ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
whiterabbit
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สมมุติว่า
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท

ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?

สงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
whiterabbit
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เพิ่มเติมครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด การเป็นอิสระทางการเงินในแนวทางของ VI คือการที่ได้รับปันผล มากพอสำหรับการใช้ชิวิตประจำวันโดยไม่ต้องทำงานประจำอีกต่อไป ใช่หรือไม่

อันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมซื้อบ้านมาราคา 1 ล้าน
หนึ่งปีถัดมา มีคนมาขอซื้อบ้านของผมที่ราคา 2 ล้าน
แต่ผมปฏิเสธ และตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้ผม
แถมผมยังต้องเสียเงินซ่อมบ้านอีก
ถามว่า...

ผมได้อะไรจากการมีบ้านครับ :) ?
whiterabbit
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ที่กันฝนมั้ง (ล้อเล่นครับ)

คำตอบน่าจะเป็น การประหยัดค่าเช่าที่อยู่ มั้งครับ

:oops:
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สงสัยเหมือนกัน
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
opasmuensaen
Verified User
โพสต์: 24
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รอความเห็นท่านผู้ชำนาญงาน
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ไม่ใช่ผู้ชำนาญ แวะมาคุยด้วยเฉยๆ อะ:D
สมมุติว่า
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท

ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?
ใช่ครับ ตามนั้นแหละ เก่งจัง
สงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
พอร์ตลงทุนคือเครื่องปั๊มเงินครับ ยิ่งเครื่องใหญ่เท่าไรก็ผลิตเงินได้มาก ไม่ดีเหรอ ไม่เห็นมีไรซับซ้อนเลย ส่วนเงินที่ปั๊มออกมาตอนนี้แทนที่เราจะเอามาใช้ เราก็เอาไปขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ปั๊มเงินได้มากขึ้น จนกระทั่งมันปั๊มเงินได้มากกว่าค่าครองชีพต่อปี หลังจากนั้นก็ให้มันปั๊มเงินให้เราใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ง่ายดีไหม
เพิ่มเติมครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด การเป็นอิสระทางการเงินในแนวทางของ VI คือการที่ได้รับปันผล มากพอสำหรับการใช้ชิวิตประจำวันโดยไม่ต้องทำงานประจำอีกต่อไป ใช่หรือไม่
ใช่ครับ ตามนั้น แต่บางคนต้องการให้มีเงินปันผลมากพอที่จะลงทุนเพิ่มหลังหักค่าใช้จ่ายได้ด้วย ก็ต้องรออีกหน่อยครับ
อันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
ชีวิตมีอย่างอื่นมากกว่างานนะ ไม่ไร้ค่าหรอก ว่าแต่ค้นหาตัวเองเจอหรือยังครับ

กรณีที่พี่ส.สลึงยกตัวอย่าง ผมเข้าใจว่าเค้าต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า สินทรัพย์มี 2 ประเภท คือประเภทที่ปั๊มเงินได้ กับปั๊มเงินไม่ได้ครับ หุ้นปั๊มเงินได้ เพราะหุ้นคือบริษัท เพราะเงินของเราถูกนำไปใช้ในการสร้างสินค้าและบริการ เกิดการจ้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจ กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายและการลงทุนเค้าก็เอามาให้เรา แค่นั้นเอง
อย่ายอมแพ้
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 8

โพสต์

สวัสดีครับ มาป่วน...เอ้ยมาช่วยแชร์ความคิดครับ :D

สำหรับคนที่มองว่ายังไม่ขายก็เหมือนยังไม่ได้กำไร ผมว่ากลุ่มนี้มีปัญหาทางด้านความคิดมากๆครับ ผมว่าถ้ามองอย่างนี้แสดงว่ามุมมองคุณเหมือนนักพนันมากครับ นักพนันจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น....

ผมแนะนำว่าเราควรมองว่าณ.ที่ราคานั้นเรายังเห็นว่าถูกหรือไม่ ถ้าถูกเราก็ถือต่อ ไม่ถูกก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นครับ สมมุติหุ้นราคา10บาท ราคาวิ่งไป15บาท แล้วลงมาที่12บาท ณ.จังหวะที่ราคา15บาทคุณคิดอะไร? คุณคิดว่ามันยังถูกหรือไม่ ถ้าคุณไม่ได้ขายราคานั้น ก็เหมือนกับคุณได้ขายและซื้อใหม่ที่ราคานั้นเพียงแต่คุณไม่เสียค่าคอมเท่านั้น ดังนั้นหากมันลงมาที่12บาทคุณก็ต้องยอมรับกับมันหรือคุณจะมองว่าระยะสั้นอาจจะแพ้แต่ระยะยาวชนะแน่ๆ

คนส่วนมากมักจะโดนกับดักทางจิตวิทยาหลอกลวงว่าไม่ขายคือยังไม่ได้กำไร
งั้นสมมุตินานAซื้อหุ้นAนายBซื้อหุ้นB ราคาหุ้นทั้งสองขึ้นมาเยอะมาก นายAตัดสินใจขายหุ้นAและดีใจว่าได้กำไรแล้วเพราะขายแล้วไปเข้าหุ้นB ส่วนนายBขายหุ้นBแล้วไปเข้าหุ้นA ทั้งสองคนคงรู้สึกดีว่าเราได้ขายทำกำไรไปแล้ว...แต่ตัวที่คุณเข้ามันไม่ได้ราคาขึ้นมาเหมือนกันหรือ? ซึ่งการที่ราคาขั้นไม่จำเป็นข้องขึ้นพร้อมๆกันอาจจะมีความเลื่อมล้ำขอเวลา หรือหุ้นสองตัวถูกแพงไม่เท่ากัน พวกนี้กับดักล้วนๆครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 9

โพสต์

แบบนี้ถ้าลงทุน 100% ก็เป็นอันรวยแต่ไม่ต้องกินอะไรเลยหรือเปล่าครับ อยู่ในหุ้นหมด
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
chowbe76
Verified User
โพสต์: 1980
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 10

โพสต์

อันตรายมาก
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 11

โพสต์

chowbe76 เขียน:อันตรายมาก
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้
ผมเองครับ

ก็ยังรอดมาได้เรื่อยๆน่ะครับ ไม่หวือหวา
chowbe76
Verified User
โพสต์: 1980
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ช่ายคร้าบ
ถ้าบริษัทมีกำไร
มันก็โอเค้
แต่ถ้าไม่มีก็ซวยอ่า
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
whiterabbit
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 13

โพสต์

อันตรายมาก
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้

ไม่ขายไม่กำไร = ไม่ขายไม่ขาดทุน : ที่คุณบอกว่ามันอันตรายเพราะผมไม่ได้คิดถึงการขาดทุนเพราะอัตราเงินเฟ้อหรือเปล่าครับ?
whiterabbit
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 14

โพสต์

สำหรับคนที่มองว่ายังไม่ขายก็เหมือนยังไม่ได้กำไร ผมว่ากลุ่มนี้มีปัญหาทางด้านความคิดมากๆครับ ผมว่าถ้ามองอย่างนี้แสดงว่ามุมมองคุณเหมือนนักพนันมากครับ นักพนันจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น....

ที่ว่ามุมมองของผมเหมือนนักพนันคือ เพราะผมหวังผลเป็นตัวเงิน มากกว่าความเป็นเจ้าของกิจการหรือเปล่าครับ

และมุมมองของนักพนันน่าจะเป็นว่า "รู้สึกว่าตัวเองยังมีโอกาสได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น" แบบนี้จะถูกต้องกว่าหรือเปล่าครับ?
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 15

โพสต์

นพพร เขียน:แบบนี้ถ้าลงทุน 100% ก็เป็นอันรวยแต่ไม่ต้องกินอะไรเลยหรือเปล่าครับ อยู่ในหุ้นหมด
ถ้าผมมีพอร์ตขนาด 10 ล้าน ได้ปันผลปีละ 6% ก็ได้ปีละ 6 ล้าน คิดเป็นต่อเดือนก็เดือนละ 5 แสน อันนี้เรียกไม่มีกินเหรอคับ นอกจากนั้นบริษัทในพอร์ตก็ยังเติบโตต่อไปได้เองโดยเราไม่ต้องทำอะไร แถมยังจ่ายปันผลให้เรามากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก (ถ้าเลือกมาดี)

ปกติแล้วในช่วงที่พอร์ตยังเล็ก ควรนำผลตอบแทนทั้งหมดไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายขนาดของพอร์ตให้เร็วที่สุดครับ เป้าหมายที่ควรตั้งคือการพยายามทำให้ปันผลต่อปีมากพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายแล้วค่อยนำเงินมาใช้ครับ จะนำเงินมาใช้ก่อนก็ได้แต่พอร์ตจะโตช้าครับ

การลงทุนทำให้รวยและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนยั่งยืนแต่ไม่ได้ทำให้รวยเร็วนะครับ

หุ้นไม่ใช่สังคโลกล้ำค่า ซื้อมาขายไปจึงจะได้กำไร ลองคิดดูอีกทีว่่าเข้าใจโลกการลงทุนถูกต้องรึเปล่า ไหนลองมาแชร์เป้าหมายกันดีไหมครับ จะได้รู้ว่าจิงๆ แล้วต้องการผลตอบแทนแบบไหน แล้ววิธีนี้มันจะใช้ได้รึเปล่า

สุดท้ายผมก็แค่มือใหม่เหมือนทุกท่านนะครับ มาแลกเปลี่ยนกันนะ
อย่ายอมแพ้
arksit
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 16

โพสต์

คือว่าผมคิด  6 % ของสิบล้านได้แค่ 6 แสนเองอะ ก็ตกเดือนละห้าหมื่น
ผมก็ว่าพอกินนะ

ส่วนหุ้นที่ซื้อราคาสิบล้านแล้วปันผลหกล้านก็เคยเจอบ้างอยู่เหมือนกัน แต่ราคาที่ซื้อก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ Mr.market จะเห็นมูลค่า แล้วราคาก็จะกลับเข้าสู่ความจริง ถ้าเจอก็จัดว่าเป็น หุ้น superstock ครับ

ส่วนกำไร 100 % จะคิดก็คิดได้ครับ
แต่ผมว่าถ้าจะให้ดีต้องดูกำไร 10 ปี แล้วมาเฉลี่ยน่าจะถูกกว่า
อาจจะพอนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จนะครับ
แต่ยังไม่ถือว่าสำเร็จซะทีเดียวต้องดูผลตอบแทนระยะยาวครับ
สำหรับผลตอบแทน 100 % ในปีเดียวผมคิดว่าไม่ยากนะครับ
จะขอยกตัวอย่างตอน hamberger crisis ปลายปี 51
ตอนนั้นดัชนีอยู่ที่ 380 ตอนนี้ดัชนีมาอยู่ที่ 800 จุด เวลาผ่านไปปีก่าๆเอง
บางคนอาจจะแย้งว่าปี 51 ถึงตอนนี้ก็ สองปีแล้วสิ
ผมไปเปิดข้อมูล set เดือน มี.ค. 52 ดัชนียังอยู่ 400 นิด ๆ
แสดงว่า ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับดัชนี ถ้าลงทุนมาตอนมี.ค. ปีที่แล้ว ได้ 100 % ก็ไม่แปลกครับ เพราะขึ้นมาเท่ากับดัชนีเลย

แต่ถ้าช่วง มี.ค. 52 ลงทุนในกลุ่มแบงค์บางตัว อาจได้ผลตอบแทนมากกว่า 400 - 500 % ซะด้วยซ้ำครับ

ส่วนอิสระภาพทางการเงินความหมายกว้างๆ ก็หมายความว่ามีรายได้มากกว่ารายจ่ายอยู่แล้ว

ส่วนบ้านนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นทรัพย์สิน แต่จริงๆแล้วเป็นได้ทรัพย์สินและ หนี้สินได้ครับ คือ ทำให้เราได้เงิน หรือ เสียเงินก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปใช้ประโยชน์อย่างไร

ส่วนคำถามว่าคุณได้อะไรจากบ้านคำตอบก็คือที่บอกแล้วว่าคุณใช้อะไรจากบ้านหละ
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 17

โพสต์

Anti-Aircraft เขียน: ถ้าผมมีพอร์ตขนาด 10 ล้าน ได้ปันผลปีละ 6% ก็ได้ปีละ 6 ล้าน คิดเป็นต่อ
100 ล้านครับ ท่าจะเบลอ :?
อย่ายอมแพ้
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 18

โพสต์

Anti-Aircraft เขียน:100 ล้านครับ ท่าจะเบลอ :?
ขอบคุณมากครับ :)
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
apisit_da
Verified User
โพสต์: 277
ผู้ติดตาม: 1

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 19

โพสต์

แชร์นะครับ
ผมซื้อหุ้นตัวแรก 8.8 บาท ขายไป 9.1  ซื้อวันแรกก็กำไรแล้ว ดีใจกระโดดโลดเต้นเพราะไม่เคยทำเงินได้จากเรื่องอื่น ๆ นอกจากเป็นลูกจ้่าง

ต่อมา หุ้นตัวเดิม ยังวิ่งต่อที่ 11 บาท เอาเงินกลับไปซื้ออีก ได้หุ้นน้อยกว่าเดิม  :cry:  ขายไป 12 บาท ดีใจ กำไรอีกแล้ว

