อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(2):ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(2):ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value Way ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ

อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์ (2)

ชาร์ลียังคงรวบรวมและวิจัยความล้มเหลวของบุคคล ธุรกิจ รัฐบาล และการศึกษาอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นจึงเรียบเรียงสาเหตุเพื่อนำไปสู่รายการเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง ด้วยวิธีนี้เขาสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตได้

ชาร์ลีมีความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่มีขีดจำกัด เขามีความกระตือรือร้นและมีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์อย่างสูง เขามีความกระหายที่จะหาความรู้ตลอดเวลาในทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับเขาแล้วทุกปัญหาสามารถเข้าใจได้ด้วยตนเอง ด้วยวิธีการที่ถูกต้องต่อจากพื้นฐานที่คนก่อนได้สร้างไว้ ความคิดของเขาแผ่ไปทั่วทุกธุรกิจ ในมุมมองเขา ทุกสิ่งในจักรวาลมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และความรู้ของมนุษยชาติได้ทำการศึกษาแต่ละส่วนนั้น เพียงแค่เรียงร้อยความรู้เหล่านี้เข้าด้วยกัน จะทำให้มีประโยชน์มากในการตัดสินใจและเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ทำให้เขาอุทิศในการศึกษาทุกทฤษฎีที่สำคัญ และสร้างพื้นฐานขึ้นมาเรียกว่า ปรัชญาของคำพูด (worldly wisdom) เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจและลงทุน

แนวความคิดของชาร์ลีอยู่บนพื้นฐานความซื่อสัตย์ต่อความรู้ เขาเชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป ขีดจำกัดของมันอยู่ที่ความหยั่งรู้และความเข้าใจ ดังนั้นคุณจึงต้องใช้เครื่องมือทั้งหมดในการกำจัดสิ่งเหล่านั้น ในขณะเดียวกันคุณต้องรวบรวมข้อเท็จจริงใหม่ๆ ที่พิสูจน์ได้ เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงความรู้ของคุณ และรู้ว่าสิ่งใดที่คุณรู้และสิ่งใดที่คุณไม่รู้ ถึงกระนั้น ความเข้าใจอย่างแท้จริงของมนุษย์ก็ยังมีขีดจำกัด ดังนั้นการตัดสินใจจึงต้องอยู่ในขอบเขตของคุณที่เรียกว่า ขอบเขตของความรู้ (Circle of competence) ความสามารถที่มีขอบเขตเท่านั้นถึงจะเป็นความสามารถที่แท้จริง คำถามอยู่ที่ว่าคุณจะกำหนดขอบเขตความรู้ของคุณได้อย่างไร?

ชาร์ลีกล่าวว่า ถ้าเขาต้องเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขาจะต้องไม่สามาถปฎิเสธหรือโต้แย้งได้ว่าความคิดนั้นดีกว่า ความคิดจากคนที่เก่งที่สุดในโลกนี้ที่เคยมีอยู่แล้ว  มิฉะนั้นเขาจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด นั่นหมายความว่าความคิดของเขานอกจากจะต้องริเริ่มสร้างสรรค์แล้วจะต้องไม่เคยผิดอีกด้วย

ชาร์ลีกล่าวสรุปที่มาของความสำเร็จของเขาด้วยคำๆเดียวคือ "เหตุผล" (rational) อย่างไรก็ตาม นิยามของเหตุผลที่เขาใช้มีความเข้มงวดมากกว่า ซึ่งทำให้เหตุผลของเขาเป็นเหตุผลที่มีวิสัยทัศน์และเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เขาไม่ชำนาญเลย เขาก็ยังสามารถระบุประเด็นต่างๆที่จำเป็นออกมาได้ บัฟเฟตเรียกสิ่งนี้ว่าปรากฏการณ์สองนาที (two-minute effect) บัฟเฟตกล่าวว่าชาร์ลีสามารถเข้าใจความซับซ้อนของธุรกิจได้ในเวลาอันสั้นที่ไม่มีใครเทียบได้ ขั้นตอนการลงทุนของเบริ์คไชน์ในบริษัทรถยนต์บีวายดี (BYD Auto) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมจำได้ ในปี 2003 ผมได้ถกเถียงเกี่ยวกับ บริษัทนี้เป็นครั้งแรกกับชาร์ลี ทั้งๆ เขาไม่เคยพบกับหวางชานฟู ประธานบริษัทบีวายดีเลย และไม่เคยไปที่โรงงาน อีกทั้งไม่ค่อยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและตลาดของชาวจีน คำถามและคำวิจารณ์ของเขายังคงเป็นคำถามที่ตรงประเด็นที่สุดที่นักลงทุนคนใดคิดจะลงทุนในบริษัทบีวายดีจะคิดได้จนถึงทุกวันนี้

