เบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
เบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 1
ผมเองไม่ใช่คนเก่งอะไร และพอร์ทก็เล็กจิ๋วเดียว
ถ้าเปรียบว่าคนใน TVI ทั้งหมดเป็นนักแสดงในละครเรื่องหนึ่ง
ผมก็เทียบได้กับคนใช้บ้านพระรอง ที่คนดูพอจะเห็นผ่านตา แต่ไม่มีอะไรน่าใส่ใจนัก
เนื่องจากผมอาศัยเว็บบอร์ดแห่งนี้ เป็นที่ชุบเลี้ยงตัวผมตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโลกของหุ้น...
ผมดูดความรู้จากหลายๆ ท่านมาเป็นเวลาเกือบสามปี (หรือสามปีกว่า)
ก็ถึงเวลาที่อยากจะมาแบ่งปันทบทวนแนวความคิดขงตัวเองบ้าง...
ตามสโลแกน "ยิ่งให้ยิ่งได้รับ" ที่ผมเคยได้ยินมาจากสมาคมธุรกิจแห่งหนึ่ง
สำหรับคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว (ไม่ซิง :lovl:) อาจจะเห็นว่าำไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่
แต่ผมเชื่อว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนใหม่ๆได้บ้าง สักคนนึงผมก็ดีใจแล้วครับ
ถ้าเปรียบว่าคนใน TVI ทั้งหมดเป็นนักแสดงในละครเรื่องหนึ่ง
ผมก็เทียบได้กับคนใช้บ้านพระรอง ที่คนดูพอจะเห็นผ่านตา แต่ไม่มีอะไรน่าใส่ใจนัก
เนื่องจากผมอาศัยเว็บบอร์ดแห่งนี้ เป็นที่ชุบเลี้ยงตัวผมตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโลกของหุ้น...
ผมดูดความรู้จากหลายๆ ท่านมาเป็นเวลาเกือบสามปี (หรือสามปีกว่า)
ก็ถึงเวลาที่อยากจะมาแบ่งปันทบทวนแนวความคิดขงตัวเองบ้าง...
ตามสโลแกน "ยิ่งให้ยิ่งได้รับ" ที่ผมเคยได้ยินมาจากสมาคมธุรกิจแห่งหนึ่ง
สำหรับคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว (ไม่ซิง :lovl:) อาจจะเห็นว่าำไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่
แต่ผมเชื่อว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนใหม่ๆได้บ้าง สักคนนึงผมก็ดีใจแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 3
ปูเสื่อรอฟัง :lol:
Win Win
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 4
จุดเริ่มต้นของแนวคิด
ก่อนที่ผมจะเข้ามารู้จักกับตลาดหุ้นนั้น ผมก็เหมือนคนทั่วๆไป
ที่คิดว่าตลาดหุ้นก็ไม่ต่างจากบ่อน เป็นที่รวมของนักพนันจำนวนมาก
ที่เข้าตลาดด้วยความหวังจะแสวงหาโชค หาเงินได้ง่ายๆ
แต่เป็นโชคดีของผม ที่ผมเป็นคนขี้สงสัย
"ทำไมคนรวยๆ ถึงเล่นหุ้น?"
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้ออกหาคำตอบ
"หุ้นเป็นการพนันจริงเหรอ?" "หุ้นคืออะไรกันแน่?"...
เมื่อออกค้นหาผมจึงได้รู้ว่า "หุ้น" มาจากคำว่า "หุ้นส่วน" ซึ่งเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆเลย
และตลาดหุ้นนั้นเป็นที่สำหรับระดมทุนและซื้อขาย "ความเป็นหุ้นส่วน" ในธุรกิจแต่ละที่นั่นเอง
ผมเป็นเด็กที่ฝันว่าสักวันอยากเป็นคนรวย ตามประสาเด็กดื้อที่โตมาก็ยังไม่ยอมทิ้งฝัน
ผมจึงเห็นช่องทางที่จะเป็นคนรวยได้ในทันใด
"คนจะรวยต้องทำธุรกิจ แต่คนขี้เกียจอย่างเราคงทำธุรกิจใหญ่ๆไม่รอด หุ้นนี่สิคือคำตอบ ฮ่าๆๆ" :lovl:
ผมจึงเริ่มศึกษาเรื่องราวของ "หุ้น" มากขึ้นตั้งแต่นั้นมา
ก่อนที่ผมจะเข้ามารู้จักกับตลาดหุ้นนั้น ผมก็เหมือนคนทั่วๆไป
ที่คิดว่าตลาดหุ้นก็ไม่ต่างจากบ่อน เป็นที่รวมของนักพนันจำนวนมาก
ที่เข้าตลาดด้วยความหวังจะแสวงหาโชค หาเงินได้ง่ายๆ
แต่เป็นโชคดีของผม ที่ผมเป็นคนขี้สงสัย
"ทำไมคนรวยๆ ถึงเล่นหุ้น?"
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้ออกหาคำตอบ
"หุ้นเป็นการพนันจริงเหรอ?" "หุ้นคืออะไรกันแน่?"...
เมื่อออกค้นหาผมจึงได้รู้ว่า "หุ้น" มาจากคำว่า "หุ้นส่วน" ซึ่งเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆเลย
และตลาดหุ้นนั้นเป็นที่สำหรับระดมทุนและซื้อขาย "ความเป็นหุ้นส่วน" ในธุรกิจแต่ละที่นั่นเอง
ผมเป็นเด็กที่ฝันว่าสักวันอยากเป็นคนรวย ตามประสาเด็กดื้อที่โตมาก็ยังไม่ยอมทิ้งฝัน
ผมจึงเห็นช่องทางที่จะเป็นคนรวยได้ในทันใด
"คนจะรวยต้องทำธุรกิจ แต่คนขี้เกียจอย่างเราคงทำธุรกิจใหญ่ๆไม่รอด หุ้นนี่สิคือคำตอบ ฮ่าๆๆ" :lovl:
ผมจึงเริ่มศึกษาเรื่องราวของ "หุ้น" มากขึ้นตั้งแต่นั้นมา
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 5
มาปูเสื่อฟังครับ
ขอบคุณมากครับที่กรุณาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง
ผมลงทุนครบสามปีเมื่อไรก็จะมาเขียนให้พี่ๆฟังกันบ้าง
ขอบคุณมากครับที่กรุณาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง
ผมลงทุนครบสามปีเมื่อไรก็จะมาเขียนให้พี่ๆฟังกันบ้าง
ลงทุนเพื่อชีวิต
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 6
เมื่อศิษย์พร้อมอาจารย์ก็ปรากฏ
ผมเริ่มปรึกษาเพื่อน ถามคนที่น่าจะรู้เรื่องหลายๆคน
ผลตอบรับคือความเป็นห่วงจากเพื่อนๆ ที่พยายามชี้ให้เห็นถึงข้อเสีย
"อากูเคยเล่น เกือบหมดตัวมาแล้ว"
"มึงต้องนั่งเฝ้าจอทั้งวัน ทำงานอย่างเราๆ ไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก"
"มีแค่ไม่กี่คนหรอก ที่เล่นแล้วได้"
ทั้งหมดนั้นทำให้ผมได้ออกค้นหาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการหาข้อเสีย
สิ่งที่ผมพบคือเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ วลีเดิมราวกับลอกข้อสอบกันมา
คือการขาดทุนจากการพยายามซื้อขายบ่อยๆ โดยเฉพาะการซื้อตามคนอื่น
ตามข่าว ตามเจ้า ตามโบรก ตามที่ฝันเมื่อคืน
ผมเริ่มมีความเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่ขาดทุนไม่ใช่เพราะหุ้น แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่หายไป
ในวันหนึ่งที่ MD บริษัทต้องมานั่งพูดคุยและเลี้ยงข้าวต้อนรับพนักงานใหม่อย่างพวกผม :lovl:
ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ตั้งกระทู้ขอหุ้นพี่วิบูลย์นี่เอง
หลังจากที่ท่านถามถึงงานอดิเรก เพื่อนผมจึงแซวผมทันทีว่า "ไอ้นี่จะเป็นนักลงทุนครับ"
ท่าน MD เราหูผึ่งและซักถามถึงแนวทางการลงทุนของผม "ผมกะจะลงทุนระยะยาวครับ"
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าเจ๋งที่สุดที่นึกออกแล้วครับ เพราะเล่นสั้นๆเจ๊งกันเยอะงั้นเล่นยาวๆ นี่หล่ะน่าจะรอด :lol:
ท่านจึงได้แนะนำหนังสือตีแตก และเว็บบอร์ดแห่งนี้ให้ผมรู้จัก
เป็นอาจารย์ที่ให้ไปอ่านเอาเองแล้วไปสอบเลย แต่สิ่งที่สอนคมคายจริงๆ
เพราะผมเอามาใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณพี่ธันวามากๆครับ
ผมเริ่มปรึกษาเพื่อน ถามคนที่น่าจะรู้เรื่องหลายๆคน
ผลตอบรับคือความเป็นห่วงจากเพื่อนๆ ที่พยายามชี้ให้เห็นถึงข้อเสีย
"อากูเคยเล่น เกือบหมดตัวมาแล้ว"
"มึงต้องนั่งเฝ้าจอทั้งวัน ทำงานอย่างเราๆ ไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก"
"มีแค่ไม่กี่คนหรอก ที่เล่นแล้วได้"
ทั้งหมดนั้นทำให้ผมได้ออกค้นหาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการหาข้อเสีย
สิ่งที่ผมพบคือเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ วลีเดิมราวกับลอกข้อสอบกันมา
คือการขาดทุนจากการพยายามซื้อขายบ่อยๆ โดยเฉพาะการซื้อตามคนอื่น
ตามข่าว ตามเจ้า ตามโบรก ตามที่ฝันเมื่อคืน
ผมเริ่มมีความเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่ขาดทุนไม่ใช่เพราะหุ้น แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่หายไป
ในวันหนึ่งที่ MD บริษัทต้องมานั่งพูดคุยและเลี้ยงข้าวต้อนรับพนักงานใหม่อย่างพวกผม :lovl:
ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ตั้งกระทู้ขอหุ้นพี่วิบูลย์นี่เอง
หลังจากที่ท่านถามถึงงานอดิเรก เพื่อนผมจึงแซวผมทันทีว่า "ไอ้นี่จะเป็นนักลงทุนครับ"
ท่าน MD เราหูผึ่งและซักถามถึงแนวทางการลงทุนของผม "ผมกะจะลงทุนระยะยาวครับ"
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าเจ๋งที่สุดที่นึกออกแล้วครับ เพราะเล่นสั้นๆเจ๊งกันเยอะงั้นเล่นยาวๆ นี่หล่ะน่าจะรอด :lol:
ท่านจึงได้แนะนำหนังสือตีแตก และเว็บบอร์ดแห่งนี้ให้ผมรู้จัก
เป็นอาจารย์ที่ให้ไปอ่านเอาเองแล้วไปสอบเลย แต่สิ่งที่สอนคมคายจริงๆ
เพราะผมเอามาใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณพี่ธันวามากๆครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 7
บางทีผมเล่าข้ามๆไปบ้างเพราะกลัวว่าจะเกริ่นยาวไป
เดี๋ยวจะไม่ได้เข้าเนื้อเรื่องสักที ...
อ่านแล้วงงๆ บ้างอย่าว่ากันนะครับ ถือซะว่าอ่านนิยายละกัน
เดี๋ยวจะไม่ได้เข้าเนื้อเรื่องสักที ...
อ่านแล้วงงๆ บ้างอย่าว่ากันนะครับ ถือซะว่าอ่านนิยายละกัน
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 9
ผมก็ชอบขอบคุณมากครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 10
พบหนทาง
หลังจากได้คำแนะนำขั้นเทพและทำการศึกษา
ผมพบว่ามีวิธีการลงทุนตามหลัก VI นั้นมีข้อดีหลายอย่างเช่น
- ไม่ต้องใช้เวลางานในการติดตามราคาหุ้น ใช้แค่ช่วงเย็น วันหยุด ก็พอ
- การวิเคราะห์พื้นฐานไม่ต้องทำทุกวัน ธุรกิจๆหนึ่งไม่ได้เปลี่ยนพื้นฐานบ่อยขนาดนั้น
- ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน จะทำให้เราได้ความรู้ในเรื่องธุรกิจไปด้วย
- ได้เรียนรู้เรื่องบัญชี วิเคราะห์งบการเงิน
- เท่มากเวลาบอกเพื่อนว่าเราลงทุนแบบ VI :lovl:
ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มศึกษาหลักการ VI มากขึ้น
อ่านกระทู้พี่วิบูลย์จนจบ (กว่าจะจบ กระทู้ยาวมากๆ)
กระทู้ปรับพอร์ทพี่ลูกอีสาน
กระทู้พี่นาริส พี่โหน่ง อาจารย์มน ท่านแม่ทัพสุมาอี้ พี่พอใจ พี่IH
พี่มิ พี่Blueblood พี่yoyo พี่หมอสามัญชน hongvalue ท่านหมอmprandy
พี่ริวกะ พี่เพื่อน พี่CK พี่astu พี่3dot และพี่ๆอีกหลายคน
ที่ทำให้ผมได้เข้าใจหลักการลงทุนแบบ VI มากขึ้น ทีละนิดๆ
รวมถึงหลักการของวิธีอื่นๆ ที่มีความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก
และยิ่งทำให้เห็นแก่นแท้และความแตกต่างของแต่ละวิธีการชัดเจนขึ้น
ตอนต่อไปผมจะสรุปแนวทางการลงทุนแบบ VI ตามที่ผมเข้าใจ
รวมถึงศาสตร์ต่างๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์เท่าที่ผมรู้นะครับ
แต่ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนครับ (ขอเวลารวบรวมความรู้สักหนึ่งวันครับ)
หลังจากได้คำแนะนำขั้นเทพและทำการศึกษา
ผมพบว่ามีวิธีการลงทุนตามหลัก VI นั้นมีข้อดีหลายอย่างเช่น
- ไม่ต้องใช้เวลางานในการติดตามราคาหุ้น ใช้แค่ช่วงเย็น วันหยุด ก็พอ
- การวิเคราะห์พื้นฐานไม่ต้องทำทุกวัน ธุรกิจๆหนึ่งไม่ได้เปลี่ยนพื้นฐานบ่อยขนาดนั้น
- ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน จะทำให้เราได้ความรู้ในเรื่องธุรกิจไปด้วย
- ได้เรียนรู้เรื่องบัญชี วิเคราะห์งบการเงิน
- เท่มากเวลาบอกเพื่อนว่าเราลงทุนแบบ VI :lovl:
ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มศึกษาหลักการ VI มากขึ้น
อ่านกระทู้พี่วิบูลย์จนจบ (กว่าจะจบ กระทู้ยาวมากๆ)
กระทู้ปรับพอร์ทพี่ลูกอีสาน
กระทู้พี่นาริส พี่โหน่ง อาจารย์มน ท่านแม่ทัพสุมาอี้ พี่พอใจ พี่IH
พี่มิ พี่Blueblood พี่yoyo พี่หมอสามัญชน hongvalue ท่านหมอmprandy
พี่ริวกะ พี่เพื่อน พี่CK พี่astu พี่3dot และพี่ๆอีกหลายคน
ที่ทำให้ผมได้เข้าใจหลักการลงทุนแบบ VI มากขึ้น ทีละนิดๆ
รวมถึงหลักการของวิธีอื่นๆ ที่มีความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก
และยิ่งทำให้เห็นแก่นแท้และความแตกต่างของแต่ละวิธีการชัดเจนขึ้น
ตอนต่อไปผมจะสรุปแนวทางการลงทุนแบบ VI ตามที่ผมเข้าใจ
รวมถึงศาสตร์ต่างๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์เท่าที่ผมรู้นะครับ
แต่ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนครับ (ขอเวลารวบรวมความรู้สักหนึ่งวันครับ)
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 12
ยากฟังต่อจะนั่งสมาธิ (สั้นรอครับ)
- satantuey
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 13
เยี่ยมไปเลยครับ.....นั่งอ่านไปก็ทำให้นึกถึงตัวเอง....จุดเริ่มต้นที่หันมาลงทุนในหุ้น....ค้นหาวิธีการลงทุนที่น่าจะเหมาะกับเราที่สุด...หาไปหามาก็คิดว่าแนว VI นี่น่าจะ OK สุดแล้ว...แล้วอีกอุปสรรคนึงคือการฟันฝ่ากระแสรอบด้านของคนใกล้ชิดคนในครอบครัวที่ไม่เข้าใจต่อต้านเรื่องการเล่นหุ้น เพราะคิดว่ามันกึ่งๆการพนัน เสี่ยงเกิน อันตราย (ตรงนี้กว่าที่บ้านจะเข้าใจ...เล่นเอาเพลียเหมือนกัน ) ต่อไปก็แค่รอเวลาพิสูนจ์แนวทางการลงทุนที่เราเลือก ว่าผลมันจะแจ่มแจ๋วอย่างที่คาดหวังไว้ไหม.......
