สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 1
เท่าที่อ่านประวัติ Buffet เงินลงทุนเริ่มแรกเค้า 150,000 เหรียญ แต่ตอนนี้ทรัพย์เค้า 20,000 ล้านเหรียญได้ ส่วนดร.นิเวศน์ เงินลงทุนเริ่มแรก 10 ล้านบาท ตอนนี้ 900 ล้านบาทได้ ผมก็ลงทุนใน SET50 ช่วงตอนที่ SET พื้นตัวตอนสัก 500 จุดได้ ตอนนี้ก็ 900 กว่า ได้กำไรประมาณ 40% กว่าได้ ก็สมเหตุสมผลดี ที่นี่ผมมาลองมอง Buffet/ดร.นิเวศน์ ท่าคิดง่ายๆการที่เค้าทำกำไรได้ขนาดนี้ตลาดมันต้องโตเกือบ 100 เท่าได้ ซึ่งมันไม่เกิดขึ้น ผมเลยมองไม่ออกว่าเค้าทำกำไรขนาดนั้นได้ยังไงกัน ใครพอชี้แนะได้บ้างไหมครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 2
ดร.เค้าไม่ได้ลงทุนในดัชชี เอาเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของดัชนีมาเทียบไม่ได้
สงสัยเรื่องใดขอให้ไปหาหนังสือที่ดร.เขียนแล้วจะเข้าใจเองครับ
สงสัยเรื่องใดขอให้ไปหาหนังสือที่ดร.เขียนแล้วจะเข้าใจเองครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
- sorn adis
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 295
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 3
ผลจากการอ่านขาดในการเลือกธุรกิจที่จะลงทุนและผลของกำไรทบต้นในระยะยาวครับ
ปู่บัฟได้ผลกำไรต่อปีเฉลี่ยไม่ถึง 25% แต่จะมีใครอ่านเกมส์ได้เฉียบขาดแบบท่าน ที่สามารถทำผลตอบแทนระดับนี้ได้ยาวนานต่อเนื่องกัน
ปู่บัฟได้ผลกำไรต่อปีเฉลี่ยไม่ถึง 25% แต่จะมีใครอ่านเกมส์ได้เฉียบขาดแบบท่าน ที่สามารถทำผลตอบแทนระดับนี้ได้ยาวนานต่อเนื่องกัน
คาถาลงทุน
BuVaPiCaMos
BuVaPiCaMos
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 4
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ก่อนเกิดวิกฤติ
ดัชนีหุ้นไทย
850 จุด
PTT 400 กว่าบาท
CPALL 10 บาท
วันนี้
ดัชนี 930 จุด เพิ่มขึ้นประมาณ 10%
PTT 300 บาท ลบ 25%
CPALL 38 บาท บวก 380%
ดร. ลงทุนใน CPALL
ทีนี้คงพอจะไขความกระจ่างได้นะครับ
ดัชนีหุ้นไทย
850 จุด
PTT 400 กว่าบาท
CPALL 10 บาท
วันนี้
ดัชนี 930 จุด เพิ่มขึ้นประมาณ 10%
PTT 300 บาท ลบ 25%
CPALL 38 บาท บวก 380%
ดร. ลงทุนใน CPALL
ทีนี้คงพอจะไขความกระจ่างได้นะครับ
- aviruth
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 6
พระเอกน่าจะเป็นการลงทุนแบบทบต้นครับ เพราะ ดร ไม่ได้เอากำไรออกไปแต่กลับเอามาลงทุนเพิ่มตลอด ถ้าจำไม่ผิดแกน่าจะได้ประมาณ 39 % แบบทบต้นตลอด 13 ปีนี้ ลองคำนวนดูก็ได้ครับ เอาสิบคูณ 1.39 ไปเรื่อยๆ 13 ครั้ง อีกอย่างปีที่แล้วก็ก็ใช้ margin ด้วยเลยโต สองเท่า
อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างด้วยการทำแบบเดิม
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 7
ผลตอบแทนทบต้น นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ครับ
ถ้ามีคนทำผลตอบแทนได้พอๆกับวอเรนคือ26เปอร์เซนต์ทบต้น 10 จะได้10 เท่า 20ปี จะได้10เท่าของ10คือ 100 พอ30ปีจะได้10เท่าของ100 ก็คือ 1000 ถ้า40ปีก็10000เท่า พอๆกับที่วอเรนมี
เพราะฉะนั้นอย่าโลภมากเลยครับ ได้ปีหนึ่ง26เปอร์เซนต์ทบต้นนี่สุดยอดวิเศษมากๆแล้วครับ
ถ้ามีคนทำผลตอบแทนได้พอๆกับวอเรนคือ26เปอร์เซนต์ทบต้น 10 จะได้10 เท่า 20ปี จะได้10เท่าของ10คือ 100 พอ30ปีจะได้10เท่าของ100 ก็คือ 1000 ถ้า40ปีก็10000เท่า พอๆกับที่วอเรนมี
เพราะฉะนั้นอย่าโลภมากเลยครับ ได้ปีหนึ่ง26เปอร์เซนต์ทบต้นนี่สุดยอดวิเศษมากๆแล้วครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- EvolutionX
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 8
ผมเคย เก็บ บทความนี้มาจากไหน จำไม่ได้ นานแล้ว
---------------------------------------------------------------------
สมัยเด็กท่านเป็นเด็กวัดดอน วัดที่ผีดุที่สุด นั่นเอง ฐานะทางบ้านไม่สู้จะดีนัก ท่านได้อดทนศึกษาเล่าเรียนมาตลอด หลังจากเรียนจบปริญญาเอก ท่านได้ทำงานในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และเป็นผู้บริหารเรื่อยมา ระหว่างนั้นท่านก็มีเส้นทางการลงทุนไม่ต่างกับหลายๆ คน คือ เล่นหุ้น แต่ท่านบอกว่า ท่านโชคดีหน่อยที่อยู่ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จึงรู้เห็นถึงวิกฤติที่กำลังเริ่มก่อตัว
หลังจากเกิดวิกฤติ ท่านได้รวบรวมเงินสะสมจากการทำงานประมาณ 10 ล้านบาท มาลงทุนแบบเน้นมูลค่า ปัจจุบันนี้เงินลงทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาทนั้น ได้เพิ่มมูลค่าขึ้นมากกว่า 300 ล้านบาท (จากการประมาณการตามข่าว) และเงินปันผลต่อปี ประมาณ 10 ล้านบาท ท่านบอกว่าเงินปันผลต่อปีก็ประมาณ 3-4%ของมูลค่าเงินลงทุนปัจจุบัน
ท่านได้ให้หลักการลงทุนตามแบบฉบับของท่านไว้อย่างน่าจดจำซึ่งผมขอทำหน้าที่สรุปไว้ดังนี้ครับ
การลงทุนของท่านมิได้ซับซ้อนอะไรมาก ท่านเป็นพ่อบ้านที่ดี ในวันหยุดท่านจะเป็นผู้พาครอบครัวไปจ่ายตลาด และนั่นเป็นการวิเคราะห์หากิจการที่น่าลงทุนอย่างดี ท่านได้เห็นกิจการที่ภายหลังท่านได้เข้าลงทุน เช่น Wacoal เสริมสุข และแม้กระทั่งกิจการที่ท่านสนใจในปัจจุบัน ท่านใช้วิธีเดินสำรวจ พูดคุยกับผู้ซื้อ และกลับมาหาข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น
เมื่อท่านได้รับข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ว่ากิจการนี้แหละ... ใช่เลย
ท่านจึงมาดูที่ราคา ท่านจะอดทนรอให้ราคาลงมาจนปลอดภัยเพียงพอที่จะซื้อ ท่านบอกว่า ส่วนมากแล้วในเวลาที่ท่านซื้อไม่ค่อยมีใครแย่งท่านซื้อหรอก ท่านก็ซื้ออย่างสบายใจทุกครั้ง เพราะกิจการที่ท่านมองเอาไว้มักจะเป็นกิจการที่ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ
เท่าที่ฟังท่าน อ.นิเวศน์ เล่าให้ฟังนั้น ท่านจะพยายามมองแนวโน้มไปในอนาคตว่า ธุรกิจไหนกำลังจะไปได้ดี ไม่ต้องอะไรมากให้คิดเองว่าเราเองและครอบครัวมีพฤติกรรมการใช้สอยอย่างไร และลองดูคนอื่นประกอบว่าโดยรวมเป็นอย่างนั้นไหม
ตัวอย่างธุรกิจที่ท่านมองแนวโน้มได้อย่างถูกต้อง เช่น ในตอนวิกฤติก็ต้องธุรกิจส่งออก ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจดีขึ้นแล้วพฤติกรรมของคนเริ่มเปลี่ยน นิยมจับจ่ายใช้สอยในสถานที่ที่สะดวก และมีสินค้าที่ต้องการครบถ้วน
นั่นคือ ที่มาของความสนใจในธุรกิจค้าปลีก ซูเปอร์สโตร์ และแม้กระทั่งธุรกิจอาหารจานด่วน ท่านก็ใช้หลักการเดียวกันกับที่ท่านทำมาโดยตลอด
ท่านบอกเราว่า อะไรที่ในอดีตทำมาสำเร็จและอยู่ยาวนานมาจนปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นของดีทั้งนั้น ไม่เชื่อลองดู สินค้าหลายๆ อย่างในตลาด ภรรยาที่อยู่กับเรามายาวนานก็ดี เพื่อนเก่าที่คบกันมานานๆ ก็ดี และในฐานะผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ ผมก็ขอยืนยันตามท่านโดยเฉพาะเรื่องภรรยาครับว่า ถูกต้องที่สุด
ในเรื่องของหุ้นในธุรกิจที่เป็นวัฏจักรนั้น ท่านบอกว่าท่านหลีกเลี่ยง เพราะว่ากำไรที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดสดใสนั้น ไม่ใช่สภาวะปกติที่มันควรจะเป็น สิ่งที่มันควรจะเป็นต้องเป็นในช่วงที่สภาวะทุกอย่างมันไม่ได้เฟื่องฟูจนเกินเหตุ บริษัทไหนในช่วงวิกฤติอยู่ได้และมีกำไรนั่นแหละเป็นสภาวะปกติ แต่ถ้าในช่วงนั้นย่ำแย่ก็ให้รู้ไว้ว่า นั่นก็คือสภาวะจริงๆของมันเช่นกัน ส่วนนี้เมื่อเทียบกับตัวเราได้เช่นกัน
ในช่วงที่เฟื่องฟูก็ใช้จ่ายเกินตัว ในช่วงปกติก็ย่ำแย่ไปตามๆกัน และนั่นแหละของจริงครับท่าน ผมเองและเพื่อนๆ อีกหลายคนพยายามใช้ชีวิตอยู่บนสภาวะที่เป็นจริงให้มากที่สุด ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเฟื่องฟูและตกต่ำ เราจะได้ไม่ต้องไปปรับตัวอะไรกันมากมายนัก
เรื่องความผิดพลาดที่เคยเกิดนั้น ท่านว่าหลักๆ มาจากการใจร้อนเข้าซื้อมากไปหน่อย ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้เกือบทุกครั้ง แต่คำว่า 'พลาด' ของท่านนั้นไม่ใช่มองธุรกิจผิด แต่เป็นเพียงการซื้อที่เร็วเกินไป มีส่วนต่างความปลอดภัยน้อยไป และท่านนำมาเป็นบทเรียนทุกครั้งไป
---------------------------------------------------------------------
สมัยเด็กท่านเป็นเด็กวัดดอน วัดที่ผีดุที่สุด นั่นเอง ฐานะทางบ้านไม่สู้จะดีนัก ท่านได้อดทนศึกษาเล่าเรียนมาตลอด หลังจากเรียนจบปริญญาเอก ท่านได้ทำงานในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และเป็นผู้บริหารเรื่อยมา ระหว่างนั้นท่านก็มีเส้นทางการลงทุนไม่ต่างกับหลายๆ คน คือ เล่นหุ้น แต่ท่านบอกว่า ท่านโชคดีหน่อยที่อยู่ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จึงรู้เห็นถึงวิกฤติที่กำลังเริ่มก่อตัว
หลังจากเกิดวิกฤติ ท่านได้รวบรวมเงินสะสมจากการทำงานประมาณ 10 ล้านบาท มาลงทุนแบบเน้นมูลค่า ปัจจุบันนี้เงินลงทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาทนั้น ได้เพิ่มมูลค่าขึ้นมากกว่า 300 ล้านบาท (จากการประมาณการตามข่าว) และเงินปันผลต่อปี ประมาณ 10 ล้านบาท ท่านบอกว่าเงินปันผลต่อปีก็ประมาณ 3-4%ของมูลค่าเงินลงทุนปัจจุบัน
ท่านได้ให้หลักการลงทุนตามแบบฉบับของท่านไว้อย่างน่าจดจำซึ่งผมขอทำหน้าที่สรุปไว้ดังนี้ครับ
การลงทุนของท่านมิได้ซับซ้อนอะไรมาก ท่านเป็นพ่อบ้านที่ดี ในวันหยุดท่านจะเป็นผู้พาครอบครัวไปจ่ายตลาด และนั่นเป็นการวิเคราะห์หากิจการที่น่าลงทุนอย่างดี ท่านได้เห็นกิจการที่ภายหลังท่านได้เข้าลงทุน เช่น Wacoal เสริมสุข และแม้กระทั่งกิจการที่ท่านสนใจในปัจจุบัน ท่านใช้วิธีเดินสำรวจ พูดคุยกับผู้ซื้อ และกลับมาหาข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น
เมื่อท่านได้รับข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ว่ากิจการนี้แหละ... ใช่เลย
ท่านจึงมาดูที่ราคา ท่านจะอดทนรอให้ราคาลงมาจนปลอดภัยเพียงพอที่จะซื้อ ท่านบอกว่า ส่วนมากแล้วในเวลาที่ท่านซื้อไม่ค่อยมีใครแย่งท่านซื้อหรอก ท่านก็ซื้ออย่างสบายใจทุกครั้ง เพราะกิจการที่ท่านมองเอาไว้มักจะเป็นกิจการที่ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ
เท่าที่ฟังท่าน อ.นิเวศน์ เล่าให้ฟังนั้น ท่านจะพยายามมองแนวโน้มไปในอนาคตว่า ธุรกิจไหนกำลังจะไปได้ดี ไม่ต้องอะไรมากให้คิดเองว่าเราเองและครอบครัวมีพฤติกรรมการใช้สอยอย่างไร และลองดูคนอื่นประกอบว่าโดยรวมเป็นอย่างนั้นไหม
ตัวอย่างธุรกิจที่ท่านมองแนวโน้มได้อย่างถูกต้อง เช่น ในตอนวิกฤติก็ต้องธุรกิจส่งออก ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจดีขึ้นแล้วพฤติกรรมของคนเริ่มเปลี่ยน นิยมจับจ่ายใช้สอยในสถานที่ที่สะดวก และมีสินค้าที่ต้องการครบถ้วน
นั่นคือ ที่มาของความสนใจในธุรกิจค้าปลีก ซูเปอร์สโตร์ และแม้กระทั่งธุรกิจอาหารจานด่วน ท่านก็ใช้หลักการเดียวกันกับที่ท่านทำมาโดยตลอด
ท่านบอกเราว่า อะไรที่ในอดีตทำมาสำเร็จและอยู่ยาวนานมาจนปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นของดีทั้งนั้น ไม่เชื่อลองดู สินค้าหลายๆ อย่างในตลาด ภรรยาที่อยู่กับเรามายาวนานก็ดี เพื่อนเก่าที่คบกันมานานๆ ก็ดี และในฐานะผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ ผมก็ขอยืนยันตามท่านโดยเฉพาะเรื่องภรรยาครับว่า ถูกต้องที่สุด
ในเรื่องของหุ้นในธุรกิจที่เป็นวัฏจักรนั้น ท่านบอกว่าท่านหลีกเลี่ยง เพราะว่ากำไรที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดสดใสนั้น ไม่ใช่สภาวะปกติที่มันควรจะเป็น สิ่งที่มันควรจะเป็นต้องเป็นในช่วงที่สภาวะทุกอย่างมันไม่ได้เฟื่องฟูจนเกินเหตุ บริษัทไหนในช่วงวิกฤติอยู่ได้และมีกำไรนั่นแหละเป็นสภาวะปกติ แต่ถ้าในช่วงนั้นย่ำแย่ก็ให้รู้ไว้ว่า นั่นก็คือสภาวะจริงๆของมันเช่นกัน ส่วนนี้เมื่อเทียบกับตัวเราได้เช่นกัน
ในช่วงที่เฟื่องฟูก็ใช้จ่ายเกินตัว ในช่วงปกติก็ย่ำแย่ไปตามๆกัน และนั่นแหละของจริงครับท่าน ผมเองและเพื่อนๆ อีกหลายคนพยายามใช้ชีวิตอยู่บนสภาวะที่เป็นจริงให้มากที่สุด ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเฟื่องฟูและตกต่ำ เราจะได้ไม่ต้องไปปรับตัวอะไรกันมากมายนัก
เรื่องความผิดพลาดที่เคยเกิดนั้น ท่านว่าหลักๆ มาจากการใจร้อนเข้าซื้อมากไปหน่อย ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้เกือบทุกครั้ง แต่คำว่า 'พลาด' ของท่านนั้นไม่ใช่มองธุรกิจผิด แต่เป็นเพียงการซื้อที่เร็วเกินไป มีส่วนต่างความปลอดภัยน้อยไป และท่านนำมาเป็นบทเรียนทุกครั้งไป
ขอให้อยู่อย่างมีความหวัง แต่อย่าอยู่อย่างเพ้อฝัน
- EvolutionX
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 9
นึกออกแล้ว
ข้างบน ที่ผมโพสต์ไป เป็น บท สัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์ ในงานสัมมนาที่ Thai Value Investor จัดขึ้น เมื่อ ประมาณ ปี 2548 สัมภาษณ์ โดย อาจารย์มนตรี นิพิฐวิทยา (Mon Money ใน ThaiVI) นักลงทุนที่ประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นกว่า 10 ปี และเคยเป็นผู้ก่อตั้งเวบไซต์ Thaivalueinvestor.com
คนเก่ง สัมภาษณ์ คนเก่ง ...
ข้างบน ที่ผมโพสต์ไป เป็น บท สัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์ ในงานสัมมนาที่ Thai Value Investor จัดขึ้น เมื่อ ประมาณ ปี 2548 สัมภาษณ์ โดย อาจารย์มนตรี นิพิฐวิทยา (Mon Money ใน ThaiVI) นักลงทุนที่ประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นกว่า 10 ปี และเคยเป็นผู้ก่อตั้งเวบไซต์ Thaivalueinvestor.com
คนเก่ง สัมภาษณ์ คนเก่ง ...
ขอให้อยู่อย่างมีความหวัง แต่อย่าอยู่อย่างเพ้อฝัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 10
[quote="naris"]ผลตอบแทนทบต้น นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ครับ
ถ้ามีคนทำผลตอบแทนได้พอๆกับวอเรนคือ26เปอร์เซนต์ทบต้น 10 จะได้10 เท่า 20ปี จะได้10เท่าของ10คือ 100
ถ้ามีคนทำผลตอบแทนได้พอๆกับวอเรนคือ26เปอร์เซนต์ทบต้น 10 จะได้10 เท่า 20ปี จะได้10เท่าของ10คือ 100
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 11
[quote="saichon"][quote="naris"]ผลตอบแทนทบต้น นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ครับ
ถ้ามีคนทำผลตอบแทนได้พอๆกับวอเรนคือ26เปอร์เซนต์ทบต้น 10 จะได้10 เท่า 20ปี จะได้10เท่าของ10คือ 100
ถ้ามีคนทำผลตอบแทนได้พอๆกับวอเรนคือ26เปอร์เซนต์ทบต้น 10 จะได้10 เท่า 20ปี จะได้10เท่าของ10คือ 100
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 12
การที่จะให้ Port โตมากๆ จำเป็นต้องมีเงินใหม่ใส่เข้าตลอด
เวลา (เงินเก็บ,เงินปันผล ) ไม่ใช่ว่าลงทุน 10 ล้านแล้วไม่ใส่
เงินใหม่เข้าไปเลยแล้ว Port จะโตเป็นร้อยล้าน,พันล้าน ถ้าทำ
อย่างนั้นยากมาก ถึงแม้จะใส่เงินเข้าไปตลอด ก็ทำแบบ
ดร. นิเวศน์ , คุณ Naris ไม่ได้ง่ายๆ
เวลา (เงินเก็บ,เงินปันผล ) ไม่ใช่ว่าลงทุน 10 ล้านแล้วไม่ใส่
เงินใหม่เข้าไปเลยแล้ว Port จะโตเป็นร้อยล้าน,พันล้าน ถ้าทำ
อย่างนั้นยากมาก ถึงแม้จะใส่เงินเข้าไปตลอด ก็ทำแบบ
ดร. นิเวศน์ , คุณ Naris ไม่ได้ง่ายๆ
- VenetIan
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยว่า Buffet/ดร.นิเวศน์ เค้าทำกำไรได้ขนาดนั้นได้ยังไงครับ
โพสต์ที่ 13
เป็นสิ่งที่ควรพัฒนาให้อยู่ในแก่นแท้ของจิตใจจริงๆค่ะEvolutionX เขียน:ผมเคย เก็บ บทความนี้มาจากไหน จำไม่ได้ นานแล้ว
---------------------------------------------------------------------
เรื่องความผิดพลาดที่เคยเกิดนั้น ท่านว่าหลักๆ มาจากการใจร้อนเข้าซื้อมากไปหน่อย ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้เกือบทุกครั้ง แต่คำว่า 'พลาด' ของท่านนั้นไม่ใช่มองธุรกิจผิด แต่เป็นเพียงการซื้อที่เร็วเกินไป มีส่วนต่างความปลอดภัยน้อยไป และท่านนำมาเป็นบทเรียนทุกครั้งไป
ฟังดู Classic & Simply but not easy to do it ... done
"อย่าตีบอลทุกลูกที่ถูกขว้างมา...จงอดทน
ให้เลือกตีเฉพาะลูกที่เข้าเขตสวีทสปอต...
และจงตีมันสุดแรงอย่างมั่นใจ เพื่อโฮมรัน"
ให้เลือกตีเฉพาะลูกที่เข้าเขตสวีทสปอต...
และจงตีมันสุดแรงอย่างมั่นใจ เพื่อโฮมรัน"