มือใหม่กับ Fair value ครับ
- DIT9033
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 1
ผมเป็นมือใหม่กับการลงทุนมากครับ ผมมีคำถามเกี่ยวกับมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น
รบกวนพี่ๆทุกคนหน่อยนะครับ
1. จำเป็นไหมที่เราต้องหา Fair value ให้เป็น โดยเฉพาะวิธีคิดลดกระแสเงินสด ถ้าผมใช้แค่วิธีสัมพัทธ์จะเพียงพอไหม
2. ผมมีโอกาสได้อ่านบทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์หนึ่ง ไม่ทราบว่าการที่เขาหาราคาเหมาะสมโดยการอิง PER เท่านี้ เท่านั้น เขาใช้อะไรเป็นตัวกำหนดหรอครับ
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับผม
รบกวนพี่ๆทุกคนหน่อยนะครับ
1. จำเป็นไหมที่เราต้องหา Fair value ให้เป็น โดยเฉพาะวิธีคิดลดกระแสเงินสด ถ้าผมใช้แค่วิธีสัมพัทธ์จะเพียงพอไหม
2. ผมมีโอกาสได้อ่านบทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์หนึ่ง ไม่ทราบว่าการที่เขาหาราคาเหมาะสมโดยการอิง PER เท่านี้ เท่านั้น เขาใช้อะไรเป็นตัวกำหนดหรอครับ
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับผม
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 3
บางทีมันคิดยากเหลือเกิน ลองใช้ FCF (กับหุ้นบางตัวที่ผลประกอบการขาดทุนอาจใช้ไม่ได้) จะดีกว่า DCF แต่ขั้นตอนเยอะกว่า ถ้าคิดไม่ออก ไม่รู้จะคิดยังไง อาจลองคาดเดาอนาคตบริษัทดูว่าจะโตต่อไปได้อีกเท่าไหร่ ถ้าโตต่อได้ก็ถือต่อไป....แหะๆ กำปันทุบดินเลย แต่ราคาที่ได้ คือ มูลกระแสเงินสดสำหรับผู้ถือหุ้นล้วนๆ ไม่เจือปนความคาดหวัง
สำหรับ PER นักวิเคราะห์จะทำการพยากรณ์ผลประกอบการล่วงหน้าครับ แล้วมาดูอดีตว่าหุ้นตัวนี้เคยซื้อขายกันที่ P/E เท่าไหร่ โดยเปรียบเทียบกับกำไรต่อหุ้นที่พยากรณ์ไว้....ราคาหุ้นที่ได้จะรวมเอาความคาหวังของนักลงทุนเข้าไปด้วยคับ ส่วนใหญ่ค่อนข้างระมัดระวัง แต่ก็อาจทำให้ราคาหุ้นสูงกว่าหรือตำ่กว่าแบบ FCF
สำหรับ PER นักวิเคราะห์จะทำการพยากรณ์ผลประกอบการล่วงหน้าครับ แล้วมาดูอดีตว่าหุ้นตัวนี้เคยซื้อขายกันที่ P/E เท่าไหร่ โดยเปรียบเทียบกับกำไรต่อหุ้นที่พยากรณ์ไว้....ราคาหุ้นที่ได้จะรวมเอาความคาหวังของนักลงทุนเข้าไปด้วยคับ ส่วนใหญ่ค่อนข้างระมัดระวัง แต่ก็อาจทำให้ราคาหุ้นสูงกว่าหรือตำ่กว่าแบบ FCF
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 5
- DIT9033
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 6
"แล้วมาดูอดีตว่าหุ้นตัวนี้เคยซื้อขายกันที่ P/E เท่าไหร่"
ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เขาใช้ PER Bands
ถ้าใช่ เขาใช้วิธีอะไรมาคิดหรอครับ
ถ้าไม่ใช้ เขาใช้อะไรเป็นตัวประกอบหรอครับ
ตามที่ผมเข้าใจคือหาค่า PER แล้วหาค่าเฉลี่ยของมัน (อย่างนี้จะได้ไหมครับ)
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ชี้แนะครับ
ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เขาใช้ PER Bands
ถ้าใช่ เขาใช้วิธีอะไรมาคิดหรอครับ
ถ้าไม่ใช้ เขาใช้อะไรเป็นตัวประกอบหรอครับ
ตามที่ผมเข้าใจคือหาค่า PER แล้วหาค่าเฉลี่ยของมัน (อย่างนี้จะได้ไหมครับ)
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ชี้แนะครับ
- DIT9033
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 7
รบกวนพี่ๆอีกคำถามครับ
อย่างตัว บทวิเคราะห์ที่ออกๆกันมาว่าปีหน้าจะมียอดขาย,กำไรสุทธิ หรือ อะไรอีกหลายๆอย่างที่นักวิเคราะห์ได้คาดไว้ มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนครับ
เราจำเป็นไหมที่จะต้องค้นคว้าและหาคำตอบเอาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่ผมพึ่งเริ่มศึกษา โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองคงสู้กับนักวิเคราะห์ที่มีประสบณ์การแล้วอยู่ในอุตสหกรรมนั้นมานานไม่ได้แน่ๆ
ผมควรเริ่มต้นยังไงดีครับ
ขอบคุณพี่ๆอีกทีครับผม
อย่างตัว บทวิเคราะห์ที่ออกๆกันมาว่าปีหน้าจะมียอดขาย,กำไรสุทธิ หรือ อะไรอีกหลายๆอย่างที่นักวิเคราะห์ได้คาดไว้ มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนครับ
เราจำเป็นไหมที่จะต้องค้นคว้าและหาคำตอบเอาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่ผมพึ่งเริ่มศึกษา โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองคงสู้กับนักวิเคราะห์ที่มีประสบณ์การแล้วอยู่ในอุตสหกรรมนั้นมานานไม่ได้แน่ๆ
ผมควรเริ่มต้นยังไงดีครับ
ขอบคุณพี่ๆอีกทีครับผม
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 8
พอเข้าใจความรู้สึก ครับ
ผมเอง ก็รู้ไม่มากพอจะอธิบาย
รู้แต่ว่า เล่นแนวนี้มานาน วนๆอ่านอยู่ในเวบนี้
แล้วก็พยายาม ยึดหลักการไว้ อย่างเหนียวแน่น
ในแง่ของจิตใจวีไอ เช่น การ เป็น นายเหนือตลาด รวมทั้ง เลือกหุ้นเหมือน คิดจะเป็นเจ้าของกิจการ
หรือการเลือกหุ้นที่มี DCA เป็นกิจการที่ดี ผลประกอบการดี มีผู้บริหารที่ดี
ยังพอถามๆ กันได้ หรือหาข้อมูล ได้
แต่ไอ้ที่ยากที่สุด ก็ เรื่องการประเมินมูลค่าแท้จริงนี่แหละ (เข้าใจว่า เป็นการคาดเดา ที่ คลาดเคลื่อนได้สูง)
ถ้าไม่ทราบมูลค่าแท้จริง ก็จะไม่รู้ ว่า MOS อยู่จุดไหน
ถ้าไม่รู้ MOS จุดไหน ก็ไม่รู้จะ ซื้อ ถือ หรือขาย อย่างไร
----------------------------
อย่างไร ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ
ผมเอง ก็รู้ไม่มากพอจะอธิบาย
รู้แต่ว่า เล่นแนวนี้มานาน วนๆอ่านอยู่ในเวบนี้
แล้วก็พยายาม ยึดหลักการไว้ อย่างเหนียวแน่น
ในแง่ของจิตใจวีไอ เช่น การ เป็น นายเหนือตลาด รวมทั้ง เลือกหุ้นเหมือน คิดจะเป็นเจ้าของกิจการ
หรือการเลือกหุ้นที่มี DCA เป็นกิจการที่ดี ผลประกอบการดี มีผู้บริหารที่ดี
ยังพอถามๆ กันได้ หรือหาข้อมูล ได้
แต่ไอ้ที่ยากที่สุด ก็ เรื่องการประเมินมูลค่าแท้จริงนี่แหละ (เข้าใจว่า เป็นการคาดเดา ที่ คลาดเคลื่อนได้สูง)
ถ้าไม่ทราบมูลค่าแท้จริง ก็จะไม่รู้ ว่า MOS อยู่จุดไหน
ถ้าไม่รู้ MOS จุดไหน ก็ไม่รู้จะ ซื้อ ถือ หรือขาย อย่างไร
----------------------------
อย่างไร ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 9
การใช้ค่าพีอี จะรวมการคาดหวังโกรทของ บ.ในอนาคตไว้ด้วย ดังนั้น อย่าลืมมองโกรทในอนาคตด้วยTHEPMANI เขียน:"แล้วมาดูอดีตว่าหุ้นตัวนี้เคยซื้อขายกันที่ P/E เท่าไหร่"
ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เขาใช้ PER Bands
ถ้าใช่ เขาใช้วิธีอะไรมาคิดหรอครับ
ถ้าไม่ใช้ เขาใช้อะไรเป็นตัวประกอบหรอครับ
ตามที่ผมเข้าใจคือหาค่า PER แล้วหาค่าเฉลี่ยของมัน (อย่างนี้จะได้ไหมครับ)
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ชี้แนะครับ
การจะมองโกรทในอนาคตได้แม่นก็ต้องศึกษาตัว บ.และสินค้าของ บ.ด้วยครับ
ยิ่งเข้าใจ บ.มากเท่าไร ยิ่งคาดการณ์อนาคตและโกรทได้แม่นมากขึ้น ก็จะวกไปที่ว่าซื้อบ.ที่อยู่ในขอบข่ายความสามารถที่เราสามารถเข้าใจได้ และแตกออกไปที่ว่า บ.ที่สามารถคาดการณ์ได้แม่นส่วนใหญ่ต้องมียอดขายที่สม่ำเสมอ
ก็ต้องกลับไปมองหาบ.ที่มี DCA ก็กลับไปเข้าตามตำรานั่นแหละครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 10
การพยากรณ์งบการเงิน โดยเฉพาะรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไร นักวิเคราะห์จะสอบถามโดยตรงจากผู้บริหารครับ ผู้บริหารจะคาดการอีกที ฉะนั้นเราคงทำแบบนักวิเคราะห์ยาก อาจดูจากงบย้อนหลังแล้วเดาเอาว่าปีที่ผ่านๆ มารายได้โตเท่าไหร่ (เทียบกับ GDP ด้วยคับ)....ผมเองก็ไม่ได้ทำขนาดนั้น (ขี้เกียจอะ เลยเดาๆ เอาจากลักษณะการประกอบธุรกิจ)
PER ก็ต้องเทียบกับอัตราการเติบโตในอดีต แล้วมาเทียบกับที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต (การใช้ค่าเฉลี่ยจึงไม่น่าเหมาะสม) และก็เอามาเทียบกับ GDP ในอดีต และที่คาดว่าจะเกิดด้วยคับ
PER ก็ต้องเทียบกับอัตราการเติบโตในอดีต แล้วมาเทียบกับที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต (การใช้ค่าเฉลี่ยจึงไม่น่าเหมาะสม) และก็เอามาเทียบกับ GDP ในอดีต และที่คาดว่าจะเกิดด้วยคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 11
ผมเองก็ยังไม่เป็นเลยครับคิดลดกระแสเงินสด ซื้อหนังสือคุณสุมาอี้มาอ่านแล้ว ลองทําแล้วได้มาแล้วหนึ่งปีๆล่าสุดแล้วก็ไปต่อไม่ได้ ขอถามครับว่าถ้าใช้เงินสดที่เหลือ ณ สิ้นปีได้ไหมครับ
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 13
คุณไม่ต้องคิดมากและกังวลนะครับถ้าคุณไม่เข้าใจและคดไม่ได้เหมือนผม อย่างน้อยก็ควรรู้ว่าคิดลอกระแสเงินสดนั้นม้นเป็นวิธีที่ใช้ดีที่สุด เราใช้อ่านบทวิเคราะห์เอาก็ได้ครับTHEPMANI เขียน:ผมเป็นมือใหม่กับการลงทุนมากครับ ผมมีคำถามเกี่ยวกับมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น
รบกวนพี่ๆทุกคนหน่อยนะครับ
1. จำเป็นไหมที่เราต้องหา Fair value ให้เป็น โดยเฉพาะวิธีคิดลดกระแสเงินสด ถ้าผมใช้แค่วิธีสัมพัทธ์จะเพียงพอไหม
2. ผมมีโอกาสได้อ่านบทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์หนึ่ง ไม่ทราบว่าการที่เขาหาราคาเหมาะสมโดยการอิง PER เท่านี้ เท่านั้น เขาใช้อะไรเป็นตัวกำหนดหรอครับ
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับผม
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 15
เงินสดปลายงวด...ไม่น่าจะได้นะครับ เพราะในหนังสือของคุณสุมาอี้ จะแยกเงินสดในงบดุล (เงินสดปลายงวด) ออกมาเป็นอีกกองหนึ่ง...วิธีนี่ผมก็ยังไม่ได้ลองซักที ปกติใช้ Dividend Discounted Model ง่ายและเร็ว แต่ไม่แม่น
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 16
คุณปีเตอร์ ลิช เป็นกองทุน เขามีทีมงานที่ใหญ่ ที่แน่นอนต้องมีทีมวิเคราะห์แน่ๆ ครับ สามารถเข้าเยี่ยมผู้บริหารและโรงงานได้ ลองอ่านในช่วงแรกของหนังสือแล้วสังเกตุดีๆ จะพบว่า ปีเตอร์ ลินช์ ก็ชวดหุ้นดีๆ หลายๆ เด้ง เยอะเหมือนกัน (ประมาณว่ารู้เมื่อสาย)
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 18
จริง ๆ แล้วถ้าเราไม่เข้าใจกิจการที่ลงทุนน้อย หรือไม่เพียงพอ การซื้อหุ้นของเขาผมถือว่าค่อนข้างอันตรายครับ เพราะว่าหากเกิดราคาไหลลง จะทำให้เราไม่มั่นใจครับ หรือบางทีก็ขายหมูไปครับ (ผมโดนประจำ หลัง ๆ เลยทำการบ้านมากหน่อยแล้วก็ลดหุ้นที่ตามลงครับ)THEPMANI เขียน:รบกวนพี่ๆอีกคำถามครับ
อย่างตัว บทวิเคราะห์ที่ออกๆกันมาว่าปีหน้าจะมียอดขาย,กำไรสุทธิ หรือ อะไรอีกหลายๆอย่างที่นักวิเคราะห์ได้คาดไว้ มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนครับ
เราจำเป็นไหมที่จะต้องค้นคว้าและหาคำตอบเอาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่ผมพึ่งเริ่มศึกษา โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองคงสู้กับนักวิเคราะห์ที่มีประสบณ์การแล้วอยู่ในอุตสหกรรมนั้นมานานไม่ได้แน่ๆ
ผมควรเริ่มต้นยังไงดีครับ
ขอบคุณพี่ๆอีกทีครับผม
ประเด็นทีว่ากลัวสู้โบรกเกอร์ไม่ได้ ผมว่าตรงข้ามด้วยซ้ำครับเพราะหุ้นบางตัว ผมเห็นบางคนมีความสามารถ แล้วก็ข้อมูลมากกว่าโบรคอีก แล้วความแม่นยำในการประเมินผมว่าบางทีให้เราประเมินเอง ยังดูใกล้เคียงกว่าที่โบรกทำอีกครับ
สังเกตุบทวิเคราะห์ที่ท่านให้มา ว่าราคาเหมาะสมจะไปราคาโน้น ราคานี้ เพราะเหตุนั้น เหตุนี้ บางทีเจ้าเหตุโน้น เหตุนี้ก็ไม่ได้กระทบกับกำไร หรือผลประกอบการอย่างเป็นนัยยะจริง ๆ มากกว่า ผมว่าการจะเชื่อข้อมูลของโบรค เราควรเชื่อเฉพาะข้อเท็จจริง และอย่างลืมว่าโบรกเกอร์ก็มีการถือหุ้นบางตัวอยู่เช่นกันครับ
จริง ๆ แล้วถ้าเราไม่แน่นจริง ๆ ก็ควรจะอยู่เฉย ๆ ไปก่อนศึกษาเพิ่มขึ้น ส่วนไหนไม่เข้าใจก็ไปถามคนที่อยู่ในบอร์ดครับ (พี่ ๆ ในนี้ใจดีทุกคนผมรับรองได้ครับ เพราะผมเองถามมาเยอะแล้ว พี่เขายอมตอบทุกคนครับเฉพาะในประเด็นคุณภาพนะครับ ส่วนเรื่องน่าซื้อ หรือ ราคาจะไปเท่าไหร่อันนี้ไม่ควรถามอย่างยิ่งครับ)
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับผม
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 19
ขอถามคุณjo7393นิดนะครับว่าdcaนี่มันอะไรครับใช่doolar cost average ใช่ไหมครับ ขอบคุณมากครับjo7393 เขียน:การใช้ค่าพีอี จะรวมการคาดหวังโกรทของ บ.ในอนาคตไว้ด้วย ดังนั้น อย่าลืมมองโกรทในอนาคตด้วยTHEPMANI เขียน:"แล้วมาดูอดีตว่าหุ้นตัวนี้เคยซื้อขายกันที่ P/E เท่าไหร่"
ตรงนี้ใช่ไหมครับที่เขาใช้ PER Bands
ถ้าใช่ เขาใช้วิธีอะไรมาคิดหรอครับ
ถ้าไม่ใช้ เขาใช้อะไรเป็นตัวประกอบหรอครับ
ตามที่ผมเข้าใจคือหาค่า PER แล้วหาค่าเฉลี่ยของมัน (อย่างนี้จะได้ไหมครับ)
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ชี้แนะครับ
การจะมองโกรทในอนาคตได้แม่นก็ต้องศึกษาตัว บ.และสินค้าของ บ.ด้วยครับ
ยิ่งเข้าใจ บ.มากเท่าไร ยิ่งคาดการณ์อนาคตและโกรทได้แม่นมากขึ้น ก็จะวกไปที่ว่าซื้อบ.ที่อยู่ในขอบข่ายความสามารถที่เราสามารถเข้าใจได้ และแตกออกไปที่ว่า บ.ที่สามารถคาดการณ์ได้แม่นส่วนใหญ่ต้องมียอดขายที่สม่ำเสมอ
ก็ต้องกลับไปมองหาบ.ที่มี DCA ก็กลับไปเข้าตามตำรานั่นแหละครับ
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 20
DCA Durable Competitive Advantage ครับ
พลังทั้ง 5
1.การคุกคามจาก บ.หน้าใหม่
2.ภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
3.สินค้าทดแทน
4.อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ
5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ
หากบ.ที่เราดูมีความแข่งแกร่งครบทั้งห้าข้อ โดยอาจให้เป็นคะแนนแต่ละข้อก็ได้ครับ จะได้เปรียบเทียบได้ง่าย
หาก บ.มีครบหรือได้คะแนนค่อนข้างสูงทุกข้อ ก็คือ มี DCA มากครับ
พลังทั้ง 5
1.การคุกคามจาก บ.หน้าใหม่
2.ภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
3.สินค้าทดแทน
4.อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ
5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ
หากบ.ที่เราดูมีความแข่งแกร่งครบทั้งห้าข้อ โดยอาจให้เป็นคะแนนแต่ละข้อก็ได้ครับ จะได้เปรียบเทียบได้ง่าย
หาก บ.มีครบหรือได้คะแนนค่อนข้างสูงทุกข้อ ก็คือ มี DCA มากครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 21
สมมติ เช่นให้คะแนน CPALLjo7393 เขียน:DCA Durable Competitive Advantage ครับ
พลังทั้ง 5
1.การคุกคามจาก บ.หน้าใหม่
2.ภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
3.สินค้าทดแทน
4.อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ
5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ
หากบ.ที่เราดูมีความแข่งแกร่งครบทั้งห้าข้อ โดยอาจให้เป็นคะแนนแต่ละข้อก็ได้ครับ จะได้เปรียบเทียบได้ง่าย
หาก บ.มีครบหรือได้คะแนนค่อนข้างสูงทุกข้อ ก็คือ มี DCA มากครับ
1.การคุกคามจาก บ.หน้าใหม่ ความคิดผมหากเต็ม10 ให้ 8.5 ครับคือ มี บ.ใหม่เข้ามาแข่งขันได้เช่น Top daily ,Family mart,Lotus express แต่แบรนด์ 7-11 ก็ยังแข็งแกร่ง ปละอยู่ในใจ ผู้บริโภค
2.ภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม ข้อนี้หากเต็ม 10 ผมให้ 8 เพราะการแข่งขันในเครื่องอุปโภคบริโภคมีสูงมาก อย่างนี้แล้วอาจสงสัยว่าทำไมได้ 8 เพราะ 7-11 ขายความสะดวกเป็นหลักครับ สินค้าเป็นเพียงเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าหลักคือความสะดวก ทำให้ cpall ยังมีความแข่งกร่งในด้านนี้เหนืือคู่แข่งครับ
3.สินค้าทดแทน ข้อนี้ผมให้ 7 ครับ เป็นจุดอ่อนอย่างนึงเพราะทำเลใดหากไม่มี 7-11 ลูกค้าก็ยังสามารถหาซื้อสินค้าจาก ร้านโชวห่วยได้ แต่ไม่ทั้งหมด เช่น อาหารแช่แข็งสะดวกอิ่ม
4.อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ ข้อนี้ เอาไปเต็ม 10 ครับ เพราะ 7-11 ขายราคาตามป้ายไม่มีการลดราคา แถมโปรโมชั่นส่วนใหญ่ก็เป็นการแลกซื้อของชำร่วยมากว่าลดราคาสินค้า
5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ ข้อนี้ผมก็ให้เต็ม10 อีกครับเพราะสินค้าจำนวนมาต้องการลงที่ร้าน 7-11 เนื่องจากมีหน้าร้านมากและทั่วประเทศ เจ้าของสินค้าหลายตัวแจ้งเกิดจากได้ขายใน 7-11 และ หลายรายยอมให้ 7-11 ผูกขากการขายเจ้าเดียว 3-6 เดือน
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวอาจผิดก็ได้นะครับ
ทำเป็นตัวอย่างให้ดูเพือ่จะได้เอาไปวิเคราะห์ บ. อื่นๆครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 22
ลองค้ืนชื่อ คุณreiter (เขียนถูกไหมหว่า)
แกจะเล่าคร่าวๆว่า เป็นหลักการว่า การที่เราจะดูหุ้น under value เราดูจากอะไร
ผมจำไม่ค่อยได้ แต่แกสรุปให้ฟังง่ายดี
ส่วนถ้า fair value มันยากเกินไป
เอาสูตร ดร. นิเวศน์ไปคับ เอาแค่ intricsic value
แกว่ามันเป็นช่วง ไม่ใช่เป็น certain number
บอกได้แค่ว่า ถูกมาก ถูก ไม่แพง แพง แพงมาก
แต่แนะนำหาของคุณ reiter ที่พูดเกี่ยวกับเรื่อง undervalue ก่อน
แล้วค่อยมองต่อ
ส่วนตัวผมว่า หาเป็นช่วงน่าจะง่ายกว่านะ ว่าที่จะเป็น certain number
แกจะเล่าคร่าวๆว่า เป็นหลักการว่า การที่เราจะดูหุ้น under value เราดูจากอะไร
ผมจำไม่ค่อยได้ แต่แกสรุปให้ฟังง่ายดี
ส่วนถ้า fair value มันยากเกินไป
เอาสูตร ดร. นิเวศน์ไปคับ เอาแค่ intricsic value
แกว่ามันเป็นช่วง ไม่ใช่เป็น certain number
บอกได้แค่ว่า ถูกมาก ถูก ไม่แพง แพง แพงมาก
แต่แนะนำหาของคุณ reiter ที่พูดเกี่ยวกับเรื่อง undervalue ก่อน
แล้วค่อยมองต่อ
ส่วนตัวผมว่า หาเป็นช่วงน่าจะง่ายกว่านะ ว่าที่จะเป็น certain number
show me money.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 23
ผมเข้าใจว่า
Fair value กับ Intrinsic value ตัวเดียวกันนะครับ
ซึ่งเราจะหาเป็น point estimation หรือ range estimation ก็ได้ครับ
Fair value กับ Intrinsic value ตัวเดียวกันนะครับ
ซึ่งเราจะหาเป็น point estimation หรือ range estimation ก็ได้ครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 24
แต่ละคนก็มี value ที่ต่างกัน เราน่าหาหุ้นที่มันต่ำกว่าพื้นฐานจริงๆ แล้วกอดมันไว้ รอขายเมื่อมีคนสนใจ
ซื้อ-ถูก ขายแพง พูดนะมันง่ายครับ แต่ช่วงที่เรากอดมันไว้ มันจะลง หรือมันจะขึ้น ช่วงจะทำให้เรากระทำผิดพลาดได้เนื่องจากอารมณ์มันพาไป อย่างไงรอให้ถึงเป้าหมาย แล้วค่อยๆ ขายก็ ok ล่ะครับ
อย่าลืมตรวจเช็คทุกๆไตรมาสด้วยนะครับ พื้นฐานแย่ลง ก็พิจารณาอีกที
ซื้อ-ถูก ขายแพง พูดนะมันง่ายครับ แต่ช่วงที่เรากอดมันไว้ มันจะลง หรือมันจะขึ้น ช่วงจะทำให้เรากระทำผิดพลาดได้เนื่องจากอารมณ์มันพาไป อย่างไงรอให้ถึงเป้าหมาย แล้วค่อยๆ ขายก็ ok ล่ะครับ
อย่าลืมตรวจเช็คทุกๆไตรมาสด้วยนะครับ พื้นฐานแย่ลง ก็พิจารณาอีกที
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่กับ Fair value ครับ
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณk.jo,มากครับที่ช่วยชี้แนะ k.joสุดยอดjo7393 เขียน:สมมติ เช่นให้คะแนน CPALLjo7393 เขียน:DCA Durable Competitive Advantage ครับ
พลังทั้ง 5
1.การคุกคามจาก บ.หน้าใหม่
2.ภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
3.สินค้าทดแทน
4.อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ
5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ
หากบ.ที่เราดูมีความแข่งแกร่งครบทั้งห้าข้อ โดยอาจให้เป็นคะแนนแต่ละข้อก็ได้ครับ จะได้เปรียบเทียบได้ง่าย
หาก บ.มีครบหรือได้คะแนนค่อนข้างสูงทุกข้อ ก็คือ มี DCA มากครับ
1.การคุกคามจาก บ.หน้าใหม่ ความคิดผมหากเต็ม10 ให้ 8.5 ครับคือ มี บ.ใหม่เข้ามาแข่งขันได้เช่น Top daily ,Family mart,Lotus express แต่แบรนด์ 7-11 ก็ยังแข็งแกร่ง ปละอยู่ในใจ ผู้บริโภค
2.ภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม ข้อนี้หากเต็ม 10 ผมให้ 8 เพราะการแข่งขันในเครื่องอุปโภคบริโภคมีสูงมาก อย่างนี้แล้วอาจสงสัยว่าทำไมได้ 8 เพราะ 7-11 ขายความสะดวกเป็นหลักครับ สินค้าเป็นเพียงเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าหลักคือความสะดวก ทำให้ cpall ยังมีความแข่งกร่งในด้านนี้เหนืือคู่แข่งครับ
3.สินค้าทดแทน ข้อนี้ผมให้ 7 ครับ เป็นจุดอ่อนอย่างนึงเพราะทำเลใดหากไม่มี 7-11 ลูกค้าก็ยังสามารถหาซื้อสินค้าจาก ร้านโชวห่วยได้ แต่ไม่ทั้งหมด เช่น อาหารแช่แข็งสะดวกอิ่ม
4.อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ ข้อนี้ เอาไปเต็ม 10 ครับ เพราะ 7-11 ขายราคาตามป้ายไม่มีการลดราคา แถมโปรโมชั่นส่วนใหญ่ก็เป็นการแลกซื้อของชำร่วยมากว่าลดราคาสินค้า
5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ ข้อนี้ผมก็ให้เต็ม10 อีกครับเพราะสินค้าจำนวนมาต้องการลงที่ร้าน 7-11 เนื่องจากมีหน้าร้านมากและทั่วประเทศ เจ้าของสินค้าหลายตัวแจ้งเกิดจากได้ขายใน 7-11 และ หลายรายยอมให้ 7-11 ผูกขากการขายเจ้าเดียว 3-6 เดือน
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวอาจผิดก็ได้นะครับ
ทำเป็นตัวอย่างให้ดูเพือ่จะได้เอาไปวิเคราะห์ บ. อื่นๆครับ
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า