สรุปงานสัมนา 15 มกราคม แนวโน้ม ศกและหุ้นไทยปี 54

[champ_st]

รอบนี้ไปทันช่วงที่ 2 นะครับ แล้วก้แป้นโน้ตบุค มันลอกไม่ค่อยเห็นตัวอักษรไทยเลยอาจพิมผิดพิมถูกนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยนะครับ

แนวโน้มเศรฐกิจและหุ้นไทยปี 54โดยขอสรุปย่อๆดังนี้นะครับ

ศกโลก และของไทยปี 54 เป็นอย่างไร
ดร.ศุภวุฒิ ; ศกโลกเติบโตดีกว่าที่คาด ไว้ส่วนหนึ่งเพราะอเมริกาได้ใช้เงินจำนวนมากอัดฉีดเข้าสู่ระบบโดยการสร้างหนี้ภาครัฐแทนเอกชนซึ่งถือว่าได้ผลดีในระดับหนึ่ง ในสหภาพยุโรบประเทศใหญ่ๆก็ยังไม่ปรากฏปัญหามีก็แต่ประเทศเล้กๆในกลุ่มที่มีปัญหาบ้าง
ส่วนของไทยมองว่าดูดีเกินไป จนดูเหมือนร้อนแรงซึ่งในปี 54 จะมีแรงกดดัน ทาง ศก ดูตัวอย่างอินโดที่ไม่ปรับดอกเบี้ยหุ้นก้ตกเพราะนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นเค้าร้อนแรงไป ปํญหาไทยก็คล้ายๆกันมองว่าถ้า BOT ปรับดอเบี้ยไม่ทันเงินเฟ้อไม่มีมาตรการออกมาควบคุมตั้งแต่เนินๆนักลงทุนก็จะรู้สึกกังวล และถ้ามาเร่งการปรับดอกเบี้ยรวดเดียวปลายปีก็อาจส่งผลไม่ดีต่อตลาดหุ้นไทย หลักๆมองเรื่องเงินเฟ้อว่าจะคุมได้ไหม
จากที่ได้พูดคุยกับผู้บริหารหลายๆบริษัทก็มองตรงกันว่าเงินเฟ้อรอบนี้มันเกิดจากสินค้าพวกอาหารที่แพงขึ้นมาก กับพวกคอมโม แต่เงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังไม่ปรับสูงขึ้นนัก

[champ_st]

ดร.สมชาย : ศกปี 54 ถ้าวิเคราะห์ในมิติการเมือง เอาสมการมาดูจะพบว่า การเมอืงแบบเดิมที่มันสูสีกันได้เปลี่ยนไป มาเป็นการเมืองที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ทำให้ความร้อนแรงลดลงไปมาก อำนาจต่อลงลดลง แต่ยังไม่จบ การเมืองในปีนี้จึงไม่เป้นตัวถ่วง
ด้าน ศก ตัวท่วงจริงๆก็มองว่าเป้นยูโรโซน ส่วนปัญหาด้านเงินเฟ้อก็ยังมองว่าไม่ใหญ่เท่า คือถ้ายูโรไม่พัง คิดว่าทั้งโลกน่าจะเติบโตได้ 4% ส่งออกไทยก็พึ่ง ศก โลกก็น่าจะได้รับอานิสงดีไปด้วยที่จะทำให้เราโตมากกว่า 4% แต่ถ้า ยูโรพังคือ สเปน หรือประเทศที่มีปัญหาถอนตัวออกจากการใช้เงินยุโรนั่นแระหายนะ เพราะในยุโรปแล้ว สเปน กับอิตาลีมีขนาดเป้นเบอร์ 4 5 ในยูโรเมื่อ 2 ที่นี้มีปัญหาทางแก้ทางเดียวตอนนี้ที่ทำได้คือมันต้องออกตราสารหนี้ดอกเบี้ยสูงๆขนาด 7% โดยธรรมชาติถ้าพันธบัตร 10 ปีดอกขนาดนี้มันอยู่กันไม่ได้ ผลคือ จะต้องมีการสำรองเงินในกองทุนของยูโรเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินโดยร่วม มันก็จะมีทางเลือกให้ประเทศมีปัญหา 2 ทางคือ
1 อยู่กับยูโรต่อไป แล้วประเทศพังเพราะมันมีมีเงินมาหมุนมาดำเนินกิจกรรมอะไรได้
2 ถอนตัวออกจากยูโรแล้วกลับมาใช้เงินสกุลท้องถิ่นที่อย่างน้อยมันก็สามารถลดค่าเงินได้ (ใช้เงินยุโรลดไมได้) ถ้าเลือกวีธีนี้ก็จะส่งผลกระทบกับสภาพคล่องในโลกเพราะทุกประเทสมีเงินสกุลยูโรทุกประเทศแน่นอน
โดยรวมๆมองว่ายังพอไปได้แต่ตลาดหุ้นไทยจะเจอความผันผวนเพราะสังเกตุให้ดีจะพบว่าทุก 3 เดือนจะมีการออกพันธบัตรใหม่ๆออกมดอกเบียก็ดึงดูดใจไมน้อยบางคนก็โยงเงินเข้าออก

[champ_st]

ดร.ก้องเกียรติ : ปีนี้มีปัจจัยที่ต้องตาม ทั้งบวกลบ 5 ตัวหลักๆคือ
ปัจจัยลบ 1 ยุโรบ เป็นตัวลบที่น่าจับตามองที่สุด
2อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น แต่การที่แบงค์ชาติของแต่ละประเทศขึ้นดอกเบี้ยก็คงกระทบไม่มากเพราะส่วนใหญ่ก็มีการคาดการไว้แล้ว
ปัจจัยบวก 1 ภาคเอกชน ปรับตัวได้มากขึ้น มีการซื้อกิจการในต่างประเทศเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน มีการขยายฐานออกไปกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศ คนไทยเก่งขึ้น ธุระกิจหลายๆตัวของไทยก้เป็นเบอรืต้นๆของโลก
2 เชือว่าปีนี้อเมริกา น่าจะฟื้นตัวได้เพราะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ตลาดหุ้นของเขาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลายๆธุระกิจอย่าง ธนาคารและไอที ก็ฟื้นตัวได้ดี จีนเองก็เช่นกันจะเป้นตัวจักรสำคัญหนึ่งในการับเคลื่อน ศก โลก หลายๆคนเป้นหว่งว่าจีนจะแย่ แต่ผมองว่ารัฐบาลจีนมาความสามารถมาก ดูจากมาตรการที่ออกมา ควบคุมความร้อนแรงกันไว้ดีกว่าแก้ถือว่าเขาเข้าใจหลักการจัดการ อินเดียก้ยังเติบโตได้ดีเช่นกัน
3 วิวัตยาการด้าน IT ของโลกก้าวหน้ามากอุปกรไอทีทั้ว บีบี ไอโฟน ไอเฟด ขายดี เฟสบุค ทิตเตอร์ พวกนี้ส่งผลให้การทำการตลาดฉพาะเจาะจง เป้นการกระตุ้นตลาด การบริหารงานต่างๆก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป้นตัวขับ ศกได้

[champ_st]

คุณมนตรี : สรุปว่าปีนี้ยังดี ปัจจัยเสี่ยก็คือ
1การเงินต่างประเทศ
2การเมืองในประเทศ
แต่ ศก ไทแข็งแกรงโดยดุจากตัวชี้สำคัญแต่ละครั้งคือ
1 ยอดการซื้อรถใหม่เติบโตมาก คนมีกำลังซื้อ เติบโต 31% งานมอเตอร์โชว์ขายไปได้ตั้ง 33000 คัน
2 การส่งออก 11 เดือนย้อนไปโต 29% ซึ่งเป้นการเติบโตแบบต่อเนือง ถึงคาเงินเราจะแข็งมากแต่เราก็ยังสามารถปับตัวได้ดี ผู้ส่งออกเก่งขึ้น
3 การท่องเที่ยวอาจมีปัยหาการเมือวแต่ก็มีแววชัดเจนว่าฟื้ตัวมีการปรับอัตราค่าเข้าพักบ้างในบาวที่แล้วและในอนาคตคิดว่าจะมีการปรับอย่างแน่นอน
4การลงทุนภาคเอกชน มีการเติบโต หนี้ภาครัฐอยู่ที่ 42% ถือว่าไม่มาก เมกามีหนี้ภาครัฐถึง 90% ยุโรงหลายๆประเทศก็สูงเกิน 100% ทำให้มองว่าถ้ามีปัญหาไทยยังมก๊อกภารัฐที่ยังช่วยเหลือได้
ปัจจับเสี่ยงก้คือยุโรป เมกาไม่มีปํญหาแล้ว ต้องติดตามยุโรปอย่างใกล้ชิด ถ้าวิกฤติมาคนจะตระหนก แต่ก็ยังคงมองว่าไม่ร้ายแรงเหมือนเกรตดีเพรดชั่นที่มีคนว่างงานถึง 25% ซึ่งบทเรียนนี้ทำให้รัฐจำเป้นต้องอัดฉีดเงินเข้าระบบจำนวนมาก เมกาก็มี QE 1 2 และใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ ส่วนในไทยตอนต้มยำกุ้ง เราก็มีปัญหาในอสังหา แต่ทกครั้งที่มีปัยหาธรรมชาติจะปรับตัวให้เราอยู่รอบ บ้าน คอนโดลดลง คนก็เลื่อนการซื้อ พอมีเงินก็ค่อยๆกลับมา ไม่ใช้มีปัญหาแล้วจะไม่มีทางออกเลย
ด้านการเมืองก้มองว่าคลี่คลายไปมาก พอมีปัยหาน้ำท่วมก็ทำให้รู้ว่าไอ้ที่ทะเลาะกันมากมายคนไทยก็ยังไม่ทิ้งกัน ภาพการชุมนุมที่ราชประสงคืก็มีการเจรจากัน ก็มีทิศทงที่ดีขึ้น

[champ_st]

ดร.นิเวศน์ : มองคล้ายๆกับทุกคน ศกที่ดีมากๆแล้วสุดท้ายก็ลง แย่มากๆเดี่ยวมันก้ขึ้น สองปีที่ผ่านมาโตมาก 60% กับ 40% ปีนี้โตได้ 8%ก็เก่งแล้วหรือ 4% ก็ได้น่าจะแถวๆนี้ เรือ่งยุโรบก็เหนคนแย่งซื้อพันธบัตรกันแสดงว่าคนก็ไมได้ตระหนอะไรมากนักยังกล้าซื้อ จีนที่มีเงินมากๆก็คงไม่ปล่ยให้คู่ค้ามีปัญหา ศก โลกตอนนี้ก็ไมได้พึ่งพาประเทสใดเป็นหลัก คอืตอนเมกามีปัญหาเราก็มองจะแย่ สุดท้ายจีนก็มา พอจีนดูท่าไม่ดี เอเชียเราก็มา เห้นว่า สกไม่ได้ผุกขาดประเทศใดประเทสหนึ่งแบบเดิม
การเมืองไม่มี อะไรรุนแรงคนก็ชินแล้ว เดี่ยวมันก้ผ่านไปขนาดตอนแรงๆหุ้นไทยยังโต 40% ได้แสดงว่าเราชินกับการชุมนุมเดี่ญวนี้ไม่ค่อยตกใจ แต่ต้องกลับมามองหุ้นรายตัวที่เราลงทุนมากกว่าว่าพื้นฐานเป้นอย่างไร

[champ_st]

ถาม ปี 54 มองตลาดหุ้นไทยยังไง

ดร.สมชาย : เสริมเรื่องพันธบัตรก่อนที่หมดเพราะจีน ญี่ปุ่น กับกองทุน ecd ช่วกันด้วทำให้จิตวิทยามันดูดี เค้าไม่ปล่อยให้ประเทศที่มีผลประโยชน์ด้วยมีปํญหาเพราะเดี่ยวกระทบเข้าตัว ส่วนมุมมองตลาดก็ยังมองว่าดีภายใต้สมติฐานว่า โอกาสในการเกิดวิกฤติยุโรบมีน้อย ปัยหาเงินเฟ้อ จากน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร การเก็งกำไรพวกนี้เอาอยู่ ถ้าไม่แย่ ไทยก็น่าจะโตได้ 4% ส่งออกโต12-15% แล้วปีนี้ก้เลือกตั้ง
หุ้นไทยก็มีโอกาสไปได้อีก 10-15% โดยประมารแต่ต้องจับตาค้าเงินให้ดี หุ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้สัมพันกันมาก ถ้าเกิดตลาดเริ่มไซไว ผมว่าต่างชาติจะเร่งขายหุ้นเอากำไรหุ้นกับค่าเงินออกมาก่อน

[champ_st]

ดร.ก้องเกียรติ : ปี 54 ลงทุนยาก เพราผ่านมา 2 ปีโตมาก 100% ปีนี้ 10-15%ก้เก่งมกาแล้ว โดยมองว่าพลังงาน ธนาคารน่าจะเป็นตัวชูจาก ราคาน้ำมันกับดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะได้ประโยชน์ แต่ก็ระวังเงินเฟ้อกบยุโรบ
ปีนี้มองหุ้นเมืองนอกน่าสนใจกว่าหุ้นไทย ไทยขาดความน่าดึงดูดในแง่ของไม่มี iop หุ้นใหญ่ๆ อย่าง AIA ที่อ่องกง ปิโตนาส ทำให้เงินไหลเข้าไปค่อนข้างมาก บ้านเราช่วงหลังๆคาดความน่าสนใจไปเยอะ ถ้าเมกาเริ่มฟื้นเงินกะกลับไปประเทสเค้าได้เช่นกันอย่าประมาท

[champ_st]

ดร.ศุภวุฒิ : ผลประกอบการอาจโต 15% แต่หุ้นอาจขึ้น 10-15% ความน่าสนใจอยู่ที่พลังงาน ธนาคารเป็นหลัก แต่ประเด้นคือ เดิมเรามองว่า เมกา ญี่ปุ่น ยุโรบ ศก เค้าโตช้า แต่เอเชียโตได้ดีเงินเลยไหลมา แต่ตอนนี้ เมกา ยุโรบ อัดเงินเข้าไป มัยนก้ทำให้ ศกเค้า โตได้ดีเงินก็อาจไหลกลับไปได้เช่นกัน แต่อย่างตั้งข้อสังเกตุว่าไอ้ที่ว่าโตๆเดียว มันโตแต่ตัวเลข แต่พอดีงบดุลแล้วมันมีปัยหาเรื่องหนี้เยอะอยู่ เลแมนที่ล้มก็เพราะว่ามันหนี้เยอะเกินไปไม่ใช่ไม่โต ระดับประเทศก้ก่อหนี้มากกู้เงินมาอัดฉีด อย่าเมกา ยอมขาดดุล 30% เพือให้ GDPโต 3% และปีนี้ก็จะขาดดุลอีก 10% เพ่อให้ GDP โต 3% ที่ต้องถามว่ามันคุ้มกันไหม มันต้องเริ่มรักษาวินัยทางการคลังซึ่งในยุโรบหลายๆเพราะเทสเริ่มมองแล้ว แต่ไอ้ปัญหาหนี้ที่ก่อๆมามันแก้ยากอีก 3 ปีนี้ไม่รู้จะยังไง ตอนนี่ที่ทุกประเทศทำคือซุกไว้ใต้พรมแล้วยืดหนี้ออไปเรื่อยๆ

[champ_st]

คุณมนตรี : มองตลาดหุ้นไทยกับหุ้นโลกไปด้วยกัน รอบที่ผ่านมาที่พังก็เพราะก็เกินตัวเหมือนกันเลย ส่วนตัวมองว่าถ้า สกโลกดี ไทยก็ดีด้วย ทุกวันนี้เราถูกโจมตีด้วยความโลภ ทำอะไรเกินตัว พอวิกฤติที่ก็เกิดความกลัวจนไม่กล้าทำอะไร แต่สุดท้านมันก้ผ่านไปได้ สังเกตุว่าโลกตอนนี้เชือมโยงกันหมดประเทศหนึ่งมีปัยหา ประเทศอื่นๆอยู่เฉยๆไม่ได้ ก็ช่วยกันเพราต่สงก็เป้นคู่ค้ากันและกัน ตลาดหุ้นไทยที่มองว่าขึ้นมาเยอพปีนี้ถ้า สก โลกฟื้นเราก็จะไปต่อด้วย กิมเองให้เป้าเซตที่ 1234 จุดในครึ่งปีแรก ที่ PE 12 เท่าถือว่ายังสูสีกับทั้งโลกไม่ถุกไม่แพงมาก
ปัยหาฟองสบุตลาดหุ้น็น้อยเพราะอัตราการปล่อยมาจินน้อยมาก ตอนวิกฤติปล่อนกันที่ 1.2 แสนล้าน ตอนนี้ 3 หมืนล้านเอง ฟองสบุไม่เยอะมองว่าจุดเปลี่ยนตลาดหุ้นคือเอาส่วนกลับของ PE คือ เป้น EP แทน ถ้าให้ pe 12 เท่า ep ก็ 1/12ให้ผลตอบแทนเป้น 8% ซึ่งตัวนี้ตราสารหนี้ยังให้ผลตอบแทนไม่ถึว 8% ตลาดก็ยังไปต่อได้ แต่ถ้าดอกเบี้ย 8% ก็ถอยเพราะมันจะกลับเทรน

[champ_st]

ดร.นิเวศน์ : ตลาดหุ้นมี 3 แบบ คือ
1 กระทิง นไปเรื่อยๆ คือ pe ต้องต่ำ 6-7เท่า pe 14เท่าเป้นกระทิงไมได้ กำไรบริษัทต้องโตต่อเนื่องหรือทรงๆแต่ pe ต้องต่ำ อย่างปี 52 pe ต่ำมาก +60% ปี 53 กำไรโต peไม่แพงเท่ไหร +40%
2หมี peสูง กำไรไม่ค่อยดี ตรงกันข้าม
3ไซเว ก็เดาทางไมได้กำกึ่ง
ตอนนี้ pe สูง แต่ไม่สูงมาก 14 กว่าๆ พอเที่ยบกับต่างประเทศก็ไม่สูงมาก แต่ จีน อินเดียpe เค้าเคยเลนเทรดสูงกว่านี้ตลอดลงมาเท่านี้ก็ถือว่าถูกกว่าตลาดบ้านเราองเรา 14 นี้นานๆจะมาที เคา ปกติเทรดสูงว่านี้ ก็เลยมองบ้านเราแพง หวังกระทิงคงยาก ก็ต้องดูกำไรบริษัทจดทะเบียนถ้าทำได้ pe ลงก็ว่ากันไป ทำให้ราคาหุ้นทรงๆ ปีนี้ก้เดาว่าหุ้นมันคง -15% ถึงบวก 30% ถ้าหาก+30% ผมคงขายล้างพอตไปเลยเลิกเล่นเพราะมันจะเป้นประวัติสาสตรืหุ้นไทยที่ไม่เคยบวกแรงๆติดต่อกันได้เกิน 3 ครั้ง ที่เกิน 3 ครั้งก้ไมได้แรงอะไร มีครั้งเดียวตอน 29 ที่เปิดประเทสกับลงทุนเยอะ
ในตลาดเมกา ย้อนไป 100 ปี ตัวชี้วัดที่ทรงพลังสุดคือ pe เวลามันไปสุงๆ มันก็มักมีอะไรทำให้ตกลงมาปรับตัวทุกที ส่วนกำไรบริษัทมันก้พอพอกัน pe มีผลมากเลยทีเดียว

[champ_st]

ถาม ให้คะแนนหุ้นไทยปี 54 มี 10 คะแนนเต็ม 10 ดีมาก กับ2 กลุ่มที่น่าสนใจ

ดร.สมชายให้ 6 คะแนน พอใช้เลือก ธนาคาร คอมโม โฆษณา ยานยนต์
ดร.ก้องเกียรติ 5 คะแนน น้ำมัน สินค้าเกษตร ธนาคาร
ดร.ศุภวุฒิ 4 คะแนน ธนาคาร
คุณมนตรี 6 คะแนน ธนาคาร รับเหมา พลังงาน คอมโม
ดร.นิเวศน์ 3 คะแนน กิจการที่รายได้แน่นอนอย่างสาธารณูปโภค ธนาคาร

[champ_st]

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการลงทุนและทำให้ทุกท่านระมัดระวังการลงทุนในปีนี้นะครับเห็นหลายๆคนเลิกสนใจงานสัมนาพวกนี้ซะแล้ว คอยแต่จะหาหุ้นเด้ดๆอย่างเดียวเลย T_T

[aviance]

ได้ประโยชน์ค๊าบ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ อุตส่าห์มาช่วยแบ้งปัน

[batkung]

ขอบคุณมากเลยครับ อุตส่าห์อดหลับอดนอนมาโพสให้พวกคนที่ไม่ได้ไปงานอย่างผมมีโอกาสได้รับความรู้ด้วย

[dome@perth]

ขอบคุณมากครับ

[NoiSNC]

ขอบคุณมากครับ ที่จริงผมออกเดินทางไปงานด้วยนะ แต่ว่าไปไม่ถึงอะ รถติดอยู่แถววัดโพธิ์เป็นชั่วโมงเลย -_-" บวกกับท้องไม่ค่อยดีด้วย (สองเด้งเลย)

[joeco]

ขอบคุณมากคับ

[picatos]

[Shinning]

ขอบคุณคำคุณแชมป์ที่สรุปเนื้อหาสำหรับคนที่ไม่ได้ไปงานครับ

ขอบคุณครับ

[blueplanet]

ขอบคุณครับ คุณแชมป์

[CHOOKY]

ขอบคุณมากครับ

[@ป่าครองชีพ]

ขอบคุณมากมากเลยคุณ แชม์ป

[bomnaja]

ขอบคุณมากครับ

[PANMAN]

ขอบคุณมากๆ ครับ

[pak]

ขอบคุณมากๆครับ K.champ_st
สำหรับการ "เสียสละ" เวลาในมาถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆ
รู้สึกดีครับ งานนี้มีแต่ "ผู้ให้" จริงๆครับ

ผมเองก็ได้ไปช่วงหลังเหมือนกันครับ นั่งดูทีวีอยู่ด้านนอก
งานเลิกประมาณ 17.30 น. แต่ยืนคุยกันต่อถึงประมาณ 19.30 น.
มีหลายวงครับ ผมเองก็แอบเดินไปฟังวงนั้นที วงนี้ที ได้รับความรู้มามากมาย

สิ่งที่ผมได้ติดตัวกลับมา คือ
1. ความรู้จากวิทยากร และ ท่าน ดร. สำหรับนอกรอบ
2. ความรู้และมุมมองดีๆ จากเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่าน ทุกๆวง
3. หนังสือฟรีอีก 3 เล่ม คือ
- หนังสือ SET STOCK FOCUS: STEEL
- หนังสือ mai Stock Focus
- หนังสือ Stock Focus


4. ซีดี ชุด "พระคุณแม่"
(ต้องขออนุโมทนาบุญสำหรับผู้แจกเป็นธรรมทาน คือ ท่านอาจารย์ ดร.ไพบูลย์-คุณวราณี เสรีวิวัฒนา ด้วยนะขอรับ)


5. ความรู้สึกดีๆที่เห็นแต่ละคนได้ทำหน้าที่เป็น "ผู้ให้" ครับ
ประทับใจมากๆ ทำให้รู็สึกว่าเป็น "วันเสาร์" ที่มีคุณค่ามากๆเลยครับผม (^_^)


ปล.
ส่วนของที่ระลึกจาก "ส.ขอนแก่น" ผมไม่ได้ครับ เพราะปุ๊บปับไป ไม่ได้ลงทะเบียน
แต่ยังไงก็ต้องขอขอบคุณในน้ำใจครับ ระหว่างยืนคุยนอกรอบกัน ผมเห็นคนฟังเรื่องหุ้นไป กินหมูแผ่นไป เพลิดเพลินไปอีกแบบ
ยังไงก็ขอบคุณมากๆครับผม

[Paul VI]

ขอบคุณ น้องแชมป์ มากๆครับ

[บูรพาไม่แพ้]

ขอบคุณครับ คุณแชมป์

[ming1714]

ขอบคุณมากครับ

[unnop.t]

ขอบคุณมากครับ

ทุกท่านลงความเห็นกลุ่มธนาคารน่าสนใจในปีนี้

[leotis]

ขอบคุณมากๆครับ