อคติ กับ การลงทุน

[sorawut]

ขอบคุณพี่ปรัชญามากครับ

อคติเป็นสิ่งที่ควรข่มไว้ไม่ให้ชนะเหตุและผลเวลาพูดคุยกับคนอื่น
เราอาจจะได้รู้ในสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องมาก่อนก็ได้

[สามัญชน]

อ่านของคุณ drsp แล้วผมชอบนะครับ
ก็ผมยังเป็นสามัญชนยังไม่ใช่อริยบุคคล
ดังนั้นอคติต่างๆจึงมีอยู่ในตัวผมอย่างเต็มเปี่ยม
ได้แต่หวังว่าในอนาคตผมคงจะลดอคติลงได้
แต่ตอนนั้นผมคงไม่ใช้ชื่อสามัญชนแล้ว

ผมจะชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเองนะครับ
แล้วคุณ drsp จะเห็นความจริง

ตอนซื้อหุ้น sat ตอนนั้นผมคิดเองทำเองอยู่ครับ ไม่ปฏิเสธ
แต่ตอนซื้อ hemraj ผมได้จากกัลยาณมิตรครับ
น้อง saichon บอกมา
น้องลูกอิสานเป็นผู้จุดประกาย และน้องนริศเป็นผู้สรุปปิดท้าย
ผมก็เลยได้หุ้นกับเขาด้วย

ตอนซื้อหุ้น jas (ผมพูดได้นะ เพราะชื่อออกสู่สาธารณะไปแล้ว)
ได้น้องนริศเป็นผู้จุดประกายพร้อมด้วยบทวิเคราะห์อีกยาวเหยียดที่นริศทำขึ้นเอง
แล้วผมก็มาอ่านในร้อยคนร้อยหุ้น
ได้ไอเดียดีๆจากคุณchinn. คุณ besmile และอีกหลายๆท่าน
ขอถือโอกาสขอบคุณมา ณที่นี้เลยครับ
ผมก็เลยได้หุ้นกับเขาอีกแล้ว

ตอนซื้อ mcs ก็ได้ไอเดียจากพี่ sv2 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รองจากคุณ ไน ยวน ชิ
แล้วก็เข้าไปอ่านในร้อยคนร้อยหุ้น ได้จากคุณ nevercry boy และอีกหลายท่าน

ตอนซื้อหุ้น sf ได้จากน้อง picatos ครับ

สรุปว่าผมหาเองจริงๆคือตัวเดียว อีกสี่ตัวได้จากกัลยาณมิตรครับ
อันนี้ไม่ใช่อคติแต่เป็น fact

[drsp]

ก่อนจะเข้าใจอคติ
ผมว่าเราต้องแยกระหว่างความเห็น(opinion)
กับข้อเท็จจริง(fact)ก่อน
ผมว่าอคติมันเป็นส่วนประกอบของความเห็นและอารมณ์
ซึ่งวัดประเมินค่าได้ยาก

นักลงทุนที่ดีย่อมให้นํ้าหนักความเห็นน้อย
แต่ให้ความสําคัญกับข้อเท็จจริงมากกว่า
โดยเฉพาะที่วัดเป็นตัวเลขได้

ยกตัวอย่าง ถ้าถามว่าdtacหรือadvancดีกว่ากัน
ถ้าตอบด้วยอคติ อาจบอกว่าชอบdtacมากกว่า
ซื้อทีไรกําไรทุกที ซื้อadvancแล้วขาดทุน
ถ้าเป็นเซียนหุ้นคงถามว่า
market shareเท่าไหร่ marginเท่าไหร่ growthเท่าไหร
fair priceเท่าไหร่ mosเท่าไหร่
โดยสรุปนักลงทุนที่ดีต้องมองหุ้นเป็นตัวเลขทั้งหมด
ก็จะช่วยลดอคติไปได้ส่วนหนึ่ง

[สามัญชน]

ผมคิดอยู่นานครับว่าระหว่างแฟคกับอคติมันยังขาดอะไรไปบางอย่าง
Opinion จะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน
แต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวขั้นตอนไหน
และตัว opinion นี้มีประโยชน์และโทษอย่างไร

อ่านของคุณ drsp แล้วจึงถึงบางอ้อ....
ขอบคุณครับ

[สามัญชน]

ทีนี้ผมเสนอเพิ่มเติม ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยนะครับ

เมื่อมีแฟคเป็นตัวเริ่มต้น
จิตของเราก็จะปรุงแต่งโดยอัตโนมัติ ตัวปรุงแต่งนี้เรียกว่าสังขาร
ผลของการปรุงแต่งจะได้ opinion คือความเห็น
ความเห็นนี้มีสามกลุ่มใหญ่ๆ คือบวกลบและกลาง
จะเป็นแบบไหนขึ้นอยู่กับว่าเราเอาสัญญาเดิมๆแบบไหนมาร่วมปรุง
ระหว่างปรุงก็มีเวทนามาแทรกเป็นยาดำ
ที่สำคัญคือถ้ามีกิเลสมาแจมด้วยไม่ว่าจะเป็น โลภโกรธหลง
ผลที่ออกมาก็จะเป็นอคติ คือ
ฉันทาคติ = ความลําเอียงเพราะรัก
โทสาคติ = ความลําเอียงเพราะโกรธ
ภยาคติ = ความลําเอียงเพราะกลัว
โมหาคติ = ความลําเอียงเพราะเขลา. (ป.).
ผมเข้าใจอย่างนี้ไม่่รู้ว่าถูกหรือผิดครับ

[^^]

จริงๆMain ideaคงเหมือนกันครับ แต่พอผมใช้คำว่าคนที่เกลียด มันเลยดู ไม่น่าใช่
เพราะSourceมันผิด ผลออกมาก็น่าจะผิด

ปัญหาที่ผมเคยเจอ เราก็ยังแยกไม่ออกว่าSourceถูกหรือผิด
เพราะเราไม่รู

ผมเคยคิดว่ามีSourceถูก ผลออกมาผิด ก็เลยไม่รู้ว่าถูกหรือผิด จาก ผลของปัจจุบัน
คนรู้จักทำงานในCP ตำแหน่งที่รู้ภาพรวมบริษัทได้ ไม่ให้ซื้อหุ้นCP
โดยบอกถึงข้อเสียเป็นชุดๆๆ
แล้วผมก็ตกรถตอนที่จะซื้อนั้นราคา 4 บาท

นักวิแคะชื่อดังบอกผ่านเพื่อนผมPTLจะไป 70 บาท
แต่ผมไม่ได้ซื้อ

สิ่งที่จะยืนยันตอนนี้คือ ผลออกมาผิด
โดยให้กรอบเวลา ณ ปัจจุบัน แต่ต่อไปไม่ทราบ
นักวิแคะท่านนั้นอาจพูดถูกมันจะไป 70 บาท แต่ไม่ได้บอกกรอบเวลา ว่าเวลาไหน

สิ่งที่ผมเข้าใจคือ อคตินอกจากตัวเราแล้ว ในตัวของผู้หวังดีก็มีอคติเจือปน
หรือแม้แต่คนที่มีอคติกับผมเช่นกัน

ทำให้ผมรู้ว่า ถ้ารู้อะไรมาจากคนๆหนึ่ง ต้องCheckหลายๆครั้ง
ว่ามันคืออคติของเขาด้วยไหม ด้วยการหาความจริงให้เจอ
แล้วเมื่อเจอก็ดูอีกว่า เรามีอคติอีกไหม
โหยเหนื่อย แค่ของเราก็แย่แล้ว ต้องมาแยกอีก


สำหรับเรื่องไม่จำเป็น เป็นไปได้ครับคุณสามัญชน สิ่งที่คุณสามัญชนพูด
ที่ผมอาจจะเก็บฐานข้อมูลที่ไม่จำเป็นไว้เยอะเกินไป
ผมลองมาสะท้อนดูพอร์ตตัวเราเองที่ไม่ค่อยโต
เพราะไม่ใช่คนที่ทำอะไรง่ายๆ น้องผมยังบอกว่าผมเป็นคนที่คิดอะไรให้มันยาก
ผลก็เลยเป็นเช่นนั้น ความง่ายมันหายไป
ทั้งๆที่คนประสบความสำเร็จเขาทำแต่ละอย่างให้ง่ายเข้าไว้

แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี มันเคยเกิดขึ้นจริง
และตัวผมเองเป็นคนที่สงบที่สุดและรู้ทางหนีไว้แต่แรก

[สามัญชน]

จริงๆMain ideaคงเหมือนกันครับ

คิดเหมือนกันเลยครับ ผมกะจะโพสท์คำนี้อยู่
แต่คุณ ^^ คิดไวกว่าผม

[^^]