เขาเขียนจดหมายส่งให้เพื่อนของเขา ไว้ตอนอยู่ ม. 3 เขาเป็นไข้ออกหัด
ผมอ่านแล้ว เห็นเขาเขียนไว้ดี ผมก็เลย แอบขโมยมาให้เพื่อนๆอ่าน
จดหมายนี้ถ้า ทมยันตี เห็นเข้าคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย
ที่ได้มีส่วนสร้างจินตนาการให้กับเยาวชนของชาติ
ไม่อ่านต่อ..ขอให้เป็นหมัน!
(จดหมายถึงนังสำลี)
ฉบับแรก
ที่อยู่...จะรู้ไปหา..อะไร?
วันที่...เขียนก่อนวันที่แกเปิดอ่านแน่นอน
อุมบ๊ะ! ว่าไงนังศรีลำ (สำลี) ที่น่ารัก(ษาในโรงพยาบาลบ้า)
จดหมายของแกเพิ่งแรดมาถึงฉันเมื่อวานนี้ ฉันยื่นมืออันเรียวงามของฉันลอดรูรั้วเข้าไปในตู้รับจม. หยิบฉบับแรกมา จากบริษัทประกัน ฉบับที่สอง เป็นแคตตาล็อกชุดชั้นในซีกละหมื่นกว่า (ใครจะไปซื้อของมัน?) ฉบับที่สามเป็นจดหมายรักจากการไฟฟ้า ฉันกลับเข้าบ้านอ่านเสร็จสรรพแล้วเริ่มสงสัยว่าเมื่อกี้ฉันหยิบมาหมดรึยัง เลยย้อนไปดูอีกที แล้วก็เจอของแก เป็นฉบับที่ตกหล่นอยู่นอกสายตา..ถูกทอดทิ้ง..ไร้คุณค่าเหมือนเจ้าของมัน 5..5..5..5 (ล้อเล่นน่ะ)
ตอนนี้ฉันสบายดีแล้ว ขอบคุณที่ถามมา (ถึงฉันจะรู้ว่าแกโกหกปลิ้นปล้อนกะล่อนตอแหลเสแสร้งทำเป็นห่วงใย) คุณสุกคุณใสท่านเพิ่งอำลาจากฉันไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่มีแผลเป็นนะ มีแต่แผลตายห่ากับตายโหง (คือส่องกระจกแล้วตกใจ..ตายโหง! หน้ากู!) ถึงกระนั้นฉันก็แข็งแรงพอจับปากกาเขียนตอบจม.แกได้แน่
เอาล่ะ..เข้าเรื่องกันสักที ที่แกขอให้ฉันช่วยแนะนำหนังสือดีๆให้สักเรื่องสองเรื่อง เนื่องจากแกไม่มีปัญญาเสาะหาอ่านเอง หรือนับถือว่าฉันเป็นยอดนักอ่านก็ตาม ฉันก็ยินดีจะอนุเคราะห์ให้ด้วยความเต็มใจ เพราะฉันก็อยากเห็นเพื่อนเลิกดักดานเป็นกบอยู่แต่ในกะลาเหมือนกัน ดีแล้วที่แกโดนตัวอะไรเข้าสิงให้อยากอ่านหนังสือกับเขาบ้าง โลกทัศน์แกจะได้กว้างขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เรื่องแรกที่ฉันจะแนะนำ แกฟังชื่อแล้วคง แหยะ! เพราะแกชอบมีอคติกับนวนิยายไทย คิดว่ามีแต่เรื่องน้ำ-เน่า นางเอกเป็นลูกผู้ดีตกยาก เจอพระเอกรูปหล่อพ่อรวย มีนังตัวอิจฉาที่ยึดอาชีพหลักคือการชวนพระเอกไปทานข้าว น้ำในหูไม่เท่ากันเลยทรงตัวไม่ได้ ต้องเกาะแขนพระเอกตลอด งานอดิเรกคือคอยไล่ตบนางเอก นางเอกก็แสนดีอย่างแรง ไม่เคยตอบโต้ ร้องไห้ทั้งเรื่อง สุดท้ายก็ได้มรดกของเจ้าคุณพ่อ อะไรแบบนี้ ฉันขอบอกแกไว้ก่อนว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นไปเสียทุกเรื่อง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ คู่กรรม ของ ทมยันตี
เหตุผลที่ฉันอยากให้แกได้อ่าน
1. มันเป็นหนังสือที่ฉันชอบมากที่สุดในโลก ฉันอ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 รอบ (อันนี้จริงๆนะ ไม่ได้เขียนกุเรื่อง)
2. มันเป็นหนังสือที่ผู้หญิงไทยชอบมากที่สุดติดอันดับ 1ใน 5 (จากการสำรวจเมื่อประมาณปี พ.ศ.2544-45 ของโพลอะไรสักโพลนี่แหละ) ที่น่าทึ่งคือดังโดยที่ไม่มีกระแสจากละครหรือหนัง ช่วงนั้นมันห่างจากหนังที่พี่เบิร์ดเล่นมาราวๆเจ็ดแปดปี และละครที่พี่ศรรามกับพี่เบนซ์ พรชิตาเล่นยังไม่สร้าง แล้ว 5 อันดับที่ว่านั่น ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่ออกมาสดๆร้อนๆ แต่คู่กรรมก็ยังมีชื่อกับเขาด้วย ทั้งๆที่คุณทมฯท่านเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2508 นู่น (ตอนนี้กี่ปีแล้วลบดูเอาเอง) และที่สำคัญคือฉันเพิ่งรู้ว่ามันเป็น 1 ใน 100 เล่มของโครงการ เล่มนี้สิน่าอ่าน ด้วย (เห็นครั้งแรกฉันแทบกระโดดจูบโปสเตอร์) อย่างน้อยก็เป็นการรับประกันว่าสุดยอดแน่ กรรมการคัดเลือกเขามีวิจารณญาณอยู่แล้ว!
3. มันเป็นบทประพันธ์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก จนมาถึงวันที่ฉันเขียนนี่ คู่กรรมถูกนำไปสร้างแล้ว 8 ครั้ง เป็นละคร 4 ครั้ง หนัง 3 ครั้ง ละครเพลง(เวที) 1 ครั้ง ทุกครั้ง เรทติ้งกระฉูด ยังไม่นับที่ดัดแปลงเป็นโฆษณาสินค้าอีกชื่อ โกโบริ คนไทยคนไหนบ้างไม่เคยได้ยิน? แกไม่อยากรู้ตื้นลึกหนาบางของอีตาคนนี้บ้างเหรอ? ฉันเดาว่าแกคงได้ดูละครหรือหนังบ้างแล้ว แต่เชื่อฉัน..ถ้าแกเคยชอบโกโบริ แกอ่านหนังสือแล้วจะยิ่งรักเขา ถ้าแกไม่ชอบ..แกอ่านแล้วต้องใจอ่อน หรือถ้าแกรู้จักเขาแค่ชื่อ แกยิ่งต้องรีบทำความรู้จักเขาซะ ฉันเคยแนะนำให้กับคนอื่นๆนะ ถ้าเป็นผู้-ชาย อ่านแล้วจะอยากเป็นอย่างโกโบริ ส่วนถ้าเป็นผู้หญิง อ่านแล้วอยากจะมีแฟนอย่างโกโบริ คุณทมฯท่านเล่าว่า ตอนจะเขียนคู่กรรม2 ยังโดนขู่เลยว่า อย่ามายุ่งกับโกโบริของฉันนะ เขาไปดีแล้ว!...ฉันว่าฉันบ้าแล้วยังมีคนบ้ากว่าฉันอีกว่ะ! และตั้งแต่จำความได้ ฉันยังไม่เคยได้ยินว่าใครเกลียดโกโบริเลยนะ ทั้งที่เขาก็ไม่ใช่คนที่ดีพร้อม ถ้าแกอยากรู้ ว่าทำไมคนถึงคลั่งตัวละครตัวหนึ่ง ที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีตัวตน..ขอให้อ่าน..แล้วแกจะเข้าใจ
หนังสือเล่มนี้ออกจะหนาสักหน่อย สำหรับมนุษย์ที่เคยแต่อ่านหนังสือพิมพ์เฉพาะหน้าบันเทิงกับคอลัมน์ทำนายดวงชะตาอย่างแก เพราะมันมีด้วยกัน 2 เล่ม เล่มละประมาณ 400 หน้า (แต่ฉันอ่านจบภายใน 5-6 ชั่วโมง ด้วยความเชี่ยวชาญช่ำชองโชกโชน) แต่รับรองว่าไม่น่าเบื่อ งานของคุณ วิมล ศิริไพบูลย์ หรือ ทมยันตี (รวมถึงนามปากกาอื่นด้วย) อ่านง่าย สนุก ถึงบางเรื่องเนื้อหาเครียดๆ ก็มีมุขแทรกอยู่จนได้ อ่านเหมือนการ์ตูน เพียงแค่เป็นการ์ตูนที่ไม่มีภาพ แต่ทดแทนด้วยคำบรรยายที่เป็นภาษา บ้านๆ สื่อความหมายเข้าใจง่าย ทำให้เข้าถึงอารมณ์ของเรื่องในแต่ละช่วง บทสนทนาก็แสดงลักษณะบุคลิกตัวละครแต่ละตัวชัดเจน แกจะได้เห็นทุกคนมีชีวิต ได้ร่วมโต๊ะกินข้าว ได้หัวเราะและร้องไห้ร่วมไปกับพวกเขา ได้ยินเสียงขิมกับซามิเซ็ง เสียงแม่ค้าขายของ เห็นน้ำในคลองไหลเชี่ยว หิ่งห้อยส่องแสงระยิบระยับเต็มต้นลำพู ทางช้างเผือกสว่างเรืองในความมืดมิด แกรู้ไหม..ภาพในจินตนาการ สวย-งามกว่าภาพที่ตาเห็นเสมอ จะอ่อนโยน จะรุนแรง ไม่มีพรมแดนกำหนด ไม่เหมือนภาพในหนัง ละคร หรือการ์ตูน ถึงเทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็เทียบไม่ได้ เพราะมันมีขอบเขตอยู่เฉพาะความสามารถของจินตนาการคนอื่น ทำไมแกไม่ลองใช้จินตนาการของตัวเองดูบ้างล่ะ ก่อนที่มันจะหดจุนจู๋ไปเสียก่อน
