SMT เค้ามี product อยู่สามไลน์ แต่ละไลน์มี value add ( พูดง่ายๆคือกำไรต่อชิ้น ) ไม่เท่ากัน เวลาประมาณกำไร ต้องแยกประมาณทีละไลน์ครับ แล้วค่อยมาหักค่าใช้จ่ายโรงงาน ค่าบริหาร ต้นทุนทางการเงิน etc ทีหลัง จะมาใช้ net margin คิดง่ายๆ แบบที่ผมคำนวณตอนแรกไม่ได้sattaya เขียน:แนวคิดในการเลือกหุ้นเยี่ยมครับ รบกวนแชร์วิธีการทำ valuation ที่ว่าให้ฟังหน่อยครับ ขอบคุณครับ
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 31
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 32
[quote="Linzhi"]ขยันมากครับ เป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ หุ้นหลายตัวผมอ่านตัวธุรกิจแล้วก็ผ่าน
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 33
จริงๆตอนนั้นก็โมโหผบห เหมือนกัน และก็เริ่มเข้าใจว่าทำไม moong ถึงเอาเข้าตลาดด้วยราคาที่เหมือนจะมีส่วนลดมากเกินเหตุvsp เขียน:ขอบคุณมากครับ พี่หมอที่มาช่วยแชร์มุมมอง และแนวคิดในการวิเคราะห์ครับ
ตัวผมเองก็ถอดใจไปตอน Q1 MOONG ออกมาเหมือนกัน
แต่ที่ถอดใจนี่เป็นเพราะรู้สึกไม่เชื่อมั่นในตัวผบห. ครับ ประกอบกับไปสนใจกิจการอื่นเข้า
(ไม่พอใจที่ผบห.ไม่ออกมาพูดแต่แรกว่า กำไรปี 51 ที่สูงนั้นมาจากสาเหตุใดแต่แรก ใน Annual ก็ไม่ได้อธิบายไว้ เลยต้องขอลาแบบโกรธๆกัน) ทั้งที่จริงๆก็อย่างที่พี่หมอบอกว่า ราคาณ.ตอนนั้นถูกเกินไป
ครั้งนั้นผมเองก็ได้บทเรียนว่าไม่ควรเอาอารมณ์มาใช้ในการถือหุ้นด้วย
แต่อย่างไรก็ตามที่ราคา ณ จุดนั้น ผมก็ยังมองว่ามีส่วนลดพอสมควร ( อาจจะไม่ถึงกับมาเกินเหตุ ) ถ้าตัดอารมณ์โกรธผบห ไปได้ ก็ยังน่าลงทุนอยู่ครับ
ที่ผมขายมุ่งไป ไม่ได้มองว่ามุ่งไม่ดีนะครับ ยังรักมุ่งมากเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าผมไปเจอบริษัทอื่น ที่ในระยะสั้นดูจะน่าสนใจกว่า
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 34
[quote="nuk"]ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์มากจริงๆ
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 35
อ่านแล้วได้มุมมองมากครับพี่หมอ
มีแนวทางชัดเจนน่านับถือครับ ผมจะเอาอย่างบ้าง :oops:
มีแนวทางชัดเจนน่านับถือครับ ผมจะเอาอย่างบ้าง :oops:
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- penguin738
- Verified User
- โพสต์: 718
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 36
แค่รู้สึกว่าที่พีอีระดับนี้มันต่ำไป ไม่สมศักดิ์ศรีอุตสาหกรรม,แบรนด์ หรือการเติบโตของบริษัท ผมก็อาจจะพึงพอใจแล้ว
สอบถามพี่หมอหน่อยครับว่า พีอีที่เหมาะสมที่พี่หมออ้างถึงเอาข้อมูลจากไหนครับ เป็ยพีอีโดนรวมของอุตสาหกรรมนั้นๆหรืออ้างอิงจากๆไหนครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แบ่งปันครับ
สอบถามพี่หมอหน่อยครับว่า พีอีที่เหมาะสมที่พี่หมออ้างถึงเอาข้อมูลจากไหนครับ เป็ยพีอีโดนรวมของอุตสาหกรรมนั้นๆหรืออ้างอิงจากๆไหนครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แบ่งปันครับ
