%           13.8%

                    รายได้จากการขาย                         214                233             223            -8.2%           -4.0%

                    รายได้จากการบริการ                      347                 332             270             4.5%          28.5%

                  รวม                                          1,198               1,176           1,081            1.9%           10.8%



__________________________________________________________________________________________________________


                  ต้นทุนการบริการดาวเทียมและ               ไตรมาส         ไตรมาส     ไตรมาส         %QoQ        %YoY

                  เกี่ยวเนื่อง                                        1/53           4/52       1/52

                  ดาวเทียมไทยคม 1A, 2, 5 และ              332           356         319          -6.7%        4.1%

                  เกี่ยวเนื่อง

                  ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์)               714          733         744          -2.6%        -4.0%



                  รวม                                               1,046        1,089       1,063         -3.9%        -1.6%


จะเห็นได้ว่าตัวที่ทำเงินจริงๆ ตอนนี้คือไทยคม 5 ทำรายได้ไตรมาสล่าสุด 637 ล้านบาท และเป็นรายได้ที่มีเข้ามาแน่นอนจากลูกค้าประจำ ต้นทุนการบริการอยู่ที่ 332 ล้านบาท กำไรไตรมาสละ 305 ล้านบาท คิดเป็นปีก็ปีละ 1220 ล้านบาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน

ส่วนไทยคม 4 หรือ Ipstar ยังขาดทุนอยู่เลย รายได้ไตรมาสล่าสุด 561 ล้านบาท แต่ต้นทุนบริการอยู่ที่ 714 ล้านบาท แล้วถ้ารัฐบาลทำตลาดไม่ดี รายได้ไม่เพิ่มก็มีแต่จะขาดทุดไปเรื่อยๆ ตอนนี้ขาดทุนอยู่ไตรมาสละ 198 ล้าน ถ้าคิดรวมทั้งปีก็ขาดทุน 792 ล้านบาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน

[leaderinshadow]

IP Star ผมมองว่ามีศักยภาพที่จะเติบโตสูงมากครับ
เพราะลูกค้าใหญ่ คือ เอเชีย ทั้งจีน อินเดีย อาเซียน รวมทั้ง ออสเตรเลีย
ถึงแม้ปัจจุบันยังทำรายได้น้อยอยู่ แต่ถ้ามองไปในอนาคต ตัวนี้แหละ คือพระเอกเลย

ปัจจุบันมีการใช้งานที่ 10 กว่า% จุดคุ้มทุนที่ 15% หลังจาก15% นี้คือกำไรเนื้อๆ
เพราะต้นทุนส่วนใหญ่เป็น Fix Cost ไว้แล้ว
Break Event เมื่อไหร่ .........

อันนี้คาบข่าวจากไทยรัฐมาฝากครับ
http://www.thairath.co.th/content/eco/89663

ปัดรัฐทาบซื้อคืน ไทยคมยัน ตลท.เตือนซื้อหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนะนักลงทุนระมัดระวังข่าวลือซื้อหุ้นไทยคมจากรัฐบาล เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน ระบุยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนแน่นอน ขณะที่ไทยคมยืนยันยังไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด ย้ำหากมีความคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป....

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ออกหนังสือแจ้งว่า ตามที่ปรากฎข่าวตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับหน่ายงานทางการมีแผนจะซื้อหุ้นของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้ติดตามขอให้บริษัทฯ ชี้แจงสารสนเทศดังกล่าว โดยบริษัทฯได้ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทฯยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานของรัฐในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้ง นี้ จากข่าวที่ปรากฎยังเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางและยังไม่มีข้อ สรุปที่ชัดเจนแน่นอน ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงขอให้นักลงทุนติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ THCOM ด้วยความระมัดระวังและติดตามข่าวสารอย่างเป็นทางการผ่านระบบของตลาดหลัก ทรัพย์ฯ เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะประสานงานกับบริษัทฯให้ชี้แจงข้อมูลหากมีความคืบหน้า ต่อไป

[leaderinshadow]

จากประชาติธุรกิจ ครับ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 3&catid=00

เพื่อไทยปูดมีนักการเมืองชื่อย่อ"ก.-ศ."ได้ประโยชน์ปั่นหุ้นไทยคม 300 ล.
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 14:40:45 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


นายประเกียรติ นาสิมมา สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรุ่งนี้(16มิ.ย.53)ฝ่ายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจะประชุมกันเพราะทราบว่า ในการออกข่าวจะซื้อคืนดาวเทียมไทยคมของรัฐบาลเป็นแผนลับลมคมในการปั่นหุ้นหรือไม่ ความจริงแล้ว รัฐบาลไม่ควรซื้อคืน เพราะเป็นดาวเทียมธุรกิจ ไม่ใช่ดาวเทียมโทรคมนาคม แต่ขอฟันธงว่า เรื่องนี้เป็นการปั่นหุ้นให้ได้กำไร เราจะขอให้กลต.ตรวจสอบว่า ก่อนจะออกข่าวซื้อคืนดาวเทียมไทยคม มีบุคคลใดที่ซื้อหุ้นบ้าง ทั้งนี้ รัฐบาลนี้หมดความขอบธรรมแล้ว เพราะมือหนึ่งเปื้อนเลือด และอีกมือหนึ่งทุจริต

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า  ทราบว่ามีนักการเมืองอักษร ย่อ ก. และ ศ. ได้ประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) จนมีกำไรเกิดขึ้น 300 ล้านบาท

[tn143]

ผมว่า เจ็บตัวกันแหงๆ

ถ้ารัฐบาลจะซื้อจริง ก็กะซื้อถูกๆ
ฟังมุมมอง ศ. ให้สัมภาษณ์
เขามองว่า  รัฐบาลไม่ยึด ก็ดีแล้ว
ถ้าคุณ ก. คิดแบบเดียวกัน ดีลนี้คงไม่รอด

ผมว่านะเอกชนเขาก็ช่วยขาดทุนให้อยู่ดีๆ
จะเอา รัฐวิสาหกิจ ที่แย่ๆอยู่แล้ว ไปแบกแทน
ซื้อกันจริงก็ขอส่ง มุทิตาจิตให้คนใจกล้า รวยถ้วนหน้า

[leaderinshadow]

อีกประเด็น

ผมว่าจริงๆ แล้ว รัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้เงินซักบาทเลย ก็ได้ดาวเทียมไทยคม กลับมาเป็นของรัฐ (ไม่ต้องยกเลิกสัมปทานด้วย)

รัฐแค่รอให้หมดสัญญาสัมปทานหมดอายุ ดาวเทียมก็จะตกเป็นของรัฐตามสัญญาอยู่วันยังค่ำ

เพราะจริงๆแล้ว THCOM ไม่ใช่เจ้าของดาวเทียม(ถึงจะเป็นคนสร้างและยิงขึ้นฟ้า)
แต่เป็นเจ้าของสิทธิ์การใช้ดาวเทียม (คล้ายๆ CPNRF) เท่านั้น
ส่วนดาวเทียมที่ยิงขึ้นจะตกเป็นของรัฐ เมื่อสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง

ผมเลยมองว่า ข่าวนี้ น่าจะเป็นเกมส์การเมือง บวก การหาเงิน(insider trade)
มากกว่า...

อึ๊ยๆๆ คงไม่การเมืองมากไปนะครับ  :lol:

[[v]]

มีโอกาสก็ขายๆไปเถอะ ถ้าจบไม่สวย นอกจากจะดอยระยะยาวแล้วยังมีโอกาสโดนกลั่นแกล้งเป็นระยะ ถ้าจบแบบ itv ซวยเลย

[OutOfMyMind]

คิดว่ารัฐต้องการควบคุมสื่อให้เบ็ดเสร็จ แต่เงินไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ภาษีประชาชนทั้งนั้น ดีลนี้จะจบอย่างไรหนอ

[KB]

ถ้าเอาแบบซื้อมาถูกๆ ก็ ยึดสัมปทานก่อนแล้วค่อยขอซื้อดาวเทียม ...

