วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
-
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 32
มีประโยชน์มากครับ สำหรับคนที่กำลังเรียนอยู่ ส่วนคนที่ผ่านมาแล้วอ่านแล้วก็เห็นภาพมองย้อนนึกถึงตัวเอง หลายคนคงยังเสียดายกับบางเรื่อง แต่คงย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 1
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 35
พี่ NB เรียนวิศวะ แต่เก่งชีวะ :shock:
ช่วงนี้หลาย ๆคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับภาวะตลาดที่เริ่มกระทิง ส่วนใหญ่มองด้วย
ความกังวลมากกว่า ผมทึกทักเอาว่าใน thaivi ส่วนใหญ่คิดว่าภาวะตลาดน่าจะ
เป็นจุดเริ่มฟองสบู่มากกว่า นึกถึงปาร์ตี้คอกเทลของปีเตอร์ ลินช์
ช่วงนี้หลาย ๆคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับภาวะตลาดที่เริ่มกระทิง ส่วนใหญ่มองด้วย
ความกังวลมากกว่า ผมทึกทักเอาว่าใน thaivi ส่วนใหญ่คิดว่าภาวะตลาดน่าจะ
เป็นจุดเริ่มฟองสบู่มากกว่า นึกถึงปาร์ตี้คอกเทลของปีเตอร์ ลินช์
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- VI Wannabe
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1014
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 37
unnop.t เขียน:
ช่วงนี้หลาย ๆคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับภาวะตลาดที่เริ่มกระทิง ส่วนใหญ่มองด้วย
ความกังวลมากกว่า ผมทึกทักเอาว่าใน thaivi ส่วนใหญ่คิดว่าภาวะตลาดน่าจะ
เป็นจุดเริ่มฟองสบู่มากกว่า นึกถึงปาร์ตี้คอกเทลของปีเตอร์ ลินช์
ผมว่าตลาดตอนนี้เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีอยู่ครับ เมื่อเค้าเปิดเพลงเราก็เต้นกันไป แต่ขอให้มีสติ อย่าเต้นเพลินจนลืมตัว พอเพลงหยุดเราต้องหยุดและมีเก้าอี้นั่งนะ
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 38
อ่านของพี่ NB แล้วสงสัยว่าป่วยโรคอะไร จากสภาพการณ์แล้วคงเป็นการ ป่วยทางจิต ของนักลงทุนแน่ๆ ฮ่าๆ รออ่านต่อครับ
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 39
ยอดเยี่ยมครับ ชอบมาก
ปล. ผมจบสายตรง จิตวิทยาอุตสากรรม จาก ม.เกษตร ครับ แต่เกือบจะแอบมีวิชาโท เป็น Finance
เพราะไปลงเรียน finance ไว้ 5 ตัว กับ เศรษฐศาสตร์การเงินอีก 1 ตัว
แต่อาจารย์บอกว่า หลักสูตรผม ไม่มีวิชาโท (เมื่อก่อนได้วิชาโท)
ทำให้วุฒิผม เป็นวิทยาศาสตร์บัณฑิต เอกจิตวิทยาอุตสาหกรรม เพียวๆ
ทำให้ไปสมัครงานสาย Finance ที่ไหน ก็ไม่มีใครรับ
ถึงแม้จะมีใบเซอร์ ใบอนุญาต ประกาศนียบัตรด้านการแข่งขันเกี่ยวกับการเงินเต็มไปหมด
สุดท้าย กลายเป็น Full time investor ซะงั้น :twisted:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 41
ผมจำง่ายๆแบบนี้ครับ
ไม่มีหลักวิชาการอะไรรองรับ
"เจ้ามือไม่ได้ปั่นหุ้น เขาปั่นความโลภและความกลัวในใจเรา"
ไม่มีหลักวิชาการอะไรรองรับ
"เจ้ามือไม่ได้ปั่นหุ้น เขาปั่นความโลภและความกลัวในใจเรา"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 42
สวัสดีครับ พี่ Nevercry.boy
เข้ามารอฟังจิตวิทยาสรีระ ด้วยคนครับ
เข้ามารอฟังจิตวิทยาสรีระ ด้วยคนครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- สิบพัน
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 45
ขอบคุณครับพี่ NB ติดตามอ่านอยู่ครับ ผมชอบเวลาพี่เล่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำให้เข้าใจง่ายไปซะหมด เช่น สายปิโตร หรือแม้กระทั่งร่างกายของเรา ซึ่งผมก็เรียนแล้วและคืนอ.ไปแล้ว (โชคดีที่ฝ่ากฏได้ เพราะผมเกลียด Anatomy มากและไม่ต้องเจอมันอีก) รออ่านครับ
- extraordinary
- Verified User
- โพสต์: 122
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 46
ขอบคุณพี่Nevercry.boy มากครับพี่เป็นคนที่อธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจได้ง่ายๆ ผมคอยอ่านกระทู้ของพี่อยู่เสมอมา ได้ความรุ้เยอะมากครับ จากที่พี่เล่าให้ฟังนี้ ดูเหมือนกระดูกสันหลังเรา ยังพอจะสามารถสั่งสอนมันได้ ไม่ทราบว่ามีวิธีการอย่างไรบ้างครับ ที่จะสามารถสร้างสัญชาิตญาณที่ดีขึ้นในตัวเรา
เล่นหุ้นอย่ามักง่ายเดี๋ยวจะกลายเป็นปลาติดเบ็ด
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 48
นับถือครับพี่ NB
It's not how good you are, it's how good you want to be.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 49
พี่ NB สุดยอดมากมาย
รับรู้ถึงพลังออร่าความเก่งทะลุจอคอมออกมาค่ะ
ลงคอร์สรอฟังด้วยคนค่ะ
รับรู้ถึงพลังออร่าความเก่งทะลุจอคอมออกมาค่ะ
ลงคอร์สรอฟังด้วยคนค่ะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- tattoo_thai
- Verified User
- โพสต์: 291
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 51
มานั่งฟังด้วยคนครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 52
ปูเสื่อจิบชานั่งฟังอยู่พักใหญ่แล้ว
อย่าขยักนานนัก
คนรอฟังอึดอัด...ฮ่า...
