ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
- kongkam1
- Verified User
- โพสต์: 116
- ผู้ติดตาม: 0
ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 1
เท่าที่ผมใด้ทดสอบการลงทุนมาและมุ่งมั่นที่จะลงทุนในกิจการที่ดีและเยี่ยมยอด ผมใด้เจอกับดักอยู่อย่างหนึ่งครับ กับดักทางอารมณ์ของตลาดหุ้น มันทำไห้เป็นอุปสรรค์ในการลงทุนเพราะการที่ผมเฝ้าติดตามดูหุ้น หลายๆตัวบนกระดานและเหลือบดูหุ้นในพอร์ตของตนเองบ่อยๆ บางตัวเขียวบวกไปเกือบ20% บางครั้งก็ลดลงมาเยอะเหมือนกัน ทำไห้ผมขาดวินัยของการลงทุนในกิจการไป ทุกวันนี้ผมยังเชื่อมันเสมอว่าการลงทุนในกิจการที่ดี หรือการลงทุนแนว vi อินเวสเตอร์ จะทำไห้ผู้ลงทุนพบความมั่งคั่งรออยู่ข้างหน้าแน่นอนครับ หากแต่ว่าเราต้องเอาชนะตัวเองไห้ใด้ก่อน หากชนะใด้ต่อไห้ท่านชื้อหุ้นตัวไหนท่านก็ใด้รับผลตอบแทนที่ดีแน่นอน สำหรับผมแล้ว การต่อสู้กับจิตวิญญาณและใจของตัวเองยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ครับ หากจะพบกับความมั่งคั่ง มีแค่เงิน1000บาท ผมก็ว่ารวยใด้แน่นอนครับ หากเราชนะใจตัวเองใด้ และลงทุนในแบบที่ถูกต้องครับ ท้ายนี้ขอฝากท่านสมาชิคช่วยแนะนำด้วยครับว่าวิธีเอาชนะใจตัวเอง ต้องทำยังไง
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 3
โหพี่ฉัตรชัย ตัดหน้า ประโยคเด็ดไปเลยครับchatchai เขียน:เริ่มจากการที่เราต้องการเป็นเจ้าของกิจการนั้นจริงๆ
แต่จริงๆตอนแรกผมจะบอกว่า ให้ใส่ใจกับการดำเนินของบริษัท แทนการขึ้นลงของราคา
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 4
ผมว่าคิดง่ายๆว่า อย่าหาเหตุผลที่ราคาจะลง แต่จงหาเหตุผลที่กำไรจะเพิ่มขึ้น เพราะในระยะยาวราคาจะขึ้นเพราะกำไรที่เพิ่มขึ้น ยกเว้นว่าในขณะนั้น PE จะสูงเกินที่กำไรจะไล่ทัน เพราะถ้าคุณลองมองกิจการต่างๆเราจะเห็นได้ว่าในระยะมากกว่า 3 ปีขึ้นไปถ้า PE เดิมไม่สูงเกินไปราคาจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นครับ ซึ่งก็สะท้อนให้เราเห็นว่าถ้ากำไรของกิจการเพิ่มขึ้น ราาก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 5
4 criteria mention by buffet
1. outstanding management.
2. Good company.
3. Good growth potential.
4. Patiece.
We buy good company with outstanding management and good growth potential at
fair price and we willing to wait longer time than
some investor that potential to be realize.
1. outstanding management.
2. Good company.
3. Good growth potential.
4. Patiece.
We buy good company with outstanding management and good growth potential at
fair price and we willing to wait longer time than
some investor that potential to be realize.
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 6
Boyadvance เขียน:แต่จริงๆตอนแรกผมจะบอกว่า ให้ใส่ใจกับการดำเนินของบริษัท แทนการขึ้นลงของราคา
ไอ้นี่ล่ะครับทำยากที่สุดเลย T_T ยิ่งเล่นแบบ online ด้วยนะ เวลาเช็คพอร์ตแล้วแดงเถือกทั้ง port แทบอยากจะร้องไห้ T_T
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 7
ไม่รู้จะว่าสมควรทำรึป่าวนะครับ แต่ถ้าให้คุณ chetck โพสมาเลยchetck เขียน:Boyadvance เขียน:แต่จริงๆตอนแรกผมจะบอกว่า ให้ใส่ใจกับการดำเนินของบริษัท แทนการขึ้นลงของราคา
ไอ้นี่ล่ะครับทำยากที่สุดเลย T_T ยิ่งเล่นแบบ online ด้วยนะ เวลาเช็คพอร์ตแล้วแดงเถือกทั้ง port แทบอยากจะร้องไห้ T_T
มีหุ้นไหนบ้าง ราคาเท่าไร ซื้อเพราะอะไร เป้าหมายการลงทุนครั้งนี้เท่าไร น่าจะได้รับมุมมองกลับมาที่ช่วยให้ปรับพอร์ตได้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 8
ดูราคาได้ครับ แต่อย่าดูเอาจริงจัง
ดูแค่ว่าตัวไหนลงมาถึงจังหวะเข้าซื้อของเรา จะได้ซื้อเข้าพอร์ต
ดูได้แต่อย่าคันมือครับ
ปีเตอร์ ลินซ์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า
ถ้านักลงทุนไม่ทำอะไรกับพอร์ต 6 เดือน ผลตอบแทนจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ
ลองนำไปใช้ดูก็ได้นะครับ
( แต่อย่าลืมตรวจเช็คสุขภาพบริษัทและผลประกอบการรายไตรมาสเน้อ )
ดูแค่ว่าตัวไหนลงมาถึงจังหวะเข้าซื้อของเรา จะได้ซื้อเข้าพอร์ต
ดูได้แต่อย่าคันมือครับ
ปีเตอร์ ลินซ์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า
ถ้านักลงทุนไม่ทำอะไรกับพอร์ต 6 เดือน ผลตอบแทนจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ
ลองนำไปใช้ดูก็ได้นะครับ
( แต่อย่าลืมตรวจเช็คสุขภาพบริษัทและผลประกอบการรายไตรมาสเน้อ )
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 9
จริงๆผมก็เพิ่งขาย se-ed ไป (ได้ค่าขนมนิโหน่ย ไม่กี่ร้อย 555 เพราะถือแค่อาทิตย์เดียวเอง) ส่วนที่เหลือตอนนี้ก็ติดลบอยู่ครับ แต่ส่วนใหญ่ มันติดลบ เพราะ XD ครับ จะว่าผมเครียดไหมที่ติดลบ พอร์ตแดง เครียดครับ แต่ไม่ใช่ว่ากลัวจะขาดทุน แต่ผมคิดว่า ยังไงๆ มันก็ต้องกลับมายืนที่ราคาเดิมแน่ๆ และต้องสูงขึ้นอีกด้วย เพียงแต่ว่า ผมตั้งเป้าไว้ว่าราคามันจะไม่ตกเกินเท่านั้นเท่านี้ หรืออย่างน้อยๆ หักปันผลก็ ติดลบ นิดนึง (มันก็เลยนิดนึงไปอีกหน่อยนั่นแหละ)
ส่วนใหญ่ผมก็พยายามลงทุนแบบแนว VI ครับ (แต่ผมยังหามูลค่าไม่เป็นหรอกครับ ได้แต่เช็คสถิติอย่างเดียวไปก่อน) ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจใน VI อย่างถ่องแท้ (ศึกษาได้เดือนกว่าๆเองครับ แถมเพิ่งเล่นจริงๆ ได้อาทิตย์เดียวอีกตะหาก) ผมก็เลยตัดสินใจ ซื้อมันในราคาที่ค่อนข้างสูงครับ รู้ตัวนะครับว่าราคาสูง แต่ยอมเล่นเพราะคิดว่า อยากได้บทเรียนจากของจริงครับ พยายามเล่นตัวที่ปลอดภัยมากที่สุดครับ
สรุปได้ว่า ถ้าหากว่าผมขาดทุน ผมก็ยินดีครับ ถือเป็นบทเรียน เพราะผมไม่ได้เล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้น ยินดีถือยาวๆ อย่างน้อยๆผมก็ได้ปันผลต่อปีในระดับที่ดีกว่าฝากธนาคารล่ะกัน แหะๆๆ
อีกอย่างก็คือว่าเป็นการวัดใจด้วย ขาดทุนมากๆเราควรทำอย่างไร ได้กำไรมากๆเราควรทำอย่างไร (เริ่มจากขาดทุนล่ะกัน อิอิ)
ปล. ผมขาย SE-ED เพราะจำวัน XD ผิด T_T
ส่วนใหญ่ผมก็พยายามลงทุนแบบแนว VI ครับ (แต่ผมยังหามูลค่าไม่เป็นหรอกครับ ได้แต่เช็คสถิติอย่างเดียวไปก่อน) ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจใน VI อย่างถ่องแท้ (ศึกษาได้เดือนกว่าๆเองครับ แถมเพิ่งเล่นจริงๆ ได้อาทิตย์เดียวอีกตะหาก) ผมก็เลยตัดสินใจ ซื้อมันในราคาที่ค่อนข้างสูงครับ รู้ตัวนะครับว่าราคาสูง แต่ยอมเล่นเพราะคิดว่า อยากได้บทเรียนจากของจริงครับ พยายามเล่นตัวที่ปลอดภัยมากที่สุดครับ
สรุปได้ว่า ถ้าหากว่าผมขาดทุน ผมก็ยินดีครับ ถือเป็นบทเรียน เพราะผมไม่ได้เล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้น ยินดีถือยาวๆ อย่างน้อยๆผมก็ได้ปันผลต่อปีในระดับที่ดีกว่าฝากธนาคารล่ะกัน แหะๆๆ
อีกอย่างก็คือว่าเป็นการวัดใจด้วย ขาดทุนมากๆเราควรทำอย่างไร ได้กำไรมากๆเราควรทำอย่างไร (เริ่มจากขาดทุนล่ะกัน อิอิ)
ปล. ผมขาย SE-ED เพราะจำวัน XD ผิด T_T
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 10
ก็อย่าไปดูมันสิ พูดง่ายแต่ทำยากchetck เขียน:Boyadvance เขียน:แต่จริงๆตอนแรกผมจะบอกว่า ให้ใส่ใจกับการดำเนินของบริษัท แทนการขึ้นลงของราคา
ไอ้นี่ล่ะครับทำยากที่สุดเลย T_T ยิ่งเล่นแบบ online ด้วยนะ เวลาเช็คพอร์ตแล้วแดงเถือกทั้ง port แทบอยากจะร้องไห้ T_T
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 11
คุณ kongkam1
คงต้องเริ่มจากการตั้งคำถามตัวเองให้ได้ว่า เหตุผลที่สำคัญที่เราลงทุนในหุ้น คืออะไร ถ้าหากเราต้องการลงทุนเพื่อเอาชนะ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด เราก็ต้องพยายามปรับ Mind set ของวิธีการคิดให้ถูกต้องดังนี้
1. เวลาเราเล่นกีฬาใด ๆ เช่น เล่นฟุตบอล สิ่งที่เราต้องสนใจก็คือ การป้องกันประตู และการยิงประตูให้ได้มากที่สุด จุดของความสนใจก็คือ เราคงต้องเผ้ามองบอลที่ผ่านเข้ามา ไม่ใช่สนใจคนดูจะโห่ เป็นต้น และพยายามรักษาการครองบอลให้ยาวนาน เพื่อสร้างโอกาสการทำประตูให้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะการแข่งขัน ซึ่งคือจุดเริ่มต้นของการคิดเพื่อเอาชนะการแข่งขัน ไม่ใช่เล่นตามอารมณ์แบบไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ในการลงทุนก็เช่นกัน เราต้องเริ่มจากการคิดว่าจะลงทุนไม่ให้ขาดทุนได้อย่างไร และต้องตั้งคำถามว่าเราจะทำอย่างไรที่ทำให้การลงทุนของเราไม่ขาดทุน ซึ่งการที่เราจะรู้ได้ เราต้องมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่เราจะลงทุนเป็นอย่างดี เข้าใจธุรกิจนั้น ๆ ยิ่งรู้มาก ก็ทำให้เรามั่นใจมาก ก็ยิ่งทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงลงได้มาก และหากเรายังไม่รู้ธุรกิจที่เราจะลงทุนในบางเรื่อง เราก็จะต้องยิ่งใช้ความพยายามศึกษาเข้าใจในหุ้นที่เราลงทุนทำธุรกิจให้มากยิ่งขึ้นต่อไป และทำให้เรามีโอกาสลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนที่สุงกว่าตลาดมากยิ่งขึ้นต่อไป
2. ปรับพฤติกรรมการให้ลงทุนของเราให้ลงทุนอยู่กับธุรกิจที่มีโอกาสชนะเท่านั้น ซึ่งมาจากขอบเขตความรู้ของเราที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของนักลงทุนอื่น ๆ เลือกธุรกิจที่เหมาะกับตัวเรา ไม่ตามแห่ตามแฟชั่น เชื่อตาม ๆ กัน หรือลงทุนในธุรกิจที่เราก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสชนะหรือไม่ หรือชนะอย่างไรเป็นต้น ควรลงทุนในธุรกิจที่จะสามารถติดตามและทำความเข้าใจได้ตลอดเวลาการลงทุนของเรา เหมือนการลงทุนคือการลงทุนของชีวิตของเราที่จำเป็นจะต้องเลือกลงทุนเป็นระยะเวลานานหลายปี การเลือกธุรกิจที่ลงทุนแต่ละครั้ง ให้ทำตัวเหมือนเราซื้อบ้านสักหลัง หรือรถยนต์สักหลัง พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของเรามีความระมัดระวังการซื้ออย่างไร ก็นำมาปรับใช้กับการลงทุนของเราเช่นกัน เพราะกว่าเราจะซื้อบ้านสักหลัง เราคงต้องแสวงหาข้อมูลเพื่อช่วยการตัดสินใจ และการซื้อบ้านหนึ่งหลัง หรือรถยนต์หนึ่งคัน เราต้องใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นเวลาหลาย ๆ ปี ทำให้การตัดสินใจแต่ละครั้งใช้เวลานานด้วยความระมัดระวัง เป็นต้น และเราจะเห็นได้ว่า การตัดสินใจลงทุนในทรัพย์สินถาวรแต่ละครั้ง จะตัดสินใจน้อยครั้งมาก เพราะเป็นเงินลงทุนที่สูง และเราต้องไม่ผิดพลาดหรือผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะหากผิดพลาดจะเสียหายหนักด้วย เมื่อตัดสินใจไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง ก็ทำได้ค่อนข้างยากด้วย เป็นต้น
3. ให้เลือกลงทุนกับธุรกิจที่เราไว้วางใจได้ เหมือนกับเวลาเราจะไปฝากเงินหรือลงทุนในตราสารหนี้ เราก็คงต้องวิเคราะห์ว่าผู้รับฝากเงินนั้น มีเครดิต ฐานะความมั่นคง การบริหารงานที่น่าเชื่อถือได้ ไม่คดโกงเงินของเราเป็นต้น การเลือกลงทุนกับธุรกิจที่มีผุ้บริหารที่ดี จะช่วยสร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจที่เราลงทุนได้เป็นอย่างดี และผู้บริหารดังกล่าวจะช่วยเราดูแลปกป้องเงินต้นที่เราลงทุนไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งในช่วงหลัง ๆ บัฟเฟทให้ความสำคัญในธุรกิจที่เขาลงทุนในเรื่องนี้เป็นลำดับแรก ๆ เลย เพราะเป็นปัจจัยคุณภาพที่สำคัญ และมีส่วนสร้างการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจที่ลงทุนเป็นอย่างมาก
ซึ่งหากเราได้ปรับพฤติกรรมวิธีคิดดังกล่าวให้ถูกต้องแล้ว เวลาราคาหุ้นจะขึ้นลงแต่ละครั้งนั้น ความผันผวนที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้เราจิตตก หรือหวั่นไหวมากเกินควร เพราะเราไม่สามารถจะไปควบคุมอารมณ์ของนายตลาดที่เสนอราคาซื้อขายในแต่ละวันได้ แต่เราเลือกที่จะสนใจในผลประกอบการ ในเรื่องผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริงมากกว่าซึ่งทำให้เราสามารถอดทนรอคอยต้องใช้เวลากว่าที่ผลงานดังกล่าวจะค่อย ๆ เติบโตตามระยะเวลาการลงทุนของเรา จึงต้องให้เวลากับผลประกอบการระยะยาวมากกว่า เป็นแค่รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีกับการลงทุน เพราะหากเราตัดสินใจเลือกลงทุนด้วยความระมัดระวังและเราได้ปรับวิธีคิดที่ถูกต้องในการลงทุนในหุ้นแล้ว ก็เสมือนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่เราลงทุนไปแล้วนั้นเองครับ
ส่วนแรกที่แนะนำคือวิธีคิดในการลงทุนที่อ้างถึงแนวคิดของบัฟเฟทไปแล้วช่วยแนะนำด้วยครับว่าวิธีเอาชนะใจตัวเอง ต้องทำยังไง
คราวนี้สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเป็นอย่างไร ก็ตามนี้ครับ4 criteria mention by buffet
1. outstanding management.
2. Good company.
3. Good growth potential.
4. Patiece.
We buy good company with outstanding management and good growth potential at
fair price and we willing to wait longer time than
some investor that potential to be realize.
4 criteria mention by buffet
1. outstanding management. มีผู้บริหารที่เราไว้ใจได้ บริหารงานได้ดีเหนือกว่าคู่แข่งขัน
2. Good company. สร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดได้
3. Good growth potential. มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคตอีกด้วย
4. Patience. พฤติกรรมสุดท้าย คือ อดทนรอคอยเพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในระยะยาวให้มากที่สุด เมื่อเราพบธุรกิจที่เราเข้าใจเป็นอย่างดีนั้นเอง
We buy good company with outstanding management and good growth potential at fair price and we willing to wait longer time than
some investor that potential to be realize.
คงต้องเริ่มจากการตั้งคำถามตัวเองให้ได้ว่า เหตุผลที่สำคัญที่เราลงทุนในหุ้น คืออะไร ถ้าหากเราต้องการลงทุนเพื่อเอาชนะ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด เราก็ต้องพยายามปรับ Mind set ของวิธีการคิดให้ถูกต้องดังนี้
1. เวลาเราเล่นกีฬาใด ๆ เช่น เล่นฟุตบอล สิ่งที่เราต้องสนใจก็คือ การป้องกันประตู และการยิงประตูให้ได้มากที่สุด จุดของความสนใจก็คือ เราคงต้องเผ้ามองบอลที่ผ่านเข้ามา ไม่ใช่สนใจคนดูจะโห่ เป็นต้น และพยายามรักษาการครองบอลให้ยาวนาน เพื่อสร้างโอกาสการทำประตูให้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะการแข่งขัน ซึ่งคือจุดเริ่มต้นของการคิดเพื่อเอาชนะการแข่งขัน ไม่ใช่เล่นตามอารมณ์แบบไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ในการลงทุนก็เช่นกัน เราต้องเริ่มจากการคิดว่าจะลงทุนไม่ให้ขาดทุนได้อย่างไร และต้องตั้งคำถามว่าเราจะทำอย่างไรที่ทำให้การลงทุนของเราไม่ขาดทุน ซึ่งการที่เราจะรู้ได้ เราต้องมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่เราจะลงทุนเป็นอย่างดี เข้าใจธุรกิจนั้น ๆ ยิ่งรู้มาก ก็ทำให้เรามั่นใจมาก ก็ยิ่งทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงลงได้มาก และหากเรายังไม่รู้ธุรกิจที่เราจะลงทุนในบางเรื่อง เราก็จะต้องยิ่งใช้ความพยายามศึกษาเข้าใจในหุ้นที่เราลงทุนทำธุรกิจให้มากยิ่งขึ้นต่อไป และทำให้เรามีโอกาสลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนที่สุงกว่าตลาดมากยิ่งขึ้นต่อไป
2. ปรับพฤติกรรมการให้ลงทุนของเราให้ลงทุนอยู่กับธุรกิจที่มีโอกาสชนะเท่านั้น ซึ่งมาจากขอบเขตความรู้ของเราที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของนักลงทุนอื่น ๆ เลือกธุรกิจที่เหมาะกับตัวเรา ไม่ตามแห่ตามแฟชั่น เชื่อตาม ๆ กัน หรือลงทุนในธุรกิจที่เราก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสชนะหรือไม่ หรือชนะอย่างไรเป็นต้น ควรลงทุนในธุรกิจที่จะสามารถติดตามและทำความเข้าใจได้ตลอดเวลาการลงทุนของเรา เหมือนการลงทุนคือการลงทุนของชีวิตของเราที่จำเป็นจะต้องเลือกลงทุนเป็นระยะเวลานานหลายปี การเลือกธุรกิจที่ลงทุนแต่ละครั้ง ให้ทำตัวเหมือนเราซื้อบ้านสักหลัง หรือรถยนต์สักหลัง พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของเรามีความระมัดระวังการซื้ออย่างไร ก็นำมาปรับใช้กับการลงทุนของเราเช่นกัน เพราะกว่าเราจะซื้อบ้านสักหลัง เราคงต้องแสวงหาข้อมูลเพื่อช่วยการตัดสินใจ และการซื้อบ้านหนึ่งหลัง หรือรถยนต์หนึ่งคัน เราต้องใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นเวลาหลาย ๆ ปี ทำให้การตัดสินใจแต่ละครั้งใช้เวลานานด้วยความระมัดระวัง เป็นต้น และเราจะเห็นได้ว่า การตัดสินใจลงทุนในทรัพย์สินถาวรแต่ละครั้ง จะตัดสินใจน้อยครั้งมาก เพราะเป็นเงินลงทุนที่สูง และเราต้องไม่ผิดพลาดหรือผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะหากผิดพลาดจะเสียหายหนักด้วย เมื่อตัดสินใจไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง ก็ทำได้ค่อนข้างยากด้วย เป็นต้น
3. ให้เลือกลงทุนกับธุรกิจที่เราไว้วางใจได้ เหมือนกับเวลาเราจะไปฝากเงินหรือลงทุนในตราสารหนี้ เราก็คงต้องวิเคราะห์ว่าผู้รับฝากเงินนั้น มีเครดิต ฐานะความมั่นคง การบริหารงานที่น่าเชื่อถือได้ ไม่คดโกงเงินของเราเป็นต้น การเลือกลงทุนกับธุรกิจที่มีผุ้บริหารที่ดี จะช่วยสร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจที่เราลงทุนได้เป็นอย่างดี และผู้บริหารดังกล่าวจะช่วยเราดูแลปกป้องเงินต้นที่เราลงทุนไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งในช่วงหลัง ๆ บัฟเฟทให้ความสำคัญในธุรกิจที่เขาลงทุนในเรื่องนี้เป็นลำดับแรก ๆ เลย เพราะเป็นปัจจัยคุณภาพที่สำคัญ และมีส่วนสร้างการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจที่ลงทุนเป็นอย่างมาก
ซึ่งหากเราได้ปรับพฤติกรรมวิธีคิดดังกล่าวให้ถูกต้องแล้ว เวลาราคาหุ้นจะขึ้นลงแต่ละครั้งนั้น ความผันผวนที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้เราจิตตก หรือหวั่นไหวมากเกินควร เพราะเราไม่สามารถจะไปควบคุมอารมณ์ของนายตลาดที่เสนอราคาซื้อขายในแต่ละวันได้ แต่เราเลือกที่จะสนใจในผลประกอบการ ในเรื่องผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริงมากกว่าซึ่งทำให้เราสามารถอดทนรอคอยต้องใช้เวลากว่าที่ผลงานดังกล่าวจะค่อย ๆ เติบโตตามระยะเวลาการลงทุนของเรา จึงต้องให้เวลากับผลประกอบการระยะยาวมากกว่า เป็นแค่รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีกับการลงทุน เพราะหากเราตัดสินใจเลือกลงทุนด้วยความระมัดระวังและเราได้ปรับวิธีคิดที่ถูกต้องในการลงทุนในหุ้นแล้ว ก็เสมือนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่เราลงทุนไปแล้วนั้นเองครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- Mazillar
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความยากของการลงทุนแบบ vi อินเวสเตอร์
โพสต์ที่ 12
มันยากตรงที่คันมือนี่แหละครับ
ทำผมเจ็บมาหลายที แบบว่าเป็นพวกต้องเจ็บเองถึงจะจำอะครับ
PTTCH IVL JAS
ล่าสุด LHBANK เข้าตอนฝุ่นตลบ 1.9 (เพราะความคันล้วนๆ)
เริ่มเป็นโรคหวาดกลัวนิดๆละครับ เข้าตัวไหน เป็นอัน Big Lot
ถ้าไม่ได้แนว VI กู้สถานการณ์ คงต้องจบฤดูกาลอย่างรวดเร็วแน่ๆ
เอาใจช่วยละกันครับ สู้ ๆ ๆ
ทำผมเจ็บมาหลายที แบบว่าเป็นพวกต้องเจ็บเองถึงจะจำอะครับ
PTTCH IVL JAS
ล่าสุด LHBANK เข้าตอนฝุ่นตลบ 1.9 (เพราะความคันล้วนๆ)
เริ่มเป็นโรคหวาดกลัวนิดๆละครับ เข้าตัวไหน เป็นอัน Big Lot
ถ้าไม่ได้แนว VI กู้สถานการณ์ คงต้องจบฤดูกาลอย่างรวดเร็วแน่ๆ
เอาใจช่วยละกันครับ สู้ ๆ ๆ