ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 1
สมมุติว่า
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท
ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?
สงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท
ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?
สงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 2
เพิ่มเติมครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด การเป็นอิสระทางการเงินในแนวทางของ VI คือการที่ได้รับปันผล มากพอสำหรับการใช้ชิวิตประจำวันโดยไม่ต้องทำงานประจำอีกต่อไป ใช่หรือไม่
อันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
ถ้าเข้าใจไม่ผิด การเป็นอิสระทางการเงินในแนวทางของ VI คือการที่ได้รับปันผล มากพอสำหรับการใช้ชิวิตประจำวันโดยไม่ต้องทำงานประจำอีกต่อไป ใช่หรือไม่
อันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 3
ผมซื้อบ้านมาราคา 1 ล้าน
หนึ่งปีถัดมา มีคนมาขอซื้อบ้านของผมที่ราคา 2 ล้าน
แต่ผมปฏิเสธ และตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้ผม
แถมผมยังต้องเสียเงินซ่อมบ้านอีก
ถามว่า...
ผมได้อะไรจากการมีบ้านครับ ?
หนึ่งปีถัดมา มีคนมาขอซื้อบ้านของผมที่ราคา 2 ล้าน
แต่ผมปฏิเสธ และตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้ผม
แถมผมยังต้องเสียเงินซ่อมบ้านอีก
ถามว่า...
ผมได้อะไรจากการมีบ้านครับ ?
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 4
ที่กันฝนมั้ง (ล้อเล่นครับ)
คำตอบน่าจะเป็น การประหยัดค่าเช่าที่อยู่ มั้งครับ
คำตอบน่าจะเป็น การประหยัดค่าเช่าที่อยู่ มั้งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 6
รอความเห็นท่านผู้ชำนาญงาน
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 7
ไม่ใช่ผู้ชำนาญ แวะมาคุยด้วยเฉยๆ อะ:D
กรณีที่พี่ส.สลึงยกตัวอย่าง ผมเข้าใจว่าเค้าต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า สินทรัพย์มี 2 ประเภท คือประเภทที่ปั๊มเงินได้ กับปั๊มเงินไม่ได้ครับ หุ้นปั๊มเงินได้ เพราะหุ้นคือบริษัท เพราะเงินของเราถูกนำไปใช้ในการสร้างสินค้าและบริการ เกิดการจ้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจ กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายและการลงทุนเค้าก็เอามาให้เรา แค่นั้นเอง
ใช่ครับ ตามนั้นแหละ เก่งจังสมมุติว่า
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท
ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?
พอร์ตลงทุนคือเครื่องปั๊มเงินครับ ยิ่งเครื่องใหญ่เท่าไรก็ผลิตเงินได้มาก ไม่ดีเหรอ ไม่เห็นมีไรซับซ้อนเลย ส่วนเงินที่ปั๊มออกมาตอนนี้แทนที่เราจะเอามาใช้ เราก็เอาไปขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ปั๊มเงินได้มากขึ้น จนกระทั่งมันปั๊มเงินได้มากกว่าค่าครองชีพต่อปี หลังจากนั้นก็ให้มันปั๊มเงินให้เราใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ง่ายดีไหมสงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
ใช่ครับ ตามนั้น แต่บางคนต้องการให้มีเงินปันผลมากพอที่จะลงทุนเพิ่มหลังหักค่าใช้จ่ายได้ด้วย ก็ต้องรออีกหน่อยครับเพิ่มเติมครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด การเป็นอิสระทางการเงินในแนวทางของ VI คือการที่ได้รับปันผล มากพอสำหรับการใช้ชิวิตประจำวันโดยไม่ต้องทำงานประจำอีกต่อไป ใช่หรือไม่
ชีวิตมีอย่างอื่นมากกว่างานนะ ไม่ไร้ค่าหรอก ว่าแต่ค้นหาตัวเองเจอหรือยังครับอันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
กรณีที่พี่ส.สลึงยกตัวอย่าง ผมเข้าใจว่าเค้าต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า สินทรัพย์มี 2 ประเภท คือประเภทที่ปั๊มเงินได้ กับปั๊มเงินไม่ได้ครับ หุ้นปั๊มเงินได้ เพราะหุ้นคือบริษัท เพราะเงินของเราถูกนำไปใช้ในการสร้างสินค้าและบริการ เกิดการจ้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจ กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายและการลงทุนเค้าก็เอามาให้เรา แค่นั้นเอง
อย่ายอมแพ้
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 8
สวัสดีครับ มาป่วน...เอ้ยมาช่วยแชร์ความคิดครับ
สำหรับคนที่มองว่ายังไม่ขายก็เหมือนยังไม่ได้กำไร ผมว่ากลุ่มนี้มีปัญหาทางด้านความคิดมากๆครับ ผมว่าถ้ามองอย่างนี้แสดงว่ามุมมองคุณเหมือนนักพนันมากครับ นักพนันจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น....
ผมแนะนำว่าเราควรมองว่าณ.ที่ราคานั้นเรายังเห็นว่าถูกหรือไม่ ถ้าถูกเราก็ถือต่อ ไม่ถูกก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นครับ สมมุติหุ้นราคา10บาท ราคาวิ่งไป15บาท แล้วลงมาที่12บาท ณ.จังหวะที่ราคา15บาทคุณคิดอะไร? คุณคิดว่ามันยังถูกหรือไม่ ถ้าคุณไม่ได้ขายราคานั้น ก็เหมือนกับคุณได้ขายและซื้อใหม่ที่ราคานั้นเพียงแต่คุณไม่เสียค่าคอมเท่านั้น ดังนั้นหากมันลงมาที่12บาทคุณก็ต้องยอมรับกับมันหรือคุณจะมองว่าระยะสั้นอาจจะแพ้แต่ระยะยาวชนะแน่ๆ
คนส่วนมากมักจะโดนกับดักทางจิตวิทยาหลอกลวงว่าไม่ขายคือยังไม่ได้กำไร
งั้นสมมุตินานAซื้อหุ้นAนายBซื้อหุ้นB ราคาหุ้นทั้งสองขึ้นมาเยอะมาก นายAตัดสินใจขายหุ้นAและดีใจว่าได้กำไรแล้วเพราะขายแล้วไปเข้าหุ้นB ส่วนนายBขายหุ้นBแล้วไปเข้าหุ้นA ทั้งสองคนคงรู้สึกดีว่าเราได้ขายทำกำไรไปแล้ว...แต่ตัวที่คุณเข้ามันไม่ได้ราคาขึ้นมาเหมือนกันหรือ? ซึ่งการที่ราคาขั้นไม่จำเป็นข้องขึ้นพร้อมๆกันอาจจะมีความเลื่อมล้ำขอเวลา หรือหุ้นสองตัวถูกแพงไม่เท่ากัน พวกนี้กับดักล้วนๆครับ
สำหรับคนที่มองว่ายังไม่ขายก็เหมือนยังไม่ได้กำไร ผมว่ากลุ่มนี้มีปัญหาทางด้านความคิดมากๆครับ ผมว่าถ้ามองอย่างนี้แสดงว่ามุมมองคุณเหมือนนักพนันมากครับ นักพนันจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น....
ผมแนะนำว่าเราควรมองว่าณ.ที่ราคานั้นเรายังเห็นว่าถูกหรือไม่ ถ้าถูกเราก็ถือต่อ ไม่ถูกก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นครับ สมมุติหุ้นราคา10บาท ราคาวิ่งไป15บาท แล้วลงมาที่12บาท ณ.จังหวะที่ราคา15บาทคุณคิดอะไร? คุณคิดว่ามันยังถูกหรือไม่ ถ้าคุณไม่ได้ขายราคานั้น ก็เหมือนกับคุณได้ขายและซื้อใหม่ที่ราคานั้นเพียงแต่คุณไม่เสียค่าคอมเท่านั้น ดังนั้นหากมันลงมาที่12บาทคุณก็ต้องยอมรับกับมันหรือคุณจะมองว่าระยะสั้นอาจจะแพ้แต่ระยะยาวชนะแน่ๆ
คนส่วนมากมักจะโดนกับดักทางจิตวิทยาหลอกลวงว่าไม่ขายคือยังไม่ได้กำไร
งั้นสมมุตินานAซื้อหุ้นAนายBซื้อหุ้นB ราคาหุ้นทั้งสองขึ้นมาเยอะมาก นายAตัดสินใจขายหุ้นAและดีใจว่าได้กำไรแล้วเพราะขายแล้วไปเข้าหุ้นB ส่วนนายBขายหุ้นBแล้วไปเข้าหุ้นA ทั้งสองคนคงรู้สึกดีว่าเราได้ขายทำกำไรไปแล้ว...แต่ตัวที่คุณเข้ามันไม่ได้ราคาขึ้นมาเหมือนกันหรือ? ซึ่งการที่ราคาขั้นไม่จำเป็นข้องขึ้นพร้อมๆกันอาจจะมีความเลื่อมล้ำขอเวลา หรือหุ้นสองตัวถูกแพงไม่เท่ากัน พวกนี้กับดักล้วนๆครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 10
อันตรายมาก
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 12
ช่ายคร้าบ
ถ้าบริษัทมีกำไร
มันก็โอเค้
แต่ถ้าไม่มีก็ซวยอ่า
ถ้าบริษัทมีกำไร
มันก็โอเค้
แต่ถ้าไม่มีก็ซวยอ่า
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 13
อันตรายมาก
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้
ไม่ขายไม่กำไร = ไม่ขายไม่ขาดทุน : ที่คุณบอกว่ามันอันตรายเพราะผมไม่ได้คิดถึงการขาดทุนเพราะอัตราเงินเฟ้อหรือเปล่าครับ?
ถ้าคุณคิดว่าไม่ขายไม่กำไร
แปลว่า
คุณกำลังคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนด้วยนะครับ
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คิดแบบนี้
ไม่ขายไม่กำไร = ไม่ขายไม่ขาดทุน : ที่คุณบอกว่ามันอันตรายเพราะผมไม่ได้คิดถึงการขาดทุนเพราะอัตราเงินเฟ้อหรือเปล่าครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 14
สำหรับคนที่มองว่ายังไม่ขายก็เหมือนยังไม่ได้กำไร ผมว่ากลุ่มนี้มีปัญหาทางด้านความคิดมากๆครับ ผมว่าถ้ามองอย่างนี้แสดงว่ามุมมองคุณเหมือนนักพนันมากครับ นักพนันจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น....
ที่ว่ามุมมองของผมเหมือนนักพนันคือ เพราะผมหวังผลเป็นตัวเงิน มากกว่าความเป็นเจ้าของกิจการหรือเปล่าครับ
และมุมมองของนักพนันน่าจะเป็นว่า "รู้สึกว่าตัวเองยังมีโอกาสได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น" แบบนี้จะถูกต้องกว่าหรือเปล่าครับ?
