เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 31
ยังไงก็ขอโทษคุณ crazyrisk ครับ ผมเหวงไปหน่อย
ใช้มาร์จิ้น 100%
ผมโพสเพราะเห็นว่าหลายคนใช้แต่ไม่กล้าบอก มันเหมือนสังคมในอุดมคตมากเกินไป อยากให้สังคมเรามีหลายหลากแนวนะครับ แค่อยากให้รู้ว่า คนแบบนี้มีอยู่นะครับ คนกล้าๆมากเกินไปมีอยู่สังคมจริงๆ มากกว่า100%ก็มีเจตนาอยากให้คนเห็นหลายมุมเท่านั้นครับ ขอโทษครับที่หลายคนเข้าใจว่าผมโฆษณา
ปล.ณวันนี้ผมไม่จิ้น100%แล้วนะครับ
เล่นแบบลืมต้้นทุนรายวัน
ตัวนี้ผมแค่แชร์สิ่งที่ผมทำและอยากให้คนอื่นมาแชร์ด้วยครับ แต่ผมก็มองว่าการที่เราคิดว่าต้นทุนเราคือราคาเปิดเมื่อวานมันจะทำให้เราไร้ซึ่งอารมณ์ในการตัดสินใจจะเหลือแต่เหตุผลล้วนๆครับ
เช่น นายAซื้อหุ้นราคา10บาท เป้า15บาท แต่ราคามันขึ้นมา13บาท แต่นายAก็ยังถืออยู่ พอนายBมาถามนายAว่าตัวไหนน่าสนใจ นายAกลับไม่แนะนำหุ้นที่ตัวเองถือ และบอกว่ามันขึ้นมาเยอะ มันเริ่มแพงแล้วและแนะนำตัวอื่นไป
กรณีผมมองว่านายAติดกับทุนของตัวเอง เพราะถ้านายAรูสึกแพงทำไม่ขาย??? ดังนั้นวิธีการของผมคือเป็นนายAคนเดิมแต่มีเงินสด มองในมุมที่เราไม่เคยซื้อหุ้น ถ้าซื้อแล้วทุนเราจะ13บาททันที แล้วมองว่าจะซื้อหรือไม่? ผมรู้สึกว่าวิธีนี้ผมจะไม่ติดกับทุนเลย ก็เลยเอามาแชร์ครับ
แต่สิ่งที่คุณ pick บอกว่าไม่ได้สอน แต่ การตั้งกระทู้ของคุณ pick แต่ละครั้งมันเหมือน โฆษณา
ส่วนในเรื่องที่ผมเหมือนสอนคนอื่น คือผมมองงี๊นะครับ
สมมุติศาสนาหนึ่ง มีศาสดา ซึ่งไม่สามารถสอนทุกคนในโลกได้ หรือแม้นสอนหลายคนก็ไม่เข้าใจ เนื่องจากภาษามันต่างกัน วิถีชีวิต ความรู้สึกมันต่างกัน ท่านจึงจำเป็นต้องสาวกเหล่าสาวกก็มีสาวก เหล่าสาวกก็เผยแผ่หลักธรรมคำสอนก็จะเกิดเหล่าผู้เลื่อมใส จุดยืนของตัวผมเองก็เสมือนผู้เลื่อมใสนะครับ ผูเลื่อมใสก็รู้สึกว่าศาสนานี้มันสุดยอดจริงๆ ก็เที่ยวไปแนะนำใครต่อใครว่าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ ผมลองทำแบบนี้มานะมันใช้ได้มากๆๆๆเลยนะครับแต่ถามว่าผู้เลื่อมใสจะตั้งตัวเองเป็นศาสดาหรอ? ผมว่ามันห่างไกลกันมากเลยนะครับ ผู้เลื่อมใสก็เป้นเหมือนตัวกลางตัวแทน กลุ่มชาวบ้านทั่วไปที่ฟังธรรมมะจากเหล่าสาวกไม่เข้าใจ ก็ไม่สนใจใช้ชีวิตปกติก็ไม่เกิดสิ่งใดกับสังคม ส่วนผมก็พยามเป็นคนที่เหลื่อมใส รวมเอาชาวบ้านมารวมกันแล้วก็พูดๆๆๆภาษาง่ายๆ หรือเอาคำพูดเดียวมาตีความากๆๆๆ ซึ่งอาจจะตีความถูกบ้างผิดบ้าง แต่เจตนาผมก็คืออยากให้เขาสะกิจใจและสนใจศึกษาก็เข้าหาสาวกหรือศาสดา ซึ่งผมก็หวังว่า1.ชาวบ้านธรรมดาจะสนใจศาสนานี้และเข้ามาดูอย่างจริงจัง 2.ผู้เลือมใสท่านอื่นมาแชร์สิ่งที่เขาปฏิบัติและก็ได้ผล 3.เหล่าสาวกมองว่าผมเข้าใจบางเรื่องผิดนะก็มาคอมเม้นมาสอนผมก็ถือว่าดีมากๆ ส่วนสิ่งที่ผมไม่เคยคิดก็คืออาจจะมีสาวกบางท่านเข้าใจผิดคิดว่าผมจะสร้างศาสนาใหม่เรื่องนี้ทำให้ผมตะขิดตะขวงใจยิ่งนักเพราะมันตรงกันข้ามกับความต้องการเบื้องต้น ซึ่งก็เข้าใจว่าบางครั้งผมก็สื่อสารไม่เก่ง หรือมีอารมณ์เข้าร่วมมากเกินไป ต่อจากนี้ผมคงต้องระวังการโพสให้มากๆครับ
สุดท้ายก็ขอบคุณ คุณ crazyrisk ที่กล้าพูดกล้าทัก(รู้เลยครับถ้าไม่หวังดีกับผมจริงๆคงไม่พูด) ผมจะได้ระวังตัวยิ่งขึ้นครับ จะคิดดีๆก่อนโพสทุกครั้ง ขอบคุณมากๆๆๆครับ
ใช้มาร์จิ้น 100%