ทุกคนมีจุดบอด แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุดก็ไม่เว้น บัฟเฟตกล่าวว่า "เบนจามิน เกรแฮม สอนผมให้แค่ซื้อหุ้นถูก แต่ชาร์ลีทำให้ผมเปลี่ยนความคิด นั่นคือสิ่งที่มีผลกระทบมากที่สุดที่ชาร์ลีมีต่อผม ผมต้องการแรงขับอย่างมากที่จะทำให้ผมยอมเดินออกจากข้อจำกัดในทฤษฎีของเกรแฮม ความคิดของชาร์ลีเป็นแหล่งพลังที่ทำให้ผมขยายขอบเขต" ผมก็มีประสบการณ์ที่สุดยอดเช่นเดียวกัน ชาร์ลีชี้จุดบอดในความคิดผม ซึ่งถ้าผมไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขา ผมก็ยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนาและคลานไปอย่างช้าๆ

ชาร์ลีใช้ชีวิตทั้งหมดศึกษาหายนะของมนุษย์ และชอบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดจากความโน้มเอียงทางจิตวิทยา สิ่งที่มีค่าที่สุดคือเขาทำนายความหายนะของการแพร่หลายของอนุพันธ์ทางการเงิน ช่องโหว่ในทางบัญชีและระบบตรวจสอบ ย้อนกลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เขาและบัฟเฟตได้เตือนถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอนุพันธ์ทางการเงินที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งเปรียบได้ดั่งอาวุธร้ายแรงที่สามารถทำลายล้างได้อย่างกว้างขวาง และถ้าไม่สามารถหยุดมันได้ก่อนเวลาอันควร มันจะสร้างความเสียหายให้กับสังคมปัจจุบัน โชคไม่ดีที่วิกฤตการณ์การเงินในปี 2008 เป็นไปดังที่ชาร์ลีคาดและเข้าใจไว้ก่อนแล้ว

ถ้าเปรียบชาร์ลีกับบัฟเฟตแล้ว ชาร์ลีสนใจในสิ่งที่กว้างกว่า ยกตัวอย่างเช่นเขาสนใจในวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ทุกแขนงแล้วนำมารวมกันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขา เมื่อเทียบกับความคิดที่มาจากหอคอยงาช้างแล้ว ทฤษฎีของชาร์ลีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ ตัวอย่างเท่าที่ผมรู้ ชาร์ลีเป็นคนแรกที่เสนอแนวความคิดทางด้านจิตวิทยาการโน้มเอียงของมนุษย์ และผลกระทบต่อขั้นตอนการตัดสินใจในการลงทุน 10 ปีต่อมา ณ ปัจจุบันหัวข้อเศรษฐศาตร์พฤติกรรม (Behavioral Finance) กลายเป็นหัวข้อที่เป็นที่นิยมในการวิจัยในแวดวงนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลเป็นต้น
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
wanchaiid
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 205
ผู้ติดตาม: 0

อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(2):ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณคับ     :bow:
LA-Z-BOY
Verified User
โพสต์: 571
ผู้ติดตาม: 0

อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(2):ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

worldly wisdom.. ชอบจัง :)  :o  :D  :B    ขอบคุงคับ
โพสต์โพสต์