ฝากถึงพี่mulcompหน่อย
avatarของพี่เท่มาก
ยิ่งsignatureมอญยันหลักของพี่นี่สุดยอดจริงๆ
อย่าขยักนานนัก
คนรอฟังอึดอัด...ฮ่า...
ฝากถึงพี่mulcompหน่อย
avatarของพี่เท่มาก
ยิ่งsignatureมอญยันหลักของพี่นี่สุดยอดจริงๆ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 53
สวัสดีพี่ป้อมครับ งานเข้าเยอะครับพี่ปลายปี
กราบสวัสดี เฮียเอนโด ครับ เคารพและคิดถึงเฮียเสมอครับ
...............................................................
ต่อครับ
ในหนังสือ Bipolar Expedition, Mania and depression in American culture ของ Emily Martin นั้นพูดถึง อาการทางจิตของ Mr.Market ไว้อย่างน่าฟัง สังคมป่วย Mr.Market ป่วย เรียกว่าเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง Bipolar นั้นหมายถึงอาการดีใจเสียใจสุดขั้ว ดีใจสุดขีด เสียใจสุดขั้วคือ Bipolar (และสังคมอเมริกัน)
Mr.Market นั้นเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือของอาจารย์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีท อาจารย์เบนจามิน เกรแฮม โดยอาจารย์เบน บอกว่าเค้าเป็นนายตลาดผู้จะมาหาเราทุกวันไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก เค้าจะมาเสนอซื้อขายหุ้นให้ทุกวันในราคาที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าสังคมอเมริกันนั้นก็ป่วยและขาดที่พึ่งทางใจอย่างหนัก ไม่เฉพาะในตลาดหุ้นแต่รวมถึงสังคมและเด็กรุ่นใหม่ สังคมป่วยส่งผลให้ Mr.Market ป่วย
การมีเทคโนโลยีนั้นกลับทำให้ความอดทนต่าง ๆ น้อยลง สมัยก่อนเราอดทนโทรศัพท์กันได้ เดี๋ยวนี้เราซื้อขาย on-line และนอกจากนั้นเรามีการซื้อขายอัตโนมัติโดยคอมพิวเตอร์ เร็ว ๆ นี้มีเหตุการณ์ที่ ดาวโจนส์ร่วง 1,000 จุดและรีบาวด์กลับอย่างรวดเร็ว หลายสำนักข่าวรายงานว่าการขายในล็อตนั้นเกิดจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่แต่ละโบรก ตั้งโปรแกรมเอาไว้ เช่น ต่ำกว่า xx,xxx ให้ทำการขายอัตโนมัติทันที และมันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Mr.Market ป่วย
ในประเทศไทยนั้น เมือผมเริ่มต้นทำงานช่วง (ประมาณปี 92-93) ชีวิตของผมเริ่มต้นจากการเป็นวิศวกร แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในยุคนั้นวิศวกรที่เป็นที่นิยมคือ วิศวะโยธา และเชื่ออีกหรือไม่ว่า วิศวะอีกส่วนหนึ่งนิยมที่จะไปเรียนต่อทางด้านการเงิน เพื่อนผมหลายคนที่เรียนจบ IE-Industrial Engineer เหมือนอย่างผม ไปเป็นโยธา
สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่านโยบายทางเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูจากนโยบายการเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ส่งผลให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสูง ธุรกิจอสังหาเฟื่องฟู
ส่วนอีกหลายคนที่ไปเรียนต่อทางด้านการเงินก็เพราะได้โบนัสเยอะ เยอะมากครับ
กราบสวัสดี เฮียเอนโด ครับ เคารพและคิดถึงเฮียเสมอครับ
...............................................................
ต่อครับ
ในหนังสือ Bipolar Expedition, Mania and depression in American culture ของ Emily Martin นั้นพูดถึง อาการทางจิตของ Mr.Market ไว้อย่างน่าฟัง สังคมป่วย Mr.Market ป่วย เรียกว่าเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง Bipolar นั้นหมายถึงอาการดีใจเสียใจสุดขั้ว ดีใจสุดขีด เสียใจสุดขั้วคือ Bipolar (และสังคมอเมริกัน)
Mr.Market นั้นเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือของอาจารย์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีท อาจารย์เบนจามิน เกรแฮม โดยอาจารย์เบน บอกว่าเค้าเป็นนายตลาดผู้จะมาหาเราทุกวันไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก เค้าจะมาเสนอซื้อขายหุ้นให้ทุกวันในราคาที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าสังคมอเมริกันนั้นก็ป่วยและขาดที่พึ่งทางใจอย่างหนัก ไม่เฉพาะในตลาดหุ้นแต่รวมถึงสังคมและเด็กรุ่นใหม่ สังคมป่วยส่งผลให้ Mr.Market ป่วย
การมีเทคโนโลยีนั้นกลับทำให้ความอดทนต่าง ๆ น้อยลง สมัยก่อนเราอดทนโทรศัพท์กันได้ เดี๋ยวนี้เราซื้อขาย on-line และนอกจากนั้นเรามีการซื้อขายอัตโนมัติโดยคอมพิวเตอร์ เร็ว ๆ นี้มีเหตุการณ์ที่ ดาวโจนส์ร่วง 1,000 จุดและรีบาวด์กลับอย่างรวดเร็ว หลายสำนักข่าวรายงานว่าการขายในล็อตนั้นเกิดจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่แต่ละโบรก ตั้งโปรแกรมเอาไว้ เช่น ต่ำกว่า xx,xxx ให้ทำการขายอัตโนมัติทันที และมันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Mr.Market ป่วย
ในประเทศไทยนั้น เมือผมเริ่มต้นทำงานช่วง (ประมาณปี 92-93) ชีวิตของผมเริ่มต้นจากการเป็นวิศวกร แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในยุคนั้นวิศวกรที่เป็นที่นิยมคือ วิศวะโยธา และเชื่ออีกหรือไม่ว่า วิศวะอีกส่วนหนึ่งนิยมที่จะไปเรียนต่อทางด้านการเงิน เพื่อนผมหลายคนที่เรียนจบ IE-Industrial Engineer เหมือนอย่างผม ไปเป็นโยธา
สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่านโยบายทางเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูจากนโยบายการเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ส่งผลให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสูง ธุรกิจอสังหาเฟื่องฟู
ส่วนอีกหลายคนที่ไปเรียนต่อทางด้านการเงินก็เพราะได้โบนัสเยอะ เยอะมากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 54
ประเทศไทยกำลังหอมกลิ่นประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญใหม่ มือถือเริ่มมีเครื่องใหญ่ ๆ
โฟนลิงค์ แพคลิงค์ มีไว้รับข่าวและส่งข้อความหาเพื่อน หาสาว เวลาจะฝากข้อความต้องฝากผ่านโอเปอเรเตอร์ เขินชะมัด
โตโยต้า โคโรลล่า 16 วาล์ว และ civic ทรงเหลี่ยม รวมทั้ง accord เป็นสิ่งที่คนเรียนหนังสือจบใหม่อยากจะได้มาขับ
ขับกันก็ไม่ค่อยแข็ง ทางด่วนบางนารู้สึกจะ 15 บาทมั๊งตอนเปิดแรก ๆ
เบนซ์ 190E สร้างความตื่นเต้นให้ตลาด เพราะราคาต่ำกว่าล้าน!
เบิร์ดดังแล้วจากบูมเมอแรง ต่อเนื่องเบิร์ดพริกขี้หนู พร้อมทั้งชุดสีจัด ทำให้ บอดี้โกรฟ ดังเปรี้ยง พร้อมทั้งโฆษณาที่พี่เบิร์ดเต้นเร้กเก้ มีเพลงร้องว่า
“โหว่ โว โว เย๊ แอม มิสเตอร์ เรคเก้ แอมบาสซะเดอร์” – โหว่ โว โว เย๊
Ghost ของเดมี่มัวร์และแพทริก สเวย์ซีย์ ฉากที่พระเอกโอบกอดนางเอกจากด้านหลัง กำลังปั้นหม้อ พร้อมเพลงประกอบ Ohhh my love, my darling I’m hungry for your touch …….. (ฮัมตามเลยครับ)
เป็นหนังที่ซึ้งและผมยังจำได้เสมอ ทั้งเพลงประกอบและทรงผมของเดมี่มัวร์ สาว ๆ สมัยนั้นตัดกันทั้งเมือง
ผมสั้นของผู้ชายเป็นที่ฮิตตามมาอย่างรุนแรงกับกระแสของเคียร์อานูรีฟ จาก Speed กับทรงสกินเฮด
RCA เพิ่งเริ่มเปิดยังบริสุทธิ์และน่าเที่ยวกว่าสมัยนี้ ทอรัสดูจะไฮกว่านิด ๆ รีโนผับเปิดตัวมาแรง
แต่ถ้าจะพาสาวไปนั่งจ้องตาสักคน Jass Pub ซอยศาลาแดง ฟังคุณวิยะดาร้องเพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ก็เป็นทางเลือกที่อบอุ่นครับ
อีกที่ถ้าเขียนแล้วให้ครบก็คือ อิมเมจินารี่ ซึ่งปัจจุบันผมเข้าใจว่าเปลี่ยนเจ้าของและเปลี่ยนแบรนด์ไปแล้ว ในยามอกหัก นั่งที่เคาท์เตอร์ ว๊อดก้าซักสองชอร์ต เบียร์ซักขวด ฟังคุณโจ-ก้องร้องเพลงก็พอบรรเทายามอาการหนาวของผู้ชายขม ๆ ได้ครับ
สามหนุ่มสามมุม มีแล้ว กบ-มอส-แท่ง
แท่ง-นุสบา ดังแล้วจาก รักในรอยแค้น
และคุณแท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ เปิดตัวโฆษณากรุงเทพพาณิชยการ ด้วยมาดหล่อเดินข้ามถนน พร้อม ๆ กับในแวดวงการเงินเริ่มรู้จักชื่อพ่อมดการเงินของเมืองไทย ราเกรซ ศักดิ์เสนา!
สมัยนั้นสถาบันการเงินรุ่งเรือง มีเงินต้องเอาไปฝากทรัสธ์ และต้องนำบุ๊คไป up ดอกทุกวัน หากทรัสต์ไหนให้ดอกน้อยกว่าธนาคาร รับรองได้ไม่มีใครฝาก มีไปถึง 15-16% ครับ
ถนนทุกสายมุ่งสู่อสังหาริมทรัพย์ จบวิศวะต้องโยธา และการเงิน จบบริหารต้องการเงิน
ในความทรงจำผม Mr.Market เริ่มออกอาการหลังจากนั้น
(ใครเป็นวัยรุ่นยุคนั้นมาช่วยผมเติมหน่อยก็ดีครับ)
โฟนลิงค์ แพคลิงค์ มีไว้รับข่าวและส่งข้อความหาเพื่อน หาสาว เวลาจะฝากข้อความต้องฝากผ่านโอเปอเรเตอร์ เขินชะมัด
โตโยต้า โคโรลล่า 16 วาล์ว และ civic ทรงเหลี่ยม รวมทั้ง accord เป็นสิ่งที่คนเรียนหนังสือจบใหม่อยากจะได้มาขับ
ขับกันก็ไม่ค่อยแข็ง ทางด่วนบางนารู้สึกจะ 15 บาทมั๊งตอนเปิดแรก ๆ
เบนซ์ 190E สร้างความตื่นเต้นให้ตลาด เพราะราคาต่ำกว่าล้าน!
เบิร์ดดังแล้วจากบูมเมอแรง ต่อเนื่องเบิร์ดพริกขี้หนู พร้อมทั้งชุดสีจัด ทำให้ บอดี้โกรฟ ดังเปรี้ยง พร้อมทั้งโฆษณาที่พี่เบิร์ดเต้นเร้กเก้ มีเพลงร้องว่า
“โหว่ โว โว เย๊ แอม มิสเตอร์ เรคเก้ แอมบาสซะเดอร์” – โหว่ โว โว เย๊
Ghost ของเดมี่มัวร์และแพทริก สเวย์ซีย์ ฉากที่พระเอกโอบกอดนางเอกจากด้านหลัง กำลังปั้นหม้อ พร้อมเพลงประกอบ Ohhh my love, my darling I’m hungry for your touch …….. (ฮัมตามเลยครับ)
เป็นหนังที่ซึ้งและผมยังจำได้เสมอ ทั้งเพลงประกอบและทรงผมของเดมี่มัวร์ สาว ๆ สมัยนั้นตัดกันทั้งเมือง
ผมสั้นของผู้ชายเป็นที่ฮิตตามมาอย่างรุนแรงกับกระแสของเคียร์อานูรีฟ จาก Speed กับทรงสกินเฮด
RCA เพิ่งเริ่มเปิดยังบริสุทธิ์และน่าเที่ยวกว่าสมัยนี้ ทอรัสดูจะไฮกว่านิด ๆ รีโนผับเปิดตัวมาแรง
แต่ถ้าจะพาสาวไปนั่งจ้องตาสักคน Jass Pub ซอยศาลาแดง ฟังคุณวิยะดาร้องเพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ก็เป็นทางเลือกที่อบอุ่นครับ
อีกที่ถ้าเขียนแล้วให้ครบก็คือ อิมเมจินารี่ ซึ่งปัจจุบันผมเข้าใจว่าเปลี่ยนเจ้าของและเปลี่ยนแบรนด์ไปแล้ว ในยามอกหัก นั่งที่เคาท์เตอร์ ว๊อดก้าซักสองชอร์ต เบียร์ซักขวด ฟังคุณโจ-ก้องร้องเพลงก็พอบรรเทายามอาการหนาวของผู้ชายขม ๆ ได้ครับ
สามหนุ่มสามมุม มีแล้ว กบ-มอส-แท่ง
แท่ง-นุสบา ดังแล้วจาก รักในรอยแค้น
และคุณแท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ เปิดตัวโฆษณากรุงเทพพาณิชยการ ด้วยมาดหล่อเดินข้ามถนน พร้อม ๆ กับในแวดวงการเงินเริ่มรู้จักชื่อพ่อมดการเงินของเมืองไทย ราเกรซ ศักดิ์เสนา!
สมัยนั้นสถาบันการเงินรุ่งเรือง มีเงินต้องเอาไปฝากทรัสธ์ และต้องนำบุ๊คไป up ดอกทุกวัน หากทรัสต์ไหนให้ดอกน้อยกว่าธนาคาร รับรองได้ไม่มีใครฝาก มีไปถึง 15-16% ครับ
ถนนทุกสายมุ่งสู่อสังหาริมทรัพย์ จบวิศวะต้องโยธา และการเงิน จบบริหารต้องการเงิน
ในความทรงจำผม Mr.Market เริ่มออกอาการหลังจากนั้น
(ใครเป็นวัยรุ่นยุคนั้นมาช่วยผมเติมหน่อยก็ดีครับ)
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 55
Mr.Market เป็นลูกคนรวย มีเงินไม่จำกัด มีหุ้นไม่จำกัด บางครั้งตัดสินใจถูก บางครั้งตัดสินใจผิด
เคยคบลูกคนรวยมั๊ยครับ เค้ามีนิสัย ยังไง?
บางวันผมเห็นเค้าซื้อของแพง เราก็จะสงสัยว่า “เฮ้ย ซื้อทำไม (วะ)”
บางวันผมเห็นเค้าขายซะถูกเชียว ขายถูกกว่าที่ซื้อมาซะงั้น เหมือนไม่แคร์อะไร ก็ลูกคนรวยอ่ะ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เค้าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง
Mr.Market พร้อมจะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอ และด้วยการที่เค้าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงนี่เอง ทำให้เราหวั่นไหว
..........................................................................................
มาฟังกันต่อครับ
Mr.Market มั่นใจสุดขีด หุ้นไฟแนนซ์ร้อนแรง ซื้อแล้วขึ้น ยิ่งซื้อยิ่งขึ้น
หุ้นไฟแนนซ์นั้นร้อนแรง พร้อม ๆ กับ ภาพอันทรงพลังของ คิงปิ่น กับอาณาจักรฟินวัน
แม้จะร้อนแรงแต่ผู้คนมองว่าปลอดภัย!? (คุ้น ๆ มั๊ย) กลายเป็นกรณีศึกษาที่ผู้คนพูดถึงทั้งในหนังสือพิมพ์แม้ในมหาวิทยาลัย
ไม่มีใครชัดเจนว่าอะไรหรือทำไม? สถาบันการเงินต่าง ๆ จึงให้โบนัสสูง ๆ หรือให้ดอกได้สูงแบบนั้น
ตราบใดก็ตามที่มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง ๆ ได้ ผู้คนพอใจ
ที่ดิน คอนโด อสังหา ขึ้นแม้ว่าจะไม่มีคนอยู่ (คุ้น ๆ มั๊ย) ตามมาด้วยปัญหา สภาพคล่องหายและ NPL
ดร.นิเวศน์เคยกล่าวถึงคุณปิ่นและ ฟินวันว่า
บ่อย ครั้งที่เราลงทุน เราอาจจะคิดว่าความเสี่ยงมีน้อยทั้งที่มันอาจจะมาก การที่เราเคยทำแล้วประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยงต่ำ เพียงแต่ว่าผลร้ายมันยังไม่เกิด ความสำเร็จที่เกิดขึ้นหลาย ๆ ครั้งอาจทำให้เราชะล่าใจคิดว่าเราเก่งเราเข้าใจดี แต่อาจจะมีวันที่เราทุ่มลงทุนอย่างหนักด้วยความมั่นใจสูงแต่ผลอาจจะเป็นทาง ตรงกันข้ามและนั่นอาจจะหมายถึงหายนะ พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงกรณีของบริษัทเงินทุน Fin One ของนายปิ่น จักกะพาก ซึ่งครั้งหนึ่งประสบความสำเร็จสูงมากจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นคุณปิ่นเคยให้สัมภาษณ์ว่า Fin One ทำงานอย่างอนุรักษ์นิยมมากและเน้นความปลอดภัยสูงสุด Fin One ไม่ “Take Risk” หรือรับความเสี่ยงสูง แต่แล้วก็อย่างที่ทราบกัน Fin One ล่มสลายในยามที่มันโตสุดขีด บทเรียนเรื่องนี้สอนให้ผมตระหนักว่า หายนะอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมันมักจะเกิดตอนที่เรามั่นใจสุดขีด Posted by nivate at 9:17 AM in โลกในมุมมองของ Value Investor
ความมั่นใจของ Mr.Market ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความปลอดภัยหรืออันตรายของธุรกิจเลย แต่เนื่องจาก Mr.Market เป็นคนมีความมั่นใจสูง ผิด ถูก ไม่เกี่ยว ป่วยเป็นโรค Bipolar และเป็นลูกคนรวย! ที่สำคัญเราต้องค้าขายกับเค้า
ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อเราอยู่ต่อหน้า Mr.Market ผู้มีเงินเยอะ และมีความมั่นใจสูงเราย่อมเกิดความหวั่นไหวในการกระทำของเราเป็นธรรมดา
แล้วเราจะแก้อย่างไร? เราควรทำธุรกิจกับเค้ามั๊ย? แล้วเราจะทำอย่างไรดี?
เคยคบลูกคนรวยมั๊ยครับ เค้ามีนิสัย ยังไง?
บางวันผมเห็นเค้าซื้อของแพง เราก็จะสงสัยว่า “เฮ้ย ซื้อทำไม (วะ)”
บางวันผมเห็นเค้าขายซะถูกเชียว ขายถูกกว่าที่ซื้อมาซะงั้น เหมือนไม่แคร์อะไร ก็ลูกคนรวยอ่ะ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เค้าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง
Mr.Market พร้อมจะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอ และด้วยการที่เค้าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงนี่เอง ทำให้เราหวั่นไหว
..........................................................................................
มาฟังกันต่อครับ
Mr.Market มั่นใจสุดขีด หุ้นไฟแนนซ์ร้อนแรง ซื้อแล้วขึ้น ยิ่งซื้อยิ่งขึ้น
หุ้นไฟแนนซ์นั้นร้อนแรง พร้อม ๆ กับ ภาพอันทรงพลังของ คิงปิ่น กับอาณาจักรฟินวัน
แม้จะร้อนแรงแต่ผู้คนมองว่าปลอดภัย!? (คุ้น ๆ มั๊ย) กลายเป็นกรณีศึกษาที่ผู้คนพูดถึงทั้งในหนังสือพิมพ์แม้ในมหาวิทยาลัย
ไม่มีใครชัดเจนว่าอะไรหรือทำไม? สถาบันการเงินต่าง ๆ จึงให้โบนัสสูง ๆ หรือให้ดอกได้สูงแบบนั้น
ตราบใดก็ตามที่มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง ๆ ได้ ผู้คนพอใจ
ที่ดิน คอนโด อสังหา ขึ้นแม้ว่าจะไม่มีคนอยู่ (คุ้น ๆ มั๊ย) ตามมาด้วยปัญหา สภาพคล่องหายและ NPL
ดร.นิเวศน์เคยกล่าวถึงคุณปิ่นและ ฟินวันว่า
บ่อย ครั้งที่เราลงทุน เราอาจจะคิดว่าความเสี่ยงมีน้อยทั้งที่มันอาจจะมาก การที่เราเคยทำแล้วประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยงต่ำ เพียงแต่ว่าผลร้ายมันยังไม่เกิด ความสำเร็จที่เกิดขึ้นหลาย ๆ ครั้งอาจทำให้เราชะล่าใจคิดว่าเราเก่งเราเข้าใจดี แต่อาจจะมีวันที่เราทุ่มลงทุนอย่างหนักด้วยความมั่นใจสูงแต่ผลอาจจะเป็นทาง ตรงกันข้ามและนั่นอาจจะหมายถึงหายนะ พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงกรณีของบริษัทเงินทุน Fin One ของนายปิ่น จักกะพาก ซึ่งครั้งหนึ่งประสบความสำเร็จสูงมากจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นคุณปิ่นเคยให้สัมภาษณ์ว่า Fin One ทำงานอย่างอนุรักษ์นิยมมากและเน้นความปลอดภัยสูงสุด Fin One ไม่ “Take Risk” หรือรับความเสี่ยงสูง แต่แล้วก็อย่างที่ทราบกัน Fin One ล่มสลายในยามที่มันโตสุดขีด บทเรียนเรื่องนี้สอนให้ผมตระหนักว่า หายนะอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมันมักจะเกิดตอนที่เรามั่นใจสุดขีด Posted by nivate at 9:17 AM in โลกในมุมมองของ Value Investor
ความมั่นใจของ Mr.Market ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความปลอดภัยหรืออันตรายของธุรกิจเลย แต่เนื่องจาก Mr.Market เป็นคนมีความมั่นใจสูง ผิด ถูก ไม่เกี่ยว ป่วยเป็นโรค Bipolar และเป็นลูกคนรวย! ที่สำคัญเราต้องค้าขายกับเค้า
ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อเราอยู่ต่อหน้า Mr.Market ผู้มีเงินเยอะ และมีความมั่นใจสูงเราย่อมเกิดความหวั่นไหวในการกระทำของเราเป็นธรรมดา
แล้วเราจะแก้อย่างไร? เราควรทำธุรกิจกับเค้ามั๊ย? แล้วเราจะทำอย่างไรดี?
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 57
โห อ่านเพลินเลย พี่ NB เล่าเรื่องสนุกมากเลยครับ สมัยที่พี่เล่า ผมยังนั่งดูเซนต์เซย่าอยู่เลยครับ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ตอนปล่อยค่าเงินบาทลอยตัวยังไม่เข้าใจเลยว่ามันจะเดือดร้อนเราตรงไหน ยิ่งตอนทำเงินหายเนี่ยเพื่อนจะชี้ไปบนฟ้าเลยบอกว่า โน่น เงินมึงลอยไปแล้ว เอิ๊กๆๆ ร่วมระลึกความหลังครับ
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 59
ขอบคุณครับ ความคิดบางด้านไม่เคยทราบ เขียนไดดีครับ อย่างลึกซึ้ง ตงไปตงมา เหตุผลที่นำมาอธิบาย ก็ไม่บังคับให้เชื่อหรือคล้อ ยตามแต่อย่างใดเลย
ถ้าเอาไปคิดต่อในมุมองแต่ะคน มันมีปะโยชน์ไม่น้อยต่อการกลับมาสำรวจตวจสอบแก่นแท้ของการลงทุนเน้คุณค่าอันแท้จริงท่ามกางระบอบทุนนินมที่พวกเราอาสัยอยู่ และ ได้รับอิทธิพลจากมันในวงกว้างในขณะที่หายใจเข้าไป
แต่ผมมีมุมมองที่แตกต่างไปบ้าง ที่อาจสั่นคอนความยึดมั่นในความคิดดั้งเดิม เพียงแต่มีมุมมองให้หลากหลายไปบ้างเทานั้น ถ้าอาจจุดประเด็นความแตกต่างและปราะบางทางความคิดให้เกิดขึ้น ผมขออภัยล่วงหน้าครับ มีโอกาสจะเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะผมพิพิมพ์ไปผิดไป ขอโทษที่สะกดผิดครับ
มุมมองนายตลาดจากอาจารย์เบนจามิน แกรม มองอย่างนั้น ผมว่ามองจากมุมข้างนอก ถ้เมองจากข้างในก็เหมือนพี่คลายเคียด นั่นสุดยอดของนักปราชญ์การลงทุน
ส มมุติว่านายตลาดคนนี้มีชื่อว่าปื๊ดนะครับ ปืดเป็นนายตลาดที่อารมณ์เอาแน่เอานอนได้อย่างที่อาจารย์แกรมบอกไว้
แต่ถ้าปื๊ดเป็นน้องเราที่คานตามกันมาหรือเป็นลูกเราที่มีอาการออติสติก เราจะมองเขาเหมือนอย่างที่เราทำไหม หรือว่าเราจะพยายามทำความเข้าใจว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะอะไรและเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง
มุมมองของอาจารย์เป็นมุมมองจากคนภายนอกครอบครัว ท่านเข้าใจปื๊ดว่าปื๊ดเป็นคนอย่างไรและท่านกำลังบอกเราว่าอย่าไปสนใจปื๊ดให้มากนัก ท่านมองจากคนนอกที่มีส่วนได้ส่วนเสียและหาโอกาสเอาเปรียบน้องของเราเมื่อเขาสติแตก
แต่ปื๊ดเป็นน้องเราครับ อาจารย์อธิบายแต่อาการของปื๊ด แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าทำไมปื๊ดถึงมีอาการแบบนั้น
ถ้าวันหนึ่ง เรามองในมุมกลับ นายตลาดเป็นน้องเรา เราจะเริ่มศึกษาอย่างแท้จริงว่า อะไรที่ทำให้นายตลาดมีอาการแบบนั้น
ความคิดเรื่องนายตลาดเป้นผลลัพธ์ที่กเดแล้ว ไม่ใช่กระบวนการทางความคิด วิธีทำมันหายไป มันมีแต่คำตอบอย่างเดียว ถ้าไปเจอโจทย์ใหม่ ๆ นี่อาจทำให้คิดไม่ออกเลยว่าจะคิดให้
เวลาคิดเรื่องนายตลาด ผม invert ตัวเองลงไปในความคิดของปื๊ด ผมไม่ได้แยกตัวเองออกมาในฐานะผู้สังเกตอยู๋ภายนอกเหมือนที่อาจารย์แกรมทำ นั่น้นองผม ใครจะวิจารย์น้องผมว่าสติแตกอะไรก็ตาม แต่เขาเป็น้องผม ผมเห็นใจน้องผม ผมสงสารเขา ผมอยู๋ในนั้นกับน้อง ผมตกเป้นเฉลยในค่ายกักกันที่น้องเข้าไปอยู่ ผมจินตนาการเข้าไปในจิตใจของน้อง เป้นเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย
ถ้าทำอย่างนั้นบ้าง เป้นนายตลาดสักวัน แล้วสังเกตตัวเองผมรับประกันว่า ท่านจะพบนายตลาดที่แท้จริง มากกว่าที่สังเกตจากภายนอก อย่างน้อยจะสังเกตว่าตัวเองมีความตื่นตัว อยากรู้อยากเห้นมากกว่าปกติอย่างมาก อะไรรอบตัวกำลังเกิดขึ้น และถ้าสิ่งนั้นเกิด สิ่งใดอะไรเปนผลตามมา แล้วมันทำให้นักลงทุนอย่างเราๆ ตกอยู๋ในอันตรายหรือไม่ เราระวังความคิดและอารมณ์ตัวเองอย่างที่พี่คลายเครียดท่านว่าไว้
ความกระหื่นกับสิ่งต่างที่เกิดขึ้นไมได้ปนกับอารมณ์ต่างๆ ของเราเลยแม้แต่น้อย มองทุกอย่างตามภาวะความเปนจริง ไม่มีความรู้สึกส่วนตัว ปื๊ดทำไมได้ แต่เรามีสภาพจิตใจแบบนั้นต่อเมื่อเราคิดที่จะปกป้องตนเองจากการถูกทำร้าย หรือว่า ในโลกของพวกเรา ก็กลัวการขาดทุน
เหมือนความคิดเรื่องตลาดปรับเข้าสมดุลที่เป็นผลลัพะแล้ว แต่ระหว่างก่อนที่มันจะปรับนั้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมือนตลาดที่ความผกผันทุกวันก่อนที่จะเข้าสู่จุดสมดุลในที่สุด
ผมว่าเราก็ควรสนใจกระบวนการความคิดของเรามากกว่าที่จะสนใจเรื่องการขาดทุน
อย่างที่พี่คลายบเครียดว่าละครับ
ความกลัวและความโลถอาจเป้นต้นเหตุที่แท้จริงของนายตลาด อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับตัวเองหรือไม่ ว่าเราก็คือส่วนหนึ่งของนายตลาด เรามีนายปื๊ดสิงในด้านที่เราไม่ยอมรับ และวันนหึ่งเรากลายเป็นนายตลาดเมื่อไหร่ก้ได้ หรือ ว่า วันนี้เราเป็นนายตลาดไปแล้ว
อาจารย์มีงเกอร์บอกว่า คนที่เขียนแนะนำคนอื่นว่าด้วยเรื่องอะไร คนคนนั้นจะต้องการสิ่งนั้นมากที่สุด
ผมพูดหมดแล้ว
ขอโทษด้วยนะครับ
ถ้าเอาไปคิดต่อในมุมองแต่ะคน มันมีปะโยชน์ไม่น้อยต่อการกลับมาสำรวจตวจสอบแก่นแท้ของการลงทุนเน้คุณค่าอันแท้จริงท่ามกางระบอบทุนนินมที่พวกเราอาสัยอยู่ และ ได้รับอิทธิพลจากมันในวงกว้างในขณะที่หายใจเข้าไป
แต่ผมมีมุมมองที่แตกต่างไปบ้าง ที่อาจสั่นคอนความยึดมั่นในความคิดดั้งเดิม เพียงแต่มีมุมมองให้หลากหลายไปบ้างเทานั้น ถ้าอาจจุดประเด็นความแตกต่างและปราะบางทางความคิดให้เกิดขึ้น ผมขออภัยล่วงหน้าครับ มีโอกาสจะเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะผมพิพิมพ์ไปผิดไป ขอโทษที่สะกดผิดครับ
มุมมองนายตลาดจากอาจารย์เบนจามิน แกรม มองอย่างนั้น ผมว่ามองจากมุมข้างนอก ถ้เมองจากข้างในก็เหมือนพี่คลายเคียด นั่นสุดยอดของนักปราชญ์การลงทุน
ส มมุติว่านายตลาดคนนี้มีชื่อว่าปื๊ดนะครับ ปืดเป็นนายตลาดที่อารมณ์เอาแน่เอานอนได้อย่างที่อาจารย์แกรมบอกไว้
แต่ถ้าปื๊ดเป็นน้องเราที่คานตามกันมาหรือเป็นลูกเราที่มีอาการออติสติก เราจะมองเขาเหมือนอย่างที่เราทำไหม หรือว่าเราจะพยายามทำความเข้าใจว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะอะไรและเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง
มุมมองของอาจารย์เป็นมุมมองจากคนภายนอกครอบครัว ท่านเข้าใจปื๊ดว่าปื๊ดเป็นคนอย่างไรและท่านกำลังบอกเราว่าอย่าไปสนใจปื๊ดให้มากนัก ท่านมองจากคนนอกที่มีส่วนได้ส่วนเสียและหาโอกาสเอาเปรียบน้องของเราเมื่อเขาสติแตก
