ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 31
ท่าน คัดท้าย กับ ท่าน Hammock มองปัญหาเดียวกันคนละประเด็นกันเท่านั้นเอง
ทุกเรื่องเกิดจากความไม่มีอะไร แล้วก็ไปสู่ความไม่มีอะไร
สำหรับท่านคัดท้าย ผมคิดว่า ถ้าใน กทม. 1สามี 1ภรรยา 1บุตร ผ่อน1รถ 1บ้าน ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นอีก น่าจะเดือนนึง 80,000 บาท ให้สบายๆ ก็120,000 มีเงินเหลือเก็บและลงทุน 60,000 บาทเนี่ยเต็มกลืนครับ
ถ้าอยู่เชียงรายก็สบายหน่อย หุงข้าวกินเอง ทำกับข้าวเอง ภาษีสังคมไม่เยอะ รถไม่ต้องแพงมากเพราะไม่ต้องแข่งหน้าตากันมาก อากาศดี ออกกำลังกาย คชจ.ด้านสุขภาพไม่เยอะ 40,000 เต็มกลืน 60,000 พอสบายหน่อยครับ
สำหรับท่าน Hammock อยู่แบบพอเพียง และจิตใจแข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหว กับความฟุ้งเฟ้อของคนรอบข้าง และพยายาม "ปรับตัว" ใช้ชีวิตเท่าที่กำลังความสามารถมี ไม่ดิ้นรน ขวนขวายเห่อเหิมเกินจำเป็น นับว่ามีความสุขทางใจ และ ทางกายตามอัตภาพ (ผมเดาเอาว่า ท่าน Hammock คงรวยแล้ว และมีพอแล้ว ไม่เดือดร้อน)
จริงอย่างท่านHammcock ว่า เพราะ คนจนเพราะไม่พอ มากกว่า จนเพราะไม่มีเยอะมากในสังคม การอยู่อย่างพอเพียงเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว
เหมือนที่ท่าน ดร.นิเวศน์ว่า ล่วงทุกข์ด้วยหุ้น (ถ้ามีโอกาสและความสามารถพอเพียง) น่าจะบรรเทาความทุกข์ได้ระดับหนึ่งนะครับ
ขอบคุณท่านคัดท้าย และ ท่าน Hammock ที่ให้ความรู้คำแนะนำจากทั้งสองด้านครับ ผมเห็นแล้วชื่นใจที่ท่านมีน้ำใจแบ่งปันกันอย่างแท้จริงครับ
ขอบพระคุณครับ
ทุกเรื่องเกิดจากความไม่มีอะไร แล้วก็ไปสู่ความไม่มีอะไร
สำหรับท่านคัดท้าย ผมคิดว่า ถ้าใน กทม. 1สามี 1ภรรยา 1บุตร ผ่อน1รถ 1บ้าน ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นอีก น่าจะเดือนนึง 80,000 บาท ให้สบายๆ ก็120,000 มีเงินเหลือเก็บและลงทุน 60,000 บาทเนี่ยเต็มกลืนครับ
ถ้าอยู่เชียงรายก็สบายหน่อย หุงข้าวกินเอง ทำกับข้าวเอง ภาษีสังคมไม่เยอะ รถไม่ต้องแพงมากเพราะไม่ต้องแข่งหน้าตากันมาก อากาศดี ออกกำลังกาย คชจ.ด้านสุขภาพไม่เยอะ 40,000 เต็มกลืน 60,000 พอสบายหน่อยครับ
สำหรับท่าน Hammock อยู่แบบพอเพียง และจิตใจแข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหว กับความฟุ้งเฟ้อของคนรอบข้าง และพยายาม "ปรับตัว" ใช้ชีวิตเท่าที่กำลังความสามารถมี ไม่ดิ้นรน ขวนขวายเห่อเหิมเกินจำเป็น นับว่ามีความสุขทางใจ และ ทางกายตามอัตภาพ (ผมเดาเอาว่า ท่าน Hammock คงรวยแล้ว และมีพอแล้ว ไม่เดือดร้อน)
จริงอย่างท่านHammcock ว่า เพราะ คนจนเพราะไม่พอ มากกว่า จนเพราะไม่มีเยอะมากในสังคม การอยู่อย่างพอเพียงเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว
เหมือนที่ท่าน ดร.นิเวศน์ว่า ล่วงทุกข์ด้วยหุ้น (ถ้ามีโอกาสและความสามารถพอเพียง) น่าจะบรรเทาความทุกข์ได้ระดับหนึ่งนะครับ
ขอบคุณท่านคัดท้าย และ ท่าน Hammock ที่ให้ความรู้คำแนะนำจากทั้งสองด้านครับ ผมเห็นแล้วชื่นใจที่ท่านมีน้ำใจแบ่งปันกันอย่างแท้จริงครับ
ขอบพระคุณครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 32
"ใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้" คือ ความไม่ประมาทครับ
คนที่ประมาทคือคนที่ขาดสติและไม่ประมาณตน
การใช้เงินเกินกว่ารายได้และใช้มากกว่าที่มี คือ คนที่ขาดสติ
การใช้เงินเกินกว่ารายได้และใช้มากกว่าที่มี คือ คนที่ไม่รู้จะประมาณตน
คนแบบนี้ต่างหากครับที่เรียกว่าประมาท
หลายคนที่เป็นหนี้เป็นสิน รวมถึงเป็นหนี้บัตรเครดิต
ก็เพราะประมาทไม่รู้จักใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ไงครับ
คนที่ประมาทคือคนที่ขาดสติและไม่ประมาณตน
การใช้เงินเกินกว่ารายได้และใช้มากกว่าที่มี คือ คนที่ขาดสติ
การใช้เงินเกินกว่ารายได้และใช้มากกว่าที่มี คือ คนที่ไม่รู้จะประมาณตน
คนแบบนี้ต่างหากครับที่เรียกว่าประมาท
หลายคนที่เป็นหนี้เป็นสิน รวมถึงเป็นหนี้บัตรเครดิต
ก็เพราะประมาทไม่รู้จักใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 33
แล้วแบบมากกว่า 1 คนเนี่ยะ ต้องมีใครเป็นกลุ่มเป้าหมายครับคัดท้าย เขียน:ลองสมมุติว่าตัวเองมีภรรยา 1 คน (ไม่ควรเกินนี้ ) และลูก 1 คนครับ อยากรู้ว่าผลการสมมุติออกมาเท่าไหร่ครับ
ท่านคัดท้ายคงได้ ไม่มีปัญหาการเงิน
ที่ได้อีก ก็ท่านพี่เจ๋ง ท่านเฮียปรัชญา ฯลฯ
ล้อเล่นน้า หมายถึง ปัญหาการเงินไม่มีไง มีโปเต้นเชี่ยวที่ทำได้ 555
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 35
จริงเหรอท่าน ท่านตอบผมไม่ตรงประเด็นอีกแล้วHammock เขียน:"ใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้" คือ ความไม่ประมาทครับ
คนที่ประมาทคือคนที่ขาดสติและไม่ประมาณตน
การใช้เงินเกินกว่ารายได้และใช้มากกว่าที่มี คือ คนที่ขาดสติ
การใช้เงินเกินกว่ารายได้และใช้มากกว่าที่มี คือ คนที่ไม่รู้จะประมาณตน
คนแบบนี้ต่างหากครับที่เรียกว่าประมาท
หลายคนที่เป็นหนี้เป็นสิน รวมถึงเป็นหนี้บัตรเครดิต
ก็เพราะประมาทไม่รู้จักใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ไงครับ
การที่ท่านไม่เขียนแผนที่นี่แหละ ที่ผมบอกว่าท่านประมาท
คนที่ขาดสติและไม่ประมาณตน นั้นคือ โคตรประมาท และคิดว่าท่านคงไม่เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว และเพื่อนๆใน TVI เกือบทั้งหมดก็ไม่เข้าใกล้ข้อนี้กันซักคน
แต่ ... ใครที่ไม่ประมาณรายจ่ายยามฉุกเฉิน และรายจ่านพื้นฐาน ผมจะมองอีก 100 หน ผมก็ว่าเป็นการประมาทนะ
จึงอยากเตือน ข้อนี้ หวังว่าคงไม่โกรธกันนะ
ปล. ผมกับท่าน Ham รู้จักกันส่วนตัวนอก Cyberspace ครับ เลยคุยกันมันส์หน่อย
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 36
ต้องขอโทษด้วย เพราะผมเองกลัวว่าคนจะอ่านแล้วจะเข้าใจไปว่า "ใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้" ก็พอแล้วHammock เขียน:ขอบคุณคุณ ForrestGump มากครับ
คุณ ForrestGump อ่านใจผมได้ทะลุเลยครับ
ที่พยายามจะสื่อก็มีเท่านั้นแหละครับ
ซึ่งผมไม่เห็นด้วยครับ ยังไงเลยต้องขออธิบายเสริม เพราะว่าผมรู้สึกสงสารหลายๆคนที่ผมเห็น ว่ายามธรรมดา ก็ใช้จ่ายอย่างประหยัด แต่พอมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน กลับไม่มีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อน
ผมเห็นแล้วสงสารมาก และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดกับคนที่ผมรู้จัก
ผมมองว่าคำว่า "ใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้" ก็พอแล้ว เป็นคำพูดโก้หรู ที่ใครๆก็พูดกัน มันฟังดูดีครับ แต่จริงๆ ... มันเป็นเช่นนั้นหรือ ...?
ผมยังยืนยัน นั่งยัน และนอนยัน ว่าการเขียนแผนที่ค่าใช้จ่าย และชีวิต เป็นสิ่งที่จำเป็น คนที่ขาดแผนที่ มักจะหลงทางเสมอ ผมเห็นตัวอย่างมาแล้วหลายคนครับ
ชีวิตเราถ้ามันตัวคนเดียวก็ดีครับ แต่ความจริงก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ เราไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ ... เราไม่ได้อยู่คนเดียว มีอีกหลายชีวิต ที่เค้ารองรับการกระทำของเรา
แก้ไขล่าสุดโดย คัดท้าย เมื่อ เสาร์ ก.พ. 19, 2005 11:52 am, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 37
555 ผมคงไม่ออกความเห็นอะไรเพิ่มเติมแล้วละครับ เพราะท่าน ForrestGump ได้ช่วยกรุณาถ่ายทอดความในใจในสิ่งที่ผมต้องการอยากจะสื่อให้ทราบออกมาหมดแล้วครับ คงต้องขอขอบคุณท่าน ForrestGump อีกครั้งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 38
ตอนผมโพสต์ข้อความนะ มีถึงแค่คุณเกมกับระเบิดเอง
พอดีทำงานไปด้วย กดโพสต์แล้วกลับมาอีกที กลายเป็น กระทู้ 2 หน้าไปแล้ว
เหมือนแสดงความเห็นกันในมุมมองแบบคณิตศาสตร์กับพุทธศาสตร์ครับ
ถูกทั้งคู่ หุหุ
พอดีทำงานไปด้วย กดโพสต์แล้วกลับมาอีกที กลายเป็น กระทู้ 2 หน้าไปแล้ว
เหมือนแสดงความเห็นกันในมุมมองแบบคณิตศาสตร์กับพุทธศาสตร์ครับ
ถูกทั้งคู่ หุหุ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 40
ดีครับพี่ ถ้าผมมีลูก ผมก็ต้องสอนเหมือนกันครับ แต่มีพ่อเก่งๆแบบพี่เจ๋ง คงไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ลูกไม้คงหล่นไม่ไกลต้น ..Jeng เขียน:ทุกวันนี้ก็ได้แต่เอาเหรียญให้ลูกชายทั้งสองคนหยอดกระปุกหมูตัวเล็ก กับตัวใหญ่