เมื่อไม่เรียนใยเล่าเจ้าจะรู้
-
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 41
ขอบคุณมากครับ สำหรับประสบการณ์ที่แบ่งปันกัน
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 44
ขอบคุณมากครับ ผมเคยคิดว่าตัวเองฉลาดในการลงทุน แต่พออ่านบทความนี้แล้วรู้เลยว่าโง่มาก ขอบคุณอีกทีครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 47
ขอบคุณครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 49
พอดีมีเพื่อนนลท.ถามเกี่ยวกับกระทู้นี้มาหลังไมค์ ขออนุญาตินำมาตอบ
สวัสดีครับพี่ reiter (ขอนุญาตเรียกพี่นะครับ)
ผมเพิ่งเริ่มลงทุนได้ไม่นาน พอดีผมได้ไปอ่านเรื่องบันทึกการลงทุนของพี่มา เลยมีข้อสงสัยอยากรบกวนให้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
1. การประเมินราคาที่เหมาะสมจาก dividend yield model นั้น มาจากสูตร อัตราปันผลที่จ่ายในอดีต/ yield ที่ต้องการ ถูกมั้ยครับ
ใช้ปันผลที่คาดว่าจะจ่ายในอนาคตครับ
ตรงนี้ผมสงสัยว่า
- %yield ที่พี่ใช้คือ 10% มีที่มาที่ไปยังไงครับ
10% นี่เป็นตัวเลขหลวมๆ ที่ผมตั้งไว้ในใจว่า สำหรับหุ้นที่ในเชิงคุณภาพแล้ว ไม่มีจุดน่าสนใจเลย ผมจะถือหุ้นตัวนี้ โดยคาดหวังปันผลที่เท่าไร อย่างเช่น UPF ผมก็คาดหวังที่ 10% เพราะตัวกิจการไม่ได้น่าสนใจอะไรเลย.... แต่ถ้าตัวคุณภาพของกิจการพอไปวัดไปวาได้ ผมก็ลดความคาดหวังจาก yeild ลงมาครับ ( เช่น 8% ใน TIW )
แต่ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า yield model อันนี้ เป็นเครื่องมือส่วนตัวที่ผมเอามาใช้หาราคาที่ตลาดน่าจะให้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สำหรับหุ้นที่ผมมองเป็นก้นบุหรี่ ถ้าจะเอาไปคำนวณหาราคาเหมาะสมในระยะยาวคงจะไม่เหมาะ
- ตัวเลขที่คาดว่าจะจ่ายปันผลนี่ พี่คาดการณ์จากอะไรครับ มาจากการคำนวณหรือป่าวครับ
forecast งบให้ได้ก่อนครับ แล้วค่อยมาคิดว่าเค้าจ่ายปันผลกี่ % ของกำไร
2. ผมอ่านในเว็บนี้ มีคนแสดงความเห็นว่า เราไม่ควรใช้ yield model กับหุ้นวัฏจักร เพราะกำไรผันผวน จะทำให้เราคาดการณ์ได้ยาก
พี่มีความเห็นยังไงบ้างครับ ทำไมตอนนั้นพี่ถึงใช้วิธีนี้กับ BCP
ตอนลงทุนผมไม่ได้มอง bcp ในแง่ของวัฏจักร ผมมองแค่ว่ามันเป็นก้นบุหรี่ตัวนึง ซึ่งราคาในระยะสั้นน่าจะถูก boost ด้วยปันผลได้
หุ้นก้นบุหรี่ผมไม่เคยถือนานครับ เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุนจะสั้น ผมจะมองแค่ว่าในอีก 3 -6 เดือนจะมีอะไรมา boost ราคาหรือไม่.... ปันผลที่มาก ก็เป็นตัว boost ราคาที่ทรงประสิทธิภาพครับ
3. ส่วนตัวพี่มีวิธีพิจารณาหุ้นก้นบุหรี่ยังไงบ้างครับ
มองก่อนว่ามันถูกมานานเพราะอะไร และมีปัจจัยอะไรจะปลดล้อคความถูกของมันเร็วๆนี้หรือไม่ ถ้ายังไม่มี ก็รอดูไปก่อนครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับพี่ reiter (ขอนุญาตเรียกพี่นะครับ)
ผมเพิ่งเริ่มลงทุนได้ไม่นาน พอดีผมได้ไปอ่านเรื่องบันทึกการลงทุนของพี่มา เลยมีข้อสงสัยอยากรบกวนให้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