ผมโพสเพราะเห็นว่าหลายคนใช้แต่ไม่กล้าบอก มันเหมือนสังคมในอุดมคตมากเกินไป อยากให้สังคมเรามีหลายหลากแนวนะครับ แค่อยากให้รู้ว่า คนแบบนี้มีอยู่นะครับ คนกล้าๆมากเกินไปมีอยู่สังคมจริงๆ มากกว่า100%ก็มีเจตนาอยากให้คนเห็นหลายมุมเท่านั้นครับ ขอโทษครับที่หลายคนเข้าใจว่าผมโฆษณา
ปล.ณวันนี้ผมไม่จิ้น100%แล้วนะครับ
เล่นแบบลืมต้้นทุนรายวัน
ตัวนี้ผมแค่แชร์สิ่งที่ผมทำและอยากให้คนอื่นมาแชร์ด้วยครับ แต่ผมก็มองว่าการที่เราคิดว่าต้นทุนเราคือราคาเปิดเมื่อวานมันจะทำให้เราไร้ซึ่งอารมณ์ในการตัดสินใจจะเหลือแต่เหตุผลล้วนๆครับ
เช่น นายAซื้อหุ้นราคา10บาท เป้า15บาท แต่ราคามันขึ้นมา13บาท แต่นายAก็ยังถืออยู่ พอนายBมาถามนายAว่าตัวไหนน่าสนใจ นายAกลับไม่แนะนำหุ้นที่ตัวเองถือ และบอกว่ามันขึ้นมาเยอะ มันเริ่มแพงแล้วและแนะนำตัวอื่นไป
กรณีผมมองว่านายAติดกับทุนของตัวเอง เพราะถ้านายAรูสึกแพงทำไม่ขาย??? ดังนั้นวิธีการของผมคือเป็นนายAคนเดิมแต่มีเงินสด มองในมุมที่เราไม่เคยซื้อหุ้น ถ้าซื้อแล้วทุนเราจะ13บาททันที แล้วมองว่าจะซื้อหรือไม่? ผมรู้สึกว่าวิธีนี้ผมจะไม่ติดกับทุนเลย ก็เลยเอามาแชร์ครับ
แต่สิ่งที่คุณ pick บอกว่าไม่ได้สอน แต่ การตั้งกระทู้ของคุณ pick แต่ละครั้งมันเหมือน โฆษณา
ส่วนในเรื่องที่ผมเหมือนสอนคนอื่น คือผมมองงี๊นะครับ
สมมุติศาสนาหนึ่ง มีศาสดา ซึ่งไม่สามารถสอนทุกคนในโลกได้ หรือแม้นสอนหลายคนก็ไม่เข้าใจ เนื่องจากภาษามันต่างกัน วิถีชีวิต ความรู้สึกมันต่างกัน ท่านจึงจำเป็นต้องสาวกเหล่าสาวกก็มีสาวก เหล่าสาวกก็เผยแผ่หลักธรรมคำสอนก็จะเกิดเหล่าผู้เลื่อมใส จุดยืนของตัวผมเองก็เสมือนผู้เลื่อมใสนะครับ ผูเลื่อมใสก็รู้สึกว่าศาสนานี้มันสุดยอดจริงๆ ก็เที่ยวไปแนะนำใครต่อใครว่าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ ผมลองทำแบบนี้มานะมันใช้ได้มากๆๆๆเลยนะครับแต่ถามว่าผู้เลื่อมใสจะตั้งตัวเองเป็นศาสดาหรอ? ผมว่ามันห่างไกลกันมากเลยนะครับ ผู้เลื่อมใสก็เป้นเหมือนตัวกลางตัวแทน กลุ่มชาวบ้านทั่วไปที่ฟังธรรมมะจากเหล่าสาวกไม่เข้าใจ ก็ไม่สนใจใช้ชีวิตปกติก็ไม่เกิดสิ่งใดกับสังคม ส่วนผมก็พยามเป็นคนที่เหลื่อมใส รวมเอาชาวบ้านมารวมกันแล้วก็พูดๆๆๆภาษาง่ายๆ หรือเอาคำพูดเดียวมาตีความากๆๆๆ ซึ่งอาจจะตีความถูกบ้างผิดบ้าง แต่เจตนาผมก็คืออยากให้เขาสะกิจใจและสนใจศึกษาก็เข้าหาสาวกหรือศาสดา ซึ่งผมก็หวังว่า1.ชาวบ้านธรรมดาจะสนใจศาสนานี้และเข้ามาดูอย่างจริงจัง 2.ผู้เลือมใสท่านอื่นมาแชร์สิ่งที่เขาปฏิบัติและก็ได้ผล 3.เหล่าสาวกมองว่าผมเข้าใจบางเรื่องผิดนะก็มาคอมเม้นมาสอนผมก็ถือว่าดีมากๆ ส่วนสิ่งที่ผมไม่เคยคิดก็คืออาจจะมีสาวกบางท่านเข้าใจผิดคิดว่าผมจะสร้างศาสนาใหม่เรื่องนี้ทำให้ผมตะขิดตะขวงใจยิ่งนักเพราะมันตรงกันข้ามกับความต้องการเบื้องต้น ซึ่งก็เข้าใจว่าบางครั้งผมก็สื่อสารไม่เก่ง หรือมีอารมณ์เข้าร่วมมากเกินไป ต่อจากนี้ผมคงต้องระวังการโพสให้มากๆครับ
สุดท้ายก็ขอบคุณ คุณ crazyrisk ที่กล้าพูดกล้าทัก(รู้เลยครับถ้าไม่หวังดีกับผมจริงๆคงไม่พูด) ผมจะได้ระวังตัวยิ่งขึ้นครับ จะคิดดีๆก่อนโพสทุกครั้ง ขอบคุณมากๆๆๆครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1643
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 32
ผมขออนุญาตมองต่างนะครับ :D
ต้นทุนเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับตัวผมเอง เป้าหมายการลงทุนขอนึง ก็คือ การปกป้องต้นทุน ในการลงทุนระยะยาว ผมจะใช้เวลาศึกษาและทำความเข้าใจกับตัวธุรกิจ ก่อนที่จะเริ่มลงทุน ผมจะให้ความสำคัญกับจังหวะเข้าซื้อรวมถึง MOS + DOWNSIDE เพราะเมื่อเราซื้อได้ต้นทุนที่ถูก มันจะช่วยทำให้ใจเรานิ่งเมื่อราคาหุ้นปัจจุบันมีความผันผวน ไม่ใช่ใจนิ่งเพราะไม่ได้สนใจต้นทุน
แต่ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจหรือเกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์ของเราเอง ผมจะทำการหยุดขาดทุนโดยไม่สนใจต้นทุน
ส่วนกรณีนาย A กับ นาย B ของคุณ pick ถ้าผมเป็นนาย A แล้วนาย B ให้แนะนำหุ้นที่ผมถือ ผมจะเล่ากิจการที่ผมศึกษามา มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ความเสี่ยงอะไรบ้าง มากกว่าเรื่องราคาหุ้นถูกหรือแพง อย่าลืมว่า แต่ละคนยอมรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน สไตล์การลงทุนแตกต่างกัน ผมคงตัดสินใจแทนนาย B ไม่ได้ครับ (ถ้าให้ผมแนะนำหุ้น TF จะมีใครลงทุนตามไหม :lol:)
วิธีที่แต่ละคนใช้กันอยู่ในปัจจุบัน อาจจะใช้กับสถานการณ์อื่นไม่ได้ เช่นหุ้นขาลง หรือใช้กับคนอื่นไม่ได้ พยายามหาวิธีที่เหมาะกับเรามากที่สุด ที่สำคัญที่สุด คือมีความสุขในการลงทุนครับ
ช่วงนี้ ผมขออนุญาตหยุดโพสต์สัก 3 เดือน ขอใช้เวลาหาความรู้ด้านอื่นๆ เพื่อพัฒนาตัวเองในปีที่สองของการลงทุนเต็มตัว อยากเก่งๆ เหมือนพี่ๆ เพื่อนๆ บ้าง
แล้วจะกลับมาใหม่เดือนตุลาคมครับ
ต้นทุนเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับตัวผมเอง เป้าหมายการลงทุนขอนึง ก็คือ การปกป้องต้นทุน ในการลงทุนระยะยาว ผมจะใช้เวลาศึกษาและทำความเข้าใจกับตัวธุรกิจ ก่อนที่จะเริ่มลงทุน ผมจะให้ความสำคัญกับจังหวะเข้าซื้อรวมถึง MOS + DOWNSIDE เพราะเมื่อเราซื้อได้ต้นทุนที่ถูก มันจะช่วยทำให้ใจเรานิ่งเมื่อราคาหุ้นปัจจุบันมีความผันผวน ไม่ใช่ใจนิ่งเพราะไม่ได้สนใจต้นทุน
แต่ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจหรือเกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์ของเราเอง ผมจะทำการหยุดขาดทุนโดยไม่สนใจต้นทุน
ส่วนกรณีนาย A กับ นาย B ของคุณ pick ถ้าผมเป็นนาย A แล้วนาย B ให้แนะนำหุ้นที่ผมถือ ผมจะเล่ากิจการที่ผมศึกษามา มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ความเสี่ยงอะไรบ้าง มากกว่าเรื่องราคาหุ้นถูกหรือแพง อย่าลืมว่า แต่ละคนยอมรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน สไตล์การลงทุนแตกต่างกัน ผมคงตัดสินใจแทนนาย B ไม่ได้ครับ (ถ้าให้ผมแนะนำหุ้น TF จะมีใครลงทุนตามไหม :lol:)
วิธีที่แต่ละคนใช้กันอยู่ในปัจจุบัน อาจจะใช้กับสถานการณ์อื่นไม่ได้ เช่นหุ้นขาลง หรือใช้กับคนอื่นไม่ได้ พยายามหาวิธีที่เหมาะกับเรามากที่สุด ที่สำคัญที่สุด คือมีความสุขในการลงทุนครับ
ช่วงนี้ ผมขออนุญาตหยุดโพสต์สัก 3 เดือน ขอใช้เวลาหาความรู้ด้านอื่นๆ เพื่อพัฒนาตัวเองในปีที่สองของการลงทุนเต็มตัว อยากเก่งๆ เหมือนพี่ๆ เพื่อนๆ บ้าง
แล้วจะกลับมาใหม่เดือนตุลาคมครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 33
แอบมาฟังเลคเชอร์คับ
ผมสรุปเอาเองแล้วได้ใจความว่า
ต้นทุนสำคัญมากในตอนซื้อ แต่ไม่สำคัญเลยในตอนขาย อย่างงี้ถูกมั้ยครับ อาจารย์ครับ
ผมสรุปเอาเองแล้วได้ใจความว่า
ต้นทุนสำคัญมากในตอนซื้อ แต่ไม่สำคัญเลยในตอนขาย อย่างงี้ถูกมั้ยครับ อาจารย์ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 34
