การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 1
เห็นสงสัยกันหลายคนว่า มันเท่าไรกันแน่หนอไอ้เจ้าธุรกิจนี้
เรื่องนี้มีนักวิชาการหลายคนไปคิดกันมาจนหัวแตก ทั้งใช้วิชาซับซ้อนมากมาย ถอดรูท ยกกำลัง
เอาเบต้ามา เอาอัลฟ่ามา
จนเละเทะไปหมด ก็ยังไม่กระจ่างกันอยู่ดี มือใหม่ก็ถามเสมอว่ามันประเมินกันยังไง ไอ้มูลค่าที่แท้จริงเนี่ย
บางคนมือเก่า ลงทุนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ยังไม่วายค้นหาอยู่ว่า ไอ้มูลค่าเนี่ย มันประเมินกันยังไง
ขอเอ็กเซลไฟล์หน่อยซิ
บางคนอุตสาห์ควักเงินไปร่ำเรียนหลายหมื่น บางทีถึงกับจบโททางการเงิน ก็ยัง งงงงว่า
ตกลงไอ้วิธีที่มันสอนในมหาลัย มันใช้ได้จริงป่าว
ผมเจอไอเดียที่น่าสนใจ เลยลองนำมาเสอนเผื่อจะชอบกัน
เอาแบบลอกเซียนมาก่อน
เล่มนี้เลย The Intelligent investor ของเบนเกรแฮม valueตัวพ่อ ดูซิว่าท่านปรมาจารย์แกว่ายังไง
เกรแฮม "การประเมินมูลค่าธุรกิจโดยทั่วไปจะถูกต้องเฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น"(ไม่เป๊ะนะ แต่มีประโยคแบบนี้หละ
ในหนังสือเลย) แปลว่าอะไร 55555 ไม่อยากแปล ท่านทั้งหลายไปคิดเอา
ต่อมา ต้องนี่เลย เก่งสุดในโลก
บัฟเฟต "อ่านเกรแฮม อ่านฟิชเชอร์ แล้วอยู่ให้ไกลจากสมการที่มีอักษรกรีก" เอ้าๆ ใครใช้ แคปปิตอลแอทเสทไพรซ์ซิ่งโมเดลยกมือขึ้น 55555 ใครมีค่า เบต้า แกมม่า โคแวเรียนซ ในสมการยกมือขึ้น
ต่อๆ เกรแฮม "การประเมินมูลค่า ใช้เพียงพีชคณิตง่ายๆก็เพียงพอ หากเมื่อใดคุณเริ่มใช้แคลคูลัสชั้นสูงและการคำนวณซับซ้อนแสดงว่า คุณเริ่มเอาทฤษฏีมาแทนที่ประสบการณ์ และนั่นจะก่อให้เกิดความเสียหาย"(ไม่ตรงเป๊ะนะครับ แต่ประมาณนี้) เอ้าๆ ใครใช้ ดิชเคาท์แคชโฟลว ยกมือขึ้น 55555
สรุปคือ ไอที่สอนในมหาลัยนั่นน่ะ แล้วก็ที่หลายๆคนใช้กัน ทั้งหมดถูกเมินโดยเซียนตัวจริง!?
มันแปลว่าอะไรกันหละ โฮ่ๆๆ (โมเดลพวกนี้ผมก็เรียน แล้วก็เขียนโปรแกรมเองใช้ด้วย5555)
เดี๋ยวมาต่อ
เรื่องนี้มีนักวิชาการหลายคนไปคิดกันมาจนหัวแตก ทั้งใช้วิชาซับซ้อนมากมาย ถอดรูท ยกกำลัง
เอาเบต้ามา เอาอัลฟ่ามา
จนเละเทะไปหมด ก็ยังไม่กระจ่างกันอยู่ดี มือใหม่ก็ถามเสมอว่ามันประเมินกันยังไง ไอ้มูลค่าที่แท้จริงเนี่ย
บางคนมือเก่า ลงทุนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ยังไม่วายค้นหาอยู่ว่า ไอ้มูลค่าเนี่ย มันประเมินกันยังไง
ขอเอ็กเซลไฟล์หน่อยซิ
บางคนอุตสาห์ควักเงินไปร่ำเรียนหลายหมื่น บางทีถึงกับจบโททางการเงิน ก็ยัง งงงงว่า
ตกลงไอ้วิธีที่มันสอนในมหาลัย มันใช้ได้จริงป่าว
ผมเจอไอเดียที่น่าสนใจ เลยลองนำมาเสอนเผื่อจะชอบกัน
เอาแบบลอกเซียนมาก่อน
เล่มนี้เลย The Intelligent investor ของเบนเกรแฮม valueตัวพ่อ ดูซิว่าท่านปรมาจารย์แกว่ายังไง
เกรแฮม "การประเมินมูลค่าธุรกิจโดยทั่วไปจะถูกต้องเฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น"(ไม่เป๊ะนะ แต่มีประโยคแบบนี้หละ
ในหนังสือเลย) แปลว่าอะไร 55555 ไม่อยากแปล ท่านทั้งหลายไปคิดเอา
ต่อมา ต้องนี่เลย เก่งสุดในโลก
บัฟเฟต "อ่านเกรแฮม อ่านฟิชเชอร์ แล้วอยู่ให้ไกลจากสมการที่มีอักษรกรีก" เอ้าๆ ใครใช้ แคปปิตอลแอทเสทไพรซ์ซิ่งโมเดลยกมือขึ้น 55555 ใครมีค่า เบต้า แกมม่า โคแวเรียนซ ในสมการยกมือขึ้น
ต่อๆ เกรแฮม "การประเมินมูลค่า ใช้เพียงพีชคณิตง่ายๆก็เพียงพอ หากเมื่อใดคุณเริ่มใช้แคลคูลัสชั้นสูงและการคำนวณซับซ้อนแสดงว่า คุณเริ่มเอาทฤษฏีมาแทนที่ประสบการณ์ และนั่นจะก่อให้เกิดความเสียหาย"(ไม่ตรงเป๊ะนะครับ แต่ประมาณนี้) เอ้าๆ ใครใช้ ดิชเคาท์แคชโฟลว ยกมือขึ้น 55555
สรุปคือ ไอที่สอนในมหาลัยนั่นน่ะ แล้วก็ที่หลายๆคนใช้กัน ทั้งหมดถูกเมินโดยเซียนตัวจริง!?
มันแปลว่าอะไรกันหละ โฮ่ๆๆ (โมเดลพวกนี้ผมก็เรียน แล้วก็เขียนโปรแกรมเองใช้ด้วย5555)
เดี๋ยวมาต่อ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 2
ลองให้โจทย์ท่านๆไปทำกันเล่นๆ
มีธุรกิจประหลาดธุรกิจหนึ่ง ธุรกิจนี้ทุกปีจะกำไร10ล้านบาท เสมอ!
บริษัทนี้ทำธุรกิจอยู่ใน เอ... ที่ไหนดี สมมติว่าประเทศ เนเวอร์แลนด์ละกัน
เงินเฟ้อ3% ตลอดกาล ง่ายดี 5555 ต่อๆ
ธุรกิจนี้กำไรจะ10ล้านต่อไปเรื่อยๆในอนาคต ไม่โตกว่านี้ และก็ไม่ลดไปกว่านี้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
และท่านยกมันเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ด้วย
เอาหละ คำถาม!?
ท่านจะซื้อธุรกิจนี้เท่าไร? อิอิ
ถ้าผมบ้าจี้อยากขายธุรกิจนี้ให้ท่านราคา 1000 ล้าน ท่านจะซื้อหรือไม่ หุหุหุ
ดูซิ
มีธุรกิจประหลาดธุรกิจหนึ่ง ธุรกิจนี้ทุกปีจะกำไร10ล้านบาท เสมอ!
บริษัทนี้ทำธุรกิจอยู่ใน เอ... ที่ไหนดี สมมติว่าประเทศ เนเวอร์แลนด์ละกัน
เงินเฟ้อ3% ตลอดกาล ง่ายดี 5555 ต่อๆ
ธุรกิจนี้กำไรจะ10ล้านต่อไปเรื่อยๆในอนาคต ไม่โตกว่านี้ และก็ไม่ลดไปกว่านี้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
และท่านยกมันเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ด้วย
เอาหละ คำถาม!?
ท่านจะซื้อธุรกิจนี้เท่าไร? อิอิ
ถ้าผมบ้าจี้อยากขายธุรกิจนี้ให้ท่านราคา 1000 ล้าน ท่านจะซื้อหรือไม่ หุหุหุ
ดูซิ
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 3
ถ้าขายพันล้านกีบอาจจะซื้อ 55
ขายแพงจัง หากคิดแบบหยาบๆ ผมต้องใช้เวลา 100 ปีเพื่อคืนทุน แต่หากนับเงินเฟ้อเงิน 1 พันล้านในอีก 100 ปีที่ผมทำได้มูลค่าคงหายไปอีกเยอะ
ผมไม่ใช้โมเดลอะไรละกัน ถ้าให้จ่ายจริงๆไม่เกิน 70 ล้าน เหตุที่ให้ 70 ล้านเพราะข้อดีของธุรกิจที่ชัวร์สุดๆ มีกระแสเงินสด 10 ล้านเข้าประเป๋าทุกปี แต่เพราะมันโตไม่ได้แล้วเลยให้ราคาแค่นี้ PE 7 เป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับผม หากโอเคผมก็โอนเงินเลย :lol:
ขายแพงจัง หากคิดแบบหยาบๆ ผมต้องใช้เวลา 100 ปีเพื่อคืนทุน แต่หากนับเงินเฟ้อเงิน 1 พันล้านในอีก 100 ปีที่ผมทำได้มูลค่าคงหายไปอีกเยอะ
ผมไม่ใช้โมเดลอะไรละกัน ถ้าให้จ่ายจริงๆไม่เกิน 70 ล้าน เหตุที่ให้ 70 ล้านเพราะข้อดีของธุรกิจที่ชัวร์สุดๆ มีกระแสเงินสด 10 ล้านเข้าประเป๋าทุกปี แต่เพราะมันโตไม่ได้แล้วเลยให้ราคาแค่นี้ PE 7 เป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับผม หากโอเคผมก็โอนเงินเลย :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 5
ไม่มีใครมาตอบผมตอบเอง อันนี้ผมไปถามพ่อผม
เขาตกลงที่ราคา15ล้าน
เอาหละ แปลว่าอะไร คนจะซื้อ7ล้าน แต่ขาย15ล้าน
มูลค่ายุติธรรมก็อยู่แถวๆนั้นหละ เห็นได้ว่า ถ้าสมมติฐานหรือโจทย์ถูกกำหนดมาแล้ว
การประเมินมูลค่าไม่ได้ยากเลย
ที่มันยากคือการตั้งโจทย์!!!!!!
นี่หัวใจเลยนะครับ ถ้าเราสามารถระบุได้ว่าธุรกิจจะเป็นยังไง เราสามารถประเมินมูลค่าได้
"อย่างง่ายดาย!" ไม่ใช่ไปหาวิธีประเมินมูลค่าที่แท้จริง เพราะมันไม่มี!
แล้วจะตั้งโจทย์หรือตั้งสมมติฐานที่ใกล้เคียงกับความจริงของธุรกิจได้ยังไงหละ?
อ่านรายงานประจำปี
ดูบัญชีย้อนหลัง
ทำความเข้าใจธุรกิจ สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจกับคนในวงการนั้นๆ(อย่าถามเรื่องหุ้น)
แค่นี้จริงๆ ไม่มีวิธีประเมินอันพิศดารที่สร้างกำไรให้มหาศาลเลย
บทวิเคราะห์เป็นอะไรที่ควรโยนทิ้งมาก เพราะเต็มไปด้วยการมองแง่บวก ความลำเอียง
และสมมติฐานการประเมินจากคนไม่รู้จริง และมีผลประโยชน์ขัดแย้งแอบแฝง
งั้นคำตอบของคำถามที่ว่า จะประเมินมูลค่าที่แท้จริงทำยังไง?
ถามง่ายตอบยาก เพราะคนจะเข้าใจหลังจากการทำการบ้านจำนวนมากเท่านั้น
เขาตกลงที่ราคา15ล้าน
เอาหละ แปลว่าอะไร คนจะซื้อ7ล้าน แต่ขาย15ล้าน
มูลค่ายุติธรรมก็อยู่แถวๆนั้นหละ เห็นได้ว่า ถ้าสมมติฐานหรือโจทย์ถูกกำหนดมาแล้ว
การประเมินมูลค่าไม่ได้ยากเลย
ที่มันยากคือการตั้งโจทย์!!!!!!
นี่หัวใจเลยนะครับ ถ้าเราสามารถระบุได้ว่าธุรกิจจะเป็นยังไง เราสามารถประเมินมูลค่าได้
"อย่างง่ายดาย!" ไม่ใช่ไปหาวิธีประเมินมูลค่าที่แท้จริง เพราะมันไม่มี!
แล้วจะตั้งโจทย์หรือตั้งสมมติฐานที่ใกล้เคียงกับความจริงของธุรกิจได้ยังไงหละ?
อ่านรายงานประจำปี
ดูบัญชีย้อนหลัง
ทำความเข้าใจธุรกิจ สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจกับคนในวงการนั้นๆ(อย่าถามเรื่องหุ้น)
แค่นี้จริงๆ ไม่มีวิธีประเมินอันพิศดารที่สร้างกำไรให้มหาศาลเลย
บทวิเคราะห์เป็นอะไรที่ควรโยนทิ้งมาก เพราะเต็มไปด้วยการมองแง่บวก ความลำเอียง
และสมมติฐานการประเมินจากคนไม่รู้จริง และมีผลประโยชน์ขัดแย้งแอบแฝง
งั้นคำตอบของคำถามที่ว่า จะประเมินมูลค่าที่แท้จริงทำยังไง?
ถามง่ายตอบยาก เพราะคนจะเข้าใจหลังจากการทำการบ้านจำนวนมากเท่านั้น
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 7
พูดตามตรง ให้เดาเอา คนซื้อธุรกิจลักษณะแบบนี้โดยเฉพาะแบบเล็ก น่าจะใช้ Booking Value เป็นหลัก ตีราคากลับมาเป็นส่วนๆ อาจจะมีเรื่องรายได้ที่คงที่แค่เล็กน้อย เช่นซื้อตึกมาให้เขาเช่า มีผู้เช่าอยู่แล้ว เซ้งระยะยาว ก็ว่าไป การตีราคาที่ดิน+ตึก ก็จะมีเรื่องค่าเช่านี้เข้ามาเกี่ยว ไม่งั้นก็ตีราคาแบบเปรียบเทียบกับแปลงข้างๆ ตึกข้างๆ ล้วนๆ
เรื่องตีราคาในตลาดหุ้น ก็คงจะอีกเรื่องนีง
เรื่องตีราคาในตลาดหุ้น ก็คงจะอีกเรื่องนีง
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 8
มาขอเพิ่มอีกนิด
ในตลาด การที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปได้ ถ้าไม่นับพวก momentum trading ก็แปลว่าต้องมีคนให้ valuation ที่สูงกว่าราคาที่เป็นอยู่ แต่ว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นเขา value asset กันยังไง สมมติว่า ถ้าคนอื่นเขาดูกันแต่ P/E, DDM เรามานั่ง DCF มันจะได้เลขไปในทางเดียวกันจริงหรือ เราไม่ได้มีเอี่ยวอะไรเลยกับ Cash flow ตรงนั้น คือเราเอาออกมาใช้ไม่ได้แบบที่ Berkshire ทำ
ในตลาด การที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปได้ ถ้าไม่นับพวก momentum trading ก็แปลว่าต้องมีคนให้ valuation ที่สูงกว่าราคาที่เป็นอยู่ แต่ว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นเขา value asset กันยังไง สมมติว่า ถ้าคนอื่นเขาดูกันแต่ P/E, DDM เรามานั่ง DCF มันจะได้เลขไปในทางเดียวกันจริงหรือ เราไม่ได้มีเอี่ยวอะไรเลยกับ Cash flow ตรงนั้น คือเราเอาออกมาใช้ไม่ได้แบบที่ Berkshire ทำ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 9
ผมก็เห็นด้วยหลายมุม เพราะผมเป็นคนนึงที่ชอบใช้วิธีดู BVมากๆ เอาธุรกิจมาแกะเลยว่ามันชำแหละขายได้เท่าไร
เพราะกำไรในอดีตไม่ได้ระบุว่าในอนาคตจะได้เท่าเดิม แค่มีความน่าจะเป็นเฉยๆ
อัตราการเติบโตในอดีตก็แค่ความน่าจะเป็น วิธีDCFก็ยากเกินไป(ถึงผมจะทำเป็นแบบถนัดมากๆก็ตาม)
การดูBookนั้น ง่ายกว่ามาก แน่นอน คนที่ดูbookเป็นหลัก อาจพลาดธุรกิจชั้นยอดไป
แต่ไม่พลาดของถูกแน่ๆ การประเมินbookก็ทำได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมนี้
ผมว่าดูแต่bookก็ใช้ได้ในระดับนึงเลยนะ (แต่พอดีอ่าน56-1กับannualด้วย 5555)
พออ่านทั้งอุตสาหกรรมก็จะเห็นภาพใหญ่
แต่เพราะงี้มั้งในพอร์ทผมถึงมีแต่หุ้นถูกๆ 55555
book มีเรื่องต้องระวังเหมือนกัน เช่น ลงบัญชีแบบไหน ตัดค่าเสื่อมยังไง แต่ไม่มีปัญหาเท่าการประเมินวิธีอื่น
เพราะกำไรในอดีตไม่ได้ระบุว่าในอนาคตจะได้เท่าเดิม แค่มีความน่าจะเป็นเฉยๆ
อัตราการเติบโตในอดีตก็แค่ความน่าจะเป็น วิธีDCFก็ยากเกินไป(ถึงผมจะทำเป็นแบบถนัดมากๆก็ตาม)
การดูBookนั้น ง่ายกว่ามาก แน่นอน คนที่ดูbookเป็นหลัก อาจพลาดธุรกิจชั้นยอดไป
แต่ไม่พลาดของถูกแน่ๆ การประเมินbookก็ทำได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมนี้
ผมว่าดูแต่bookก็ใช้ได้ในระดับนึงเลยนะ (แต่พอดีอ่าน56-1กับannualด้วย 5555)
พออ่านทั้งอุตสาหกรรมก็จะเห็นภาพใหญ่
แต่เพราะงี้มั้งในพอร์ทผมถึงมีแต่หุ้นถูกๆ 55555
book มีเรื่องต้องระวังเหมือนกัน เช่น ลงบัญชีแบบไหน ตัดค่าเสื่อมยังไง แต่ไม่มีปัญหาเท่าการประเมินวิธีอื่น
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 10
ดูแต่ BV มันยังมีปัญหาเรื่อง brand/logo ด้วย อย่าง ฟาร์มเฮ้าส์, ทาโร่, มาม่า ตัวแบรนด์มันเองก็ไม่มีมูลค่าใน bookingWarantact เขียน:book มีเรื่องต้องระวังเหมือนกัน เช่น ลงบัญชีแบบไหน ตัดค่าเสื่อมยังไง แต่ไม่มีปัญหาเท่าการประเมินวิธีอื่น
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 11
อยากให้ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ BV ซักบริษัทหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 12
เป็นกระทุ้ที่มีประโยชน์สำหรับหน้าใหม่อย่างผมมากครับ เพราะก็ยังสงสัยเรื่องการประเมินมูลค่ามากๆ
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 16
[quote="Warantact"]ลองให้โจทย์ท่านๆไปทำกันเล่นๆ
มีธุรกิจประหลาดธุรกิจหนึ่ง ธุรกิจนี้ทุกปีจะกำไร10ล้านบาท เสมอ!
บริษัทนี้ทำธุรกิจอยู่ใน เอ... ที่ไหนดี สมมติว่าประเทศ เนเวอร์แลนด์ละกัน
เงินเฟ้อ3% ตลอดกาล ง่ายดี 5555 ต่อๆ
ธุรกิจนี้กำไรจะ10ล้านต่อไปเรื่อยๆในอนาคต ไม่โตกว่านี้ และก็ไม่ลดไปกว่านี้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
และท่านยกมันเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ด้วย
เอาหละ คำถาม!?
ท่านจะซื้อธุรกิจนี้เท่าไร? อิอิ
ถ้าผมบ้าจี้อยากขายธุรกิจนี้ให้ท่านราคา 1000 ล้าน ท่านจะซื้อหรือไม่ หุหุหุ
ดูซิ[/quote]
ผมไม่รู้ว่าต้องการคำตอบจริงๆรึเปล่า แต่ผมจะตอบแบบชีวิตจริงเลยครับ
ถ้า Inflation 3% ต่อปีทุกปี GDP ประเทศ everland ที่ว่านี้เท่ากับ 5% ต่อปีตลอดไป ค่าความเสี่ยงอื่นๆไม่ว่า Sytematic หรือ Nonsystematic Risks เท่าเมืองไทย รวมทั้งผลตอบแทนที่ความเสี่ยงของพัทธบัตรประเทศ Everland เท่าของเมืองไทยอีกเช่นกัน
ผมจะซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาไม่เกิน 83 ล้านบาท ถ้าแพงกว่านี้ผมจะกลับมาลงทุนที่เมืองไทยแทนประเทศ everland ถ้าถูกกว่านี้ผมซื้อครับ
มีธุรกิจประหลาดธุรกิจหนึ่ง ธุรกิจนี้ทุกปีจะกำไร10ล้านบาท เสมอ!
บริษัทนี้ทำธุรกิจอยู่ใน เอ... ที่ไหนดี สมมติว่าประเทศ เนเวอร์แลนด์ละกัน
เงินเฟ้อ3% ตลอดกาล ง่ายดี 5555 ต่อๆ
ธุรกิจนี้กำไรจะ10ล้านต่อไปเรื่อยๆในอนาคต ไม่โตกว่านี้ และก็ไม่ลดไปกว่านี้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
และท่านยกมันเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ด้วย
เอาหละ คำถาม!?
ท่านจะซื้อธุรกิจนี้เท่าไร? อิอิ
ถ้าผมบ้าจี้อยากขายธุรกิจนี้ให้ท่านราคา 1000 ล้าน ท่านจะซื้อหรือไม่ หุหุหุ
ดูซิ[/quote]
ผมไม่รู้ว่าต้องการคำตอบจริงๆรึเปล่า แต่ผมจะตอบแบบชีวิตจริงเลยครับ
ถ้า Inflation 3% ต่อปีทุกปี GDP ประเทศ everland ที่ว่านี้เท่ากับ 5% ต่อปีตลอดไป ค่าความเสี่ยงอื่นๆไม่ว่า Sytematic หรือ Nonsystematic Risks เท่าเมืองไทย รวมทั้งผลตอบแทนที่ความเสี่ยงของพัทธบัตรประเทศ Everland เท่าของเมืองไทยอีกเช่นกัน
ผมจะซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาไม่เกิน 83 ล้านบาท ถ้าแพงกว่านี้ผมจะกลับมาลงทุนที่เมืองไทยแทนประเทศ everland ถ้าถูกกว่านี้ผมซื้อครับ
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 17
[quote="prodigy"]ถ้าขายพันล้านกีบอาจจะซื้อ 55
ขายแพงจัง หากคิดแบบหยาบๆ ผมต้องใช้เวลา 100 ปีเพื่อคืนทุน แต่หากนับเงินเฟ้อเงิน 1 พันล้านในอีก 100 ปีที่ผมทำได้มูลค่าคงหายไปอีกเยอะ
ผมไม่ใช้โมเดลอะไรละกัน ถ้าให้จ่ายจริงๆไม่เกิน 70 ล้าน เหตุที่ให้ 70 ล้านเพราะข้อดีของธุรกิจที่ชัวร์สุดๆ มีกระแสเงินสด 10 ล้านเข้าประเป๋าทุกปี แต่เพราะมันโตไม่ได้แล้วเลยให้ราคาแค่นี้ PE 7 เป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับผม หากโอเคผมก็โอนงินเลย :lol:[/quote]
ถีงแม้ว่าผมจะตอบไปแล้วว่าไม่เกิน 83 ล้านบาท แต่ถ้า Condition ไม่ใช่ Neverland แต่เป็นเมืองไทย (Inflation ปีนี้น่าจะเกือบๆ 5%) ผมจะซื้อที่ราคาไม่เกิน 71 ล้านบาทครับ ซี่งเกือบเท่ากับคุณ Prodigy เลย
แต่ผมคิดจากวิธีอื่นนะครับ
สงสัยเราคงแย่งซื้อหุ้นกันใน SET บ่อยนะ เพราะคิดได้คล้ายๆกัน :lovl: :lovl:
ขายแพงจัง หากคิดแบบหยาบๆ ผมต้องใช้เวลา 100 ปีเพื่อคืนทุน แต่หากนับเงินเฟ้อเงิน 1 พันล้านในอีก 100 ปีที่ผมทำได้มูลค่าคงหายไปอีกเยอะ
ผมไม่ใช้โมเดลอะไรละกัน ถ้าให้จ่ายจริงๆไม่เกิน 70 ล้าน เหตุที่ให้ 70 ล้านเพราะข้อดีของธุรกิจที่ชัวร์สุดๆ มีกระแสเงินสด 10 ล้านเข้าประเป๋าทุกปี แต่เพราะมันโตไม่ได้แล้วเลยให้ราคาแค่นี้ PE 7 เป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับผม หากโอเคผมก็โอนงินเลย :lol:[/quote]
ถีงแม้ว่าผมจะตอบไปแล้วว่าไม่เกิน 83 ล้านบาท แต่ถ้า Condition ไม่ใช่ Neverland แต่เป็นเมืองไทย (Inflation ปีนี้น่าจะเกือบๆ 5%) ผมจะซื้อที่ราคาไม่เกิน 71 ล้านบาทครับ ซี่งเกือบเท่ากับคุณ Prodigy เลย
แต่ผมคิดจากวิธีอื่นนะครับ
สงสัยเราคงแย่งซื้อหุ้นกันใน SET บ่อยนะ เพราะคิดได้คล้ายๆกัน :lovl: :lovl:
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 20
งั้นต้องรบกวนพี่ Warantact ขอ 3 ตัวเปรียบเทียบเพื่อเป็นวิทยาทานกับน้อง ๆ (รวมถึงกระผมด้วยครับ)
ตามนี้ครับ WG, GC ,UKEM ครับเลือกเอาในกลุ่มที่คล้าย ๆ กันจะได้มองภาพออกครับ
ขอบคุณมากครับ
ตามนี้ครับ WG, GC ,UKEM ครับเลือกเอาในกลุ่มที่คล้าย ๆ กันจะได้มองภาพออกครับ
ขอบคุณมากครับ
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 22
ขอสามตัวนั้นคงนานหน่อย เพราะผมยังไม่ได้อ่าน56-1
และไม่ได้เจาะงบย้อนหลัง
ไม่ได้ทำการวิเคราะห์บริษัทอย่างลึกซึ้ง
ทำให้ยังหามูลค่าในอนาคตไม่ได้
คือ 3 ตัวนั้น ผมยังไม่รู้เลย
ถ้าผมรู้แล้วการประเมินมูลค่าไม่ได้ยากเลย
เอาตัวที่ผมถนัดละกัน
กลุ่มโรงแรม
ประเมินค่อนข้างง่าย ดูว่ามีกี่ห้อง อัตราการเข้าพักเท่าไร ปีที่กำไรดีเป็นไง กำไรแย่เป็นไง
กำไรเฉลี่ยเท่าไหร่ พอผมดูไปมากๆผมเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง
(เวลาดูผมดูยกกลุ่มเลย) พบว่า เอากำไรเฉลี่ย5ปี ได้มาแล้วนะครับ เอามาคูณ8เป็นมูลค่าหยาบๆ
ของโรงแรมเลยครับ (หยาบมาก)
ถ้าราคาซื้อขายต่ำกว่าราคานั้นมากๆก็ซื้อได้เลย
ที่เอามาคูณ8เพราะ พอย้อนดูทีละโรงแรม ทั้งอุตสาหกรรม พบว่า อะไรห่วยก็มักห่วยสม่ำเสมอ
ของดีจะสวิงได้บ้าง ที่ใช้8เพราะ ในห้าปี จะมีปีแย่อย่างหนัก1ปี (จากตัวรวมๆในอดีต)
สิบปีจะแย่หนักๆ2ปี ปีที่ดีมากกับปีที่ค่อนข้างแย่เฉลี่ยๆกันไป
ถ้าซื้อได้ราคาต่ำกว่ากำไรเฉลี่ยคูณ8 แล้วหนี้ไม่มากเท่าไร ก็ถือว่ามีMOSพอใช้แล้ว
ถ้าจะหาของดีต้องขุดลึกกว่านั้น แต่ที่ใช้หลักMOSเพื่อทำให้การประเมินมูลค่าอย่างแม่นยำกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น
ประเมินคร่าวๆแบบนี้ แล้วใส่ส่วนลดก็น่าจะพอแล้ว วิธีนี้จะใช้ยากหน่อยก็ตอนตลาดกระทิงรุนแรงเท่านั้น
เช่นตอนพันจุด โรงแรมไม่เหลืออะไรแล้ว (ถ้าดูแบบนี้นะ)
ส่วนสามตัวนั้นขอเวลานานๆหน่อยนะครับ 55555 อาจได้ปีหน้าเลย
และไม่ได้เจาะงบย้อนหลัง
ไม่ได้ทำการวิเคราะห์บริษัทอย่างลึกซึ้ง
ทำให้ยังหามูลค่าในอนาคตไม่ได้
คือ 3 ตัวนั้น ผมยังไม่รู้เลย
ถ้าผมรู้แล้วการประเมินมูลค่าไม่ได้ยากเลย
เอาตัวที่ผมถนัดละกัน
กลุ่มโรงแรม
ประเมินค่อนข้างง่าย ดูว่ามีกี่ห้อง อัตราการเข้าพักเท่าไร ปีที่กำไรดีเป็นไง กำไรแย่เป็นไง
กำไรเฉลี่ยเท่าไหร่ พอผมดูไปมากๆผมเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง
(เวลาดูผมดูยกกลุ่มเลย) พบว่า เอากำไรเฉลี่ย5ปี ได้มาแล้วนะครับ เอามาคูณ8เป็นมูลค่าหยาบๆ
ของโรงแรมเลยครับ (หยาบมาก)
ถ้าราคาซื้อขายต่ำกว่าราคานั้นมากๆก็ซื้อได้เลย
ที่เอามาคูณ8เพราะ พอย้อนดูทีละโรงแรม ทั้งอุตสาหกรรม พบว่า อะไรห่วยก็มักห่วยสม่ำเสมอ
ของดีจะสวิงได้บ้าง ที่ใช้8เพราะ ในห้าปี จะมีปีแย่อย่างหนัก1ปี (จากตัวรวมๆในอดีต)
สิบปีจะแย่หนักๆ2ปี ปีที่ดีมากกับปีที่ค่อนข้างแย่เฉลี่ยๆกันไป
ถ้าซื้อได้ราคาต่ำกว่ากำไรเฉลี่ยคูณ8 แล้วหนี้ไม่มากเท่าไร ก็ถือว่ามีMOSพอใช้แล้ว
ถ้าจะหาของดีต้องขุดลึกกว่านั้น แต่ที่ใช้หลักMOSเพื่อทำให้การประเมินมูลค่าอย่างแม่นยำกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น
ประเมินคร่าวๆแบบนี้ แล้วใส่ส่วนลดก็น่าจะพอแล้ว วิธีนี้จะใช้ยากหน่อยก็ตอนตลาดกระทิงรุนแรงเท่านั้น
เช่นตอนพันจุด โรงแรมไม่เหลืออะไรแล้ว (ถ้าดูแบบนี้นะ)
ส่วนสามตัวนั้นขอเวลานานๆหน่อยนะครับ 55555 อาจได้ปีหน้าเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 24
-__-
มันยากตรงตั้งโจทย์ครับ ถ้าตั้งได้ก็เหลือคณิตศาสตร์ง่ายๆแล้ว
TF รายได้หลักมาจากการขายบะหมี่สำเร็จรูป ราคาถูกรายใหญ่ในตลาด
แม้แต่ในป่าก็ยังมีขาย เพราะทำง่ายกว่าข้าว
การรักษาอันดับส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งผมว่าทำได้อีกนาน ด้วยความชำนาญของบริษัท
แล้วก็การสนับสนุนจากนิชชินประเทศญี่ปุ่น ทำให้เจ้าอื่นยากจะเข้ามาแย่ง
โดยโมเดลผมว่าดีมาก เพราะเขาผลิตเยอะมาก โรงงานที่ผมไปดูมาก็ดีมีการบริหารจัดการที่ใช้ได้
พนักงานคุยดี รายได้ในประเทศและการส่งออกไปรอบๆประเทศเพื่อนบ้านผมว่าน่าจะไปได้สวย
ถ้าถามถึงตลาดในประเทศผมว่า เหลือพื้นที่ให้โตน้อยลง เพราะมันขายอยู่ในทุกห้าง
ทุกโชห่วย ทุกเซเว่น และทุกร้านสะดวกซื้อ การโตของปริมาณการขายคงไปช้าๆตามการเพิ่มของประชากร
การโตต่อไปต้องเน้นทำตลาดประเทศข้างเคียง ลาว เวียดนาม พม่า เขมร
ที่ลาวมีขายแล้ว แต่ยังไม่เยอะ อันนี้ผมไม่ชัวร์เท่าไร ต้องลองไปเดินดูที่ห้างในประเทศเพื่อนบ้านดู
ถ้ายังดูแล้วเหลือที่ให้ขยับขยาย บริษัทก็อาจมีการเติบโตของกำไรมากขึ้นได้ครับ
P/E อยู่ที่12เท่านะครับ มาม่านี้ผมว่าน่าจะเข้าข่ายบริษัทแข็งแกร่ง ไม่น่าใช่บริษัทโตเร็ว
ถ้าคิดง่ายๆว่า บริษัทน่าจะโตในอัตราพอๆกับในอดีต(ไม่รู้ถูกรึเปล่านะครับ) ในอดีตบริษัทนี้โตประมาณ
ปีละ7-8% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่6%
ผลตอบแทนของคุณคือสินทรัพย์ที่โตขึ้น+ปันผล ถ้าคิดแบบง่ายๆ ผลตอบแทนปันผลที่ราคานี้ก็ 3%
การซื้อหุ้นที่ราคานี้ก็น่าจะได้ผลตอบแทนหยาบๆในระยะยาวประมาณ
9-11% ก็ใกล้เคียงกับผลตอบแทนเฉลี่ยในตลาด
แสดงว่าที่ราคานี้ แบบดูคร่าวๆก็ค่อนข้างจะยุติธรรมแล้ว จะซื้อ ถือ หรือขาย ก็ได้ตามสะดวก
ถ้าท่านมีอยู่แล้วคิดว่าต่อไปก็ยังเป็นธุรกิจที่ดีก็ควรถือไว้
ถ้าตรวจดูแล้วพบการเสื่อมถอยที่น่าตกใจของบริษัทก็ควรขายได้แล้ว เพราะราคายังไม่สะท้อนข่าว
ถ้าท่านไม่อยากกลุ่มใจกับการหาบริษํทอะไรมากมายเพื่อผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย
ก็ซื้อที่ราคานี้พอไหว ระยะยาวผลตอบแทนก็น่าจะประมาณค่าเฉลี่ยครับ หรือถ้าท่านพบว่ากำไรจะเพิ่ม
แบบมีนับสำคัญ ต่อเนื่องไปยาวนาน ผลตอบแทนของท่านก็จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยครับ
ต้องไปเจาะเอง ผมก็บอกไม่ได้
มันยากตรงตั้งโจทย์ครับ ถ้าตั้งได้ก็เหลือคณิตศาสตร์ง่ายๆแล้ว
TF รายได้หลักมาจากการขายบะหมี่สำเร็จรูป ราคาถูกรายใหญ่ในตลาด
แม้แต่ในป่าก็ยังมีขาย เพราะทำง่ายกว่าข้าว
การรักษาอันดับส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งผมว่าทำได้อีกนาน ด้วยความชำนาญของบริษัท
แล้วก็การสนับสนุนจากนิชชินประเทศญี่ปุ่น ทำให้เจ้าอื่นยากจะเข้ามาแย่ง
โดยโมเดลผมว่าดีมาก เพราะเขาผลิตเยอะมาก โรงงานที่ผมไปดูมาก็ดีมีการบริหารจัดการที่ใช้ได้
พนักงานคุยดี รายได้ในประเทศและการส่งออกไปรอบๆประเทศเพื่อนบ้านผมว่าน่าจะไปได้สวย
ถ้าถามถึงตลาดในประเทศผมว่า เหลือพื้นที่ให้โตน้อยลง เพราะมันขายอยู่ในทุกห้าง
ทุกโชห่วย ทุกเซเว่น และทุกร้านสะดวกซื้อ การโตของปริมาณการขายคงไปช้าๆตามการเพิ่มของประชากร
การโตต่อไปต้องเน้นทำตลาดประเทศข้างเคียง ลาว เวียดนาม พม่า เขมร
ที่ลาวมีขายแล้ว แต่ยังไม่เยอะ อันนี้ผมไม่ชัวร์เท่าไร ต้องลองไปเดินดูที่ห้างในประเทศเพื่อนบ้านดู
ถ้ายังดูแล้วเหลือที่ให้ขยับขยาย บริษัทก็อาจมีการเติบโตของกำไรมากขึ้นได้ครับ
P/E อยู่ที่12เท่านะครับ มาม่านี้ผมว่าน่าจะเข้าข่ายบริษัทแข็งแกร่ง ไม่น่าใช่บริษัทโตเร็ว
ถ้าคิดง่ายๆว่า บริษัทน่าจะโตในอัตราพอๆกับในอดีต(ไม่รู้ถูกรึเปล่านะครับ) ในอดีตบริษัทนี้โตประมาณ
ปีละ7-8% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่6%
ผลตอบแทนของคุณคือสินทรัพย์ที่โตขึ้น+ปันผล ถ้าคิดแบบง่ายๆ ผลตอบแทนปันผลที่ราคานี้ก็ 3%
การซื้อหุ้นที่ราคานี้ก็น่าจะได้ผลตอบแทนหยาบๆในระยะยาวประมาณ
9-11% ก็ใกล้เคียงกับผลตอบแทนเฉลี่ยในตลาด
แสดงว่าที่ราคานี้ แบบดูคร่าวๆก็ค่อนข้างจะยุติธรรมแล้ว จะซื้อ ถือ หรือขาย ก็ได้ตามสะดวก
ถ้าท่านมีอยู่แล้วคิดว่าต่อไปก็ยังเป็นธุรกิจที่ดีก็ควรถือไว้
ถ้าตรวจดูแล้วพบการเสื่อมถอยที่น่าตกใจของบริษัทก็ควรขายได้แล้ว เพราะราคายังไม่สะท้อนข่าว
ถ้าท่านไม่อยากกลุ่มใจกับการหาบริษํทอะไรมากมายเพื่อผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย
ก็ซื้อที่ราคานี้พอไหว ระยะยาวผลตอบแทนก็น่าจะประมาณค่าเฉลี่ยครับ หรือถ้าท่านพบว่ากำไรจะเพิ่ม
แบบมีนับสำคัญ ต่อเนื่องไปยาวนาน ผลตอบแทนของท่านก็จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยครับ
ต้องไปเจาะเอง ผมก็บอกไม่ได้
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 25
Warantact เขียน:-__-
มันยากตรงตั้งโจทย์ครับ ถ้าตั้งได้ก็เหลือคณิตศาสตร์ง่ายๆแล้ว
TF รายได้หลักมาจากการขายบะหมี่สำเร็จรูป ราคาถูกรายใหญ่ในตลาด
แม้แต่ในป่าก็ยังมีขาย เพราะทำง่ายกว่าข้าว
การรักษาอันดับส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งผมว่าทำได้อีกนาน ด้วยความชำนาญของบริษัท
แล้วก็การสนับสนุนจากนิชชินประเทศญี่ปุ่น ทำให้เจ้าอื่นยากจะเข้ามาแย่ง
โดยโมเดลผมว่าดีมาก เพราะเขาผลิตเยอะมาก โรงงานที่ผมไปดูมาก็ดีมีการบริหารจัดการที่ใช้ได้
พนักงานคุยดี รายได้ในประเทศและการส่งออกไปรอบๆประเทศเพื่อนบ้านผมว่าน่าจะไปได้สวย
ถ้าถามถึงตลาดในประเทศผมว่า เหลือพื้นที่ให้โตน้อยลง เพราะมันขายอยู่ในทุกห้าง
ทุกโชห่วย ทุกเซเว่น และทุกร้านสะดวกซื้อ การโตของปริมาณการขายคงไปช้าๆตามการเพิ่มของประชากร
การโตต่อไปต้องเน้นทำตลาดประเทศข้างเคียง ลาว เวียดนาม พม่า เขมร
ที่ลาวมีขายแล้ว แต่ยังไม่เยอะ อันนี้ผมไม่ชัวร์เท่าไร ต้องลองไปเดินดูที่ห้างในประเทศเพื่อนบ้านดู
ถ้ายังดูแล้วเหลือที่ให้ขยับขยาย บริษัทก็อาจมีการเติบโตของกำไรมากขึ้นได้ครับ
P/E อยู่ที่12เท่านะครับ มาม่านี้ผมว่าน่าจะเข้าข่ายบริษัทแข็งแกร่ง ไม่น่าใช่บริษัทโตเร็ว
ถ้าคิดง่ายๆว่า บริษัทน่าจะโตในอัตราพอๆกับในอดีต(ไม่รู้ถูกรึเปล่านะครับ) ในอดีตบริษัทนี้โตประมาณ
ปีละ7-8% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่6%
ผลตอบแทนของคุณคือสินทรัพย์ที่โตขึ้น+ปันผล ถ้าคิดแบบง่ายๆ ผลตอบแทนปันผลที่ราคานี้ก็ 3%
การซื้อหุ้นที่ราคานี้ก็น่าจะได้ผลตอบแทนหยาบๆในระยะยาวประมาณ
9-11% ก็ใกล้เคียงกับผลตอบแทนเฉลี่ยในตลาด
แสดงว่าที่ราคานี้ แบบดูคร่าวๆก็ค่อนข้างจะยุติธรรมแล้ว จะซื้อ ถือ หรือขาย ก็ได้ตามสะดวก
ถ้าท่านมีอยู่แล้วคิดว่าต่อไปก็ยังเป็นธุรกิจที่ดีก็ควรถือไว้
ถ้าตรวจดูแล้วพบการเสื่อมถอยที่น่าตกใจของบริษัทก็ควรขายได้แล้ว เพราะราคายังไม่สะท้อนข่าว
ถ้าท่านไม่อยากกลุ่มใจกับการหาบริษํทอะไรมากมายเพื่อผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย
ก็ซื้อที่ราคานี้พอไหว ระยะยาวผลตอบแทนก็น่าจะประมาณค่าเฉลี่ยครับ หรือถ้าท่านพบว่ากำไรจะเพิ่ม
แบบมีนับสำคัญ ต่อเนื่องไปยาวนาน ผลตอบแทนของท่านก็จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยครับ
ต้องไปเจาะเอง ผมก็บอกไม่ได้
ขอบคุณมากครับ
ผมแค่แปลกใจแค่นั้นเอง ว่าทำไม บ.อื่นที่ทำแข่งกับมาม่า
ถึงสู้ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มีคู่แข่งมากมายในตลาด
หรืออาจจะเป็นเพราะ Goodwill สินค้าที่ผู้บริโภคให้กับ มาม่า
ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ทำให้ยากที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลง
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 26
แกรมมี่เคยลงมาทำบะหมี่ยี่ห้อ 4me ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ห่วยแตกมาก
อย่างแรก เจ้าตลาดอย่างมาม่าครองอยู่แล้ว เรียกว่าเกือบผูกขาด
อย่างสอง มาม่าขายถูก ถ้าจะมาแย่งในตลาดแมส
ก็ต้องอร่อยกว่า ถูกกว่า หรือไม่ก็ราคาเท่ากัน ผมว่า โรงงานเปิดใหม่จะไม่คุ้มเอา
แต่4meก็ยังดึงดัน (สุดท้ายก็ต้องขายโงงานให้มาม่า สม 5555)
แล้วในบะหมี่สำเร็จรูป มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายสิ่งเสพย์ติดถึงสามอย่าง
คือ
แป้งที่มีย่อยง่าย
น้ำมันเจียว
และผงชูรส
แป้งย่อยง่ายนั้น ใครๆก็รู้ว่ามันแย่กับสุขภาพมากเพราะขาดเส้นใยและทำให้อ้วนง่าย
แต่มันอร่อย
น้ำมันเจียว ทำให้อร่อยขึ้นไปอีก แต่เป็นไขมันอิ่มตัวที่มีความข้นสูง(ยาพิษรสเยี่ยม)
และ สุดท้าย ผงชูรส สารพัดพิษ
รวมทั้งยังราคาถูกสุดๆและปรุงง่าย (ยาเสพติด อันตรายต่ำเรื้อรัง ราคาถูก)
เห็นได้ว่า คล้ายๆกับ โค้กหรือแมคโดนัลเลย เป็นธุรกิจที่ทำดีแล้วจะผูกขาดเกือบได้
ขายของแย่ๆเนี่ย กำไรดีนักแล
ส่วนเวเฟอร์กับน้ำหวานอย่าไปสนใจ เท่าทุน แถมขายไม่ค่อยดี
ถ้าบัฟเฟตอยู่เมืองไทย แล้วซื้อธุรกิจนี้ได้ในราคามีส่วนลด ผมว่าเขาเอา
(ประเด็นคือมันไม่ค่อยจะลด 55555 ผมก็อยากได้นะ)
ยี่ห้ออื่นที่เข้ามาแข่ง ถ้าท่านลองคิดดูดีๆก็จะพอรู้ว่าทำไมแพ้
ถ้าเป็นบุหรี่ สมมติว่าท่านติดมัลโบโร่ มียี่ห้ออื่นออกมา ท่านอาจแวะไปลองสักที แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรัง ที่ยี่ห้อเดิม ผมว่ามันคล้ายๆกัน เป็นกฏของสารเสพย์ติด ติดแล้วเปลี่ยนยาก
อย่างแรก เจ้าตลาดอย่างมาม่าครองอยู่แล้ว เรียกว่าเกือบผูกขาด
อย่างสอง มาม่าขายถูก ถ้าจะมาแย่งในตลาดแมส
ก็ต้องอร่อยกว่า ถูกกว่า หรือไม่ก็ราคาเท่ากัน ผมว่า โรงงานเปิดใหม่จะไม่คุ้มเอา
แต่4meก็ยังดึงดัน (สุดท้ายก็ต้องขายโงงานให้มาม่า สม 5555)
แล้วในบะหมี่สำเร็จรูป มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายสิ่งเสพย์ติดถึงสามอย่าง
คือ
แป้งที่มีย่อยง่าย
น้ำมันเจียว
และผงชูรส
แป้งย่อยง่ายนั้น ใครๆก็รู้ว่ามันแย่กับสุขภาพมากเพราะขาดเส้นใยและทำให้อ้วนง่าย
แต่มันอร่อย
น้ำมันเจียว ทำให้อร่อยขึ้นไปอีก แต่เป็นไขมันอิ่มตัวที่มีความข้นสูง(ยาพิษรสเยี่ยม)
และ สุดท้าย ผงชูรส สารพัดพิษ
รวมทั้งยังราคาถูกสุดๆและปรุงง่าย (ยาเสพติด อันตรายต่ำเรื้อรัง ราคาถูก)
เห็นได้ว่า คล้ายๆกับ โค้กหรือแมคโดนัลเลย เป็นธุรกิจที่ทำดีแล้วจะผูกขาดเกือบได้
ขายของแย่ๆเนี่ย กำไรดีนักแล
ส่วนเวเฟอร์กับน้ำหวานอย่าไปสนใจ เท่าทุน แถมขายไม่ค่อยดี
ถ้าบัฟเฟตอยู่เมืองไทย แล้วซื้อธุรกิจนี้ได้ในราคามีส่วนลด ผมว่าเขาเอา
(ประเด็นคือมันไม่ค่อยจะลด 55555 ผมก็อยากได้นะ)
ยี่ห้ออื่นที่เข้ามาแข่ง ถ้าท่านลองคิดดูดีๆก็จะพอรู้ว่าทำไมแพ้
ถ้าเป็นบุหรี่ สมมติว่าท่านติดมัลโบโร่ มียี่ห้ออื่นออกมา ท่านอาจแวะไปลองสักที แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรัง ที่ยี่ห้อเดิม ผมว่ามันคล้ายๆกัน เป็นกฏของสารเสพย์ติด ติดแล้วเปลี่ยนยาก
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 27
Warantact เขียน:แกรมมี่เคยลงมาทำบะหมี่ยี่ห้อ 4me ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ห่วยแตกมาก
อย่างแรก เจ้าตลาดอย่างมาม่าครองอยู่แล้ว เรียกว่าเกือบผูกขาด
อย่างสอง มาม่าขายถูก ถ้าจะมาแย่งในตลาดแมส
ก็ต้องอร่อยกว่า ถูกกว่า หรือไม่ก็ราคาเท่ากัน ผมว่า โรงงานเปิดใหม่จะไม่คุ้มเอา
แต่4meก็ยังดึงดัน (สุดท้ายก็ต้องขายโงงานให้มาม่า สม 5555)
แล้วในบะหมี่สำเร็จรูป มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายสิ่งเสพย์ติดถึงสามอย่าง
คือ
แป้งที่มีย่อยง่าย
น้ำมันเจียว
และผงชูรส
แป้งย่อยง่ายนั้น ใครๆก็รู้ว่ามันแย่กับสุขภาพมากเพราะขาดเส้นใยและทำให้อ้วนง่าย
แต่มันอร่อย
น้ำมันเจียว ทำให้อร่อยขึ้นไปอีก แต่เป็นไขมันอิ่มตัวที่มีความข้นสูง(ยาพิษรสเยี่ยม)
และ สุดท้าย ผงชูรส สารพัดพิษ
รวมทั้งยังราคาถูกสุดๆและปรุงง่าย (ยาเสพติด อันตรายต่ำเรื้อรัง ราคาถูก)
เห็นได้ว่า คล้ายๆกับ โค้กหรือแมคโดนัลเลย เป็นธุรกิจที่ทำดีแล้วจะผูกขาดเกือบได้
ขายของแย่ๆเนี่ย กำไรดีนักแล
ส่วนเวเฟอร์กับน้ำหวานอย่าไปสนใจ เท่าทุน แถมขายไม่ค่อยดี
ถ้าบัฟเฟตอยู่เมืองไทย แล้วซื้อธุรกิจนี้ได้ในราคามีส่วนลด ผมว่าเขาเอา
(ประเด็นคือมันไม่ค่อยจะลด 55555 ผมก็อยากได้นะ)
ยี่ห้ออื่นที่เข้ามาแข่ง ถ้าท่านลองคิดดูดีๆก็จะพอรู้ว่าทำไมแพ้
ถ้าเป็นบุหรี่ สมมติว่าท่านติดมัลโบโร่ มียี่ห้ออื่นออกมา ท่านอาจแวะไปลองสักที แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรัง ที่ยี่ห้อเดิม ผมว่ามันคล้ายๆกัน เป็นกฏของสารเสพย์ติด ติดแล้วเปลี่ยนยาก
ฮืม แสดงว่ามาม่า มีสูตรการผลิตที่ดีกว่า ในการให้เสพย์ติดใช่ไหมครับ
สมัยก่อน ผมเห็นคู่แข่ง มาม่า พยายามใช้หลักการตลาด เหมือนเป๊บซี่ทำสงครามกับโค้ก คือ
พยายามเน้นว่า ถ้าเลือกบะหมี่ยี่ห้อคู่แข่งแล้ว เหมือนเป็นคนรุ่นใหม่ เอาดาราวัยรุ่นใหม่ ๆ
มาโปรโมทสินค้า สุดท้ายทุกกลยุทธุ์การตลาด ก็ยังสู้มาม่าไม่ได้ ผมเลยพาลนึกไปว่า
Goodwill มาม่าเยี่ยม
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 28
ดูคร่าวๆ พี่พอล ต้องการผลตอบแทนรวมเงินเฟ้อขั้นต่ำ ประมาณ 12% หรือ real rate return ประมาณ 11.65% เพราะผมคำนวณที่ผมต้องการแล้วอ่านลงมาเจอคำตอบเดียวกับพี่ พอลเลยPaul Octopus เขียน: ผมไม่รู้ว่าต้องการคำตอบจริงๆรึเปล่า แต่ผมจะตอบแบบชีวิตจริงเลยครับ
ถ้า Inflation 3% ต่อปีทุกปี GDP ประเทศ everland ที่ว่านี้เท่ากับ 5% ต่อปีตลอดไป ค่าความเสี่ยงอื่นๆไม่ว่า Sytematic หรือ Nonsystematic Risks เท่าเมืองไทย รวมทั้งผลตอบแทนที่ความเสี่ยงของพัทธบัตรประเทศ Everland เท่าของเมืองไทยอีกเช่นกัน
ผมจะซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาไม่เกิน 83 ล้านบาท ถ้าแพงกว่านี้ผมจะกลับมาลงทุนที่เมืองไทยแทนประเทศ everland ถ้าถูกกว่านี้ผมซื้อครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การประเมินมูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 29
มิน่าละเจอกันบ่อยในหุ้นหลายๆตัว
กิเลสใกล้เคียงกันนี่เองนะน้อง Jo
กิเลสใกล้เคียงกันนี่เองนะน้อง Jo