ที่ว่ามุมมองของผมเหมือนนักพนันคือ เพราะผมหวังผลเป็นตัวเงิน มากกว่าความเป็นเจ้าของกิจการหรือเปล่าครับ
และมุมมองของนักพนันน่าจะเป็นว่า "รู้สึกว่าตัวเองยังมีโอกาสได้เงิน ถ้ายังไม่เลิกเล่น" แบบนี้จะถูกต้องกว่าหรือเปล่าครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 15
ถ้าผมมีพอร์ตขนาด 10 ล้าน ได้ปันผลปีละ 6% ก็ได้ปีละ 6 ล้าน คิดเป็นต่อเดือนก็เดือนละ 5 แสน อันนี้เรียกไม่มีกินเหรอคับ นอกจากนั้นบริษัทในพอร์ตก็ยังเติบโตต่อไปได้เองโดยเราไม่ต้องทำอะไร แถมยังจ่ายปันผลให้เรามากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก (ถ้าเลือกมาดี)นพพร เขียน:แบบนี้ถ้าลงทุน 100% ก็เป็นอันรวยแต่ไม่ต้องกินอะไรเลยหรือเปล่าครับ อยู่ในหุ้นหมด
ปกติแล้วในช่วงที่พอร์ตยังเล็ก ควรนำผลตอบแทนทั้งหมดไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายขนาดของพอร์ตให้เร็วที่สุดครับ เป้าหมายที่ควรตั้งคือการพยายามทำให้ปันผลต่อปีมากพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายแล้วค่อยนำเงินมาใช้ครับ จะนำเงินมาใช้ก่อนก็ได้แต่พอร์ตจะโตช้าครับ
การลงทุนทำให้รวยและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนยั่งยืนแต่ไม่ได้ทำให้รวยเร็วนะครับ
หุ้นไม่ใช่สังคโลกล้ำค่า ซื้อมาขายไปจึงจะได้กำไร ลองคิดดูอีกทีว่่าเข้าใจโลกการลงทุนถูกต้องรึเปล่า ไหนลองมาแชร์เป้าหมายกันดีไหมครับ จะได้รู้ว่าจิงๆ แล้วต้องการผลตอบแทนแบบไหน แล้ววิธีนี้มันจะใช้ได้รึเปล่า
สุดท้ายผมก็แค่มือใหม่เหมือนทุกท่านนะครับ มาแลกเปลี่ยนกันนะ
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 45
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 16
คือว่าผมคิด 6 % ของสิบล้านได้แค่ 6 แสนเองอะ ก็ตกเดือนละห้าหมื่น
ผมก็ว่าพอกินนะ
ส่วนหุ้นที่ซื้อราคาสิบล้านแล้วปันผลหกล้านก็เคยเจอบ้างอยู่เหมือนกัน แต่ราคาที่ซื้อก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ Mr.market จะเห็นมูลค่า แล้วราคาก็จะกลับเข้าสู่ความจริง ถ้าเจอก็จัดว่าเป็น หุ้น superstock ครับ
ส่วนกำไร 100 % จะคิดก็คิดได้ครับ
แต่ผมว่าถ้าจะให้ดีต้องดูกำไร 10 ปี แล้วมาเฉลี่ยน่าจะถูกกว่า
อาจจะพอนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จนะครับ
แต่ยังไม่ถือว่าสำเร็จซะทีเดียวต้องดูผลตอบแทนระยะยาวครับ
สำหรับผลตอบแทน 100 % ในปีเดียวผมคิดว่าไม่ยากนะครับ
จะขอยกตัวอย่างตอน hamberger crisis ปลายปี 51
ตอนนั้นดัชนีอยู่ที่ 380 ตอนนี้ดัชนีมาอยู่ที่ 800 จุด เวลาผ่านไปปีก่าๆเอง
บางคนอาจจะแย้งว่าปี 51 ถึงตอนนี้ก็ สองปีแล้วสิ
ผมไปเปิดข้อมูล set เดือน มี.ค. 52 ดัชนียังอยู่ 400 นิด ๆ
แสดงว่า ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับดัชนี ถ้าลงทุนมาตอนมี.ค. ปีที่แล้ว ได้ 100 % ก็ไม่แปลกครับ เพราะขึ้นมาเท่ากับดัชนีเลย
แต่ถ้าช่วง มี.ค. 52 ลงทุนในกลุ่มแบงค์บางตัว อาจได้ผลตอบแทนมากกว่า 400 - 500 % ซะด้วยซ้ำครับ
ส่วนอิสระภาพทางการเงินความหมายกว้างๆ ก็หมายความว่ามีรายได้มากกว่ารายจ่ายอยู่แล้ว
ส่วนบ้านนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นทรัพย์สิน แต่จริงๆแล้วเป็นได้ทรัพย์สินและ หนี้สินได้ครับ คือ ทำให้เราได้เงิน หรือ เสียเงินก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปใช้ประโยชน์อย่างไร
ส่วนคำถามว่าคุณได้อะไรจากบ้านคำตอบก็คือที่บอกแล้วว่าคุณใช้อะไรจากบ้านหละ
ผมก็ว่าพอกินนะ
ส่วนหุ้นที่ซื้อราคาสิบล้านแล้วปันผลหกล้านก็เคยเจอบ้างอยู่เหมือนกัน แต่ราคาที่ซื้อก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ Mr.market จะเห็นมูลค่า แล้วราคาก็จะกลับเข้าสู่ความจริง ถ้าเจอก็จัดว่าเป็น หุ้น superstock ครับ
ส่วนกำไร 100 % จะคิดก็คิดได้ครับ
แต่ผมว่าถ้าจะให้ดีต้องดูกำไร 10 ปี แล้วมาเฉลี่ยน่าจะถูกกว่า
อาจจะพอนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จนะครับ
แต่ยังไม่ถือว่าสำเร็จซะทีเดียวต้องดูผลตอบแทนระยะยาวครับ
สำหรับผลตอบแทน 100 % ในปีเดียวผมคิดว่าไม่ยากนะครับ
จะขอยกตัวอย่างตอน hamberger crisis ปลายปี 51
ตอนนั้นดัชนีอยู่ที่ 380 ตอนนี้ดัชนีมาอยู่ที่ 800 จุด เวลาผ่านไปปีก่าๆเอง
บางคนอาจจะแย้งว่าปี 51 ถึงตอนนี้ก็ สองปีแล้วสิ
ผมไปเปิดข้อมูล set เดือน มี.ค. 52 ดัชนียังอยู่ 400 นิด ๆ
แสดงว่า ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับดัชนี ถ้าลงทุนมาตอนมี.ค. ปีที่แล้ว ได้ 100 % ก็ไม่แปลกครับ เพราะขึ้นมาเท่ากับดัชนีเลย
แต่ถ้าช่วง มี.ค. 52 ลงทุนในกลุ่มแบงค์บางตัว อาจได้ผลตอบแทนมากกว่า 400 - 500 % ซะด้วยซ้ำครับ
ส่วนอิสระภาพทางการเงินความหมายกว้างๆ ก็หมายความว่ามีรายได้มากกว่ารายจ่ายอยู่แล้ว
ส่วนบ้านนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นทรัพย์สิน แต่จริงๆแล้วเป็นได้ทรัพย์สินและ หนี้สินได้ครับ คือ ทำให้เราได้เงิน หรือ เสียเงินก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปใช้ประโยชน์อย่างไร
ส่วนคำถามว่าคุณได้อะไรจากบ้านคำตอบก็คือที่บอกแล้วว่าคุณใช้อะไรจากบ้านหละ
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 17
100 ล้านครับ ท่าจะเบลอAnti-Aircraft เขียน: ถ้าผมมีพอร์ตขนาด 10 ล้าน ได้ปันผลปีละ 6% ก็ได้ปีละ 6 ล้าน คิดเป็นต่อ
อย่ายอมแพ้
- apisit_da
- Verified User
- โพสต์: 277
- ผู้ติดตาม: 1
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 19
แชร์นะครับ
ผมซื้อหุ้นตัวแรก 8.8 บาท ขายไป 9.1 ซื้อวันแรกก็กำไรแล้ว ดีใจกระโดดโลดเต้นเพราะไม่เคยทำเงินได้จากเรื่องอื่น ๆ นอกจากเป็นลูกจ้่าง
ต่อมา หุ้นตัวเดิม ยังวิ่งต่อที่ 11 บาท เอาเงินกลับไปซื้ออีก ได้หุ้นน้อยกว่าเดิม ขายไป 12 บาท ดีใจ กำไรอีกแล้ว
ต่อมา หุ้นวิ่งไปอีก 17 บาท กลับไปซื้อต่อ แต่ต้องเอาเงินมากกว่าเดิมเข้าไปซื้ออีก ตอนนี้ ยี่สิบบาทกว่า
คำถามคือ สองครั้งแรก ผมกำไรเหรอ? ถ้าอยู่เฉยๆ ได้สองเด้งกว่าแล้วนะเนี่ย :roll:
ปัญหาของผมตอนนี้คือ ผมไม่ยอมขาย เพราะราคาที่ได้ยังไม่ถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน ที่คิดไว้ในใจ และ ไม่รู้จะขายไปซื้อตัวไหนน่ะสิ :twisted:
ผมซื้อหุ้นตัวแรก 8.8 บาท ขายไป 9.1 ซื้อวันแรกก็กำไรแล้ว ดีใจกระโดดโลดเต้นเพราะไม่เคยทำเงินได้จากเรื่องอื่น ๆ นอกจากเป็นลูกจ้่าง
ต่อมา หุ้นตัวเดิม ยังวิ่งต่อที่ 11 บาท เอาเงินกลับไปซื้ออีก ได้หุ้นน้อยกว่าเดิม ขายไป 12 บาท ดีใจ กำไรอีกแล้ว
ต่อมา หุ้นวิ่งไปอีก 17 บาท กลับไปซื้อต่อ แต่ต้องเอาเงินมากกว่าเดิมเข้าไปซื้ออีก ตอนนี้ ยี่สิบบาทกว่า
คำถามคือ สองครั้งแรก ผมกำไรเหรอ? ถ้าอยู่เฉยๆ ได้สองเด้งกว่าแล้วนะเนี่ย :roll:
ปัญหาของผมตอนนี้คือ ผมไม่ยอมขาย เพราะราคาที่ได้ยังไม่ถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน ที่คิดไว้ในใจ และ ไม่รู้จะขายไปซื้อตัวไหนน่ะสิ :twisted:
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 20
อย่ายอมแพ้
- << New >>
- Verified User
- โพสต์: 1147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 21
เพื่อความง่ายต่อการเข้าใจ สมมติว่าไม่มีเรื่องค่าคอมมิชชัน ความต่างระหว่างราคาของbid ask ภาษี และอื่นๆ นะครับwhiterabbit เขียน:สมมุติว่า
เมื่อเริ่มต้น port ของผมมีมูลค่า 10,000 บาท
จากนั้นผ่านไป 1 ปี หุ้นต่างๆมีราคาตลาดสูงขึ้นจน port ของผมมีมูลค่า 20,000 บาท
ในกรณีนี้ จะถือว่า port ของผมเติบโต 100% ได้หรือยัง ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนกลับเป็นเงินสด?
สงสัยว่า ผมจะได้อะไรจากการที่ port เติบโต (นอกจากปันผล) แต่ไม่ขายออกไปครับ?
ตอนต้นปีพี่กระต่ายขาวซื้อหุ้นมาหนึ่งชุด มูลค่า10,000บาท
ผ่านไป 1 ปีมูลค่ากลายเป็น 20,000 บาท
พี่ตัดสินใจขายหุ้นชุดนั้นทิ้งที่ 20,000 บาท
Take profit .... เย้...ปีนี้ทำกำไรมาแล้ว :D
วันต่อมา เอ... แล้วเงิน 20,000 นี่จะเก็บไว้ทำไมน้า เอาไปลงทุนต่อดีกว่า
พี่ก็เลยเอาเงิน 20,000 บาทไปลงทุนซื้อหุ้นชุดเดิม ที่ราคา 20,000 บาท
คิดแบบนี้พี่ก็กำไรแล้วทั้งๆที่ยังมีหุ้นชุดเดิม ถูกมั้ยครับ :mrgreen:
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 22
เห็นด้วยช่วยเสริมนะครัลAnti-Aircraft เขียน: ถ้าผมมีพอร์ตขนาด 10 ล้าน ได้ปันผลปีละ 6% ก็ได้ปีละ 6 ล้าน คิดเป็นต่อเดือนก็เดือนละ 5 แสน อันนี้เรียกไม่มีกินเหรอคับ นอกจากนั้นบริษัทในพอร์ตก็ยังเติบโตต่อไปได้เองโดยเราไม่ต้องทำอะไร แถมยังจ่ายปันผลให้เรามากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก (ถ้าเลือกมาดี)
ปกติแล้วในช่วงที่พอร์ตยังเล็ก ควรนำผลตอบแทนทั้งหมดไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายขนาดของพอร์ตให้เร็วที่สุดครับ เป้าหมายที่ควรตั้งคือการพยายามทำให้ปันผลต่อปีมากพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายแล้วค่อยนำเงินมาใช้ครับ จะนำเงินมาใช้ก่อนก็ได้แต่พอร์ตจะโตช้าครับ
การลงทุนทำให้รวยและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนยั่งยืนแต่ไม่ได้ทำให้รวยเร็วนะครับ
หุ้นไม่ใช่สังคโลกล้ำค่า ซื้อมาขายไปจึงจะได้กำไร ลองคิดดูอีกทีว่่าเข้าใจโลกการลงทุนถูกต้องรึเปล่า ไหนลองมาแชร์เป้าหมายกันดีไหมครับ จะได้รู้ว่าจิงๆ แล้วต้องการผลตอบแทนแบบไหน แล้ววิธีนี้มันจะใช้ได้รึเปล่า
สุดท้ายผมก็แค่มือใหม่เหมือนทุกท่านนะครับ มาแลกเปลี่ยนกันนะ
ในกรณีที่ไม่มีปันผลเลย ก็ยังกำไรครับ สมมุติพอร์ทโต10% คุณเอามกิน10%ก็ยังได้เลยครับไม่มีใครว่า เพียงแต่พอร์ทคุณจะโตเท่านั้นครับ
เคยมีคนรู้จักคนหนึ่งมีเงิน3ล้าน ได้กำไรขึ้นต่ำปีละ10% ก็ตกเดือนละ25000บาท ซึ่งคนนี้ก็เลือกที่จะเอากำไรมากินเรื่อยๆครับ ส่วนเงินก็คงที่ครับ
กรณีคนที่มองว่าอยู่ในพอร์ทไม่กำไรผมว่าต้องยกเครื่องความคิดใหม่แล้วครับ
เพราะนั้นแสดงว่าคุณมองว่ามุลค่าหุ้นคงที่นะครับ แต่จริงๆมูลค่าหุ้นมันโตขึ้นทุกปี ถ้าคุณไปยึดติดว่าไม่ขายไม่กำไรแสดงว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องมุลค่าหุ้นกับราคาที่ซื้อเลย อาจจะรู้นะครับ แต่รูกับเข้าใจมันคงความหมายนะครับ
ปล.เตือนด้วยความหวังดีนะครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 23