:Bow: เซียนตัวจริง คำสั้นๆแต่ลึกซึ้งมากๆๆๆครับพี่ayethebing เขียน:แอบมาฟังเลคเชอร์คับ
ผมสรุปเอาเองแล้วได้ใจความว่า
ต้นทุนสำคัญมากในตอนซื้อ แต่ไม่สำคัญเลยในตอนขาย อย่างงี้ถูกมั้ยครับ อาจารย์ครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 37
ดูหุ้นแล้วใจไม่นิ่งก็เป็นธรรมชาติของจิตอยู่แล้วครับ ยิ่งเราไปกดมันไม่ให้ดิดมันยิ่งคิดครับ ห้ามไม่ได้ด้วยpicatos เขียน:ถ้ารู้สึกว่าใจไม่นิ่ง... และอยากใจนิ่ง...
โชคดีที่เราเกิดมาในประเทศที่มีพระพุทธศาสนา... แนะนำให้ใช้หลักธรรมเข้ากล่อมเกลาจิต...
ใจไม่นิ่ง เพราะ มันเป็นธรรมชาติของใจ ที่จะไม่นิ่ง ฟุ้งไปคิดเรื่องนู้น เรื่องนี้
ดังนั้นการที่จะทำให้ใจนิ่งเป็นเรื่องที่ขัดกับธรรมชาติของใจ
แต่คำถาม คือ เมื่อใจไม่นิ่ง กำลังคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่ เรามีสติรู้อยู่หรือไม่ว่าใจกำลังคิดเรื่องนั้นๆ
เมื่อมีสติ สติจะเป็นตัวกำกับเองว่า สิ่งที่คิดเป็น กุศล หรือ อกุศล เป็นประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์ และเมื่อมีสติรู้ว่าเรื่องที่คิดเป็นเรื่อง อกุศ เป็นกิเลส เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ก็จะค่อยๆ ละ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เหล่านั้นได้
คำว่ามี "สติสัมปชัญญะ" ฟังดูเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย... แต่ทำจริงแล้วทำยาก... จำเป็นต้องตั้งใจปฏิบัติ ต้องค่อยๆ ฝึกเอา... เป็นศาสตร์ที่เรื่องรู้ และเข้าใจได้ง่าย แต่ต้องปฎิบัติถึงจะเห็นผล... คล้ายๆ กับการฝึกเล่นกีฬา...
แต่ผมเชื่อนะ...ว่ามันคุ้มค่าที่จะทำ... และผลลัพธ์ที่จะได้จากการเจริญสติ จะส่งผลดีทุกด้านในชีวิต รวมไปถึงการลงทุนด้วย
เวลาเราดูหุ้นของผมจะฝึกดูจิตไปด้วยครับ เวลาดูหุ้นแล้วใจหลงไปคิดเราแค่มีสติรู้ว่ากำลังคิดอยู่แต่ไม่ต้องไปหลงคิดตามมัน เป็นแค่ผูรู้ผู้ดู ไม่ไปแทรกแซงความคิด
ฝึกให้มีสิตเกิดบ่อยๆจิตจะพัฒนาด้วยตัวของมันเอง แล้วจะเห็นไตรลักษณ์ของจิตและราคาหุ้น(ไม่เที่ยง,เป็นทุกข์,ไปตามเหตุปัจจัย) พอเห็นไตรลักษณ์ของหุ้นแล้วจะเล่นหุ้นได้แบบไม่ทุกข์ครับ ไม่เครียดด้วย
ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการดูจิตได้ที่ http://www.wimutti.net/
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 38
จิตสำคัญที่สุด เพราะควบคุมการตัดสินใจเรา
แนวคิด VI สำคัญตรงที่คุณภาพการตัดสินใจ ซึ่งจิตมีผลสูง
ต้นทุนสำคัญตอนตัดสินใจซื้อ
ราคาสำคัญตอนตัดสินใจขาย
ระหว่างซื้อระหว่างขาย ทั้งต้นทุน และราคาไม่สำคัญ
สำคัญที่กิจการครับ
ประมาณนี้มั้ง เล่นหุ้นมาก็จิตไม่เคยนิ่งครับ อย่าไปควบคุมมัน
ภาษาพระก็บอกให้รู้ ยังไงก็มีเผลอ
เผลอวินาทีที่กดซื้อหรือขาย อันตรายที่สุดครับ
แนวคิด VI สำคัญตรงที่คุณภาพการตัดสินใจ ซึ่งจิตมีผลสูง
ต้นทุนสำคัญตอนตัดสินใจซื้อ
ราคาสำคัญตอนตัดสินใจขาย
ระหว่างซื้อระหว่างขาย ทั้งต้นทุน และราคาไม่สำคัญ
สำคัญที่กิจการครับ
ประมาณนี้มั้ง เล่นหุ้นมาก็จิตไม่เคยนิ่งครับ อย่าไปควบคุมมัน
ภาษาพระก็บอกให้รู้ ยังไงก็มีเผลอ
เผลอวินาทีที่กดซื้อหรือขาย อันตรายที่สุดครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 39
[quote="picklife"][quote="กล้วยไม้ขาว"]ใจมันนิ่งหรือไม่นิ่ง...