นอกจากความสนุก เสริมสร้างจินตนาการ(ที่แกไม่มี)แล้วนะ หนังสือเรื่องนี้ยังให้ความรู้ให้ข้อคิดดีๆอีก ไม่ใช่ แฝงข้อคิดเฉยๆ (พวกแฝงมักจะหาไม่เจอ) คือให้มาแบบโล่งโจ้งล่อนจ้อนเลย..อย่าคิดว่านิยายไร้สาระ คู่กรรมมีข้อมูลเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองบรรยายให้แกรู้สึกเหมือนอยู่ยุคนั้นจริงๆ มีธรรม-เนียม มีภาษาญี่ปุ่นให้เรียนด้วย ส่วนเนื้อหา โจทย์ของเรื่องนี้คือ หน้าที่กับความรัก..คุณจะเลือกอะไร? ตัวพระเอก คือโกโบริ จะเป็นตัวแทนของความรัก รักในเรื่องนี้บริสุทธิ์มากๆ ไม่ใช่เพ้อฝันนะ อย่าง ความรักคือการให้ไม่ต้องการตอบแทน นั่นเกินไป แต่นี่เป็นแบบ ผมรักเธอ ผมก็ต้องการความรักจากเธอตอบนั่นแหละ เพียงแต่ผมไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น ผมแค่จะคอยเฝ้าปกป้องทะนุถนอมเธอเท่านั้น ส่วนเธอจะว่ายังไงก็สุดแล้วแต่ใจเธอ
ส่วนนางเอก อังศุมาลิน เป็นตัวแทนของหน้าที่ แบบว่า ฉันเป็นคนไทย เธอเป็นศัตรู คนไทยเราไม่เคยยอมก้มหัวให้ต่างชาติ ฉันมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ฉันเคยให้สัญญาไว้กับคนไทยคนหนึ่งที่เขารักฉัน ฉันต้องรักษาสัญญา ฉันเกลียดเธอ เพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของสงคราม ฉันไม่อยากรักเธอ แต่ทำไมเธอต้องดีกับฉันขนาดนี้? นางเอกนี่จะงงๆอยู่ทั้งเรื่อง คือไม่เข้าใจตัวเอง เธอทิฐิมานะแรงกล้าเกินไป คนส่วนใหญ่รักโกโบริแต่ไม่ค่อยชอบอังศุมาลินนะ แต่บางคนก็ชอบทั้งคู่ แล้วแต่รสนิยม อย่างแกก็น่าจะอยู่ในพวกหลัง เพราะหัวดื้อเหมือนกันไม่มีผิด ฉันว่าถ้าแกอ่านแล้วมันคงจะลดลงบ้าง อีกอย่าง คงจะทำให้แกเลิกชอบสงครามไปเลย ที่แกพูดว่าดูเขารบกันสนุกดี แกจะได้รู้ว่าคนในสงครามเขารู้สึกกันยังไง และเกมการเมืองของไทยที่พยายามรักษาเอกราชไว้น่ะเขาทุ่มเทกันขนาดไหน เนื้อหาบางตอนมันจริงจังนะ แต่ไม่เครียดหรอก ไม่งั้นฉันจะอ่านมา 70 กว่ารอบยังไงไหว
เอ่อ..คุณสำลีที่รัก คือ..อยากจะบอกว่า กระดาษเขียนจดหมายกำลังจะหมดว่ะ งั้นไม่พล่ามมากแล้ว แกรีบๆไปซื้อหนังสือเรื่องนี้มาอ่านเสียนะ หรือถ้างกนัก(มันแน่อยู่แล้ว)ก็ไปยืมจากห้องสมุดก็ได้ หาไม่ยากหรอก พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่สิบครั้ง แกต้องเจอเข้าสักครั้งจนได้แหละ (มีแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วด้วย ถ้าแกพบก็ส่งมาฝากฉันบ้างจะเป็นพระคุณอย่างสูง) เอาละๆ จบได้สักที งานการฉันก็มีต้องทำ แล้วยังต้องรักษารอยรักที่คุณสุกคุณใสฝากไว้อีก เซ็งชะมัด งั้น..แค่นี้นะ
ปล.ถ้าแกต้องการคำแนะนำอีกก็เขียนมาอ้อนวอนฉันอีกฉบับแล้วกัน
ด้วยรักและเคารพ (ทำไมฉันจะต้องให้ความเคารพอีเห็นด้วยนะ?)
อ้อม..เพื่อนแก