หุ้นก็เป็นทรัพย์สินนะครับ
ไม่ใช่ต้องขายเป็นเงินเท่านั้น ถึงจะนับเป็นกำไรของเรา
ต้องเอาแบบผม ตอนเล่นหุ้นใหม่ ๆ
ญาติบอกไม่ขาย ยังไม่กำไร ผมก็หวั่นไหวนิด ๆ
เอ้ เราต้องขายด้วยหรือ
คิดไปคิดมา
ผมอยากมีพอร์ท 20 ล้าน
ไม่ได้อยากมีเงิน 20 ล้านซักกะหน่อย จะขายทำไม :D
ไม่ใช่ต้องขายเป็นเงินเท่านั้น ถึงจะนับเป็นกำไรของเรา
ต้องเอาแบบผม ตอนเล่นหุ้นใหม่ ๆ
ญาติบอกไม่ขาย ยังไม่กำไร ผมก็หวั่นไหวนิด ๆ
เอ้ เราต้องขายด้วยหรือ
คิดไปคิดมา
ผมอยากมีพอร์ท 20 ล้าน
ไม่ได้อยากมีเงิน 20 ล้านซักกะหน่อย จะขายทำไม :D
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
- manza125
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 24
เห็นคำนี้แล้วมันจี๊ด :evil:ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า
ระหว่างคนไม่ทำงานแบบคนทั่วไปที่เค้าขี้เกลียด กับคนที่ไม่ทำงานแต่ศึกษาในหุ้นแต่ละตัวทั้งวันทั้งคืน
มันต่างกันนะครับ
คนอย่างที่คุณว่าเค้าทำงานเพื่อเงิน เลยเกิดความขี้เกลียด
แต่ถ้าแบบนี้เค้าไม่ได้เรียกว่าไม่ทำงานหรอก
เค้าเรียกทำงานด้วยสมอง แล้วปล่อยให้เงินทำงานให้เราครับ
ซึ่งทัศนคตินี้ต่างประเทศเค้าเก็ตกันได้ตั้งนานแล้ว แต่ไทยแรนโอลี่เราพึ่งจะมาคิดและใช้ได้
ถ้าไม่มีดร.นิเวศ ป่านี้คนไทยก็ยังมองหุ้นเป็นการพนันอย่างหนึ่งทั้งชีวิตแหละครับ (แต่ก็มีคนไทยหลายคนเหมือนกันที่เค้าหลุดพ้นโดยการอ่านหนังสือฝรั่งแล้วมาประยุคในเมืองไทย แต่แค่ไม่มีการเขียนหนังสือหรือแนะนำวิธีต่างๆแล้วนำมาเผยแพร่ หรือที่เค้าเรียกว่าบุกเบิก)
ปล.แต่กว่าจะมีเงินมาเก็บออมในหุ้นก็ต้องทำงานกันมาทั้งนั้นแหละครับ สรุปแล้วไม่ว่ายังไง ชีวิตคนเราก็ต้องทำงาน นอกซะจากมีมรดกพ่อแม่ที่มหาศาล แต่สุดท้ายใช้ไม่เป็นก็หมดได้เหมือนกันครับ
------------------------------
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port
โพสต์ที่ 25
อันนี้ผมไม่พูดถึงการที่จะทำให้ชีวิตไร้ค่านะครับ เพราะบ้างอาจจะมองว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ดังนั้นการไม่ทำงาน ก็เท่ากับคนไร้ค่า << ขออภัยกับคำๆนี้ครับ ที่ผมเขียนไป ไม่ได้เป็นเพราะผมมองคนอื่นเป็นคนไร้ค่า ผมเข้าใจอยู่บ้างเหมือนกันว่า การใช้สมองก็เป็นการทำงานในรูปแบบหนึ่ง มิเช่นนั้นโลกเราคงไม่ก้าวไปข้างหน้า แต่ผมใช้คำว่า "เพราะบ้างอาจจะมองว่า" เป็นการสื่อว่า คนบางส่วนเท่านั้นครับ ที่ยังมองโลกแบบเก่าอยู่
ขออภัยที่ก่อให้เกิดอาการจี๊ดมา ณ. ที่นี้แล้วกันครับ
ขออภัยที่ก่อให้เกิดอาการจี๊ดมา ณ. ที่นี้แล้วกันครับ