วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 1
การทำงานของ กล้ามเนื้อ ร่างกาย ประสาท ความโลภ ความกลัว และการตอบสนองต่อ หุ้น ^_^
Nevercry.boy, NB 6-พ.ย.-2553
เมื่อครั้งผมทำงาน Lab อยู่ที่ห้อง Anatomy ผมได้เขียนงานวิจัยชิ้นหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยในงาน ergonomicsของผมในขณะนั้น
โดยได้เงินทุนจากสองส่วนคือ มหาวิทยาลัยและส่วนตัว เกี่ยวกับปฏิกริยาตอบสนองของมนุษย์ต่อสิ่งเร้า
การทำงานของมนุษย์นั้นเราสามารถสัมผัสสิ่งเร้า
ระบบประสาทของมนุษย์นั้น แยกตามโครงสร้างได้ 2 ส่วนคือ CNS (Central nervous system)
และ PNS (peripheral nevous system)
แต่ถ้าแยกตามการทำงาน จะแยกเป็นสองส่วน เราเรียกว่า โซมาติก (Somatic nervous system จำง่าย ๆ ว่า SMS) และประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous system, ANS)
ไขสันหลัง (อังกฤษ: spinal cord) คืออวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อยาวผอม ซึ่งมีเนื้อเยื่อประสาทเป็นส่วนประกอบสำคัญ อันได้แก่ เซลล์ประสาท (neuron) และ เซลล์เกลีย (glia)
หรือเซลล์ที่ช่วยค้ำจุนเซลล์ประสาท ซึ่งไขสันหลังจะเป็นส่วนที่ยาวต่อลงมาจากสมอง (brain) สมองและไขสันหลังจะรวมกันเป็นระบบประสาทกลาง (central nervous system)
ซึ่งบรรจุภายในและถูกปกป้องโดยกระดูกสันหลัง (vertebral column) หน้าที่หลักของไขสันหลังคือการถ่ายทอดกระแสประสาท (neural signals)
ระหว่างสมองและส่วนต่างๆของร่างกาย ทั้งนี้เพียงตัวไขสันหลังเอง ยังสามารถควบคุมการเกิดรีเฟล็กซ์ (reflex)
เช่น การยกขาทันทีเมื่อเผลอเหยียบตะปู ซึ่ง response time ในส่วนนี้จะไวมาก ๆ คุณจะยังแยกไม่ออกว่ามันเป็นตะปูจริงรึเปล่า คุณก็จะยกขาขึ้นแล้ว
หรือ คุณคลำของที่หล่นใต้เตียงมืด ๆ แล้วเจอเข็มหมุด คุณจะชักมือกลับทันทีโดยที่คุณจะยังไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่ามันเป็นเข็มหมุดจริงหรือหรือไม่?
(คุณซื้อหรือขายหุ้นในทันที ทั้ง ๆ ที่คุณยังไม่รู้ว่ามันควรหรือไม่?)
พูดในเชิง Anatomy ศัพท์แสงต่าง ๆ ก็จะเป็นดังที่ผมร่ายมา
พูดให้เข้าใจมากขึ้น คือ การตัดสินใจของคนเรา (อันนี้พูดแบบง่าย ๆ ให้เข้าใจนะ) แยกเป็นสองส่วน คือ ผ่านกระบวนการคิด และ สัญชาตญาณ (ผ่านความทรงจำที่บรรจุอยู่ใน spinal cord)
..............................
การบรรจุความทรงจำลงไปใน spinal cord นั้นจะว่า ๆ เป็นสัญชาตญาณก็ได้ จะว่าฝึกฝนได้ก็สามารถทำได้
เช่น เจ้าหน้าที่ฝึกฝนให้ทำงานในที่มืด หากเหยียบโดนสิ่งแปลกปลอม จะไม่ยกขาขึ้นทันที ส่วนนี้เกิดจากการฝึกฝน
คนเล่นหุ้น
บางคนมีปฏิกริยารุนแรงต่อสิ่งที่เห็น เช่น เฮ้ย หุ้นตก เฮ้ย หุ้นขึ้น ขาย ว้อยยยยย ซื้อ ว้อยยยยยย ลุยยยยยยยย ถอยยยยยยยยย
หากเราขาดการฝึกฝนและปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เท่ากับ เราบรรจุความทรงจำที่ห่วย ๆ สะสมไว้ใน spinal cord ของเรา
เราจะพบว่าในภาษาไทย เราจะมีคน "โลภมาก" คน "ขี้กลัว"
ความกลัวและความโลภถูกบรรจุไว้ใน Spinal cord วันข้ามวันปีข้ามปี จนเราปล่อยให้มันท่วม เรา และเราแพ้มัน สุดท้าย
เราจะทนไม่ได้ การที่อยู่หน้าจอแล้วเห็น หุ้นถูกลากขึ้น ลากขึ้น ลากขึ้น ยาววววววววววววปายยยยยยยยยยยย
เราจะตะโกนว่า "ขอด้วยยยยยยยยย รอก่อนนนนนนนนนน ขอช้านปายยยยยยยด้วยคน" ซะงั้น
การใช้เงินมากถึงมากที่สุด ลากหุ้นที่มีคนรู้จักเยอะ หุ้นบลูชิพ เช่น ปตท. หรือ ปูน ขึ้น เช่นช่วงนี้เป็นต้น ^_^
ผมยิ้มมองว่าเป็นจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับนายตลาดผู้มีความฉลาดสูงส่ง อย่าลืมนะคนเพิ่งเปิดพอร์ตเมื่อวานก็รู้จัก ปตท. รู้จัก ปูน จริงมั๊ย
คนเราเมื่อซื้อหุ้นแล้วหุ้นขึ้น โดยไม่รู้ว่าทำไมมันขึ้น ก็จะ ดีใจนะซิ แล้วเผลอ ๆ นะครับ จะพาลดูถูกคนอื่นด้วย (ดูดิ วิเคราะห์แทบตายหุ้นไม่ขึ้น)
นายตลาดผู้มีจิตวิทยาสูง ก็จะชนะเราได้อย่างเด็ดขาด เราก็จะเป็น ไอ้ขี้กลัว และ ไอ้ขี้โลภ ด้วยการกระทำอันไร้เหตุผลของตัวเราเอง เราอยากโดนตราหน้าแบบนั้นมั๊ย นายตลาดยิ้มเยาะ เราอยู่นะ
โปรดอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายถึง ว่านายตลาดจะผิด และไม่ได้หมายถึง ปูน หรือ ปตท. ดีหรือไม่ดี และสิ่งที่ผมเขียนไม่ได้เป็นการแนะนำให้ซื้อหรือขายใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ผมในฐานะนักลงทุนคนหนึ่งที่สนใจจะดูแลสุขภาพจิตของ Mr.Market ก็แค่อยากจะนำแฟ้มประวัติคนป่วยที่ชื่อว่า นายตลาด คนนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ปล. นายตลาดนี้เป็นตัวละคนสมมุติ ผมเอาสุขภาพจิต ของเค้ามาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าคงไม่โดนต่อว่าหรือฟ้องร้องค่าเสียหายนะครับ
(มีต่อครับ แต่ไม่เร็วนะ แล้วแต่เวลาอำนวย)
Nevercry.boy, NB 6-พ.ย.-2553
เมื่อครั้งผมทำงาน Lab อยู่ที่ห้อง Anatomy ผมได้เขียนงานวิจัยชิ้นหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยในงาน ergonomicsของผมในขณะนั้น
โดยได้เงินทุนจากสองส่วนคือ มหาวิทยาลัยและส่วนตัว เกี่ยวกับปฏิกริยาตอบสนองของมนุษย์ต่อสิ่งเร้า
การทำงานของมนุษย์นั้นเราสามารถสัมผัสสิ่งเร้า
ระบบประสาทของมนุษย์นั้น แยกตามโครงสร้างได้ 2 ส่วนคือ CNS (Central nervous system)
และ PNS (peripheral nevous system)
แต่ถ้าแยกตามการทำงาน จะแยกเป็นสองส่วน เราเรียกว่า โซมาติก (Somatic nervous system จำง่าย ๆ ว่า SMS) และประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous system, ANS)
ไขสันหลัง (อังกฤษ: spinal cord) คืออวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อยาวผอม ซึ่งมีเนื้อเยื่อประสาทเป็นส่วนประกอบสำคัญ อันได้แก่ เซลล์ประสาท (neuron) และ เซลล์เกลีย (glia)
หรือเซลล์ที่ช่วยค้ำจุนเซลล์ประสาท ซึ่งไขสันหลังจะเป็นส่วนที่ยาวต่อลงมาจากสมอง (brain) สมองและไขสันหลังจะรวมกันเป็นระบบประสาทกลาง (central nervous system)
ซึ่งบรรจุภายในและถูกปกป้องโดยกระดูกสันหลัง (vertebral column) หน้าที่หลักของไขสันหลังคือการถ่ายทอดกระแสประสาท (neural signals)
ระหว่างสมองและส่วนต่างๆของร่างกาย ทั้งนี้เพียงตัวไขสันหลังเอง ยังสามารถควบคุมการเกิดรีเฟล็กซ์ (reflex)
เช่น การยกขาทันทีเมื่อเผลอเหยียบตะปู ซึ่ง response time ในส่วนนี้จะไวมาก ๆ คุณจะยังแยกไม่ออกว่ามันเป็นตะปูจริงรึเปล่า คุณก็จะยกขาขึ้นแล้ว
หรือ คุณคลำของที่หล่นใต้เตียงมืด ๆ แล้วเจอเข็มหมุด คุณจะชักมือกลับทันทีโดยที่คุณจะยังไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่ามันเป็นเข็มหมุดจริงหรือหรือไม่?
(คุณซื้อหรือขายหุ้นในทันที ทั้ง ๆ ที่คุณยังไม่รู้ว่ามันควรหรือไม่?)
พูดในเชิง Anatomy ศัพท์แสงต่าง ๆ ก็จะเป็นดังที่ผมร่ายมา
พูดให้เข้าใจมากขึ้น คือ การตัดสินใจของคนเรา (อันนี้พูดแบบง่าย ๆ ให้เข้าใจนะ) แยกเป็นสองส่วน คือ ผ่านกระบวนการคิด และ สัญชาตญาณ (ผ่านความทรงจำที่บรรจุอยู่ใน spinal cord)
..............................
การบรรจุความทรงจำลงไปใน spinal cord นั้นจะว่า ๆ เป็นสัญชาตญาณก็ได้ จะว่าฝึกฝนได้ก็สามารถทำได้
เช่น เจ้าหน้าที่ฝึกฝนให้ทำงานในที่มืด หากเหยียบโดนสิ่งแปลกปลอม จะไม่ยกขาขึ้นทันที ส่วนนี้เกิดจากการฝึกฝน
คนเล่นหุ้น
บางคนมีปฏิกริยารุนแรงต่อสิ่งที่เห็น เช่น เฮ้ย หุ้นตก เฮ้ย หุ้นขึ้น ขาย ว้อยยยยย ซื้อ ว้อยยยยยย ลุยยยยยยยย ถอยยยยยยยยย
หากเราขาดการฝึกฝนและปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เท่ากับ เราบรรจุความทรงจำที่ห่วย ๆ สะสมไว้ใน spinal cord ของเรา
เราจะพบว่าในภาษาไทย เราจะมีคน "โลภมาก" คน "ขี้กลัว"
ความกลัวและความโลภถูกบรรจุไว้ใน Spinal cord วันข้ามวันปีข้ามปี จนเราปล่อยให้มันท่วม เรา และเราแพ้มัน สุดท้าย
เราจะทนไม่ได้ การที่อยู่หน้าจอแล้วเห็น หุ้นถูกลากขึ้น ลากขึ้น ลากขึ้น ยาววววววววววววปายยยยยยยยยยยย
เราจะตะโกนว่า "ขอด้วยยยยยยยยย รอก่อนนนนนนนนนน ขอช้านปายยยยยยยด้วยคน" ซะงั้น
การใช้เงินมากถึงมากที่สุด ลากหุ้นที่มีคนรู้จักเยอะ หุ้นบลูชิพ เช่น ปตท. หรือ ปูน ขึ้น เช่นช่วงนี้เป็นต้น ^_^
ผมยิ้มมองว่าเป็นจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับนายตลาดผู้มีความฉลาดสูงส่ง อย่าลืมนะคนเพิ่งเปิดพอร์ตเมื่อวานก็รู้จัก ปตท. รู้จัก ปูน จริงมั๊ย
คนเราเมื่อซื้อหุ้นแล้วหุ้นขึ้น โดยไม่รู้ว่าทำไมมันขึ้น ก็จะ ดีใจนะซิ แล้วเผลอ ๆ นะครับ จะพาลดูถูกคนอื่นด้วย (ดูดิ วิเคราะห์แทบตายหุ้นไม่ขึ้น)
นายตลาดผู้มีจิตวิทยาสูง ก็จะชนะเราได้อย่างเด็ดขาด เราก็จะเป็น ไอ้ขี้กลัว และ ไอ้ขี้โลภ ด้วยการกระทำอันไร้เหตุผลของตัวเราเอง เราอยากโดนตราหน้าแบบนั้นมั๊ย นายตลาดยิ้มเยาะ เราอยู่นะ
โปรดอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายถึง ว่านายตลาดจะผิด และไม่ได้หมายถึง ปูน หรือ ปตท. ดีหรือไม่ดี และสิ่งที่ผมเขียนไม่ได้เป็นการแนะนำให้ซื้อหรือขายใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ผมในฐานะนักลงทุนคนหนึ่งที่สนใจจะดูแลสุขภาพจิตของ Mr.Market ก็แค่อยากจะนำแฟ้มประวัติคนป่วยที่ชื่อว่า นายตลาด คนนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ปล. นายตลาดนี้เป็นตัวละคนสมมุติ ผมเอาสุขภาพจิต ของเค้ามาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าคงไม่โดนต่อว่าหรือฟ้องร้องค่าเสียหายนะครับ
(มีต่อครับ แต่ไม่เร็วนะ แล้วแต่เวลาอำนวย)
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 2
มารอฟังอาจารย์ nevercry ต่อครับ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 4
มันโยงถึงกันนะเนี่ย ..... ขอบคุณพี่ NB ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 5
รอฟังตอนต่อไปครับ
- tea_for_two
- Verified User
- โพสต์: 216
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 6
คุณ NB รอบรู้หลายๆเรื่องจังครับ นับถือ นับถือ m(_ _)m
勝利は苦しさを越えて
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 8
สวัสดีครับ คุณ tea_for_two, น้องฮง, คุณโอโบจามะ, potato, undertakertea_for_two เขียน:คุณ NB รอบรู้หลายๆเรื่องจังครับ นับถือ นับถือ m(_ _)m
ผมไม่ได้เก่งหรือรอบรู้ หรืออยากเรียนมากกว่าคนอื่นเลยครับ แต่ดังคำสุภาษิต เกลียดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้นครับ
ช่วงเทอมแรกของมหาลัย สอบตกเคมี 1
ก็เลย ตกเคมี 2
ก็เลยตก Lab เคมี
ก็เลยตกวิชาที่ใช้ เคมี เป็น Pre-requisite
ตกมันทุกวิชา พอใกล้จะจบก็เลยต้องมาเรียนซ้ำอีกทั้งหมด 11 วิชา! กับเด็กรุ่นน้อง เท่ากับเรียนสองรอบ!
ตอนนั้นว่าไม่ดี พอตอนนี้มองกลับไป จะว่าดีก็ดีครับ
เอาอีก Anatomy ก็เหมือนเดิม Anatomy 1 ตก ทีนี้มันเป็นกฎอย่างหนึ่งครับ ไอ้ Anatomy นี่มันเป็นวิชาที่ ผ่าน/ไม่ผ่าน ไม่มีเกรด ผมก็กะเรียนผ่าน ๆ ไป (ในใจคิดแค่ ผ่าน/ไม่ผ่าน) ไม่มีผลกับเกรด
เจ้ากรรมดันตก
เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะวิชานี้มันดันไปติดเงื่อนไขที่ว่าถ้าติดวิชานี้ต้อง Retire เพราะเป็นวิชาบังคับสมัยนั้น (หลังจากหลักสูตรที่ผมเรียนหนึ่งปี กลายเป็นวิชาเลือก สมัยนี้ไม่บังคับแบบนี้แล้ว!)
ผมมี GPA แต่ดันมาตก Anatomy โอ๊ย ทำไงดี ต้องรีไทร์ เชียวนะครับ
สารภาพสิ่งที่ทำไว้ครับ
ผมไปกราบ ศาสตราจารย์ ผู้มีพระคุณ และสุดท้ายเป็น อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือมาก ขอเกรดครับ
(ฟังไว้เป็นอุทธาหรณ์นะครับ-ไม่ใช่สิ่งที่ดีครับ)
อาจารย์เครียดอยู่หลายวันเพราะเป็นสิ่งที่แกไม่เคยทำ แกย้ำว่าผมต้องรีไทร์!
ผมกราบแกแล้วบอกว่า เลี้ยงผมไว้เถอะแล้วผมจะเอาความรู้ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับมหาลัยให้กับแผ่นดิน ผมขอความกรุณา
ไม่นานต่อมา แกบอกให้ผมมาเป็นนักวิจัยของ Lab และผมเริ่มทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ Anatomy (ซึ่งผมไม่ได้ชอบเล๊ย)
น้อง ๆ เคยอยู่ lab anatomy กับโครงกระดูก หุ่นกล้ามเนื้อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ มั๊ยครับ ลองค้นรูปดูใน net นะครับ อยู่จนเป็นเพื่อนกันนะครับ
ผมยืนยันว่าไม่ได้ชอบเล๊ยยยยยยยยย กะเรียนผ่าน ๆ เทอมเดียว 4 เดือน
แต่สุดท้ายผมต้องอยู่กับมันเป็นเวลา 4 ปีกว่าเกือบ 5 ปีครับ! จาก 4 เดือน เป็น 4 ปี คิดดูครับ
จนงานวิจัยผมเสร็จ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตในช่วงนั้นครับ แต่เมื่องานวิจัยเสร็จ มหาลัยออกทุนให้ส่วนหนึ่ง มีฝรั่ง Scandinavia มาดูงาน และวันที่ ศาสตราจารย์ที่ เดินเข้ามาบอกผม หลังจากที่ benchmark ของผมเป็นที่ยอมรับ (ผมทำ response time เปรียบเทียบกับ HR-Heart Rate และ Oxygen-Consumption เพื่อดู response time ในภาวะร่างกายคนมี stress strain ในระดับที่แตกต่างกัน)
ท่านเดินมาตบหลังแล้วบอกว่าผลการทำ Pair-T-Test (การทดสอบค่าสถิติชนิดหนึ่ง) ของงานวิจัยผม กับ benchmark ระดับโลกใช้ได้ และจะมีฝรั่งบินมาดูงาน
ผมอึ้ง หน้าชา มือสั่น อาจารย์บอก อาจารย์รู้ว่าช่วงที่ผ่านมาผมเหนื่อยมาก
หลังจากนั้น ผมได้ไปทดสอบงานวิจัยกับผู้ป่วยที่มีปัญหาผิดปกติทางด้านการตอบสนอง โดยใช้อุปกรณ์ที่ทำขึ้นมา เพื่อทดสอบว่าผลของการทำกายภาพบำบัด ทำให้ปฏิกริยาของคนไข้เหล่านั้นดีขึ้นรึเปล่า (คนไข้ที่ทำกายภาพบำบัด มีความพยายามมาก ๆ สูงมาก ๆ น้อง ๆ อาจนึกไม่ออก แต่ถ้าได้สัมผัสประสบการณ์เหล่านั้น ผมพูดได้คำเดียวว่า คุณค่าของชีวิตมันมากกว่าที่ผมเคยรู้)
มองกลับไป ณ วันนี้ ดีหรือไม่ดี ณ วันนั้น คงไม่ใช่ประเด็น เงินทองก็ไม่ได้อะไร แต่สิ่งที่ประทับไว้ในความทรงจำคือความภูมิใจครับ
(โทษทีที่นอกเรื่องครับ-ไว้มาต่อหัวข้อเดิม-เรื่องราวนี้ผ่านมาเกือบ 20ปีแล้วครับ)
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 9
[quote="moonorway"]เยี่ยมไปเลยครับ พี่ NB
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 12
สวัสดีครับคุณ PRO_BABY วันนี้วันเสาร์ เรามาคุยกันเรื่องที่ไม่ใช่งบการเงินบ้างก็ดีนะครับPRO_BABY เขียน:ขอคุณครับพี่ NB. รออ่านต่อครับ
Mr.Market นี่ผมว่าเค้าเป็นคนที่เล่นหุ้นเก่งนะครับ จะว่าไปคนที่เล่นหุ้นแล้วชนะ Mr.Market ได้นี่จะมีถึงครึ่งตลาดมั๊ย ไม่รู้
รู้จัก Isaac Newton มั๊ยครับ ใช่คนที่แอ๊ปเปิ้ลหล่นใส่หัว แล้วค้นพบกฎของนิวตันอันยิ่งใหญ่ ใช่แล้วครับ? เ่ก่งขนาดนั้น ระดับไม่รู้จะหัวกระทิยังไงแล้ว ยังเจ๊งหุ้น รู้มั๊ยครับเค้าพูดถึงนายตลาดว่าไง
นิวตันเสียเงินไปกว่า 20,000 ปอนด์ สมัยนั้นประมาณปี 1720 กับบริษัทที่ชื่อว่า South Sea Company ในช่วงเวลาแห่งฟองสบู่ (ประมาณ 2.72 million USD สมัยนี้!) เค้ากล่าวว่า
I can calculate the motions of heavenly bodies, but not the madness of people.
เอาละสิ คนเก่งเจอคนบ้าเข้าแล้วไง?
เก่งขนาดนี้เจอคนบ้าเข้า เก่งก็เก่งเหอะ หงาย
..............................................................
คนบ้าเข้าขั้นกับอัจฉริยะนี่ หลายคนเค้าบอกว่า เป็นคน ๆ เดียวกันนะครับ ในสายตาผม นายตลาด นี่ไม่ใช่ธรรมดา บ้าเข้าขั้นถึงขั้นอัจฉริยะเลยทีเดียว
..............................................................
(มีต่อครับ)
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 13
ความลำบากตรากตรำ สร้างคนให้เหนือคน พี่ NB คงไม่มีความสามารถขนาดนี้ หากไม่พบเจออุปสรรคในวันนั้น...
ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ครับพี่ NB
รออ่านต่อ....
ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ครับพี่ NB
รออ่านต่อ....
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 15
คาดไม่ถึงว่าพี่ NB จะผ่านงานวิจัยมาก่อนตอนเรียนจบ
ชีวิตก่อนไปทำงานอย่างอื่นของผม ใกล้เคียงกับพี่มากๆเลย แต่เป็นงานวิจัย
สังเคราะห์ฟันเทียมด้วย Glass Ceramics วันๆอยุ่กับเตาหลอมร้อนๆ ขัดชิ้นงาน กล้อง SEM จนผมคิดว่า ผมเป็นคนนึงที่อดทนที่สุดในหมุ่เพื่อนที่จบมา เพราะอาจารย์ให้แก้ไขเยอะมากกว่าจะจบ งานหนักจนรู้สึกว่า ถูก อ. เอาเปรียบอ้อมๆ แต่พออ่านเรื่องราวของพี่ NB แล้ว ความอดทนผมไม่ได้ครึ่งนึงของพี่เลย
ยินดีที่ได้รู้จักครับ หาโอกาสเปิดตัวเรื่องคุยกันไม่ได้สักที เพราะความรู้ทางการลงทุนตอนนี้ แทบคุยกับใครไม่ได้เลย
ชีวิตก่อนไปทำงานอย่างอื่นของผม ใกล้เคียงกับพี่มากๆเลย แต่เป็นงานวิจัย
สังเคราะห์ฟันเทียมด้วย Glass Ceramics วันๆอยุ่กับเตาหลอมร้อนๆ ขัดชิ้นงาน กล้อง SEM จนผมคิดว่า ผมเป็นคนนึงที่อดทนที่สุดในหมุ่เพื่อนที่จบมา เพราะอาจารย์ให้แก้ไขเยอะมากกว่าจะจบ งานหนักจนรู้สึกว่า ถูก อ. เอาเปรียบอ้อมๆ แต่พออ่านเรื่องราวของพี่ NB แล้ว ความอดทนผมไม่ได้ครึ่งนึงของพี่เลย
ยินดีที่ได้รู้จักครับ หาโอกาสเปิดตัวเรื่องคุยกันไม่ได้สักที เพราะความรู้ทางการลงทุนตอนนี้ แทบคุยกับใครไม่ได้เลย
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 17
สวัสดีครับ END อย่าเรียก อาจารย์เลยครับEND เขียน:สุดยอดเลยครับ อาจารย์ จบวิศวะแต่มีความรู้รอบด้านมากเลยครับ
แล้วก็ตั้งใจเรียนนะครับ อย่าทำแบบพี่
สาขาที่เรียนคือวิศวะอุตสาหการครับ Industrial Engineer ครับ ปัจจุบัน ดังที่เรียนไป มีการแตกสาขาออกเป็นหลายส่วน ถ้าเป็นปัจจุบัน
เช่น วิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องมือแพทย์, วิศวกรรมศาสตร์สาขา Bio-mechanics ซึ่งสองสาขานี้ต้องเรียน Anatomy ยืนพื้น
หรือแม้กระทั่ง Financials Engineering แปลเป็นไทยว่า วิศวกรรมศาสตร์ทางด้านการเงิน
สมัยก่อนถ้าเรียน Industial Engineer ต้องเรียนหมดครับ รวมถึงวิชา จิตวิทยาอุตสาหกรรมด้วย ตอนนี้ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกพระนครเหนือ แยกหลักสูตรต่างหากมาเป็น จิตวิทยาอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้วครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 18
ขอลงทะเบียนเรียน จิตวิทยา กับ อาจารย์ NB ด้วยคน ครับ :)
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 19
ยินดีที่รู้จักครับคุณ amanatwar อะไรที่ผมอธิบายแล้วมีประโยชน์ยินดีครับ
...................................
สวัสดีครับ คุณ SEHJU ใน Thaivi.com ผมแอบอ่านความรู้ของคุณ SEHJU เยอะครับ และก็คิดว่าคุณ SEHJU มีความไม่ธรรมดามากกว่าผมเยอะครับ
...................................
..................................
ช่วงเวลาแห่งการหุ้นขึ้น ถ้าพูดถึงเรื่อง VI มันดูโง่ ๆ ยังไงพิกล มันเป็นแบบนี้พึ่งเป็น รึยังไง? เปล่าครับ มันเป็นมานานแล้วมันเป็นประวัติศาสตร์ที่เกิดซ้ำรอยกันมาเรื่อย ๆ
จำปี 1998-1999 ได้หรือไม่? จำเวลาแห่งบาทอ่อนได้หรือไม่ คงลืมกันหมดแล้ว แต่ผมจำได้ดี เพราะวันที่ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เป็นวันที่ผมกลับประเทศไทย ผมอยู่บนเครื่องบินกำลังกลับกรุงเทพฯ พร้อม ๆ กับการประกาศลดค่าเงิน!
เรื่องค่าเงินนี่เป็นเรื่องใหญ่ บริษัททั้งบริษัทที่กู้เงินต่างประเทศในช่วงเวลานั้น อันตรธาน หายไปทั้งบริษัทภายในคืนเดียว ผมเห็นมากับตาเพราะเป็นบริษัทในกลุ่ม
ไว้ค่อยมาว่ากันเรื่องค่าเงิน หลายคนถามผมว่าช่วงนี้บาทแข็งจะทำอย่างไร? ผมมักจะตอบติดตลกกับพวกเขาว่า ก็ทำเหมือนที่คุณทำช่วงปี 40 สิ ลืมแล้วเหรอว่าทำอะไรไว้
............................................................
ช่วงตลาดบูม ปี 1999 ก่อน วิกฤตอินเตอร์เน็ต เรามาดูกันครับ ว่าจิตวิทยาคนสมัยนั้น เค้าคิดอะไร จะเหมือนใครที่กำลังคิดอยู่รึเปล่า มาฟังกัน
http://www.forbes.com/forbes/1999/0125/ ... print.html
NANCY SY IS A 42-year-old credit specialist for Syncor International, a Woodland Hills, Calif. pharmaceutical distributor เธอกล่าวว่า
“เธอชอบลงทุนในหุ้นใหญ่อย่าง Merck, Philip Morris and McDonald's แต่หลังจากนั้นเธอโดดเข้าหุ้นอินเตอร์เน็ตที่กำลังโด่งดัง “ ภายในสองปี จากพอร์ต $39,000 ไปเป็น $100,000 (wow) ด้วยหุ้น Amazon.com, America Online และ eBay
Nicholas Birbas, a 25-year-old former waiter from Queens, N.Y. กล่าวว่าด้วยเครื่อง laptop และการซื้อ ๆ ขาย ๆ ของเค้าจาก $1,100 ไปเป็น $100,000 ภายในสองเดือน (โอ้ my goodness) แถมกล่าวด้วยว่า “ก่อนหน้านี้เคยลงทุนระยะยาว แต่เค้าพบว่ามันไม่ฉลาด” ตอนนี้ผมกำลังตั้งผลตอบแทน 1000%
รู้จัก บาร์บาร่า สไตร์แซนด์ มั๊ยครับ เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ ว่าเธอมีความรู้สึกรุนแรงราวกับกระทิง ยามที่เห็นสีแดง (หุ้นตก) เธอขายทันที เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารฟอร์จูน
“I’m Taurus the bull, so I react to red. If I see red, I sell my stocks quickly.” โอ้แม่คุณ
ในหนังสือ The Intelligent Investor ก็ quote คำพูดของเธอไว้
............................................................................................
ทุกท่านเริ่มมองออกมั๊ยครับ ว่าหลายคนที่ผมกล่าวมา ใช้ กระบวนการใดในการตัดสินใจ สมองหรือกระดูกสันหลัง?
แล้วเราล่ะครับ ใช้อะไรตัดสินใจ
สมองหรือกระดูกสันหลัง?
...................................
สวัสดีครับ คุณ SEHJU ใน Thaivi.com ผมแอบอ่านความรู้ของคุณ SEHJU เยอะครับ และก็คิดว่าคุณ SEHJU มีความไม่ธรรมดามากกว่าผมเยอะครับ
...................................
ยินดีมากเช่นเดียวกันครับ คุณ VoldtrestVoldtrest เขียน: ยินดีที่ได้รู้จักครับ หาโอกาสเปิดตัวเรื่องคุยกันไม่ได้สักที เพราะความรู้ทางการลงทุนตอนนี้ แทบคุยกับใครไม่ได้เลย
..................................
ช่วงเวลาแห่งการหุ้นขึ้น ถ้าพูดถึงเรื่อง VI มันดูโง่ ๆ ยังไงพิกล มันเป็นแบบนี้พึ่งเป็น รึยังไง? เปล่าครับ มันเป็นมานานแล้วมันเป็นประวัติศาสตร์ที่เกิดซ้ำรอยกันมาเรื่อย ๆ
จำปี 1998-1999 ได้หรือไม่? จำเวลาแห่งบาทอ่อนได้หรือไม่ คงลืมกันหมดแล้ว แต่ผมจำได้ดี เพราะวันที่ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เป็นวันที่ผมกลับประเทศไทย ผมอยู่บนเครื่องบินกำลังกลับกรุงเทพฯ พร้อม ๆ กับการประกาศลดค่าเงิน!
เรื่องค่าเงินนี่เป็นเรื่องใหญ่ บริษัททั้งบริษัทที่กู้เงินต่างประเทศในช่วงเวลานั้น อันตรธาน หายไปทั้งบริษัทภายในคืนเดียว ผมเห็นมากับตาเพราะเป็นบริษัทในกลุ่ม
ไว้ค่อยมาว่ากันเรื่องค่าเงิน หลายคนถามผมว่าช่วงนี้บาทแข็งจะทำอย่างไร? ผมมักจะตอบติดตลกกับพวกเขาว่า ก็ทำเหมือนที่คุณทำช่วงปี 40 สิ ลืมแล้วเหรอว่าทำอะไรไว้
............................................................
ช่วงตลาดบูม ปี 1999 ก่อน วิกฤตอินเตอร์เน็ต เรามาดูกันครับ ว่าจิตวิทยาคนสมัยนั้น เค้าคิดอะไร จะเหมือนใครที่กำลังคิดอยู่รึเปล่า มาฟังกัน
http://www.forbes.com/forbes/1999/0125/ ... print.html
NANCY SY IS A 42-year-old credit specialist for Syncor International, a Woodland Hills, Calif. pharmaceutical distributor เธอกล่าวว่า
“เธอชอบลงทุนในหุ้นใหญ่อย่าง Merck, Philip Morris and McDonald's แต่หลังจากนั้นเธอโดดเข้าหุ้นอินเตอร์เน็ตที่กำลังโด่งดัง “ ภายในสองปี จากพอร์ต $39,000 ไปเป็น $100,000 (wow) ด้วยหุ้น Amazon.com, America Online และ eBay
Nicholas Birbas, a 25-year-old former waiter from Queens, N.Y. กล่าวว่าด้วยเครื่อง laptop และการซื้อ ๆ ขาย ๆ ของเค้าจาก $1,100 ไปเป็น $100,000 ภายในสองเดือน (โอ้ my goodness) แถมกล่าวด้วยว่า “ก่อนหน้านี้เคยลงทุนระยะยาว แต่เค้าพบว่ามันไม่ฉลาด” ตอนนี้ผมกำลังตั้งผลตอบแทน 1000%
รู้จัก บาร์บาร่า สไตร์แซนด์ มั๊ยครับ เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ ว่าเธอมีความรู้สึกรุนแรงราวกับกระทิง ยามที่เห็นสีแดง (หุ้นตก) เธอขายทันที เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารฟอร์จูน
“I’m Taurus the bull, so I react to red. If I see red, I sell my stocks quickly.” โอ้แม่คุณ
ในหนังสือ The Intelligent Investor ก็ quote คำพูดของเธอไว้
............................................................................................
ทุกท่านเริ่มมองออกมั๊ยครับ ว่าหลายคนที่ผมกล่าวมา ใช้ กระบวนการใดในการตัดสินใจ สมองหรือกระดูกสันหลัง?
แล้วเราล่ะครับ ใช้อะไรตัดสินใจ
สมองหรือกระดูกสันหลัง?
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- mulcomp
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 21
อ่านแล้วขนลุกเล็กๆเลย ผมชอบมากเลย คนที่ผ่านวิกฤติมาNevercry.boy เขียน: สวัสดีครับ คุณ tea_for_two, น้องฮง, คุณโอโบจามะ, potato, undertaker
ผมไม่ได้เก่งหรือรอบรู้ หรืออยากเรียนมากกว่าคนอื่นเลยครับ แต่ดังคำสุภาษิต เกลียดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้นครับ
ช่วงเทอมแรกของมหาลัย สอบตกเคมี 1
ก็เลย ตกเคมี 2
ก็เลยตก Lab เคมี
ก็เลยตกวิชาที่ใช้ เคมี เป็น Pre-requisite
ตกมันทุกวิชา พอใกล้จะจบก็เลยต้องมาเรียนซ้ำอีกทั้งหมด 11 วิชา! กับเด็กรุ่นน้อง เท่ากับเรียนสองรอบ!
ตอนนั้นว่าไม่ดี พอตอนนี้มองกลับไป จะว่าดีก็ดีครับ
เอาอีก Anatomy ก็เหมือนเดิม Anatomy 1 ตก ทีนี้มันเป็นกฎอย่างหนึ่งครับ ไอ้ Anatomy นี่มันเป็นวิชาที่ ผ่าน/ไม่ผ่าน ไม่มีเกรด ผมก็กะเรียนผ่าน ๆ ไป (ในใจคิดแค่ ผ่าน/ไม่ผ่าน) ไม่มีผลกับเกรด
เจ้ากรรมดันตก
เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะวิชานี้มันดันไปติดเงื่อนไขที่ว่าถ้าติดวิชานี้ต้อง Retire เพราะเป็นวิชาบังคับสมัยนั้น (หลังจากหลักสูตรที่ผมเรียนหนึ่งปี กลายเป็นวิชาเลือก สมัยนี้ไม่บังคับแบบนี้แล้ว!)
ผมมี GPA แต่ดันมาตก Anatomy โอ๊ย ทำไงดี ต้องรีไทร์ เชียวนะครับ
สารภาพสิ่งที่ทำไว้ครับ
ผมไปกราบ ศาสตราจารย์ ผู้มีพระคุณ และสุดท้ายเป็น อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือมาก ขอเกรดครับ
(ฟังไว้เป็นอุทธาหรณ์นะครับ-ไม่ใช่สิ่งที่ดีครับ)
อาจารย์เครียดอยู่หลายวันเพราะเป็นสิ่งที่แกไม่เคยทำ แกย้ำว่าผมต้องรีไทร์!
ผมกราบแกแล้วบอกว่า เลี้ยงผมไว้เถอะแล้วผมจะเอาความรู้ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับมหาลัยให้กับแผ่นดิน ผมขอความกรุณา
ไม่นานต่อมา แกบอกให้ผมมาเป็นนักวิจัยของ Lab และผมเริ่มทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ Anatomy (ซึ่งผมไม่ได้ชอบเล๊ย)
น้อง ๆ เคยอยู่ lab anatomy กับโครงกระดูก หุ่นกล้ามเนื้อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ มั๊ยครับ ลองค้นรูปดูใน net นะครับ อยู่จนเป็นเพื่อนกันนะครับ
ผมยืนยันว่าไม่ได้ชอบเล๊ยยยยยยยยย กะเรียนผ่าน ๆ เทอมเดียว 4 เดือน
แต่สุดท้ายผมต้องอยู่กับมันเป็นเวลา 4 ปีกว่าเกือบ 5 ปีครับ! จาก 4 เดือน เป็น 4 ปี คิดดูครับ
จนงานวิจัยผมเสร็จ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตในช่วงนั้นครับ แต่เมื่องานวิจัยเสร็จ มหาลัยออกทุนให้ส่วนหนึ่ง มีฝรั่ง Scandinavia มาดูงาน และวันที่ ศาสตราจารย์ที่ เดินเข้ามาบอกผม หลังจากที่ benchmark ของผมเป็นที่ยอมรับ (ผมทำ response time เปรียบเทียบกับ HR-Heart Rate และ Oxygen-Consumption เพื่อดู response time ในภาวะร่างกายคนมี stress strain ในระดับที่แตกต่างกัน)
ท่านเดินมาตบหลังแล้วบอกว่าผลการทำ Pair-T-Test (การทดสอบค่าสถิติชนิดหนึ่ง) ของงานวิจัยผม กับ benchmark ระดับโลกใช้ได้ และจะมีฝรั่งบินมาดูงาน
ผมอึ้ง หน้าชา มือสั่น อาจารย์บอก อาจารย์รู้ว่าช่วงที่ผ่านมาผมเหนื่อยมาก
หลังจากนั้น ผมได้ไปทดสอบงานวิจัยกับผู้ป่วยที่มีปัญหาผิดปกติทางด้านการตอบสนอง โดยใช้อุปกรณ์ที่ทำขึ้นมา เพื่อทดสอบว่าผลของการทำกายภาพบำบัด ทำให้ปฏิกริยาของคนไข้เหล่านั้นดีขึ้นรึเปล่า (คนไข้ที่ทำกายภาพบำบัด มีความพยายามมาก ๆ สูงมาก ๆ น้อง ๆ อาจนึกไม่ออก แต่ถ้าได้สัมผัสประสบการณ์เหล่านั้น ผมพูดได้คำเดียวว่า คุณค่าของชีวิตมันมากกว่าที่ผมเคยรู้)
มองกลับไป ณ วันนี้ ดีหรือไม่ดี ณ วันนั้น คงไม่ใช่ประเด็น เงินทองก็ไม่ได้อะไร แต่สิ่งที่ประทับไว้ในความทรงจำคือความภูมิใจครับ
(โทษทีที่นอกเรื่องครับ-ไว้มาต่อหัวข้อเดิม-เรื่องราวนี้ผ่านมาเกือบ 20ปีแล้วครับ)
แล้วเรียนรู้จากวิกฤตินั้น ซึ่งผมเองก็เป็นคนๆนึงที่โดนรีไทร์มาเหมือนกัน
( จาก ม.อ.ปัตตานี ตอนนั้นเรียน คณิตศาสตร์ประยุกติ์ )
ทำให้ผมเปลี่ยนทัศนะคติไปเลย จากคนขี้เกียจๆไม่รู้อนาคต
กลายเป็นคนขยันกว่าเพื่อนๆ
ผมว่าคนๆนึงต้องผ่านวิกฤติชีวิตซักครั้ง ถึงรู้ซึ้งและคิดได้นะ :D
ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์ครับ
อาจารย์ผม ชื่อนาย "ประสบการณ์"