มี กูรู ท่านนึงเสนอให้ไทย fix ค่าเงินกับ ดอลล่าร์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 325
- ผู้ติดตาม: 0
มี กูรู ท่านนึงเสนอให้ไทย fix ค่าเงินกับ ดอลล่าร์
โพสต์ที่ 3
ผมกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน..
ขอถามเพื่อเป็นความรู้นะครับ
ในเมื่อค่าเงินเราแข็งเกินไป...
ทำไมเราไม่ประกาศลดค่าเงินไปเลยอีก 5%-10%
ขณะเดียวกัน ประกาศ Capital Control สำหรับเงินใหม่ที่จะเข้ามาในไทย (เฉพาะเงินใหม่)..ว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 1 ปี ไม่งั้นหักภาษี 10%
แล้วออกพันธบัตรอายุ 3 ปี สกัดเงินเฟ้อจาก Cost Push..
คือ ตามความเข้าใจผม เงินต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรเยอะมาก..เราประกาศลดค่าเงินไปเลย 10% เงินใหม่หากจะเข้ามาก็จะเจอมาตรการ Capital Control เงินเก่าจะขาดทุน หากเข้ามาเก็งกำไร แต่จะถอนไปก็ไม่คุ้ม เพราะส่งเงินก้อนใหม่เข้ามาไม่ได้...
พอลดค่าเงิน เงินต่างชาติที่เข้ามาใหม่จำนวนมาก จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ และผลจากลดค่าเงิน ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มอีกจาก Cost Push ก็ให้ธนาคารชาติออกพันธบัตรดึงเงินออกจากระบบ..
เงินต่างชาติที่เข้ามาใหม่ ให้รัฐเอาไปลงทุนทำ Sovereign Fund โดยไม่ต้องกู้เงินต่างชาติให้เสียดอกเบี้ย ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยพันธบัตร ถือเป็นสวัสดิการของประชาชนคนไทย โดยให้คนสูงอายุได้สิทธิ์ซื้อก่อน
ข้อดี..
เราได้สร้าง Soveriegn Fund ด้วยเงินคนอื่นไม่ต้องลงทุน
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น กลับตกเป็นของคนไทย
ค่าเงินอ่อนลง สามารถแข่งขันในตลาดได้ ดึงให้เงินใหม่เข้ามาอีก เรายิ่งได้เงิน soveriegn ก้อนใหม่ๆ มาอีก..
คือ ผมกำลังนึกถึง Model ของจีนอยู่น่ะครับ..คือ กดค่าเงินให้อ่อน ดันดอกเบี้ยภายในให้สูง ไม่แคร์เงินต่างชาติจะว่าเข้ามาใหม่ เพราะมีการควบคุมการเข้าออกพอสมควร..ประเทศชาติมีแต่ได้กับได้..
ทำไมประเทศไทย ไม่ทำแบบเดียวกัน หรือ เราติดขัดอะไรครับ
:?: :?:
ขอถามเพื่อเป็นความรู้นะครับ
ในเมื่อค่าเงินเราแข็งเกินไป...
ทำไมเราไม่ประกาศลดค่าเงินไปเลยอีก 5%-10%
ขณะเดียวกัน ประกาศ Capital Control สำหรับเงินใหม่ที่จะเข้ามาในไทย (เฉพาะเงินใหม่)..ว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 1 ปี ไม่งั้นหักภาษี 10%
แล้วออกพันธบัตรอายุ 3 ปี สกัดเงินเฟ้อจาก Cost Push..
คือ ตามความเข้าใจผม เงินต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรเยอะมาก..เราประกาศลดค่าเงินไปเลย 10% เงินใหม่หากจะเข้ามาก็จะเจอมาตรการ Capital Control เงินเก่าจะขาดทุน หากเข้ามาเก็งกำไร แต่จะถอนไปก็ไม่คุ้ม เพราะส่งเงินก้อนใหม่เข้ามาไม่ได้...
พอลดค่าเงิน เงินต่างชาติที่เข้ามาใหม่จำนวนมาก จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ และผลจากลดค่าเงิน ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มอีกจาก Cost Push ก็ให้ธนาคารชาติออกพันธบัตรดึงเงินออกจากระบบ..
เงินต่างชาติที่เข้ามาใหม่ ให้รัฐเอาไปลงทุนทำ Sovereign Fund โดยไม่ต้องกู้เงินต่างชาติให้เสียดอกเบี้ย ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยพันธบัตร ถือเป็นสวัสดิการของประชาชนคนไทย โดยให้คนสูงอายุได้สิทธิ์ซื้อก่อน
ข้อดี..
เราได้สร้าง Soveriegn Fund ด้วยเงินคนอื่นไม่ต้องลงทุน
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น กลับตกเป็นของคนไทย
ค่าเงินอ่อนลง สามารถแข่งขันในตลาดได้ ดึงให้เงินใหม่เข้ามาอีก เรายิ่งได้เงิน soveriegn ก้อนใหม่ๆ มาอีก..
คือ ผมกำลังนึกถึง Model ของจีนอยู่น่ะครับ..คือ กดค่าเงินให้อ่อน ดันดอกเบี้ยภายในให้สูง ไม่แคร์เงินต่างชาติจะว่าเข้ามาใหม่ เพราะมีการควบคุมการเข้าออกพอสมควร..ประเทศชาติมีแต่ได้กับได้..
ทำไมประเทศไทย ไม่ทำแบบเดียวกัน หรือ เราติดขัดอะไรครับ
:?: :?:
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
มี กูรู ท่านนึงเสนอให้ไทย fix ค่าเงินกับ ดอลล่าร์
โพสต์ที่ 5
สถานการณ์มันต่างกันเยอะนะครับyaajaar เขียน:ผมก็สงสัยว่า
ถ้าเราFIXค่าเงิน แล้ววันนึงถ้าเราต้องปล่อยลอยตัวอีก มันจะมีต้มยำกุ้ง2อีกมั้ยครับ
และการเปิดตลาดเงินบาทนอกประเทศมันดีไม่ดียังไงครับ
ตอนนั้นเงินเราจะอ่อนแต่เราไปตรึงไว้
ตอนนี้เงินเราจะแข็ง
ถ้าเราตรึงไว้เงินค่าเงินจะไม่แข็งเกินจริง เงินต่างชาติก็จะหยุดไหลหรือไหลเข้ามาก็ไม่ทำให้การส่งออกเสียหาย
ส่วนถ้าเขาจะโจมตีค่าเงิน เขาจะต้องซื้อบาทหรือขายทอง อันนี้ผมยังนึกไม่ออกว่าจะมีผลกระทบยังไงหรือมีทางแก้ยังไง
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
มี กูรู ท่านนึงเสนอให้ไทย fix ค่าเงินกับ ดอลล่าร์
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากครับ
สำหรับผม ผมว่า
เราไม่ต้องไปคิดหรอกครับว่าธปท.จะทำอะไร
เพราะเราคงมีอำนาจไม่พอที่จะผลักดันเค้า
เราควรคิดว่า เค้ากำลังจะทำอะไร แล้วเราควรปรับตัว(กอบโกย)ยังไงมากกว่า
ในโลกทุนนิยมมันเป็นเช่นนี้ครับ
ไม่งั้นไม่มีเศรษฐีที่รวยมาจากยุคต้มยำกุ้งหรอกครับ
สำหรับผม ผมว่า
เราไม่ต้องไปคิดหรอกครับว่าธปท.จะทำอะไร
เพราะเราคงมีอำนาจไม่พอที่จะผลักดันเค้า
เราควรคิดว่า เค้ากำลังจะทำอะไร แล้วเราควรปรับตัว(กอบโกย)ยังไงมากกว่า
ในโลกทุนนิยมมันเป็นเช่นนี้ครับ
ไม่งั้นไม่มีเศรษฐีที่รวยมาจากยุคต้มยำกุ้งหรอกครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.