มันก็ไม่ได้มีผลทำให้หุ้นขึ้นหรือลงนี่ครับ
มันก็ไม่ได้มีผลทำให้หุ้นขึ้นหรือลงนี่ครับ
- down2earth
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 40
เห็นกระทู้นี้แล้วต้องรีบเข้ามาอ่าน สำหรับมือใหม่อย่างผม
โดนใจหมดเลย ทั้งรักพี่เสียดาย เสียดายน้อง เพราะตังค์ไม่พอ
ทั้งพอร์ตที่เก็บ ก็เดี๋ยวแดง เดี๋ยวเขียว ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทีเดียว
ไม่ต้องไปไกลเลยครับ แค่วันนี้วันเดียวใจลงไปอยู่ที่ตะตุ่มเลยครับ หายไปทีเดียว 7000-8000 สำหรับมือใหม่อย่างผม ที่เพิ่งเริ่มเก็บหุ้นเข้าพอร์ต ใจทั้งใจนี่เอาแทบไม่อยู่ ใจนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดีนะที่บ่ายมันกลับมา (เกือบปกติ) เฮ้อ...
เป็นการทดสอบจิตใจครั้งแรกของการลงทุนเลยครับ
โดนใจหมดเลย ทั้งรักพี่เสียดาย เสียดายน้อง เพราะตังค์ไม่พอ
ทั้งพอร์ตที่เก็บ ก็เดี๋ยวแดง เดี๋ยวเขียว ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทีเดียว
ไม่ต้องไปไกลเลยครับ แค่วันนี้วันเดียวใจลงไปอยู่ที่ตะตุ่มเลยครับ หายไปทีเดียว 7000-8000 สำหรับมือใหม่อย่างผม ที่เพิ่งเริ่มเก็บหุ้นเข้าพอร์ต ใจทั้งใจนี่เอาแทบไม่อยู่ ใจนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดีนะที่บ่ายมันกลับมา (เกือบปกติ) เฮ้อ...
เป็นการทดสอบจิตใจครั้งแรกของการลงทุนเลยครับ
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 1
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 41
ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองใจนิ่ง จริง ๆหรือเปล่า ต้องลองดูว่าตอน port ตัวเองซัก 8 หลัก แล้วราคาตกลงไปสัก 20% แล้วถ้าใจนิ่งได้แสดงว่านิ่งจริง
ราคาความเจ็บปวด แต่ละคนไม่เท่ากัน
ราคาความเจ็บปวด แต่ละคนไม่เท่ากัน
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- aviruth
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 43
ถ้าเจอหุ้นที่ราคามันขึ้นๆลงๆทำไงครับ เช่น
คำนวนเป้าหมายได้ 20 บาท
ซื้อ มา 12 บาท ซัก สองเดือน มันขึ้นไป 15 บาท ไม่เป็นไรน่า ยังไม่ถึงเป้าถือต่อ
ซักสองเดือน ลงมา เหลือ 12 บาท เอะหรือว่าพื้นฐานเปลี่ยน แต่กำไรก็ดีอยู่นี่ ลองถือต่อแล้วกัน ผ่านไปอีกสองเดือน เย้ดีใจจังกลับมา 15 บาท แล้ว แต่เอะ อีกสองเดือนลงมาเหลือ 12 บาทเหมือนเดิม สรุปผ่านไป 1 ปี กลับไปกลับมา 3 รอบ กลับมาเหลือ 12 บาท เท่าเดิม เท่ากับว่าที่ถือมา 1 ปี ราคาไม่ไปใหนเลย
ใครเคยเจอแบบนี้มั่งครับ แล้วทำยังไงกับมัน
คำนวนเป้าหมายได้ 20 บาท
ซื้อ มา 12 บาท ซัก สองเดือน มันขึ้นไป 15 บาท ไม่เป็นไรน่า ยังไม่ถึงเป้าถือต่อ
ซักสองเดือน ลงมา เหลือ 12 บาท เอะหรือว่าพื้นฐานเปลี่ยน แต่กำไรก็ดีอยู่นี่ ลองถือต่อแล้วกัน ผ่านไปอีกสองเดือน เย้ดีใจจังกลับมา 15 บาท แล้ว แต่เอะ อีกสองเดือนลงมาเหลือ 12 บาทเหมือนเดิม สรุปผ่านไป 1 ปี กลับไปกลับมา 3 รอบ กลับมาเหลือ 12 บาท เท่าเดิม เท่ากับว่าที่ถือมา 1 ปี ราคาไม่ไปใหนเลย
ใครเคยเจอแบบนี้มั่งครับ แล้วทำยังไงกับมัน
อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างด้วยการทำแบบเดิม
