copy จาก bangkokbizweek ฝรั่งทิ้งหุ้นใหญ่โยกเข้าหุ้นเล็กฯ

[tom]

ฝรั่งทิ้ง "หุ้นใหญ่" โยกเข้า "หุ้นเล็ก" สัญญาณเตือนภัย...หุ้นใกล้หมดรอบ

นักวิเคราะห์แนะให้จับตากองทุนต่างชาติเปลี่ยนกลยุทธ์ทิ้ง "หุ้นใหญ่" โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ โยกเข้าหุ้น "เก็งกำไร" ตัวเล็ก เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าพวก "เฮดจ์ฟันด์" ใกล้เทหุ้นล็อตใหญ่โยกเงินออกจากตลาดหุ้นไทย




นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า นับจากเดือนพ.ย.2547 เป็นต้นมาจนล่าสุดถึงวันที่ 11 ม.ค. 48 มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ เข้าเก็บหุ้นในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และมียอดซื้อสุทธิคิดเป็นมูลค่า 7.5 หมื่นล้านบาท และจากการศึกษาพฤติกรรมการลงทุนของกองทุนต่างชาติ ตลอดจนกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา พบว่า การเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติเมื่อซื้อครบ 7-8 หมื่นล้านบาท การซื้อจะชะลอตัวลง ซึ่งในช่วงนี้ใกล้เคียงกับสถิติที่ผ่านมา

"เราพบว่า เมื่อกองทุนต่างชาติได้ซื้อสุทธิแล้ว 7-8 หมื่นล้านบาทแล้ว เงินลงทุนในตลาดหุ้นจะหยุด ซึ่งเหมือนกับช่วงนี้ที่แรงซื้อเริ่มน้อยลง และหุ้นบางส่วนถูกขายทำกำไรออกมาบ้างแล้ว เพราะได้ซื้อมากจนอิ่มตัวแล้ว"

โดยเฉพาะการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อหุ้นรอบนี้จะลงทุนกลุ่มธนาคารก่อนกลุ่มอื่นๆ

วิศิษฐ์ บอกว่า ยกเว้นเพียงหุ้นกลุ่มเดียวที่ยังมีแรงซื้อเพิ่ม คือ หุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่ เนื่องจากต่างชาติมองธุรกิจเทเลคอมจะได้ประโยชน์จากการแปรสัญญาสัมปทาน เมื่อมีการจัดตั้งกทช.ในราวกลางปีนี้

หลังจากกองทุนต่างชาติได้ทิ้งหุ้นใหญ่ พบว่า เม็ดเงินเริ่มไหลเข้าซื้อหุ้นขนาดเล็กรายตัวในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกณฑ์ที่ต่างชาติพิจารณาลงทุนก็คือ จะเลือกหุ้นรายตัวที่มีราคาลดลง 70-80% (ในรอบปี 2547) และมีมาร์เก็ตแคปน้อยกว่า 100-200 ล้านเหรียญ หรือราว 4,000-8,000 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้นขนาดเล็กช่วงนี้ปรับตัวขึ้นกันค่อนข้างมาก

ตอนนี้จะเห็นว่า มีเม็ดเงินเข้าหุ้นขนาดเล็กที่มีราคาลดลง 70-80% โดยเพิ่งเริ่มเข้าซื้อเมื่อ 2 สัปดาห์นี้ หลังจากได้ทยอยขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่"

นอกจากโยกเงินลงทุนออกจากหุ้นใหญ่เข้าหุ้นเล็กแล้ว เม็ดเงินต่างชาติบางส่วนยังมุ่งไปลงทุนในหุ้น "Leggard" หรือ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Underperform) ที่มีค่าพี/อีต่ำ เช่น หุ้นเดินเรือ ซึ่งจะพบว่าช่วงนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมามาก

วิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า กองทุนต่างชาติหรือเฮดจ์ฟันด์ส่วนใหญ่ที่เข้าซื้อหุ้นไทยขณะนี้ ก็เพื่อเก็งกำไรค่าเงินเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง เม็ดเงินต่างชาติย่อมจะไหลออกอย่างแน่นอน และนิสัยการเล่นหุ้นของกองทุนพวกนี้ จะสั้นลงกว่าสมัยก่อน โดยจะคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็นรายเดือน หรือรายสัปดาห์