แต่ปื๊ดเป็นน้องเราครับ อาจารย์อธิบายแต่อาการของปื๊ด แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าทำไมปื๊ดถึงมีอาการแบบนั้น
ถ้าวันหนึ่ง เรามองในมุมกลับ นายตลาดเป็นน้องเรา เราจะเริ่มศึกษาอย่างแท้จริงว่า อะไรที่ทำให้นายตลาดมีอาการแบบนั้น
ความคิดเรื่องนายตลาดเป้นผลลัพธ์ที่กเดแล้ว ไม่ใช่กระบวนการทางความคิด วิธีทำมันหายไป มันมีแต่คำตอบอย่างเดียว ถ้าไปเจอโจทย์ใหม่ ๆ นี่อาจทำให้คิดไม่ออกเลยว่าจะคิดให้
เวลาคิดเรื่องนายตลาด ผม invert ตัวเองลงไปในความคิดของปื๊ด ผมไม่ได้แยกตัวเองออกมาในฐานะผู้สังเกตอยู๋ภายนอกเหมือนที่อาจารย์แกรมทำ นั่น้นองผม ใครจะวิจารย์น้องผมว่าสติแตกอะไรก็ตาม แต่เขาเป็น้องผม ผมเห็นใจน้องผม ผมสงสารเขา ผมอยู๋ในนั้นกับน้อง ผมตกเป้นเฉลยในค่ายกักกันที่น้องเข้าไปอยู่ ผมจินตนาการเข้าไปในจิตใจของน้อง เป้นเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย
ถ้าทำอย่างนั้นบ้าง เป้นนายตลาดสักวัน แล้วสังเกตตัวเองผมรับประกันว่า ท่านจะพบนายตลาดที่แท้จริง มากกว่าที่สังเกตจากภายนอก อย่างน้อยจะสังเกตว่าตัวเองมีความตื่นตัว อยากรู้อยากเห้นมากกว่าปกติอย่างมาก อะไรรอบตัวกำลังเกิดขึ้น และถ้าสิ่งนั้นเกิด สิ่งใดอะไรเปนผลตามมา แล้วมันทำให้นักลงทุนอย่างเราๆ ตกอยู๋ในอันตรายหรือไม่ เราระวังความคิดและอารมณ์ตัวเองอย่างที่พี่คลายเครียดท่านว่าไว้
ความกระหื่นกับสิ่งต่างที่เกิดขึ้นไมได้ปนกับอารมณ์ต่างๆ ของเราเลยแม้แต่น้อย มองทุกอย่างตามภาวะความเปนจริง ไม่มีความรู้สึกส่วนตัว ปื๊ดทำไมได้ แต่เรามีสภาพจิตใจแบบนั้นต่อเมื่อเราคิดที่จะปกป้องตนเองจากการถูกทำร้าย หรือว่า ในโลกของพวกเรา ก็กลัวการขาดทุน
เหมือนความคิดเรื่องตลาดปรับเข้าสมดุลที่เป็นผลลัพะแล้ว แต่ระหว่างก่อนที่มันจะปรับนั้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมือนตลาดที่ความผกผันทุกวันก่อนที่จะเข้าสู่จุดสมดุลในที่สุด
ผมว่าเราก็ควรสนใจกระบวนการความคิดของเรามากกว่าที่จะสนใจเรื่องการขาดทุน
อย่างที่พี่คลายบเครียดว่าละครับ
ความกลัวและความโลถอาจเป้นต้นเหตุที่แท้จริงของนายตลาด อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับตัวเองหรือไม่ ว่าเราก็คือส่วนหนึ่งของนายตลาด เรามีนายปื๊ดสิงในด้านที่เราไม่ยอมรับ และวันนหึ่งเรากลายเป็นนายตลาดเมื่อไหร่ก้ได้ หรือ ว่า วันนี้เราเป็นนายตลาดไปแล้ว
อาจารย์มีงเกอร์บอกว่า คนที่เขียนแนะนำคนอื่นว่าด้วยเรื่องอะไร คนคนนั้นจะต้องการสิ่งนั้นมากที่สุด
ผมพูดหมดแล้ว
ขอโทษด้วยนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 108
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?
โพสต์ที่ 60
ยอดเยี่ยมมากครับ ทั้งพี่ NB และพี่ humdrum
ถ้าฟังกันคนละที โดยที่ไม่รู้ความเห็นอีกฝ่าย เราคงคล้อยตามสิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง เพราะถูกต้องทั้งคู่
แต่พอได้เห็นความคิดทั้ง 2 ด้านที่แตกต่าง ทำให้เห็นว่า เหรียญมี 2 ด้านเสมอ อยู่ที่เราจะมองด้านไหน หรือให้เหตุผลในการอธิบายอย่างไร เท่านั้น
แต่ถ้าเราคิดได้ทั้ง 2 ด้าน ก็ทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น มองโลกได้ครบ 360 องศา
ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่มอบให้ครับ
ถ้าฟังกันคนละที โดยที่ไม่รู้ความเห็นอีกฝ่าย เราคงคล้อยตามสิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง เพราะถูกต้องทั้งคู่
แต่พอได้เห็นความคิดทั้ง 2 ด้านที่แตกต่าง ทำให้เห็นว่า เหรียญมี 2 ด้านเสมอ อยู่ที่เราจะมองด้านไหน หรือให้เหตุผลในการอธิบายอย่างไร เท่านั้น
แต่ถ้าเราคิดได้ทั้ง 2 ด้าน ก็ทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น มองโลกได้ครบ 360 องศา
ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่มอบให้ครับ