[picklife]

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พุธที่ 16 มิถุนายน 2553 00:00:00 น.

ราคาหุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) เมื่อวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย. ปรับขึ้นร้อนแรง วิ่งชน "ซีลลิ่ง" โดยปิดที่ระดับ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 29.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทะลักกว่า 825 ล้านบาท หลังจากปรากฏข่าวว่า "รัฐบาล" จะ "ขอซื้อ" ไทยคมคืนจาก "เทมาเส็ก"

สอดรับจากกรณี นายศิริโชค โสภา "วอลเปเปอร์นายกรัฐมนตรี" ออกมาระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ไปหาแนวทางเจรจาการซื้อคืนไทยคม


ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายอมรับว่า ได้บินไปเจรจากับกองทุนเทมาเส็กที่สิงคโปร์ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

ทำให้เกิดคำถามว่า มีความจำเป็นแค่ไหนที่รัฐบาลจะซื้อคืน "ไทยคม" และถ้าซื้อจริง ซื้อด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งในเวลานี้รัฐบาลเพียงแต่บอกว่าซื้อ "ความมั่นคง" กลับมา

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน ระบุว่า วิธีการซื้อของรัฐบาลน่าจะมี 2 แนวทาง 1) ซื้อเฉพาะธุรกิจดาวเทียม จะตอบโจทย์รัฐบาลเรื่องความมั่นคง อีกทั้งเป็นปัจจัยบวกต่อ THCOM จากการลดความเสี่ยงด้านสัญญาสัมปทานดาวเทียมที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ หรือ 2) ซื้อบริษัท THCOM ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์รัฐบาล และต้องใช้เงินมากกว่า

ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีจำกัด และยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมจากภาครัฐบาล จึงมองว่าต้องรอดูความเป็นไปได้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขและราคาซื้อขายอีกครั้ง

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ระบุว่า หากประเมินว่าในปี 2549 เทมาเส็กได้ใช้เงินซื้อ THCOM ด้วยมูลค่า 17,000 ล้านบาท ในราคา 15.10 บาทต่อหุ้น จำนวน 1,100 ล้านหุ้น โดยในขณะนั้นมีสินทรัพย์ในส่วนของดาวเทียม ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม 1, ไทยคม 2, ไทยคม 3 และไอพีสตาร์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นการซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SHIN) ในราคา 49.01 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปัจจุบันทรัพย์สินในส่วนดาวเทียมเหลือเพียงดาวเทียมไอพีสตาร์และไทยคม 5 เนื่องจากดาวเทียมดวงอื่นปลดระวางไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม คาดว่ารัฐบาลต้องการเจรจาซื้อในส่วนของกิจการดาวเทียมกลับมาเพื่อความมั่นคงเท่านั้น โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินมากกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ THCOM ยังมีธุรกิจอื่นคือ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะยอมขายแยกธุรกิจดาวเทียมออกมาหรือไม่

ช่วงปลายปีที่ผ่านมา บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) ได้มีการเจรจาขอซื้อหุ้น THCOM จากกองทุนเทมาเส็ก ซึ่งในช่วงดังกล่าว นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือ "ดาโต๊ะสุรินทร์" หนึ่งในกรรมการ (บอร์ด) และผู้ถือหุ้นใน บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ในขณะนั้น ระบุถึงเรื่องนี้ว่า SAMART ได้เจรจาขอซื้อหุ้นในไทยคม (ชื่อเดิม บมจ.ชิน แซทเทลไลท์) หนึ่งในกิจการของกลุ่ม บมจ.ชินคอร์ป แต่ทาง บมจ.ชินคอร์ปเองก็ไม่ได้มีปัญหาการเงิน แต่ถ้ามีการเสนอมาที่บอร์ดและได้ราคาดีก็จะพิจารณา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2549 กองทุนเทมาเส็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ และกลุ่มนักลงทุนไทยในนามของ "บริษัทกุหลาบแก้ว" ได้บรรลุข้อตกลงกับตระกูลชินวัตร และตระกูลดามาพงศ์ ซื้อหุ้นของทั้ง 2 ตระกูลในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (บริษัทโฮลดิ้งผู้ถือหุ้นในบริษัทโทรศัพท์มือถือเอไอเอส, สายการบินแอร์เอเชีย, บริษัทการเงินแคปปิตอลโอเค, ดาวเทียมชินแซท หรือ THCOM ในปัจจุบัน และไอทีวี) จำนวน 1,487.7 ล้านหุ้น หรือ 49.6 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 73,000 ล้านบาท

โดยหุ้นที่ซื้อออกมานั้นเป็นหุ้นของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร 604.6 ล้านหุ้น (20.15%), นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 404.43 ล้านหุ้น (13.48%), นายพานทองแท้ 458.55 ล้านหุ้น (15.29%), น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 20 ล้านหุ้น (0.67%) และนางบุษบา ดามาพงศ์ 159,600 หุ้น (0.05%)

การซื้อหุ้นครั้งนี้ เทมาเส็กไม่ได้ซื้อโดยตรง แต่ซื้อผ่าน 2 บริษัท คือ 1.บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 1,158 ล้านหุ้น คิดเป็น 38.6 เปอร์เซ็นต์ และ 2.ซื้อผ่านบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด 329.2 ล้านหุ้น คิดเป็น 11 เปอร์เซ็นต์

โดยเทมาเส็กถือหุ้นอยู่ใน "ซีดาร์" ร้อยละ 49, อีกร้อยละ 51 เป็นของธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทกุหลาบแก้ว โดยธนาคารไทยพาณิชย์ถือร้อยละ 9.9 และบริษัทกุหลาบแก้ว ถือร้อยละ 41.1 ของทุนจดทะเบียน ขณะที่เทมาเส็กถือหุ้น 100% ในบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ฯ

ซึ่งในการซื้อขายดังกล่าวได้รับการยกเว้นการเสียภาษี โดยอาศัยวิธีวิทยาบางอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับข้อกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้

ผลพวงจากตระกูล "ชินวัตร" และ "ดามาพงศ์" ขายชินคอร์ปแก่กองทุนเทมาเส็กครั้งนั้น นำมาซึ่งการยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 กระทั่งปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณยังเร่ร่อนในต่างประเทศจากการหนีคดี

ลองมาดูกันว่า ถ้าหากรัฐบาลซื้อไทยคมจริง จะใช้เม็ดเงินเท่าไหร่
ปัจจุบัน ไทยคมมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (ชินคอร์ป) จำนวน 450,870,934 หุ้น หรือ 41.14% ซึ่งชินคอร์ปมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ กองทุนเทมาเส็ก 96.11% โดยถือผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด 1,742,407,239 หุ้น หรือ 54.43% และถือผ่าน บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 1,334,354,825 หุ้น หรือ 41.68% หลังจากตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ขายให้กองทุนเทมาเส็กไปเมื่อเดือน ก.พ. 2539 มูลค่ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาท

ถ้าซื้อจากเทมาเส็กจำนวน 450 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 7-8 บาทในปัจจุบัน น่าจะใช้เงินประมาณ 3,150-3,600 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะถือหุ้นเกิน 25% ต้องตั้งโต๊ะซื้อหุ้นจากรายย่อย (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ด้วย หากรายย่อยขายหุ้นที่ถือรวมกันประมาณ 600 ล้านบาท น่าจะใช้เงินอีกประมาณ 4,200-4,800 ล้านบาท

รวมแล้วน่าจะใช้เงินรวมประมาณ 7,350-8,400 ล้านบาท.