ต่อมา หุ้นวิ่งไปอีก 17 บาท กลับไปซื้อต่อ แต่ต้องเอาเงินมากกว่าเดิมเข้าไปซื้ออีก  ตอนนี้ ยี่สิบบาทกว่า
 คำถามคือ สองครั้งแรก ผมกำไรเหรอ? ถ้าอยู่เฉยๆ ได้สองเด้งกว่าแล้วนะเนี่ย  :roll:
  ปัญหาของผมตอนนี้คือ ผมไม่ยอมขาย เพราะราคาที่ได้ยังไม่ถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน ที่คิดไว้ในใจ และ ไม่รู้จะขายไปซื้อตัวไหนน่ะสิ  :twisted:
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 20

โพสต์

อย่ายอมแพ้
ภาพประจำตัวสมาชิก
<< New >>
Verified User
โพสต์: 1147
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 21

โพสต์

whiterabbit เขียน:สมมุติว่า
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท

ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?

สงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
เพื่อความง่ายต่อการเข้าใจ สมมติว่าไม่มีเรื่องค่าคอมมิชชัน ความต่างระหว่างราคาของbid ask  ภาษี และอื่นๆ นะครับ

ตอนต้นปีพี่กระต่ายขาวซื้อหุ้นมาหนึ่งชุด มูลค่า10,000บาท
ผ่านไป 1 ปีมูลค่ากลายเป็น 20,000 บาท

พี่ตัดสินใจขายหุ้นชุดนั้นทิ้งที่ 20,000 บาท

Take profit .... เย้...ปีนี้ทำกำไรมาแล้ว  :D

วันต่อมา เอ... แล้วเงิน 20,000 นี่จะเก็บไว้ทำไมน้า เอาไปลงทุนต่อดีกว่า

พี่ก็เลยเอาเงิน 20,000 บาทไปลงทุนซื้อหุ้นชุดเดิม ที่ราคา 20,000 บาท

คิดแบบนี้พี่ก็กำไรแล้วทั้งๆที่ยังมีหุ้นชุดเดิม ถูกมั้ยครับ  :mrgreen:
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 22

โพสต์

Anti-Aircraft เขียน: ถ้าผมมีพอร์ตขนาด 10 ล้าน ได้ปันผลปีละ 6% ก็ได้ปีละ 6 ล้าน คิดเป็นต่อเดือนก็เดือนละ 5 แสน อันนี้เรียกไม่มีกินเหรอคับ นอกจากนั้นบริษัทในพอร์ตก็ยังเติบโตต่อไปได้เองโดยเราไม่ต้องทำอะไร แถมยังจ่ายปันผลให้เรามากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก (ถ้าเลือกมาดี)

ปกติแล้วในช่วงที่พอร์ตยังเล็ก ควรนำผลตอบแทนทั้งหมดไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายขนาดของพอร์ตให้เร็วที่สุดครับ เป้าหมายที่ควรตั้งคือการพยายามทำให้ปันผลต่อปีมากพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายแล้วค่อยนำเงินมาใช้ครับ จะนำเงินมาใช้ก่อนก็ได้แต่พอร์ตจะโตช้าครับ

การลงทุนทำให้รวยและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนยั่งยืนแต่ไม่ได้ทำให้รวยเร็วนะครับ

หุ้นไม่ใช่สังคโลกล้ำค่า ซื้อมาขายไปจึงจะได้กำไร ลองคิดดูอีกทีว่่าเข้าใจโลกการลงทุนถูกต้องรึเปล่า ไหนลองมาแชร์เป้าหมายกันดีไหมครับ จะได้รู้ว่าจิงๆ แล้วต้องการผลตอบแทนแบบไหน แล้ววิธีนี้มันจะใช้ได้รึเปล่า

สุดท้ายผมก็แค่มือใหม่เหมือนทุกท่านนะครับ มาแลกเปลี่ยนกันนะ
เห็นด้วยช่วยเสริมนะครัล
ในกรณีที่ไม่มีปันผลเลย ก็ยังกำไรครับ สมมุติพอร์ทโต10% คุณเอามกิน10%ก็ยังได้เลยครับไม่มีใครว่า เพียงแต่พอร์ทคุณจะโตเท่านั้นครับ
เคยมีคนรู้จักคนหนึ่งมีเงิน3ล้าน ได้กำไรขึ้นต่ำปีละ10% ก็ตกเดือนละ25000บาท ซึ่งคนนี้ก็เลือกที่จะเอากำไรมากินเรื่อยๆครับ ส่วนเงินก็คงที่ครับ

กรณีคนที่มองว่าอยู่ในพอร์ทไม่กำไรผมว่าต้องยกเครื่องความคิดใหม่แล้วครับ
เพราะนั้นแสดงว่าคุณมองว่ามุลค่าหุ้นคงที่นะครับ แต่จริงๆมูลค่าหุ้นมันโตขึ้นทุกปี ถ้าคุณไปยึดติดว่าไม่ขายไม่กำไรแสดงว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องมุลค่าหุ้นกับราคาที่ซื้อเลย อาจจะรู้นะครับ แต่รูกับเข้าใจมันคงความหมายนะครับ :D

ปล.เตือนด้วยความหวังดีนะครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Juninho
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1054
ผู้ติดตาม: 1

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 23

โพสต์

หุ้นก็เป็นทรัพย์สินนะครับ
ไม่ใช่ต้องขายเป็นเงินเท่านั้น ถึงจะนับเป็นกำไรของเรา

ต้องเอาแบบผม ตอนเล่นหุ้นใหม่ ๆ
ญาติบอกไม่ขาย ยังไม่กำไร ผมก็หวั่นไหวนิด ๆ
เอ้ เราต้องขายด้วยหรือ

คิดไปคิดมา
ผมอยากมีพอร์ท 20 ล้าน
ไม่ได้อยากมีเงิน 20 ล้านซักกะหน่อย จะขายทำไม  :D
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
ภาพประจำตัวสมาชิก
manza125
Verified User
โพสต์: 92
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
เห็นคำนี้แล้วมันจี๊ด  :evil:

ระหว่างคนไม่ทำงานแบบคนทั่วไปที่เค้าขี้เกลียด กับคนที่ไม่ทำงานแต่ศึกษาในหุ้นแต่ละตัวทั้งวันทั้งคืน

มันต่างกันนะครับ

คนอย่างที่คุณว่าเค้าทำงานเพื่อเงิน เลยเกิดความขี้เกลียด

แต่ถ้าแบบนี้เค้าไม่ได้เรียกว่าไม่ทำงานหรอก
เค้าเรียกทำงานด้วยสมอง แล้วปล่อยให้เงินทำงานให้เราครับ
ซึ่งทัศนคตินี้ต่างประเทศเค้าเก็ตกันได้ตั้งนานแล้ว แต่ไทยแรนโอลี่เราพึ่งจะมาคิดและใช้ได้

ถ้าไม่มีดร.นิเวศ ป่านี้คนไทยก็ยังมองหุ้นเป็นการพนันอย่างหนึ่งทั้งชีวิตแหละครับ (แต่ก็มีคนไทยหลายคนเหมือนกันที่เค้าหลุดพ้นโดยการอ่านหนังสือฝรั่งแล้วมาประยุคในเมืองไทย แต่แค่ไม่มีการเขียนหนังสือหรือแนะนำวิธีต่างๆแล้วนำมาเผยแพร่ หรือที่เค้าเรียกว่าบุกเบิก)

ปล.แต่กว่าจะมีเงินมาเก็บออมในหุ้นก็ต้องทำงานกันมาทั้งนั้นแหละครับ สรุปแล้วไม่ว่ายังไง ชีวิตคนเราก็ต้องทำงาน นอกซะจากมีมรดกพ่อแม่ที่มหาศาล แต่สุดท้ายใช้ไม่เป็นก็หมดได้เหมือนกันครับ
------------------------------
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
whiterabbit
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port

โพสต์ที่ 25

โพสต์

อันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า   <<  ขออภัยกับคำๆนี้ครับ ที่ผมเขียนไป ไม่ได้เป็นเพราะผมมองคนอื่นเป็นคนไร้ค่า ผมเข้าใจอยู่บ้างเหมือนกันว่า การใช้สมองก็เป็นการทำงานในรูปแบบหนึ่ง มิเช่นนั้นโลกเราคงไม่ก้าวไปข้างหน้า แต่ผมใช้คำว่า "เพราะบ้างอาจจะมองว่า" เป็นการสื่อว่า คนบางส่วนเท่านั้นครับ ที่ยังมองโลกแบบเก่าอยู่

ขออภัยที่ก่อให้เกิดอาการจี๊ดมา ณ. ที่นี้แล้วกันครับ  :cry:
โพสต์โพสต์