ROE กับ PRICE มันไม่เกี่ยวกันเลยใช่หรือไม่

[ayethebing]

ตอบโจทย์นี้ได้ต้องดูว่าอยู่กลุ่มธุรกิจใด

ถ้าเป็นกลุ่มแบงก์ ผมจะเลือกบริษัท A (ทุนเรานิดเดียวไปปล่อยกู้ได้ดอก 5% เราได้เงินตั้ง 60% ความเสี่ยงที่มีเกิดจากอย่างเดียวคือ NPL)
กลุ่มพัฒนาอสังหา ผมเลือกกลางๆ อย่าง B หรือ C (เงินลงทุนจะจมอย่างมากเพราะใช้เงินเยอะในการสร้างอสังหา กู้ดีแล้ว เอาดอกเบี้ย มาหักค่าใช้จ่ายได้ แต่ หนี้เยอะไปก็ไม่ดีเสี่ยงเกินไป เอากลางๆ ดีกว่า)
กลุ่มโรงงานผลิต เอา D อยู่แล้น แต่ C ก็ไม่น่าเกลี่ยด

แต่ดูปีเดียวไม่ได้อะ ต้องดูหลายๆ ปี

เครื่องมือ ROE ROA ผมว่าใช้เป็นตัวกรองหุ้นได้แต่ใช้คิดมูลค่าหุ้นไม่ค่อยได้

[navapon]

หากกำไรสูง ROE ก็สูงตามบางบริษัทมีการขายทรัพย์สินออกไป ROE ก็เลยสูง ต้องเข้าไปดูด้วยว่ากำไรมาจากใหน บางบริษัท ROE สูงแค่ชัวคราวในยามวัฐจักรขาขึ้น ต้องดูด้วยว่า ROE สม่ำเสมอเหรือไม่

ขอถามด้วยครับว่าการขายสินทรัพย์ทำให้ roe สูงได้อย่างไร ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ การขายสินทรัพย์ทำให้กำไรมากขึ้นแต่ตัวหารคือส่วนของผู้ถือหุ้นก็มากตามไปด้วย ?? เพราะว่า มันจะไปเพิ่มในส่วนของกำไรสะสมนะ ผมว่าอย่างนี้นะ ไม่รู้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่า

[yoyo]

ผมเลือก D ครับ.. roe 30% นี่ก็ถือว่าสูงมาก แถมยังไม่มีหนี้อีก..
บริษัท C นี่ roe 40% สูงมาก D/E 1 เท่าก็อยู่ในข่ายที่ลงทุนได้

B กับ A นี้หนี้สูงเกินไปข้ามไปเลยดีกว่า
เพราะงั้นถ้าในการลงทุนจริงๆ ผมจะซื้อ D ซัก 65% แล้ว C ซัก 35% น่าจะกำลังดี

ส่วน PPD นั้นผมยกตัวอย่างมาให้ดูเล่นๆครับ ผมไม่ได้ตามตัวธุรกิจมันละเอียดเท่าไหร่.. เพราะมันเหมือนจะอิ่มๆตัวแล้ว หันไปดูตัวที่ Growth เยอะดีกว่า แต่ยังไง PPD ตอนนี้ก็ Trade อยู่ที่ PE ประมาณ 10 เท่าครับ

[unnop.t]

ถ้าอยู่ในช่วงเศรษฐกิจยังลูกผีลูกคน มีความไม่แน่นนอนอยู่สูง ผมขอเลือก ข้อ D เพราะแสดงว่าบริษัทมี competitive advantage กว่าบริษัทคู่แข่ง ไม่มีหนี้ ถ้าเกิดวิกฤต จะอยู่รอดได้สบาย ๆ ลงทุนแล้วสบายใจกว่า

ถ้าภาพรวมเศรษฐกิจในเกณฑ์ค่อนข้างดี ผมจะลงทุนในข้อ C เพราะสามารถทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี มีหนี้ไม่มาก บริษัทอาจกู้มาบ้างเพื่อขยายกิจการรองรับการเติบโต โดยน่าจะมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แต่ ข้อ A กับ B ขอผ่านเพราะมองว่าเสี่ยงเกินไป ไม่ชอบ  :)

[myway]

คนตอบกันล้มหลาม

ที่ถาม เพราะ ผมค้นเจอหุ้นตัวหนึ่ง ที่ ROE เพิ่มเรื่อยๆ  โดยมีหนี้น้อยมาก   แต่ราคาอาจจะกำลังวิ่ง ปีนี้วิ่งไปแล้ว 100% กว่าๆ  เลยไม่เข้าใจเรื่อง ROE กับ ราคาหุ้น

หากมีหุ้นที่ ปีหน้า ROE >60   ปีต่อๆไป อาจเพิ่มจน >90  จะซื้อดีหรือไม่?




ผมเคยถามคล้ายๆแบบนี้ เมื่อ feb 2010 แต่อ้างอิงหุ้น STA (ณ ราคา 26 ก่อนแตกพาร์ และวิ่งไป 500% ใน 4 เดือน)  กลับไม่มีคน มองออกเลย  

ดูกระทู้เก่าได้
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... hlight=sta

[navapon]

ขอบคุณครับ คุณ myway ถึงตอนนี้ผมรู้แล้ว ถ้าเจอหุ้นแบบนี้อีกตามที่คุณว่า เราจะต้องทำอย่างไรกับมัน

[myway]

ผมไม่ได้ หมายถึง sta นะ ตัวนั้น ราคาวิ่งมาเยอะมาก  แม้ ROE สูง


แต่ก็ดีครับ     ผมขอยกตัวอย่าง หุ้นจริงๆ เพื่อการศึกษาเลย ล่ะกัน

ที่ผมสงสัยคือ หุ้นที่ ROE สูงๆ  แต่ราคาวิ่งไปมากแล้วเช่น

STPI   ROE >70
STA , MCS ,   ล้วนมี ROE สูง  แต่ราคา วิ่งมา มากกว่า 100% กันหมดเลย

ยังน่าลงทุนหรือไม่????


โดยส่วนตัวผมจะเล็งหุ้น ที่ ROE กำลังเพิ่ม   ราคาหุ้นจะพุ่งเป็นจรวดเลย  เห็นผลภายใน 1-2 ปี   ซึ่งไม่ใช่หุ้น ที่กล่าวมาเลย

[unnop.t]

ประเด็นอยู่ที่ความสม่ำเสมอของ ROE ทั้ง STA หรือ STPI ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะเป็นหุ้นวัฎจักร และหุ้นรับเหมา  ผมไม่มีหุ้นนนะครับ

[picklife]

ขอตอบก่อนนะครับตามมารยาท

1.สมมุติให้บริษัทA B C D มีปัจจัยพื้นฐานเหมือนๆกัน และอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน คุณจะเลือกลงทุนในบริษัทใดครับ?
A ROA>=5, ROE=60
B ROA=10, ROE=50
C ROA=20, ROE=40
D ROA=30, ROE=30

ตอบ
ผมเลือกทันทีคงเป็นบ.Aครับเล่นระยะไตรมาส
แต่จะจับตาดูบริษัทDหากมีปัจจัยใดที่ส่งผลให้ROEเพิ่มขึ้นจะรีบเข้าทันทีครับ

ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นละครับ คุณ picklife จะเลือกบริษัทไหน

แฮ๊ะๆพี่pongoทักมาให้คิดหนักเลยครับ
ถ้ามองละเอียดคงมองเพิ่มที่
1.ถ้าดอกขาขึ้น ถ้าขึ้นไม่มากคงฟอแคสดูว่ากระทบขนาดไหนถ้าไม่มากคงยังเลือกAครับ
2.ดูเพื่อนๆที่เป็นคู่แข่ง ถ้าROAพอๆกันไม่ต่างกันมากคงยังเลือกAครับ แต่หากธุรกิจเดียวกันแต่ROAเราน้อยกว่าเขาแบบสุดขั้ว หรือA-Dเป็นคู่แข่งในธุรกิจแบบเดียวกันคงเลือกDครับ

[picklife]

ปล1.แล้วถ้าเป็นพี่pongo จะเลือกตัวไหนหรอครับ?

ปล2. งั้นผมขอเพิ่มคำถามอีก2ข้อนะครับ
1.1 ถ้าA-D เป็นกลุ่มธุรกิจเดียวกันเพื่อนๆจะเลือก?
1.2 ถ้าA-D เป็นกลุ่มธุรกิจต่างกันเพื่อนๆจะเลือก?

[picklife]

ผมเลือก D ครับ.. roe 30% นี่ก็ถือว่าสูงมาก แถมยังไม่มีหนี้อีก..
บริษัท C นี่ roe 40% สูงมาก D/E 1 เท่าก็อยู่ในข่ายที่ลงทุนได้

B กับ A นี้หนี้สูงเกินไปข้ามไปเลยดีกว่า
เพราะงั้นถ้าในการลงทุนจริงๆ ผมจะซื้อ D ซัก 65% แล้ว C ซัก 35% น่าจะกำลังดี

โยมากครับ ได้มุมมองมากเลยครับ

[picklife]

ตอบโจทย์นี้ได้ต้องดูว่าอยู่กลุ่มธุรกิจใด

ถ้าเป็นกลุ่มแบงก์ ผมจะเลือกบริษัท A (ทุนเรานิดเดียวไปปล่อยกู้ได้ดอก 5% เราได้เงินตั้ง 60% ความเสี่ยงที่มีเกิดจากอย่างเดียวคือ NPL)
กลุ่มพัฒนาอสังหา ผมเลือกกลางๆ อย่าง B หรือ C (เงินลงทุนจะจมอย่างมากเพราะใช้เงินเยอะในการสร้างอสังหา กู้ดีแล้ว เอาดอกเบี้ย มาหักค่าใช้จ่ายได้ แต่ หนี้เยอะไปก็ไม่ดีเสี่ยงเกินไป เอากลางๆ ดีกว่า)
กลุ่มโรงงานผลิต เอา D อยู่แล้น แต่ C ก็ไม่น่าเกลี่ยด

แต่ดูปีเดียวไม่ได้อะ ต้องดูหลายๆ ปี

เครื่องมือ ROE ROA ผมว่าใช้เป็นตัวกรองหุ้นได้แต่ใช้คิดมูลค่าหุ้นไม่ค่อยได้

คาราวะครับพี่ คำถามเดียวแต่สามารถแจกแจงมองทุกมุมมองได้ ขอบคุณครับ

ปล.รบกวนถามพี่เพิ่มจากข้อความนี้นะครับ

เครื่องมือ ROE ROA ผมว่าใช้เป็นตัวกรองหุ้นได้แต่ใช้คิดมูลค่าหุ้นไม่ค่อยได้

งั้นบริษัทที่น่าลงทุนในสายพี่คืออะไรครับ พี่มีConceptยังไงครับ
บริษัทดีมากแพงมาก
บริษัทดีแต่แพง
บริษัทปานกลางราคาปานกลาง
บริษัทไม่ค่อยดีนักราคาถูก
(กรณีเราหาหุ้นที่บริษัทดีมากแต่ราคาถูกไม่เจอนะครับ พี่จะสนใจตัวไหนครับ)

[pongo]

ปล1.แล้วถ้าเป็นพี่pongo จะเลือกตัวไหนหรอครับ?

ปล2. งั้นผมขอเพิ่มคำถามอีก2ข้อนะครับ
1.1 ถ้าA-D เป็นกลุ่มธุรกิจเดียวกันเพื่อนๆจะเลือก?
1.2 ถ้าA-D เป็นกลุ่มธุรกิจต่างกันเพื่อนๆจะเลือก?

ถ้าบังคับเลือก ผมเลือก D ครับ ขอ ROE 30% และไม่มีหนี้ก็พอ
A นี่หนี้เยอะเกินไป มีความเสี่ยงสูง

ส่วนคำถาม ปล.1 เป็็นกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ผมก็เลือก C ครับ มีหนี้บ้างแบบพอดีๆ
ส่วน ปล. 2 กลุ่มธุรกิจต่างกัน ถ้าดูแค่ ROA ROE สำหรับผม คงเลือกไม่ได้ครับ ขอผ่าน