ปล.ไงเล่าต่อนะครับ....รอฟัง อิอิ
ปล.ไงเล่าต่อนะครับ....รอฟัง อิอิ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 15
รอฟังด้วยคนครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 16
ตกผลึกอีกคนแล้วครับ
เยี่ยม รออ่านต่อนะครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- sorn adis
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 295
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 17
คุณกล้วยไม้ขาวเล่ายาวๆก็ได้ครับกล้วยไม้ขาว เขียน:บางทีผมเล่าข้ามๆไปบ้างเพราะกลัวว่าจะเกริ่นยาวไป
เดี๋ยวจะไม่ได้เข้าเนื้อเรื่องสักที ...
อ่านแล้วงงๆ บ้างอย่าว่ากันนะครับ ถือซะว่าอ่านนิยายละกัน
series เยี่ยมๆแบบนี้ ยืดหน่อยก็ได้ อย่าข้ามไปเลยนะ
ลีลาการเขียน เนื้อหา น่าติดตามครับ
คาถาลงทุน
BuVaPiCaMos
BuVaPiCaMos
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณกำลังใจจากทุกคนครับ
พอดีนึกข่าวดีขึ้นมาได้เลยมาประกาศในนี้ให้พี่ๆ ในเว็บที่อาจจะยังไม่ทราบ
พี่ธันวาตอนนี้ได้เกษียรตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ เกษียรตั้งแต่ยังหนุ่มๆเลย
พี่ๆคนไหนที่รู้จักกันแต่ไม่ได้ติดต่อพี่ธันวามานาน ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสดีแล้วครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยครับเผื่อพี่เข้ามาอ่าน
พอดีนึกข่าวดีขึ้นมาได้เลยมาประกาศในนี้ให้พี่ๆ ในเว็บที่อาจจะยังไม่ทราบ
พี่ธันวาตอนนี้ได้เกษียรตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ เกษียรตั้งแต่ยังหนุ่มๆเลย
พี่ๆคนไหนที่รู้จักกันแต่ไม่ได้ติดต่อพี่ธันวามานาน ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสดีแล้วครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยครับเผื่อพี่เข้ามาอ่าน
- jojolorsud
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 20
เด๋วอีกสัก 10 ปีผมจะมาตั้งกระทู้แบบนี้บ้าง ขอตกผลึกก่อน
55555555
55555555
หุ้นมันไม่ได้สวยหรู่
แต่ถ้าได้รอ . . . รับรองว่าคุ้ม
แต่ถ้าได้รอ . . . รับรองว่าคุ้ม
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 21
รูปข้างบนสวยจริงๆ
ขอแก้ตัวหน่อยครับว่า ผมยังไม่ถึงขั้นตกผลึกอะไรหรอกครับ
เป็นแค่นักศึกษาที่สอบผ่าน ยังต้องเผชิญกับโลกของมืออาชีพที่โหดหิน
มีอะไรที่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับิ
ขอแก้ตัวหน่อยครับว่า ผมยังไม่ถึงขั้นตกผลึกอะไรหรอกครับ
เป็นแค่นักศึกษาที่สอบผ่าน ยังต้องเผชิญกับโลกของมืออาชีพที่โหดหิน
มีอะไรที่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับิ
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 22
มาคอยฟ้งด้วยคนค่ะ อ่านเรื่องแล้วน่าติดตามมาก
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1661
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 23
ผมชอบคำนี้จังกล้วยไม้ขาว เขียน:เมื่อศิษย์พร้อมอาจารย์ก็ปรากฏ
การที่ผมเองได้เข้ามาลงทุนในหุ้นในแนวทางที่ถูกต้องและถูกจริตแบบ vi ได้ก็เพราะผมโชคดีได้เจออาจารย์vi นี่แหละครับ
หลังจากที่ผมเปิดใจพร้อมมองหาหนทางที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน
อาจารย์ของผมก็ปรากฎเช่นกัน
(ปัจจุบันนี้ผมยังไม่มีอิสรภาพทางการเงินนะครับ แต่เชื่อว่าอีกไม่น่าน (ไม่รู้กี่ปี555))
ผมเลยชอบและเชื่อคำนี้จริงๆ
เล่าต่อๆ ครับ อยากฟัง (อ่าน) ครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 24
คุณคือ VI (จริงเหรอ?)
เคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่า "VI" มันคืออะไร
แน่นอนผมว่าทุกคนที่เข้ามาในเว็บนี้ต้องเคยสงสัย และแต่ละคนอาจจะมองไม่เหมือนกัน
สำหรับผมแล้ว "VI" ก็มาจากคำว่า "Value Investor" หรือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่านั่นเอง
แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราในชีวิตจริงคำว่า "Value"
ผมมักจะเจอในความหมายของ "คุ้มค่า" มากกว่าและมันก็ฝังอยู่ในหัวผมแน่นเลย
อย่างเช่นเวลาไปซื้อของก็จะพบ "Value Set" ซึ่งหมายถึงชุดสุดค้ม
ผมจึงชอบที่จะให้นิยาม "VI" ว่าเป็น "การลงทุนแบบเน้นความคุ้มค่า" มันเห็นภาพชัดดีครับ
ในชีวิตจริงเราจะต้องเจอการตัดสินใจ ที่จะต้องเลือกบางสิ่งบางอย่างอยู่เป็นประจำ
และสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจในการเลือกก็มักจะเป็น "ความคุ้มค่า"
ในการลงทุนตามหลัก VI ก็เช่นกันเราต้องการหาการลงทุนที่คุ้มค่าและให้ผลตอบแทนที่ดี
จึงเป็นที่มาของการหามูลค่า ซึ่งเป็นหลักหรือแนวทางในการวัดความคุ้มค่านั่นเอง
นอกจากนั้นแล้วแนวทาง VI ก็ยังสามารถแยกย่อยไปได้หลากหลายแบบ
เนื่องจากวิธีการหามูลค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และไม่ได้มีวิธีใดวิธีหนึ่งดีที่สุดในทุกสถานการณ์
และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเป้าหมายในการลงทุนที่ต่างกัน จึงทำให้วิธีกระทำแตกต่างกันด้วย
ผมจึงสรุปประเภทของ VI ไว้ตามความเข้าใจของผมแบบนี้ครับ
1 VI สายเจ้าของกิจการ
กลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นนักลงทุนแนว VI สายหลัก
ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการมีอิสรภาพทางเวลามากกว่าอิสรภาพทางการเงิน
หลักการที่ใช้จึงเป็นการค้นหากิจการที่ดี มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
มีผู้บริหารที่วางใจได้ ซื้อที่ราคาเหมาะสมหรือถ้าซื้อได้ในราคามี MOS ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี
และถือตราบที่ยังเป็นธุรกิจที่ดี มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และผู้บริหารวางใจได้
จะเห็นว่า MOS สำหรับ VI สายนี้คืออัตตราวัดความคุ้มค่านั่นเอง
2 VI สายนักสำรวจกิจการ
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักลงทุนแนว VI อีกสายที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินมากที่สุดเพราะมักจะทำกำไรได้ก้อนโต
หลักการที่ใช้จึงเป็นการค้นหากิจการที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสูง วิเคราะห์หาตัวเร่ง
หาความเสี่ยง หาkeyที่มีผลกระทบต่อการเติบโตหรือถดถอย แล้วเข้าซื้อตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ
ในราคาที่ยังถูกมากเมื่อเทียบกับอนาคตหลังจากเติบโตแล้ว และจะขายเมื่อการเติบโตลดลง
ราคาเต็มมูลค่า หรือพบกิจการอื่นที่มีแนวโน้มเติบโตมากกว่า
หรือเมื่อตัวเร่งหรือ Key ที่คาดว่าจะเห็นไม่เกิดขึ้นจริงซึ่งอาจจะขาดทุนบ้าง
จะเห็นว่า MOS สำหรับ VI สายนี้ก็คือ upside นั่นเองยิ่งซื้อถูกยิ่งมี upside มาก
3 VI สายเหาฉลาม
กลุ่มนี้จริงๆไม่จัดว่าเป็นนักลงทุนแนว VI สักเท่าไหร่แต่อาศัยว่าซื้อหุ้น VI เหมือนกัน
ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการมีกำไรจากหุ้นแต่ไม่ต้องการออกแรงมากนัก
ขอแค่ได้กำไรบ้าง ขาดทุนน้อยๆ รวมๆแล้วได้มากกว่าเสียก็พอ
หลักการที่ใช้จึงเป็นการค้นหาเซียนที่จะเกาะไปด้วยและจะต้องตามจนครบกระบวนการ
ตั้งแต่ซื้อยันขาย ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งมักจะตามแค่ตอนซื้อแต่ตอนขายดันไม่รู้ว่าเซียนขาย
เลยมักจะขาดทุนแล้วมาโวยวายเซียนบ่อยๆ
วิธีแก้มีสองทางคือหลังจากตามแล้วต้องเรียนรู้วิธีคิดของเซียน แล้วพัฒนาตัวเองขึ้นไปเป็นนักลงทุนแบบ 1 หรือ 2 ให้ได้
ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นคนที่สนิทสนมกับเซียนจะได้รับอานิสงค์ครบทั้งตอนซื้อตอนขาย
จะเห็นว่า MOS สำหรับกลุ่มนี้คือความสนิทสนมแนบแน่นกับเซียนยิ่งสนิทมากยิ่ง MOS เยอะ :lovl:
4 VI สายตัวแทบขาด
กลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่หลอกตัวเองว่าเป็น VI ทั้งๆที่ไม่เคยใช้หลักการ VI เลย
แต่เวลาคุยกับใครก็มักจะบอกว่าตัวเองเป็น VI หรือเป็นนักลงทุน
จะโกรธมากถ้าใครมาบอกว่า "ที่เอ็งทำมันเป็นการเกร็งกำไร" :lol:
หลักการที่ใช้จะเป็นการหาข่าวแล้วซื้อขายตามข่าวบทวิเคราะห์ข่าวลือเป็นหลัก
และมักจะขาดทุนมากกว่ากำไร มีสโลแกนคือ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว ขายเมื่ออ่อนใจ"
จริงๆคนกลุ่มนี้ไม่ได้ผิดอะไรเพราะเป็นคนที่คอยทำให้ตลาดหุ้นมีสีสัน
และเป้าหมายลึกๆในการลงทุนของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่เงิน เวลา หรือเป็นเจ้าของกิจการ
ที่เค้าต้องการคือความภูมิใจในตนเอง ดังนั้นใครเจอคนกลุ่มนี้ได้กำไรให้แสดงความชื่นชมเยอะๆ
แต่เวลาเขาขาดทุนอยู่เฉยๆไว้ แล้วจะดีเอง
เคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่า "VI" มันคืออะไร
แน่นอนผมว่าทุกคนที่เข้ามาในเว็บนี้ต้องเคยสงสัย และแต่ละคนอาจจะมองไม่เหมือนกัน
สำหรับผมแล้ว "VI" ก็มาจากคำว่า "Value Investor" หรือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่านั่นเอง
แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราในชีวิตจริงคำว่า "Value"
ผมมักจะเจอในความหมายของ "คุ้มค่า" มากกว่าและมันก็ฝังอยู่ในหัวผมแน่นเลย
อย่างเช่นเวลาไปซื้อของก็จะพบ "Value Set" ซึ่งหมายถึงชุดสุดค้ม
ผมจึงชอบที่จะให้นิยาม "VI" ว่าเป็น "การลงทุนแบบเน้นความคุ้มค่า" มันเห็นภาพชัดดีครับ
ในชีวิตจริงเราจะต้องเจอการตัดสินใจ ที่จะต้องเลือกบางสิ่งบางอย่างอยู่เป็นประจำ
และสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจในการเลือกก็มักจะเป็น "ความคุ้มค่า"
ในการลงทุนตามหลัก VI ก็เช่นกันเราต้องการหาการลงทุนที่คุ้มค่าและให้ผลตอบแทนที่ดี
จึงเป็นที่มาของการหามูลค่า ซึ่งเป็นหลักหรือแนวทางในการวัดความคุ้มค่านั่นเอง
นอกจากนั้นแล้วแนวทาง VI ก็ยังสามารถแยกย่อยไปได้หลากหลายแบบ
เนื่องจากวิธีการหามูลค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และไม่ได้มีวิธีใดวิธีหนึ่งดีที่สุดในทุกสถานการณ์
และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเป้าหมายในการลงทุนที่ต่างกัน จึงทำให้วิธีกระทำแตกต่างกันด้วย
ผมจึงสรุปประเภทของ VI ไว้ตามความเข้าใจของผมแบบนี้ครับ
1 VI สายเจ้าของกิจการ
กลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นนักลงทุนแนว VI สายหลัก
ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการมีอิสรภาพทางเวลามากกว่าอิสรภาพทางการเงิน
หลักการที่ใช้จึงเป็นการค้นหากิจการที่ดี มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
มีผู้บริหารที่วางใจได้ ซื้อที่ราคาเหมาะสมหรือถ้าซื้อได้ในราคามี MOS ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี
และถือตราบที่ยังเป็นธุรกิจที่ดี มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และผู้บริหารวางใจได้
จะเห็นว่า MOS สำหรับ VI สายนี้คืออัตตราวัดความคุ้มค่านั่นเอง
2 VI สายนักสำรวจกิจการ
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักลงทุนแนว VI อีกสายที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินมากที่สุดเพราะมักจะทำกำไรได้ก้อนโต
หลักการที่ใช้จึงเป็นการค้นหากิจการที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสูง วิเคราะห์หาตัวเร่ง
หาความเสี่ยง หาkeyที่มีผลกระทบต่อการเติบโตหรือถดถอย แล้วเข้าซื้อตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ
ในราคาที่ยังถูกมากเมื่อเทียบกับอนาคตหลังจากเติบโตแล้ว และจะขายเมื่อการเติบโตลดลง
ราคาเต็มมูลค่า หรือพบกิจการอื่นที่มีแนวโน้มเติบโตมากกว่า
หรือเมื่อตัวเร่งหรือ Key ที่คาดว่าจะเห็นไม่เกิดขึ้นจริงซึ่งอาจจะขาดทุนบ้าง
จะเห็นว่า MOS สำหรับ VI สายนี้ก็คือ upside นั่นเองยิ่งซื้อถูกยิ่งมี upside มาก
3 VI สายเหาฉลาม
กลุ่มนี้จริงๆไม่จัดว่าเป็นนักลงทุนแนว VI สักเท่าไหร่แต่อาศัยว่าซื้อหุ้น VI เหมือนกัน
ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการมีกำไรจากหุ้นแต่ไม่ต้องการออกแรงมากนัก
ขอแค่ได้กำไรบ้าง ขาดทุนน้อยๆ รวมๆแล้วได้มากกว่าเสียก็พอ
หลักการที่ใช้จึงเป็นการค้นหาเซียนที่จะเกาะไปด้วยและจะต้องตามจนครบกระบวนการ
ตั้งแต่ซื้อยันขาย ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งมักจะตามแค่ตอนซื้อแต่ตอนขายดันไม่รู้ว่าเซียนขาย
เลยมักจะขาดทุนแล้วมาโวยวายเซียนบ่อยๆ
วิธีแก้มีสองทางคือหลังจากตามแล้วต้องเรียนรู้วิธีคิดของเซียน แล้วพัฒนาตัวเองขึ้นไปเป็นนักลงทุนแบบ 1 หรือ 2 ให้ได้
ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นคนที่สนิทสนมกับเซียนจะได้รับอานิสงค์ครบทั้งตอนซื้อตอนขาย
จะเห็นว่า MOS สำหรับกลุ่มนี้คือความสนิทสนมแนบแน่นกับเซียนยิ่งสนิทมากยิ่ง MOS เยอะ :lovl:
4 VI สายตัวแทบขาด
กลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่หลอกตัวเองว่าเป็น VI ทั้งๆที่ไม่เคยใช้หลักการ VI เลย
แต่เวลาคุยกับใครก็มักจะบอกว่าตัวเองเป็น VI หรือเป็นนักลงทุน
จะโกรธมากถ้าใครมาบอกว่า "ที่เอ็งทำมันเป็นการเกร็งกำไร" :lol:
หลักการที่ใช้จะเป็นการหาข่าวแล้วซื้อขายตามข่าวบทวิเคราะห์ข่าวลือเป็นหลัก
และมักจะขาดทุนมากกว่ากำไร มีสโลแกนคือ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว ขายเมื่ออ่อนใจ"
จริงๆคนกลุ่มนี้ไม่ได้ผิดอะไรเพราะเป็นคนที่คอยทำให้ตลาดหุ้นมีสีสัน
และเป้าหมายลึกๆในการลงทุนของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่เงิน เวลา หรือเป็นเจ้าของกิจการ
ที่เค้าต้องการคือความภูมิใจในตนเอง ดังนั้นใครเจอคนกลุ่มนี้ได้กำไรให้แสดงความชื่นชมเยอะๆ
แต่เวลาเขาขาดทุนอยู่เฉยๆไว้ แล้วจะดีเอง
- VI Wannabe
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1014
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 27
:lol: อ่านสนุกได้ความรู้ เยี่ยมเลยครับ คุณกล้วยไม้ขาว
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 28
ชอบสโลแกนนี้ฮับ อ่านแล้วต้องอมยิ้มเลยกล้วยไม้ขาว เขียน:คุณคือ VI (จริงเหรอ?)
มีสโลแกนคือ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว ขายเมื่ออ่อนใจ"
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 29
จริงๆ ยังมี VI อีกหลายสายมากๆ
แต่ผมขอเหมารวมทุกสายที่มีลักษณะซื้อหุ้นที่ราคาถูกกว่ามูลค่า
และขายเมื่อราคาสะท้อนมูลค่าแล้วเป็นนักลงทุน VI สายนักสำรวจกิจการทั้งหมดเลยนะครับ
เพราะผมแยกตามจุดประสงค์ในการลงทุนเป็นหลักครับ
แต่ผมขอเหมารวมทุกสายที่มีลักษณะซื้อหุ้นที่ราคาถูกกว่ามูลค่า
และขายเมื่อราคาสะท้อนมูลค่าแล้วเป็นนักลงทุน VI สายนักสำรวจกิจการทั้งหมดเลยนะครับ
เพราะผมแยกตามจุดประสงค์ในการลงทุนเป็นหลักครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เำบื่อมาม่า! มานั่งทบทวนแนวคิดของตัวเองดีกว่า
โพสต์ที่ 30
ค้นหาตัวเองให้เจอ
สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนรุ่นใหม่ควรจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้คือ
เราเหมาะกับการลงทุนแบบไหน? เพราะในโลกของการลงทุนนั้นกว้างมาก
และไม่จำเป็นต้องเป็น VI เท่านั้นถึงจะทำกำไรจากหุ้นได้
อยู่ที่ว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต และคุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ที่จริงยังไม่ต้องรีบตอบได้ในตอนนี้ก็ได้ เพราะคุณจะค่อยๆเรียนรู้ำด้วยตัวเองมากขึ้น
หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ต่างๆมา แล้วนำมาพิจารณาตนเองอยู่เสมอ
ไม่อย่างนั้นก็อาจจะตายจากโลกการลงทุนไปเลย
ผมเคยได้ยินพี่ท่านหนึ่งพูดคำๆนี้ตั้งแต่ผมเข้าสู่โลกการลงทุนว่า
การลงทุนเป็นเรื่องของศาสตร์ 20% อีก 80% เป็นเรื่องของจิตใจ
แต่ผมใช้เวลาเป็นปีเพื่อที่จะเข้าใจมัน และได้รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เพราะทุกครั้งที่เราตัดสินใจลงทุน ถ้าอยากประสบความสำเร็จเราต้องคอยพิจารณาตัวเองเสมอ
ทำไมเราถึงซื้อ? เราคิดอย่างไรตอนซื้อ? เวลาเห็นหุ้นที่ซื้อขึ้นเราคิดอย่างไร?
เวลาเห็นหุ้นลงเราคิดอย่างไร? ทำไมเราถึงขายหุ้น? ตอนขายเราคิดอย่างไร?
บ่อยครั้งเราจะพบว่าจุดที่ผิดพลาดคือเราไม่ทำตามความคิดที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนซื้อหุ้น
เมื่อเห็นหุ้นขึ้น ความคิดเราเปลี่ยน เมือเห็นหุ้นลงความคิดเราก็เปลี่ยนอีก
ตอนมีหุ้นเราคิดอย่างนึง ตอนขายไปแล้วเราคิดไม่เหมือนเดิม
ทั้งหมดนี้ตัวแปรสำคัญที่ทำให้คนๆนึงประสบความสำเร็จในการลงทุนต่างกัน
แน่นอนเราห้ามความคิดไม่ได้ แต่เราสามารถพัฒนาความคิดได้
ด้วยการยึดหลักการลงทุนที่เราศรัทธาเพื่อที่จะใช้พิจารณาว่า
ความคิดหนึ่งๆมันถูกต้อง มีเหตมีผลหรือกระทบกับการลงทุนของเราหรือไม่
สิ่งนี้ต้องใช้เวลาและต้องหมั่นพิจารณาตนเอง โชคดีที่เราคนไทยส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
เพราะการพิจารณาจิตใจตนเองนั้น มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว
สามารถยกมาใช้ได้เลย ดีไม่ดีจะได้ของแถมเป็นการบรรลุธรรมอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนรุ่นใหม่ควรจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้คือ
เราเหมาะกับการลงทุนแบบไหน? เพราะในโลกของการลงทุนนั้นกว้างมาก
และไม่จำเป็นต้องเป็น VI เท่านั้นถึงจะทำกำไรจากหุ้นได้
อยู่ที่ว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต และคุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ที่จริงยังไม่ต้องรีบตอบได้ในตอนนี้ก็ได้ เพราะคุณจะค่อยๆเรียนรู้ำด้วยตัวเองมากขึ้น
หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ต่างๆมา แล้วนำมาพิจารณาตนเองอยู่เสมอ
ไม่อย่างนั้นก็อาจจะตายจากโลกการลงทุนไปเลย
ผมเคยได้ยินพี่ท่านหนึ่งพูดคำๆนี้ตั้งแต่ผมเข้าสู่โลกการลงทุนว่า
การลงทุนเป็นเรื่องของศาสตร์ 20% อีก 80% เป็นเรื่องของจิตใจ
แต่ผมใช้เวลาเป็นปีเพื่อที่จะเข้าใจมัน และได้รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เพราะทุกครั้งที่เราตัดสินใจลงทุน ถ้าอยากประสบความสำเร็จเราต้องคอยพิจารณาตัวเองเสมอ
ทำไมเราถึงซื้อ? เราคิดอย่างไรตอนซื้อ? เวลาเห็นหุ้นที่ซื้อขึ้นเราคิดอย่างไร?
เวลาเห็นหุ้นลงเราคิดอย่างไร? ทำไมเราถึงขายหุ้น? ตอนขายเราคิดอย่างไร?
บ่อยครั้งเราจะพบว่าจุดที่ผิดพลาดคือเราไม่ทำตามความคิดที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนซื้อหุ้น
เมื่อเห็นหุ้นขึ้น ความคิดเราเปลี่ยน เมือเห็นหุ้นลงความคิดเราก็เปลี่ยนอีก
ตอนมีหุ้นเราคิดอย่างนึง ตอนขายไปแล้วเราคิดไม่เหมือนเดิม
ทั้งหมดนี้ตัวแปรสำคัญที่ทำให้คนๆนึงประสบความสำเร็จในการลงทุนต่างกัน
แน่นอนเราห้ามความคิดไม่ได้ แต่เราสามารถพัฒนาความคิดได้
ด้วยการยึดหลักการลงทุนที่เราศรัทธาเพื่อที่จะใช้พิจารณาว่า
ความคิดหนึ่งๆมันถูกต้อง มีเหตมีผลหรือกระทบกับการลงทุนของเราหรือไม่
สิ่งนี้ต้องใช้เวลาและต้องหมั่นพิจารณาตนเอง โชคดีที่เราคนไทยส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
เพราะการพิจารณาจิตใจตนเองนั้น มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว
สามารถยกมาใช้ได้เลย ดีไม่ดีจะได้ของแถมเป็นการบรรลุธรรมอีกด้วย