เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
- babyboom
- Verified User
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 1
ผมพิมพ์กระทู้ขึ้นมาเนื่องจากเกิดความรู้สึกน้อยใจและรู้สึกว่าถ้าตอนนี้มี VI จำนวนมากอยู่ในตลาดหุ้นแล้วจะเหลือหุ้นที่
มีราคาถูกสำหรับพวกผมมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มจะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI หรือเปล่าครับ ผมเชื่อว่ามีมือใหม่จำนวนไม่น้อย
ที่มีความรู้สึกอย่างผม ผมรู้จักเวปนี้ตั้งแต่ต้นปีและผมก็อ่านกระทู้หาหนังสือมาอ่านแต่มันก็ยังติดตรงที่ว่า ผมยังไม่สามารถ
หาราคาซื้อที่เหมาะสมได้
แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอ่านและหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นวิธีดู FCF DCF ดูงบการเงิน อะไรต่าง ๆ เป็นต้นที่จะสามารถคำนวนออกมาเป็นราคาหุ้นที่มี mos ได้ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อผมศึกษาและสามารถคำนวนราคาหรือมูลค่าของหุ้นออกมาได้ มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะว่าราคาไม่ไปเกินกว่าที่จะกลับมารับผมแล้ว เพราะว่ามีคนมองเห็นและสนใจมันก่อนหน้านั้นแล้วทำให้ราคามันไม่ถูกอีกต่อไป คนที่มองเห็นหุ้นที่ดีมีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานก็ไม่ใช่ใครอาจจะเป็นพี่ๆ เซียน VI ทั้งหลายที่สามารถหาหุ้นประเภทนี้เจอก่อนมือใหม่
แต่ผมก็จะไม่ท้อและจะพยายามศึกษาหาความรู้และประยุกต์ใช้กับตัวผมให้ได้ และผมต้องอยู่รอดในตลาดให้ได้เมื่อเลือกทางเดินนี้แล้ว
สุดท้ายนี้ในฐานะปลาไหลป้ายแดง เฮ้ยมะใช่ (มือใหม่ป้ายแดง) อยากได้คำแนะนำจากพี่ ๆ ทุกคนครับขอบคุณครับ
มีราคาถูกสำหรับพวกผมมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มจะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI หรือเปล่าครับ ผมเชื่อว่ามีมือใหม่จำนวนไม่น้อย
ที่มีความรู้สึกอย่างผม ผมรู้จักเวปนี้ตั้งแต่ต้นปีและผมก็อ่านกระทู้หาหนังสือมาอ่านแต่มันก็ยังติดตรงที่ว่า ผมยังไม่สามารถ
หาราคาซื้อที่เหมาะสมได้
แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอ่านและหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นวิธีดู FCF DCF ดูงบการเงิน อะไรต่าง ๆ เป็นต้นที่จะสามารถคำนวนออกมาเป็นราคาหุ้นที่มี mos ได้ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อผมศึกษาและสามารถคำนวนราคาหรือมูลค่าของหุ้นออกมาได้ มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะว่าราคาไม่ไปเกินกว่าที่จะกลับมารับผมแล้ว เพราะว่ามีคนมองเห็นและสนใจมันก่อนหน้านั้นแล้วทำให้ราคามันไม่ถูกอีกต่อไป คนที่มองเห็นหุ้นที่ดีมีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานก็ไม่ใช่ใครอาจจะเป็นพี่ๆ เซียน VI ทั้งหลายที่สามารถหาหุ้นประเภทนี้เจอก่อนมือใหม่
แต่ผมก็จะไม่ท้อและจะพยายามศึกษาหาความรู้และประยุกต์ใช้กับตัวผมให้ได้ และผมต้องอยู่รอดในตลาดให้ได้เมื่อเลือกทางเดินนี้แล้ว
สุดท้ายนี้ในฐานะปลาไหลป้ายแดง เฮ้ยมะใช่ (มือใหม่ป้ายแดง) อยากได้คำแนะนำจากพี่ ๆ ทุกคนครับขอบคุณครับ
- densin
- Verified User
- โพสต์: 1073
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 2
เป็นVIเหมือนกัน แต่ความถนัดต่างกัน เวลาที่จะให้กับการลงทุนต่างกัน
หาหนทางลงทุนที่เราได้เปรียบ
เข้าใจธุรกิจมากกว่าคนอื่น มองอนาคตได้ยาวกว่าคนอื่น
หูตากว้างไกลว่าคนอื่น หาข้อมูลได้มากว่าคนอื่น
จิตใจมั่นคงกว่าคนอื่น บริหารความเสี่ยงได้มากกว่าคนอื่น
ก็ประสพความสำเร็จได้
สุดท้ายลงทุนเพื่อตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากนัก จะทำให้ทุกข์ใจ
หาหนทางลงทุนที่เราได้เปรียบ
เข้าใจธุรกิจมากกว่าคนอื่น มองอนาคตได้ยาวกว่าคนอื่น
หูตากว้างไกลว่าคนอื่น หาข้อมูลได้มากว่าคนอื่น
จิตใจมั่นคงกว่าคนอื่น บริหารความเสี่ยงได้มากกว่าคนอื่น
ก็ประสพความสำเร็จได้
สุดท้ายลงทุนเพื่อตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากนัก จะทำให้ทุกข์ใจ
VI สายมืด = VI หน้ามืดซื้อตัวฮอทๆอย่าไม่ลืมหูลืมตา
-
- Verified User
- โพสต์: 16
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 3
ผมเองก้อเป็นมือใหม่เหมือนกันครับ โดยผมจะพิจารณาเป็นหุ้นแต่ละตัวมากกว่าครับbabyboom เขียน:ผมพิมพ์กระทู้ขึ้นมาเนื่องจากเกิดความรู้สึกน้อยใจและรู้สึกว่าถ้าตอนนี้มี VI จำนวนมากอยู่ในตลาดหุ้นแล้วจะเหลือหุ้นที่
มีราคาถูกสำหรับพวกผมมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มจะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI หรือเปล่าครับ ผมเชื่อว่ามีมือใหม่จำนวนไม่น้อย
ที่มีความรู้สึกอย่างผม ผมรู้จักเวปนี้ตั้งแต่ต้นปีและผมก็อ่านกระทู้หาหนังสือมาอ่านแต่มันก็ยังติดตรงที่ว่า ผมยังไม่สามารถ
หาราคาซื้อที่เหมาะสมได้
แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอ่านและหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นวิธีดู FCF DCF ดูงบการเงิน อะไรต่าง ๆ เป็นต้นที่จะสามารถคำนวนออกมาเป็นราคาหุ้นที่มี mos ได้ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อผมศึกษาและสามารถคำนวนราคาหรือมูลค่าของหุ้นออกมาได้ มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะว่าราคาไม่ไปเกินกว่าที่จะกลับมารับผมแล้ว เพราะว่ามีคนมองเห็นและสนใจมันก่อนหน้านั้นแล้วทำให้ราคามันไม่ถูกอีกต่อไป คนที่มองเห็นหุ้นที่ดีมีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานก็ไม่ใช่ใครอาจจะเป็นพี่ๆ เซียน VI ทั้งหลายที่สามารถหาหุ้นประเภทนี้เจอก่อนมือใหม่
แต่ผมก็จะไม่ท้อและจะพยายามศึกษาหาความรู้และประยุกต์ใช้กับตัวผมให้ได้ และผมต้องอยู่รอดในตลาดให้ได้เมื่อเลือกทางเดินนี้แล้ว
สุดท้ายนี้ในฐานะปลาไหลป้ายแดง เฮ้ยมะใช่ (มือใหม่ป้ายแดง) อยากได้คำแนะนำจากพี่ ๆ ทุกคนครับขอบคุณครับ
1.ถ้าเป็นหุ้นบริษัทที่เติบโตค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว upside น้อยมากหรือไม่มีแล้ว ผมจะอดทนรอครับ รอให้ได้ราคาถูกมากๆ(MOSเยอะ)ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก้อตาม
2.ถ้าเป็นหุ้นบริษัทที่มี upside มองเห็นการเติบโตอย่างชัดเจน ผมจะยอมซื้อใน"ราคายุติธรรม"ครับ (MOSไม่เยอะ) เพราะผมถือว่า upside ได้ไปชดเชยความเสี่ยงแทน MOS ส่วนนึง และที่สำคัญบริษัทที่อยู่ในกลุ่มนี้อาจจะเป็นหุ้นที่ไม่มีวันราคาถูกก้อได้ครับ PE ไม่เคยต่ำกว่า10 แม้จะมีวิกฤตระดับsubprimeก้อตาม
3.ถ้าไม่คิดไรมาก กำเงินไว้รอเกิดวิกฤต แล้วค่อยทุ่มซื้อไปเลย ซึ่งกว่าจะถึงโอกาสแบบนั้นอีก พี่คงมีราคาในใจของหุ้นหลายๆตัวไว้อยู่แล้ว
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 4
ไม่หรอกครับ หุ้นมีตั้ง 400 กว่าบริษัท
เซียนหลายๆคนก็ไม่อาจมองหาได้ทั่วทุกบริษัทขนาดนั้น
ถึงแม้เซียนเจอก่อน,เราซื้อทีหลังเซียนมันก็ไม่เห็นเป็นไร(ถ้ามันยังถูกอยู่)
เป็นมือใหม่จะลำบากหน่อยครับ เพราะเรายังไม่มีคลังหุ้นในมือเลย
พอเริ่มได้ซักระยะ เราก็จะเริ่มรู้จัก 1 ตัว 2 ตัว 4 ตัว 8 ตัว 16 ตัว 32 ตัว ฯลฯ
และเมื่อเราตามหลายๆตัวเข้ามันก็จะเริ่มง่ายล่ะ ถ้าตัวไหนมีเหตุกาณ์เปลี่ยนแปลง เช่นราคาตกฮวบ,งบเกินคาด บลา บลา
เราก็จะกลับมาคำนวน MOS ได้โดยง่าย ไม่กี่นาทีก็เสร็จเพราะเรารู้ข้อมูลเบื้องต้นหมดแล้ว
ก็ประมาณนี้ครับ
เซียนหลายๆคนก็ไม่อาจมองหาได้ทั่วทุกบริษัทขนาดนั้น
ถึงแม้เซียนเจอก่อน,เราซื้อทีหลังเซียนมันก็ไม่เห็นเป็นไร(ถ้ามันยังถูกอยู่)
เป็นมือใหม่จะลำบากหน่อยครับ เพราะเรายังไม่มีคลังหุ้นในมือเลย
พอเริ่มได้ซักระยะ เราก็จะเริ่มรู้จัก 1 ตัว 2 ตัว 4 ตัว 8 ตัว 16 ตัว 32 ตัว ฯลฯ
และเมื่อเราตามหลายๆตัวเข้ามันก็จะเริ่มง่ายล่ะ ถ้าตัวไหนมีเหตุกาณ์เปลี่ยนแปลง เช่นราคาตกฮวบ,งบเกินคาด บลา บลา
เราก็จะกลับมาคำนวน MOS ได้โดยง่าย ไม่กี่นาทีก็เสร็จเพราะเรารู้ข้อมูลเบื้องต้นหมดแล้ว
ก็ประมาณนี้ครับ
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 5
+1 ครับdensin เขียน:เป็นVIเหมือนกัน แต่ความถนัดต่างกัน เวลาที่จะให้กับการลงทุนต่างกัน
หาหนทางลงทุนที่เราได้เปรียบ
เข้าใจธุรกิจมากกว่าคนอื่น มองอนาคตได้ยาวกว่าคนอื่น
หูตากว้างไกลว่าคนอื่น หาข้อมูลได้มากว่าคนอื่น
จิตใจมั่นคงกว่าคนอื่น บริหารความเสี่ยงได้มากกว่าคนอื่น
ก็ประสพความสำเร็จได้
สุดท้ายลงทุนเพื่อตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากนัก จะทำให้ทุกข์ใจ
แล้วก็ขอเสริมครับว่า สมมติถ้าหุ้นที่เราสนใจแล้วประเมินออกมาว่า ยังไม่ใช่เวลาซื้อ
ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนนะครับ เวลาที่จะลงทุนเราควรจะรอคอยได้
บางครั้งอาจจะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ ในที่สุดเราก็จะได้ราคาที่เราตั้งใจไว้ครับ
ผมก็ได้แบบนั้นบ่อยครับ รอเป็นปๆก้มีครับ
ผมว่าบางคนในเวบนี้ เคยรอจะซื้อหุ้นบางตัวนานกว่านี้ก็มีเยอะครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 7
VI อาจจะเต็มตลาดครับตอนนี้ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า VI แท้หรือ VI เทียมครับ หุ้นถูกมีเสมอในบางช่วงเวลาขึ้นอยู่กับ Timing ในการลงทุนของเราครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 8
ในตลาดหุ้น วิกฤติศก มาเป็นรอบๆเสมอ สำคัญที่ว่าเวลาภาพใหญ่มีวิกฤติ
1.กล้าซื้อไหม ส่วนใหญ่ไม่กล้าเพราะกลัวลงต่อ แต่ วีไอ คงไม่ใช่เพราะหากมีmosถึงจุดที่พอใจแล้วก็เข้าซื้อ
2. มีเงินรอจนถึงวันนั้นไหม สำคัญมาก ส่วนใหญ่หา mos ได้รู้ราคาที่จะซื้อแต่มักใจอ่อน ยอมซื้อแพง พอถึงคราวที่มีโอกาสในวิกฤติกลับไม่ค่อยมีเงินมากพอ ( ผมเองก็อยู่ในข้อนี้ด้วย แหะ แหะ )
หากรอที่จะซื้อนานพอ จะเข้าใจว่าพอซื้อได้แล้วอยากถือมันนานๆ เพราะกว่าจะได้ซื้อ...
ในตลาดปกติก็ยังมีบางตัวที่พอซื้อได้ครับ
เช่นปัจจุบัน มีอยู่ตัวนึงที่ผมเห็น เคยซื้อขายกันที่ พีอี 28-30 เท่า ปีนี้ผลประกอบการก็โตมาก แต่ตอนนี้กลับมีพีอีแต่ 13 เท่ากว่าๆ เพราะคนในตลาดมองไม่เห็น ไปมองพีอี ที่ set.or.th ทำสำเร็จไว้ให้
เท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า หุ้นที่ดีราคาถูก(เมื่อเทียบกับศักยภาพของ บ.) ยังมีอยู่ในตลาดปกติ ไม่ต้องรอวิกฤติ เพียงแต่จะมองเห็นมันหรือไม่ หรือมองเห็นแต่ยังไม่ได้ศึกษา กว่้าจะศึกษาเสร็จ ราคาก็ไปแล้ว ค่อยๆดูครับ หากไม้่ได้ mos มากพอ ถือเงินไว้ไม่ขาดทุนครับ
1.กล้าซื้อไหม ส่วนใหญ่ไม่กล้าเพราะกลัวลงต่อ แต่ วีไอ คงไม่ใช่เพราะหากมีmosถึงจุดที่พอใจแล้วก็เข้าซื้อ
2. มีเงินรอจนถึงวันนั้นไหม สำคัญมาก ส่วนใหญ่หา mos ได้รู้ราคาที่จะซื้อแต่มักใจอ่อน ยอมซื้อแพง พอถึงคราวที่มีโอกาสในวิกฤติกลับไม่ค่อยมีเงินมากพอ ( ผมเองก็อยู่ในข้อนี้ด้วย แหะ แหะ )
หากรอที่จะซื้อนานพอ จะเข้าใจว่าพอซื้อได้แล้วอยากถือมันนานๆ เพราะกว่าจะได้ซื้อ...
ในตลาดปกติก็ยังมีบางตัวที่พอซื้อได้ครับ
เช่นปัจจุบัน มีอยู่ตัวนึงที่ผมเห็น เคยซื้อขายกันที่ พีอี 28-30 เท่า ปีนี้ผลประกอบการก็โตมาก แต่ตอนนี้กลับมีพีอีแต่ 13 เท่ากว่าๆ เพราะคนในตลาดมองไม่เห็น ไปมองพีอี ที่ set.or.th ทำสำเร็จไว้ให้
เท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า หุ้นที่ดีราคาถูก(เมื่อเทียบกับศักยภาพของ บ.) ยังมีอยู่ในตลาดปกติ ไม่ต้องรอวิกฤติ เพียงแต่จะมองเห็นมันหรือไม่ หรือมองเห็นแต่ยังไม่ได้ศึกษา กว่้าจะศึกษาเสร็จ ราคาก็ไปแล้ว ค่อยๆดูครับ หากไม้่ได้ mos มากพอ ถือเงินไว้ไม่ขาดทุนครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 9
ความกังวลของนักลงทุนที่เริ่มต้นแนวทางการใช้หลัก Value Investment นั้น
ก็มีส่วนที่น่าห่วงจริงๆคับ ในโลกธุรกิจ เมื่อกำไรส่วนเพิ่มมาก ก็ย่อมมีผู้เล่นมาสนใจ
มากขึ้น และจากการแข่งขันนั่นเอง ทำให้กำไรส่วนเพิ่มก็จะลดลงตามที่เหมาะสมของมัน
ในตลาดหุ้นเอง นักลงทุนต่างก็มองหากำไรจากหุ้นกัน ไม่ว่าจะใช้เทคนิคการลงทุนแบบไหน
เมื่อยังมีกำไรส่วนเพิ่ม และเทคนิคที่ว่ากันว่าทำให้ได้กำไรนั้นได้ดี ก็จะมีคนใช้เทคนิคนั้นมากขึ้น
จนในที่สุด มือใหม่ที่เข้ามา ก็จะหากำไรได้น้อยลง ประมาณว่าใครมาก่อนได้ก่อน
แต่มันจริงอย่างนั้นเหรอ?? เคยมีการสำรวจผู้ที่ขับรถยนต์ว่าเค้าคิดว่าตัวเองขับรถยนต์ดีกว่า
คนอื่นหรือเปล่าตามท้องถนน ผลสำรวจออกมาว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าเค้าขับรถได้ดีกว่าผู้อื่น
ซึ่งในความเป็นจริง จะเป็นไปได้อย่างไรว่า คนส่วนใหญ่ขับรถได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ สรุปง่ายๆ
ทุกคนขับรถได้ดีกันหมด ถ้าทุกคนขับรถได้ดีกันหมดจะมีคนขับได้ดีกว่าคนอื่นเหรอ
หรือไม่ก็ทุกคนมองตัวเองว่าเก่งกว่าคนอื่น ซึ่งเกิดขึ้นจากความลำเอียง คิดว่าตัวเองดีกว่านั่นเอง
สำหรับในตลาดหุ้น นักลงทุนก็ต่างคิดว่าตัวเองได้ใช้ความรู้ความสามารถเทคนิค วิธีการต่างๆ
เพื่อทำกำไรในตลาด เพราะต่างเชื่อว่าตัวเองก็เก่งไม่แพ้คนอื่น และก็เก่งกว่าคนอื่น
ไม่งั้นจะเข้าตลาดมาเพื่ออะไร ถ้าไม่สามารถทำกำไรจากหุ้นได้ ผู้เล่นแต่ละคนก็มีความรู้สาระพัด
แต่เด๋วก่อน สำหรับการลงทุนแบบ Value Investment ที่มีประวัติยาวนานกว่า 70 ปี รวมถึงมี
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากแนวทางนี้มากมายในตลาดหุ้นอเมริกา และที่อื่นๆทั่วโลก
และปัจจุบันต่างก็ทำกำไรได้ตลอดมาเรื่อยๆ ข้อนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าวิธีการนี้
ดีกว่าวิธีการอื่นๆอย่างนั้นเหรอ จริงๆไม่ใช่ว่ามันดี หรือไม่ดีกว่าวิธีการอื่น แต่ Value Investment
เป็นวิธีการลงทุนที่เป็นการลงทุนแบบมีมุมมองร่วมทำธุรกิจนั้นเอง
ในตลาดหุ้นซึ่งเป็นตลาดรองเป็นที่สำหรับซื้อขายหุ้น ที่ได้ระดมทุนจากตลาดแรกมาแล้วเป็นตลาด
เพื่อการ exit ของนักลงทุนตลาดแรกทำให้มีสภาพคล่อง และกระจายความเสี่ยงของผู้ลงทุนจากตลาดแรก
ถึงจะเป็นเพียงการซื้อขายเปลี่ยนมือกัน แต่ถ้าเราซึ่งใช้วิธีการ Value Investment วิเคราะห์ธุรกิจทั้งด้าน
คุณภาพ และปริมาณ ประเมินมูลค่าในปัจจุบัน และอนาคต และซื้อในราคาที่มี Magin of Safety
การลงทุนของเราก็ไม่ต่างจากการลงทุนถือหุ้นของตลาดแรก เพื่อให้หุ้นบริษัทที่เราถือเติบโตต่อไป
ซึ่งทำให้เราได้กำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นบวกเงินปันผลที่เราจะได้รับตลอดระยะเวลาที่เราลงทุน
และการจะทำให้นักลงทุนแบบ VI หรือหลักการอื่นๆ ได้ซื้อหุ้นที่ราคามี MoS นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เรื่องนี้ก็เพราะกลไกต่างๆของตลาดนั่นเองที่ทำให้ตลาดแปรปรวน เด๋วขึ้น เด๋วลง ตามแต่สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวธุรกิจเอง ตัวเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า ภาพใหญ่ ภาพเล็ก รวมถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ
จากทั้งตัวบริษัท ตัวผู้เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งมุมมองของนักลงทุน ซึ่งต่างคนต่างก็ใช้ข้อมูลเหล่านั้นตัดสินใจ
ในการซื้อหรือขายหุ้น ถ้ามุมมองดีก็ไล่ซื้อหุ้นกัน ถ้ามุมมองไม่ดีก็แห่ขาย ในการอธิบายสภาพของตลาดหุ้น
ก็มีศาตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทฤษฏีประสิทธิภาพของตลาด ทฤษฏีข่าวสารไม่สมบูรณ์ ทฤษฏีการเงินพฤติกรรม
จิตวิทยา การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ฯลฯ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท่านครูปู่ทวด เบนจามิน แกรแฮม บิดาแห่ง Value Investment ก็ให้แนวคิดข้อสำคัญที่ทำให้
นักลงทุนผู้ชาญฉลาดเข้าใจตลาดซึ่งก็คือ Mr.Market นั่นเอง ด้วยความเข้าใจอันนี้ทำให้นักลงทุนที่ใช้ VI
เข้าใจตลาดมากขึ้น และมีเหตุผลในการเข้าซื้อหรือขายหุ้น คือใช้ Mr.Market ให้เป็นคนที่คอยบริการเรา
ไม่ใช่คอยห่วงพะวงถึงอารมณ์ของ Mr.Maket มากจนเกินไปจน ทำให้เราขาดสติและเหตุผลในการซื้อขายหุ้น
สำหรับมือใหม่ที่หันมาใช้เทคนิคการลงทุนแบบ VI เองที่คิดว่าเราจะสู้คนที่ใช้แนวทางนี้มาก่อนไม่ได้
ก็อยากฝากไว้หน่อยนึงว่า เราแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่ใช้หลักการ VI จะรู้จริงหรือเข้าใจหมดทุกคน
และการพยายามที่จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น และลงทุนได้ดีขึ้นสำคัญกว่า ที่จะเอาเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นคับ
รวมถึงโอกาสในตลาดก็จะมีมาเรื่อยๆแน่นอน และถึงแม้จะซื้อหุ้นราคาที่มี MoS เยอะๆไม่ได้ก็ไม่ได้หมาย
ความว่าเราไม่ประสบความสำเร็จ การลงทุนเป็นเป็นการวิ่งมาราธอนคับ ผลงานที่สม่ำเสมอ วินัย ความอดทน
ข้อมูล การวิเคราะห์ และประสบการณ์ ความรู้ในการลงทุน และสไตล์ในการลงทุน รวมถึง การควบคุมพฤติกรรม และอารมณ์
จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ขอให้มือใหม่ๆพยายามต่อไปคับ
ก็มีส่วนที่น่าห่วงจริงๆคับ ในโลกธุรกิจ เมื่อกำไรส่วนเพิ่มมาก ก็ย่อมมีผู้เล่นมาสนใจ
มากขึ้น และจากการแข่งขันนั่นเอง ทำให้กำไรส่วนเพิ่มก็จะลดลงตามที่เหมาะสมของมัน
ในตลาดหุ้นเอง นักลงทุนต่างก็มองหากำไรจากหุ้นกัน ไม่ว่าจะใช้เทคนิคการลงทุนแบบไหน
เมื่อยังมีกำไรส่วนเพิ่ม และเทคนิคที่ว่ากันว่าทำให้ได้กำไรนั้นได้ดี ก็จะมีคนใช้เทคนิคนั้นมากขึ้น
จนในที่สุด มือใหม่ที่เข้ามา ก็จะหากำไรได้น้อยลง ประมาณว่าใครมาก่อนได้ก่อน
แต่มันจริงอย่างนั้นเหรอ?? เคยมีการสำรวจผู้ที่ขับรถยนต์ว่าเค้าคิดว่าตัวเองขับรถยนต์ดีกว่า
คนอื่นหรือเปล่าตามท้องถนน ผลสำรวจออกมาว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าเค้าขับรถได้ดีกว่าผู้อื่น
ซึ่งในความเป็นจริง จะเป็นไปได้อย่างไรว่า คนส่วนใหญ่ขับรถได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ สรุปง่ายๆ
ทุกคนขับรถได้ดีกันหมด ถ้าทุกคนขับรถได้ดีกันหมดจะมีคนขับได้ดีกว่าคนอื่นเหรอ
หรือไม่ก็ทุกคนมองตัวเองว่าเก่งกว่าคนอื่น ซึ่งเกิดขึ้นจากความลำเอียง คิดว่าตัวเองดีกว่านั่นเอง
สำหรับในตลาดหุ้น นักลงทุนก็ต่างคิดว่าตัวเองได้ใช้ความรู้ความสามารถเทคนิค วิธีการต่างๆ
เพื่อทำกำไรในตลาด เพราะต่างเชื่อว่าตัวเองก็เก่งไม่แพ้คนอื่น และก็เก่งกว่าคนอื่น
ไม่งั้นจะเข้าตลาดมาเพื่ออะไร ถ้าไม่สามารถทำกำไรจากหุ้นได้ ผู้เล่นแต่ละคนก็มีความรู้สาระพัด
แต่เด๋วก่อน สำหรับการลงทุนแบบ Value Investment ที่มีประวัติยาวนานกว่า 70 ปี รวมถึงมี
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากแนวทางนี้มากมายในตลาดหุ้นอเมริกา และที่อื่นๆทั่วโลก
และปัจจุบันต่างก็ทำกำไรได้ตลอดมาเรื่อยๆ ข้อนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าวิธีการนี้
ดีกว่าวิธีการอื่นๆอย่างนั้นเหรอ จริงๆไม่ใช่ว่ามันดี หรือไม่ดีกว่าวิธีการอื่น แต่ Value Investment
เป็นวิธีการลงทุนที่เป็นการลงทุนแบบมีมุมมองร่วมทำธุรกิจนั้นเอง
ในตลาดหุ้นซึ่งเป็นตลาดรองเป็นที่สำหรับซื้อขายหุ้น ที่ได้ระดมทุนจากตลาดแรกมาแล้วเป็นตลาด
เพื่อการ exit ของนักลงทุนตลาดแรกทำให้มีสภาพคล่อง และกระจายความเสี่ยงของผู้ลงทุนจากตลาดแรก
ถึงจะเป็นเพียงการซื้อขายเปลี่ยนมือกัน แต่ถ้าเราซึ่งใช้วิธีการ Value Investment วิเคราะห์ธุรกิจทั้งด้าน
คุณภาพ และปริมาณ ประเมินมูลค่าในปัจจุบัน และอนาคต และซื้อในราคาที่มี Magin of Safety
การลงทุนของเราก็ไม่ต่างจากการลงทุนถือหุ้นของตลาดแรก เพื่อให้หุ้นบริษัทที่เราถือเติบโตต่อไป
ซึ่งทำให้เราได้กำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นบวกเงินปันผลที่เราจะได้รับตลอดระยะเวลาที่เราลงทุน
และการจะทำให้นักลงทุนแบบ VI หรือหลักการอื่นๆ ได้ซื้อหุ้นที่ราคามี MoS นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เรื่องนี้ก็เพราะกลไกต่างๆของตลาดนั่นเองที่ทำให้ตลาดแปรปรวน เด๋วขึ้น เด๋วลง ตามแต่สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวธุรกิจเอง ตัวเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า ภาพใหญ่ ภาพเล็ก รวมถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ
จากทั้งตัวบริษัท ตัวผู้เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งมุมมองของนักลงทุน ซึ่งต่างคนต่างก็ใช้ข้อมูลเหล่านั้นตัดสินใจ
ในการซื้อหรือขายหุ้น ถ้ามุมมองดีก็ไล่ซื้อหุ้นกัน ถ้ามุมมองไม่ดีก็แห่ขาย ในการอธิบายสภาพของตลาดหุ้น
ก็มีศาตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทฤษฏีประสิทธิภาพของตลาด ทฤษฏีข่าวสารไม่สมบูรณ์ ทฤษฏีการเงินพฤติกรรม
จิตวิทยา การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ฯลฯ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท่านครูปู่ทวด เบนจามิน แกรแฮม บิดาแห่ง Value Investment ก็ให้แนวคิดข้อสำคัญที่ทำให้
นักลงทุนผู้ชาญฉลาดเข้าใจตลาดซึ่งก็คือ Mr.Market นั่นเอง ด้วยความเข้าใจอันนี้ทำให้นักลงทุนที่ใช้ VI
เข้าใจตลาดมากขึ้น และมีเหตุผลในการเข้าซื้อหรือขายหุ้น คือใช้ Mr.Market ให้เป็นคนที่คอยบริการเรา
ไม่ใช่คอยห่วงพะวงถึงอารมณ์ของ Mr.Maket มากจนเกินไปจน ทำให้เราขาดสติและเหตุผลในการซื้อขายหุ้น
สำหรับมือใหม่ที่หันมาใช้เทคนิคการลงทุนแบบ VI เองที่คิดว่าเราจะสู้คนที่ใช้แนวทางนี้มาก่อนไม่ได้
ก็อยากฝากไว้หน่อยนึงว่า เราแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่ใช้หลักการ VI จะรู้จริงหรือเข้าใจหมดทุกคน
และการพยายามที่จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น และลงทุนได้ดีขึ้นสำคัญกว่า ที่จะเอาเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นคับ
รวมถึงโอกาสในตลาดก็จะมีมาเรื่อยๆแน่นอน และถึงแม้จะซื้อหุ้นราคาที่มี MoS เยอะๆไม่ได้ก็ไม่ได้หมาย
ความว่าเราไม่ประสบความสำเร็จ การลงทุนเป็นเป็นการวิ่งมาราธอนคับ ผลงานที่สม่ำเสมอ วินัย ความอดทน
ข้อมูล การวิเคราะห์ และประสบการณ์ ความรู้ในการลงทุน และสไตล์ในการลงทุน รวมถึง การควบคุมพฤติกรรม และอารมณ์
จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ขอให้มือใหม่ๆพยายามต่อไปคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 10
แบ่งประเภทหุ้น ตามพื้นฐาน(หุ้นดีกับไม่ดี) ตามราคาเมื่อเทียบกับพื้นฐาน(ราคาถูกกับแพง) ตามความสนใจของตลาด และชาวThaivi สนใจแค่ใหน ได้ดังนี้ครับ
1. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดสนใจ viสนใจ
2. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดสนใจ viไม่สนใจ <-จะมีไหมเนี้ย
3. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viสนใจ <-คุยกันเฉพาะ vi ตอนสั่งซื้อ mar ถามแล้วถามอีกว่าหุ้นอะไรฟ่ะ
4. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ <-เซียนต้องเล่นแบบนี้
5. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดสนใจ viสนใจ
6. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดสนใจ viไม่สนใจ
7. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viสนใจ
8. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ
9. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดสนใจ viสนใจ
10. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดสนใจ viไม่สนใจ
11. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viสนใจ
12. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ
13. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดสนใจ viสนใจ
14. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดสนใจ viไม่สนใจ
15. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viสนใจ
16. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ
ถ้าขยันหาข้อมูลเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองครับ แรกๆอาจตามๆเขาไปก่อน ไปๆมาๆเดี๋ยวก็เก่งเองล่ะ
1. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดสนใจ viสนใจ
2. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดสนใจ viไม่สนใจ <-จะมีไหมเนี้ย
3. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viสนใจ <-คุยกันเฉพาะ vi ตอนสั่งซื้อ mar ถามแล้วถามอีกว่าหุ้นอะไรฟ่ะ
4. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ <-เซียนต้องเล่นแบบนี้
5. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดสนใจ viสนใจ
6. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดสนใจ viไม่สนใจ
7. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viสนใจ
8. หุ้นดี ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ
9. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดสนใจ viสนใจ
10. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดสนใจ viไม่สนใจ
11. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viสนใจ
12. หุ้นเน่า ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ
13. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดสนใจ viสนใจ
14. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดสนใจ viไม่สนใจ
15. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viสนใจ
16. หุ้นเน่า ราคาแพง ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ
ถ้าขยันหาข้อมูลเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองครับ แรกๆอาจตามๆเขาไปก่อน ไปๆมาๆเดี๋ยวก็เก่งเองล่ะ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 12
ตลาดคงเงียบเหงา
แต่ผมมองว่า VI เสมือนดังไวส์ชั้นเลิศที่ต้องใช้เวลาในการบ่ม
และใช้กรรมวิธี ที่ต่างจากสุราทั่วไป
ทำให้สินค้าชนิดนี้ออกมาน้อย
VI ที่ยิ่งเก่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนไวส์ชั้นหนึ่ง ที่กลั่นมาจากวัตถุดิบชั้นดี
และต้องใช้เวลาที่นานในการบ่นเพื่อให้เกิดรสชาติที่ยอดเยี่ยม
การที่ VI จะเต็มตลาด จึงเป็นเรื่องยาก
เพราะคอสุรา ทั้งหลายคงทนไม่ไหว และหันไปดื่มเบียร์ หรือสุรากลั่น
ที่ผลิตได้ง่าย และรวดเร็วกว่า
ปล. การดื่มสุรา ทำให้สรรถภาพทางเพศลดลง
แต่ผมมองว่า VI เสมือนดังไวส์ชั้นเลิศที่ต้องใช้เวลาในการบ่ม
และใช้กรรมวิธี ที่ต่างจากสุราทั่วไป
ทำให้สินค้าชนิดนี้ออกมาน้อย
VI ที่ยิ่งเก่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนไวส์ชั้นหนึ่ง ที่กลั่นมาจากวัตถุดิบชั้นดี
และต้องใช้เวลาที่นานในการบ่นเพื่อให้เกิดรสชาติที่ยอดเยี่ยม
การที่ VI จะเต็มตลาด จึงเป็นเรื่องยาก
เพราะคอสุรา ทั้งหลายคงทนไม่ไหว และหันไปดื่มเบียร์ หรือสุรากลั่น
ที่ผลิตได้ง่าย และรวดเร็วกว่า
ปล. การดื่มสุรา ทำให้สรรถภาพทางเพศลดลง
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 13
+10 เลยครับleaderinshadow เขียน:ตลาดคงเงียบเหงา
แต่ผมมองว่า VI เสมือนดังไวส์ชั้นเลิศที่ต้องใช้เวลาในการบ่ม
และใช้กรรมวิธี ที่ต่างจากสุราทั่วไป
ทำให้สินค้าชนิดนี้ออกมาน้อย
VI ที่ยิ่งเก่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนไวส์ชั้นหนึ่ง ที่กลั่นมาจากวัตถุดิบชั้นดี
และต้องใช้เวลาที่นานในการบ่นเพื่อให้เกิดรสชาติที่ยอดเยี่ยม
การที่ VI จะเต็มตลาด จึงเป็นเรื่องยาก
เพราะคอสุรา ทั้งหลายคงทนไม่ไหว และหันไปดื่มเบียร์ หรือสุรากลั่น
ที่ผลิตได้ง่าย และรวดเร็วกว่า
ปล. การดื่มสุรา ทำให้สรรถภาพทางเพศลดลง
เป็น vi มันยากจริงๆ ผมเรียนรู้มานาน 4 ปีกว่าเข้าไปแล้ว ยังได้แค่ "เกือบๆ"
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 14
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 15
เหนื่อย ครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 17
ตอนนี้หาหุ้นยาก ไม่ใช่เพราะวีไอเต็มตลาดหรอกครับ
แต่เป็นเพราะดัชนีมันขยับมาสูงมากต่างหาก
สัดส่วนของวีไอตอนนี้กับตอนสองปีก่อนที่สามร้อยกว่าจุดก็คงจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน
ต่างกันตรงที่ขนาดของพอร์ทคงจะใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ณ วันนี้หาหุ้นยากจริงไหม
ผมว่ายากครับ หินจริงๆ
ตัวที่เจอก็หวังอัพไซต์ได้ไม่มาก
ขณะที่ดาวไซต์สูงกว่า ความเสี่ยงก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับสองปีก่อน
สถานการณ์อย่างนี้ควรทำอย่างไร
ก็หาหุ้นต่อไป ถ้าเจอและมี mos พอก็ซื้อ
ถ้าไม่เจอก็ไม่ซื้อ
ตัวที่มีอยู่ถ้ายังundervalue ก็ถือไป
ไม่ควรไปทำนอกเหนือจากนี้
ช่วงที่มือใหม่เข้าตลาดกันเยอะๆเป็นช่วงที่ต้องระวังครับ
ยิ่งถ้าใครๆก็ล้วนแต่พูดเรื่องหุ้นทั้งๆที่ไม่เคยสนใจเลย
ปีเตอร์ ลินช์แนะนำให้ขายเลยทีเดียว
แต่เป็นเพราะดัชนีมันขยับมาสูงมากต่างหาก
สัดส่วนของวีไอตอนนี้กับตอนสองปีก่อนที่สามร้อยกว่าจุดก็คงจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน
ต่างกันตรงที่ขนาดของพอร์ทคงจะใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ณ วันนี้หาหุ้นยากจริงไหม
ผมว่ายากครับ หินจริงๆ
ตัวที่เจอก็หวังอัพไซต์ได้ไม่มาก
ขณะที่ดาวไซต์สูงกว่า ความเสี่ยงก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับสองปีก่อน
สถานการณ์อย่างนี้ควรทำอย่างไร
ก็หาหุ้นต่อไป ถ้าเจอและมี mos พอก็ซื้อ
ถ้าไม่เจอก็ไม่ซื้อ
ตัวที่มีอยู่ถ้ายังundervalue ก็ถือไป
ไม่ควรไปทำนอกเหนือจากนี้
ช่วงที่มือใหม่เข้าตลาดกันเยอะๆเป็นช่วงที่ต้องระวังครับ
ยิ่งถ้าใครๆก็ล้วนแต่พูดเรื่องหุ้นทั้งๆที่ไม่เคยสนใจเลย
ปีเตอร์ ลินช์แนะนำให้ขายเลยทีเดียว
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 19
หุ้นบางตัวผมรอ 1-2 ปีถึงจะได้ซื้อ ตอนนี้ก็รอบางตัวมา 2 ปีเพื่อจะซื้อเพิ่ม และรอซื้อหุ้นบางตัวที่ยังไม่ลงแต่มั่นใจต้องลงมาให้ซื้ออีกรอบ
โอกาสมีมาตลอดเวลา
โอกาสมีมาตลอดเวลา
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 20
เห็นด้วยครับ หุ้นบางตัว VI สนใจกันเยอะ ก็อาจกลายเป็นไม่น่าสนใจได้ครับpat4310 เขียน:4. หุ้นดี ราคาถูก ตลาดไม่สนใจ viไม่สนใจ <-เซียนต้องเล่นแบบนี้
ถ้าขยันหาข้อมูลเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองครับ แรกๆอาจตามๆเขาไปก่อน ไปๆมาๆเดี๋ยวก็เก่งเองล่ะ
ขยันหาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 22
อดทนครับ
1. สะสมเงินไปเรื่อยๆ ครับ
2. ค่อยๆ ศึกษา ครับ หาหุ้นที่ Growth ชดเชย ถ้าตอนนี้มาสูงแล้ว
3. ศึกษาไปเรื่อย ไม่ต้องใส่ใจ SET มากมายครับ เผลอแป๊ปเดียว หุ้นร่วงหนักๆ วิ่งมาหาเราเองครับ ก็หาจังหวะ ช้อนเก็บ ไปครับ
4. เงินสดขนาดก้อนใหญ่ๆ ซื้อบริษัทดีๆ ยาม MR.Market แผลงฤทธิ์ หุ้นโดนถล่มขาย มันจะช่วยเราได้เยอะครับ (อดทนมากๆ ครับ)
1. สะสมเงินไปเรื่อยๆ ครับ
2. ค่อยๆ ศึกษา ครับ หาหุ้นที่ Growth ชดเชย ถ้าตอนนี้มาสูงแล้ว
3. ศึกษาไปเรื่อย ไม่ต้องใส่ใจ SET มากมายครับ เผลอแป๊ปเดียว หุ้นร่วงหนักๆ วิ่งมาหาเราเองครับ ก็หาจังหวะ ช้อนเก็บ ไปครับ
4. เงินสดขนาดก้อนใหญ่ๆ ซื้อบริษัทดีๆ ยาม MR.Market แผลงฤทธิ์ หุ้นโดนถล่มขาย มันจะช่วยเราได้เยอะครับ (อดทนมากๆ ครับ)
- Suysak
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 23
แสดงว่ากลัวจะหาหุ้นถูกไม่ได้ ชิมิล่า
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ วิกฤต มันมีมาเสมอ แหละ
อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็รู้ เวลาหุ้นลงหนักๆ มันมีจริง
รอได้ไหมละ ตอนนั้นแหละบททดสอบ vi ตัวจริง
ใจเย็นๆ สั่งสมประสบการณ์ ลงทุนไปน้อยๆก่อน
สำคัญถ้าอยากเก่งอย่าเพิ่งออกจากตลาด
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ วิกฤต มันมีมาเสมอ แหละ
อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็รู้ เวลาหุ้นลงหนักๆ มันมีจริง
รอได้ไหมละ ตอนนั้นแหละบททดสอบ vi ตัวจริง
ใจเย็นๆ สั่งสมประสบการณ์ ลงทุนไปน้อยๆก่อน
สำคัญถ้าอยากเก่งอย่าเพิ่งออกจากตลาด
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 24
หุ้นมันแพงแล้วแพงเลยที่ไหนเล่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 25
ที่พี่หมอพูดมา นี่เป็น keyword ที่สำคัญเลยนะครับสามัญชน เขียน: ณ วันนี้หาหุ้นยากจริงไหม
ผมว่ายากครับ หินจริงๆ
ตัวที่เจอก็หวังอัพไซต์ได้ไม่มาก
ขณะที่ดาวไซต์สูงกว่า ความเสี่ยงก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับสองปีก่อน
สถานการณ์อย่างนี้ควรทำอย่างไร
ก็หาหุ้นต่อไป ถ้าเจอและมี mos พอก็ซื้อ
ถ้าไม่เจอก็ไม่ซื้อ
ตัวที่มีอยู่ถ้ายังundervalue ก็ถือไป
ไม่ควรไปทำนอกเหนือจากนี้
ผมเชื่อแบบเดียวกับพี่หมอ
อย่าคิดว่า VI เต็มตลาดครับ
หมู่นี้ผมว่านักเก็งกำไรที่เข้าใจว่าตัวเองเป็น VI มีเยอะมากๆครับหรือเข้าใจผิดว่าเมื่อไปซื้อหุ้นที่ VI เคยซื้อไว้ในอดีต แล้วตัวจะเป็น VI ไปด้วย (หารู้ไม่ว่า เขาซื้อตอนมันยัง undervalue และเขาได้ขายไปนานแล้ว)
ผมว่า จขกท. เริ่มประเมิน fair value ได้ดีแล้วครับ ถึงบอกได้ว่า หาตอนนี้หุ้นถูกที่มี MoS ได้ยาก
"Many shall be restored that are now fallen and many shall fall that are now in honor."
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 26
เป็น vi มือใหม่ จริงๆ ละครับงานนี้
ถ้าคุณถามแบบนี้
สงสัยต้อง
อ่านอีกหลายเล่ม
อ่านอีกหลายกระทู้
อ่านอีกหลายบทความ
ดูอีกหลายคลิป
คุยอีกหลายคน
ฟังอีกหลายนาที
สุดท้าย สุด
อยู่เฉยๆ อีกหลายปี
ถ้าคุณถามแบบนี้
สงสัยต้อง
อ่านอีกหลายเล่ม
อ่านอีกหลายกระทู้
อ่านอีกหลายบทความ
ดูอีกหลายคลิป
คุยอีกหลายคน
ฟังอีกหลายนาที
สุดท้าย สุด
อยู่เฉยๆ อีกหลายปี
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
- warrant_buffer
- Verified User
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 27
+1leaderinshadow เขียน:ตลาดคงเงียบเหงา
แต่ผมมองว่า VI เสมือนดังไวส์ชั้นเลิศที่ต้องใช้เวลาในการบ่ม
และใช้กรรมวิธี ที่ต่างจากสุราทั่วไป
ทำให้สินค้าชนิดนี้ออกมาน้อย
VI ที่ยิ่งเก่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนไวส์ชั้นหนึ่ง ที่กลั่นมาจากวัตถุดิบชั้นดี
และต้องใช้เวลาที่นานในการบ่นเพื่อให้เกิดรสชาติที่ยอดเยี่ยม
การที่ VI จะเต็มตลาด จึงเป็นเรื่องยาก
เพราะคอสุรา ทั้งหลายคงทนไม่ไหว และหันไปดื่มเบียร์ หรือสุรากลั่น
ที่ผลิตได้ง่าย และรวดเร็วกว่า
ปล. การดื่มสุรา ทำให้สรรถภาพทางเพศลดลง
เห็นด้วยครับ ไวน์ยิ่งบ่มนาน ยิ่งรสชาติยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ vi
กว่าที่จะตกผลึกทางความคิดได้จริงๆ ต้องใช้เวลาครับ ซึ่งมันอาจจะนาน เกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะรอได้
ทั้งนี้ต้องมีการศึกษาอย่างมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะไม่สนุกกับตรงนี้ หรืออาจจะไม่สนใจที่จะศึกษาเพิ่มสักเท่าไหร่
อีกทั้งต้องมีความอดทน ซึ่งนักลงทุนหน้าใหม่ๆที่เข้ามาจะมีสักกี่คนที่กล้าถือหุ้นเกิน1เดือนหรือ1ปี
ผลตอบแทนระยะสั้นมันมองไม่เห็น คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นเพราะหวังว่าจะรวยเร็ว ด่วนได้
จากด้านบน โดยส่วนตัวผมคิดว่า vi ไม่มีทางที่จะเต็มตลาดได้ครับ
Good investing habits lead to Great return opportunities
-
- Verified User
- โพสต์: 423
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 28
มีเรื่องสงสัย 2 ประการครับ
1. mos ของแต่ละท่านไม่เท่ากัน บางคนมองที่upside ต้องมีถึง30%-50% บางคนมองหาintrinsic valueก่อนแล้วค่อยคิดส่วนลดเป็นmos ทำให้mosแต่ละคนไม่เท่ากัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าเท่าไหร่เป็นค่าที่สมควร ถ้าคนนึงบอกว่ายังมีหุ้นที่หาเจอ เพราะตั้งmosไว้น้อย แต่อีกท่านบอกว่าหาหุ้นไม่เจอเลย เพราะตั้งmosไว้สูง แบบนี้ vi เหมือนกัน ยังคิดไม่เหมือนกัน แล้วค่าของmosที่เหมาะสม มันต้องเป็นเท่าไหร่กันแน่ละครับ (ทุกวันนี้ ก็ได้แต่ใช้วิธีที่ตัวเองคิดว่ามันน่าเหมาะกับตัวเองที่สุดต่อไป โดยก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้อยู่ดี ว่าตรงไหนคือจุดที่เหมาะสมที่สุด)
2. เรื่องเงินสด บางครั้งการถือเงินสดเยอะๆ มันก็ทำใจได้ยากจังเลยครับ แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก เพราะว่ายังไม่รู้จักการลงทุนแนวนี้ แต่พอรู้เรื่องการลงทุนมากขึ้น ก็รู้เลยว่าการถือเงินสดไว้ มีแต่จะด้อยค่าลงเรื่อยๆเพราะเงินเฟ้อ พอคิดได้แบบนี้ บางทีมันก็อยากจะเสี่ยงที่จะลงทุนในหุ้นที่คาดได้ว่าระยะยาวกิจการน่าจะเติบโตได้ มีปันผลซัก 3-5%ต่อปี ถึงแม้mosจะมีน้อยกว่าที่เคยตั้งไว้ แต่การถือเงินสดไว้เฉยๆแทบจะเห็นได้ชัดๆว่านับวันมูลค่ามันน้อยลงๆทุกที
เจอ 2 เรื่องนี้เข้าไป บางทีจิตใจที่คิดว่านิ่ง มันก็ไม่ค่อยจะนิ่งซะแล้วครับ
1. mos ของแต่ละท่านไม่เท่ากัน บางคนมองที่upside ต้องมีถึง30%-50% บางคนมองหาintrinsic valueก่อนแล้วค่อยคิดส่วนลดเป็นmos ทำให้mosแต่ละคนไม่เท่ากัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าเท่าไหร่เป็นค่าที่สมควร ถ้าคนนึงบอกว่ายังมีหุ้นที่หาเจอ เพราะตั้งmosไว้น้อย แต่อีกท่านบอกว่าหาหุ้นไม่เจอเลย เพราะตั้งmosไว้สูง แบบนี้ vi เหมือนกัน ยังคิดไม่เหมือนกัน แล้วค่าของmosที่เหมาะสม มันต้องเป็นเท่าไหร่กันแน่ละครับ (ทุกวันนี้ ก็ได้แต่ใช้วิธีที่ตัวเองคิดว่ามันน่าเหมาะกับตัวเองที่สุดต่อไป โดยก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้อยู่ดี ว่าตรงไหนคือจุดที่เหมาะสมที่สุด)
2. เรื่องเงินสด บางครั้งการถือเงินสดเยอะๆ มันก็ทำใจได้ยากจังเลยครับ แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก เพราะว่ายังไม่รู้จักการลงทุนแนวนี้ แต่พอรู้เรื่องการลงทุนมากขึ้น ก็รู้เลยว่าการถือเงินสดไว้ มีแต่จะด้อยค่าลงเรื่อยๆเพราะเงินเฟ้อ พอคิดได้แบบนี้ บางทีมันก็อยากจะเสี่ยงที่จะลงทุนในหุ้นที่คาดได้ว่าระยะยาวกิจการน่าจะเติบโตได้ มีปันผลซัก 3-5%ต่อปี ถึงแม้mosจะมีน้อยกว่าที่เคยตั้งไว้ แต่การถือเงินสดไว้เฉยๆแทบจะเห็นได้ชัดๆว่านับวันมูลค่ามันน้อยลงๆทุกที
เจอ 2 เรื่องนี้เข้าไป บางทีจิตใจที่คิดว่านิ่ง มันก็ไม่ค่อยจะนิ่งซะแล้วครับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางสายนี้คือ จิตใจที่มั่นคงและแน่วแน่.....ส่วนความรู้เป็นสิ่งที่สามารถไขว่คว้าเพื่อตามให้ทันผู้อื่นได้ สู้ต่อไป...