- luangrit
- Verified User
- โพสต์: 376
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 44
ถ้าปัจจัยไม่เปลี่ยนและกำไรยังดีอยู่ ผมก็จะถือต่อไปครับ กินปันผลที่เข้ามาเรื่อยๆ(มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกำไรที่ดี).....aviruth เขียน:ถ้าเจอหุ้นที่ราคามันขึ้นๆลงๆทำไงครับ เช่น
คำนวนเป้าหมายได้ 20 บาท
ซื้อ มา 12 บาท ซัก สองเดือน มันขึ้นไป 15 บาท ไม่เป็นไรน่า ยังไม่ถึงเป้าถือต่อ
ซักสองเดือน ลงมา เหลือ 12 บาท เอะหรือว่าพื้นฐานเปลี่ยน แต่กำไรก็ดีอยู่นี่ ลองถือต่อแล้วกัน ผ่านไปอีกสองเดือน เย้ดีใจจังกลับมา 15 บาท แล้ว แต่เอะ อีกสองเดือนลงมาเหลือ 12 บาทเหมือนเดิม สรุปผ่านไป 1 ปี กลับไปกลับมา 3 รอบ กลับมาเหลือ 12 บาท เท่าเดิม เท่ากับว่าที่ถือมา 1 ปี ราคาไม่ไปใหนเลย
ใครเคยเจอแบบนี้มั่งครับ แล้วทำยังไงกับมัน
แต่คุณต้องมั่นใจในราคาเป้าหมายของคุณนะครับ เพราะถ้าคำนวณพลาด ราคาหุ้นมันก็ไม่มีทางเติบโต คุณเองก็จะได้รับแต่ปันผลแบบคงที่ไปอีกนานเลยครับ....
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 46
ถ้าปัจจัยไม่เปลี่ยนและกำไรยังดีอยู่luangrit เขียน:
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 47
ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวไหมนะครับ
แนวทางของผมคือคิดให้มากเวลาซื้อ ขนานซื้อคอมตัวละหมื่นกว่าบาทยังคิดต้องเปรียบเทียบตั้งหลายรอบ
หลังจากซื้อก็ดูให้มาก ดูว่าเป็นอย่างที่เราคิดไหม อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หรือไม่ดี
เวลาขาย ขายให้เร็ว อย่าทิ้งร่องรอย :twisted: :twisted:
แนวทางของผมคือคิดให้มากเวลาซื้อ ขนานซื้อคอมตัวละหมื่นกว่าบาทยังคิดต้องเปรียบเทียบตั้งหลายรอบ
หลังจากซื้อก็ดูให้มาก ดูว่าเป็นอย่างที่เราคิดไหม อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หรือไม่ดี
เวลาขาย ขายให้เร็ว อย่าทิ้งร่องรอย :twisted: :twisted:
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 48
[quote="กุหลาบงามหลังฝน"]ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวไหมนะครับ
แนวทางของผมคือคิดให้มากเวลาซื้อ ขนานซื้อคอมตัวละหมื่นกว่าบาทยังคิดต้องเปรียบเทียบตั้งหลายรอบ
หลังจากซื้อก็ดูให้มาก ดูว่าเป็นอย่างที่เราคิดไหม อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หรือไม่ดี
เวลาขาย ขายให้เร็ว อย่าทิ้งร่องรอย
แนวทางของผมคือคิดให้มากเวลาซื้อ ขนานซื้อคอมตัวละหมื่นกว่าบาทยังคิดต้องเปรียบเทียบตั้งหลายรอบ
หลังจากซื้อก็ดูให้มาก ดูว่าเป็นอย่างที่เราคิดไหม อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หรือไม่ดี
เวลาขาย ขายให้เร็ว อย่าทิ้งร่องรอย
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 49
สำหรับการลงทุนในหุ้นให้มีความสุขนั้น
บางทีผมสอนตัวเอง ว่า...
ให้เรามอง "พื้นฐาน(ของกิจการ)" ให้หนักๆ ...เหมือนเรามีหุ้นอยู่ซัก "ล้านหุ้น"
แต่ในขณะเดียวกัน ให้เรามอง "ราคา(หุ้น)" แบบผ่านๆ ...เหมือนเรามีหุ้นเพียงแค่ "ร้อยหุ้น" ในพอร์ต
...นั่นก็เพียงพอแล้วครับ
บางทีผมสอนตัวเอง ว่า...