ขณะเดียวกัน ก็พบว่า กองทุนต่างชาติได้ซื้อหุ้นผ่านเอ็นวีดีอาร์ค่อนข้างมาก

จากรายงานการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.2547-11 ม.ค.2548 พบว่า นักลงทุนต่างชาติได้เข้าทยอยซื้อหุ้นขนาดเล็กจำนวนมากโดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อผ่านเอ็นวีดีอาร์ (NVDR) ถึง 18 บริษัท ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นรายตัวในกลุ่มต่างๆ แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น HEMRAJ, LOXLEY, STEC, TICON, MK, RAIMON, LPN, MACO, METCO, TASCO และ SPL เป็นต้น

แต่ยังมีเงินเข้าซื้อเพิ่มในหุ้นขนาดใหญ่ 4 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งไปยังหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มเงินทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ KK, TISCO, BBL และ NFS

อย่างไรก็ตาม หุ้นเล็กที่นักลงทุนต่างชาติ "ซื้อเพิ่ม" เข้าพอร์ตมากที่สุดในช่วงปลายเดือนธ.ค.2547 ได้แก่ หุ้น MK จำนวน 14 ล้านหุ้น และ หุ้น AH จำนวน 15 ล้านหุ้น และเพิ่งเข้าเก็บหุ้น METCO, SPL, KK, TISCO, CPN, STEC และ TASCO เพิ่มในพอร์ตในช่วง 5-6 ม.ค.ที่ผ่านมา

วิศิษฐ์ บอกว่า การลงทุนของกองทุนต่างชาติช่วงนี้ เป็นลักษณะ "โยก" กลุ่มหุ้นเล่นมากกว่า แต่ถ้าเมื่อใดที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว เม็ดเงินของกองทุนก็จะไหลออกทันที ที่ยังไม่ไหลออกช่วงนี้เป็นเพราะค่าเงินของไทยยังมีเสถียรภาพอยู่ แต่การซื้อของต่างชาติเริ่มอ่อนตัวลงไปมากจากช่วงก่อนหน้า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนรายย่อยช่วงนี้ วิศิษฐ์ แนะนำว่า ควรจะเลือกหุ้นขนาดเล็ก และหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Underperform) โดยเน้นหุ้นที่มีค่าพี/อี เรโช "ต่ำ" หรือหุ้นที่จ่ายเงินปันผล "สูง"

ผมคิดว่าตลาดหุ้นช่วงนี้เป็นช่วง Side Way(ออกข้าง) มากกว่า เพราะค่าพี/อียังไม่สูงเพียง 10 เท่า ถึงแม้ตลาดหุ้นจะปรับลดลง ก็คงจะลงไม่แรง ส่วนตลาดจะเปลี่ยนทิศเมื่อไรให้จับตามองแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และการอ่อนตัวของค่าเงินบาทจะเป็นสัญญาณเตือนภัย"

[buglife]

จะหมดรอบแล้วหรือ
หุ้นบางตัวยังไม่ได้ขยับเลย

[Dech]

แสดงว่าฝรั่งกด เก็บ เพราะหุ้นเหล่านั้นไม่ค่อยกระเตื้องเลย

[วัวแดง]

ผมมองตรงข้ามเลยครับ ผมว่ายังอีกนาน
ฝนยังตกไม่ทั่วฟ้าเลย

[มือเก่าหัดขับ]

ก็ต้องขอบคุณนักวิแคะทั้งหลายด้วยครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกเจ้าที่ออกมาพูดทำนองนี้
ก็ขอให้พูดแบบนี้เหมือนๆ กันหมด




เพราะนัดวิแคะ มักจะผิดครับ




ก.ล.(กระทู้ลงท้าย)
ส่วนหุ้นที่ผมถือ มันไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยวกับใครอยู่แล้ว ก็ปล่อยๆ มันไปตามเวรตามกรรม
(แรงแห่งผลประกอบการ) เจ้ามือ ถ้ามี ก็อย่าเพิ่งมาปั่นเลยนะ ยังเก็บไปเรื่อยๆ ไม่
ครบเลย เดี๋ยวได้ครบแล้ว ไม่คิดจะซื้อเพิ่มอีกแล้ว ค่อยเข้ามาปั่นนะจ๊ะ ไม่ว่าหรอก
:lol: :lol: :lol: