ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 32
ผมฝากพี่ CK ด้วยนะครับ ผมแค่ช่วยอธิบายเรื่องที่มาที่ไป และหลักการเบื้องต้นของ DSM เท่านั้น
ส่วนเทคนิคการซื้อขายต่างๆ รบกวนพี่ CK ด้วยนะครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยใช้ DSM แต่ผมใช้การ Short โดยดู Elliotte's wave และ Technical เป็นหลัก บางครั้งก็พลาด บางครั้งก็ได้...ฝากด้วยนะครับ ผมไปล่ะ (ขอเห็นแก่ตัวนิดนึง)
ส่วนเทคนิคการซื้อขายต่างๆ รบกวนพี่ CK ด้วยนะครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยใช้ DSM แต่ผมใช้การ Short โดยดู Elliotte's wave และ Technical เป็นหลัก บางครั้งก็พลาด บางครั้งก็ได้...ฝากด้วยนะครับ ผมไปล่ะ (ขอเห็นแก่ตัวนิดนึง)
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 33
ป.ล.(ก่อนจาก) หลายท่านอาจจะสงสัยคำว่า "กำไร" จากการขาย Short
จริงๆแล้ว ผมอธิบาย "หลักการ" ให้ท่านเห็นภาพพจน์ว่า ทำไม Short Sell ถึงทำกำไรได้
แต่โดยเนื้อแท้แล้ว "คุณไม่ได้กำไรเป็นตัวเงิน" สิ่งที่คุณได้จริงๆ ก็คือ
1. "จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น" เช่น ซื้อ 1@10 บาท ขายไป 20 บาท ได้เงิน 20 บาท แล้วซื้อกลับที่ 10 บาท ได้ 2 หุ้น
หรือ
2. "ต้นทุนหุ้นลดลง" เช่น ซื้อ 1@10 บาท ขายไป 20 บาท ได้เงิน 20 บาท ซื้อคืน 1@10 บาท เหลือเงิน 10 บาท นั่นหมายความว่า หุ้น 1 หุ้นที่คุณซื้อคืนมา มีต้นทุนเป็น 0 บาท (ชักทุนออก 10 บาท)
ลาขาดครับ
(Short->ขาย 20 ซื้อ 10 = กำไร 10 บาท) = ( ปกติ->ซื้อ 10 ขาย 20 = กำไร 10 บาท)
จริงๆแล้ว ผมอธิบาย "หลักการ" ให้ท่านเห็นภาพพจน์ว่า ทำไม Short Sell ถึงทำกำไรได้
แต่โดยเนื้อแท้แล้ว "คุณไม่ได้กำไรเป็นตัวเงิน" สิ่งที่คุณได้จริงๆ ก็คือ
1. "จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น" เช่น ซื้อ 1@10 บาท ขายไป 20 บาท ได้เงิน 20 บาท แล้วซื้อกลับที่ 10 บาท ได้ 2 หุ้น
หรือ
2. "ต้นทุนหุ้นลดลง" เช่น ซื้อ 1@10 บาท ขายไป 20 บาท ได้เงิน 20 บาท ซื้อคืน 1@10 บาท เหลือเงิน 10 บาท นั่นหมายความว่า หุ้น 1 หุ้นที่คุณซื้อคืนมา มีต้นทุนเป็น 0 บาท (ชักทุนออก 10 บาท)
ลาขาดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 36
ผมเข้าใจแบบนี้ถูกมั้ย?
1. DSM เป็น Trading System เป็นเครื่องมือมาช่วยลงทุน เช่น แนวทาง VI ,Technical,เก็งกำไรตามข่าว ตามผลประกอบการ
2. ยังไงก็เลือกหุ้นดีๆ อย่าเลือกหุ้นเน่า เพราะไม่งั้น หมดอนาคตก็ไม่มีประโยชน์ส่วนต่างของราคา
3. มีปันผลถึงจะดี เพราะ เราเน้นจำนวนหุ้นที่อยากเป็นเจ้าของกิจการ
4. ต้องมีเวลาดูแลพอร์ต เพราะ ต้องกำหนดขาย กี่ช่องๆ ถ้าหุ้นลงมาถึงที่กำหนด
5. มาร์เก็ตติ้งจะรักเรามาก :lol:
6. ใช้ DSM เพราะ ประเมินมูลค่า และหาจังหวะซื้อถูกๆ ไม่เป็น
7. เหมาะกับพอร์ตเล็กถึงกลาง ถ้าขนาดใหญ่แบบ ดร.นิเวศน์ Warren Buffet ใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล
8. ต้องมีวินัยลงทุนสูง เพราะ ต้องทำตามระบบบัญชีที่วางไว้ ไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง
ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยครับ จะได้จบประเด็น ไม่คาใจอีกต่อไป
1. DSM เป็น Trading System เป็นเครื่องมือมาช่วยลงทุน เช่น แนวทาง VI ,Technical,เก็งกำไรตามข่าว ตามผลประกอบการ
2. ยังไงก็เลือกหุ้นดีๆ อย่าเลือกหุ้นเน่า เพราะไม่งั้น หมดอนาคตก็ไม่มีประโยชน์ส่วนต่างของราคา
3. มีปันผลถึงจะดี เพราะ เราเน้นจำนวนหุ้นที่อยากเป็นเจ้าของกิจการ
4. ต้องมีเวลาดูแลพอร์ต เพราะ ต้องกำหนดขาย กี่ช่องๆ ถ้าหุ้นลงมาถึงที่กำหนด
5. มาร์เก็ตติ้งจะรักเรามาก :lol:
6. ใช้ DSM เพราะ ประเมินมูลค่า และหาจังหวะซื้อถูกๆ ไม่เป็น
7. เหมาะกับพอร์ตเล็กถึงกลาง ถ้าขนาดใหญ่แบบ ดร.นิเวศน์ Warren Buffet ใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล
8. ต้องมีวินัยลงทุนสูง เพราะ ต้องทำตามระบบบัญชีที่วางไว้ ไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง
ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยครับ จะได้จบประเด็น ไม่คาใจอีกต่อไป
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 37
1 4 5 8 ถูกครับคุณForrestGump
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 38
ว่า "ลาขาด" แล้วนะ แต่กลัวคุณ ba_2l จะเข้าใจผิด เหตุผลที่ผมขอลาขาดเนี่ย
1. คนเริ่มต้นมาเขียนที่นี่คือคุณ CK ผมแค่มาเสริมเท่านั้น ไม่อยากข้ามหน้าข้ามตาคุณ CK
2. ตอนที่ผมตั้งกระทู้ บังเอิญตอนนั้นอารมณ์ดี ก็เลยตั้งขึ้นมา พอตั้งเสร็จ มีคำถามเข้ามาเยอะ จะทิ้งเลยก็น่าเกลียด
3. ผมเองก็ยังไม่เคยใช้ DSM เลย กลัวถามมากๆ แล้วผมจะตัน (ถามคุณ CK ดีกว่า)
หลังจากอธิบายด้วยเหตุผลต่างๆนานาแล้ว เหตุผลสุดท้าย(ในใจเลย)....ตอนนี้ขี้เกียจแล้วครับ (ฮิๆ)...ไปล่ะ
1. คนเริ่มต้นมาเขียนที่นี่คือคุณ CK ผมแค่มาเสริมเท่านั้น ไม่อยากข้ามหน้าข้ามตาคุณ CK
2. ตอนที่ผมตั้งกระทู้ บังเอิญตอนนั้นอารมณ์ดี ก็เลยตั้งขึ้นมา พอตั้งเสร็จ มีคำถามเข้ามาเยอะ จะทิ้งเลยก็น่าเกลียด
3. ผมเองก็ยังไม่เคยใช้ DSM เลย กลัวถามมากๆ แล้วผมจะตัน (ถามคุณ CK ดีกว่า)
หลังจากอธิบายด้วยเหตุผลต่างๆนานาแล้ว เหตุผลสุดท้าย(ในใจเลย)....ตอนนี้ขี้เกียจแล้วครับ (ฮิๆ)...ไปล่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 39
ข้ออื่นๆ ไม่ถูกยังไง คุณ ต.หยวนเปียว ช่วยอธิบายด้วยครับต.หยวนเปียว เขียน:1 4 5 8 ถูกครับคุณForrestGump
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 40
บางข้อไม่ถึงกับไม่ถูกทั้งหมดครับForrestGump เขียน: ข้ออื่นๆ ไม่ถูกยังไง คุณ ต.หยวนเปียว ช่วยอธิบายด้วยครับ
ข้อ2 DSM(pureๆ)ไม่ยึดติดกับตัวหุ้นแบบVI ดังนั้นบางช่วงเวลาก็
เล่นหุ้นที่พื้นฐานไม่ดีเท่าไหร่(คงไม่ถึงกับเน่า แต่เน่าก็ไม่ผิด)
แต่ต้องมีแผนทางออกไว้เสมอ และรู้ว่าเมื่อไหร่ต้องหยุด
จุดประสงค์ก็เพื่อนำเงิน(ได้ส่วนต่างมาก เนื่องจากการเคลื่อนไหว
ของหุ้น) ไปซื้อหุ้นพื้นฐานดี
ผมไม่แน่ใจคำว่าหุ้นเน่าที่คุณF-Gump หมายถึง
อย่างพวกวอร์แรนด์ THL etc DSMก็ชอบเล่น คือหุ้นที่เล่นควรจะยัง
อยู่ในตลาดอีกนานอย่างน้อยก็2ปีขึ้นไป
ข้อ3 จะว่าข้อนี้ถูกก็ได้ครับ แต่ในเบื้องต้นDSMจะไม่มุ่งเน้นไปที่เงินปันผล
จะเน้นรายได้จากส่วนต่างราคา ที่เรียกว่ากระแสเงินสดแฝงมากกว่า
เงินปันผลถือเป็นโบนัส (DSM จะไม่สนว่าถึงวันXDมีหุ้นเท่าไหร่ก็
เท่านั้น)
ดังนั้นถ้าคุณF-Gumpสังเกตุ มีแรงขายหุ้นใหญ่ออกมาแม้จะประกาศ
ปันผลค่อนข้างดี ต่างชาติก็อาจทำDSMครับ
ผมตอบจากความเข้าใจของผมจากการพยายามเรียนDSMอยู่พักหนึ่ง
ปัจจุบันDSMมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ซึ่งคำตอบผมอาจล้าสมัยไปแล้วก็ได้
ข้อที่เหลือเดี๋ยวค่อยมาตอบครับ
แก้ไขล่าสุดโดย ต.หยวนเปียว เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2005 9:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 41
ต่อครับ6. ใช้ DSM เพราะ ประเมินมูลค่า และหาจังหวะซื้อถูกๆ ไม่เป็น
ข้อ6 แนวคิดDSM ไม่ใช้อารมณ์มาเกี่ยวข้อง
เท่าที่ผมดูการประเมินมูลค่าหุ้นของสำนักวิเราะห์ต่างๆ
ล้วนมีอคติ หรืออารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อเช้าสำนักต่างๆ ปรับ เฮียปอ ขึ้นไปเป็นแถว
DSM ไม่คาดการณ์ราคา รวมถึงมูลค่าแบบเฉพาะเจาะจง
รู้แต่ว่าอยากลงทุนยาวในหุ้นที่กิจการมั่นคง และคงไม่เจ๊งง่ายๆ
(อย่าสับสนกับการเล่นหุ้นหวือหวาขึ้นลง อันนั้นลงทุนระยะหนึ่งเพื่อ
tradeเอาเงินมาซื้อหุ้นกิจการที่มั่นคง)
เมื่อไหร่กิจการไม่ดีราคาหุ้นลดลงมาก ก็เป็นไปในอัตโนมัติที่หุ้นจะถูก
ขายออกไปตามขั้นตอนที่วางไว้
การหาจังหวะซื้อ
ผมมองว่าDSM ช่วยให้กล้าซื้อในยามที่ปกติเรากำลังกลัวไม่กล้าซื้อ
การขึ้นลงตามราคาหุ้นของDSM ก็เหมือนชาวมอแกนที่รู้การขึ้นลงของน้ำ
ได้ดี ตามกระแส ไม่มีติดดอยและขายหมู
ถ้าไม่มีDSM ผมไม่กล้าซื้อหุ้นแพงๆอย่างBEC 7-11 แบงค์
ราคาอาจลงมาให้ซื้อถูกๆ ในตอนตลาดหมี หรือ บริษัทเจอปัญหา
แล้วตอนนั้น กล้าซื้อหรือครับ ถ้าคนกล้ามากๆราคาคงไม่ถูกกระมังครับ
เรารอได้แต่อาจต้องจ่ายแพงไปในแง่ของเวลาในการลงทุน
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM
โพสต์ที่ 42
พอร์ตใหญ่ๆก็น่าจะทำนะครับ โดยเฉพาะต่างชาติ7. เหมาะกับพอร์ตเล็กถึงกลาง ถ้าขนาดใหญ่แบบ ดร.นิเวศน์ Warren Buffet ใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล
แต่จะเหมือนเป๊ะกับDSM ที่คุณเด่นศรีทำหรือไม่ผมตอบไม่ได้
ต้นกำเนิดDSM ก็มาจากการที่คุณเด่นศรี(ซึ่งใหม่ๆก็เล่นขาดทุนเหมือนทั่วๆไป)
มานั่งคิดค้นหาพฤติกรรมแนวทางการเล่นของต่างชาติ
จนลองปฏิบัตไป แก้ไขปรับปรุงไป
จนพอร์ตโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ในตลาดปีที่แล้วในช่วงขาลง
พอร์ตระดับใหญ่ๆ การทำDSM(ติ่งต่างว่าเหมือนกัน)
คงต้องทำได้ไม่จำกัดเฉพาะตลาดในไทย และไม่จำกัดเฉพาะตลาดหุ้น
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==