เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 1
เมื่อเราลงทุนในบริษัทที่เราเลือกแล้วว่ามีคุณภาพที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า
ต่อมาเมื่อนายตลาดเกิดสนใจซื้อหุ้นบริษัทที่เราเลือก และทำให้ราคาหุ้นเกินกว่ามูลค่าในใจเราไป
และเราคาดว่ากว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตทันราคาหุ้น คงใช้เวลาอีกสัก สองปีเป็นอย่างน้อย
อยากถามความเห็นพี่ๆ ชาววีไอ ว่า ถ้าเป็นพี่ๆ จะขายหุ้นในบริษัทนั้นหรือไม่ แล้วรอให้ราคาต่ำกว่ามูลค่า
อีกครั้ง จึงค่อยกลับเข้ามาซื้อใหม่
ประเด็นที่ผมคิดก็คือ
1. มูลค่าเป็นสิ่งที่เราวัดไม่ได้ และแต่ละคนก็มีราคาในใจไม่เท่ากัน ฉะนั้น >>> ไม่ขาย >>> แต่คำถามคือ แล้วจะขายเมื่อไร
2. ในเชิงจิตวิทยา เราเกิดความกลัวว่ากำไรจะหายไป เลยคิดจะขาย >>> คิดเรื่องราคา >>> กำลังเข้าสู่ภาวะเก็งกำไร ใช่ไหม
3. ถ้ามีบริษัทอื่นที่มี upside มากกว่า >>> ขายเพื่อไปลงทุนในบริษัทอื่น
4. ....ฝากพี่ๆ ช่วยคิดครับ
ขอบคุณครับ
ต่อมาเมื่อนายตลาดเกิดสนใจซื้อหุ้นบริษัทที่เราเลือก และทำให้ราคาหุ้นเกินกว่ามูลค่าในใจเราไป
และเราคาดว่ากว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตทันราคาหุ้น คงใช้เวลาอีกสัก สองปีเป็นอย่างน้อย
อยากถามความเห็นพี่ๆ ชาววีไอ ว่า ถ้าเป็นพี่ๆ จะขายหุ้นในบริษัทนั้นหรือไม่ แล้วรอให้ราคาต่ำกว่ามูลค่า
อีกครั้ง จึงค่อยกลับเข้ามาซื้อใหม่
ประเด็นที่ผมคิดก็คือ
1. มูลค่าเป็นสิ่งที่เราวัดไม่ได้ และแต่ละคนก็มีราคาในใจไม่เท่ากัน ฉะนั้น >>> ไม่ขาย >>> แต่คำถามคือ แล้วจะขายเมื่อไร
2. ในเชิงจิตวิทยา เราเกิดความกลัวว่ากำไรจะหายไป เลยคิดจะขาย >>> คิดเรื่องราคา >>> กำลังเข้าสู่ภาวะเก็งกำไร ใช่ไหม
3. ถ้ามีบริษัทอื่นที่มี upside มากกว่า >>> ขายเพื่อไปลงทุนในบริษัทอื่น
4. ....ฝากพี่ๆ ช่วยคิดครับ
ขอบคุณครับ
-----------------------
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้
และก็มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้
สุดท้าย หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้ เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้
และก็มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้
สุดท้าย หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้ เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
- supparsorn
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 3
ผมจะไม่ได้มีราคามีเหมาะสมในใจ แต่อาศัยดู Return จากการลงทุนมากกว่าครับ เช่น ถ้ามีการลงทุนอื่น ที่ความเสี่ยงไม่มากกว่า แต่มี Return สูงกว่า ก็จะสลับตัว เป็นต้น ครับ
"ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ใช้อะไรสู้กัน แต่สงครามโลกครั้งที่ 4 จะต่อสู้กันด้วยท่อนไม้และก้อนหิน"
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 4
อันนี้น่าสนใจครับ
ผมว่า มันก็ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทที่เราลงทุนนั้นเป็นแบบไหน แล้ว Outlook ในระยะยาว ๆ น่าจะเป็นอย่างไร
ถ้าพวกหุ้นแบบ Turnaround , Cycle หรือหุ้นใหญ่แต่ไม่ค่อยเติบโต หากเกินมูลค่าแบบที่เราคิดไปแล้ว ถึงสองสามปี แล้ว อนาคต มันดูไม่มีอะไรจะทำให้มันโตได้มาก ก็จะคิดว่าจะขายทิ้ง
แต่หากเป็นพวกที่เติบโตสูง หากเกินมูลค่าที่เราคิดเอาไว้ ในอีกสองปีข้างหน้า อันนี้ผมเองก็จะเฉยๆ ครับ เก็บไว้ เพราะหากขายไป และรอให้ มูลค่ามันต่ำกว่าพื้นฐานอีก ราคาที่ซื้อใหม่อาจจะต่ำกว่าพื้นฐานจริงแต่ราคามันอาจจะแพงขึ้นกว่าที่ขายไปก็ได้นะครับ เพราะมันเติบโต ไปเรื่อย พื้นฐานมันดีขึ้นไปเรื่อย อะไรทำนองนี้ กรณีนี้ ก็จะขายเมื่อมีสัญญาณว่า บริษัทอาจจะมียอดขายกำไร ที่เริ่มไม่ค่อยโต เริ่ม ตันๆ แล้ว
ผมว่า มันก็ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทที่เราลงทุนนั้นเป็นแบบไหน แล้ว Outlook ในระยะยาว ๆ น่าจะเป็นอย่างไร
ถ้าพวกหุ้นแบบ Turnaround , Cycle หรือหุ้นใหญ่แต่ไม่ค่อยเติบโต หากเกินมูลค่าแบบที่เราคิดไปแล้ว ถึงสองสามปี แล้ว อนาคต มันดูไม่มีอะไรจะทำให้มันโตได้มาก ก็จะคิดว่าจะขายทิ้ง
แต่หากเป็นพวกที่เติบโตสูง หากเกินมูลค่าที่เราคิดเอาไว้ ในอีกสองปีข้างหน้า อันนี้ผมเองก็จะเฉยๆ ครับ เก็บไว้ เพราะหากขายไป และรอให้ มูลค่ามันต่ำกว่าพื้นฐานอีก ราคาที่ซื้อใหม่อาจจะต่ำกว่าพื้นฐานจริงแต่ราคามันอาจจะแพงขึ้นกว่าที่ขายไปก็ได้นะครับ เพราะมันเติบโต ไปเรื่อย พื้นฐานมันดีขึ้นไปเรื่อย อะไรทำนองนี้ กรณีนี้ ก็จะขายเมื่อมีสัญญาณว่า บริษัทอาจจะมียอดขายกำไร ที่เริ่มไม่ค่อยโต เริ่ม ตันๆ แล้ว
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 5
ส่วนตัว...ถ้าหุ้นขึ้นมาถึง Fair และ บริษัทนั้นไม่มีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าในสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้
ผมก็จะขายที่ Fair Value ครับ ไม่รอ Over
แต่ถ้าถึงเป้าแล้ว แต่บริษัทมีแนวโน้มเติบโตต่อ ผมก็ปรับ Fair ไปเรื่อยๆครับ
เมื่อไรราคาถึง Fair ผมก็ขาย
ผมก็จะขายที่ Fair Value ครับ ไม่รอ Over
แต่ถ้าถึงเป้าแล้ว แต่บริษัทมีแนวโน้มเติบโตต่อ ผมก็ปรับ Fair ไปเรื่อยๆครับ
เมื่อไรราคาถึง Fair ผมก็ขาย
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 6
ใช้การตั้ง Stop Profit Lost ก็ดีนะครับ
เช่นกำไรแล้ว 50% ถ้าลดเหลือ 48% เราจะขาย
ถ้ากำไรเพิ่มก็เลื่อนตามขึ้นไป
เช่นกำไรแล้ว 50% ถ้าลดเหลือ 48% เราจะขาย
ถ้ากำไรเพิ่มก็เลื่อนตามขึ้นไป
- KentaII
- Verified User
- โพสต์: 383
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 7
ขายเมื่อถึง Fair ครับ แต่ถ้า พื้นฐานดีขึ้น Fair ก็จะปรับตามไปเรื่อยๆ
ผู้ใดบอกว่าตัวเองเป็น "แมงเม่า" เขาผู้นั้นมักไม่ใช่แมงเม่า...แต่ผู้ใดบอกว่าตัวเองเป็น "เซียน" เขาผู้นั้น จะกลายเป็น แมงเม่าในไม่ช้า เพราะเขา "หยุดพัฒนาตนเอง"
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 9
ขึ้นกับว่าตอนที่ซื้อคิดว่ามัน undervalue เพราะอะไร
Undervalue เพราะกิจการมี DCA มาก จนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของกิจการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด?
Undervalue เพราะมี price ต่อ earning ที่ต่ำ?
Undervalue เพราะมีสินทรัพย์มากกว่ามาร์เกตแคป?
Undervalue เพราะปันผลมาก ถือเอาปันผลก็ได้เกิน 10% แล้ว?
Undervalue เพราะอยู่ในช่วงขาขี้นของอุตสาหกรรม?
Undervalue เพราะมาร์เกตแคปไม่สมกับศักดิศรีของหุ้น?
ผมว่าคำตอบของจุดขายอยู่ตั้งแต่ตอนที่เราตัดสินใจซื้อแล้วครับ
Undervalue เพราะกิจการมี DCA มาก จนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของกิจการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด?
Undervalue เพราะมี price ต่อ earning ที่ต่ำ?
Undervalue เพราะมีสินทรัพย์มากกว่ามาร์เกตแคป?
Undervalue เพราะปันผลมาก ถือเอาปันผลก็ได้เกิน 10% แล้ว?
Undervalue เพราะอยู่ในช่วงขาขี้นของอุตสาหกรรม?
Undervalue เพราะมาร์เกตแคปไม่สมกับศักดิศรีของหุ้น?
ผมว่าคำตอบของจุดขายอยู่ตั้งแต่ตอนที่เราตัดสินใจซื้อแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่มาแบ่งปันครับ
หลังจากอ่านประมาณ 4 รอบแล้วคิด....ผมว่าผมได้คำตอบที่ผมต้องการแล้วครับ
หลังจากอ่านประมาณ 4 รอบแล้วคิด....ผมว่าผมได้คำตอบที่ผมต้องการแล้วครับ
-----------------------
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้
และก็มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้
สุดท้าย หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้ เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้
และก็มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้
สุดท้าย หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้ เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 11
dr.momo เขียน:ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่มาแบ่งปันครับ
หลังจากอ่านประมาณ 4 รอบแล้วคิด....ผมว่าผมได้คำตอบที่ผมต้องการแล้วครับ
ตั้งกระทู้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากครับ
คำตอบที่ได้แต่ละคำตอบ ก็เป็นสิ่งที่เอาไปใช้ได้ดี และชัดเจนมาก
การขายหุ้น ดูแล้วจะเป็นหัวข้อที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ เรื่องการซื้อเลย
และเผลอๆ จะสำคัญกว่าด้วย
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยครับพี่หมอPaul VI เขียน:
การขายหุ้น ดูแล้วจะเป็นหัวข้อที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ เรื่องการซื้อเลย
และเผลอๆ จะสำคัญกว่าด้วย
ไม่อยาก "ขายหมู" ให้เจ็บใจ
อีกทางรงข้าม เมื่อซื้อผิด
ไม่อยากตัดใจ"ขายขาดทุน"ให้เจ็บใจ
การขายสำคัญมากๆ "ขายหุ้นอย่างไร ให้มีความสูข"
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 13
ถ้าจะให้ตอบโดย subjective น้อยที่สุดผมคิดว่าต้องเอาความพอใจเป็นตัวตั้ง
1.ถามตัวเองว่าการขายของตัวเองทุกครั้ง"พอใจ" หรือไม่
2.ถ้าคำตอบคือใช่ ผมว่าก็ ok ครับ แต่ถ้าคำตอบจากใช่กลายเป็นไม่หรือคือไม่ ก็ต้องมากแยกให้ออกครับว่า การขายปัญหาอยู่ที่ใจหรือวิเคราะห์มูลค่า จากการ ดู % ความพอใจหลังการขาย ของคุณเป็นจำนวนจากการขายทั้งหมด
3. ปรับใจ หรือ ปรับระบบจนกว่าจะพอใจมากพอ
ไม่มีเลขตายตัวครับว่าเกินมูลค่าเท่าไหร่ ควรขาย ความสามารถในการขายเป็นได้เทียบเท่าแค่การควบคุมใจหรือความสามารถในการวิเคราะห์และตีมูลค่าที่คุณมี
ปัจจัยเยอะอีกมากมาย ทำไมถึงขาย ขายแล้วทำอะไรต่อ................ หลังจากนั้นมันใช่หรือไม่ใช่ ทั้งหมดมันคือการต้ดสินใจแหละครับ มี time factor เข้ามาเกี่ยวอีก decision การขาย ณ จุดนี้ ใน time frame เท่านี้คุณอาจ "คิด" ว่าใช่ แต่ผ่านไปอีก 1 ปี อาจจะไม่ใช่ ไม่รู้เหมือนกั เยอะมากบอกไม่ได้ครับหรอกครับ ความพอใจน่าจะ subjective น้อยที่สุด
เอาเป็นว่า residual ที่เหลือนอกจากที่ผมพูดมาก็คือโชคปนกับมั่ว
1.ถามตัวเองว่าการขายของตัวเองทุกครั้ง"พอใจ" หรือไม่
2.ถ้าคำตอบคือใช่ ผมว่าก็ ok ครับ แต่ถ้าคำตอบจากใช่กลายเป็นไม่หรือคือไม่ ก็ต้องมากแยกให้ออกครับว่า การขายปัญหาอยู่ที่ใจหรือวิเคราะห์มูลค่า จากการ ดู % ความพอใจหลังการขาย ของคุณเป็นจำนวนจากการขายทั้งหมด
3. ปรับใจ หรือ ปรับระบบจนกว่าจะพอใจมากพอ
ไม่มีเลขตายตัวครับว่าเกินมูลค่าเท่าไหร่ ควรขาย ความสามารถในการขายเป็นได้เทียบเท่าแค่การควบคุมใจหรือความสามารถในการวิเคราะห์และตีมูลค่าที่คุณมี
ปัจจัยเยอะอีกมากมาย ทำไมถึงขาย ขายแล้วทำอะไรต่อ................ หลังจากนั้นมันใช่หรือไม่ใช่ ทั้งหมดมันคือการต้ดสินใจแหละครับ มี time factor เข้ามาเกี่ยวอีก decision การขาย ณ จุดนี้ ใน time frame เท่านี้คุณอาจ "คิด" ว่าใช่ แต่ผ่านไปอีก 1 ปี อาจจะไม่ใช่ ไม่รู้เหมือนกั เยอะมากบอกไม่ได้ครับหรอกครับ ความพอใจน่าจะ subjective น้อยที่สุด
เอาเป็นว่า residual ที่เหลือนอกจากที่ผมพูดมาก็คือโชคปนกับมั่ว
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 14
dr.momo เขียน:เมื่อเราลงทุนในบริษัทที่เราเลือกแล้วว่ามีคุณภาพที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า
ต่อมาเมื่อนายตลาดเกิดสนใจซื้อหุ้นบริษัทที่เราเลือก และทำให้ราคาหุ้นเกินกว่ามูลค่าในใจเราไป
และเราคาดว่ากว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตทันราคาหุ้น คงใช้เวลาอีกสัก สองปีเป็นอย่างน้อย
อยากถามความเห็นพี่ๆ ชาววีไอ ว่า ถ้าเป็นพี่ๆ จะขายหุ้นในบริษัทนั้นหรือไม่ แล้วรอให้ราคาต่ำกว่ามูลค่า
อีกครั้ง จึงค่อยกลับเข้ามาซื้อใหม่
ประเด็นที่ผมคิดก็คือ
1. มูลค่าเป็นสิ่งที่เราวัดไม่ได้ และแต่ละคนก็มีราคาในใจไม่เท่ากัน ฉะนั้น >>> ไม่ขาย >>> แต่คำถามคือ แล้วจะขายเมื่อไร2. ในเชิงจิตวิทยา เราเกิดความกลัวว่ากำไรจะหายไป เลยคิดจะขาย >>> คิดเรื่องราคา >>> กำลังเข้าสู่ภาวะเก็งกำไร ใช่ไหม3. ถ้ามีบริษัทอื่นที่มี upside มากกว่า >>> ขายเพื่อไปลงทุนในบริษัทอื่น
4. ....ฝากพี่ๆ ช่วยคิดครับ
ขอบคุณครับ
เมื่อราคาขึ้นมาสูงมาก และเรากลัวว่าราคาจะลดลง หรือเราดีใจ&ตื่นเต้นกับกำไรเมื่อราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากจนนอนไม่ค่อยหลับ น่าจะเป็นเวลาขายครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1401
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 15
ผมชอบอันนี้มากที่สุดreiter เขียน:ขึ้นกับว่าตอนที่ซื้อคิดว่ามัน undervalue เพราะอะไร
Undervalue เพราะกิจการมี DCA มาก จนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของกิจการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด?
Undervalue เพราะมี price ต่อ earning ที่ต่ำ?
Undervalue เพราะมีสินทรัพย์มากกว่ามาร์เกตแคป?
Undervalue เพราะปันผลมาก ถือเอาปันผลก็ได้เกิน 10% แล้ว?
Undervalue เพราะอยู่ในช่วงขาขี้นของอุตสาหกรรม?
Undervalue เพราะมาร์เกตแคปไม่สมกับศักดิศรีของหุ้น?
ผมว่าคำตอบของจุดขายอยู่ตั้งแต่ตอนที่เราตัดสินใจซื้อแล้วครับ
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 16
ที่ตอบมาเป็นเชิงวิชาการที่ถูกต้องหมดเลยครับ
แต่ผมมีเพิ่มข้อหนึ่ง
เมื่อไหร่ถ้าพบว่ามี เจ้าเข้าประทับ ผมจะรู้สึกหงุดหงิดมาก (มูลค่ามันเพิ่มแบบไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่า Analysts หรือมีการเล่นข่าว ประโคมข่าวดี อย่างไรก็ตาม) ผมจะทะยอยขายทันที เมื่อถึงจุดที่คิดว่ามูลค่ามันเกินกว่า 5 ปีที่เราคาดการณ์ ผมมักจะขายมันไปหมดแล้ว
และ จะบอกกับตัวเองเสมอว่า จะไม่เสียใจถึงแม้ว่าจะขายหมูหมดเล้า
แต่ผมมีเพิ่มข้อหนึ่ง
เมื่อไหร่ถ้าพบว่ามี เจ้าเข้าประทับ ผมจะรู้สึกหงุดหงิดมาก (มูลค่ามันเพิ่มแบบไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่า Analysts หรือมีการเล่นข่าว ประโคมข่าวดี อย่างไรก็ตาม) ผมจะทะยอยขายทันที เมื่อถึงจุดที่คิดว่ามูลค่ามันเกินกว่า 5 ปีที่เราคาดการณ์ ผมมักจะขายมันไปหมดแล้ว
และ จะบอกกับตัวเองเสมอว่า จะไม่เสียใจถึงแม้ว่าจะขายหมูหมดเล้า
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณพี่ๆ ทั้งหลายอีกครั้งครับ
สาเหตุที่ผมถามคำถาม เนื่องจากผมมีความคิดดังนี้ครับ
ในความคิดของผม ผมว่าคนเราทุกคนมีอารมณ์ทั้งสิ้น ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่า การลงทุนนั้น
การใช้อารมณ์จะนำมาสู่การตัดสินใจผิดพลาด (อันนี้เรื่องอื่นๆ ก็คงเหมือนกัน)
วิธีการที่ทำให้เราสามารถลดไม่ให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้มากที่สุด
ก็คือการนำระบบเข้ามาใช้ เช่นการคำนวณมูลค่าจาก รายได้/กำไรของบริษัท
(ทั้งในอดีตและอนาคต) หรือวิธีการอื่นๆ เพื่อที่เราจะได้กระทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็น
ขั้นตอนและลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด
ปัญหามันอยู่ตรงที่ บางครั้งเราเอาอารมณ์มาบิดเบือนระบบ
เช่นตอนเราซื้อเราดูอดีตของบริษัท รายได้/กำไรย้อนหลัง ดูคุณภาพ แล้วก็
ประมาณการรายได้/กำไรของบริษัทในอนาคต การเติบโตของบริษัท
ช่วงหุ้นตก ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมาก เพราะตั้งใจจะลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว
แล้วก็ไม่ขายเป็นระยะเวลาหลายปี
แล้ววันหนึ่ง หุ้นที่ลงทุน เกิดมีราคาสูงขึ้นโดยสาเหตุอะไรไม่รู้ (นายตลาด/เจ้ามือ/รายใหญ่)
รวมกับข่าวต่างๆ นาๆ แล้วเราก็เกิดหวั่นไหว จนเริ่มเกิดความกลัว
กลัวว่ามูลค่าพอร์ตที่โตขึ้นมามากนั้น จะหายไป...
การตั้งคำถาม ได้อ่านคำตอบของพี่ๆ หลายคน
ซึ่งจริงๆ หลายๆข้อ ก็เคยได้อ่านจากหลายๆ ที่แล้ว
แต่ผมว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับคำย้ำเตือนจากพี่ๆ อีกครั้ง
ทำให้สงบขึ้น กลับมามองเหตุผลมากขึ้นครับ
นี่คือคำตอบที่ผมได้รับครับ
สาเหตุที่ผมถามคำถาม เนื่องจากผมมีความคิดดังนี้ครับ
ในความคิดของผม ผมว่าคนเราทุกคนมีอารมณ์ทั้งสิ้น ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่า การลงทุนนั้น
การใช้อารมณ์จะนำมาสู่การตัดสินใจผิดพลาด (อันนี้เรื่องอื่นๆ ก็คงเหมือนกัน)
วิธีการที่ทำให้เราสามารถลดไม่ให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้มากที่สุด
ก็คือการนำระบบเข้ามาใช้ เช่นการคำนวณมูลค่าจาก รายได้/กำไรของบริษัท
(ทั้งในอดีตและอนาคต) หรือวิธีการอื่นๆ เพื่อที่เราจะได้กระทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็น
ขั้นตอนและลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด
ปัญหามันอยู่ตรงที่ บางครั้งเราเอาอารมณ์มาบิดเบือนระบบ
เช่นตอนเราซื้อเราดูอดีตของบริษัท รายได้/กำไรย้อนหลัง ดูคุณภาพ แล้วก็
ประมาณการรายได้/กำไรของบริษัทในอนาคต การเติบโตของบริษัท
ช่วงหุ้นตก ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมาก เพราะตั้งใจจะลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว
แล้วก็ไม่ขายเป็นระยะเวลาหลายปี
แล้ววันหนึ่ง หุ้นที่ลงทุน เกิดมีราคาสูงขึ้นโดยสาเหตุอะไรไม่รู้ (นายตลาด/เจ้ามือ/รายใหญ่)
รวมกับข่าวต่างๆ นาๆ แล้วเราก็เกิดหวั่นไหว จนเริ่มเกิดความกลัว
กลัวว่ามูลค่าพอร์ตที่โตขึ้นมามากนั้น จะหายไป...
การตั้งคำถาม ได้อ่านคำตอบของพี่ๆ หลายคน
ซึ่งจริงๆ หลายๆข้อ ก็เคยได้อ่านจากหลายๆ ที่แล้ว
แต่ผมว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับคำย้ำเตือนจากพี่ๆ อีกครั้ง
ทำให้สงบขึ้น กลับมามองเหตุผลมากขึ้นครับ
นี่คือคำตอบที่ผมได้รับครับ
-----------------------
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้
และก็มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้
สุดท้าย หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้ เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้
มีหลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้
และก็มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้
สุดท้าย หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้ เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 20
chootana เขียน:ผมชอบอันนี้มากที่สุดreiter เขียน:ขึ้นกับว่าตอนที่ซื้อคิดว่ามัน undervalue เพราะอะไร
Undervalue เพราะกิจการมี DCA มาก จนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของกิจการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด?
Undervalue เพราะมี price ต่อ earning ที่ต่ำ?
Undervalue เพราะมีสินทรัพย์มากกว่ามาร์เกตแคป?
Undervalue เพราะปันผลมาก ถือเอาปันผลก็ได้เกิน 10% แล้ว?
Undervalue เพราะอยู่ในช่วงขาขี้นของอุตสาหกรรม?
Undervalue เพราะมาร์เกตแคปไม่สมกับศักดิศรีของหุ้น?
ผมว่าคำตอบของจุดขายอยู่ตั้งแต่ตอนที่เราตัดสินใจซื้อแล้วครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 21
-ถ้าเป็นผมผมจะประเมินใหม่อีกรอบดูว่าPEที่เราให้ขาดตกบกพร่องอะไรไปหรือปล่าว?ลืมให้น้ำหนักอะไรจึงกดPEต่ำเกินจริงหรือปล่าว? แล้วถ้าเทียบกับPEตลาดเป็นอย่างไร?(ช่วงPEตลาด10 12 14 16 ผมคงให้PEที่เหมาะสมปรับตามขึ้นไปด้วย ถ้าเกิน16ผมคงออกจากตลาดก่อน) หากปรับทุกอย่างใหม่แล้วคำตอบยังแพง...ผมขาย!!!ชัวร์ เพราะมั่นใจว่าต้องมีตัวที่ถูกกว่าแน่ๆ แต่ถูกกว่ามากน้อยค่อยมาดูกันอีกทีdr.momo เขียน:เมื่อเราลงทุนในบริษัทที่เราเลือกแล้วว่ามีคุณภาพที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าต่อมาเมื่อนายตลาดเกิดสนใจซื้อหุ้นบริษัทที่เราเลือก และทำให้ราคาหุ้นเกินกว่ามูลค่าในใจเราไป
และเราคาดว่ากว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตทันราคาหุ้น คงใช้เวลาอีกสัก สองปีเป็นอย่างน้อย
อยากถามความเห็นพี่ๆ ชาววีไอ ว่า ถ้าเป็นพี่ๆ จะขายหุ้นในบริษัทนั้นหรือไม่ แล้วรอให้ราคาต่ำกว่ามูลค่า
อีกครั้ง จึงค่อยกลับเข้ามาซื้อใหม่
dr.momo เขียน: ประเด็นที่ผมคิดก็คือ
1. มูลค่าเป็นสิ่งที่เราวัดไม่ได้ และแต่ละคนก็มีราคาในใจไม่เท่ากัน ฉะนั้น >>> ไม่ขาย >>> แต่คำถามคือ แล้วจะขายเมื่อไร
-ถ้าผมใช้มาตรฐานเดียวกับที่วัดตัวที่เกินมูลค่า...ไปวัดตัวอื่นแล้วเจอถูกกว่า ผมขายชัวร์ อาจจะขายตอนFair หรือขายตอนยังUnderValueอยู่ก็ได้ถ้าอีกตัวUnderมากกว่ามากๆ
2. ในเชิงจิตวิทยา เราเกิดความกลัวว่ากำไรจะหายไป เลยคิดจะขาย >>> คิดเรื่องราคา >>> กำลังเข้าสู่ภาวะเก็งกำไร ใช่ไหม
-ไม่ใช่ครับ!!!การเก็งกำไรคือการซื้อมาขายไปตามอารมณ์ตลาดครับซึ่งอาจจะเก็งกำไรแนวTAหรือแนวVIหรือแนวข่าวหรือแนวมั่วๆก็แล้วแต่รายบุคคลไป....ส่วนความกลัวกำไรหายเลยอยากขายมันคือการที่คุณติดกับดักทางจิตวิทยาเข้าให้แล้วครับ...ซึ่งมันคือคนละเรื่องกัน
3. ถ้ามีบริษัทอื่นที่มี upside มากกว่า >>> ขายเพื่อไปลงทุนในบริษัทอื่น
-อันนี้แน่นอนครับ ผมขายชัวร์!!! คือผมมองว่านักลงทุนviเองก็มีหลายแบบนะครับ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือยาวๆก็ได้กำไรโตตามบริษัท เหมือนกับเซียนในตำนาน แต่ผมมองว่าพอร์ทผมเล็ก และชอบดูราคา แทนที่จะถือยาวๆ โตเรื่อยๆ ก็หาตัวที่อาจจะโตน้อยกว่าในระยาว5ปี ก็จริง แต่อาจจะมีstoryบางอย่างให้เมื่อมองกลางๆ1-2ปีโตมากกว่าปกติ ซึ่งถ้าเราสามารถหาหุ้นเหล่านี้ได้ทุกปีก็มีโอกาสที่ผมตอบแทนเราจะมากกว่าถือตัวเดียวยาวนานได้ซึ่งอาจจะแลกมาด้วยความเหนื่อยพอสมควรแต่ผมก็พร้อมแลกครับ^^ซึ่งวันหนึ่งถ้าผมพอร์ทใหญ่ๆและอยากเอาเวลาไปทำอย่างอื่นแค่ปันผลก็เหลือกิน ผมก็คงถือยาวเหมือนเซียนในตำนานชัวร์ๆ
แต่วันนี้...พอร์ทมันเล็กเท่าหนวดมดT^Tก็เลยต้องเล่นแบบมองUpsideและเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆไงครับ
4. ....ฝากพี่ๆ ช่วยคิดครับ
-ปล.คิดให้แล้วนะครับ อาจจะผิดก็ได้นะครับ และอาจจะไม่ตรงใจพี่ๆหลายคนก็ขอโทษนะครับ เพราะผมก็ยังละอ่อนอยู่ครับ ขอบคุณครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 22
จริงเลยครับพี่^^ ขอเสริมเรื่องการถือ เป็นการไม่ต้องทำอะไรเลยก็สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวPaul VI เขียน:dr.momo เขียน:ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่มาแบ่งปันครับ
หลังจากอ่านประมาณ 4 รอบแล้วคิด....ผมว่าผมได้คำตอบที่ผมต้องการแล้วครับ
ตั้งกระทู้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากครับ
คำตอบที่ได้แต่ละคำตอบ ก็เป็นสิ่งที่เอาไปใช้ได้ดี และชัดเจนมาก
การขายหุ้น ดูแล้วจะเป็นหัวข้อที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ เรื่องการซื้อเลย
และเผลอๆ จะสำคัญกว่าด้วย
ปล.จากประสบการณ์ตัวเอง ผิดซื้อรอบที่2จนได้เรื่องนี้ :wall:
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 24
จุดขายสำหรับผมค่อนข้างยากเสมอส่วนใหญ่จะขายหมูออกไปก่อนเพราะ มีการตั้ง target ไว้ล่วงหน้าแล้วครับ แต่บางตัวก็มีที่ี่ถึง target เร็วเกินคาดแล้วเกิดความโลภทำให้พยายามขยับ target เำพราะคิดว่ามุมมองตลาดอาจเปลี่ยนไปท้ายที่สุด อาจจะได้ขายที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้แต่แรกก็ได้ครับ
สรุปขึ้นอยู่กับความพอใจของเราครับ บางที่ดูแล้วโน้มแล้วมันน่าจะไปต่อได้ ก็อาจจะถือต่อครับ แต่ส่วนใหญ่แล้ว Target หรือเกินไปหน่อยๆก็จะเริ่มรู้สึกว่ามันแพงแล้วเลยขายออกครับ
สรุปขึ้นอยู่กับความพอใจของเราครับ บางที่ดูแล้วโน้มแล้วมันน่าจะไปต่อได้ ก็อาจจะถือต่อครับ แต่ส่วนใหญ่แล้ว Target หรือเกินไปหน่อยๆก็จะเริ่มรู้สึกว่ามันแพงแล้วเลยขายออกครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 25
ไม่เคยมีเป้าขายครับ
แต่จะขายก็ต่อเมื่อเจอหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า
และยังไม่เคยขายเพื่อถือเงินสดเลย
อาจจะเพราะว่ายังไม่เคยเจอว่า เงินสด
ให้ผลตอบแทนสูงกกว่า หุ้น
แต่จะขายก็ต่อเมื่อเจอหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า
และยังไม่เคยขายเพื่อถือเงินสดเลย
อาจจะเพราะว่ายังไม่เคยเจอว่า เงินสด
ให้ผลตอบแทนสูงกกว่า หุ้น
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 27
ปกติวิธีการประเมินมูลค่าของผมจะเป็นช่วงกว้างๆ โดยใช้วิธี
- ประมาณรายได้และกำไรในอีก 3 ปีข้างหน้า
- คำนวณดูว่าบริษัทจ่ายปันผลกี่ % และเก็บอยู่ใน BV กี่บาท
- เอาราคา BV * P/BV บวกกับเงินปันผลที่ได้แล้ว discount กลับมาหาค่า fair value
ดังนั้น fair value ของผมจะขึ้นอยู่กับ ผลกำไรของบริษัทในอนาคต(ปัจจัยบริษัท) กับ ความคาดหวังของตลาด(P/BV ที่ตลาดจะให้)
หากราคาหุ้นเริ่มเข้ามาอยู่ในช่วง fair value ที่ประมาณแบบ conservative (กำไรน้อยสุด, เทรดที่ P/BV ต่ำสุด) ก็อาจเริ่มทยอยขาย
และจะขายหมดเมื่อ fair value อยู่ที่ค่าสูงสุด (กำไรสูงสุด, เทรดที่ P/BV สูงสุด) ครับ
อธิบายไม่เก่ง ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือป่าว :lol:
- ประมาณรายได้และกำไรในอีก 3 ปีข้างหน้า
- คำนวณดูว่าบริษัทจ่ายปันผลกี่ % และเก็บอยู่ใน BV กี่บาท
- เอาราคา BV * P/BV บวกกับเงินปันผลที่ได้แล้ว discount กลับมาหาค่า fair value
ดังนั้น fair value ของผมจะขึ้นอยู่กับ ผลกำไรของบริษัทในอนาคต(ปัจจัยบริษัท) กับ ความคาดหวังของตลาด(P/BV ที่ตลาดจะให้)
หากราคาหุ้นเริ่มเข้ามาอยู่ในช่วง fair value ที่ประมาณแบบ conservative (กำไรน้อยสุด, เทรดที่ P/BV ต่ำสุด) ก็อาจเริ่มทยอยขาย
และจะขายหมดเมื่อ fair value อยู่ที่ค่าสูงสุด (กำไรสูงสุด, เทรดที่ P/BV สูงสุด) ครับ
อธิบายไม่เก่ง ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือป่าว :lol:
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 28
ผมขายก่อนเกินมูลค่าทุกที เพราะเจอตัวอื่นน่าสนใจกว่าในแง่valuation
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกินมูลค่าแค่ไหน จึงขาย
โพสต์ที่ 30
คุมทุกคำตอบหมดเลยคับreiter เขียน:ขึ้นกับว่าตอนที่ซื้อคิดว่ามัน undervalue เพราะอะไร
Undervalue เพราะกิจการมี DCA มาก จนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของกิจการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด?
Undervalue เพราะมี price ต่อ earning ที่ต่ำ?
Undervalue เพราะมีสินทรัพย์มากกว่ามาร์เกตแคป?
Undervalue เพราะปันผลมาก ถือเอาปันผลก็ได้เกิน 10% แล้ว?
Undervalue เพราะอยู่ในช่วงขาขี้นของอุตสาหกรรม?
Undervalue เพราะมาร์เกตแคปไม่สมกับศักดิศรีของหุ้น?
ผมว่าคำตอบของจุดขายอยู่ตั้งแต่ตอนที่เราตัดสินใจซื้อแล้วครับ
show me money.