อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
- iluckyhappy
- Verified User
- โพสต์: 72
- ผู้ติดตาม: 1
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 1
เมื่อนักลงทุน ทุกคน เรียนรู้ ทฤษฎี เดียวกัน มึความคิดเหมือนกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน เห็น
งบการเงินตัวเลขเดียวกัน รู้จักบริษัทพื้นฐานเหมือนกัน รับรู้ข่าวสารเหมือนกัน ... แล้ว...
อะไรที่เป็นสิ่งที่แตกต่าง ทำให้ นักลงทุนประสบความสำเร็จไม่เหมือนกัน คือ??? ...
สำหรับผมแล้ว คิดว่า สิ่งที่แตกต่าง น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ ได้แก่
1. ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
2. มุมมอง วิสัยทัศน์ (Vision)
3. พื้นฐาน ความเสี่ยง (Risk)
4. จังหวะการลงทุน (Time)
5. วิกฤต (Crisis)
6. วาสนา (น่าจะมีส่วนบ้าง....หุหุ)
แล้ว พี่ ๆ เพื่อน ๆ คิดว่า มีอะไร ที่แตกต่าง อีกหรือเปล่าครับ
------------------------------------------------------------------
จะได้นำมาพัฒนา ปรับปรุง ให้ นลท. ประสบความสำเร็จกันมากขึ้น ....
งบการเงินตัวเลขเดียวกัน รู้จักบริษัทพื้นฐานเหมือนกัน รับรู้ข่าวสารเหมือนกัน ... แล้ว...
อะไรที่เป็นสิ่งที่แตกต่าง ทำให้ นักลงทุนประสบความสำเร็จไม่เหมือนกัน คือ??? ...
สำหรับผมแล้ว คิดว่า สิ่งที่แตกต่าง น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ ได้แก่
1. ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
2. มุมมอง วิสัยทัศน์ (Vision)
3. พื้นฐาน ความเสี่ยง (Risk)
4. จังหวะการลงทุน (Time)
5. วิกฤต (Crisis)
6. วาสนา (น่าจะมีส่วนบ้าง....หุหุ)
แล้ว พี่ ๆ เพื่อน ๆ คิดว่า มีอะไร ที่แตกต่าง อีกหรือเปล่าครับ
------------------------------------------------------------------
จะได้นำมาพัฒนา ปรับปรุง ให้ นลท. ประสบความสำเร็จกันมากขึ้น ....
- begin again
- Verified User
- โพสต์: 337
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 8
Sense
สัณชาตญาณ
ความเชื่อมั่นในตัวเองที่น่าจะมีไม่เท่ากัน
บรา บรา มั้งค่ะตอมเดาเอา ฮ่าๆๆๆ
สัณชาตญาณ
ความเชื่อมั่นในตัวเองที่น่าจะมีไม่เท่ากัน
บรา บรา มั้งค่ะตอมเดาเอา ฮ่าๆๆๆ
Someday
-
- Verified User
- โพสต์: 993
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 12
+100*100sai เขียน:ความขยันครับ
เริ่มนับหนึ่ง...
