การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มี.ค. 08, 2011 1:35 pm
picklife เขียน: hongvalue เขียน: MaiFuen เขียน:
ปล.รอรับความรู้จากพี่ฮงในกระทู้นี้ และ ครอสอบรมในอีก3เดือนข้างหน้าอยู่ครับ
อ๊าคคคคคท่านอาจารย์ ไปด้วยยยยยยยยยคร๊าบบบบบบบ
ถ้าปิกจะไปมันก็เต็มแล้วครับ
อิอิ
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1
อังคาร มี.ค. 08, 2011 1:39 pm
ผมอยากไปฟังด้วยจังเลยครับ
จะได้ฝากเนื้อฝากตัวเรียนรู้อะไรดีๆจากพี่บ้าง
ตาดูหูฟัง ไม่เท่ากับสัมผัสด้วยตัวเองครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มี.ค. 08, 2011 1:41 pm
hongvalue เขียน:
ครับ ตั้งใจให้เป็นการจัดอบรมในรอบเกือบ 3 ปีหลังจากที่เคยอบรมเรื่องฟันโฟลครับจริงๆมีคนเคยบอกว่านึกว่าจะมีจัดอบรมทุกปีแต่พูดตรงๆไม่รู้จะอบรมอะไรให้ทุกปี พอดีตอนนี้มีทำ project ที่ทำมาแบบเลือดตาแทบกระเด็นหลายเดือนมากเลยคิดจะเล่าให้คนฟังซะหน่อยแต่ครั้งนี้พี่จะไม่เก็บเงินแต่พี่จะจัดแค่รอบเดียวและขอเลือกคนมาเรียนเองครับ
แบบว่าอารมณ์ศิลปินไงครับเก็บตังค์เขาแล้วเดี่ยวเขานึกว่าเบ่งใส่เราได้ ให้มาฟังฟรีผมดีกว่าไม่โดนคนฟังเบ่งใส่
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอเรียนด้วยคนได้ไหมฮง เดี๋ยวเลี้ยง elite grill เป็นค่าวิชา
กล้วยไม้ขาว
Verified User
โพสต์: 1074
ผู้ติดตาม: 1
อังคาร มี.ค. 08, 2011 3:10 pm
โอ้อยากเรียน
Todo
Verified User
โพสต์: 279
ผู้ติดตาม: 1
อังคาร มี.ค. 08, 2011 3:14 pm
ขอลงชื่อไปด้วยคนได้มั้ยครับ มือใหม่มีสิทธิ์รึป่าวน้อออ
PRO_BABY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1584
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มี.ค. 08, 2011 11:02 pm
ขอตามไปด้วยคนครับ
กระทู้เริ่ม Hot!
--ผลของอนา
คต เกิดจาก<====ปัจจุบัน ผลของปัจจุบันเกิดจาก<===อดีต
--ทุกอย่างเชื่อมโยง มีเหตุ====> มีผ
ล
ming1714
Verified User
โพสต์: 1246
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มี.ค. 08, 2011 11:04 pm
ถ้าที่นั่งในหัวใจศิลปินยังว่าง ผมขอร่วมด้วยคนนะครับ
ร้อยลี้ ต้องมีก้าวแรก....
angra
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 1
อังคาร มี.ค. 08, 2011 11:12 pm
คุณฮงนี่เยี่ยมไปเลย และขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาเผยแพร่
ปล.คุณฮงนี่ขยันจริงๆ
Yod
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 167
ผู้ติดตาม: 0
พุธ มี.ค. 09, 2011 2:12 am
hongvalue เขียน:
ที่ให้ดูทั้งหมดนี้เป็นแค่น้ำจิ้มครับ
ของจริงๆทั้งชุดของหุ้นสิบเด้งทุกตัวมีเยอะกว่านี้มหาศาล
จริงๆแล้วผมก็ยังทำไม่เสร็จหรอกนะครับ
ตอนนี้ยังขาดที่ต้องทำต่ออีกเยอะมากๆครับ
ทำเสร็จแล้วอย่าพลาดตอนผมจัดอบรมฟรีแล้วกันครับ
แค่น้ำจิ้มก็น้ำลายไหลแล้วคร้าบ
เปิดคอร์สเมื่อไหร่ขอไปเรียนด้วยคนนะครับ
nkarn
Verified User
โพสต์: 146
ผู้ติดตาม: 0
พุธ มี.ค. 09, 2011 1:11 pm
แค่อ่านดูก็น่าสนใจมากแล้ว อยากไปฟังด้วยคนครับ แต่ไม่รู้จะได้เป็นคนที่ถูกเลือกป่าว
เผื่อจะได้เป็นแนวทางการวิเคราะห์หุ้น เพื่อเพิ่มอาวุธในการลงทุน
จะได้เก่งๆเหมือนคุณฮงบ้างครับ
การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด อยู่ที่คุณจะเลือก
IWILLBEVI
Verified User
โพสต์: 363
ผู้ติดตาม: 0
พุธ มี.ค. 09, 2011 2:08 pm
น่าสนใจมากๆ หัวข้ออบรม มาลงชื่อด้วยคนครับ
charat_k
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0
พุธ มี.ค. 09, 2011 2:24 pm
ผมขอลงชื่อด้วยคนนะครับ
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 12:36 am
วันนี้ผมมีเวลา ว่างๆ เพลินๆ ปกติก็ไม่ค่อยได้เลี้ยวเข้ามาในห้องนี้ซักเท่าไร
มานั่งอ่านหัวข้อของน้องฮง รวมทั้งได้ไปอ่านใน blog ด้วยนะครับ
มีสาระดีนะครับ
ขอชมนะครับ ว่าน้องฮง เป็นคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก แล้วก็กล้าตัดสินใจ
ไม่มีอะไรมากครับ นอกจาก ในอนาคต คงจะ ติดตามอ่านไป เรื่อยๆ ด้วยคน นะครับ
ขอตามไปอ่าน blog ของเก่าของน้องฮงก่อนนะครับ
เมื่ออ่านย้อนอดีตไป น่าอ่านดีครับ
อ่านย้อนไปอดีตแล้ว จะตามทันกับปัจจุบันรึป่าว ผมไม่แน่ใจครับ เพราะว่าส่วนตัวเป็นคนมีงานและธุระเยอะ คงต้องเจียดเวลามา ศึกษาข้อเขียนของท่านฮงอีกคนครับ หลังจากที่ตามท่านลูกอีสานไปพักใหญ่ๆ จนเข้าใจอะไรได้มากขึ้น จากที่ก่อนโน้นย่ำอยู่กับที่
แล้วจะตามไปนะครับ
: )
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:06 am
mambbl เขียน: ขอทราบ criteria ของคุณฮงในการเลือกคนเรียนด้วยค่ะ
สนใจมาก อยากสมัครเรียน เเต่เป็นมือใหม่น่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
คิดว่าตอนนั้นคงไปตั้งหัวข้อที่บล็อกแล้วให้เล่นเกมส์การลงทุนเช่น
เขียนบทความเรื่องหุ้น หรือหาข้อมูลบางอย่างให้ผม อะไรประมาณนี้มั้งครับ ใครทำแล้วประทับใจสุดก็ให้มาฟัง present ฟรีค่าสถานที่ผมควักเองครับ คนมาไม่ต้องเสียอะไรเลยครับ
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:34 am
เห็นหลายท่านสนใจเรื่อง หุ้นสิบเด้งกัน
ผมว่าไม่ต้องลงชื่อกันหรอกครับ เดี่ยวกระทู้หัวข้อสำหรับมือใหม่
จะกลายเป็นหัวข้อลงชื่อเรียนเรื่องไล่ล่าหุ้นสิบเด้งแทน
ตอนนี้ผมทำ slide ไปแล้ว 90 slide คิดว่าอีก 3 เดือนคงทำได้ครบ 200 slide พอดีถึงตอนนั้นจะมา update ให้แล้วกันครับ
จริงๆแล้วตอนนี้ผม cover หุ้นเฉพาะ 10 เด้งขึ้นไป
แต่เห็นว่ามีหุ้น 8 เด้งอีกสองตัวที่น่าสนใจมากก็คือ
ps ,thai คือเท่าที่ผมลงตัวเลข excel ต่างๆผมก็ได้ค้นพบหลายอย่างที่น่าสนใจครับจะนำมาเล่าให้ฟัง เช่น หุ้นสิบเด้งส่วนใหญ่จะมีแค่หุ้น turn around กับ cycle เท่านั้นเพราะหุ้น growth ถึงแม้จะมีโมเดลดีแค่ไหนก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์จาก imbalance demand-supply ของอุตสาหกรรมที่เป็น key ในการ drive กำไรมหาศาล
และจริงๆแล้วคำกล่าวของ ปีเตอร์ลิน ที่บอกว่าให้ซื้อหุ้น cycle เมื่อ pe แพงๆแล้วขายตอน pe ถูกๆ จากที่ผมไป cover มา ผมคิดว่าคำกล่าวนี้ใช้ไม่ค่อยได้กับหุ้น cycle รอบนี้เลย cycle แต่ละครั้งจะมาด้วยเหตุผลทาง demand supply ที่แตกต่างกันไป
อย่างหุ้นเรือสมัยก่อนก็เรื่องเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ
ฟิลม์รอบนี้ก็มี demand ในสินค้าใหม่ๆเช่น solar cell ,lcd
ส่วนใหญ่หุ้นที่จะขึ้นเป็น 10 เด้งนั้นจะต้องอาศัยราคาที่ถูกเป็นพิเศษอยู่ด้วยระดับนึงดังนั้นจะค้นพบได้ง่ายหลังจากตลาด crash แต่มันจะมีเหตุผลบางอย่างที่ฟื้นตัวเร็วมากและราคาหุ้นก็จะไปได้ไกลมาก
ตอนที่ผม cover kce เข้ามาผมว่าหุ้นตัวนี้ขึ้น 13 เด้งก็จริงแต่ผมดูแล้วคนที่จะได้กำไร kce เยอะๆนี้คงหายากมากเพราะตอนปี 2008 de 3 เท่ายอดขายจาก 2100 ต่อไตรมาสไปเหลือแค่ 1100-1200 ผมว่าใครซื้อ kce แล้วได้เกิน 5 เด้งนี้โคตรเทพเลยเพราะหุ้นมันขึ้นจากการปรับปรุงภายในจนทำให้ gm สูงมากๆซึ่งกว่าคนทั่วไปจะรู้หุ้นคงขึ้นมาแล้วระดับนึง
จริงๆแล้ว aj ptl cpf ยังดูง่ายกว่า kce เยอะมากยิ่งถ้าเราใช้หลักการ trend following ,momentum earning แล้วเกาะไปกับมัน
หรืออย่างกรณี aj กับ ptl ก็ทำให้ผมได้รู้ว่าในวัฏจักรขาขึ้นตลาดแทบจะไม่สนใจ balance sheet เลยว่า strong หรือไม่ตลาดสนใจ potential growth มากกว่ามีบางช่วงที่ราคา aj ต่ำกว่า ptl สองเท่าและจำนวนหุ้นของ aj ก็น้อยกว่า ptl สองเท่าแต่กำลังผลิต bopet aj ประมาณ 1 ในสาม ptl แบบนี้เหมือนซื้อแล้วได้ bopp มาฟรีเลยปะเลยคิดดูแล้วบางช่วงที่ cycle มันขึ้นมันก็ยังมีความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดแบบสุดๆไปเลยอะถ้าเรา switch หุ้นถูกจังหวะคงจะได้ผลตอบแทนสูงกว่ามาก ตอนนั้นผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรหรอก เพิ่งจะมานั่งคิดๆละเอียดๆอีกที(เพิ่งฉลาด)
หรือตอนผมไปเจาะ sat เนี้ยตอน 3.26 ก็ถูกจนไม่รู้จะพูดไงถ้าเราไปดู stanley รอบต้มยำกุ้งเราจะเห็นว่าตอนตลาดแย่มากๆยอดรถยนต์ในประเทศแย่ๆ stanley pe แค่ 5 เท่าแต่ตอนตลาดดีๆยอดรถยนต์เยอะๆ stanley ช่วงปี 2003 บางช่วง pe เกือบ 20 เท่า ถ้าเราดูว่าปกติ sat กำไรเท่าไหร่ก่อนวิกฤติแล้วตอน bottom ถ้ากำไรกลับไปเท่าปกติ sat จะ pe กี่เท่า และถ้าตอนตลาดดี multiple pe ของ sat จะขึ้นไปเหมือนสมัย stanley รอบก่อนได้ไหมและถ้ามี eco-car เข้ามาช่วยอีกไม่ขนาดไหนอะไรต่างๆแบบนี้
อย่างของ cpf เนี้ยบริษัทสามารถทำกำไรนิวไฮได้ใน q2/52 จริงๆแล้วถ้าเราดูดีๆราคาหมูไก่ขึ้นมาสูงมากในช่วงปี 51 แต่ช่วงปี 52 กลับไม่ค่อยลงแต่ราคาวัตถุดิบลงเยอะแล้ว cpf แกก็มี story เยอะมากๆมาดันให้หุ้นธรรมดากลายเป็นหุ้นเทพ
คือผมนั่งทำแล้วมันก็เห็นอะไรเยอะจริงๆอะครับว่าบทตลาดมันจะไม่เอา หุ้นมันก็ถูกๆๆๆๆๆๆๆซะจนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร
ไอ้เรื่องพวกนี้แหละครับที่ผมให้ผมรู้สึกว่าุ่ถ้าผมมีเวลาจำกัดและอยากศึกษาเรื่องการลงทุนโดยเฉพาะวิธีนี้ไล่ย้อนหลังแบบนี้คงน่าสนใจดี
ผมว่าถ้าใครมีเวลาก็ไม่ต้องมารอฟังจากผมหรอกลองไล่ story ดูเองผมว่านั่งทำเองนี้มันจำแบบเข้าไปทำกระดูกเลย สมัยก่อนผมเคยงงทำไมบางคนมันจำตัวเลขละเอียดๆได้หมดเลยโดยไม่ต้องดูโพย พอมานั่งลงตัวเลขเองก็เข้าใจ
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:36 am
พรุ่งนี้ผมจะนำเนื้อหาสำหรับมือใหม่ส่วนสุดท้ายมาโพสจริงๆแล้วล่ะครับ แล้วผมคงหมดมุขจะโพสแล้ว ถ้ากระทู้นี้จะดำเนินต่อไปก็อยากให้เซียนๆมาช่วยกัน discuss กันเพิ่มครับ เพราะผมบรรเลงคนเดียว 4 หน้านี้ก็หัวไม่แล่นแล้วเหมือนกันครับ
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:38 am
reiter เขียน:
ขอเรียนด้วยคนได้ไหมฮง เดี๋ยวเลี้ยง elite grill เป็นค่าวิชา
ได้ข่าวปีนี้รวยนี้ elite grill ถูกไป
ขอสกาล่าหูฉลาดเลยจัดให้ด้วยเด้อ
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:39 am
หายไปนานนะคับ
ในบลอกก็ดูเงียบๆ เหมือนจะมีผมไปเยี่ยมคนเดียว
show me money.
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:45 am
nut776 เขียน: หายไปนานนะคับ
ในบลอกก็ดูเงียบๆ เหมือนจะมีผมไปเยี่ยมคนเดียว
คือ เขียนบล็อกนี้เป็นเรื่องยากนะครับ
เชื่อไหมว่าการเราจะเขียนได้หนึ่งบทความใช้เวลาอย่างต่ำก็สองชั่วโมง ผมคิดว่าคนที่เขียนบทความได้ตลอดเวลานี้เป็นคนที่โคตรเก่งจริงๆครับ ซึ่งผมทำไม่ได้ จริงๆแล้วผมก็เสียดาย community ในบล็อกนะครับเพราะแต่ก่อน นัด meeting หรืออบรมก็ทำในนั้นเดี่ยวนี้บล็อกคงไม่มีคนอ่านแล้ว จัดกิจกรรมอะไรไปคนก็คงไม่ได้เข้าไปดู ผมยังคิดอยู่เลยว่าตอนผมจะจัดอบรมครั้งหน้าผมจะสื่อสารกับคนเรียนยังไงว่าให้เข้าไปดูได้ที่ไหน ก็เลยคิดว่าจะ update ในทวิสก็แล้วกัน
สมัยก่อนเปิดสอน fundflow มีคนมาเรียนผมเคยเจอคนที่โคตรเก่งเลยมานั่งเรียนกับผม ตอนผมสอนผมก็รู้สึกว่าเขารู้ทุกเรื่องที่ผมสอนอยู่แล้วเพราะหน้าตาแบบว่า get มากผมสอนจบผมก็ติดต่อกับเขาทางเมล์แล้วก็ไปเจอกันที่ตลาดหลักทรัพย์ทุกวันนี้กลายเป็นอาจารย์ผมคนนึงไปแล้วครับ 555
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:52 am
อีกเรื่องนึงที่อยากเอ่ยปากขอความอนุเคราะห์จากนักลงทุนรุ่นเก่าๆ
ผมอยากจะเจาะหุ้น 10 เด้งสมัยต้มยำกุ้งแต่รู้สึกว่าทำได้ยากเหลือเกินเพราะ งบที่มีให้อ่านช่วงนั้นก็มีไม่กี่ปี annual สมัยนั้นก็หาไม่ได้แล้ว สมัยก่อนบริษัทพวกนั้นไม่ได้ไป oppday เหมือนสมัยนี้
เลยอยากขอความอนุเคราะห์ท่านที่เคยรวยจากหุ้นเรือ ปิโตร ยานยนต์ อสังหริมทรัพย์ รอบก่อนๆจะช่วยเล่าวิธีคิดต่างๆหรือแชร์ข้อมูลบทวิเคราะห์ของหุ้นในสมัยนั้นเพื่อเป็นวิทยาทานให้คนอยากรู้อยากเห็นอย่างผมและเพื่อนๆในเว็บหน่อยจะได้ไหมครับ
ผมว่าพี่ blueblood เนี้ยรวยจากหุ้นเรือขอเต็มๆซักทีได้ไหมช่วยน้องหน่อย มาเล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนนั้นประมาณการกำไรยังไงดูยังไงว่า cycle เรือจะมา ทำไมหุ้นขึ้น 1 เด้งไม่ขายรอขึ้นเป็น 10 เด้งค่อยขายทำได้ยังไง มาบอกผมหน่อยเถอะผมอยากรู้ ผมขอร้อง ช่วยเล่าหน่อยยย
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:53 am
อ๊ากกก พิมพ์แล้วมันโว้ย ติดพัน
แต่ดึกแล้วไปนอนดีกว่า
<< New >>
Verified User
โพสต์: 1147
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 4:03 am
hongvalue เขียน: yoyo เขียน: เอาอีกๆ รอฟังอยู่
โอ้วเซียนมาเยี่ยม
ผมอยากจะขอให้พี่ yoyo เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่าเดี่ยวนี้มีวิธีบริหารพอร์ตยังไงบ้าง
ยังเหมือนเดิมไหมครับและกรณีที่แบ่งเงินไปเล่นหุ้นต่างประเทศมีวิธีบริหารยังไงครับ
เพราะทราบมาว่าหุ้นต่างประเทศ volatility สูงมากๆ
ช่วยชี้แนะด้วยครับ
อันนี้อยากรู้เหมือนกัน หุ้นต่างประเทศ volatility สูงๆจะมีผลต่อการบริหารพอร์ตแบบไหน
ปล. ฮงนี่เก่ง+ขยันสุดๆจริงๆ เปิดเรียนเมื่อไหร่ขอแจมด้วยนะ
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 11:14 am
hongvalue เขียน: พรุ่งนี้ผมจะนำเนื้อหาสำหรับมือใหม่ส่วนสุดท้ายมาโพสจริงๆแล้วล่ะครับ แล้วผมคงหมดมุขจะโพสแล้ว ถ้ากระทู้นี้จะดำเนินต่อไปก็อยากให้เซียนๆมาช่วยกัน discuss กันเพิ่มครับ เพราะผมบรรเลงคนเดียว 4 หน้านี้ก็หัวไม่แล่นแล้วเหมือนกันครับ
ไม่ใช่เซียน... แต่อยากช่วย discuss... ว่าแต่ว่า... จะ discuss อะไรกันดีล่ะ?
discuss เรื่องนี้ละกัน... เห็นฮงพูดเรื่องหูฉลาม... วันก่อนดูสารคดีเกี่ยวกับปลาทะเล ... เห็นกระบวนการจับปลาฉลามไปทำหูฉลามแล้ว เลิกกินหูฉลามไปเลย
เค้าจะจับปลาฉลามขึ้นมา แล้วก็ตัดครีบทั้งหมดรอบๆ ตัวไปจนถึงหาง... แล้วก็โยนฉลามที่ยังมีชีวิตอยู่กลับลงไปทะเล ทีนี้พอปลามันไม่มีครีบ ไม่มีหาง พยายามว่ายก็ว่ายไม่ได้ ค่อยๆ จมลงๆ เลือดก็ค่อยๆ ไหลออกจากตัว ค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ ที่เบื้องลึกสุดของทะเล...
เห็นแล้วเศร้า และสงสารปลาฉลามมากมาย...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
jo7393
Verified User
โพสต์: 2486
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:20 pm
ผมยังติดตาม บลอกของพี่ hongvalue อยู่นะครับ ติดตามผ่าน RSS ครับ
เข้าไปอ่านอยู่เรื่อยๆครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
woodooshy
Verified User
โพสต์: 185
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มี.ค. 10, 2011 1:38 pm
ขอบคุณมากครับ
ลงทุนในความรู้ นำไปสู่อิสระภาพทางการเงิน
ลงทุนในบุญกุศล นำไปสู่อิสระภาพทางใจ
Yod
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 167
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ มี.ค. 11, 2011 12:35 am
หุ้นสิบเด้งที่ฮงทำมีตัวไหนบ้างอ่ะครับ อยากรู้
zesar
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ มี.ค. 11, 2011 9:11 am
อยากไปฟังด้วย ถ้าที่นั่งเต็มขอยืนหลบ ๆ อยู่ข้างหลังก็ได้
Hamee
Verified User
โพสต์: 12
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ มี.ค. 11, 2011 2:30 pm
kmodified
Verified User
โพสต์: 183
ผู้ติดตาม: 0
เสาร์ มี.ค. 12, 2011 10:25 am
นับถือท่าน hong มากมาย มีอบรมเมื่อไหร่ช่วยแจ้งด้วย
ผมอยากทำได้อย่างท่านบ้าง
แต่ความสามารถผมมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน ยังต้องฝึกอีกเยอะ
ผม add twitter ไปแล้วนะครับ
nontavuch
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0
เสาร์ มี.ค. 12, 2011 11:35 pm
เพิ่งมีเวลามาโพสขอโพสเนื้อหาส่วนสุดท้ายที่ติดไว้ว่าจะมาเล่า
แนวคิดตรงนี้ส่วนใหญ่นำมาจากพี่ invisible hand แต่อาจจะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับหุ้นปัจจุบันมากขึ้นเล็กน้อยครับ
เป็นภาพกว้างๆใหญ่ๆนะครับ
การจะคัดเลือกหุ้นว่าเป็น super stock หรือหุ้นเกรดไหนนั้นส่วนนึงที่เราจะนำมาใช้ก็คือเกณฑ์สามตัวนี้ครับ
(แนวคิดดั้งเดิมของพี่ invisible hand นะครับ)
1.market growth
2.market share
3.net margin
บริษัทที่ระดับโคตรเทพจะมีครบหมดแต่จริงๆแล้วผมว่าแค่สองก็เยี่ยมแล้วล่ะ
ผมยกตัวอย่างถ้านักลงทุนมือใหม่เห็นบริษัทแห่งนึงมี pe ที่แพงเช่น 15-20 เท่าแล้วจะบอกว่านั้นเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุนแบบนี้ก็อาจจะตกรถได้
กรณีหุ้น cpall นั้น ผมคิดว่าเขาเป็นหุ้น market growth เพิ่มและ net margin เพิ่มส่วน market share คงจะเพิ่มได้เล็กน้อย(อันนี้ท่านไหนไม่เห็นด้วยก็เชิญมา discuss กันนะครับ) ผมเองเคยซื้อ cpall ในสมัยก่อนตอนประมาณ 8 บาทแต่ขายหมูไปนานมากแล้วถ้าถามผมว่าทำไมบริษัทนี้ตอน 8-10 บาท อาจารย์นิเวศน์ถึงลงทุน ผมว่าหลายๆคนที่เคยไปฟังในงาน meeting ปี 2007 คงได้ยินเหตุผลกันหมดครับ แต่นี้ปี 2011 ลองฉายหนังซ้ำให้มือใหม่คงจะดีครับ
ตอนนั้นเนี้ย cpall น่าจะมีสาขาประมาณ 4000 กว่าๆซึ่งเขาจะขยายปีละ 500 สาขาซึ่งถ้าเทียบกับต่างประเทศเช่นญี่ปุ่นแล้ว cpall น่าจะขยายสาขาไปได้อีกหลายปีจนสาขาเกือบๆ 1 หมื่น ถึงตอนนั้นอาจจะเริ่มตันๆแต่เราคงเห็นแนวโน้มว่ามันโตได้หลายปี ถ้าผมจำไม่ผิด d.r. นิเวศน์ เคยบอกว่า cpall ช่วงนั้นมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้นมากและเขาสังเกตุว่ามีคนเข้าร้านมากขึ้นเรื่อยๆ และ cpall เองเนี้ยถึงแม้จะมีการขยายสาขามากมายแต่ sss หรือ same store sale growth ก็ยังมีซึ่งนั้นเป็นการสะท้อนว่าตลาดไม่ได้ตันบริษัทไม่ได้เอาแต่ขยายสาขาแล้วไม่สร้างมูลค่า
หรืออย่างกรณี bgh ผมคิดว่าก็เป็นหุ้นคล้ายกับ cpall ก็คือ market growth ,net margin เพิ่ม ผมไม่ได้ตาม bgh ละเอียดมากแต่สมัยก่อนจำได้ว่าเขาเอาแต่ take over แล้วก็ d/e ค่อนข้างสูง แต่พี่ ih เคยเล่าว่า health care cost/ gdp ต่อหัวของประเทศเจริญแ้ล้วถือว่าสูงกว่าของไทยมาก และแบรนของ bh bgh ก็เป็นระดับโลก ถ้าผมจำไม่ผิด bh เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในเมืองไทยที่ได้ใบอนุญาติอะไรซักอย่างเนี้ยแหละ ซึ่งทำให้ถือว่าเป็นแบรน go inter และตอนหลังๆ bgh ก็ได้ใบที่่ว่านี้ด้วย และเมื่อถึงจุดนึง margin ของ bgh ก็กระโดดขึ้นมา อะไรทำนองนี้ผมว่าอย่าง bgh cpall เราคงไม่สามารถมองด้วยมุมธรรมดาได้ส่วนนึงเราอาจต้องมองว่ากลุ่มที่เล่นหุ้นพวกนี้ไม่ใช่รายย่อยแต่เป็นกองทุนกับต่างชาติซึ่งเขาคงไม่มองแบบเราเขาคงมองเทียบกับราคาของภูมิภาคเป็นต้น
หรือถ้ายกตัวอย่างหุ้นมือถือในอดีตอย่าง advanc สมัยก่อนที่จะมี structural change ที่ทำให้คนเข้าถึงมือถือได้มากเพราะมีการปลดล็อค อีมี่ ราคาของมือถือลดลงมากและกลุ่มรากหญ้าและวัยรุ่นสามารถเข้าถึงมือถือได้ในตอนนั้น advanc ถือเป็นหุ้น super high market growth ,high market share,improve net margin ซึ่งกำไรของบริษัทก็ขึ้นเร็วมากๆจนเริ่มอิ่มตัวตามยอด penetration rate แบบนี้เป็นต้น ถ้าเราดูจะเห็นว่าราคาหุ้นของ advanc ไม่ไปไหนมานานแล้วตามความเห็นของผมคือ market มันไม่ค่อยโตแล้วทุกวันนี้ใครๆก็ใช้มือถือหมดแล้ว market share ก็สูงแล้วแต่เริ่มโดนคู่แข่งพยายามแย่งแชร์
ประเด็นของ high market growth นั้นถือเป็นเรื่องดีมากเพราะเมื่อ market growth โตทุกคนก็ enjoy ไม่จำเป็นต้องหันมาฟาดฟันกันเองแต่เมื่อ market เริ่มไม่โตคนอยากโตก็ต้องแย่งแชร์เพิ่มก็หันมาอัดกันเอง ถ้าจำได้มีอยู่ช่วงนึงมีการลดค่าโทรเหลือนาทีละ 0.25 ด้วยซ้ำประมาณ 4-5 ปีก่อนซึ่งถ้า market growth เราคงไม่ค่อยเห็นภาพแบบนี้ดังนั้นท่านต้องดูว่าหุ้นที่ถืออยู่นั้นเป็นหุ้นที่ market growth ไหมถ้ายัง growth แล้ว improve net margin ได้อันนั้นเป็นหุ้นที่น่าลงทุนถ้าราคาไม่แพงเวอร์เกินไป
อย่างหุ้นอสังหริมทรัพย์เราอาจต้องลองคิดดูว่าดอกเบี้ยประกาศขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ market จะ growth ได้ไหม ถ้าได้ตัวไหนน่าจะมี margin ที่ดีขึ้นหรือรักษาระดับได้บ้าง หรือตัวไหนเริ่มมีการเจาะตลาดใหม่ๆที่จะเพิ่มแชร์ได้บ้าง แบบนี้เป็นต้น ถ้าเราต้องการไปประยุกต์ใช้ ผมเองก็ไม่ได้ตามหุ้นกลุ่มนี้มานานแล้วไม่แน่ใจเหมือนกัน
อย่าง cawow เนี้ยผมว่าถ้าจำกันได้เข้าเมืองไทยแรกๆนี้ดูเทพนะ ดูเหมือนว่าแบรนมีระดับมากจำได้ว่าผู้บริหารเคยบอกว่่าในประเทศอื่นๆค่าใช้จ่ายทาง fitness จะสูงกว่าในเมืองไทยตอนนั้นมากแล้วเป็นไงตอนนี้ดูไม่จืด ผมว่าถึงคนจะเล่นฟิตเนสมากขึ้นจริงก็เถอะแต่การที่บริษัทใช้แบบ ขายตลอดชีิวิต ผมว่าหุ้นมันก็ไม่น่าลงทุนเพราะว่ามันบันทึกรายได้เข้าไปเลยแล้วปีอื่นๆล่ะ เราต้องมีภาระการใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากค่าเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆที่ลูกค้่าคนเก่าๆมาเล่นแล้วเสียหายเหรอ แล้วเงินใหม่ๆที่เข้ามาล่ะ อะไรแบบนี้ ผมว่าบางทีไอ้ market ที่ดูเหมือนจะ growth แต่ถ้าบริหารไม่ถูกที่ควรจะทำจะเป็นหุ้นมันก็ไม่ดีหรอก
ดังนั้นจะดีกว่าถ้า high market growth,good management ไม่ใช่ high market growth ,bad management ซึ่งผมว่าบริหารดีไหมเนี้ยก็คงติดตามไม่ยากจากตัวเลข sg&a ,margin เป็นต้น
อีกเรื่องนึงที่พี่ ih เคยพูดไว้คือ
1.low operating risk can have high financial risk
2.high business risk should have low financial risk
หลายคนที่เป็นมือใหม่อาจจะวิเคราะห์หุ้นโดยงบการเงินเป็นสำคัญแต่ว่าจริงๆแล้วมันก็มีบางอย่างที่เราต้องเจาะจงลงไปเพิ่มในตัวรายละเอียดเช่น
ถ้าเป็นบริษัทอสังหริมทรัพย์แต่ละตัวก็จะมี operating risk ที่แตกต่างกันเช่นหุ้น ps lpn ที่เจาะตลาดล่างซึ่งเป็น real demand ของคนที่ต้องการบ้านก็คงจะมี operating risk ที่ไม่สูงมากถ้าเทียบกับตลาดบนที่เวลาเศรษฐกิจไม่ดีก็ชะลอกำลังซื้อได้มากกว่าเช่นพวก lh qh แต่ยกเว้นบนแบบโคตรๆเช่น sc ที่ปี 2008 ยอดขายก็ไม่ drop อันนั้นผมว่าคือมันกลุ่มรวยเวอร์จนไม่ได้แคร์อะไรอยู๋แล้ว
ดังนั้นถ้าเรามองแบบนี้หุ้นแต่ละตัวอาจจะสามารถมี balance sheet ที่ไม่เหมือนกันเพราะตัวที่คงทนต่อการตกต่ำของเศรษฐกิจได้มากกว่าก็สามารถที่จะมี financial risk ได้สูงกว่า สามารถมีได้ไม่ได้หมายถึงว่าควรมีนะครับ
และนอกจากนี้การวิเคราห์ ยังสามารถมองไปที่เรื่องของ account recievable ได้ด้วยเช่นหุ้นสองตัวขายของคล้ายๆกันตัวนี้ขายเงินสด ตัวนึงขายเงินเชื่อ เมื่อเศรษฐกิจดีก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำยอดขายลดจะทำให้หุ้นที่รับเงินเชื่อเริ่มมีปัญหาหนี้เสียซึ่งมันก็ดูเป็น high operating risk
ส่วนหุ้นที่มี low operating risk น่าจะอยู่ในหุ้นแบบที่มี market growth และขายสินค้าที่ไม่ sensitive ต่อภาวะเศรษฐกิจรับไม่ขายเชื่อ มากเกินไป หุ้นพวกนี้ถ้าจะมี d/e สูงขึ้นมาหน่อยก็คงจะไม่เสียหายอะไร เช่นค้าปลีก หรือโรงพบาบาล บางตัว
ถ้าบางบริษัทที่อยู่ใน market growth ที่ดีและไม่ค่อยขายเชื่อแต่มีลูกค้าน้อยรายมีการพึ่งพิงรายได้หลักๆจากไม่กี่เจ้า แบบนี้ผมว่าก็เป็น high operating risk เหมือนกันเพราะไม่รู้ระเบิดเวลาจะออกมาเมื่อไหร่สมัยก่อนก็มีหุ้นบางตัวที่เจอปัญหาแบบนี้มาแล้ว
ที่นี้พูดถึงเรื่องการใช้มาร์จิ้น จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้แนะนำให้ใครใช้มาร์จิ้นแต่ว่าถ้าอยากใช้จริงๆก็ควรใช้กับหุ้น low operating risk เพราะการที่เรา leverage เข้าไปจะช่วยให้ return สูงขึ้นได้ ถึงแม้ความเสี่ยงจะสูงขึ้นด้วย แต่ก็ยังดีกว่าที่เราไปใช้มาร์จิ้นกับหุ้น high operating risk เพราะถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมานั้นหมายความว่าเราอาจจะเสียหายหนักมากๆ เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า high operating risk แล้วเรายังจะไป leverage มันเพิ่มเข้าไปอีกทำไม
เออ ประมาณไปล่ะกันเน้อไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว เห็นมีคนมาบอกว่าชอบๆๆๆ ผมก็มาเขียนให้เพิ่มอีกแต่ตอนนี้สงสัยจะหมดมุขจริงๆแล้ว