มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 2
มน มันอ่านหนังสือเก่าสุดๆเลย สงสัยจะเป็นฉบับย่อ ไม่รู้ใช่ของกรุณา กุศลาสัย แปล ใช่มั้ยครับ เพราะวรรณคดีของอินเดียท่านเป็นผู้แปลเกือบทั้งหมด ผมเคยอ่านแล้วแต่นานมากจำไม่ค่อยได้ ตอนนี้กำลังอ่านชอลิ้วเฮียง ตอน ศึกวังค้างคาวอยู่ ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้วเพราะอ่านซ้ำๆๆๆตั้งแต่สมัยออกเป็นเล่มเล็กๆเล่มละ3.50บาท แปลโดยว.ณ. เมืองลุง จนหลังๆมารวมเล่ม แปลใหม่โดยน.นพรัตน์ อ่านประเทืองอารมณ์รอจังหวะลงทุน
-
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 9
ผมอ่านฉบับย่อครับ ปกแดงๆ ไม่รู้เล่มเดียวกันหรือเปล่า ชอบชื่อหลายๆคนมาก ภีษมะ (ใช่หรือเปล่าเนี่ย)
อย่าลืมฟังเพลง ของคาราบาวด้วยนะครับ ภควัตคีตา แปลว่า บทเพลงแห่งองภควัน
เขาร้องว่า
"โอ้อรชุน ไยไม่ยิงศร ดูเจ้าอาวรณ์
จิตเจ้าโลเล ใจเจ้าอ่อนล้า ตาเจ้ามืดมัว"
อย่าลืมฟังเพลง ของคาราบาวด้วยนะครับ ภควัตคีตา แปลว่า บทเพลงแห่งองภควัน
เขาร้องว่า
"โอ้อรชุน ไยไม่ยิงศร ดูเจ้าอาวรณ์
จิตเจ้าโลเล ใจเจ้าอ่อนล้า ตาเจ้ามืดมัว"
-
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 10
ถ้าจะเอาแบบโบราณอีกเล่ม ก็พวกมหากาพ์ของโฮเมอร์ กับโอดิสซี่นะครับ คราวนี้ครบชุดตะวันออก ตะวันตกเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 11
ผมมันคอหนังสือเหมือนกัน ขอแจมด้วยครับ
มหากาพย์ของโฮมเมอร์มี2ภาคครับคือภาคแรกสงครามเมืองทรอยที่เหล่าวีรบุรุษยกทัพมาแย่งผู้หญิงหรือที่เราเคยดูหนังกันคือม้าไม้เมืองทรอย ส่วนภาค2คือโอเดสซี่ที่จับเอาตอนที่สงครามสงบและยูลิซิสซึ่งร่วมรบด้วยกลับบ้านแต่โดนเทพเจ้าโพไซดอนกลั่นแกล้ง ซึ่งอ่านยากครับคล้ายๆสำนวนลิเก สู้ดูหนังไม่ได้มีcd ของapsขาย3แผ่นจบแค่90+บาท คลายเครียดหลังโดนหุ้นถล่มได้ดีมากครับ
มหากาพย์ของโฮมเมอร์มี2ภาคครับคือภาคแรกสงครามเมืองทรอยที่เหล่าวีรบุรุษยกทัพมาแย่งผู้หญิงหรือที่เราเคยดูหนังกันคือม้าไม้เมืองทรอย ส่วนภาค2คือโอเดสซี่ที่จับเอาตอนที่สงครามสงบและยูลิซิสซึ่งร่วมรบด้วยกลับบ้านแต่โดนเทพเจ้าโพไซดอนกลั่นแกล้ง ซึ่งอ่านยากครับคล้ายๆสำนวนลิเก สู้ดูหนังไม่ได้มีcd ของapsขาย3แผ่นจบแค่90+บาท คลายเครียดหลังโดนหุ้นถล่มได้ดีมากครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 12
ใครพอทราบไหมครับว่า หนังเรื่อง crash of the titan กับ เจสันกับขนแกะทองคำ เนี่ย เขาตัดมาจากมหากาพย์ของโฮเมอร์ หรือเปล่า หรือมาแต่งเองทีหลัง
ผมชอบหนังพวกนี้มาก
ผมชอบหนังพวกนี้มาก
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 14
ทั้ง2เรื่องเป็นตำนานเก่าแก่ของกรีกครับ ไม่ได้แต่งเอง แต่ไม่ใช่ของโฮเมอ หนังทั้ง2เรื่องมีคนทำเป็นแผ่นcdแล้วครับ เรื่องcrash of the titan เป็นของcvd ส่วนjason and the argonaud มี2version ครับรุ่นแรกผมดูเมื่ออายุไม่ถึง10ขวบapsเอามาทำใหม่ภาพชัดเจนดีพอควรครับ ส่วนversionใหม่เป็นของst video แต่classicสู้รุ่นแรกไม่ได้ คุณปีเตอร์ ชางลองหาดูแถวๆของlion recordตามห้างสรรพสินค้า ไม่แพงครับไม่ถึง90บาท/เรื่อง ยกเว้นของcvd เก่ายังไงก็140/เรื่อง (มิน่า ปีนี้cvdถึงกำไรเยอะ)
-
- Verified User
- โพสต์: 107
- ผู้ติดตาม: 0
มหาภรตยุทธ์(ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 18
จากมหาภารตะ สู่มหาตมะคานธี
แหะๆ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ก็ไม่เคยอ่านมหาภารตะนี่นา แต่เพิ่งดูหนังคานธีอีกรอบเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ประทับใจมากว่าครั้งที่เคยดูตอนเด็กๆมาก
จนถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมก็ยังคิดผิดๆว่าคานธีอดอาหารเพื่อประท้วงในการเรียกร้องทางการเมือง ...ไม่ได้ใกล้เคียงเลยครับ
เอาเป็นว่าอ่านเล่นเวลารอช้อนหุ้นแล้วกันนะครับ
คานธีเริ่มมีชื่อเสียงด้วยปลุกระดมชาวอินเดียให้ประท้วงขอสิทธิให้ชาวอินเดียในอัฟริกามีสิทธิเหมือนกับชาวอังกฤษ ด้วยการยอมรับและไม่ตอบโต้ด้วยกำลัง...อหิงสา
เมื่อได้รับความสำเร็จ คานธีจึงเดินทางกลับประเทศอินเดีย พรรคคองเกรสต้องการให้คานธีช่วยนำอินเดียสู่เอกราชจากอังกฤษซึ่งปกครองอินเดียในขณะนั้น
คานธีรู้ตัวว่าไม่คุ้นเคยกับบ้านของตนเอง จึงได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างชาวอินเดียทั่วไปและเดินทางในอินเดียวระยะหนึ่ง
พรรคคองเกรสกลับมาหาคานธีอีกครั้งเพื่อปลุกระดมการเรียกร้อง คานธีกล่าวว่า
"I try to live like an indian, as you see.It is stupid of course.Because in our country it is the Brithish who decide how an indian lives what he may buy, what he may sell. And from their luxury in the midst of our terrible proverty they instruct us on what is justuce, what is sedition. So it's only natural that our best young minds assume an air of Eastern dignity while greedily assimilating every Western weakness as quickly as they can acquire it.
ผมพยายามอยู่อย่างคนอินเดียอย่างที่เห็น แน่นอนมันเป็นความคิดที่โง่ เพราะในประเทศของเราคนอังกฤษเป็นคนตัดสินใจในความเป็นอยู่ของคนอินเดีย สิ่งที่เขาจะซื้อ สิ่งที่เขาจะขาย ความสุขสบายของชาวอังกฤษในท่ามกลางความยากไร้แสนเข็ญของเรา พวกเขาสอนเราว่าอะไรคือความายุติธรรม อะไรคือการกบฎ มันจึงเป็นธรรมดาที่คนหนุ่มหัวดีของเรา ที่รู้จักศักดิ์ศรีของตะวันออกแต่กลับรีบรับเอาจุดอ่อนของตะวันตกอย่างกระตือรือร้น"
หลังจากนั้นคานธีร่วมกับพรรคคองเกรส ปลุกระดมชาวอินเดียให้หยุดงานประท้วงและเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ
คานธีสามารถรวมฮินดูและอิสรามเป็นหนึ่ง อินเดียต่อต้านอังกฤษ แต่...
ชาวอินเดียยังไม่พร้อมสำหรับ อหิสา
การกระทบกระทั่งเกิดขึ้น เกิดการสังหารหมู่ของชาวอินเดียที่ประชุมโดยทหารอังกฤษ ชาวอังกฤษก็ถูกสังหารเช่นกัน
เมื่อเหตุการณ์เกินกว่าที่จะควบคุม คานธีจึงเรียกร้องให้ชาวอินเดียหยุดประท้วงโดยการอดอาหาร
การเรียกร้องได้ผล ชาวอินเดียหยุดประท้วง อินเดียไม่ได้รับเอกราช และคานธีถูกจับขังคุก
ในคุก นักข่าวสาวจากนิตยสาร Life ได้เข้าสำภาษณ์คานธี คานธีซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ปั่นฝ้ายได้สอนให้นักข่าวสาวปั่นฝ้าย
ด้ายขาดไปหลายเส้นแล้ว นักข่าวสาวจึงถามคานธี
นักข่าว Life - "ฉันไม่รู้เลยว่านี่จะแก้ปัญหาของยุคที่20(การปั่นด้าย) ได้อย่างไร
It's very hard for me to see this as a solution to the 20th century's problems"
คานธี - "มีเพื่อนๆคอยบอกผมว่า พวกเขาต้องเสียไปแค่ไหนที่จะทำให้ผมอยู่แบบจนอย่างนี้ แต่ผมรู้ว่าความสุขไม่ได้มากับวัตถุ แม้จะเป็นวัตถุในยุคที่ 20 ...มันมาจากงานและความภูมิใจในสิ่งที่คุณทำ อินเดียมีหมู่ที่เต็มไปด้วยความยากจนซึ่งสามารถช่วยได้ถ้างานท้องถิ่นได้รับการฟื้นฟู ความยากจนเป็นความรุนแรงรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด และการพัฒนาที่ยั่งยืนก็คือการแก้ปัญหาอย่างอหิงสาของอินเดีย อินเดียอาจจะไม่พัฒนาถ้ามีการนำเข้าความทุกข์จากตะวันตก
I have friends who keep telling me how much it costs them to keep me in poverty. But I know happimess does not come with things even 20th century things.It can come from work and pride in what you do. India lives in her villages and the terrible poverty there can only be removed if their local skills can be revived. Poverty is the worst form of violence. And a constructive program is the only nonvilolent solution to India's agony. It will not neccessary be progress for India if she simply import the unhappiness of the West."
หลายปีผ่านไป คานธี รอเวลาที่อินเดียพร้อม พร้อมกับอหิงสา คานธีจึงต่อต้านอังกฤษอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีการใช้กำลังจากชาวอินเดีย อังกฤษแพ้แล้ว...แก่อหิงสา ชาวอินเดียได้รับเอกราชในเวลาต่อมาไม่นาน
อินเดียปกครองได้ตัวเอง ศัตรูภายนอกแพ้แล้ว แต่มุสลิมและอิสลามเริ่มต่อสู้กันเอง ไม่มีใครยอมใคร อหิงสาไม่ยืนยาวในความขัดแย้ง สงครามกลางเมืองเกิดทั่วทุกแห่ง
คานธีอดอาหารเป็นครั้งที่สองเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนเลิกต่อสู้กัน ครั้งนี้คานธีก็แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่การต่อสู้ก็ได้สิ้นสุดลง
คานธีถูกยิงเสียชีวิตก่อนที่จะสามารถทำให้อินเดียเป็นประเทศเอกราชที่ไร้ความขัดแย้งภายใน ...
ความยิ่งใหญ่ของคานธี ซึ่งไร้ตำแหน่ง ไร้อำนาจ ไร้ทรัพย์สิน อยู่ที่ใด
อืม...เปลี่ยน TVI มาเป็นชุมนุมวรรณกรรม กันดีกว่า :lol:
แหะๆ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ก็ไม่เคยอ่านมหาภารตะนี่นา แต่เพิ่งดูหนังคานธีอีกรอบเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ประทับใจมากว่าครั้งที่เคยดูตอนเด็กๆมาก
จนถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมก็ยังคิดผิดๆว่าคานธีอดอาหารเพื่อประท้วงในการเรียกร้องทางการเมือง ...ไม่ได้ใกล้เคียงเลยครับ
เอาเป็นว่าอ่านเล่นเวลารอช้อนหุ้นแล้วกันนะครับ
คานธีเริ่มมีชื่อเสียงด้วยปลุกระดมชาวอินเดียให้ประท้วงขอสิทธิให้ชาวอินเดียในอัฟริกามีสิทธิเหมือนกับชาวอังกฤษ ด้วยการยอมรับและไม่ตอบโต้ด้วยกำลัง...อหิงสา
เมื่อได้รับความสำเร็จ คานธีจึงเดินทางกลับประเทศอินเดีย พรรคคองเกรสต้องการให้คานธีช่วยนำอินเดียสู่เอกราชจากอังกฤษซึ่งปกครองอินเดียในขณะนั้น
คานธีรู้ตัวว่าไม่คุ้นเคยกับบ้านของตนเอง จึงได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างชาวอินเดียทั่วไปและเดินทางในอินเดียวระยะหนึ่ง
พรรคคองเกรสกลับมาหาคานธีอีกครั้งเพื่อปลุกระดมการเรียกร้อง คานธีกล่าวว่า
"I try to live like an indian, as you see.It is stupid of course.Because in our country it is the Brithish who decide how an indian lives what he may buy, what he may sell. And from their luxury in the midst of our terrible proverty they instruct us on what is justuce, what is sedition. So it's only natural that our best young minds assume an air of Eastern dignity while greedily assimilating every Western weakness as quickly as they can acquire it.
ผมพยายามอยู่อย่างคนอินเดียอย่างที่เห็น แน่นอนมันเป็นความคิดที่โง่ เพราะในประเทศของเราคนอังกฤษเป็นคนตัดสินใจในความเป็นอยู่ของคนอินเดีย สิ่งที่เขาจะซื้อ สิ่งที่เขาจะขาย ความสุขสบายของชาวอังกฤษในท่ามกลางความยากไร้แสนเข็ญของเรา พวกเขาสอนเราว่าอะไรคือความายุติธรรม อะไรคือการกบฎ มันจึงเป็นธรรมดาที่คนหนุ่มหัวดีของเรา ที่รู้จักศักดิ์ศรีของตะวันออกแต่กลับรีบรับเอาจุดอ่อนของตะวันตกอย่างกระตือรือร้น"
หลังจากนั้นคานธีร่วมกับพรรคคองเกรส ปลุกระดมชาวอินเดียให้หยุดงานประท้วงและเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ
คานธีสามารถรวมฮินดูและอิสรามเป็นหนึ่ง อินเดียต่อต้านอังกฤษ แต่...
ชาวอินเดียยังไม่พร้อมสำหรับ อหิสา
การกระทบกระทั่งเกิดขึ้น เกิดการสังหารหมู่ของชาวอินเดียที่ประชุมโดยทหารอังกฤษ ชาวอังกฤษก็ถูกสังหารเช่นกัน
เมื่อเหตุการณ์เกินกว่าที่จะควบคุม คานธีจึงเรียกร้องให้ชาวอินเดียหยุดประท้วงโดยการอดอาหาร
การเรียกร้องได้ผล ชาวอินเดียหยุดประท้วง อินเดียไม่ได้รับเอกราช และคานธีถูกจับขังคุก
ในคุก นักข่าวสาวจากนิตยสาร Life ได้เข้าสำภาษณ์คานธี คานธีซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ปั่นฝ้ายได้สอนให้นักข่าวสาวปั่นฝ้าย
ด้ายขาดไปหลายเส้นแล้ว นักข่าวสาวจึงถามคานธี
นักข่าว Life - "ฉันไม่รู้เลยว่านี่จะแก้ปัญหาของยุคที่20(การปั่นด้าย) ได้อย่างไร
It's very hard for me to see this as a solution to the 20th century's problems"
คานธี - "มีเพื่อนๆคอยบอกผมว่า พวกเขาต้องเสียไปแค่ไหนที่จะทำให้ผมอยู่แบบจนอย่างนี้ แต่ผมรู้ว่าความสุขไม่ได้มากับวัตถุ แม้จะเป็นวัตถุในยุคที่ 20 ...มันมาจากงานและความภูมิใจในสิ่งที่คุณทำ อินเดียมีหมู่ที่เต็มไปด้วยความยากจนซึ่งสามารถช่วยได้ถ้างานท้องถิ่นได้รับการฟื้นฟู ความยากจนเป็นความรุนแรงรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด และการพัฒนาที่ยั่งยืนก็คือการแก้ปัญหาอย่างอหิงสาของอินเดีย อินเดียอาจจะไม่พัฒนาถ้ามีการนำเข้าความทุกข์จากตะวันตก
I have friends who keep telling me how much it costs them to keep me in poverty. But I know happimess does not come with things even 20th century things.It can come from work and pride in what you do. India lives in her villages and the terrible poverty there can only be removed if their local skills can be revived. Poverty is the worst form of violence. And a constructive program is the only nonvilolent solution to India's agony. It will not neccessary be progress for India if she simply import the unhappiness of the West."
หลายปีผ่านไป คานธี รอเวลาที่อินเดียพร้อม พร้อมกับอหิงสา คานธีจึงต่อต้านอังกฤษอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีการใช้กำลังจากชาวอินเดีย อังกฤษแพ้แล้ว...แก่อหิงสา ชาวอินเดียได้รับเอกราชในเวลาต่อมาไม่นาน
อินเดียปกครองได้ตัวเอง ศัตรูภายนอกแพ้แล้ว แต่มุสลิมและอิสลามเริ่มต่อสู้กันเอง ไม่มีใครยอมใคร อหิงสาไม่ยืนยาวในความขัดแย้ง สงครามกลางเมืองเกิดทั่วทุกแห่ง
คานธีอดอาหารเป็นครั้งที่สองเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนเลิกต่อสู้กัน ครั้งนี้คานธีก็แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่การต่อสู้ก็ได้สิ้นสุดลง
คานธีถูกยิงเสียชีวิตก่อนที่จะสามารถทำให้อินเดียเป็นประเทศเอกราชที่ไร้ความขัดแย้งภายใน ...
ความยิ่งใหญ่ของคานธี ซึ่งไร้ตำแหน่ง ไร้อำนาจ ไร้ทรัพย์สิน อยู่ที่ใด
อืม...เปลี่ยน TVI มาเป็นชุมนุมวรรณกรรม กันดีกว่า :lol: