รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 1
พอดีผมหากระทู้ที่ผมเองตั้งเมื่อคราวเกิดวิกฤติแฮมเบอร์ไม่ได้
ตอนนั้นผมมีสมมุติฐานอยู่ว่า หุ้นทีแ่ข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้ สามารถกลับมาได้
รอบนี้ผมของตั้งเป็นรอบที่สอง เพราะเหตุผลง่ายๆคือ
ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นซึนามิ ส่งผลทำให้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มีปัญหาตามมา
โรงงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น ต้องปิดทำการลง ในช่วงเดือนแรก และได้เปิดทำงานได้บ้าง แต่ไม่เต็มที่
ิส่ิงเหล่านั้นส่งผลมายังประเทศไทยที่เป็น ดีลทรอยแห่งเอเชีย คือ บริษัทรถยนต์บ้างแห่ง วันทำการลดลง
เวลาทำการลดลง ไม่สามารถให้ประชาชนจองรถได้ เนี่ยเป็นแค่การเริ่มต้นหรือเปล่า เป็นแค่ภาระชั่วคราวหรือกินระยะเวลานานกว่าที่คิดไว้หรือเปล่า
มาถึงบรรทัดนี้ผมแปลกใจนิดหน่อยว่า ข่าวพวกที่บริษัทรถยนต์ในประเทศปรับลดการผลิต ส่งมอบรถยนต์ได้ช้าลง และไม่ให้ประชาชนจองรถ นั้นไม่มีข่าวพวกนี้ใน Thaivi เท่าไร
ตอนนั้นผมมีสมมุติฐานอยู่ว่า หุ้นทีแ่ข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้ สามารถกลับมาได้
รอบนี้ผมของตั้งเป็นรอบที่สอง เพราะเหตุผลง่ายๆคือ
ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นซึนามิ ส่งผลทำให้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มีปัญหาตามมา
โรงงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น ต้องปิดทำการลง ในช่วงเดือนแรก และได้เปิดทำงานได้บ้าง แต่ไม่เต็มที่
ิส่ิงเหล่านั้นส่งผลมายังประเทศไทยที่เป็น ดีลทรอยแห่งเอเชีย คือ บริษัทรถยนต์บ้างแห่ง วันทำการลดลง
เวลาทำการลดลง ไม่สามารถให้ประชาชนจองรถได้ เนี่ยเป็นแค่การเริ่มต้นหรือเปล่า เป็นแค่ภาระชั่วคราวหรือกินระยะเวลานานกว่าที่คิดไว้หรือเปล่า
มาถึงบรรทัดนี้ผมแปลกใจนิดหน่อยว่า ข่าวพวกที่บริษัทรถยนต์ในประเทศปรับลดการผลิต ส่งมอบรถยนต์ได้ช้าลง และไม่ให้ประชาชนจองรถ นั้นไม่มีข่าวพวกนี้ใน Thaivi เท่าไร
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 2
ส่วนใหญ่ข่าวจะอยู่ในห้องร้อยคนร้อยหุ้นของแต่ละหุ้นนะครับ เช่น STANLY ไรพวกนี้ ผมเองก้อรออยู่ครับ มีราคาเป้าหมายในใจไว้แล้วแต่ลงมาไม่ถึงสักที(หรือผมอาจจะเผื่อMOSมากเกินไปก้อได้นะ) ถ้าถามว่าผลกระทบสั่นยาวแค่ไหน ผมมองว่าถ้าเป็นworst caseน่าจะไปถึงQ4ครับ และน่าจะฟื้นตัวเต็มที่ในปี55 ส่วนorderจะไปทะลักในปี55จนทำให้ยอดขายและกำไรสูงขึ้นผิดหูผิดตา ตรงนี้คงต้องดูcapacityของแต่ละบริษัทแล้วล่ะครับว่าเดิมทีใช้capacityเท่าไร ถ้าเดิมใช้capacityเหลืออยู่ ก้ออาจจะเกิดกรณีที่หลายๆคนหวังไว้ว่าorderจะไปทะลักในปีหน้า
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 1246
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 3
ต้องลองเจาะไปแต่ละหุ้นในร้อยคนร้อยหุ้น ...ผมว่าหุ้น AUTO+AUTOกลายๆ ก็มีข่าวพวกนี้เยอะเหมือนกันนะครับ ^^"
ผมคิดว่าปัญาหาเรื่องไฟฟ้าที่เดินเครื่องไม่เต็มที่ มีผลกระทบกับอุตฯAUTO ที่ญี่ปุ่นพอสมควรนะครับ...
..ทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะต้องมีการตัด/สลับไปเป็นช่วงๆ... แล้วก็มีผลกระทบกลับมาที่ทางไทยต่ออีกทีด้วย ...
หรือว่าทางนั้นเค้ามีแผน/วิธีกระจายไฟฟ้าิให้ทั่วถึงอย่างไร... มีข้อมูลแชร์ไหมครับ ^^
ขอบคุณครับ
ผมคิดว่าปัญาหาเรื่องไฟฟ้าที่เดินเครื่องไม่เต็มที่ มีผลกระทบกับอุตฯAUTO ที่ญี่ปุ่นพอสมควรนะครับ...
..ทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะต้องมีการตัด/สลับไปเป็นช่วงๆ... แล้วก็มีผลกระทบกลับมาที่ทางไทยต่ออีกทีด้วย ...
หรือว่าทางนั้นเค้ามีแผน/วิธีกระจายไฟฟ้าิให้ทั่วถึงอย่างไร... มีข้อมูลแชร์ไหมครับ ^^
ขอบคุณครับ
ร้อยลี้ ต้องมีก้าวแรก....
- SamuelYeD
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 4
อีกสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาก็คือ โรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในญี่ปุ่นไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ เพราะวัตถุดิบมีจำกัด
เช่นโรงงานที่ตั้งอยู่บริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบผลเสียหายจากสึนามิได้ เพราะติดกัมมันตรังสี
ยังไงก็ติดตามดูต่อไป
เช่นโรงงานที่ตั้งอยู่บริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบผลเสียหายจากสึนามิได้ เพราะติดกัมมันตรังสี
ยังไงก็ติดตามดูต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 5
ตอบพี่มิเท่าที่ผมได้รับผลกระทบแล้วกันนะครับmiracle เขียน:พอดีผมหากระทู้ที่ผมเองตั้งเมื่อคราวเกิดวิกฤติแฮมเบอร์ไม่ได้
ตอนนั้นผมมีสมมุติฐานอยู่ว่า หุ้นทีแ่ข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้ สามารถกลับมาได้
รอบนี้ผมของตั้งเป็นรอบที่สอง เพราะเหตุผลง่ายๆคือ
ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นซึนามิ ส่งผลทำให้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มีปัญหาตามมา
โรงงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น ต้องปิดทำการลง ในช่วงเดือนแรก และได้เปิดทำงานได้บ้าง แต่ไม่เต็มที่
ิส่ิงเหล่านั้นส่งผลมายังประเทศไทยที่เป็น ดีลทรอยแห่งเอเชีย คือ บริษัทรถยนต์บ้างแห่ง วันทำการลดลง
เวลาทำการลดลง ไม่สามารถให้ประชาชนจองรถได้ เนี่ยเป็นแค่การเริ่มต้นหรือเปล่า เป็นแค่ภาระชั่วคราวหรือกินระยะเวลานานกว่าที่คิดไว้หรือเปล่า
มาถึงบรรทัดนี้ผมแปลกใจนิดหน่อยว่า ข่าวพวกที่บริษัทรถยนต์ในประเทศปรับลดการผลิต ส่งมอบรถยนต์ได้ช้าลง และไม่ให้ประชาชนจองรถ นั้นไม่มีข่าวพวกนี้ใน Thaivi เท่าไร
1. เรื่องการลดยอดลงเนื่องจากมีปัญหาเรื่อง part บางตัวเท่านั้นที่ยังผลิตไม่ได้หรือได้แต่อาจจะต้องส่งไปช่วยโรงงานอื่นๆ ก่อน ถ้า part ชิ้นส่วนนั้นกลับมาส่งให้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ตามปกติ ก็ไม่มีปัญหาใดๆครับ
2. เรื่องปัญหาไฟฟ้า ผมก็กังวลไม่น้อยเหมือนกันครับ เพราะถ้าผมอยู่ญี่ปุ่นอาจจะทราบสถานการณ์ดีกว่านี้ บ. รถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเรื่องการส่ง pat นี้ไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากปัญหาด้านไฟฟ้า แต่ตอนนี้ยอดกลับเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ ไม่น่ากังวลอย่างที่คิด
3 เรื่องปรับการลดกำลังการผลิตลง ก็ให้สอดคล้องกับ part ที่มี ไม่ได้มีปัญหาเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อไม่มีแต่อย่างใด ซึ่งแตกต่างจากตอนวิกฤติเมื่อปี 51 มากนัก ตอนนั้นคำสั่งซื้อหด ไม่มี OT ลดคน แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น คำสั่งซื้อไม่ได้หด OT ถึงลด แต่ไม่ได้ลดคนนะครับ บ. ผมกลับเพิ่มคนเข้ามาเพิ่มอีก เพื่อต้องเร่งปรับให้ทันการผลิตในอนาคตที่จะเพิ่มด้วยซ้ำไปหลังจากสถานการณ์กลับสู่ปกติ
4. เรื่องที่ใครก็ไม่สามารถทราบได้คือ มันจะกินเวลานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ครับ ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างกลับมาโดยเร็วครับ
ที่ผมเล่ามาก็เล่าเท่าที่รู้ครับ รอคนอื่นมาช่วยชี้แจงแถลงไขต่อ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 6
ในความคิดของผม
ระบบงานของญี่ปุ่นที่ใช้งานมันอยู๋ในแนวคิดของ Just in time
เมื่อต้องการผลิตต้องมีของ ของที่ว่า มีจำนวนมากกว่าที่ผลิตเสียหน่อยเผื่อป้องกันเสีย
ระบบนี้เป็นการบริหารทั้ง Supply Chain ไม่ให้ติดขัดที่ไหนเลย ผลิตได้แบบ Flow ตลอดเวลา
เมื่อระบบเกิดขาดแคลนวัตถุดิบอะไรซักชิ้น ทำให้ไม่สามารถผลิตได้ทั้งระบบหรือไม่
ถ้าผลิตต่อได้เขาก็ไม่อยากปิดหรอกครับ เพราะสูญเสียทั้งชื่อเสียง,รายได้,ฯลฯ
สิ่งที่ต่อมา ญี่ปุ่นเจอรอบนี้เจอหนักเพราะแผ่นดินไหวเสร็จ ซึนามิตามทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีปัญหา
ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายให้แก่ประเทศไม่ได้ ต้องแบ่งกระแสไฟฟ้าใช้กัน ลดลงทำงานลง และสุดท้ายคือ
กัมมันตรังสีที่ยังเหลืออยู่ที่เป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้
ตอนนี้ต้องจับตาดูว่ามีการย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองไทยและเวียดนามหรือไม่
สิ่งที่บอกว่าไม่กระทบต้องดูว่า ใกล้แผนที่โตโยต้าประเทศไทยที่บอกว่าลดการผลิตจนถึงเดือนมิถุนายนนี้มีผลต่อเนื่องอีกหรือไม่ ที่คาดว่าหลังจากที่เกิดเรื่องกว่าจะประกาศก็สองเดือนแสดงว่า ของมีอยู่ใน Stock ประมาณ 2 เดือน
ผลกระทบคือ ประมาณ Q2 ที่กำลังประกาศแน่นอน แต่Q1 คือคำถามว่า มีผลมากน้อยแค่ไหน
มาดูทางไทยบ้าง ตอนนี้มีทางภาครัฐพูดคุยกับทางภาคเอกชนในเรื่องยอดส่งออกรถยนต์ว่าไม่เป็นตามแผนที่วางไว้แน่น แสดงสัญญาณที่ไม่สู้ดอย่างยิ่งในส่วนนี้
แต่ทุกอย่างต้องดูกันต่อไปว่า ตลาดมีประสิทธิ์ภาพการรับรู้ข่าวพวกนี้รวดเร็วหรือรอจนกว่าวินาทีสุดท้ายที่งบประกอบการออกมา
ระบบงานของญี่ปุ่นที่ใช้งานมันอยู๋ในแนวคิดของ Just in time
เมื่อต้องการผลิตต้องมีของ ของที่ว่า มีจำนวนมากกว่าที่ผลิตเสียหน่อยเผื่อป้องกันเสีย
ระบบนี้เป็นการบริหารทั้ง Supply Chain ไม่ให้ติดขัดที่ไหนเลย ผลิตได้แบบ Flow ตลอดเวลา
เมื่อระบบเกิดขาดแคลนวัตถุดิบอะไรซักชิ้น ทำให้ไม่สามารถผลิตได้ทั้งระบบหรือไม่
ถ้าผลิตต่อได้เขาก็ไม่อยากปิดหรอกครับ เพราะสูญเสียทั้งชื่อเสียง,รายได้,ฯลฯ
สิ่งที่ต่อมา ญี่ปุ่นเจอรอบนี้เจอหนักเพราะแผ่นดินไหวเสร็จ ซึนามิตามทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีปัญหา
ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายให้แก่ประเทศไม่ได้ ต้องแบ่งกระแสไฟฟ้าใช้กัน ลดลงทำงานลง และสุดท้ายคือ
กัมมันตรังสีที่ยังเหลืออยู่ที่เป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้
ตอนนี้ต้องจับตาดูว่ามีการย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองไทยและเวียดนามหรือไม่
สิ่งที่บอกว่าไม่กระทบต้องดูว่า ใกล้แผนที่โตโยต้าประเทศไทยที่บอกว่าลดการผลิตจนถึงเดือนมิถุนายนนี้มีผลต่อเนื่องอีกหรือไม่ ที่คาดว่าหลังจากที่เกิดเรื่องกว่าจะประกาศก็สองเดือนแสดงว่า ของมีอยู่ใน Stock ประมาณ 2 เดือน
ผลกระทบคือ ประมาณ Q2 ที่กำลังประกาศแน่นอน แต่Q1 คือคำถามว่า มีผลมากน้อยแค่ไหน
มาดูทางไทยบ้าง ตอนนี้มีทางภาครัฐพูดคุยกับทางภาคเอกชนในเรื่องยอดส่งออกรถยนต์ว่าไม่เป็นตามแผนที่วางไว้แน่น แสดงสัญญาณที่ไม่สู้ดอย่างยิ่งในส่วนนี้
แต่ทุกอย่างต้องดูกันต่อไปว่า ตลาดมีประสิทธิ์ภาพการรับรู้ข่าวพวกนี้รวดเร็วหรือรอจนกว่าวินาทีสุดท้ายที่งบประกอบการออกมา
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 7
ผมมองว่ารอบนี้ไม่น่ากังวลเพราะ ยอดขายไม่ตก แต่กำลังการผลิตตก พอกำลังการผลิตกลับเข้าที่มันก็ดีเหมือนเดิม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 329
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 9
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นที่ปิดตัวลง ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าหายไปพอสมควร การที่จะซ่อมแซม สร้างใหม่หรือ ติดตั้งและใช้ของมือสอง ก็คงใช้เวลานาน ปัจจุบันรัฐบาลทำได้เพียงกระจายการใช้กระแสไฟฟ้าให้เพียงพอกับทุกคน อันเป็นผลให้บางโรงงาน รวมถึงโรงงานรถยนต์ในละแวกนั้น ต้องลดกำลังการผลิต ที่สำคัญหน้าร้อนของญี่ปุ่นซึ่งกำลังจะมาถึงช่วงเดือน กค - สค น่าจะทำให้การใช้ไฟฟ้าอยู่ในช่วงสูงสุด
ผลกระทบนี้อาจจะบานปลายไปถึง Q4/2011 ก็ได้นะครับ
ผลกระทบนี้อาจจะบานปลายไปถึง Q4/2011 ก็ได้นะครับ
โชคคือเวลาที่ความพร้อมมาเจอกับโอกาส
- gappom
- Verified User
- โพสต์: 147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 16
ได้ยินข่าว ส่วนใหญ่ข้อมูลก็เป็นการคาดการณ์ ว่าจะกลับมา Q3,Q4
แต่ถ้าไม่เป็นดังคาด เดี่ยวหุ้นก็คงจะลงมาให้เก็บ เอง
หุ้นตอนนี้ไม่ลง แต่รายรับของคนในอุตสาหกรรมนี้ ลดลงแล้ว
(อดทนอีกหน่อย เดี่ยวมันก็ผ่านไป)
แต่ถ้าไม่เป็นดังคาด เดี่ยวหุ้นก็คงจะลงมาให้เก็บ เอง
หุ้นตอนนี้ไม่ลง แต่รายรับของคนในอุตสาหกรรมนี้ ลดลงแล้ว
(อดทนอีกหน่อย เดี่ยวมันก็ผ่านไป)
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 17
ตอนนี้ใครจอง ซีวิค ส่งรถปีหน้า เพราะชิ้นส่วนบ้างชิ้นไม่มี
ส่วนบรีโอ้ ส่งได้นิดหน่อย แล้วส่งอีกรอบปีหน้า
ปิ๊กอัพของโตโยต้า ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ เปิดตัวกลางปีนี้ เลื่อนไปไม่มีกำหนด
ภาพของเซลล์รถยนต์ตอนนี้เริ่มลดชั่วโมงการขายเพราะว่า ขายไปไม่มีของให้ส่ง
แล้วตอนนี้นักลงทุนเห็นภาพอะไรกันหรือครับ
เพราะ ภาพปัจจุบันเป็นแบบนี้
ส่วนบรีโอ้ ส่งได้นิดหน่อย แล้วส่งอีกรอบปีหน้า
ปิ๊กอัพของโตโยต้า ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ เปิดตัวกลางปีนี้ เลื่อนไปไม่มีกำหนด
ภาพของเซลล์รถยนต์ตอนนี้เริ่มลดชั่วโมงการขายเพราะว่า ขายไปไม่มีของให้ส่ง
แล้วตอนนี้นักลงทุนเห็นภาพอะไรกันหรือครับ
เพราะ ภาพปัจจุบันเป็นแบบนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 21
ผมว่า come back แน่นอนแต่จะเห็น divergence จาก eco car ชัดเจน มาแรงกว่าปกติแน่นอนครับ ของบ้านเราก็หลายบริษัทที่ได้มีส่วนร่วม
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 22
ตอนนี้ รถยนต์มือสองเป็นที่นิยมกันเพิ่มขึ้นแล้ว
เพราะว่ารถยนต์จากค่ายรถยนต์ส่งมอบกันไม่ได้ ณ ตอนนี้
แถมด้วย ผู้นำเข้ารถยนต์โดยตรงที่ไม่ใช่ค่ายรถยนต์ ก็มีสต็อกไม่มากเท่าไร
ทำให้เกิดการขาดแคลนขึ้น ณ ตอนนี้
เพราะว่ารถยนต์จากค่ายรถยนต์ส่งมอบกันไม่ได้ ณ ตอนนี้
แถมด้วย ผู้นำเข้ารถยนต์โดยตรงที่ไม่ใช่ค่ายรถยนต์ ก็มีสต็อกไม่มากเท่าไร
ทำให้เกิดการขาดแคลนขึ้น ณ ตอนนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 23
ผมกำลังจะมองมุมนี้พอดี ระหว่างรอรถใหม่อาจจะลองถอยรถมือสองมาขับก่อนmiracle เขียน:ตอนนี้ รถยนต์มือสองเป็นที่นิยมกันเพิ่มขึ้นแล้ว
เพราะว่ารถยนต์จากค่ายรถยนต์ส่งมอบกันไม่ได้ ณ ตอนนี้
แถมด้วย ผู้นำเข้ารถยนต์โดยตรงที่ไม่ใช่ค่ายรถยนต์ ก็มีสต็อกไม่มากเท่าไร
ทำให้เกิดการขาดแคลนขึ้น ณ ตอนนี้
ขายต่อก็ไม่เจ็บตัวมาก บางคนเสมอตัวหรืออาจจะกำไรด้วยซ้ำถ้าเข้าใจธุรกิจ
มีหุ้นลีสซิ่งรถมือสองที่ยังมี MOS อยู่หลายตัว ถ้าเป็นไปตามที่ผมคาด upside ยังเหลือ 30-50%
แต่นายตลาดมักให้ pe หุ้นกลุ่มนี้น้อยไปหน่อย แต่ถ้ากำไรมาตามนัด ผมว่าอะไรก็หยุดไม่อยู่
จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้
-
- Verified User
- โพสต์: 146
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 24
ผมมองต่างไปนิดนึงครับ ตลาดรถมือสองคือคนที่ตั้งใจจะซื้อตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เปลี่ยนมาใช้ก็ไม่เยอะนัก
จุดประสงค์ของรถมือสองคือ นำมาติดตั้งแก๊ซ lpg ngv ก็ว่ากันไป ด้วยราคารถที่ถูกว่ารถใหม่เลยทำให้นิยมมาติดกันมากขึ้น แต่ถ้ามีการปล่อยลอยตัวก๊าซ lpg ก็คงต้องมองกันอีกทีว่าคุ้มรึป่าว
เพราะงั้นคนที่จะซื้อรถใหม่ส่วนมาก ก็ยังจะรอรถใหม่ต่อไป อาจเปลี่ยนค่ายรถเพื่อให้ได้รถเร็วขึ้น หรือส่วนน้อยที่เปลี่ยนไปเป็นรถมือสอง บางคนที่มีรถอยู่แล้วแต่อยากเปลี่ยนใหม่ ก็จะยืดอายุรถที่ใช้อยู่เพื่อรอรถใหม่ ยิ่งปลายปีจะมีรถใหม่ออกขายหลายรุ่นน่าจะทำให้คนรอตัดสินใจไม่น้อย นะครับ
เพราะงั้นด้วยยอดที่ค้างส่งต่อเนื่อง น่าจะทำให้ยอดขายสูงขึ้นมากทันทีที่สามารถผลิตเต็มกำลังได้
(ผิดถูกยังไง รบกวนแนะนำด้วยครับ)
จุดประสงค์ของรถมือสองคือ นำมาติดตั้งแก๊ซ lpg ngv ก็ว่ากันไป ด้วยราคารถที่ถูกว่ารถใหม่เลยทำให้นิยมมาติดกันมากขึ้น แต่ถ้ามีการปล่อยลอยตัวก๊าซ lpg ก็คงต้องมองกันอีกทีว่าคุ้มรึป่าว
เพราะงั้นคนที่จะซื้อรถใหม่ส่วนมาก ก็ยังจะรอรถใหม่ต่อไป อาจเปลี่ยนค่ายรถเพื่อให้ได้รถเร็วขึ้น หรือส่วนน้อยที่เปลี่ยนไปเป็นรถมือสอง บางคนที่มีรถอยู่แล้วแต่อยากเปลี่ยนใหม่ ก็จะยืดอายุรถที่ใช้อยู่เพื่อรอรถใหม่ ยิ่งปลายปีจะมีรถใหม่ออกขายหลายรุ่นน่าจะทำให้คนรอตัดสินใจไม่น้อย นะครับ
เพราะงั้นด้วยยอดที่ค้างส่งต่อเนื่อง น่าจะทำให้ยอดขายสูงขึ้นมากทันทีที่สามารถผลิตเต็มกำลังได้
(ผิดถูกยังไง รบกวนแนะนำด้วยครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 25
การปล่อยลอยตัวก๊าซ lpg/ cng ก็มีประเด็น แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคงมีเพดาน
ราคาที่ต่ำกว่าน้ำมัน เพราะถ้ารัฐบาลไหนทำก๊าซให้ราคาสูงเท่ากับน้ำมัน
คงกระทบกับฐานเสียงอย่างมากเพราะคนที่ติดตั้ง lpg ส่วนมากจะเป็นแท็กซี่
หรือคนที่มีความจำเป็นต้องประหยัดจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย
ดูตัวอย่างง่ายๆ แค่ราคาดีเซลทุกวันนี้ก็ยังอุ้มอยู่เลย (อาจจะเป็นช่วงใก้ลเลือกตั้ง)
อีกอย่างนึงที่สังเกตุได้ง่ายๆ คือเต้นท์รถมือสองงอกออกมายังกะดอกเห็ด
โดยเฉพาะที่ระยอง และจังหวัดใหญ่ๆ ก็มีมากเช่นกัน ผมมีเพื่อนเป็นเจ้าของ
เต็นท์รถก็บอกว่าธุรกิจนี้ยังโตได้อีก และกำไรงาม แต่ต้องใช้เงินทุนเยอะ
ฉะนั้นผมจึงค่อนข้างให้น้ำหนักกับบริษัทลิสซิ่งรถมือสองมากครับ จะหมู่หรือจ่า
เดี๋ยวสิ้นปีคงรู้กัน
ราคาที่ต่ำกว่าน้ำมัน เพราะถ้ารัฐบาลไหนทำก๊าซให้ราคาสูงเท่ากับน้ำมัน
คงกระทบกับฐานเสียงอย่างมากเพราะคนที่ติดตั้ง lpg ส่วนมากจะเป็นแท็กซี่
หรือคนที่มีความจำเป็นต้องประหยัดจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย
ดูตัวอย่างง่ายๆ แค่ราคาดีเซลทุกวันนี้ก็ยังอุ้มอยู่เลย (อาจจะเป็นช่วงใก้ลเลือกตั้ง)
อีกอย่างนึงที่สังเกตุได้ง่ายๆ คือเต้นท์รถมือสองงอกออกมายังกะดอกเห็ด
โดยเฉพาะที่ระยอง และจังหวัดใหญ่ๆ ก็มีมากเช่นกัน ผมมีเพื่อนเป็นเจ้าของ
เต็นท์รถก็บอกว่าธุรกิจนี้ยังโตได้อีก และกำไรงาม แต่ต้องใช้เงินทุนเยอะ
ฉะนั้นผมจึงค่อนข้างให้น้ำหนักกับบริษัทลิสซิ่งรถมือสองมากครับ จะหมู่หรือจ่า
เดี๋ยวสิ้นปีคงรู้กัน
จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 26
Update
ตอนนี้กระทบถึงอุตสาหกรรมยางแล้ว
เพราะ รถยนต์ผลิตไม่ได้ ยางพาราที่นำมาทำยางรถยนต์ก็ผลิตน้อยลงไปด้วย
ตอนนี้ลด OT แล้วลดวันที่ผลิตกันแล้ว
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะ รถยนต์ที่ผลิตออกจากโรงงานต้องใช้ยางที่ล้อจำนวน 4 เส้น
และเป็นยางอะไหล่อีก 1 เส้นด้วยกัน
อันนี้ยางธรรมชาติลดลง อาจจะเป็นตัวที่ส่งผลกระทบไปถึงราคาน้ำมันได้
เพราะ น้ำมันเป็นต้นน้ำของสารเคมีบ้างชนิดที่นำมาใช้ทดแทนยางพาราได้ในบ้างอุตสาหกรรม
ต้องดูกันต่อไปว่าใช่ตัวนี้หรือเปล่าหนอ
ตอนนี้กระทบถึงอุตสาหกรรมยางแล้ว
เพราะ รถยนต์ผลิตไม่ได้ ยางพาราที่นำมาทำยางรถยนต์ก็ผลิตน้อยลงไปด้วย
ตอนนี้ลด OT แล้วลดวันที่ผลิตกันแล้ว
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะ รถยนต์ที่ผลิตออกจากโรงงานต้องใช้ยางที่ล้อจำนวน 4 เส้น
และเป็นยางอะไหล่อีก 1 เส้นด้วยกัน
อันนี้ยางธรรมชาติลดลง อาจจะเป็นตัวที่ส่งผลกระทบไปถึงราคาน้ำมันได้
เพราะ น้ำมันเป็นต้นน้ำของสารเคมีบ้างชนิดที่นำมาใช้ทดแทนยางพาราได้ในบ้างอุตสาหกรรม
ต้องดูกันต่อไปว่าใช่ตัวนี้หรือเปล่าหนอ
-
- Verified User
- โพสต์: 1246
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 27
Update ด้วยหน่อยนึง... พอดีได้ดู Oppday ของ SNC ครับ
เขาบอกว่าที่ค่าย Mitsubishi ที่ยังไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะเขานำเข้า ECU (Electronic Control Unit) จาก มาเลย์เซีย
(ในขณะที่ค่ายอื่นๆ นำเข้าจากญี่ปุ่นครับ)
ไม่แน่ใจว่างานนี้จะเป็นเกมส์ของ Mitsubishi แล้วหรือยัง
เขาบอกว่าที่ค่าย Mitsubishi ที่ยังไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะเขานำเข้า ECU (Electronic Control Unit) จาก มาเลย์เซีย
(ในขณะที่ค่ายอื่นๆ นำเข้าจากญี่ปุ่นครับ)
ไม่แน่ใจว่างานนี้จะเป็นเกมส์ของ Mitsubishi แล้วหรือยัง
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 28
ต้องดูที่ส่วนแบ่งการตลาดจากนี้ต่อไปว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไงล่ะครับ
เพราะ ค่ายที่ไม่กระทบควรเดินเกม ยิงโฆษณา กอบโกยยอดล่ะครับ
ส่วนค่ายที่กระทบก็ต้องย้ายฐานความผลิตไปยังที่ที่ไม่มีความเสี่ยงเรื่อง Operation Risk
ที่ทำให้สินค้าผลิตไม่ได้
เืมื่อกลับเป็นปกติ คราวนี้ เบอร์ 1 และ 2 ของตลาดจะทำการตลาดเช่นไร น่าสนใจ
เพราะ เสียส่วนแบ่งการตลาดแบบไม่ทันตั้งตัว (ไม่รู้ตัวเลยว่าจะเป็นแบบนี้)
ตอนนั้นคงเป็นเรื่องสงครามราคาซักพักหนึ่งและรุ่นของรถยนต์ที่อัดอั้นมานาน
ปล่อยออกมาแบบทะลักเลย
เพราะ ค่ายที่ไม่กระทบควรเดินเกม ยิงโฆษณา กอบโกยยอดล่ะครับ
ส่วนค่ายที่กระทบก็ต้องย้ายฐานความผลิตไปยังที่ที่ไม่มีความเสี่ยงเรื่อง Operation Risk
ที่ทำให้สินค้าผลิตไม่ได้
เืมื่อกลับเป็นปกติ คราวนี้ เบอร์ 1 และ 2 ของตลาดจะทำการตลาดเช่นไร น่าสนใจ
เพราะ เสียส่วนแบ่งการตลาดแบบไม่ทันตั้งตัว (ไม่รู้ตัวเลยว่าจะเป็นแบบนี้)
ตอนนั้นคงเป็นเรื่องสงครามราคาซักพักหนึ่งและรุ่นของรถยนต์ที่อัดอั้นมานาน
ปล่อยออกมาแบบทะลักเลย
- gappom
- Verified User
- โพสต์: 147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 29
ถ้าสมมติว่า จุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์สามารถ หาชิ้นส่วนได้เร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้
แต่ยังไม่สามารถใช้ Capacity ได้เต็ม แต่ก็ยังดีกว่าช่วงที่ผ่านมาและ ชิ้นส่วนต้องรอของซักระยะหนึ่ง กว่าจะถูกส่งมา
ถึงไทย พี่ ๆ เห็นว่า ณ ราคาหุ้นกลุ่มนี้ ถูก หรือไม่
แต่ยังไม่สามารถใช้ Capacity ได้เต็ม แต่ก็ยังดีกว่าช่วงที่ผ่านมาและ ชิ้นส่วนต้องรอของซักระยะหนึ่ง กว่าจะถูกส่งมา
ถึงไทย พี่ ๆ เห็นว่า ณ ราคาหุ้นกลุ่มนี้ ถูก หรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 1246
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รอบสอง-อุตสาหกรรมรถยนต์น่าสนไหม?
โพสต์ที่ 30
ming1714 เขียน:UPDATE 1-Toyota output to recover sooner than expected -Nikkei
* Toyota production likely to return to normal 2-3 months early -Nikkei
* Toyota shares rise 2.7 pct vs 0.4 pct rise in stock benchmark
* Analysts have said Toyota's announced output plan may be conservative (Adds background, share price)
TOKYO, May 10 (Reuters) - Toyota Motor Corp's production will likely return to normal two or three months earlier than expected as the supply of parts is stabilising, the Nikkei newspaper said on Tuesday.
The report sent Toyota shares up 2.7 percent, against the benchmark Nikkei average's 0.4 percent rise.
A massive earthquake and tsunami on March 11 has disrupted supplies of key parts, and Toyota last month said that it could take until November or December before production fully recovers.
Toyota declined to comment on the newspaper report.
Toyota's domestic factories are back online but are working at volumes equivalent to half of the company's original plans. The automaker plans to gradually lift production from July, the business daily said.
Renesas Electronics Corp , a major supplier of chips to the auto industry, said last month it would resume operations at a damaged factory north of Tokyo on June 15, and analysts have said that Toyota's previously announced plan may be conservative.
The disruption of parts supplies in Japan has also affected car makers overseas, including General Motors Co and Ford Motor Co
(Reporting by Mayumi Negishi; Editing by Edmund Klamann)
ร้อยลี้ ต้องมีก้าวแรก....