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 14
ขออนุญาติพี่ๆสอนน้องที่มาใหม่ๆซิ่งๆนะครับ รบกวนพี่ๆช่วยเสริมด้วยนะครับ เพราะความรู้ผมก็ยังน้อยนิดนัก
สำหรับในกรณีความรู้ และความขยันนั้นจริงครับ มันทำให้ผลตอบแทนเราแตกต่างกันมากๆ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้Returnแตกต่างกัน
แต่ปัจจัยรองเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเป็นเหมือนความรู้สึก ซึ่งสิ่งนี้ผมเรียกว่าการให้น้ำหนักครับ
คนสองคนเป็นเพื่อนกัน ความรู้เท่าๆกัน เจอหุ้นตัวหนึ่งด้วยกัน แล้วก็วิเคราะห์ด้วยกัน รู้ข้อมูลของหุ้นตัวนั้นเท่าๆกันเลย แต่เชื่อไหมครับ ว่าคนสองคนนี้
1.เข้าซื้อคนละราคา คนหนึ่งอาจจะต่อราคา หรือดูจังหวะ อีกคนหนึ่งเคาะเลยที่ราคาเปิด
2.ปริมาณที่ซื้อครั้งแรกไม่เท่ากัน
3.กรณีหุ้นลง คนสองคนนี้ทำไม่เหมือนกัน อีกคนอาจจะนิ่ง อีกคนอาจจะเพิ่มสัดส่วนของพอร์ท(ไม่พูดถึงกรณีขายนะครับ เอาที่เป็นVIเพียวๆเหมือนกัน)
4.กรณีหุ้นขึ้น คนสองคนนี้ก็ทำไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอาจจะมองว่าUpsideน้อยลงต้องทะยอยออก อีกคนอาจจะโหยยยังไปอีกไกลรอใกล้ๆเต็มมุลค่าก่อนยังหาตัวที่ดีกว่าไม่ได้เลย อีกคนอาจจะอื้มมมั่นใจขึ้นเราวิเคราะถูกแล้วก็เข้าเพิ่ม
ลองสังเกตุนะครับ อันนี้ผมตั้งสมมุติฐานว่า
1.VIเพียวๆเหมือนกัน(ถ้าไม่เพียวยิ่งต่างใหญ่)
2.เจอหุ้นตัวเดียวกันวิเคราะด้วยกัน ยิ่งหุ้นหลายตัวยิ่งไปกันคนละเรื่อง
3.ความรู้เท่าๆกัน
และลองสังเกตุว่า....ทำไมนักบัญชี นักเศรษฐศาตร์ นักการเงิน มาร์เกตติ้ง นักวิเคราะห์ คนกลุ่มนี้หลายๆคนอ่านมากกว่า รู้มากกว่าVIหลายๆท่านเยอะมาก...แต่Returnกลับต่างกันลิบลับ!!!
ปัจจัยหนึ่งก็คือจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งข้อนี้ผมขอข้ามไป เพราะมันเป็นเชิงคุณภาพ ซึ่งอธิบายกันยาว หาอ่านกันเองตามแผงหนังสือทั่วไปดีกว่าครับเพราะเรื่องนี้คนพูดกันเยอะมาก
สำหรับในกรณีความรู้ และความขยันนั้นจริงครับ มันทำให้ผลตอบแทนเราแตกต่างกันมากๆ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้Returnแตกต่างกัน
แต่ปัจจัยรองเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเป็นเหมือนความรู้สึก ซึ่งสิ่งนี้ผมเรียกว่าการให้น้ำหนักครับ
คนสองคนเป็นเพื่อนกัน ความรู้เท่าๆกัน เจอหุ้นตัวหนึ่งด้วยกัน แล้วก็วิเคราะห์ด้วยกัน รู้ข้อมูลของหุ้นตัวนั้นเท่าๆกันเลย แต่เชื่อไหมครับ ว่าคนสองคนนี้
1.เข้าซื้อคนละราคา คนหนึ่งอาจจะต่อราคา หรือดูจังหวะ อีกคนหนึ่งเคาะเลยที่ราคาเปิด
2.ปริมาณที่ซื้อครั้งแรกไม่เท่ากัน
3.กรณีหุ้นลง คนสองคนนี้ทำไม่เหมือนกัน อีกคนอาจจะนิ่ง อีกคนอาจจะเพิ่มสัดส่วนของพอร์ท(ไม่พูดถึงกรณีขายนะครับ เอาที่เป็นVIเพียวๆเหมือนกัน)
4.กรณีหุ้นขึ้น คนสองคนนี้ก็ทำไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอาจจะมองว่าUpsideน้อยลงต้องทะยอยออก อีกคนอาจจะโหยยยังไปอีกไกลรอใกล้ๆเต็มมุลค่าก่อนยังหาตัวที่ดีกว่าไม่ได้เลย อีกคนอาจจะอื้มมมั่นใจขึ้นเราวิเคราะถูกแล้วก็เข้าเพิ่ม
ลองสังเกตุนะครับ อันนี้ผมตั้งสมมุติฐานว่า
1.VIเพียวๆเหมือนกัน(ถ้าไม่เพียวยิ่งต่างใหญ่)
2.เจอหุ้นตัวเดียวกันวิเคราะด้วยกัน ยิ่งหุ้นหลายตัวยิ่งไปกันคนละเรื่อง
3.ความรู้เท่าๆกัน
และลองสังเกตุว่า....ทำไมนักบัญชี นักเศรษฐศาตร์ นักการเงิน มาร์เกตติ้ง นักวิเคราะห์ คนกลุ่มนี้หลายๆคนอ่านมากกว่า รู้มากกว่าVIหลายๆท่านเยอะมาก...แต่Returnกลับต่างกันลิบลับ!!!
ปัจจัยหนึ่งก็คือจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งข้อนี้ผมขอข้ามไป เพราะมันเป็นเชิงคุณภาพ ซึ่งอธิบายกันยาว หาอ่านกันเองตามแผงหนังสือทั่วไปดีกว่าครับเพราะเรื่องนี้คนพูดกันเยอะมาก
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 16
อีกปัจจัยหนึ่งคือการให้น้ำหนัก ซึ่งเป็นเชิงปริมาณไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่
ผมขอยกตัวอย่างร้านขายข้าวสองร้านนะครับ
แล้วมาวิเคราะห์ให้คะแนนกัน ทุกอันคะแนนเต็ม10นะครับ
ร้านกอก่าย ร้านขอข่าย
1.ทำเล 9 7
2.ที่จอดรถ 9 7
3.บรรยากาศร้าน 9 7
4.บริการ 9 7
5.รสชาติ 7 10
6.ราคา 9 7
สรุปคะแนน 52/60 45/60
86% 75%
ซึ่งถ้ามองมุมมนี้ร้านที่น่าลงทุนคือร้าน ก. และพวกนักบัญชี นักเศรษฐศาตร์ นักการเงิน มาร์เกตติ้ง นักวิเคราะห์ ส่วนหนึ่ง(ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ) ก็เลือกที่จะลงทุนในร้าน ก.
แต่!!! ผลออกมา ร้านก.กลับจะเจ้ง แต่ร้านข.กลับขานดีเป็นเทน้ำเทท่า
แล้วถามว่าเราให้คะแนนผิดหรอ??? คำตอบคืออาจจะไม่ผิดนะ แต่คุณให้น้ำหนักผิด ถ้าลองโจทย์เดิมแต่ให้น้ำหนักต่างกัน
ร้านกอก่าย ร้านขอข่าย
1.ทำเล 9*1 7*1
2.ที่จอดรถ 9*1 7*1
3.บรรยากาศร้าน 9*1 7*1
4.บริการ 9*1 7*1
5.รสชาติ 7*10 10*10
6.ราคา 9*1 7*1
สรุปคะแนน 115/150 135/150
77% 90%
จะเห็นว่าถ้าให้น้ำหนักใหม่ซึ่งร้านอาหารสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจจะเป็นรสชาติ เพราะ อยู๋ไกลแค่ไหนก็ไปกิน จอดรถยากหน่อยก็ทน บรรยาการไม่หรูช่างมัน บริการไม่ดีเสียงดังไม่ง้อลูกค้าก็เรื่องของมัน ราคาแพงหน่อยไม่เป็นไรมันอร่อยนินา เรื่องเหล่านี้ก็จะพอทนได้หมด
ซึ่งถ้าโยงกับการลงทุนก็เหมือนกันครับ
1.Upside
2.ธรรมภิบาลผู้บริหาร
3.กระแสเงินสด
4.สัดส่วนหนี้สิน
5.ความแน่นอนของรายได้
6.อื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย
ซึ่งแต่ละคนก็ให้น้ำหนักของแต่ละจัวไม่เท่ากัน ซึ่งในมุมมองผมส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนต่างกัน แม้นความรู้จะเท่าๆกันก็ตาม หรือบางครั้งเราอาจจะเห็นพ่อค้าส้มตำที่อาจไม่มีความรู้เรื่องDetailแต่รู้เรื่องUpsideเก่งมาก ก็อาจจะมีผลตอบแทนที่สุงกว่า ดร.หลายๆท่านด้วยซ้ำ
ผมขอยกตัวอย่างร้านขายข้าวสองร้านนะครับ
แล้วมาวิเคราะห์ให้คะแนนกัน ทุกอันคะแนนเต็ม10นะครับ
ร้านกอก่าย ร้านขอข่าย
1.ทำเล 9 7
2.ที่จอดรถ 9 7
3.บรรยากาศร้าน 9 7
4.บริการ 9 7
5.รสชาติ 7 10
6.ราคา 9 7
สรุปคะแนน 52/60 45/60
86% 75%
ซึ่งถ้ามองมุมมนี้ร้านที่น่าลงทุนคือร้าน ก. และพวกนักบัญชี นักเศรษฐศาตร์ นักการเงิน มาร์เกตติ้ง นักวิเคราะห์ ส่วนหนึ่ง(ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ) ก็เลือกที่จะลงทุนในร้าน ก.
แต่!!! ผลออกมา ร้านก.กลับจะเจ้ง แต่ร้านข.กลับขานดีเป็นเทน้ำเทท่า
แล้วถามว่าเราให้คะแนนผิดหรอ??? คำตอบคืออาจจะไม่ผิดนะ แต่คุณให้น้ำหนักผิด ถ้าลองโจทย์เดิมแต่ให้น้ำหนักต่างกัน
ร้านกอก่าย ร้านขอข่าย
1.ทำเล 9*1 7*1
2.ที่จอดรถ 9*1 7*1
3.บรรยากาศร้าน 9*1 7*1
4.บริการ 9*1 7*1
5.รสชาติ 7*10 10*10
6.ราคา 9*1 7*1
สรุปคะแนน 115/150 135/150
77% 90%
จะเห็นว่าถ้าให้น้ำหนักใหม่ซึ่งร้านอาหารสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจจะเป็นรสชาติ เพราะ อยู๋ไกลแค่ไหนก็ไปกิน จอดรถยากหน่อยก็ทน บรรยาการไม่หรูช่างมัน บริการไม่ดีเสียงดังไม่ง้อลูกค้าก็เรื่องของมัน ราคาแพงหน่อยไม่เป็นไรมันอร่อยนินา เรื่องเหล่านี้ก็จะพอทนได้หมด
ซึ่งถ้าโยงกับการลงทุนก็เหมือนกันครับ
1.Upside
2.ธรรมภิบาลผู้บริหาร
3.กระแสเงินสด
4.สัดส่วนหนี้สิน
5.ความแน่นอนของรายได้
6.อื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย
ซึ่งแต่ละคนก็ให้น้ำหนักของแต่ละจัวไม่เท่ากัน ซึ่งในมุมมองผมส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนต่างกัน แม้นความรู้จะเท่าๆกันก็ตาม หรือบางครั้งเราอาจจะเห็นพ่อค้าส้มตำที่อาจไม่มีความรู้เรื่องDetailแต่รู้เรื่องUpsideเก่งมาก ก็อาจจะมีผลตอบแทนที่สุงกว่า ดร.หลายๆท่านด้วยซ้ำ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 17
กัลยาณมิตรค่ะ
ลงทุนคนเดียวคิดคนเดียว เกิดกระบวนการเรียนรู้น้อย มุมมองไม่กว้างนัก
และยึดติดอัตตาค่ะ
ลงทุนคนเดียวคิดคนเดียว เกิดกระบวนการเรียนรู้น้อย มุมมองไม่กว้างนัก
และยึดติดอัตตาค่ะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- raiden
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 18
[quote="picklife"]อีกปัจจัยหนึ่งคือการให้น้ำหนัก ซึ่งเป็นเชิงปริมาณไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่
ผมขอยกตัวอย่างร้านขายข้าวสองร้านนะครับ
แล้วมาวิเคราะห์ให้คะแนนกัน ทุกอันคะแนนเต็ม10นะครับ
ผมขอยกตัวอย่างร้านขายข้าวสองร้านนะครับ
แล้วมาวิเคราะห์ให้คะแนนกัน ทุกอันคะแนนเต็ม10นะครับ
คนดี คนเก่ง คนรวย คนกล้าหาญ เป็นกันได้ โดยใช้คีย์บอร์ด
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 19
จ๊ากกกก มะจ๊ายยยก๊าบบบบบT^T พี่จายัดข้อหาหมิ่นพระบรมฯกะป๋มหรอใจร๊ายย T^Traiden เขียน:ฟังดูแหม่ง ๆ ไงไม่รู้เนอะpicklife เขียน:หรือบางครั้งเราอาจจะเห็นพ่อค้าส้มตำที่อาจไม่มีความรู้เรื่องDetailแต่รู้เรื่องUpsideเก่งมาก ก็อาจจะมีผลตอบแทนที่สุงกว่า ดร.หลายๆท่านด้วยซ้ำ
คือในmsnผมคุยกับเพื่อนหลายๆคน และหลายๆคนก็เป็นดร.กันทั้งนั้น แต่แต่ละกันมุมมองเรื่องหุ้นก็ยังตื้นมากครับ คือที่เล่าเพราะว่าคนไทยกลุ่มหนึ่ง(อาจจะไม่ใช่กลุ่มพวกเรานะ)ชอบมองว่าคนจบดร.ต้องเก่งไปหมด คนทำงานสายนี้ต้องเก่ง เด็กบัญชีต้องเก่ง แล้วเราจบแค่พาณิชย์จะไปสู้อะไรกับเขา ไม่เล่นหุ้นดีกว่า ซึ่งคนมองแบบนี้เยอะมากๆครับ ในสังคมภายนอก
ปล.ขออภัยคร๊าบบที่ทำให้พี่ๆเข้าใจผิดT^T
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 20
เหมือนที่ได้เป็นเพื่อนเจ้ฝน ผมต้องทำบุญมา10กว่าชาติแน๊ะ :PFon^^ เขียน:กัลยาณมิตรค่ะ
ลงทุนคนเดียวคิดคนเดียว เกิดกระบวนการเรียนรู้น้อย มุมมองไม่กว้างนัก
และยึดติดอัตตาค่ะ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 22
ความชำนาญจะไปเกิดได้อย่างไร ถ้าไม่เคยคิด ไม่เคยลงมือทำจริงpicklife เขียน:จ๊ากกกก มะจ๊ายยยก๊าบบบบบT^T พี่จายัดข้อหาหมิ่นพระบรมฯกะป๋มหรอใจร๊ายย T^Traiden เขียน:ฟังดูแหม่ง ๆ ไงไม่รู้เนอะpicklife เขียน:หรือบางครั้งเราอาจจะเห็นพ่อค้าส้มตำที่อาจไม่มีความรู้เรื่องDetailแต่รู้เรื่องUpsideเก่งมาก ก็อาจจะมีผลตอบแทนที่สุงกว่า ดร.หลายๆท่านด้วยซ้ำ
คือในmsnผมคุยกับเพื่อนหลายๆคน และหลายๆคนก็เป็นดร.กันทั้งนั้น แต่แต่ละกันมุมมองเรื่องหุ้นก็ยังตื้นมากครับ คือที่เล่าเพราะว่าคนไทยกลุ่มหนึ่ง(อาจจะไม่ใช่กลุ่มพวกเรานะ)ชอบมองว่าคนจบดร.ต้องเก่งไปหมด คนทำงานสายนี้ต้องเก่ง เด็กบัญชีต้องเก่ง แล้วเราจบแค่พาณิชย์จะไปสู้อะไรกับเขา ไม่เล่นหุ้นดีกว่า ซึ่งคนมองแบบนี้เยอะมากๆครับ ในสังคมภายนอก
ปล.ขออภัยคร๊าบบที่ทำให้พี่ๆเข้าใจผิดT^T
ผมไม่เห็นอะไรผิดปกติ กะข้อความที่เฮียเขียนนะ
ผมกลับชอบประเด็นนี้เสียอีก ที่กระตุ้นนักลงทุนให้กล้าคิด กล้าทำ
ในมุมมองที่ต่างออกไป เพื่อที่จะหาสไตล์การเล่นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและถูกจริตกะคนๆนั้นเอง
พี่ mon money บอกกับผมในชั้นเรียนว่า " การที่เราจะลงทุนสไตล์เดียวกับ
คนๆนึงได้สำเร็จ นั้น คุณต้องทำได้เหมือนคนๆนั้นทุกประการ หมายความว่า
นอกจากขั้นตอนที่เหมือนแล้ว คุณต้องสร้าง/จุดแข็งขึ้นมาแบบเดียวกับเค้าได้ หากคุณมีไม่ครบ ขาดตกไป ก็จะทำให้ผลตอบแทนออกมาต่างกับเค้าแล้ว "
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- raiden
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 25
เข้ามาช่วยเพิ่มเติมครับ
เพื่อนผมที่เป็น ดร. หลาย ๆ คนคำนวนเก่งอ่านหนังสือเยอะมาก บางคนจบจากเมืองนอกเมืองนา แต่ก็ตกม้าตายกับเรื่องหุ้น และ เรื่องง่าย ๆ หลายเรื่องเหมือนกัน
เพื่อนผมที่เป็น ดร. หลาย ๆ คนคำนวนเก่งอ่านหนังสือเยอะมาก บางคนจบจากเมืองนอกเมืองนา แต่ก็ตกม้าตายกับเรื่องหุ้น และ เรื่องง่าย ๆ หลายเรื่องเหมือนกัน
คนดี คนเก่ง คนรวย คนกล้าหาญ เป็นกันได้ โดยใช้คีย์บอร์ด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1317
- ผู้ติดตาม: 0
My House
โพสต์ที่ 26
ผมว่าที่ต่างกันระหว่างนักลงทุนคือ ลักษณะนิสัยและบุคลิกส่วนตัวนะครับ ผมว่ามันสำคัญมากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว การที่เราเห็นว่าเซียนๆเขาประสบความสำเร็จได้ยังไง ก่อนที่จะเลียนแบบเขาเราต้องดูตัวเองก่อนครับว่ามันใช่กับนิสัยการลงทุนของเราหรือไม่
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรคือความแตกต่างของนักลงทุน
โพสต์ที่ 29
มีข้อมูล แต่ใครจะเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลถูกต้องกว่ากัน
มีความรู้ แต่ใครจะนำความรู้มาใช้ได้ถูกต้องกว่ากัน
มีความขยัน แต่ใครจะนำความขยันมาใช้ได้ตรงจุดกว่ากัน
มีประสบการณ์ แต่ใครจะนำประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ได้ดีกว่ากัน
มีมิตร แต่ใครจะรู้ว่ามิตรน่าเชื่อถือได้แค่ไหน
มี EQ แต่ใครจะรู้ว่าควรเหมาะสมกับภาวะอารมณ์ไหน
มีเงินทุน แต่ใครจะสามารถจัดสรรลงทุนให้ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าูกว่ากัน
มีวิสัยทัศน์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมองเห็นอนาคตได้แม่นยำแค่ไหน
ทั้งหลายเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "ปัญญา"
มีความรู้ แต่ใครจะนำความรู้มาใช้ได้ถูกต้องกว่ากัน
มีความขยัน แต่ใครจะนำความขยันมาใช้ได้ตรงจุดกว่ากัน
มีประสบการณ์ แต่ใครจะนำประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ได้ดีกว่ากัน
มีมิตร แต่ใครจะรู้ว่ามิตรน่าเชื่อถือได้แค่ไหน
มี EQ แต่ใครจะรู้ว่าควรเหมาะสมกับภาวะอารมณ์ไหน
มีเงินทุน แต่ใครจะสามารถจัดสรรลงทุนให้ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าูกว่ากัน
มีวิสัยทัศน์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมองเห็นอนาคตได้แม่นยำแค่ไหน
ทั้งหลายเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "ปัญญา"