ให้เรามอง "พื้นฐาน(ของกิจการ)" ให้หนักๆ ...เหมือนเรามีหุ้นอยู่ซัก "ล้านหุ้น"
แต่ในขณะเดียวกัน ให้เรามอง "ราคา(หุ้น)" แบบผ่านๆ ...เหมือนเรามีหุ้นเพียงแค่ "ร้อยหุ้น" ในพอร์ต
...นั่นก็เพียงพอแล้วครับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 50
นี่แหละเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ VI เลย
เวลาคอยให้หุ้นมันลง มันก็ไม่ลงซะที เพราะซื้อเท่านั้นแหละไหลเป็นน้ำเลย
ก็สะสมมาเรื่อย ๆ แต่มันขึ้นช้าจริง ๆ รอแล้วรอเล่า ก็ไม่ขึ้นซะที เช่น ต้นทุน 10 บาท
ราคาขึ้นไปเป็น 13 บาท ก็ว่าจะไม่ขาย แต่ดันไปเห็นตัวอื่นดีมาก ๆ เลยขายที่ 13 บาท
เอาไปซื้อตัวใหม่ เท่านั้นแหละ วิ่งไป 20-30 บาทเลย
เวลาคอยให้หุ้นมันลง มันก็ไม่ลงซะที เพราะซื้อเท่านั้นแหละไหลเป็นน้ำเลย
ก็สะสมมาเรื่อย ๆ แต่มันขึ้นช้าจริง ๆ รอแล้วรอเล่า ก็ไม่ขึ้นซะที เช่น ต้นทุน 10 บาท
ราคาขึ้นไปเป็น 13 บาท ก็ว่าจะไม่ขาย แต่ดันไปเห็นตัวอื่นดีมาก ๆ เลยขายที่ 13 บาท
เอาไปซื้อตัวใหม่ เท่านั้นแหละ วิ่งไป 20-30 บาทเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 51
ลืมทำไมครับต้นทุน อาจารย์ Buffet ยังมีกฏสำนักว่า
1 อย่าขาดทุน
2 ให้กลับไปดูกฏข้อที่ 1
ต้นทุนแต่ละคนต่างกัน อยู่ที่การตีความของแต่ละท่านแล้วล่ะ
ผมดูพอร์ททุกวัน เหมือนปลูกต้นไม้ ดูมันโต บางวันใบอาจจะร่วง
บางวันเขียวสดใส ดูตั้งแต่มันยังเล็ก จนเติบใหญ่ จากเมล็ด เป็น
ต้นที่ให้ร่มเงา เก็บผลมากิน ตัดแต่งกิ่งก้านใบ ทำให้มันเป็นต้นไม้
ที่สวยงามอย่างที่หวัง คิดแบบนี้ดีกว่าไหมครับ
1 อย่าขาดทุน
2 ให้กลับไปดูกฏข้อที่ 1
ต้นทุนแต่ละคนต่างกัน อยู่ที่การตีความของแต่ละท่านแล้วล่ะ
ผมดูพอร์ททุกวัน เหมือนปลูกต้นไม้ ดูมันโต บางวันใบอาจจะร่วง
บางวันเขียวสดใส ดูตั้งแต่มันยังเล็ก จนเติบใหญ่ จากเมล็ด เป็น
ต้นที่ให้ร่มเงา เก็บผลมากิน ตัดแต่งกิ่งก้านใบ ทำให้มันเป็นต้นไม้
ที่สวยงามอย่างที่หวัง คิดแบบนี้ดีกว่าไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 52
ชอบประโยคนี้มากครับpak เขียน:สำหรับการลงทุนในหุ้นให้มีความสุขนั้น
บางทีผมสอนตัวเอง ว่า...
ให้เรามอง "พื้นฐาน(ของกิจการ)" ให้หนักๆ ...เหมือนเรามีหุ้นอยู่ซัก "ล้านหุ้น"
แต่ในขณะเดียวกัน ให้เรามอง "ราคา(หุ้น)" แบบผ่านๆ ...เหมือนเรามีหุ้นเพียงแค่ "ร้อยหุ้น" ในพอร์ต
...นั่นก็เพียงพอแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 53
ถ้าเมื่อไหร่ผมรู้สึกว่า "ราคา" เริ่มทำให้ใจหวั่นไหว ไม่ว่าทั้งขึ้นหรือลง จนเกิดความคิดอยากซื้อขายเดี๋ยวนั้นเลย
ทำให้แทบจะห้ามใจไม่ได้เพราะทั้งความโลภและความกลัวครอบงำ ถ้ามันหนักมากๆ จนตบะจะแตกแล้ว
"ผมจะเดินหนี" ด้วยการไปทำอย่างอื่น ไม่เปิดดูราคา ไม่เปิดTVI ไม่ตามข่าว ลืมๆมันไปซะเรื่องหุ้น
อารมณ์อะไรๆ ก็เถอะครับ มันไม่เคยอยู่คงทนตลอดไป มันมาเดี๋ยวก็จางหายไป เมื่อมันจางหายไปแล้วสติผมก็จะกลับมาเอง หลายครั้งตอนมีอารมณ์จะเคาะอยู่แล้ว เลยเดินหนีไป กลับมาคิดได้ ตูจะเคาะไปทำไมวะตอนนั้น ประมาณนี้ครับ
ทำให้แทบจะห้ามใจไม่ได้เพราะทั้งความโลภและความกลัวครอบงำ ถ้ามันหนักมากๆ จนตบะจะแตกแล้ว
"ผมจะเดินหนี" ด้วยการไปทำอย่างอื่น ไม่เปิดดูราคา ไม่เปิดTVI ไม่ตามข่าว ลืมๆมันไปซะเรื่องหุ้น
อารมณ์อะไรๆ ก็เถอะครับ มันไม่เคยอยู่คงทนตลอดไป มันมาเดี๋ยวก็จางหายไป เมื่อมันจางหายไปแล้วสติผมก็จะกลับมาเอง หลายครั้งตอนมีอารมณ์จะเคาะอยู่แล้ว เลยเดินหนีไป กลับมาคิดได้ ตูจะเคาะไปทำไมวะตอนนั้น ประมาณนี้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 949
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็นVIเก่งอย่างเดียวไม่พอ!!!!! จิตใจต้องนิ่งด้วย!!!!!
โพสต์ที่ 54
ส่วนตัวก่อนนะครับ ผมเองเป็นคนขายหมูโดยอาชีพเพราะการที่ไม่ได้ดูมูลค่าของธุรกิจในปัจจุบันดันไปดูแค่ต้นที่มีเห็นกำไร 3-4 เท่าก็ขาย
ปัจจุบันผมแบ่งสถานการณ์เป็น 2 แบบนะครับ
1. ซื้อมาแล้วหุ้นตก (หลังจากศึกษามาดีมากๆๆๆๆแล้วมั่นใจมากๆๆๆๆแล้วนะครับ)
ผมจะกลับไปดูเหตุผลตรรกะของตัวเองว่ายังเหมือนเดิมไหมถ้าเหมือนเดิม สิ่งที่ทำคือ หาเงินมาซื้อเพิ่มครับ
2. ซื้อแล้วหุ้นขึ้นไปลด upside ในใจเรา เช่น คิดว่าหุ้นนี้มีมูลค่าเหมาะสม 100 ราคาเรา 50 หุ้นวิ่งไปที่ 95 แล้ว
สิ่งที่ผมจะทำคือ ใช้การคิดมูลค่าแบบหลายๆวิธีมากขึ้น เพื่อรู้เขา(ตลาด)มากขึ้นเพราะที่ผ่านมาผมมักจะพลาดในการประเมินว่า ตลาดมองยังไงมากกว่าที่จะประเมิน กำไรผิดพลาด
เช่น DCF ใช้ส่วนลดน้อยลงดูว่ามันยังสูงกว่าราคาไหม หรือ
ลองทำ earning forecast แบบมองโลกแง่ดี เพื่อให้ได้กำไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้าออกมา
แล้วกลับไปคูณ PE ดูแล้วเผื่อให้ค่า PE สูงๆกว่าอดีต เช่น หุ้นเคยมีPE ที่ 10 ก็อาจจะลอง PE สัก 13-15 ดู
เช่น เคยมองว่า หุ้น P กำไรสัก 0.6 บาท PE ง่ายๆก็สัก 10 = 6 บาท
ถ้าราคาไปที่ 7 บาท ผมก็
อาจจะลองให้กำไรมากขึ้นิดนึง เช่น 0.65 PE สัก 15 = 9.75 บาท
ถ้าผมทำแล้วมูลค่าที่ได้มันยังสูงกว่าราคาผมก็อาจจะถือต่อ เผื่อนายตลาดจะมามีมุมมองดีมากๆเหมือนที่ผมมี แต่ถ้าทำแบบสมมุติฐานบ้าๆแล้วราคายังสูงกว่า ผมก็คงขายแหละครับ
แต่จะขายก็ต่อเมื่อรู้แน่แล้วว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เช่น ซื้อตัวอื่นเพิ่ม หรือ ลงทุนนะครับไม่งั้นไม่ขาย
ปัจจุบันผมแบ่งสถานการณ์เป็น 2 แบบนะครับ
1. ซื้อมาแล้วหุ้นตก (หลังจากศึกษามาดีมากๆๆๆๆแล้วมั่นใจมากๆๆๆๆแล้วนะครับ)
ผมจะกลับไปดูเหตุผลตรรกะของตัวเองว่ายังเหมือนเดิมไหมถ้าเหมือนเดิม สิ่งที่ทำคือ หาเงินมาซื้อเพิ่มครับ
2. ซื้อแล้วหุ้นขึ้นไปลด upside ในใจเรา เช่น คิดว่าหุ้นนี้มีมูลค่าเหมาะสม 100 ราคาเรา 50 หุ้นวิ่งไปที่ 95 แล้ว
สิ่งที่ผมจะทำคือ ใช้การคิดมูลค่าแบบหลายๆวิธีมากขึ้น เพื่อรู้เขา(ตลาด)มากขึ้นเพราะที่ผ่านมาผมมักจะพลาดในการประเมินว่า ตลาดมองยังไงมากกว่าที่จะประเมิน กำไรผิดพลาด
เช่น DCF ใช้ส่วนลดน้อยลงดูว่ามันยังสูงกว่าราคาไหม หรือ
ลองทำ earning forecast แบบมองโลกแง่ดี เพื่อให้ได้กำไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้าออกมา
แล้วกลับไปคูณ PE ดูแล้วเผื่อให้ค่า PE สูงๆกว่าอดีต เช่น หุ้นเคยมีPE ที่ 10 ก็อาจจะลอง PE สัก 13-15 ดู
เช่น เคยมองว่า หุ้น P กำไรสัก 0.6 บาท PE ง่ายๆก็สัก 10 = 6 บาท
ถ้าราคาไปที่ 7 บาท ผมก็
อาจจะลองให้กำไรมากขึ้นิดนึง เช่น 0.65 PE สัก 15 = 9.75 บาท
ถ้าผมทำแล้วมูลค่าที่ได้มันยังสูงกว่าราคาผมก็อาจจะถือต่อ เผื่อนายตลาดจะมามีมุมมองดีมากๆเหมือนที่ผมมี แต่ถ้าทำแบบสมมุติฐานบ้าๆแล้วราคายังสูงกว่า ผมก็คงขายแหละครับ
แต่จะขายก็ต่อเมื่อรู้แน่แล้วว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เช่น ซื้อตัวอื่นเพิ่ม หรือ ลงทุนนะครับไม่งั้นไม่ขาย