20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 1
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออกจาก Fidelity Magellan (FMAGX)
ในเดือน พค 1990 ผ่านมา 20 ปี ผลตอบแทนของกองทุนนี้แย่เอามากๆ
ผลตอบแทนเข้าใกล้ 0 เลยทีเดียว
yahoo finance เอื้อเฟื้อภาพ
http://yhoo.it/bNFpEw
ในเดือน พค 1990 ผ่านมา 20 ปี ผลตอบแทนของกองทุนนี้แย่เอามากๆ
ผลตอบแทนเข้าใกล้ 0 เลยทีเดียว
yahoo finance เอื้อเฟื้อภาพ
http://yhoo.it/bNFpEw
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 4
ของไทยมีผู้จัดการกองทุนไหน โดดเด่นมีชื่อเสียงเหมือน ปรมาจารย์ Peter Lynch ไหมครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 7
สำนัก ที่มีเจ้าสำนัก ชื่อ ลูกอีสาน ครับSunShine@Night เขียน:ของไทยมีผู้จัดการกองทุนไหน โดดเด่นมีชื่อเสียงเหมือน ปรมาจารย์ Peter Lynch ไหมครับ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 8
เห็นแล้วก็สะท้อนใจ logic ในวันวานของตัวเองตอนอายุ 12-13
อยากขึ้นสู่จุดสูงสุดเร็วๆ การคิดถึงแต่จุดสูงสุด สิ่งที่รออยู่หลังจากนั้น
คือเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว มานะ เรี่ยวเเรงที่มีก็พลันเหือดหายไป
อย่างสืบสาวราวเรื่องไม่ได้ซะด้วย :lol: :lol:
หลังๆๆ กลับเห็นแต่ความเหนื่อยยากของคนที่เป็น no.1 ที่ต้องรักษาเข็มขัดคิดแล้ว การเป็นที่ 1 นี่ไม่น่าอภิรมย์มากไปกว่า การเป็น no.2..3 ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ท้าชิง (Challenger) มีโอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ได้ เรี่ยวแรง ขวัญ กำลังใจความฝันที่จะไปสู่ ที่ๆสูงกว่าเก่า มีอยุ่เต็มอักโข ซึ่งที่ 1 ในวันวานไม่มีแล้ว ที่2..3ถึงแพ้ก็ได้ประสบการณ์ที่จะกลับมาแก้มือกันภายหลัง รวมๆแล้วได้มากกว่าเสีย.. :lol:
ผมอยากเป็น Challenger ไปนานๆ ที่ค่อยๆตุ๊ยท้อง no.1 สักวัน มันต้องการ์ดตกอย่างแน่นอน :twisted:
อยากขึ้นสู่จุดสูงสุดเร็วๆ การคิดถึงแต่จุดสูงสุด สิ่งที่รออยู่หลังจากนั้น
คือเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว มานะ เรี่ยวเเรงที่มีก็พลันเหือดหายไป
อย่างสืบสาวราวเรื่องไม่ได้ซะด้วย :lol: :lol:
หลังๆๆ กลับเห็นแต่ความเหนื่อยยากของคนที่เป็น no.1 ที่ต้องรักษาเข็มขัดคิดแล้ว การเป็นที่ 1 นี่ไม่น่าอภิรมย์มากไปกว่า การเป็น no.2..3 ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ท้าชิง (Challenger) มีโอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ได้ เรี่ยวแรง ขวัญ กำลังใจความฝันที่จะไปสู่ ที่ๆสูงกว่าเก่า มีอยุ่เต็มอักโข ซึ่งที่ 1 ในวันวานไม่มีแล้ว ที่2..3ถึงแพ้ก็ได้ประสบการณ์ที่จะกลับมาแก้มือกันภายหลัง รวมๆแล้วได้มากกว่าเสีย.. :lol:
ผมอยากเป็น Challenger ไปนานๆ ที่ค่อยๆตุ๊ยท้อง no.1 สักวัน มันต้องการ์ดตกอย่างแน่นอน :twisted:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 11
นอกจากไม่ไปไหนแล้วยังแพ้ S&P ขาดลอยหมายถึงราคาไม่ได้ไหนเหรอครับ
ถ้าลงทุนในดรรชนี 20 ปีจะได้ผลตอบแทน
S&P +200%
DJ + 300%
NASDAQ + 400%
FMAGX ดูจากราฟกะๆเอา คงประมาณ 10%
ลองกดตาม link แล้วเปลี่ยนวันที่เป็นประมาณ 1990 ดูครับ กราฟจะสวยมาก
เหมือนดรรชนีแต่ผลต่อบแทนต่ำกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 15
ความเห็นผมนะครับ
1. ขนาดของกองทุนต่างกันระดับไหน ก่อนและหลังจาก ลินซ์ลาออก??? คนที่มาหลังลินซ์ ต้องเหนื่อยมากกว่าเพราะกองทุนขนาดใหญ่ขึ้น
2. มองว่าวิธีการลงทุนเป็นความสามารถเฉพาะตัวของตัวเค้าเอง จนสุดท้ายต้องลาออกเพราะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว (ลินซ์ ถือหุ้นหลายร้อยบริษัทในคราวเดียวกัน)
คนมารับช่วงน่าจะลำบากในการลงทุนโดยวิธีการแบบลินซ์ ประกอบกับเหตุผลในข้อ 1 ผลตอบแทนจึงแพ้ตลาดแบบนี้
1. ขนาดของกองทุนต่างกันระดับไหน ก่อนและหลังจาก ลินซ์ลาออก??? คนที่มาหลังลินซ์ ต้องเหนื่อยมากกว่าเพราะกองทุนขนาดใหญ่ขึ้น
2. มองว่าวิธีการลงทุนเป็นความสามารถเฉพาะตัวของตัวเค้าเอง จนสุดท้ายต้องลาออกเพราะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว (ลินซ์ ถือหุ้นหลายร้อยบริษัทในคราวเดียวกัน)
คนมารับช่วงน่าจะลำบากในการลงทุนโดยวิธีการแบบลินซ์ ประกอบกับเหตุผลในข้อ 1 ผลตอบแทนจึงแพ้ตลาดแบบนี้
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 16
สำนักsan เขียน:SunShine@Night เขียน:ของไทยมีผู้จัดการกองทุนไหน โดดเด่นมีชื่อเสียงเหมือน ปรมาจารย์ Peter Lynch ไหมครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 18
เห็นด้วยครับคิดเหมือนกันเลยiceberg เขียน:ความเห็นผมนะครับ
1. ขนาดของกองทุนต่างกันระดับไหน ก่อนและหลังจาก ลินซ์ลาออก??? คนที่มาหลังลินซ์ ต้องเหนื่อยมากกว่าเพราะกองทุนขนาดใหญ่ขึ้น
2. มองว่าวิธีการลงทุนเป็นความสามารถเฉพาะตัวของตัวเค้าเอง จนสุดท้ายต้องลาออกเพราะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว (ลินซ์ ถือหุ้นหลายร้อยบริษัทในคราวเดียวกัน)
คนมารับช่วงน่าจะลำบากในการลงทุนโดยวิธีการแบบลินซ์ ประกอบกับเหตุผลในข้อ 1 ผลตอบแทนจึงแพ้ตลาดแบบนี้
คล้าย ๆ คำสาปของผู้ชนะ แต่เป็นคำสาปของลินซ์
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 165
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 19
น่าคิดเหมือนกันครับ แต่ผมคิดว่าบัฟเฟตคงเลือกตัวแทนของเค้าได้ดีแน่ๆunnop.t เขียน:น่าคิดเหมือนกันนะครับ ถ้าต่อไปเบริกไชค์ไม่มีบัฟเฟ็ตกับมังเจอร์แล้วจะเป็นอย่างไร กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์
ส่วนผลตอบแทนของฟิเดลลิตี้นั้นย่ำแย่จริงๆ
เห็นชัดเจนเลยว่า การจะหาใครสักคนมาทำงานแทนกันนั้นไม่ง่ายเลย...
Keep It Simple And Stupid
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 20
เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล ห้ามลอกเลียนแบบหรือเปล่าครับ สำหรับ ลินซ์
กองทุนใหญ่ขึ้น ความคาดหวังมากขึ้น ก็อาจจะเป็นตัวบีบการบริหารผลตอบแทนให้ยากขึ้น ก็ได้นะครับ :lol: :lol:
กองทุนใหญ่ขึ้น ความคาดหวังมากขึ้น ก็อาจจะเป็นตัวบีบการบริหารผลตอบแทนให้ยากขึ้น ก็ได้นะครับ :lol: :lol:
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
20 ปีหลัง Peter Lynch ลาออก
โพสต์ที่ 21
วัฒนธรรมขององค์กรมีผลอย่างมากครับ อย่างน้อยๆก็ระดับหนึ่ง ถ้าคนที่เข้ามาใหม่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี และไม่มาเปลี่ยนโยบายที่มีผลต่อโครงสร้างธุรกิจเดิม การเปลี่ยนแปลงก็น่าจะไม่มีผลเร็วครับ แต่จะค่อยๆซึมบ่อทรายแค่นั้นเอง เหมือนกับปู่วอเรนว่าไว้ว่า เขายังจะดูแลพอร์ตของเขาอยู่ถึงแม้นเขาจะตายไป5ปีแล้วก็ตาม เพราะว่าอย่างน้อยๆหุ้นตัวเดิมๆที่หาเงินให้ก็ยังสามารถหาให้ได้อย่างต่อเนื่องอยู่นั่นเองunnop.t เขียน:น่าคิดเหมือนกันนะครับ ถ้าต่อไปเบริกไชค์ไม่มีบัฟเฟ็ตกับมังเจอร์แล้วจะเป็นอย่างไร กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร