บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
- Coca-Cola
- Verified User
- โพสต์: 326
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ครับ
โพสต์ที่ 32
CPALL ... เห็นด้วยครับinvestment biker เขียน: อันนี้ความเห็นผมครับ
CPALL ถึงจะไม่ได้ลิขสิทธิจากต่างประเทศ ก็ยังมี DCA อยู่ดีครับ เพราะ
- Economy of scale
- Distribution network
- Systems
อย่าง Mint ก็ยังมี DCA เหมือนกัน
PB ตอนนี้มี CP เข้ามาทำขนมปังแข่ง แต่อย่าลืมว่า ขนมปังที่ CP ทำมาขายก็มีขายผ่านร้าน 7-11 อย่างเดียวเท่านั้น อีกอย่างอุตสาหกรรมนี้ก็มีแค่รายใหญ่สองราย PB มี
- Strong brand
- Stong distribution network especially in traditional trade
PB ... ไม่เห็นด้วย เนื่องจาก ขนมปังของ CP นะขณะนี้เป็นเรื่องของการปูรากฐานของแบรนด์ และยังเป็นการจัดลำดับชั้นแรก ให้เข้าสู่ความทรงจำของผู้บริโภค, เมื่อแบรนด์มีสภาพที่แข็งแกร่ง การกระจายสู่จุดจำหน่ายต่างๆภายนอก CPALL จะเริ่มเกิดขึ้นครับ, ขอยกตัวอย่าง ...ขนมปังที่วางขายภายในห้าง ผมว่าลองสังเกตพื้นที่วางของสินค้าPB กับสินค้าของห้างเอง เช่นขนมปังต่างๆ ของBigC --- Lotus จะพบความแตกต่าง และเมื่อเทียบสัดส่วนการเลือกซื้อ จะเห็นได้ชัดขึ้น ว่าลูกค้าไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ เมื่อเทียบกับความหลากหลาย และการให้พื้นที่เกรด A
ในความคิดของผม "ขนมปัง" เป็นอะไรที่ "ลูกค้า" มีความสนใจไปที่ความหลากหลาย และชนิดรสชาติ เป็นสำคับซึ่งถือว่าเป็น "ลำดับ1" ก่อน จึงจะเริ่มให้ความสนใจไปที่แบรนด์ซึ่งถ้ามองเช่นนี้ย่อมจัดความสำคัญให้เป็น "ลำดับ2" .... เป็นความคิดเห็นจากการสังเกตนะครับ
CI(Celebrity Investment) <----- oh! My GOD ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 33
อ่านกระทู้นี้มาได้มุมมองหลาย ๆ อย่างดี
แชร์ความเห็นหน่อยครับ
DCA (Durable competitive advantage หรือ moat) เป็นความได้เปรียบในการแข่งขันของกิจการ (คือถ้ามีกิจการตั้งขึ้นมาแข่งด้วยก็ยากขึ้นหน่อย) อาจจะเป็นด้วยสาเหตุใด หรือหลายสาเหตุก็ได้
Barrier of entry เป็นส่วนหนึ่งของ DCA ที่เข้าใจง่าย หมายถึงกิจการนั้นมีผู้เล่นใหม่ได้ยาก ด้วยสาเหตุใดก็ได้ เช่นเป็นเจ้าของพื้นที่ (BAFS ในการจัดหาน้ำมันของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, โรงพยาบาลที่ตั้งมาก่อนในพื้นที่นั้น ๆ) หรือมีสัมปทาน (ADVANC และ DTAC สมัยโน้น) หรือมีการวางระบบไว้ซับซ้อนที่ยากจะทำให้สำเร็จในเวลาอันสั้น (กิจการโทรทัศน์อย่าง BEC) แต่ธุรกิจใดที่มี barrier of entry น้อยหรือไม่มีเลย (เช่นทำขนมปัง, ผลิตชาเขียว, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, หรือซอสพริก) ก็มี DCA ได้ครับ เช่น อาจจะมียี่ห้อแข็งแกร่ง, มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า, คุณภาพสินค้าดีกว่า, มีกระบวนการจัดส่งที่ดี, มีการตลาดและช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ฯลฯ
สรุปก็คือ ธุรกิจทุกชนิด มี DCA ได้ทั้งนั้น ขึ้นกับตัวกิจการในธุรกิจนั้น ๆ มากกว่าว่าเขามีปัจจัยใดที่ก่อให้เกิด DCA
DCA ไม่ใช่สิ่งยั่งยืน ถ้ากิจการไม่มีการปรับตัว เร็วหรือช้า DCA ก็จะหมดไป เช่นสัมปทานหมด, การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี, โดนผลพวงของข้อกฏหมาย, มีกิจการที่สามารถลดข้อได้เปรียบเข้ามาแข่งด้วย เป็นต้น อายุของบริษัทที่ยืนยงมานาน เป็นตัวบอก DCA ในอดีต แต่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่ดีของ DCA ในอนาคต กิจการหลายตัวที่ตั้งมานานเป็น 50 หรือ 100 ปีก็อาจล้มได้ มีตัวอย่างมากมาย หรือแม้กระทั่งกิจการที่ยังคงทำได้ดีในปัจจุบันถ้าลองย้อนไปดูจริง ๆ ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ แต่มีการปรับตัวตลอดเวลาเพื่อคงหรือเพิ่มความได้เปรียบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ถ้าไม่เชื่อ ลองไปหาข้อมูลบริษัทชั้นนำ 30 บริษัทของอเมริกาใน NYSE ที่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบของดัชนี Dow Jones เมื่อ 50 หรือ 100 ปีก่อนดู ... ตอนนี้เหลือกี่บริษัท 8)
แชร์ความเห็นหน่อยครับ
DCA (Durable competitive advantage หรือ moat) เป็นความได้เปรียบในการแข่งขันของกิจการ (คือถ้ามีกิจการตั้งขึ้นมาแข่งด้วยก็ยากขึ้นหน่อย) อาจจะเป็นด้วยสาเหตุใด หรือหลายสาเหตุก็ได้
Barrier of entry เป็นส่วนหนึ่งของ DCA ที่เข้าใจง่าย หมายถึงกิจการนั้นมีผู้เล่นใหม่ได้ยาก ด้วยสาเหตุใดก็ได้ เช่นเป็นเจ้าของพื้นที่ (BAFS ในการจัดหาน้ำมันของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, โรงพยาบาลที่ตั้งมาก่อนในพื้นที่นั้น ๆ) หรือมีสัมปทาน (ADVANC และ DTAC สมัยโน้น) หรือมีการวางระบบไว้ซับซ้อนที่ยากจะทำให้สำเร็จในเวลาอันสั้น (กิจการโทรทัศน์อย่าง BEC) แต่ธุรกิจใดที่มี barrier of entry น้อยหรือไม่มีเลย (เช่นทำขนมปัง, ผลิตชาเขียว, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, หรือซอสพริก) ก็มี DCA ได้ครับ เช่น อาจจะมียี่ห้อแข็งแกร่ง, มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า, คุณภาพสินค้าดีกว่า, มีกระบวนการจัดส่งที่ดี, มีการตลาดและช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ฯลฯ
สรุปก็คือ ธุรกิจทุกชนิด มี DCA ได้ทั้งนั้น ขึ้นกับตัวกิจการในธุรกิจนั้น ๆ มากกว่าว่าเขามีปัจจัยใดที่ก่อให้เกิด DCA
DCA ไม่ใช่สิ่งยั่งยืน ถ้ากิจการไม่มีการปรับตัว เร็วหรือช้า DCA ก็จะหมดไป เช่นสัมปทานหมด, การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี, โดนผลพวงของข้อกฏหมาย, มีกิจการที่สามารถลดข้อได้เปรียบเข้ามาแข่งด้วย เป็นต้น อายุของบริษัทที่ยืนยงมานาน เป็นตัวบอก DCA ในอดีต แต่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่ดีของ DCA ในอนาคต กิจการหลายตัวที่ตั้งมานานเป็น 50 หรือ 100 ปีก็อาจล้มได้ มีตัวอย่างมากมาย หรือแม้กระทั่งกิจการที่ยังคงทำได้ดีในปัจจุบันถ้าลองย้อนไปดูจริง ๆ ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ แต่มีการปรับตัวตลอดเวลาเพื่อคงหรือเพิ่มความได้เปรียบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ถ้าไม่เชื่อ ลองไปหาข้อมูลบริษัทชั้นนำ 30 บริษัทของอเมริกาใน NYSE ที่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบของดัชนี Dow Jones เมื่อ 50 หรือ 100 ปีก่อนดู ... ตอนนี้เหลือกี่บริษัท 8)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 34
ถ้าจำไม่ผิดหนังสือแปลล่าสุดของคุณเวป
บริษัทที่มี dca ก็อาจจะไม่น่าซื้อก็ได้ ถ้าไม่มีการเติบโต(เหมือน ssc)
หรืออาจจะขาดทุน ถ้าซื้อที่ราคาแพงเกินไป
บริษัทที่มี dca ก็อาจจะไม่น่าซื้อก็ได้ ถ้าไม่มีการเติบโต(เหมือน ssc)
หรืออาจจะขาดทุน ถ้าซื้อที่ราคาแพงเกินไป
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- GreedyVI
- Verified User
- โพสต์: 59
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 35
ขอเสนอชื่อเข้าชิงบ้างครับ
Major: Market share ขนาดที่ว่าMajor ไม่เอาหนังใครลงโรงมีสิทธิ์เจ้งทีเดียว แล้วไอ้ Popcorn ราคามหาโหดนี้เห็นสั่งกินกับเกือบทุกคน เค้าเรียกว่า bargaining power ของทั้ง supplier และ consumer แทบไม่มี จะน่าเป็นห่วงก็เพียงสินค้าทดแทน ประเภท การดูหนังในบ้าน หรือการทำกิจกรรมนอกบ้านอื่นๆ แต่ผมว่าก็ทดแทนไม่ได้อย่างเต็มที่
CPALL: อย่างที่ทราบๆกัน แต่ราคาแพงจัง
Major: Market share ขนาดที่ว่าMajor ไม่เอาหนังใครลงโรงมีสิทธิ์เจ้งทีเดียว แล้วไอ้ Popcorn ราคามหาโหดนี้เห็นสั่งกินกับเกือบทุกคน เค้าเรียกว่า bargaining power ของทั้ง supplier และ consumer แทบไม่มี จะน่าเป็นห่วงก็เพียงสินค้าทดแทน ประเภท การดูหนังในบ้าน หรือการทำกิจกรรมนอกบ้านอื่นๆ แต่ผมว่าก็ทดแทนไม่ได้อย่างเต็มที่
CPALL: อย่างที่ทราบๆกัน แต่ราคาแพงจัง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 876
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 36
หัวใจสำคัญก็คือว่าต้องซื้อในราคาไม่แพงใช่ป่ะครับลูกอิสาน เขียน:ถ้าจำไม่ผิดหนังสือแปลล่าสุดของคุณเวป
บริษัทที่มี dca ก็อาจจะไม่น่าซื้อก็ได้ ถ้าไม่มีการเติบโต(เหมือน ssc)
หรืออาจจะขาดทุน ถ้าซื้อที่ราคาแพงเกินไป
VI บางท่านก็ชอบบริษัทเติบโต
VI บางท่านก็ชอบบริษัทที่มี DCA
ส่วนตัวผมชอบแบบหลังครับ ทำการบ้าน หาบริษัทที่มี DCA แล้วก็รอๆๆๆครับ รอวันลดราคา
ขอเสนออีกตัวครับ
DCC ไม่ค่อยเห็นคนในเว็บนี้สนใจซักเท่าไหร่ คงเพราะตอนนี้ราคาไม่ถูกแล้วมังครับ
เป็นบริษัทที่ใช้กลยุทธประเภท ป่าล้อมเมือง ครับ ตอนนี้ขับรถไปที่ไหนๆก็จะสังเกตเห็น "ตลาดนัดกระเบื้อง" เกือบๆทุกถนนเลย ทั้งในกทม. ปริมณฑล แล้วก็ต่างจังหวัดครับ มีสาขาเยอะทีเดียว แล้วก็ใช้กลยุทธขยายสาขาตลาดนัดกระเบื้องออกไปเรื่อยๆครับ โดยใช้ตลาดนัดกระเบื้องนี่แหละเป็นจุดขายสินค้า ไม่ต้องผ่านพวกยี่ปั๊วซาปั๊ว กำไรเข้าบริษัทเน้นๆครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
CSL ครับ
โพสต์ที่ 38
เป็นเจ้าของ Infra structure เองทั้งหมด ไม่มีการเช่า
ปันผล การันตีได้ ทุกปีครับ
ปันผล การันตีได้ ทุกปีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 40
อืมมมม อย่าง Singer นี่ถือเป็นตัวเตือนสติ ของการมองธุรกิจในระยะยาวเลย
เพราะธุรกิจตอนที่อยู่ขาขึ้น อะไรๆก็ดูดีไปหมด ผู้บริหารก็เก่ง
กิจการก็ดี รายได้เติบโตทุกปี
ทำให้ผมมองถึง ชาเขียว ... ตอนที่บูม อะไรๆก็ดูดีไปหมด แต่พอมาถึง
ตอนนี้คนก็เริ่มคาดหวังกับมันน้อยลง แต่ถามว่า ตัวธุรกิจ มันดีไหม
ผมว่าก็ยังใช้ได้ แต่นักลงทุนและผู้บริหารเพียงเหนื่อยกับการ ทำงานตามความคาดหวังของนักลงทุนในอดีตมากกว่า
ดังนั้น ธุรกิจ ที่มี Barrier of Entry ที่ดี ผมยกให้พวกที่เป็นแบบเสือนอนกินดีกว่าครับ ... ตอนตลาดดีก็ดี ตอนตลาดไม่ดีก็อยู่สบาย ๆ
เพียงแต่ว่า นักลงทุนต้องเลือกซื้อในช่วงเวลาที่เหมาะสม ... ถึงจะนอนกินไปกับเสือด้วย
เพราะธุรกิจตอนที่อยู่ขาขึ้น อะไรๆก็ดูดีไปหมด ผู้บริหารก็เก่ง
กิจการก็ดี รายได้เติบโตทุกปี
ทำให้ผมมองถึง ชาเขียว ... ตอนที่บูม อะไรๆก็ดูดีไปหมด แต่พอมาถึง
ตอนนี้คนก็เริ่มคาดหวังกับมันน้อยลง แต่ถามว่า ตัวธุรกิจ มันดีไหม
ผมว่าก็ยังใช้ได้ แต่นักลงทุนและผู้บริหารเพียงเหนื่อยกับการ ทำงานตามความคาดหวังของนักลงทุนในอดีตมากกว่า
ดังนั้น ธุรกิจ ที่มี Barrier of Entry ที่ดี ผมยกให้พวกที่เป็นแบบเสือนอนกินดีกว่าครับ ... ตอนตลาดดีก็ดี ตอนตลาดไม่ดีก็อยู่สบาย ๆ
เพียงแต่ว่า นักลงทุนต้องเลือกซื้อในช่วงเวลาที่เหมาะสม ... ถึงจะนอนกินไปกับเสือด้วย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 41
ขออนุญาตขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกรอบครับ อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ
เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆสมาชิกท่านอื่นครับ
ขอขอบคุณพี่ทุกคนสำหรับความรู้ที่มอบให้ครับ
เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆสมาชิกท่านอื่นครับ
ขอขอบคุณพี่ทุกคนสำหรับความรู้ที่มอบให้ครับ
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 42
ผมว่ามีประโยชน์ ครับ ถ้าเรานับในประเทศไทยอย่างเดียว บริษัทที่มี Competitive Adv อย่างยั่งยืนจริงๆ ก็เห็นน่าจะมี
CPALL CPF PTT BGH ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ ดูเหมือนเป็น Monopoly เท่าไหร่ ก็ลำบากที่คู่แข่งจะมาไล่บี้ทันครับ คูเมืองมันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
CPALL CPF PTT BGH ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ ดูเหมือนเป็น Monopoly เท่าไหร่ ก็ลำบากที่คู่แข่งจะมาไล่บี้ทันครับ คูเมืองมันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re:
โพสต์ที่ 45
ผมไม่คิดเช่นนั้นOatarm เขียน:เห็นแย้งครับ ธุรกิจอสังหา ถึงจะเป็นเจ้าตลาดตอนนี้ แต่ไม่มี Barrier to entries ใครทุนหนาก็สามารถเข้ามาทำได้ ถ้า LH หน้ามืดลงมาเล่น ระดับล่าง 2 เจ้านี่ก็สั่นคลอน แล้วเสนอ ps and Lpn
ps เจ้าตลาด ทาวเฮ้าส์ถูก
Lpn เจ้าตลาด คอนโดสูงกลาง-ถูก
การยึดตลาดทำเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองถนัด ย่อมสำคัญกว่า
ลงทุนเพื่อชีวิต
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: บริษัทที่มี "ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน"
โพสต์ที่ 46
CRCpotato เขียน:เสนอ cpn bts bmcl bec mcot ครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Re:
โพสต์ที่ 47
ผมว่าเรื่องของ แบรนด์ การเข้าใจลูกค้า และความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการนั้น จะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถามว่าเจ้าตลาดถูกทั้งสองบริษัท มีข้อได้เปรียบสำคัญคือเค้าคุมต้นทุนเป็น และเข้าใจว่าลูกค้าที่ต้องการจ่ายราคาผ่อนบ้านเท่ากับราคาค่าเช่าบ้านนั้นมีอยู่ ทำให้เค้าเป็นเจ้าตลาดได้ การคุมต้นทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ส่วนการเข้าใจลูกค้าก็ไม่ง่าย ต้องผ่านการสัมผัส ถ้าถามผมคุณทองมา ถือว่าเข้าใจมากที่สุด เพราะท่านจนแต่เด็ก ส่วนถ้า LH มาทำ ผมก็บอกได้เลยครับว่าคงกลิ้งไม่เป็นท่า เพราะแบรนด์ LH จะลงมายาก คนระดับล่างจะคิดว่าราคาแพง ต้องใช้เวลาเรียนรู้อีก แต่ตอนนี้ PS กับ LPN เค้าก็ขยับมาสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง ซึ่งทำให้ LH ลงมาเล่นลำบากมากขึ้นอีก การทำธุรกิจนั้น ไม่ใช่คิดว่าผลิตสินค้าเป็น แล้วจะขายได้ทุกตลาด มันต้องเข้าใจตลาดด้วยนะครับ ผมขอเป็นส่วนหนึ่งที่คิดว่า PS กับ LPN นั้นมีความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดระดับล่างครับ แต่ถ้าถามตลาดอื่นผมก็ไม่ขอ Comment ครับthaloengsak เขียน:ผมไม่คิดเช่นนั้นOatarm เขียน:เห็นแย้งครับ ธุรกิจอสังหา ถึงจะเป็นเจ้าตลาดตอนนี้ แต่ไม่มี Barrier to entries ใครทุนหนาก็สามารถเข้ามาทำได้ ถ้า LH หน้ามืดลงมาเล่น ระดับล่าง 2 เจ้านี่ก็สั่นคลอน แล้วเสนอ ps and Lpn
ps เจ้าตลาด ทาวเฮ้าส์ถูก
Lpn เจ้าตลาด คอนโดสูงกลาง-ถูก
การยึดตลาดทำเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองถนัด ย่อมสำคัญกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re:
โพสต์ที่ 49
ที่ผมเห็นส่วนใหญ่หุ้นส่วนชีวิตจะเติบโตแบบยั่งยืน ในเรื่องน้ำหนักตัวครับ ขึ้นตลอดคลายเครียด เขียน:Eto Demerzel เขียน:ไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดกาลครับ
ถ้าจะพูดถึง dca ต้องดู time frame ที่สนใจด้วย
อย่าง BOL ผูกขาดได้นานแค่ไหน...
ส่วนตัวผม มีความเชื่อว่า
ถ้าหุ้นตัวนี้เติบโตได้แบบยั่งยืน
พอร์ตหุ้นก็จะเติบโตได้แบบยั่งยืนครับ
หุ้นตัวนั้นคือ
หุ้นส่วนชีวิตครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป