คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 1
วอลุ่มตลาดโตขึ้นจากระดับสามหมื่นล้านต่อวัน
มาเล่นกันที่ระดับสี่หมื่นล้าน
วันนี้เล่นกัน49,xxxล้าน
หากวอลุ่มตลาดยืนได้ที่ระดับนี้ต่อเนื่อง
กลุ่มนี้คงกำไรดี
ผมเห็นราคาหุ้นกลุ่มนี้หลายตัว
ปรับตัวขึ้นแรง ผมสนใจเข้าไปลงทุน
อยากถามความคิดเห็นว่า คุณคิดเห็นอย่างไร
กับอนาคตของหุ้นกลุ่มนี้ครับ
และมันน่าลงทุน มากน้อยเพียงใดครับ
มาเล่นกันที่ระดับสี่หมื่นล้าน
วันนี้เล่นกัน49,xxxล้าน
หากวอลุ่มตลาดยืนได้ที่ระดับนี้ต่อเนื่อง
กลุ่มนี้คงกำไรดี
ผมเห็นราคาหุ้นกลุ่มนี้หลายตัว
ปรับตัวขึ้นแรง ผมสนใจเข้าไปลงทุน
อยากถามความคิดเห็นว่า คุณคิดเห็นอย่างไร
กับอนาคตของหุ้นกลุ่มนี้ครับ
และมันน่าลงทุน มากน้อยเพียงใดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 221
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 3
กลุ่มหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น ทำให้กำไรลดลงเยอะพอสมควร
คิดว่าวอลุ่ม เทรดที่มากขนาดนี้อาจไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของกำไรอย่างมีนัยสำคัญนัก
ตอนนี้โบรกฯ ทำกำไรจากการเข้าเทรดเองอย่างที่เรารู้จักกันว่า prop-trade จ้ะ
คิดว่าวอลุ่ม เทรดที่มากขนาดนี้อาจไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของกำไรอย่างมีนัยสำคัญนัก
ตอนนี้โบรกฯ ทำกำไรจากการเข้าเทรดเองอย่างที่เรารู้จักกันว่า prop-trade จ้ะ
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 5
โทษทีพิมพ์ตกไป เปิดเสรีครับtodsapon เขียน:ปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น เริ่มเมื่อไรครับ
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 26
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 6
ต้องบอกว่าเป็นกลุ่มที่คาดเดาผลประกอบการลำบาก
หลักทรัพย์มีรายได้หลัก 3 ทาง คือ
1. คอมมิชชั่น
2. ค่ารับจ้างจัดจำหน่ายหุ้น
3. กำไรขาดทุนจากพอร์ตของตัวเอง
ประเมินได้มั้ยคะ ว่าแต่ละขาจะมีรายรับเท่าไหร่
ค่าคอมเสรี เปิดปี 55 ทำให้รายได้ส่วนที่ 1 ดูจะโตได้ลำบาก แต่ก็พออ้างอิงจากปริมาณลูกค้ารายย่อย vs. รายใหญ่ของแต่ละโบรกได้
ส่วนที่ 2 ก็ไปได้ตามสภาวะตลาดค่ะ
ส่วนที่ยากที่สุดคือ ตัวสุดท้ายนี่แหละค่ะ ทำให้ตีไม่แตกตัวไหนเลย แต่ถ้าตลาดขาขึ้นจริง พอร์ตโบรกคงไม่ขาดทุนหรอก (มั้ง) :lol:
หลักทรัพย์มีรายได้หลัก 3 ทาง คือ
1. คอมมิชชั่น
2. ค่ารับจ้างจัดจำหน่ายหุ้น
3. กำไรขาดทุนจากพอร์ตของตัวเอง
ประเมินได้มั้ยคะ ว่าแต่ละขาจะมีรายรับเท่าไหร่
ค่าคอมเสรี เปิดปี 55 ทำให้รายได้ส่วนที่ 1 ดูจะโตได้ลำบาก แต่ก็พออ้างอิงจากปริมาณลูกค้ารายย่อย vs. รายใหญ่ของแต่ละโบรกได้
ส่วนที่ 2 ก็ไปได้ตามสภาวะตลาดค่ะ
ส่วนที่ยากที่สุดคือ ตัวสุดท้ายนี่แหละค่ะ ทำให้ตีไม่แตกตัวไหนเลย แต่ถ้าตลาดขาขึ้นจริง พอร์ตโบรกคงไม่ขาดทุนหรอก (มั้ง) :lol:
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 7
ปี55เต็มรูปแบบครับtodsapon เขียน:โทษทีพิมพ์ตกไป เปิดเสรีครับtodsapon เขียน:ปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น เริ่มเมื่อไรครับ
ปี53เริ่มมาบางบล.เริ่มใช้แบบขั้นบันได แต่รายย่อยมากๆยังเหมือนเดิมครับ
หลังจากปี55 คงปล่อยอิสระ100% ค่าคอมรายย่อยอาจจะลดลงได้ เพราะค่าเฉลียของค่าคอมทั่วโลกต่ำกว่าของบ้านเราครับ
แต่ถ้าจะดูให้ชัดต้องดูค่าคอมเพื่อนบ้านครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 8
เรื่องค่าคอมผมมองแบบนี้ครับ (ลองช่วยๆกันปรับตัวเลขตามความเหมาะสมนะครับ)
1.ปัจจัยบวกจากการวอลุ่มที่อยู๋ในระดับ3-5พันล้าน รายได้น่าจะโตมากๆ
Part1.ลองประเมินกันเล่นๆว่าโต50% 10% 10% (ปี53 54 55)
2.ปัจจัยลบเปิดเสรีค่าคอม จาก0.25 ไป0.17 (ค่าคอมเฉลี่ย0.1653)
Part2.ลองประเมินกันเล่นๆว่าโต -13% -13% -13% (ปี53 54 55)
3.ปัจจัยบวกจากการแย่งMarketshareของรายใหญ่(ในกรณีเราเล่นรายใหญ่นะครับ อิอิ) เพราะรายเล็กๆจะต้องตายไปเรื่อยๆ บางอันก็ควบรวม ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่No1-10 มีมาร์เกตุแชร์ไม่มาก อยู่ในระดับ2-12.5 ซ฿งถือว่าดีเพราะมาร์เกตุแชร์กระจายหลายๆบล. ถ้ากระจุกตัวคงแย่งมาร์เกตุแชร์กันยากกว่านี้
Part3.ลองประเมินการแย่งมาร์เกตุแชร์ของรายใหญ่ 16% 8% 8%
4.ปัจจัยบวกจากการเพิ่มของProduct ซึ่งถ้าหากเราเรามองอเมริกาเป็นตัวอย่างจะพบว่า รายได้จากการเทรดหุ้นนั้นน้อยมากๆๆ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเทรดอนุพันธ์เป็นหลัก เพราะถ้าหุ้นอย่างเดียวไม่พอกิน ดังนั้นแนวโน้มของตลาดในอนาคตก็จะรุกเกี่ยวกับตลาดอนุพันธ์มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางตลาดก็เตรียมออกProductใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นน้ำมันก็วางกันอยู่ ต่อไปก็จะมีมาอีกเรื่อยๆ
ซึ่งตลาดบ้านเรามุลค่าการเทรดอนุพันธ์นั้นน้อยมาก ซึ่งทำให้มองว่ามีโอกาสโตไปได้อีกมาก และยิ่งยุคเบบี้บลูค่อยๆหมดไป ยุคGenXค่อยๆน้อยลง ยุคGenYค่อยๆมากขึ้น ทำให้แนวโน้มตลาดนี้สามารถโตไปได้อีกไกล ซึ่งมุมมองผมว่าไม่เกิน10ปี รายได้จากการเทรดอนุพันธ์น่าจะพอๆกับรายได้จาการเทรดหุ้น(อย่าลืมว่าค่าคอมของการเทรดอนุพันมากกว่าหุ้นเยอะมากสำหรับเงินลงทุนปริมาณเท่าๆกัน) ซึ่งถ้าฟอแคสโต1เท่าใน10ปี ก็จะโตประมาณปีละ8%เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น
Part4.ลองประเมินการเติบโตของตลาดอนุพันธ์ 1% 1.5% 4%
5.ปัจจัยลบจากการเปิดเสรี ทำให้สามารถมีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาได้ง่าย(ประเมินค่ายากตีเป็นเชิงคุณภาพเก็บไว้ในใจ)
6.ปัจจัยบวกเมื่อเปิดเสรีทำให้สามารถมีคนมาสร้างตลาดหลักทรัพย์แห่งที่2และ3ได้ ดังนั้นนโยบายการบริหารงานจะเปลี่ยนเชิงรุกเน้นตัวเลขแล้วลดเรื่องจรรยาบรรลง(ประเมินค่ายากตีเป็นเชิงคุณภาพเก็บไว้ในใจ)
7.ยังนึกไม่ออกใครยึกออกช่วยกันแชร์นะครับ
สรุปครับลองสรุปกันดูครับ
53 54 55
Part1. 50% 10% 10%
Part2. -13% -13% -13%
Part3. 16% 8% 8%
Part4. 1% 1.5% 4%
Total 54% 6.5% 9%
ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวมากๆ แต่อยากเอาออกมาแชร์ เพื่อจะได้ช่วยๆกัยนวิจารณ์ครับ
1.ปัจจัยบวกจากการวอลุ่มที่อยู๋ในระดับ3-5พันล้าน รายได้น่าจะโตมากๆ
Part1.ลองประเมินกันเล่นๆว่าโต50% 10% 10% (ปี53 54 55)
2.ปัจจัยลบเปิดเสรีค่าคอม จาก0.25 ไป0.17 (ค่าคอมเฉลี่ย0.1653)
Part2.ลองประเมินกันเล่นๆว่าโต -13% -13% -13% (ปี53 54 55)
3.ปัจจัยบวกจากการแย่งMarketshareของรายใหญ่(ในกรณีเราเล่นรายใหญ่นะครับ อิอิ) เพราะรายเล็กๆจะต้องตายไปเรื่อยๆ บางอันก็ควบรวม ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่No1-10 มีมาร์เกตุแชร์ไม่มาก อยู่ในระดับ2-12.5 ซ฿งถือว่าดีเพราะมาร์เกตุแชร์กระจายหลายๆบล. ถ้ากระจุกตัวคงแย่งมาร์เกตุแชร์กันยากกว่านี้
Part3.ลองประเมินการแย่งมาร์เกตุแชร์ของรายใหญ่ 16% 8% 8%
4.ปัจจัยบวกจากการเพิ่มของProduct ซึ่งถ้าหากเราเรามองอเมริกาเป็นตัวอย่างจะพบว่า รายได้จากการเทรดหุ้นนั้นน้อยมากๆๆ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเทรดอนุพันธ์เป็นหลัก เพราะถ้าหุ้นอย่างเดียวไม่พอกิน ดังนั้นแนวโน้มของตลาดในอนาคตก็จะรุกเกี่ยวกับตลาดอนุพันธ์มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางตลาดก็เตรียมออกProductใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นน้ำมันก็วางกันอยู่ ต่อไปก็จะมีมาอีกเรื่อยๆ
ซึ่งตลาดบ้านเรามุลค่าการเทรดอนุพันธ์นั้นน้อยมาก ซึ่งทำให้มองว่ามีโอกาสโตไปได้อีกมาก และยิ่งยุคเบบี้บลูค่อยๆหมดไป ยุคGenXค่อยๆน้อยลง ยุคGenYค่อยๆมากขึ้น ทำให้แนวโน้มตลาดนี้สามารถโตไปได้อีกไกล ซึ่งมุมมองผมว่าไม่เกิน10ปี รายได้จากการเทรดอนุพันธ์น่าจะพอๆกับรายได้จาการเทรดหุ้น(อย่าลืมว่าค่าคอมของการเทรดอนุพันมากกว่าหุ้นเยอะมากสำหรับเงินลงทุนปริมาณเท่าๆกัน) ซึ่งถ้าฟอแคสโต1เท่าใน10ปี ก็จะโตประมาณปีละ8%เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น
Part4.ลองประเมินการเติบโตของตลาดอนุพันธ์ 1% 1.5% 4%
5.ปัจจัยลบจากการเปิดเสรี ทำให้สามารถมีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาได้ง่าย(ประเมินค่ายากตีเป็นเชิงคุณภาพเก็บไว้ในใจ)
6.ปัจจัยบวกเมื่อเปิดเสรีทำให้สามารถมีคนมาสร้างตลาดหลักทรัพย์แห่งที่2และ3ได้ ดังนั้นนโยบายการบริหารงานจะเปลี่ยนเชิงรุกเน้นตัวเลขแล้วลดเรื่องจรรยาบรรลง(ประเมินค่ายากตีเป็นเชิงคุณภาพเก็บไว้ในใจ)
7.ยังนึกไม่ออกใครยึกออกช่วยกันแชร์นะครับ
สรุปครับลองสรุปกันดูครับ
53 54 55
Part1. 50% 10% 10%
Part2. -13% -13% -13%
Part3. 16% 8% 8%
Part4. 1% 1.5% 4%
Total 54% 6.5% 9%
ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวมากๆ แต่อยากเอาออกมาแชร์ เพื่อจะได้ช่วยๆกัยนวิจารณ์ครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 10
คิดว่าเจ็บใจเล็กน้อย ตอนผมมาดูทั้งกลุ่ม มีหุ้น Nets net ตามสูตรเกรแฮมอยู่ถึง4ตัว และตัวที่น่าสนใจอีก3
ผมก็มัวแต่ชักช้า ไม่ไปโอนเงินให้โบรค มัวมาเช็ค56-1 งบการเงิน และหมายเหตุ เพื่อยืนยันความมั่นใจ มาดูเมื่อวาน ไอหยา
Nets net หายไปไหนแล้ววะ
แถมไออีก3ตัวราคาพุ่งปรี๊ดอีกกว่า 10%
เป็นข้อเตือนใจผมถึงการลงมือช้า ทำให้พลาดโอกาส
ผมก็มัวแต่ชักช้า ไม่ไปโอนเงินให้โบรค มัวมาเช็ค56-1 งบการเงิน และหมายเหตุ เพื่อยืนยันความมั่นใจ มาดูเมื่อวาน ไอหยา
Nets net หายไปไหนแล้ววะ
แถมไออีก3ตัวราคาพุ่งปรี๊ดอีกกว่า 10%
เป็นข้อเตือนใจผมถึงการลงมือช้า ทำให้พลาดโอกาส
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 11
แค่เวบนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว สมัยก่อนไม่มีการพูดคุยหุ้นโบรก มีแต่น้อยมากๆpicklife เขียน:ซึ่งตลาดบ้านเรามุลค่าการเทรดอนุพันธ์นั้นน้อยมาก ซึ่งทำให้มองว่ามีโอกาสโตไปได้อีกมาก และยิ่งยุคเบบี้บลูค่อยๆหมดไป ยุคGenXค่อยๆน้อยลง ยุคGenYค่อยๆมากขึ้น
- manza125
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 12
คุณ picklife วิเคราะห์ดีจัง :D
ไอเราวิเคราะห์ไม่เก่ง แต่ให้ความเห็นแบบนี้ครับ (คนละมุมกับคุณ picklife นะครับ)
กลุ่มหลักทรัพย์อยู่ในกลุ่มหลักการเงิน
ซึ่งดอกเบี้ยขึ้น ก็จะได้ผลพลอยได้จากการเล่นมาร์จิ้นส่วนหนึงด้วย
(แต่กำไรหลักมาจากค่าคอมฯ)
ทีนี้ ผมขอให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักทรัพย์บางตัวหน่อยนะครับ
ตัวแรก คือ ตัวที่ส่วนแบ่งการตลอดอันดับหนึ่งมายาวนาน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมจับตาดูตั้งแต่ไตรมาส 2 เมื่อมีการเก็บขั้นต่ำ (วันละ 50 บาท) ผลประกอบการลดลงเล็กน้อย แต่ถ้าไปดูเงินหรือลูกหนี้ในงบการเงินแล้ว ลดลงอย่างมากครับ ผมเลยคิดว่า ณ ตอนนี้ ไม่ว่าราคาไหนก็แพง เพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงตัวบริษัท หรือภาษาธุรกิจเรียกว่า break point (ถ้าจำไม่ผิดนะ :P )
ตัวที่สอง ตัวที่คุณ picklife ถือนั้นแหละ :lol: จากการที่ไม่มีค่าขั้นต่ำ และมีโปรแกรมใหม่มา ทำให้คนลองใช้กันเยอะในไตรมาส 2 และก็เป็นผลดี กำไรขึ้นเยอะ ส่วนแบ่งการตลอดก็อยู่อันดับต้นๆ (ถ้าจำไม่ผิด อันดับ 3) แต่ระวังนิดนึงคือ เดือนมกราคม ปีหน้า จะมีขั้นต่ำ 50 บาท และอาจจะเป็นภาวะเดียวกับอันดับ 1 ก็ได้ครับ
(แต่ในตอนนี้ อันดับ 1 เค้าก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ขึ้นทุกวันๆ :twisted: )
ยังมีอีก 2 ตัวที่ไม่ได้พูด เพราะขี้เกลียดพิมพ์และ 5555
เอาเป็นว่า รูปนี้คงช่วยบอกอะไรได้บ้าง
(ขาย = หลักทรัพย์ได้เงิน
ซื้อ = หลักทรัพย์รอรับเงิน )
แต่ถ้าในระยะยาวจริงๆ ยังไงก็คุ้มค่าแก่การลงทุนครับ
ไอเราวิเคราะห์ไม่เก่ง แต่ให้ความเห็นแบบนี้ครับ (คนละมุมกับคุณ picklife นะครับ)
กลุ่มหลักทรัพย์อยู่ในกลุ่มหลักการเงิน
ซึ่งดอกเบี้ยขึ้น ก็จะได้ผลพลอยได้จากการเล่นมาร์จิ้นส่วนหนึงด้วย
(แต่กำไรหลักมาจากค่าคอมฯ)
ทีนี้ ผมขอให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักทรัพย์บางตัวหน่อยนะครับ
ตัวแรก คือ ตัวที่ส่วนแบ่งการตลอดอันดับหนึ่งมายาวนาน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมจับตาดูตั้งแต่ไตรมาส 2 เมื่อมีการเก็บขั้นต่ำ (วันละ 50 บาท) ผลประกอบการลดลงเล็กน้อย แต่ถ้าไปดูเงินหรือลูกหนี้ในงบการเงินแล้ว ลดลงอย่างมากครับ ผมเลยคิดว่า ณ ตอนนี้ ไม่ว่าราคาไหนก็แพง เพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงตัวบริษัท หรือภาษาธุรกิจเรียกว่า break point (ถ้าจำไม่ผิดนะ :P )
ตัวที่สอง ตัวที่คุณ picklife ถือนั้นแหละ :lol: จากการที่ไม่มีค่าขั้นต่ำ และมีโปรแกรมใหม่มา ทำให้คนลองใช้กันเยอะในไตรมาส 2 และก็เป็นผลดี กำไรขึ้นเยอะ ส่วนแบ่งการตลอดก็อยู่อันดับต้นๆ (ถ้าจำไม่ผิด อันดับ 3) แต่ระวังนิดนึงคือ เดือนมกราคม ปีหน้า จะมีขั้นต่ำ 50 บาท และอาจจะเป็นภาวะเดียวกับอันดับ 1 ก็ได้ครับ
(แต่ในตอนนี้ อันดับ 1 เค้าก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ขึ้นทุกวันๆ :twisted: )
ยังมีอีก 2 ตัวที่ไม่ได้พูด เพราะขี้เกลียดพิมพ์และ 5555
เอาเป็นว่า รูปนี้คงช่วยบอกอะไรได้บ้าง
(ขาย = หลักทรัพย์ได้เงิน
ซื้อ = หลักทรัพย์รอรับเงิน )
แต่ถ้าในระยะยาวจริงๆ ยังไงก็คุ้มค่าแก่การลงทุนครับ
------------------------------
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
- Jazzman
- Verified User
- โพสต์: 388
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 13
ผมคิดว่าเราควรจัด หุ้นกลุ่มบจก.หลักทรัพย์ อยู่ในกลุ่มหุ้นแบบไหนซะก่อน
บริษัทหลักทรัพย์นั้นน่าจะอยู่ในกลุ่ม หุ้นโตช้า และอุตสหกรรมเริ่มอิ่มตัว
การขยายตัวทางรายได้นั้น มาจากการ ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น จาก นลท ใหม่ และ เก่าที่ย้านโบรค. ที่นี้การลงทุนของบจก นั้น ก็ควรดุย้อนหลังว่าสามารถทำผลงานได้ดีอย่างยาวนานรึเปล่า
ผมคิดเรา ถ้า PE ต่ำ และปันผลสูง 8-12% up อย่างต่อเนื่อง นี่ก็ยังลงทุนได้ แต่คงไม่ให้ captital gain สูงๆ อย่างที่คาดหวัง
บริษัทหลักทรัพย์นั้นน่าจะอยู่ในกลุ่ม หุ้นโตช้า และอุตสหกรรมเริ่มอิ่มตัว
การขยายตัวทางรายได้นั้น มาจากการ ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น จาก นลท ใหม่ และ เก่าที่ย้านโบรค. ที่นี้การลงทุนของบจก นั้น ก็ควรดุย้อนหลังว่าสามารถทำผลงานได้ดีอย่างยาวนานรึเปล่า
ผมคิดเรา ถ้า PE ต่ำ และปันผลสูง 8-12% up อย่างต่อเนื่อง นี่ก็ยังลงทุนได้ แต่คงไม่ให้ captital gain สูงๆ อย่างที่คาดหวัง
ลงทุนในสิ่งที่เพิ่ม " ค่า " ไปเรื่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 14
บางตัวผมว่าจัดอยู่ในกลุ่มทรัพย์สินมาก
อุตสาหกรรมถือว่าตะวันตกดิน
ต้องเล็งซื้อถูกแบบเงินสดลดราคา ตอนนี้ผมก็ถือเก็งกำไรอยู่ถึงหกตัว
(รู้ตัวนะว่ากำลังเก็งกำไร ถือหกตัวแต่ก็แค่ตัวละ1%ของพอร์ท)
เก็งกำไรว่าแมงเม่าจะทะลักเข้ามาในตลาด ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นชั่วคราว
เก็งถูกคงได้นิดหน่อย เก็งผิดก็คงเสมอตัว เพราะซื้อมาราคาแบบว่า
2/3 ของ Nets net
อุตสาหกรรมถือว่าตะวันตกดิน
ต้องเล็งซื้อถูกแบบเงินสดลดราคา ตอนนี้ผมก็ถือเก็งกำไรอยู่ถึงหกตัว
(รู้ตัวนะว่ากำลังเก็งกำไร ถือหกตัวแต่ก็แค่ตัวละ1%ของพอร์ท)
เก็งกำไรว่าแมงเม่าจะทะลักเข้ามาในตลาด ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นชั่วคราว
เก็งถูกคงได้นิดหน่อย เก็งผิดก็คงเสมอตัว เพราะซื้อมาราคาแบบว่า
2/3 ของ Nets net
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 16
เป็นกลุ่มที่ควรจะดี :lol:
ถ้าไม่เพราะมีเรื่องเปิดเสรี ค่าคอม คงเป็นกลุ่มที่ turn around อย่างแรง :lol:
ปล. กลุ่มที่ ทีม IB เก่งๆ น่าจะทำรายได้ได้ดีนะครับ ดีล M&A กับ ระดมทุนกำลังเข้าเลย
เพื่อนผมที่ทำ IB ที่ TISCO บอกว่า ปีนี้ได้โบนัส 10 เดือน (แต่ถ้าอยู่ในทีมที่ปิดดีลใหญ่ๆได้ จะได้อีกเรทนึง)
ถ้าไม่เพราะมีเรื่องเปิดเสรี ค่าคอม คงเป็นกลุ่มที่ turn around อย่างแรง :lol:
ปล. กลุ่มที่ ทีม IB เก่งๆ น่าจะทำรายได้ได้ดีนะครับ ดีล M&A กับ ระดมทุนกำลังเข้าเลย
เพื่อนผมที่ทำ IB ที่ TISCO บอกว่า ปีนี้ได้โบนัส 10 เดือน (แต่ถ้าอยู่ในทีมที่ปิดดีลใหญ่ๆได้ จะได้อีกเรทนึง)
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4246
- ผู้ติดตาม: 0
คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกลุ่มหลักทรัพย์ครับ
โพสต์ที่ 17
พวกหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์เนี่ยมันมีเรื่องใบอนุญาติมาเกี่ยวด้วยครับ
เมื่อก่อนใครอยากจะเปิดหลักทรัพย์นี่ ค่าใบอนุญาติอย่างเดียวก็เยอะแล้วนะครับ
แล้วขอใหม่มักจะไม่ได้ด้วยต้องไปซื้อตอนคนอื่นมา แนวๆโดนคุมกำเนิดเหมือนอาบอบนวด
แต่พอปี 2555 เปิดเสรีปุ๊บ นอกจากค่าคอมเสรีแล้ว ใครอยากเปิดก็เปิดได้อีก -_-'
จะกลายเป็นพวกหลักทรัพย์ก็จะต้องแข่งกันที่ปล่อยสินเชื่อ (margin)ซื้อหุุ้น
หรือไม่ก็ทำ IB ทำ IPO ทำ M&A พวกนี้แทนครับ
ในต่างประเทศนี่พวก research ของบริษัทต่างๆที่ออกๆมาเนี่ย ต้องจ่ายเงินซื้อกันเลยนะครับ
เมื่อก่อนใครอยากจะเปิดหลักทรัพย์นี่ ค่าใบอนุญาติอย่างเดียวก็เยอะแล้วนะครับ
แล้วขอใหม่มักจะไม่ได้ด้วยต้องไปซื้อตอนคนอื่นมา แนวๆโดนคุมกำเนิดเหมือนอาบอบนวด
แต่พอปี 2555 เปิดเสรีปุ๊บ นอกจากค่าคอมเสรีแล้ว ใครอยากเปิดก็เปิดได้อีก -_-'
จะกลายเป็นพวกหลักทรัพย์ก็จะต้องแข่งกันที่ปล่อยสินเชื่อ (margin)ซื้อหุุ้น
หรือไม่ก็ทำ IB ทำ IPO ทำ M&A พวกนี้แทนครับ
ในต่างประเทศนี่พวก research ของบริษัทต่างๆที่ออกๆมาเนี่ย ต้องจ่ายเงินซื้อกันเลยนะครับ
_________