[picklife]

ผมสงสัยว่าถ้าเรื่องความมั่นคง....แล้วหากรัฐบาลเปลี่ยนขั้วละครับ
เพราะการเมืองมีแต่ความไม่แน่นอน ใช้เงินซื้อความมั่นคงบนความไม่แน่นอน

เรื่องนี้แหม่งๆนะครับ นั่งรอดูผลการตรวขสอบของกกตดีกว่า รู้สึกเสี่ยงๆแฮ๊ะ อิอิ

[picklife]

[quote="leaderinshadow"]อีกประเด็น

ผมว่าจริงๆ แล้ว รัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้เงินซักบาทเลย ก็ได้ดาวเทียมไทยคม กลับมาเป็นของรัฐ (ไม่ต้องยกเลิกสัมปทานด้วย)

รัฐแค่รอให้หมดสัญญาสัมปทานหมดอายุ ดาวเทียมก็จะตกเป็นของรัฐตามสัญญาอยู่วันยังค่ำ

เพราะจริงๆแล้ว THCOM ไม่ใช่เจ้าของดาวเทียม(ถึงจะเป็นคนสร้างและยิงขึ้นฟ้า)
แต่เป็นเจ้าของสิทธิ์การใช้ดาวเทียม (คล้ายๆ CPNRF) เท่านั้น
ส่วนดาวเทียมที่ยิงขึ้นจะตกเป็นของรัฐ เมื่อสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง

ผมเลยมองว่า ข่าวนี้ น่าจะเป็นเกมส์การเมือง บวก การหาเงิน(insider trade)
มากกว่า...

อึ๊ยๆๆ คงไม่การเมืองมากไปนะครับ

[hybrid]

ซื้อ"ไทยคม"ไม่ได้ หากยังสงสัยหุ้น"ทักษิณ"
กรณีรัฐบาลขอซื้อคืนไทยคม เป็นประเด็นที่ควรแก่การศึกษา ทำความจริงให้ชัดเจนก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจ"

เพราะหากสิ่งที่พยายามบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อความหวังดีต่อประเทศชาตินั้น อาจจะตามมาด้วยข้อสงสัย.."ช่วยชาติหรือช่วยใคร"

เพราะอย่าลืมว่า กลุ่มคนที่ออกมาตั้งข้อสังเกตให้น่าสนใจ...หรือให้มีความรอบคอบในแนวทาง "ซื้อคืน" นั้นคือฝาก ประชาธิปัตย์ เองนั้นแหละที่ออกมาตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจ กว่าข้อท้วงติงของฝ่ายค้าน

เข้าข่าย ปชป. "เบรก" ประชาธิปัตย์ !

เนื่องจากฝ่ายค้าน เน้นเรื่องปั่นหุ้น ที่มุ่งหวังผลทางการเมืองมากกว่าสาระ ที่กำลังเป็นปัญหา หาก "ซื้อคืน" โดยยังไม่แก้ไขปมที่คั่งค้าง

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงไว้น่าสนใจยิ่ง แน่นอนเป็นนโยบายของ ประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นฝ่ายค้าน เนื่องด้วยดาวเทียมไทยคมถือเป็นสมบัติสาธารณะ

สาระที่น่าสนใจ อยู่ที่สถานะของบริษัท "กุหลาบแก้ว" ซึ่งสถานะเป็นนอมินีต่างด้าว เมื่อครั้งเข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ป ดังนั้นก่อนที่จะทำการซื้อขาย รัฐบาลโดย กระทรวงพาณิชย์ ต้อง "ชัดเจน" ปมนอมินีเสียก่อน

เพราะหากดำเนินการซื้อหุ้นคืน โดยที่ "หุ้น" ยังไม่กระจ่าง หากถูกรื้อฟื้นมาภายหลัง ...วุ่นวายทั้งทางการเมืองและคดีความกันพอสมควร

เรื่องซื้อถูก ซื้อแพง..ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับ "ซื้อไม่ถูกต้อง" เพราะหากเชื่อได้ว่าทำผิดกฎหมายจริง เราอาจจะไม่ต้องเสียภาษีในการซื้อคืนแม้แต่บาทเดียว !!!

ที่สำคัญที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น... ตรงที่คนในรัฐบาลเอง หลายท่านยังสงสัยด้วยซ้ำว่า การขายหุ้นของครอบครัวชินวัตร เมื่อ ม.ค.2549 นั้น..."ขายกันจริงหรือแค่เปลี่ยนมือ..เพื่อหวังผลทางการเมืองและประเด็นอื่น ?"

รัฐมนตรี นักการเมืองในรัฐบาล ยัง "สงสัย" ในหุ้นครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร..แล้วทำไม่ต้องร้อนรน..."ซื้อหุ้นคืน"...

นอกจากเรื่องหุ้นแล้ว ยังมีปม เรื่องคดีความ จากการแก้ไขสัญญาสัมปทานครั้งที่ 5 ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2547 มีการลดสัดส่วนในการถือครองหุ้นจาก 51% เป็นไม่ต่ำกว่า 40% และการแก้ไขสัมปทานก็ไม่มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รวมถึง กรณีการขอสิทธิยกเว้นการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น เป็นการเตรียมการเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าและลดภาระในการจ่ายภาษีโดยใช้นโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนของรัฐบาลในอดีตหรือไม่

หรือแม้แต่ ที่ นพ.บุรณัชย์ ตั้งข้อสังเกตเพิ่ม

"การยิงดาวเทียมดวงใหม่ซึ่งเป็นดาวเทียมหลักเพื่อสำรองแทนดาวเทียมดวงเก่า ขัดกับเงื่อนไขตามสัญญาสัมปทาน โดยใช้ในวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อสัญญาสัมปทาน และเงินค่าประกันจากดาวเทียมที่ชำรุดนั้น เงินดังกล่าวควรเป็นของเจ้าของสัมปทานคือกระทรวงไอซีที เพราะที่ผ่านมากลับมีการโอนไปให้กับบริษัทผู้รับสัมปทาน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการคืนเงินประกันดังกล่าว"

ซึ่งปมเหล่านี้ อยู่ในกระบวนการฟ้องร้อง เพื่อเรียกค่าเสียหาย ตามคำสั่งศาล หลังจากพิจารณายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท

การทำความจริงให้กระจ่างเสียก่อน...ก็ยังไม่สาย!!!

[hybrid]

ฟังดูเรื่องราวค่อนข้างสับซ้อน และมีประเด็นทางกฎหมายหลายเรื่องตั้งแต่เรื่องผิดสัมปทาน ยันไปถึงเรื่อง Nominee ตอนซื้อหุ้นเมื่อปี 2549

[picklife]

ไม่พูดสิ่งใด ดูกันเอาเอง

ไทยคม บมจ.(THCOM) ไพบูลย์  ภานุวัฒนวงศ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/06/2553 14/06/2553 200,000 7.00 ขาย

[merman]

[quote="picklife"]ไม่พูดสิ่งใด ดูกันเอาเอง

ไทยคม บมจ.(THCOM) ไพบูลย์

[leaderinshadow]

รองปธ.กมธ.สื่อสารฯวุฒิสภา ซัดรบ.ซื้อคืน"ไทยคม" ตอบโจทย์ธุรกิจ-มั่นคงไม่ได้ ชี้ไม่คุ้มผลาญภาษีปชช.
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 17:47:57 น.   มติชนออนไลน์  

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =00&catid=

รองปธ.กมธ.สื่อสารฯวุฒิสภา ซัดรบ.ซื้อคืน"ไทยคม" ตอบโจทย์ธุรกิจ-มั่นคงไม่ได้ ชี้ไม่คุ้มผลาญภาษีปชช.
รองประธานกมธ.สื่อสาร-โทรคมนาคม วุฒิ ซัด รัฐบาลซื้อคืนไทยคมตอบโจทย์เพื่อธุรกิจ-ความมั่นคงไม่ได้ ชี้ไม่คุ้มผลาญภาษีประชาชน


นายอนันต์ วรธิติพงศ์ ส.ว.สรรหา รองประธานกรรมาธิการ(กมธ.) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา กล่าวเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนถึงกรณีที่ที่รัฐบาลมีแนวคิดซื้อคืนดาวเทียมไทยคมจากเทมาเส็ก ว่า  รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่าการซื้อคืนดาวเทียมไทยคมมาเพื่อใช้ประโยชน์อะไร ซึ่งดาวเทียมมีขอบเขตการแพร่สัญญาณครอบคลุมไปหลายประเทศ ไม่ว่า อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และดาวเทียมไทยคมมีก็สัญญาสัมปทานควบคุมอยู่แล้ว หากรัฐบาลจะซื้อคืนมาเพื่อทำธุรกิจตนก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะดำเนินธุรกิจแข่ง ขันกับดาวเทียมประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง ลาว อินโดนีเซียได้หรือไม่ และเมื่อซื้อกลับมาแล้วเงินภาษีประชาชนที่นำไปซื้อจะคุ้มหรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนของความมั่นคงมีอยู่ 2 เรื่อง คือกรณีการป้องกันการล้วงข้อมูลด้านความมั่นคง ซึ่งในเชิงเทคนิคหน่วยงานความมั่นคงก็มีการป้องกันไว้อยู่แล้ว โดยการบล็อกสัญญาณเข้ารหัส และกรณีการแพร่ภาพสัญญาดาวเทียมเพื่อยั่วยุปลุกปั่น หรือมีภาพที่ไม่เหมาะสมในทางกฎหมายรัฐบาลก็สามารถเข้าไปจัดการได้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก  แต่ในกรณีนี้สามารถที่จะไปใช้ช่องดาวเทียมอื่นในการแพร่ภาพได้อยู่แล้ว

"ทั้งโจทย์เรื่องธุรกิจ เรื่องความมั่นคง รัฐบาลตอบไม่ได้เลยว่า จะซื้อมาเพื่อประโยชน์จึ งกลายเป็นข้อสงสัยว่าจะซื้อมาเพื่ออะไร จะเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ผมไม่อยากคิด แต่มองว่าไม่จำเป็นจะต้องซื้อคืน โดยเฉพาะต้องใช้เงินภาษีประชาชนในการซื้อ อีกทั้งดาวเทียมไทยคมเมื่อสัญญาสัมปทานก็เป็นของเราอยู่แล้ว หรือหากผิดสัญญาก็สามารถยึดคืนได้อยู่แล้ว การเอาเงินไปซื้อคืนเป็นการบริหารที่ไม่ถูกต้องและเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่ เหตุ ประกอบกับอายุการใช้งานของดาวเทียมมีประมาณ 15 ปี ซึ่งดาวเทียมไทยคมใช้ไปแล้วกว่า 5 ปี เหลืออายุการใช้งานไม่กี่ปีก็จะถูกสอยลง" นายอนันต์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ามีคนสนิทของนายกฯได้ประโยชน์จากการช้อนซื้อ หุ้นของบริษัทไทยคมฯ นายอนันต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่มองในเชิงความมั่นคงและธุรกิจถือว่าไม่คุ้ม ไม่รู้ว่าใครหลงกลใคร ตนไม่อยากพูดว่าเป็นเรื่องของการเมืองหรือไม่ แต่ยอมรับว่าราคาหุ้นดังกล่าวขยับสูงขึ้นจาก 5-7 บาท หรือคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของราคา เรื่องของการซื้อดาวเทียมควรเป็นเรื่องของธุรกิจเอกชนไม่ใช่สาธารณูปโภคขั้น พื้นฐาน ฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรลงทุน

[Sorgios]

สร้างกระแสปั่นหุ้น:?:

ชาวVI ดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ :lol: