เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 1
ก่อนอื่นผมขอบอกเลยว่ากว่าที่จะนำเรื่องประสบการณ์ของผมมาเล่าเนี่ยใช้
เวลาคิดมากเพราะอาย แต่คิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ มือใหม่ที่คิดจะลงทุน
เรื่องมีอยู่ว่าผมเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นเมื่อประมาณ กันยายน ปี 47 แรกเริ่มโดย ที่พ่อของผมถูกเพื่อนร่วมงานโกงหุ้นไป(แต่ภายหลังได้มีการตกลงยอมความกันแล้ว)ทำให้ผมเกิดความสนใจว่าทำไมคนจึงสนใจในหุ้นนัก หลังจากนั้นก็
มีโอกาสซื้อหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับหุ้นเล่มหนึ่ง มาเปิดอ่านก็ไม่รู้จักอะไรเลย
p/e p/bv ฯลฯ แต่ที่รู้ดูว่าปันผลกี่บาท ราคาหุ้นเท่าไร พอดูก็รู้ ตัวที่ผมสนใจ
อยู่ในเวลานั้นคือ IRC โอ้โห ราคาแสนถูก ประมาณ 9.5-10 กว่า ๆ และยังมี
ปันผลในปีที่แล้วจ่ายตั้ง 3.40 บาท สุดคุ้ม(พระเจ้าทรงโปรด)จึงรีบลงมือเปิดบัญชี วันแรกตั้งซื้อ 10กว่า ๆ ก็ไม่ได้ วันที่สอง 10.50 ก็ไม่ได้
สุดท้ายตั้งไป 11.20 (จำได้ไม่ลืม) เรียบร้อย สมใจนึกหลังจากวันนั้นราคา
เริ่มลดลง ลดลง ก็ยังไม่ขายจนทนไม่ได้คิดว่าเราคงทำอะไรผิดแน่ ๆ จึง
เริ่มเข้าร้านหนังสือหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน มาอ่านก็เริ่มเข้าใจว่า
ไอ้เจ้าปันผล 3.40เนี่ยมันก่อนแตกพาร์ และราคาช่วง 11.20 ก็สูงในช่วงนั้น
ผมจึงคิดว่าจะทำอย่างไรดี ซื้อหนังสือหลายเล่มมากก็มาเจอหนังสือของ ดร.
นิเวศน์ อ่านแล้วตาเริ่มมองแสงเห็นรำไร ก็ถือเอาไว้และเริ่มศึกษาถึงการวิเคราะห์ในตัวหุ้น เริ่มหัดดูงบการเงิน และวันนึงเมื่อราคา IRC ตกมา 8.70
(ก็ไม่ได้ขาย ผมถือคติไม่ขายไม่ขาดทุนถ้าหุ้นดี) ก็ได้ทำการซื้อเพิ่มอีกเท่าตัว ทำให้ต้นทุนลดมาเหลือประมาณ 9.9 และถือเรื่อย ๆ มา จนเมื่อ ต้นปี มีอยู่วันหนึ่งราคาหุ้นขึ้นไปถึง 10.50 ก็ได้จัดการไป 80 % ผมอยากให้เพื่อน ๆ มือใหม่ให้นำบทเรียนของผมนำไปเป็นข้อคิดให้ศึกษาอะไรให้ดีก่อนตัดสินใจ(ทุกคนจะต้องมั่นใจในหุ้นของตัวเอง ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นมากเพราะคนทึ่จะลงทุนคือคุณเอง เงินคุณเอง จังหวะเวลาที่เหมาะสม กำหนดราคาในใจไว้ ห้ามฝืนเพราะหุ้นมีให้ซื้อได้ทุกวันไม่ต้องไม่ละเมิดราคาที่ตั้งใจไว้)
ผมหวังว่าประสบการณ์ของผมคงเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่เป็นมือใหม่
ทุกคนนะครับ
เวลาคิดมากเพราะอาย แต่คิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ มือใหม่ที่คิดจะลงทุน
เรื่องมีอยู่ว่าผมเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นเมื่อประมาณ กันยายน ปี 47 แรกเริ่มโดย ที่พ่อของผมถูกเพื่อนร่วมงานโกงหุ้นไป(แต่ภายหลังได้มีการตกลงยอมความกันแล้ว)ทำให้ผมเกิดความสนใจว่าทำไมคนจึงสนใจในหุ้นนัก หลังจากนั้นก็
มีโอกาสซื้อหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับหุ้นเล่มหนึ่ง มาเปิดอ่านก็ไม่รู้จักอะไรเลย
p/e p/bv ฯลฯ แต่ที่รู้ดูว่าปันผลกี่บาท ราคาหุ้นเท่าไร พอดูก็รู้ ตัวที่ผมสนใจ
อยู่ในเวลานั้นคือ IRC โอ้โห ราคาแสนถูก ประมาณ 9.5-10 กว่า ๆ และยังมี
ปันผลในปีที่แล้วจ่ายตั้ง 3.40 บาท สุดคุ้ม(พระเจ้าทรงโปรด)จึงรีบลงมือเปิดบัญชี วันแรกตั้งซื้อ 10กว่า ๆ ก็ไม่ได้ วันที่สอง 10.50 ก็ไม่ได้
สุดท้ายตั้งไป 11.20 (จำได้ไม่ลืม) เรียบร้อย สมใจนึกหลังจากวันนั้นราคา
เริ่มลดลง ลดลง ก็ยังไม่ขายจนทนไม่ได้คิดว่าเราคงทำอะไรผิดแน่ ๆ จึง
เริ่มเข้าร้านหนังสือหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน มาอ่านก็เริ่มเข้าใจว่า
ไอ้เจ้าปันผล 3.40เนี่ยมันก่อนแตกพาร์ และราคาช่วง 11.20 ก็สูงในช่วงนั้น
ผมจึงคิดว่าจะทำอย่างไรดี ซื้อหนังสือหลายเล่มมากก็มาเจอหนังสือของ ดร.
นิเวศน์ อ่านแล้วตาเริ่มมองแสงเห็นรำไร ก็ถือเอาไว้และเริ่มศึกษาถึงการวิเคราะห์ในตัวหุ้น เริ่มหัดดูงบการเงิน และวันนึงเมื่อราคา IRC ตกมา 8.70
(ก็ไม่ได้ขาย ผมถือคติไม่ขายไม่ขาดทุนถ้าหุ้นดี) ก็ได้ทำการซื้อเพิ่มอีกเท่าตัว ทำให้ต้นทุนลดมาเหลือประมาณ 9.9 และถือเรื่อย ๆ มา จนเมื่อ ต้นปี มีอยู่วันหนึ่งราคาหุ้นขึ้นไปถึง 10.50 ก็ได้จัดการไป 80 % ผมอยากให้เพื่อน ๆ มือใหม่ให้นำบทเรียนของผมนำไปเป็นข้อคิดให้ศึกษาอะไรให้ดีก่อนตัดสินใจ(ทุกคนจะต้องมั่นใจในหุ้นของตัวเอง ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นมากเพราะคนทึ่จะลงทุนคือคุณเอง เงินคุณเอง จังหวะเวลาที่เหมาะสม กำหนดราคาในใจไว้ ห้ามฝืนเพราะหุ้นมีให้ซื้อได้ทุกวันไม่ต้องไม่ละเมิดราคาที่ตั้งใจไว้)
ผมหวังว่าประสบการณ์ของผมคงเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่เป็นมือใหม่
ทุกคนนะครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 3
แฮะๆ ผมยังถืออยู่เลยครับ IRC
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- S&K Fund
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 4
ผมก็เริ่มเข้ามาเล่นในช่วงประมาณปี 47 ปลายปีหุ้นที่จำได้ไม่ลืม คือ cei
ก่อนที่เข้าซื้อก็ศึกษาข้อมูลพอสมควร คิดว่าเป็นหุ้นที่ดี มีปันผลพอสมควร
ก็ตัดสินใจซื้อที่ ราคา 21.00 บาทต่อหุ้น ก็ถือมาจนราคาลดต่ำลงเหลือ 12 บาท
จึงขายออกไป
ประสพการณ์ที่ได้คง จะต้องมีความรอบคอบในการเลือกหุ้นให้มากกว่าเดิม
และจะต้องเข้าใจในธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง
ที่จะเกิดขึ้น
ก่อนที่เข้าซื้อก็ศึกษาข้อมูลพอสมควร คิดว่าเป็นหุ้นที่ดี มีปันผลพอสมควร
ก็ตัดสินใจซื้อที่ ราคา 21.00 บาทต่อหุ้น ก็ถือมาจนราคาลดต่ำลงเหลือ 12 บาท
จึงขายออกไป
ประสพการณ์ที่ได้คง จะต้องมีความรอบคอบในการเลือกหุ้นให้มากกว่าเดิม
และจะต้องเข้าใจในธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง
ที่จะเกิดขึ้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 5
ยังดีนะครับ 8 ปีที่แล้ว ผมซื้อหุ้นครั้งแรก
หลังจากศึกษามาหลายปี เปิดบัญชีได้
ผมก็เคาะวันนั้นทันทีเลยครับ...
บล. แห่งหนึ่งที่ราคา 1x
หลังจากนั้นเพิ่งรู้ว่าเป็นดอยเอเวอเรสต์
เพราะไม่เคยเห็นราคานั้นอีกเลย
ทนถือ 1 ปี ขายไปที่ 5.x
ตอนซื้อมั่นใจมาก หนังสือพิมพ์ โบรคเชียร์กันทุกวันว่า..
เป็นโบรคเกอร์กินค่าหัวคิว ยังไงก็กำไร ตัวที่ผมซื้อก็มีส่วนแบ่งการตลาด อันดับหนึ่งซะด้วย
ทุกวันนี้หุ้นตัวนั้นเทรดที่ 3.x ครับ..
บทเรียนเหรอครับ..
1.ซื้อตามปัจจัยพื้นฐานนะ แต่ไม่เคยดูงบ ไม่เคยดูปันผล ไม่เคยดูพีอี เชื่อหนังสือพิมพ์อย่างเดียว ก็เค้าบอกว่าปัจจัยพื้นฐานดีนักดีหนาไง..
2.โดยเฉพาะมือใหม่ อย่ามั่นใจมากเกินไป เพราะสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้ อาจจะเป็นแค่ความรู้แค่หางอึ่งเท่านั้น เหมือนที่ผมเคยเป็น
3.มื่อใหม่อย่าใจร้อน ซื้อน้อยๆ ศึกษาให้มากๆ มั่นใจแล้วค่อยซื้อเพิ่ม สำหรับตลาดหุ้นไม่มีคำว่าสาย
หลังจากศึกษามาหลายปี เปิดบัญชีได้
ผมก็เคาะวันนั้นทันทีเลยครับ...
บล. แห่งหนึ่งที่ราคา 1x
หลังจากนั้นเพิ่งรู้ว่าเป็นดอยเอเวอเรสต์
เพราะไม่เคยเห็นราคานั้นอีกเลย
ทนถือ 1 ปี ขายไปที่ 5.x
ตอนซื้อมั่นใจมาก หนังสือพิมพ์ โบรคเชียร์กันทุกวันว่า..
เป็นโบรคเกอร์กินค่าหัวคิว ยังไงก็กำไร ตัวที่ผมซื้อก็มีส่วนแบ่งการตลาด อันดับหนึ่งซะด้วย
ทุกวันนี้หุ้นตัวนั้นเทรดที่ 3.x ครับ..
บทเรียนเหรอครับ..
1.ซื้อตามปัจจัยพื้นฐานนะ แต่ไม่เคยดูงบ ไม่เคยดูปันผล ไม่เคยดูพีอี เชื่อหนังสือพิมพ์อย่างเดียว ก็เค้าบอกว่าปัจจัยพื้นฐานดีนักดีหนาไง..
2.โดยเฉพาะมือใหม่ อย่ามั่นใจมากเกินไป เพราะสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้ อาจจะเป็นแค่ความรู้แค่หางอึ่งเท่านั้น เหมือนที่ผมเคยเป็น
3.มื่อใหม่อย่าใจร้อน ซื้อน้อยๆ ศึกษาให้มากๆ มั่นใจแล้วค่อยซื้อเพิ่ม สำหรับตลาดหุ้นไม่มีคำว่าสาย
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 6
ไออาร์ซีที่ทำระบบคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ผมเคยใช้การ์ดจอภาษาไทยนานมาแล้ว
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 7
ผมก็มือใหม่เหมือนกันครับ
ผมคิดผิด มากกว่าคิดถูก แต่โชคดีส่วนที่คิดผิด ผมมักไม่ลงมือ หรือลงมือเป็นจำนวนน้อย
เล่นหุ้นมาปีกับ 4 เดือน ทำกำไรได้เนื้อๆ 2 ครั้ง แต่ทุกครั้งเกือบเต็มพอร์ท
7 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยขายขาดทุนแม้แต่ครั้งเดียว
ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมในปี 47 คือการไม่ซื้อหุ้น BGH ครับ
ผมคิดผิด มากกว่าคิดถูก แต่โชคดีส่วนที่คิดผิด ผมมักไม่ลงมือ หรือลงมือเป็นจำนวนน้อย
เล่นหุ้นมาปีกับ 4 เดือน ทำกำไรได้เนื้อๆ 2 ครั้ง แต่ทุกครั้งเกือบเต็มพอร์ท
7 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยขายขาดทุนแม้แต่ครั้งเดียว
ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมในปี 47 คือการไม่ซื้อหุ้น BGH ครับ
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 9
ของผม..อายจริงๆไม่อยากเล่าเลย...อิอิอิ
เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว(47) ไปดูepsของTMW ...โอ้โห2ไตรมาสได้กำไรขนาดนี้เมื่อเทียบกับราคาหุ้นแล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ....ก็รีบซื้อก่อนเลยสิครับ
พอซื้อเสร็จค่อยมาดูForm-56/1 ......อ้าวTMWปิดรอบบัญชีประจำปีเดือนกันยายนนิ..ก็เลยต้องปล่อยไปก่อน ราคามีแต่ลง
ผลแห่งความโลภ..ทำให้รีบเกินไป.....
เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว(47) ไปดูepsของTMW ...โอ้โห2ไตรมาสได้กำไรขนาดนี้เมื่อเทียบกับราคาหุ้นแล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ....ก็รีบซื้อก่อนเลยสิครับ
พอซื้อเสร็จค่อยมาดูForm-56/1 ......อ้าวTMWปิดรอบบัญชีประจำปีเดือนกันยายนนิ..ก็เลยต้องปล่อยไปก่อน ราคามีแต่ลง
ผลแห่งความโลภ..ทำให้รีบเกินไป.....
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 10
ผมก้อเคยมีประสบการณ์ครับ
วันแรกที่เปิดพอร์ต ซื้อ WORK เลย ตอนนั้นความรู้สึกเราคิดว่า บริษัทมันต้องดีแน่ๆ เพราะเรตติ้งดีมากๆ
เป็นงัยละ ติดยอดดอยเลยครับที่ 21 บาทกว่าๆ
ตอนนี้ไม่เคยเห็นราคานั้นเลย ฮือๆ
บทเรียนสอนให้ผมรู้ว่า การลงทุนคือความเสี่ยง ผู้ลงทุนจำเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยวิเคราะห์ถึงปัจจัยพื้นฐานให้ถ่องแท้ และต้องตัดสินใจด้วยตนเอง ห้ามเชื่อใครเด็ดขาด
ป.ล. อะไรที่ไม่รู้คือความเสี่ยง คำพูดนี้จริงแท้แน่นอนเลยครับ
วันแรกที่เปิดพอร์ต ซื้อ WORK เลย ตอนนั้นความรู้สึกเราคิดว่า บริษัทมันต้องดีแน่ๆ เพราะเรตติ้งดีมากๆ
เป็นงัยละ ติดยอดดอยเลยครับที่ 21 บาทกว่าๆ
ตอนนี้ไม่เคยเห็นราคานั้นเลย ฮือๆ
บทเรียนสอนให้ผมรู้ว่า การลงทุนคือความเสี่ยง ผู้ลงทุนจำเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยวิเคราะห์ถึงปัจจัยพื้นฐานให้ถ่องแท้ และต้องตัดสินใจด้วยตนเอง ห้ามเชื่อใครเด็ดขาด
ป.ล. อะไรที่ไม่รู้คือความเสี่ยง คำพูดนี้จริงแท้แน่นอนเลยครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
เล่าประสบการณ์ของมือใหม่
โพสต์ที่ 11
ประสบการณ์ที่ต้องจำของผมคือ
การเข้าไปซื้อกิจการที่ทำท่าว่าจะไปได้ไม่ดี แนวโน้มรายได้กำไรมีท่าว่าจะลด
โดยซื้อเพียงเพื่อจะเก็งกำไร กำไรพิเศษก้อนใหญ่ที่เกิดเพียงชั่วคราว
หวังว่าหุ้นจะขึ้น
สุดท้ายก็รู้แล้วว่าคิดผิด จากที่ถือมานานมีกำไรเยอะ ก็กลับกลายเป็นขาดทุน
ขอสัญญาว่าจะไม่ซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจไม่ดีแล้วครับ
การเข้าไปซื้อกิจการที่ทำท่าว่าจะไปได้ไม่ดี แนวโน้มรายได้กำไรมีท่าว่าจะลด
โดยซื้อเพียงเพื่อจะเก็งกำไร กำไรพิเศษก้อนใหญ่ที่เกิดเพียงชั่วคราว
หวังว่าหุ้นจะขึ้น
สุดท้ายก็รู้แล้วว่าคิดผิด จากที่ถือมานานมีกำไรเยอะ ก็กลับกลายเป็นขาดทุน
ขอสัญญาว่าจะไม่ซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจไม่ดีแล้วครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 58
- ผู้ติดตาม: 0
เริ่มลงทุนเมื่อเมษายนปี 2547
โพสต์ที่ 14
ผมทำร้านอาหารแล้วใช็ซอสปรุงรสเลยซื้อเป็นเจ้าของเสียเลย
ผมซื้อเพราะตราสินค้า และหนี้สินระยะยาวที่เป็นศูนย์ ร้านผมไม่เีคยเปลี่ยนไปใช้สินค้ายี่ห้ออื่นเนื่องจากมีคุณภาพดี ราคายุติธรรม แถมการบริการก็ดีเยี่ยมเคยโทรไปที่บริษัทบอกเขาว่าไม่มีศูนย์กระจายสินค้าที่ตรังหรือ? เขาขับรถมาส่งให้ที่บ้านทันที "จากหาดใหญ่มาตรัง" ตอนนี้วัตถุดิบหมดอีกแล้วว่าจะโทรไปอยู่ ผมซื้อในราคา x+11 บาท เมื่อกลางปีตกลงอยู่ x+5 ก็มั่นใจเพราะตามอัพเดทรายไตรมาสอยู่ ปันผลก็ดี 7 - 8 เปอร์เซ็นต์ ผมก็ซื้อเพิ่มอีกเรื่อยๆ
นอกจากนี้ผมซื้อร้านอาหารแบบกระจายสาขา มีตราสินค้าดีเด่น ผมไปกทมเมื่อไหร่กินทุกทีไป ซื้อได้สักพักก็ออกจากตลาด ผมเลยตามไปซื้อตัวแม่ อย่าคิดว่าจะหนีผมไปพ้นนะ ถ้าทำ tender offer อีกในคราวนี้ผมจะด่าให้หยาบๆ (ไม่มีปัญญาทำอย่างอื่น) หุ้นตัวนี้ผมซื้อโดยไม่ได้อ่านงบการเงินละเอียดเลย (อ่าน 56 - 1 แล้วชอบที่เขาทำสำปทานไว้หลายยี่ห้อ แล้วก็ยังมีโอกาสเติบโตได้ในปริมนทลหรือต่างจังหวัดอีก ผมอ่านแค่งบกำไรขาดทุน แต่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะอ่านให้ละเอียดทันที เพราะจะต้องพัฒนาความรู้ให้เพิ่มพูนขึ้น)
ซื้อชุดชั้นในด้วย แต่ราคาไม่ขยับเลยเกือบปีแล้ว ตัวผมคิดว่าสินค้าตัวนี้อาจแข่งด้วยราคาได้ (อ่านมาจากหนังสือ Buffet) เพราะเป็นของอยู่ใน สาวๆอาจมีทีเด็ดไว้ 2 - 3 ตัวที่มียี่ห้อ แต่ไอ้แบบใส่ไปเรียนใส่ไปทำงานทุกวันผมว่าต้องระวังสิ่งทอจากจีนที่โหมบุกหนัก คิดไปคิดมาผมกลัวเลยขายหุ้นไปหักค่าต๋ง กับค่าภาษีแล้วได้กำไร 150 บาท
ประสบการณ์ที่ชอกช้ำก็คือหุ้นกลุ่มธนาคาร ตอนนั้นเป็นช่วงที่วิกฤติไฟใต้กับหวัดนกเพลาๆลงไป set ก็เริ่มไต่ขึ้น พรรคพวกกับญาติก็บอกว่าถือแต่หุ้นเต่าระวังจะตกรถไฟ ผมก็แบ่งเงินใน Port มาลงทุนในหุ้นโก้เก๋ in trend ทันที ปรากฏกลุ่มธนาคารประกาศหนี้เสียออกมานำโดยกรุงไทย ผมนั่งเขกหัวตนเองอยู่หลายครั้ง แล้วผมก็ขายขาดทุนไปเป็นบทเรียนว่าให้เชื่อในหลักการของตนอย่าไปฟังใคร ผมไม่เจ็บใจเลยที่หลังจากนั้นกลุ่มธนาคารมีราคามากขึ้น ตั้งแต่นี้ไปผมจะไม่ซื้อหุ้นที่ไม่รู้จักอีกเป็นอันขาด
สุดท้ายขอกราบขอบพระคุณพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่ TVI มากๆเพราะเป็นแหล่งความรู้ที่มีคุณค่าต่อผมมาก และขอให้กำลังใจคุณมนในการทำสิ่งที่ดีต่อไป ที่ลืมเสียมิได้ขอบคุณคุณครรชิตสำหรับน้ำใจอันประเสริฐที่มีให้
ผมซื้อเพราะตราสินค้า และหนี้สินระยะยาวที่เป็นศูนย์ ร้านผมไม่เีคยเปลี่ยนไปใช้สินค้ายี่ห้ออื่นเนื่องจากมีคุณภาพดี ราคายุติธรรม แถมการบริการก็ดีเยี่ยมเคยโทรไปที่บริษัทบอกเขาว่าไม่มีศูนย์กระจายสินค้าที่ตรังหรือ? เขาขับรถมาส่งให้ที่บ้านทันที "จากหาดใหญ่มาตรัง" ตอนนี้วัตถุดิบหมดอีกแล้วว่าจะโทรไปอยู่ ผมซื้อในราคา x+11 บาท เมื่อกลางปีตกลงอยู่ x+5 ก็มั่นใจเพราะตามอัพเดทรายไตรมาสอยู่ ปันผลก็ดี 7 - 8 เปอร์เซ็นต์ ผมก็ซื้อเพิ่มอีกเรื่อยๆ
นอกจากนี้ผมซื้อร้านอาหารแบบกระจายสาขา มีตราสินค้าดีเด่น ผมไปกทมเมื่อไหร่กินทุกทีไป ซื้อได้สักพักก็ออกจากตลาด ผมเลยตามไปซื้อตัวแม่ อย่าคิดว่าจะหนีผมไปพ้นนะ ถ้าทำ tender offer อีกในคราวนี้ผมจะด่าให้หยาบๆ (ไม่มีปัญญาทำอย่างอื่น) หุ้นตัวนี้ผมซื้อโดยไม่ได้อ่านงบการเงินละเอียดเลย (อ่าน 56 - 1 แล้วชอบที่เขาทำสำปทานไว้หลายยี่ห้อ แล้วก็ยังมีโอกาสเติบโตได้ในปริมนทลหรือต่างจังหวัดอีก ผมอ่านแค่งบกำไรขาดทุน แต่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะอ่านให้ละเอียดทันที เพราะจะต้องพัฒนาความรู้ให้เพิ่มพูนขึ้น)
ซื้อชุดชั้นในด้วย แต่ราคาไม่ขยับเลยเกือบปีแล้ว ตัวผมคิดว่าสินค้าตัวนี้อาจแข่งด้วยราคาได้ (อ่านมาจากหนังสือ Buffet) เพราะเป็นของอยู่ใน สาวๆอาจมีทีเด็ดไว้ 2 - 3 ตัวที่มียี่ห้อ แต่ไอ้แบบใส่ไปเรียนใส่ไปทำงานทุกวันผมว่าต้องระวังสิ่งทอจากจีนที่โหมบุกหนัก คิดไปคิดมาผมกลัวเลยขายหุ้นไปหักค่าต๋ง กับค่าภาษีแล้วได้กำไร 150 บาท
ประสบการณ์ที่ชอกช้ำก็คือหุ้นกลุ่มธนาคาร ตอนนั้นเป็นช่วงที่วิกฤติไฟใต้กับหวัดนกเพลาๆลงไป set ก็เริ่มไต่ขึ้น พรรคพวกกับญาติก็บอกว่าถือแต่หุ้นเต่าระวังจะตกรถไฟ ผมก็แบ่งเงินใน Port มาลงทุนในหุ้นโก้เก๋ in trend ทันที ปรากฏกลุ่มธนาคารประกาศหนี้เสียออกมานำโดยกรุงไทย ผมนั่งเขกหัวตนเองอยู่หลายครั้ง แล้วผมก็ขายขาดทุนไปเป็นบทเรียนว่าให้เชื่อในหลักการของตนอย่าไปฟังใคร ผมไม่เจ็บใจเลยที่หลังจากนั้นกลุ่มธนาคารมีราคามากขึ้น ตั้งแต่นี้ไปผมจะไม่ซื้อหุ้นที่ไม่รู้จักอีกเป็นอันขาด
สุดท้ายขอกราบขอบพระคุณพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่ TVI มากๆเพราะเป็นแหล่งความรู้ที่มีคุณค่าต่อผมมาก และขอให้กำลังใจคุณมนในการทำสิ่งที่ดีต่อไป ที่ลืมเสียมิได้ขอบคุณคุณครรชิตสำหรับน้ำใจอันประเสริฐที่มีให้
มือใหม่อยากขอความกรุณาจากผู้มีประสบการณ์ครับ