แล้วท่องว่า
เก็บเงิน ต่อเงิน ร่ำรวย เป็นคนดี มีความสุข รักเดียวใจเดียว
อืม
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- Tao Investor
- Verified User
- โพสต์: 200
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 41
ความต้องการมีมากกว่าความสามารถ = เป็นทุกข์
วิธีดับทุกข์
1 แบบฝรั่ง เพิ่มความสามารถ
2 แบบพุทธ ลดความต้องการ
ปล. ความขัดแย้งมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
ทำจิตใจให้ผ่องใส ครับ
วิธีดับทุกข์
1 แบบฝรั่ง เพิ่มความสามารถ
2 แบบพุทธ ลดความต้องการ
ปล. ความขัดแย้งมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
ทำจิตใจให้ผ่องใส ครับ
Inmagination is more importan than knowledge
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 42
แล้วบางอย่างถ้าไม่ต้องการ แต่มันจำเป็นละท่าน ?Tao Investor เขียน:ความต้องการมีมากกว่าความสามารถ = เป็นทุกข์
วิธีดับทุกข์
1 แบบฝรั่ง เพิ่มความสามารถ
2 แบบพุทธ ลดความต้องการ
ปล. ความขัดแย้งมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
ทำจิตใจให้ผ่องใส ครับ
"ไม่ต้องการ แต่จำเป็น"
ผมเชื่อว่าคนเราใช้จ่าย ไม่ได้มาจากความต้องการทั้งหมดหรอก มันคงมีบางส่วนมากจากความจำเป็นด้วย
หรือท่าน Tao Investor คิดว่ายังไงครับ?
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 44
คร่าวๆนะครับ
อาหาร 10,000
ที่อยุ่อาศัย 10,000
เดินทาง 17,000 (ผ่อนรถ น้ำมัน ประกัน ต่อทะเบียน และ ซ่อมดูแล)
โทรศัพท์ ค่าไฟค่าน้ำ อินเตอร์เน็ต 3500
ค่าใช้จ่ายลูก 4,000
ไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะ ซึ่งเยอะมากๆ
เดือนหนึ่งๆ เป็นหลัก หลายพัน
ผมว่าอยุ่อย่างมีคุณภาพชีวิตก็ต้องมี 50,000 ต่อเดือน ซึ่งน่าจะไม่เหรอเก็บครับ
ถ้าหนุ่มโสด เดือนหนึ่ง สัก 15,000 ก็พอถมเถครับ
อาหาร 10,000
ที่อยุ่อาศัย 10,000
เดินทาง 17,000 (ผ่อนรถ น้ำมัน ประกัน ต่อทะเบียน และ ซ่อมดูแล)
โทรศัพท์ ค่าไฟค่าน้ำ อินเตอร์เน็ต 3500
ค่าใช้จ่ายลูก 4,000
ไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะ ซึ่งเยอะมากๆ
เดือนหนึ่งๆ เป็นหลัก หลายพัน
ผมว่าอยุ่อย่างมีคุณภาพชีวิตก็ต้องมี 50,000 ต่อเดือน ซึ่งน่าจะไม่เหรอเก็บครับ
ถ้าหนุ่มโสด เดือนหนึ่ง สัก 15,000 ก็พอถมเถครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 45
ของผมเอง
กินเดือนละ 5000
จ่ายค่ามือถือ 500
ให้แม่ 3000
ซื้อหนังสือ 1000
เก็บสะสมส่วนตัว 3000
ทั้งหมดโดยประมาณ ต่อเดือน ถ้าใช้ประหยัดก็เหลือไม่กี่ร้อย
ถ้าอยากใช้สบายๆ ก็ต้องมากกว่านี้อ่ะ อยากมีบ้าน มีรถ คงต้องเงินเดือน 3-4 หมื่น
กินเดือนละ 5000
จ่ายค่ามือถือ 500
ให้แม่ 3000
ซื้อหนังสือ 1000
เก็บสะสมส่วนตัว 3000
ทั้งหมดโดยประมาณ ต่อเดือน ถ้าใช้ประหยัดก็เหลือไม่กี่ร้อย
ถ้าอยากใช้สบายๆ ก็ต้องมากกว่านี้อ่ะ อยากมีบ้าน มีรถ คงต้องเงินเดือน 3-4 หมื่น
Expecto Patronum!!!!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 46
คุณ Harry ให้คุณแม่ด้วย ขอชื่นชมด้วยคนครับ
ผมยังไม่เคยให้เงินแม่เลย น่าละอายจัง
ผมยังไม่เคยให้เงินแม่เลย น่าละอายจัง
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- Tao Investor
- Verified User
- โพสต์: 200
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 47
ต้องขอโทษด้วย เพราะผมเองกลัวว่าคนจะอ่านแล้วจะเข้าใจไปว่า "ใช้เท่าที่มี จ่ายให้น้อยกว่ารายได้" ก็พอแล้ว
ซึ่งผมไม่เห็นด้วยครับ ยังไงเลยต้องขออธิบายเสริม เพราะว่าผมรู้สึกสงสารหลายๆคนที่ผมเห็น ว่ายามธรรมดา ก็ใช้จ่ายอย่างประหยัด แต่พอมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน กลับไม่มีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อน
ครอบครัวแฟนผมเนี่ยแหล่ะตัวอย่างของกรณีนี้เลย ใช้เงินเท่าที่หาได้
ไม่มีการสำรองไว้สำหรับความผันผวน ในอนาคต ผลล่ะเหนื่อยใจแทน
แล้วบางอย่างถ้าไม่ต้องการ แต่มันจำเป็นละท่าน ?
"ไม่ต้องการ แต่จำเป็น"
ผมเชื่อว่าคนเราใช้จ่าย ไม่ได้มาจากความต้องการทั้งหมดหรอก มันคงมีบางส่วนมากจากความจำเป็นด้วย
หรือท่าน Tao Investor คิดว่ายังไงครับ?
อันนี้เดี๋ยวผมขอคิดดูก่อนนะครับพี่คัดท้าย ว่าความต้องการกับความจำเป็นอะไรเกิดก่อนกัน
ปล.1 ไม่ได้กวนนะครับ
ปล.2แต่อยากถามเปิดประเด็นนิดนึง
ถ้าคนๆหนึ่งมีความจำเป็น มากกว่าความสามารถ จะทำอย่างไรครับ
Inmagination is more importan than knowledge
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความเห็น เพื่อนๆพี่ๆ เกี่ยวกับ รายได้ต่อครัวเรือนในกรุงเทพ
โพสต์ที่ 48
ก่อนมีลูก สามารถออมเงิน (รวมผ่อนหนี้ ประกันชีวิต เงินฝากแบงก์ เงินลงหุ้น)
ประมาณ 50% ของเงินเดือนสองคนรวมกัน
หลังจากมีลูก ระดับการออมเงินตกไปเหลือ 10% หรือน้อยกว่า!!
ผมไม่ค่อยจำกัดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ อยู่แบบสบายๆ มีน้อยก็ใช้น้อย
มีมากก็ใช้มากหน่อย ไม่มีก็ไม่ใช้ แต่มีกฎเหล็ก (สมัยก่อน) คือเงินออม
จะต้องประมาณ 50% ของรายได้รวม
พอมีลูก กฎเหล็กก็กลายเป็นออพชั่นไปแล้ว
ประมาณ 50% ของเงินเดือนสองคนรวมกัน
หลังจากมีลูก ระดับการออมเงินตกไปเหลือ 10% หรือน้อยกว่า!!
ผมไม่ค่อยจำกัดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ อยู่แบบสบายๆ มีน้อยก็ใช้น้อย
มีมากก็ใช้มากหน่อย ไม่มีก็ไม่ใช้ แต่มีกฎเหล็ก (สมัยก่อน) คือเงินออม
จะต้องประมาณ 50% ของรายได้รวม
พอมีลูก กฎเหล็กก็กลายเป็นออพชั่นไปแล้ว