1. การประเมินราคาที่เหมาะสมจาก dividend yield model นั้น มาจากสูตร อัตราปันผลที่จ่ายในอดีต/ yield ที่ต้องการ ถูกมั้ยครับ
ใช้ปันผลที่คาดว่าจะจ่ายในอนาคตครับ
ตรงนี้ผมสงสัยว่า
- %yield ที่พี่ใช้คือ 10% มีที่มาที่ไปยังไงครับ
10% นี่เป็นตัวเลขหลวมๆ ที่ผมตั้งไว้ในใจว่า สำหรับหุ้นที่ในเชิงคุณภาพแล้ว ไม่มีจุดน่าสนใจเลย ผมจะถือหุ้นตัวนี้ โดยคาดหวังปันผลที่เท่าไร อย่างเช่น UPF ผมก็คาดหวังที่ 10% เพราะตัวกิจการไม่ได้น่าสนใจอะไรเลย.... แต่ถ้าตัวคุณภาพของกิจการพอไปวัดไปวาได้ ผมก็ลดความคาดหวังจาก yeild ลงมาครับ ( เช่น 8% ใน TIW )
แต่ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า yield model อันนี้ เป็นเครื่องมือส่วนตัวที่ผมเอามาใช้หาราคาที่ตลาดน่าจะให้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สำหรับหุ้นที่ผมมองเป็นก้นบุหรี่ ถ้าจะเอาไปคำนวณหาราคาเหมาะสมในระยะยาวคงจะไม่เหมาะ
- ตัวเลขที่คาดว่าจะจ่ายปันผลนี่ พี่คาดการณ์จากอะไรครับ มาจากการคำนวณหรือป่าวครับ
forecast งบให้ได้ก่อนครับ แล้วค่อยมาคิดว่าเค้าจ่ายปันผลกี่ % ของกำไร
2. ผมอ่านในเว็บนี้ มีคนแสดงความเห็นว่า เราไม่ควรใช้ yield model กับหุ้นวัฏจักร เพราะกำไรผันผวน จะทำให้เราคาดการณ์ได้ยาก
พี่มีความเห็นยังไงบ้างครับ ทำไมตอนนั้นพี่ถึงใช้วิธีนี้กับ BCP
ตอนลงทุนผมไม่ได้มอง bcp ในแง่ของวัฏจักร ผมมองแค่ว่ามันเป็นก้นบุหรี่ตัวนึง ซึ่งราคาในระยะสั้นน่าจะถูก boost ด้วยปันผลได้
หุ้นก้นบุหรี่ผมไม่เคยถือนานครับ เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุนจะสั้น ผมจะมองแค่ว่าในอีก 3 -6 เดือนจะมีอะไรมา boost ราคาหรือไม่.... ปันผลที่มาก ก็เป็นตัว boost ราคาที่ทรงประสิทธิภาพครับ
3. ส่วนตัวพี่มีวิธีพิจารณาหุ้นก้นบุหรี่ยังไงบ้างครับ
มองก่อนว่ามันถูกมานานเพราะอะไร และมีปัจจัยอะไรจะปลดล้อคความถูกของมันเร็วๆนี้หรือไม่ ถ้ายังไม่มี ก็รอดูไปก่อนครับ
ขอบคุณมากครับ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 51
ขอบคุณสำหรับแนวทางการลงทุนครับ :D
ผมได้ตามอ่านความเห็นพี่ Reiter อยู่เรื่อยๆ
ยอมรับว่าชอบหลายความเห็นมากครับ
ผมได้ตามอ่านความเห็นพี่ Reiter อยู่เรื่อยๆ
ยอมรับว่าชอบหลายความเห็นมากครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 59
ขอเอา pm เก่าๆมาลงไว้นะครับ
มีเพื่อนนลท pm คำถามที่น่าสนใจมาถาม ขออนุญาตินำมาเผยแพร่นะคับ
1 ว่าด้วยเรื่อง EPS เวลาผมจะคำนวณ EPS จะคิดโดยเอา
Revenues - COGs >>> Operating income
Operating income - SGA และ expense อืน >>> EBT
EBT - Tax >>> Net profit
[Net profit - divided yield]/Shares >>> EPS
ได้หรือไม่
ได้คับ
ขอถามสืบเนื่องว่า PE ที่พี่คำนวณเพื่อหา fair value นั้น พี่ใช้ forward PE ที่อิงกลุ่มร่วมกับ EPS ที่พี่คำนวณเองใช่ไหม
เรื่องพีอีผมใช้ factor 4 อย่างพิจารณาครับ
1.1 คุณภาพของ earning.... ถ้าเป็นกำไรที่สเถียร ( อย่างเช่นค้าปลีก ) ก็มีแนวโน้มที่จะให้ pe ที่สูงกว่า
1.2 pe เฉลี่ยของกลุ่ม
1.3 Historical PE ของหุ้นตัวนั้นเอง
1.4 Free cash flow - ถ้า cash flow บวกมากๆ ก็มีแนวโน้มที่จะให้ PE ที่สูงขึ้น
2 Tax จะคำนวณยังไง ดู%ปีก่อนๆ ??
TAX ใช้ฐานภาษีจากปีก่อนๆมาคิดครับ
ถ้าบางตัวจะเอาแบบ accurate มากๆ ก็โทรไปถาม IR เพราะบางทีบริษัทมีรายได้หลายส่วน และแต่ละส่วนมีอัตราภาษีไม่เท่ากัน
3 ตาม web ที่บอก PE เค้าใช้ EPS ของไตรมาศสุดท้ายใช่ไหม (คำนวณไม่ค่อยตรง)
ไม่เคยดูคับ คิดเองเอาดีกว่า ในเวบผมเจอปัญหาไม่ตรงกะที่เราคิดอยู่บ่อยๆ
( แต่ก็อาจจะมีประโยชน์ในแง่การดูเพื่อสกรีนคร่าวๆ นะคับ )
4 เมื่อ value investor มีจำนวนมากขึ้น จะเกิดอะไรขึ้น Mr. Market จะตายไปรึเปล่า (เห็นเดี๋ยวนี้ VI เยอะแยะ)
ยุค IT ที่ใครๆก็เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายๆแบบนี้ สิ่งที่ทำให้นลท สองคนแตกต่างกันคือการควบคุมจิตใจ... ไม่ใช่เรื่องของข้อมูลอีกต่อไป
ตราบใดที่คนเรายังไม่เป็นอรหันต์กันหมด นายตลาดก็ยังคงมีต่อไปแหล่ะคับ
มีเพื่อนนลท pm คำถามที่น่าสนใจมาถาม ขออนุญาตินำมาเผยแพร่นะคับ
1 ว่าด้วยเรื่อง EPS เวลาผมจะคำนวณ EPS จะคิดโดยเอา
Revenues - COGs >>> Operating income
Operating income - SGA และ expense อืน >>> EBT
EBT - Tax >>> Net profit
[Net profit - divided yield]/Shares >>> EPS
ได้หรือไม่
ได้คับ
ขอถามสืบเนื่องว่า PE ที่พี่คำนวณเพื่อหา fair value นั้น พี่ใช้ forward PE ที่อิงกลุ่มร่วมกับ EPS ที่พี่คำนวณเองใช่ไหม
เรื่องพีอีผมใช้ factor 4 อย่างพิจารณาครับ
1.1 คุณภาพของ earning.... ถ้าเป็นกำไรที่สเถียร ( อย่างเช่นค้าปลีก ) ก็มีแนวโน้มที่จะให้ pe ที่สูงกว่า
1.2 pe เฉลี่ยของกลุ่ม
1.3 Historical PE ของหุ้นตัวนั้นเอง
1.4 Free cash flow - ถ้า cash flow บวกมากๆ ก็มีแนวโน้มที่จะให้ PE ที่สูงขึ้น
2 Tax จะคำนวณยังไง ดู%ปีก่อนๆ ??
TAX ใช้ฐานภาษีจากปีก่อนๆมาคิดครับ
ถ้าบางตัวจะเอาแบบ accurate มากๆ ก็โทรไปถาม IR เพราะบางทีบริษัทมีรายได้หลายส่วน และแต่ละส่วนมีอัตราภาษีไม่เท่ากัน
3 ตาม web ที่บอก PE เค้าใช้ EPS ของไตรมาศสุดท้ายใช่ไหม (คำนวณไม่ค่อยตรง)
ไม่เคยดูคับ คิดเองเอาดีกว่า ในเวบผมเจอปัญหาไม่ตรงกะที่เราคิดอยู่บ่อยๆ
( แต่ก็อาจจะมีประโยชน์ในแง่การดูเพื่อสกรีนคร่าวๆ นะคับ )
4 เมื่อ value investor มีจำนวนมากขึ้น จะเกิดอะไรขึ้น Mr. Market จะตายไปรึเปล่า (เห็นเดี๋ยวนี้ VI เยอะแยะ)
ยุค IT ที่ใครๆก็เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายๆแบบนี้ สิ่งที่ทำให้นลท สองคนแตกต่างกันคือการควบคุมจิตใจ... ไม่ใช่เรื่องของข้อมูลอีกต่อไป
ตราบใดที่คนเรายังไม่เป็นอรหันต์กันหมด นายตลาดก็ยังคงมีต่อไปแหล่ะคับ
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
บันทึกช่วยจำครึ่งปี 53 ของผม
โพสต์ที่ 60
สวัสดีครับพี่หมอ
ผมอยากถามความเห็นของพี่หมอว่า กรณีเราเจอบริษัทที่ดี ราคา undervalue แต่จ้าวโหดเหลือเกิน ทุบขึ้นทุบลง พี่หมอจะลงทุนในหุ้นตัวนี้ไหมครับ
ในทัศนะของผม เนื่องจากผมเป็น fundamentalist ที่ไม่สนใจ technical เลย ดังนั้นในความคิดเห็นของผม ถ้าผมเจอหุ้นที่ undervalue มากๆ ผมก็ซื้อเลย.... เจอวันไหน ซื้อวันนั้น
เพียงแต่ผมจะทะยอยแบ่งซื้อ
วันแรกผมจะซื้อ 50% ของที่ตั้งใจ วันต่อๆมาผมจะทะยอยซื้ออีกวันละ 10 -15% ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงไปกว่าวันแรก
เหตุที่ผมทำเช่นนี้ ก็เนื่องจากผมต้องการลดความเสี่ยงไม่ให้ต้นทุนของผม"โดด"เกินไป ( ซึ่งมักจะเกิดอยู่บ่อยๆ ในกรณีที่เราซื้อหุ้น 100% ในคราวเดียว )
ในกรณีหุ้นที่ดูไม่ค่อย"คลีน"นัก ผมก็อาจจะต้องระมัดระวังตัวเพิ่ม ด้วยการทะยอยซื้อให้หลายครั้งขึ้น เช่น ครั้งแรกอาจจะลดเหลือแค่ 30% เพราะหุ้นทำนองนี้อาจจะสวิงได้รุนแรงมาก ทำให้ต้นทุนของเรา"โดด" ได้มากกว่าหุ้นที่คลีนๆ
ผมไม่เคยกลัวจ้าวนะครับ.... ถ้าผมมั่นใจในพื้นฐานของบริษัท
อันที่จริง ผมออกจะชอบใจเสียด้วยซ้ำที่มีจ้าวมาทำราคา เพราะการที่มีจ้าวก็เป็นการการันตีเราว่าหุ้นของเราตัวนี้ จะไม่เป็นหุ้น"ถูกเรื้อรัง"แน่นอน ( ผมเคยมีประสบการณ์ ถือหุ้นคลีนๆ แล้ว"ถูกเรื้อรัง" ไม่ไปไหนเป็นปีๆอยู่เรื่อยๆครับ )
ผมอยากถามความเห็นของพี่หมอว่า กรณีเราเจอบริษัทที่ดี ราคา undervalue แต่จ้าวโหดเหลือเกิน ทุบขึ้นทุบลง พี่หมอจะลงทุนในหุ้นตัวนี้ไหมครับ
ในทัศนะของผม เนื่องจากผมเป็น fundamentalist ที่ไม่สนใจ technical เลย ดังนั้นในความคิดเห็นของผม ถ้าผมเจอหุ้นที่ undervalue มากๆ ผมก็ซื้อเลย.... เจอวันไหน ซื้อวันนั้น
เพียงแต่ผมจะทะยอยแบ่งซื้อ
วันแรกผมจะซื้อ 50% ของที่ตั้งใจ วันต่อๆมาผมจะทะยอยซื้ออีกวันละ 10 -15% ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงไปกว่าวันแรก
เหตุที่ผมทำเช่นนี้ ก็เนื่องจากผมต้องการลดความเสี่ยงไม่ให้ต้นทุนของผม"โดด"เกินไป ( ซึ่งมักจะเกิดอยู่บ่อยๆ ในกรณีที่เราซื้อหุ้น 100% ในคราวเดียว )
ในกรณีหุ้นที่ดูไม่ค่อย"คลีน"นัก ผมก็อาจจะต้องระมัดระวังตัวเพิ่ม ด้วยการทะยอยซื้อให้หลายครั้งขึ้น เช่น ครั้งแรกอาจจะลดเหลือแค่ 30% เพราะหุ้นทำนองนี้อาจจะสวิงได้รุนแรงมาก ทำให้ต้นทุนของเรา"โดด" ได้มากกว่าหุ้นที่คลีนๆ
ผมไม่เคยกลัวจ้าวนะครับ.... ถ้าผมมั่นใจในพื้นฐานของบริษัท
อันที่จริง ผมออกจะชอบใจเสียด้วยซ้ำที่มีจ้าวมาทำราคา เพราะการที่มีจ้าวก็เป็นการการันตีเราว่าหุ้นของเราตัวนี้ จะไม่เป็นหุ้น"ถูกเรื้อรัง"แน่นอน ( ผมเคยมีประสบการณ์ ถือหุ้นคลีนๆ แล้ว"ถูกเรื้อรัง" ไม่ไปไหนเป็นปีๆอยู่เรื่อยๆครับ )