วิวัฒนาการของตัวกรู
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการของตัวกรู
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ
วิธีคิดของดาวินนั้นให้เรานักลงทุนได้เรียนรู้ได้ดีอย่างมาก
มังเกอร์ถึงขนาดชมแล้วชมอีก ดาวินนั้นมองภาพรวมตลอดเวลา ดาวินใช้เวลาส่วนใหญ่ invert จับผิดสมมุติฐานของตัวเอง ดาวินมองทุกอย่างเป็นระบบและล้วนมีอิทธิพลต่อกันแบบ reflexivity ถ้าเมฆลอยบนฟ้า เขาไม่ได้มองที่เมฆอย่างเดียว แต่มองว่าเมฆเกิดจากอะไร และอ่านการเคลื่อนตัวของเมฆว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เขามองทุกอย่างเป็นระบบที่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่มีสิ่งใดแยกออกจากกันเลย ดาวินตั้งสมมุติฐานว่า คนได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งและหลีกเหลียงไม่ได้ด้วย ถ้าเป็นตอนเรียนมหาลัย ผมว่ามันมีอยู่จริงถ้าไปยอมรับอย่างนั้น
เดี่ยวนี้ผมไม่เชื่อแล้ว
ผมว่าคนไทยโชคดีอย่างมาก เราหาอ่านทฤษฎี "ตัวกรู" หนังสือของท่านพุทธทาส โดยเฉพาะเล่มที่เกี่ยวกับการจดบันทึกอารมณ์ต่างๆ ของท่านในหนังสือชื่อ "พุทธลิขิต" ได้ไม่ยาก และท่านพุทธทาสเข้าใจอย่าง "ลึกซึ้ง" อีกด้วย ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ดาวินไม่เข้าใจ ถ้าเขาเกิดยุกเดียวกับซิกมัน ฟรอยด์ คงน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เหมือนกับที่ไอไสต์พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ฟรอยด์พูดและยอมรับว่าทฤษฎีของฟรอยด์นั้นเข้าใจยากจริง ๆ
อิทธิพลสิ่งแวดล้อมของดาวินนั้นแถบทำอะไรเราไม่ได้เลย ถ้าเราทำความเข้าใจกับ วิวัฒนาการของ "ตัวกรู" เราจดบันทึกอารมณ์และความคิดของเราเป็นระยะเวลานาน เรากลับจะพบบางอย่างที่เราไม่เคยสังเกตุเลย
"ตัวกรู" ที่ว่านั้น มันพลิกแพงเปลี่ยนรูปร่างไปได้เรื่อยๆ การกำหนดการใช้ชีวิต การแต่งตัว ไปจนถึงการลงทุนในตลาดที่เราคิดว่าเรายึดหลักการงทุนที่ถูกต้องนั้น บางทีมันอาจกำลังตอบสนองความคลั่งไคล้ให้กับ "ตัวกรู" แทบทั้งสิ้น และ "ตัวกรู" นั้นมันเปลี่ยนไปตามข้อแม้ใหม่ ๆ เสมอ หรือ จะบอกได้ว่า มันมีวิวัฒนาการ และ เราอาจถูกมันหลอกได้ว่าเรามีสติพอที่จะตะหนักรู้ภายในตัวเองได้แล้ว
อิสรภาพทางใจของนักลงทุนต่างหากที่สำคัญ ดาวินเอาทฤษฎีที่เชื่อว่าคนเป้นผลจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่างๆ อีกมากมาย เป้นอย่างนั้นจริงหรือ ผมมองในมุมมองของนักลงทุนเน้นภาพสะท้อนที่แท้จริง ผมไม่เชื่อว่าคนเป็นผลจากลักษณะทางสังคมวิทยา ชีววิทยา หรือ จิตวิทยา อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรืองบังเอิญ คนไม่ได้เป็น “เชลย” ของสภาพแวดล้อม เราไม่ได้ถูก “กักกัน” และสามารถหนีจากอิทธิพลต่างๆ รอบตัวได้เมื่อเราต้องการเสมอ
ถึงเขาตัดอิสรภาพอย่างอื่นไปหมด แต่เรายังมีอิสรภาพทางใจอยู๋ เป้นอิสรภาพที่จะเลือก “ทัศนคติ” ที่เรามีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง….สิ่งที่เราต้องเลือกมีตลอดทั้งวัน ทุก ชม…ทุกนาที…..แล้วแต่โอกาสจะมาแบบไหน ซึ่งโอกาสเหล่านี้อาจเป็นตัวกำหนดว่าเราจะก้มหัวให้กับ “อคติ” ของตัวเองมากแค่ไหน
การจดบันทึก investing diary นั้นช่วยให้เรามองดูว่าอะไรบ้างที่จะกระตุ้น “อคติ” ของคนเราออกมาได้ง่ายขึ้น….เราจะกลายเป็น “ของเล่น” ของ “อคติ” ในตัวของเราเอง ยอมละทิ้งความถุกต้องและมีเหตุและผล ยอมให้ “อคติ” หลอมกลืนเราจนมีพฤติกรรมแบบเดียวกับ “เชลยนักลงทุน” ที่พบเห้นกันทั้วๆ ไปหรือไม่…..เรามีบุคคลิกอย่างไรเป้นผลมาจากการตัดสินใจภายในจิตใจของคนคนนั้น หาใช่เปนผลมาจากสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียวเลย อิสรภาพทางใจของคนเรา เป้นสิ่งที่ใครไม่สามารถพรากไปจากเราได้ เราสามารถสร้างชัยชนะเหนือสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นได้ ดีกว่าปล่อยให้เป้นไปตามยถากรรม ถึงแม้สิ่งแวดล้อมต่างๆ จะสร้างความยุ่งยากลำบากใจให้เรามากขึ้นก็ตาม แต่ในระยะยาวเมื่อเราเข้าใจ วิวัฒนาการของตัวกรู มากขึ้น ทุกอย่างจะปรับเข้าหาดุลยภาพ เพราะคนมีการปรับตัว และ "ตัวกรู" จะสร้างโอกาสให้กับเราในแบบสะท้อนกลับ เราจะพัฒนาจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากขึ้นกว่าที่พวกเราเคยเป้น ความสัมพันธ์เชิงสะท้อนกลับมีอยู๋ในสถานการณ์อย่างนี้เสมอ
ถ้าไม่รีบทำความเข้าใจกับ วิวัฒนาการของมันให้เร็วที่สุด คนที่วางกรอบการรับรู้ให้เราเดินตามในตลาดหุ้นจะใช้ "ตัวกรู" นี่ละเป็นวิธีหาเงินกับนักลลงทุนรายย่อยอีกนานแสนนาน และ อีกนานแสนนาน บางที "ตัวกรู" ที่ว่า ไม่เคยเป้น ของกรู เลย มันเป้นของคนอื่นตลอดมา
สวัสดีครับ
วิธีคิดของดาวินนั้นให้เรานักลงทุนได้เรียนรู้ได้ดีอย่างมาก
มังเกอร์ถึงขนาดชมแล้วชมอีก ดาวินนั้นมองภาพรวมตลอดเวลา ดาวินใช้เวลาส่วนใหญ่ invert จับผิดสมมุติฐานของตัวเอง ดาวินมองทุกอย่างเป็นระบบและล้วนมีอิทธิพลต่อกันแบบ reflexivity ถ้าเมฆลอยบนฟ้า เขาไม่ได้มองที่เมฆอย่างเดียว แต่มองว่าเมฆเกิดจากอะไร และอ่านการเคลื่อนตัวของเมฆว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เขามองทุกอย่างเป็นระบบที่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่มีสิ่งใดแยกออกจากกันเลย ดาวินตั้งสมมุติฐานว่า คนได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งและหลีกเหลียงไม่ได้ด้วย ถ้าเป็นตอนเรียนมหาลัย ผมว่ามันมีอยู่จริงถ้าไปยอมรับอย่างนั้น
เดี่ยวนี้ผมไม่เชื่อแล้ว
ผมว่าคนไทยโชคดีอย่างมาก เราหาอ่านทฤษฎี "ตัวกรู" หนังสือของท่านพุทธทาส โดยเฉพาะเล่มที่เกี่ยวกับการจดบันทึกอารมณ์ต่างๆ ของท่านในหนังสือชื่อ "พุทธลิขิต" ได้ไม่ยาก และท่านพุทธทาสเข้าใจอย่าง "ลึกซึ้ง" อีกด้วย ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ดาวินไม่เข้าใจ ถ้าเขาเกิดยุกเดียวกับซิกมัน ฟรอยด์ คงน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เหมือนกับที่ไอไสต์พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ฟรอยด์พูดและยอมรับว่าทฤษฎีของฟรอยด์นั้นเข้าใจยากจริง ๆ
อิทธิพลสิ่งแวดล้อมของดาวินนั้นแถบทำอะไรเราไม่ได้เลย ถ้าเราทำความเข้าใจกับ วิวัฒนาการของ "ตัวกรู" เราจดบันทึกอารมณ์และความคิดของเราเป็นระยะเวลานาน เรากลับจะพบบางอย่างที่เราไม่เคยสังเกตุเลย
"ตัวกรู" ที่ว่านั้น มันพลิกแพงเปลี่ยนรูปร่างไปได้เรื่อยๆ การกำหนดการใช้ชีวิต การแต่งตัว ไปจนถึงการลงทุนในตลาดที่เราคิดว่าเรายึดหลักการงทุนที่ถูกต้องนั้น บางทีมันอาจกำลังตอบสนองความคลั่งไคล้ให้กับ "ตัวกรู" แทบทั้งสิ้น และ "ตัวกรู" นั้นมันเปลี่ยนไปตามข้อแม้ใหม่ ๆ เสมอ หรือ จะบอกได้ว่า มันมีวิวัฒนาการ และ เราอาจถูกมันหลอกได้ว่าเรามีสติพอที่จะตะหนักรู้ภายในตัวเองได้แล้ว
อิสรภาพทางใจของนักลงทุนต่างหากที่สำคัญ ดาวินเอาทฤษฎีที่เชื่อว่าคนเป้นผลจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่างๆ อีกมากมาย เป้นอย่างนั้นจริงหรือ ผมมองในมุมมองของนักลงทุนเน้นภาพสะท้อนที่แท้จริง ผมไม่เชื่อว่าคนเป็นผลจากลักษณะทางสังคมวิทยา ชีววิทยา หรือ จิตวิทยา อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรืองบังเอิญ คนไม่ได้เป็น “เชลย” ของสภาพแวดล้อม เราไม่ได้ถูก “กักกัน” และสามารถหนีจากอิทธิพลต่างๆ รอบตัวได้เมื่อเราต้องการเสมอ
ถึงเขาตัดอิสรภาพอย่างอื่นไปหมด แต่เรายังมีอิสรภาพทางใจอยู๋ เป้นอิสรภาพที่จะเลือก “ทัศนคติ” ที่เรามีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง….สิ่งที่เราต้องเลือกมีตลอดทั้งวัน ทุก ชม…ทุกนาที…..แล้วแต่โอกาสจะมาแบบไหน ซึ่งโอกาสเหล่านี้อาจเป็นตัวกำหนดว่าเราจะก้มหัวให้กับ “อคติ” ของตัวเองมากแค่ไหน
การจดบันทึก investing diary นั้นช่วยให้เรามองดูว่าอะไรบ้างที่จะกระตุ้น “อคติ” ของคนเราออกมาได้ง่ายขึ้น….เราจะกลายเป็น “ของเล่น” ของ “อคติ” ในตัวของเราเอง ยอมละทิ้งความถุกต้องและมีเหตุและผล ยอมให้ “อคติ” หลอมกลืนเราจนมีพฤติกรรมแบบเดียวกับ “เชลยนักลงทุน” ที่พบเห้นกันทั้วๆ ไปหรือไม่…..เรามีบุคคลิกอย่างไรเป้นผลมาจากการตัดสินใจภายในจิตใจของคนคนนั้น หาใช่เปนผลมาจากสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียวเลย อิสรภาพทางใจของคนเรา เป้นสิ่งที่ใครไม่สามารถพรากไปจากเราได้ เราสามารถสร้างชัยชนะเหนือสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นได้ ดีกว่าปล่อยให้เป้นไปตามยถากรรม ถึงแม้สิ่งแวดล้อมต่างๆ จะสร้างความยุ่งยากลำบากใจให้เรามากขึ้นก็ตาม แต่ในระยะยาวเมื่อเราเข้าใจ วิวัฒนาการของตัวกรู มากขึ้น ทุกอย่างจะปรับเข้าหาดุลยภาพ เพราะคนมีการปรับตัว และ "ตัวกรู" จะสร้างโอกาสให้กับเราในแบบสะท้อนกลับ เราจะพัฒนาจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากขึ้นกว่าที่พวกเราเคยเป้น ความสัมพันธ์เชิงสะท้อนกลับมีอยู๋ในสถานการณ์อย่างนี้เสมอ
ถ้าไม่รีบทำความเข้าใจกับ วิวัฒนาการของมันให้เร็วที่สุด คนที่วางกรอบการรับรู้ให้เราเดินตามในตลาดหุ้นจะใช้ "ตัวกรู" นี่ละเป็นวิธีหาเงินกับนักลลงทุนรายย่อยอีกนานแสนนาน และ อีกนานแสนนาน บางที "ตัวกรู" ที่ว่า ไม่เคยเป้น ของกรู เลย มันเป้นของคนอื่นตลอดมา
สวัสดีครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิวัฒนาการของตัวกรู
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณครับ ผมชอบติดตามบทความของพี่
ขอให้สร้างสรรผลงานมาอีกเยอะๆนะครับ
ขอให้สร้างสรรผลงานมาอีกเยอะๆนะครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
- PrasertsakK
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 292
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิวัฒนาการของตัวกรู
โพสต์ที่ 4
เป็นบทความที่ต้องกลับมามองที่ตัวเองจริง ๆ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